เอาของจริงประจันหน้า
วันที่ 29 มิถุนายน 2547 เวลา 8:00 น.
สถานที่ : สวนแสงธรรม กรุงเทพฯ
| |
ดาวน์โหลดเพื่อเก็บไว้ในเครื่อง
ให้คลิกขวาแล้วเลือก Save target as .. จาก link ต่อไปนี้ :

ค้นหา :

เทศน์อบรมฆราวาส ณ สวนแสงธรรม กรุงเทพฯ

เมื่อเช้าวันที่ ๒๙ มิถุนายน พุทธศักราช ๒๕๔๗

 

เอาของจริงประจันหน้า

        

         (หลวงตาเอ่ยถึงเรื่องศพหลวงพ่อสังวาลย์) เรื่องของธรรมว่ายังไงปั๊บยอมรับปุ๊บผ่านเลยๆ นี่ก็อย่างที่เขาพูดเมื่อวานเอะอะก็ไปฟ้อง (ทางนู้นเขาจะเอาไปอย่างเดียว ก็เลยไปฟ้อง) ก็นั่นแล้วจึงว่ามันไม่มีอรรถมีธรรมมีเหตุมีผลอะไรเลย ทีนี้มันยุ่งละซิ ทั้งๆ ที่หลักธรรมหลักวินัยมีอยู่ ผู้ปฏิบัติตามไม่เห็นมีปัญหา อย่างที่เราเคยพูดแล้วนะ (เขาว่าท่านทำพินัยกรรมไว้ด้วย ท่านพูดไปท่านก็ให้เขียน) เด็ดขาดอยู่นั้นแล้ว ลงขนาดนั้นแล้วเด็ดขาด ไม่มีอำนาจใดที่นำมาบังคับได้เลย พินัยกรรมเป็นอำนาจเด็ดขาดเลย ท่านมีแยกไว้สอง ในพระวินัยท่านมี

ถ้าผู้ตายมอบหมายให้ผู้ใด เรียกว่า ทำพินัยกรรม มอบหมายให้ผู้ใดเป็นผู้รับมรดกของพระองค์นั้นแล้ว พระองค์นั้นก็มีอำนาจสิทธิ์ขาดแต่ผู้เดียว แม้สงฆ์ก็เข้ามายุ่งไม่ได้ นี่ข้อหนึ่ง ข้อที่สอง ถ้าผู้ตายไม่ได้สั่งเสียอะไรไว้เลยก็มอบให้สงฆ์ สงฆ์เป็นผู้เด็ดขาดแต่ผู้เดียว นอกนั้นไม่มีใครมายุ่งได้ นี่มีอยู่อย่างนั้นหลักธรรมหลักวินัย นี่เอะอะฟ้องร้องกันแล้ว ยุ่งกันแล้ว อยู่ข้างนอกละ ฟ้องร้องกัน พวกกาฝาก แล้วคอยมาทำลาย ทั้งๆ ที่หลักธรรมหลักวินัยมีก็จะไปยุ่งกันหาอะไร มันก็มีเท่านั้น

อย่างเมื่อวานนี้ไปหาเรา (ท่านเจ้าอาวาสวัดสังฆทาน) พูดถึงเรื่องนี้ขั้นฟ้องร้องอะไรที่จะเอาศพ อู๊ยเราไม่อยากฟังนะ ผู้ที่มาเหล่านี้ก็มีผู้เรียนหลักธรรมหลักวินัยมาด้วยกันแล้ว จะพูดแยกแยะจากธรรมวินัยไปที่ไหน ไม่มีสิ้นสุด สกปรกล้วนๆ ถ้าพูดตามหลักวินัยท่านก็บ่งบอกไว้แล้ว ปฏิบัติตามนั้นก็แล้วกัน เราก็ว่างั้น เราไม่กล้าตัดสินอะไรให้ ไม่ยิ่งใหญ่กว่าศาสดาแหละ เราว่างั้น ศาสดาคือธรรมวินัย ท่านสั่งยังไงแล้ว พระวินัยท่านว่ายังไงก็ปฏิบัติตามนั้น

เรื่องทิฐิมานะคือเป็นเรื่องของกิเลสซึ่งเป็นข้าศึกของธรรม มันเข้าแทรกตรงไหนจะต้องเกิดเรื่องยุ่งๆ นี่คือเรื่องของกิเลส จะหาความยุติไม่ได้เรื่องกิเลส ต้องยุ่งตลอดไป ถ้าเรื่องของธรรมปั๊บเสร็จไปเลย เสร็จไปเลย อย่างเรานี่นะเราก็เคยพูดแล้ว เวลาเราตาย แน่ะ เราให้เขียนพินัยกรรมมาอ่าน นักกฎหมายเสียด้วยเขียนพินัยกรรมเรียบร้อย เวลาเราตายแล้วสมบัติเงินทองที่บรรดาพี่น้องทั้งหลายจะนำมาบริจาคเพื่อเผาศพเรา ให้ตั้งคณะกรรมการขึ้นเก็บรักษาสมบัติเหล่านี้ คือเงินเป็นต้นนะ ไว้ให้ปลอดภัย แล้วนำเงินนี้ปัจจัยนี้ไปซื้อทองคำเข้าสู่คลังหลวงโดยถ่ายเดียว ฟังแต่ว่าโดยถ่ายเดียว ไม่แยกแยะไปให้ใคร ให้ซื้อทองคำเข้าสู่คลังหลวงโดยถ่ายเดียว

ศพหลวงตาบัวนี่จะเผาด้วยไฟ ไฟเป็นประโยชน์แก่คนตายแล้ว สมบัติเงินทองเป็นประโยชน์แก่ผู้มีชีวิตอยู่ ได้สืบทอดกันต่อไป เพราะฉะนั้นบรรดาปัจจัยทั้งหลายที่ถวายมา จึงให้ตั้งคณะกรรมการเป็นผู้เก็บรักษา เสร็จเรียบร้อยแล้วให้เอาเงินจำนวนนี้ไปซื้อทองคำเข้าสู่คลังหลวง ทีนี้ศพหลวงตาบัวจะตายที่ไหนๆ ก็ตาม ตายได้ทั้งนั้น  เผาได้ทั้งนั้น แต่อำนาจที่สั่งเสียไว้เหล่านี้จะเหนือทุกอย่าง จะไปเผาที่ไหนอันนี้จะต้องออกแบบนั้น ไม่มีอะไรมาบังคับได้เลย ที่เราสั่งเวลาเราตายแล้วเขามาบริจาคเงินเพื่อเผาศพเรา ให้ตั้งคณะกรรมการขึ้นเก็บหอมรอมริบรักษาไว้ด้วยดี แล้วให้เอาเงินจำนวนนี้ซื้อทองคำเข้าสู่คลังหลวง นี่เป็นความตายตัว จะไปเผาที่ไหนอันนี้ต้องชี้นิ้วตลอด เคลื่อนไม่ได้ นี่เรียกว่าอำนาจเหนือทุกแห่งที่จะไปเผาศพเรา อันนี้ต้องขึ้นหน้าตลอด นี่เรียกว่าอำนาจตามหลักธรรมหลักวินัย ที่สั่งไว้นี้สั่งตามหลักธรรมหลักวินัย

เราอยากจะให้สิ่งที่ควรเป็นประโยชน์ทั่วๆ ไป เช่นคลังหลวงเป็นต้น เราจึงรวมให้เข้าจุดนั้น สมกับว่าเรามีชีวิตอยู่เราก็พลีทุกอย่างสำหรับพี่น้องชาวไทย พร้อมกับศาสนาที่เป็นหัวใจของชาติไทยเรา เรารักเราเทิดทูนทะนุถนอมทุกอย่างด้วยชีวิตจิตใจของเรา จะเป็นจะตายเราไม่เคยสนใจ กล้ากับมัน หาญกับมัน เราจะทำตามหลักธรรมหลักวินัยเท่านั้น นั่น เพราะฉะนั้นเวลาเราตายแล้วจึงสั่งไว้อย่างนี้เลย ใครจะมาเหนืออำนาจนั้นไม่ได้ ต้องเป็นอย่างนั้น นี่เรื่องหลักพระวินัย

อันนี้ก็คนเหมือนกันตาย พระตาย หลักธรรมวินัยก็มีอยู่กับท่านแล้ว ท่านก็สั่งเสียไว้หมดแล้วไปปีนเกลียวหาอะไร ทราบว่าสั่งเสียหมดเรียบร้อยนะ (ครับ) ไม่มีปัญหาอะไรเลย ก็ยังไปยุ่งกัน นี่เรื่องกิเลสมันไม่ยอมฟังเสียงใครนะ ถ้าเป็นเสียงธรรมมันค้านวันยังค่ำ ถ้าเป็นเรื่องของกิเลสกว้านเข้ามา ๆ ให้ได้อย่างใจเจ้าของ นี่เรียกว่ากิเลส ถ้าเป็นเรื่องของธรรมให้เสมอภาคไปเลย แต่กิเลสกับธรรมเป็นข้าศึก กิเลสจะโจมตีธรรมทันทีๆ ที่ทำดีลงไป เรื่องทำชั่วเป็นเรื่องของกิเลส ทำได้วันยังค่ำจนกระทั่งถึงตายทำได้เรื่องของกิเลส เรื่องของธรรมทำได้วันยังค่ำ ถึงตายก็ทำได้การทำความดี นั่นผิดกันตรงนั้น แต่ความชั่วไม่ทำ

เรากลัวมันจะยุ่งยากละซิ ก็เราเรียนมาแล้วหลักธรรมหลักวินัย เป็นกฎเป็นเกณฑ์ เป็นแบบเป็นฉบับเรียบร้อยแล้ว เรานำกฎเกณฑ์แบบฉบับขององค์ศาสดาเข้ามาไว้เป็นอำนาจของศาสนา ให้ปฏิบัติตามนี้ อย่าฝืนนี้ เราจึงได้รีบสั่งเสียไว้ตั้งแต่บัดนี้ ที่เราออกเป็นพินัยกรรมจริงๆ ก็คือทองคำ ปัจจัยทั้งหลายนี้จะรวมเข้าซื้อทองคำเข้าสู่คลังหลวง ส่วนบริขารของเราเราไม่พูดถึงเลย แต่ก็มีวินัยครอบไว้แล้ว จะทำอะไรๆ  ก็ได้อันนั้นเราไม่กำหนดกฎเกณฑ์นัก ยิ่งกว่าปัจจัยที่จะซื้อทองคำเข้าสู่คลังหลวงจากการที่พี่น้องชาวไทยเรามีศรัทธามาบริจาคทานกับศพเรา แล้วจะนำปัจจัยเหล่านี้เข้าสู่นั้น อันนี้เด็ดขาดไว้เลย ไม่ให้แยกย้ายไปไหน

ส่วนบาตรของเราจะเอาไปไหนก็แล้วแต่เถอะ เช่นพวกญาติโยมจะเอาไปก็ไป ไปบิณฑบาตในบ้านมีใครใส่บาตรให้ไหมล่ะ เอาไปก็เอาไปเถอะ ถ้ามีคนใส่บาตรให้เราไม่ว่า แน่ะเท่านั้น สบงจีวรที่เป็นของเราเอ้าใส่เข้าไป เขาจะแตกฮือกันทั้งบ้านทั้งเมือง นี่มันผิดกันนะกับผู้เป็นเจ้าของครองอยู่นี้ นั้นไม่ใช่เจ้าของ มันปลอม ออกไปก็ปลอมๆ อย่างที่เขียนไว้นี้ สมเด็จสังฆราชปลอมนี้เห็นไหม คนไทยทั้งประเทศเห็นกันทั่วหน้า ทำไมพวกเปรตพวกผี พวกนักกฎหมายทำไมมันแปรสภาพกฎหมายมาเป็นกฎหมอย กฎหมา-กฎหมัดไปได้ และทำความยุ่งยากให้แก่ชาติบ้านเมืองเวลานี้จะเป็นใคร ก็ความถือทิฐิมานะนั่นน่ะ ว่าตัวนี้พุงนี้มีตั้งแต่ความรู้ความฉลาด ไม่มีใครเท่าละในประเทศไทยนี้ ตัวนี้เป็นนักปกครอง ตัวนี้เป็นนักกฎหมาย ตัวนี้เป็นเจ้าอำนาจ สามารถที่จะบังคับบัญชาใครก็ได้ด้วยความสำคัญ ความทะนงตนอยู่ในหัวใจนี้

แต่เวลามันเอาไปใช้ ตามที่ว่าเราเป็นนักกฎหมายมันไม่ได้เอาไปใช้ มันเอากฎหมอยไปใช้ มันก็ต้องทะเลาะกันละซิ กฎหมอย กฎหมา กฎหมัดไปใช้ นี้มนุษย์เขาไม่ใช้กัน มันเอามาใช้ทำไม ถ้าว่าเป็นนักกฎหมายจริงๆ ต้องเอากฎหมายมาใช้ให้ถูกกฎระเบียบของชาติบ้านเมือง ซึ่งปกครองกันมานานด้วยกฎหมายนี้ตลอดไปถึงจะถูก จะนำมาใช้ทำไมสิ่งที่มันจอมปลอม นั่น อย่างนี้ละที่มันยุ่งยากอยู่เวลานี้ ยุ่งยากเพราะพวกนี้ร้อยสันพันคม หลายเล่ห์หลายเหลี่ยม มีแต่เหลี่ยมพวกกฎหมอย กฎหมา กฎหมัดทั้งนั้น ไม่ใช่กฎหมายมาใช้ ถ้าเป็นกฎหมายมาใช้จะพูดหาอะไร

สมเด็จพระสังฆราช ก็พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ทรงถวายท่านให้เป็นเอกสิทธิ์เฉพาะสมเด็จพระสังฆราชเพียงพระองค์เดียว ใครจะมาเป็นสองเป็นสามขึ้นไม่ได้ นี่หลักก็มีอย่างนั้น อันนี้มันก็ตั้งขึ้นเป็นสังฆราชปลอมขึ้นมา ปลอมขึ้นมา ได้ทราบว่าเครื่องบริขงบริขารนี้เขายึดไปไว้หมด มันจริงหรือไม่จริงเราได้ยินแต่ชื่อ มันยิ่งเป็นมหาโจรใหญ่โต ทุกอย่างปลอมไปหมด ถ้าออกจากองค์สมเด็จพระสังฆราชแล้วออกไปปลอมไปหมด เครื่องบริขารของสมเด็จพระสังฆราชจริงเฉพาะพระองค์ท่านองค์เดียว คนอื่นเอาไปใช้ปลอมหมด นี่มันจะเอาไปใช้ที่ไหนมันก็ปลอมกันไปหมด

นี่เขาเขียนไว้ว่าสังฆราชปลอม นั่นถูกต้องแล้ว ดูเอาซิ อ่านเอาซิ นี่ละภาษาธรรม ต้องพูดกันอย่างตรงไปตรงมา ไม่มีอ้อมแอ้มท่านั้นท่านี้ ร้อยสันพันคม ปากนั้นหวานหลอกลวงโลกไปด้วยฝีปาก หลอกลวงโลก ทีนี้โลกมันไม่ใช่คนโง่เง่าเต่าตุ่นแบบเดียวกันหมด ผู้ฉลาดยังมี ไม่มีคนฉลาดปกครองเมืองไทยเราไปไม่ได้ บำรุงรักษาศาสนาไปไม่ได้ ต้องมีคนฉลาดเป็นผู้นำ เป็นแกนสำคัญอยู่นั้น ชาติไทยของเราก็มีแกนตั้งแต่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯลงมาเป็นแกนของชาติ นั่นมันก็มีอยู่อย่างนั้น กฎระเบียบก็มีอยู่ ถ้าใช้ตามนี้มันขัดข้องอะไร สมเด็จสังฆราชท่านสวรรคตไปสักกี่องค์ๆ แล้วท่านมีเรื่องมีราวอะไร

ตามหลักธรรมวินัย พระพุทธเจ้าปรินิพพานใครไปตั้งเป็นพระพุทธเจ้าแทน พระพุทธเจ้าปรินิพพาน หรือพระพุทธเจ้าทรงอาพาธ พระองค์ไม่ทรงอาพาธมากนักนะ เพราะรับสั่งไว้แล้วด้วยพระญาณหยั่งทราบ เดือนหกเพ็ญ ทรงปลงพระชนมายุตั้งแต่วันเดือนสามเพ็ญไป ตั้งแต่บัดนี้ต่อไปอีกสามเดือน คือเดือนหกเพ็ญ เราตถาคตจะปรินิพพานในวันเดือนหกเพ็ญ นี่พระองค์ทรงประกาศออกมาแล้วเป็นความตายตัว เพราะฉะนั้นการเจ็บไข้ได้ป่วยของพระองค์จึงไม่ได้มากนัก เพราะพระญาณหยั่งทราบ

พอถึงวันเวลาแล้วพระองค์ก็เสด็จไปกรุงกุสินาราเลย ไม่ได้เจ็บไข้ได้ป่วย อาพาธเพื่อจะไปปลงพระชนมายุ ปลงพระสรีระในวันนั้นแหละ ทรงหิวกระหายน้ำในย่านกลางทาง ให้พระอานนท์เอาบาตรไปตักน้ำ กรองน้ำมาถวายพระองค์ หาที่จะกรองจะตักมาให้เสวยไม่ได้ ก็มากราบทูลท่านว่าน้ำขุ่นไปหมด แม่น้ำกว้างต่อกว้างนี้ขุ่นไปหมด เออใช่แล้วอานนท์ แต่ก่อนเราเป็นนายโคต่าง นั่นท่านเล็งปั๊บทันทีรู้แล้ว เราพาพวกสัตว์พวกวัวพวกอะไรไปค้าขาย แล้ววัวลงกินน้ำ วัวจำนวนมาก เลยไปกวนน้ำนั้นเป็นตมเป็นโคลนไปหมด แทนที่วัวจะได้ดื่มน้ำดีๆ ก็ไม่ได้ดื่ม เพราะตัวเองกวนเอง มันขุ่น มันมัวไปหมด นี่ก็กรรมของเรา เราเป็นนายโคต่าง

ทีนี้กลับไปอีก กรรมเป็นของไม่แน่นอน อยู่ในกฎอนิจจัง ไปอีก คราวหลังไปตักมาอีกน้ำใสสะอาดเลย พอทรงเสวยน้ำแล้วเสด็จไปกรุงสินารา ก็ไม่ได้ยินเลยว่าใครเป็นผู้ตั้งอุปถัมภ์อุปัฏฐากแทนพระพุทธเจ้า เป็นศาสดาแทนพระพุทธเจ้า ทำหน้าที่แทนพระพุทธเจ้า ตั้งคณะกรรมการเท่านั้นเท่านี้ขึ้นมาให้ยุ่งเหยิงมีที่ไหนธรรมวินัย เราเป็นลูกชาวพุทธเดินตามชาวพุทธนี่ซิ พระพุทธเจ้าเสด็จไป มัลลกษัตริย์เขามาทูลถาม พระองค์รับสั่งว่าเราจะมาตายที่นี่ เขาเรียกสวนมัลลกษัตริย์ แล้วไม่ปรากฏว่าใครเป็นผู้อุปถัมภ์อุปัฏฐาก เป็นศาสดาแทนพระพุทธเจ้า อุปถัมภ์อุปัฏฐากพระพุทธเจ้าก็ไม่ปรากฏในธรรมวินัย ก็มีแต่พระเจ้าพระสงฆ์ติดตาม ตามหลักธรรมหลักวินัย ในฐานะลูกศิษย์กับครูกับอาจารย์ คือพระด้วยกัน ศาสดากับสาวกก็เป็นลูกศิษย์ ท่านติดตามกันไป

ถ้าคอยจะรับใช้ก็มีประชาชนอยู่นอกๆ ไม่ได้เข้ามาเป็นวงการภายในตีศาสนาให้แหลกเหมือนอย่างสมัยปัจจุบัน ปัจจุบันนี้มันเป็นความรู้จรวดดาวเทียม ตีพระ ไม่ได้มีกลัว พวกนี้เป็นเจ้าอำนาจบาตรหลวง บีบบังคับพระไปหมด ในครั้งพุทธกาลไม่มี จนกระทั่งถึงพระพุทธเจ้าปรินิพพาน ก็ไม่ปรากฏว่าใครไปตั้งให้เป็นศาสดาแทนพระพุทธเจ้าก่อนปรินิพพานก็ไม่เคยมี อุปถัมภ์อุปัฏฐากใด ได้ตั้งคณะกรรมการใดขึ้นมาดูแลพระพุทธเจ้าพอที่จะเอาชื่อเอาเสียง เอาอำนาจอันใหญ่หลวงนี้ไปบีบบังคับประชาชนทั้งประเทศไม่เคยมี อันนี้มันมีนี่จะว่าไง มันตั้งขึ้นมาใหม่ จะเป็นสมเด็จสังฆราชแทน เอาตราสมเด็จพระสังฆราชเข้ามาตีเข้าไปเลย

แล้วฆราวาสด้วยนะผู้หนึ่งตัวสำคัญ เป็นเจ้าอำนาจบาตรหลวงบีบบังคับพระอยู่ทุกวันนี้ มีไหมในครั้งพุทธกาล ไม่เคยมี มันก็ทำขึ้นมาอย่างนี้ให้เห็นอยู่นี้จะว่าไง มันไม่หน้าด้านจะเรียกว่ายังไง ภาษาธรรมต้องเรียกว่าด้านที่สุด ฆราวาสไม่มีอำนาจที่จะเข้าไปเกี่ยวข้องกับพระเจ้าพระสงฆ์ นอกจากท่านจะใช้อะไรๆ ก็อยู่ในอำนาจของพระเป็นผู้ใช้ เป็นผู้สั่งเสีย อันนี้มันสั่งเสียพระ ปกครองพระ สั่งเสียพระ ใช้อำนาจบีบบี้สีไฟพระ เป็นฆราวาสนะ ตั้งขึ้นไปให้ไพเราะเพราะพริ้ง ตั้งสำนักงานพุทธศาสนา

พอตั้งอันนี้แล้วนั่นแหละตั้งกองทัพเทวทัตขึ้นมาที่จุดนั้นเอง แล้วก็บงการใช้อำนาจบีบบังคับสั่งเสียพระ สั่งเสียองค์ไหนเป็นฆราวาสขี้เหม็นๆ เหมือนกันกับขี้พระ แต่ขี้พระเหม็นไม่ได้เหมือนขี้ฆราวาสเหม็น อันนี้เหม็นจนน่าเกลียดน่ากลัว สั่งพระองค์นั้นองค์นี้ เป็นเจ้าอำนาจใหญ่หลวงฆราวาสทุกวันนี้ เห็นไหม มีไหม ในธรรมวินัยก็ไม่มี ในกฎหมายก็ไม่มี แต่กฎหมอยมันเอามาใช้เด่นชัด กฎหมอย กฎหมา กฎหมัด มันเอามาใช้อยู่เวลานี้เต็มบ้านเต็มเมือง เห็นไหมพี่น้องชาวไทยเรา นี่เราพูดภาษาธรรม พูดอย่างตรงไปตรงมา ใช้อำนาจบาตรหลวงสั่งเสียทั้งนั้นละ ไอ้เจ้าอำนาจบาตรหลวงที่เป็นฆราวาส ใช้อำนาจป่าเถื่อนมาสั่งเสียพระผู้มีศีลมีธรรม

เช่น อย่างยกตัวอย่าง วัดเทวสังฆาราม วัดเหนือเมืองกาญจน์ ท่านนัดกันจะประชุม เป็นเรื่องของพระล้วนๆ ที่ท่านจะประชุมกัน มันก็ใช้อำนาจบาตรหลวงไปสั่งไม่ให้ประชุมที่นี่ นี่ฟังซิเห็นชัดๆ อยู่นี้โกหกมาจากไหน ไอ้ตัวอำนาจป่าเถื่อนนี่ละ ตัวมันเอากฎหมอยไปใช้ นี่กฎหมอยไปใช้บีบหัวพระ เอากฎหมอยไปโปะหัวพระ พระท่านก็เป็นผู้มีศีลมีธรรมท่านรักษามารยาทอันดีงาม ไม่อยากจะให้มีเรื่องราวอะไรเกิดขึ้น ถ้าท่านจะปฏิบัติตามหลักของพระจริงๆ แล้วมาห้ามทำไม คำเดียวเท่านั้นพอแล้ว ข้าเป็นพระ เธอเป็นฆราวาสหัวขนนี่น่ะ เรื่องของเราต่างหากเราจะประชุมกันมันผิดอะไรเท่านั้นก็พอ แต่นี้ท่านไม่ว่านะ ท่านก็ยังเคลื่อนจากนี้ไประชุมที่วัดป่าหลวงตาบัว ประชุมเรื่องราว

นี่เจ้าอำนาจบาตรหลวง มันสั่งที่นู่นมันสั่งที่นี่ สั่งป่าๆ เถื่อนๆ ไม่มีกฎหมาย ไม่มีศีลธรรมเข้าไปเกี่ยวข้อง มีแต่กฎหมอย กฎหมา กฎหมัดเท่านั้นมันเอามาใช้ กระจายอยู่ทั่วประเทศไทยเวลานี้ ฟังเอาซิเสียง การปฏิบัติอรรถธรรมอะไรก็ตามต้องไปเที่ยวกีดเที่ยวขวาง เป็นเจ้าอำนาจป่าเถื่อนไปหมด แม้ที่สุดในโครงการช่วยชาติของคนทั้งแผ่นดิน ที่เขาจะยกชาติของเขาขึ้นจากความล่มจม ประกาศลั่นกันหมด ให้ช่วยกันๆ แล้วก็มีพระออกเทศนาว่าการ บรรดาประชาชนขอร้องอาราธนานิมนต์พระท่านไปแสดงธรรมในสถานที่นั้นๆ เพื่อนำผลรายได้เข้ามาเจือจุนชาติไทยของเรา มันก็ไปเที่ยวกีดเที่ยวขวาง เที่ยวทำลายหมดอย่างหน้าด้านพวกนี้ ท่านทั้งหลายได้ยินหรือยัง

มันไปเที่ยวกีดเที่ยวขวางในงานมหากุศลของคนทั้งชาติ มันเป็นคนประเภทใด  ดูเอาซิ มันเริ่มมาตั้งแต่ต้นเลยนะ แต่สำหรับเราเราไม่สนใจละ เฉย ประชาชนเขาก็ไม่สนใจเขาทำของเขาไปเรื่อย บางแห่งก็ขยะๆ ถอยตามมันก็มี นี่พวกเปรตพวกผี มันเอาหลักธรรมหลักวินัยที่ไหนมาปฏิบัติต่อประชาชน นอกจากหลักกฎหมอยเท่านั้น กฎหมายห้ามที่ไหนการบำเพ็ญผลประโยชน์ ตามอัธยาศัยทั้งนั้น นี่ยิ่งเป็นการบำเพ็ญผลประโยชน์อันใหญ่หลวงเพื่อชาติของตน ซึ่งต่างคนทั่วประเทศไทยจะต้องพร้อมหน้าพร้อมตากันบริจาคเสียสละตามอัธยาศัยของตน มันก็ไปทำการกีดขวาง ไปบังคับบัญชาทุกแห่งทุกหนพวกเปรตพวกผีนี่ ทำอย่างออกหน้าออกตา อย่างหน้าด้าน เรียกว่าไม่มีใครใหญ่กว่าเรา เราเป็นผู้ครองอำนาจ อำนาจนี้เป็นอำนาจป่าเถื่อน ครองอำนาจแต่ผู้เดียว เราเป็นนักกฎหมาย เราเป็นผู้ครองอำนาจ เราเป็นนักปกครอง แต่เราเป็นนักกฎหมอยมันไม่ได้บอก มันหากเอากฎหมอย กฎหมา กฎหมัดนี้ออกมาใช้ เวลานี้จึงยุ่งเหยิงไปหมด

เวลานี้สังฆราชจะตั้งไปหาอะไร สมเด็จสังฆราชของเราก็เห็นอยู่นั่น ท่านก็เป็นสังฆราชมาโดยสมบูรณ์ เช่นเดียวกับพระสังฆราชทั้งหลายที่ท่านเป็นมาแล้ว ท่านไปตั้งใครต่อใคร เพียงปัจจุบันนี้ก็ไม่เคยมี ก็พึ่งมามีพวกเปรตพวกผีที่อยากใหญ่อยากโต ลุกลามเข้าไป ตะกละตะกลาม ยศถาบรรดาศักดิ์ บวชเข้ามาเสียสละทุกสิ่งทุกอย่าง นี่มันยังมาหากว้านเอาลาภเอายศ เอาอำนาจบาตรหลวงมา ขัดกับพุทธศาสนาเท่าไร นอกจากนั้นเรียกว่าเป็นข้าศึกต่อพุทธศาสนาอย่างหน้าด้านของเปรตพวกนี้น่ะ

นี่ละอ่านเอาซิข้างหลังนี่ เขียนไม่ผิด เราบอกว่า เอ้าเขียนได้อ่านได้ เอาออกประกาศทั่วประเทศไทยก็ได้ เราเป็นความสัตย์ความจริง อะไรปลอมเราต้องบอกว่าปลอมได้ เราเห็นอยู่อย่างนี้ นี่ละพวกจอมปลอมมันทำลายศาสนา ถ้าเป็นเรื่องอรรถเรื่องธรรมแล้วพระพุทธเจ้าทรงบัญญัติไว้แล้ว เราเป็นชาวพุทธยอมรับพระธรรมคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้าโดยถ่ายเดียวเท่านั้น ไม่แหวกแนวเหมือนกองทัพเทวทัตที่มันเป็นอยู่เวลานี้

นี่กองทัพเทวทัตมันแฝงเข้ามา จะเป็นสังฆราช จะเป็นให้ได้ไอ้สังฆราชนี่ ตราอยู่ที่ไหนไปลากมาตีตรา ไปเป็นมันสักร้อยสังฆราชก็ตามไม่มีใครกราบมันละไอ้สังฆราชจอมปลอมนี่ ว่าอะไร ใครจะกราบ แม้แต่หมามันก็ไม่กราบ อย่าว่าแต่คนเลย คนมันรู้เรื่องแล้ว หมาไม่รู้เรื่อง มันอาจกราบก็ได้ โอ๋ยอย่าไปฝันว่ามันจะกราบ มันไม่กราบ คนเลวขนาดนี้จะไปกราบได้ลงคอยังไง พระเลวขนาดนี้ สังฆราชเลวขนาดนี้ใครจะไปกราบได้ ที่กราบสังฆราช เช่นอย่างองค์ปัจจุบันท่านพร้อมมูลมาด้วยทุกสิ่งทุกอย่าง ซึ่งเป็นองค์ที่ควรเทิดทูนของพี่น้องชาวไทยซึ่งเป็นชาวพุทธทั่วหน้ากัน ท่านจึงเป็นผู้ผาสุกร่มเย็น ให้ความร่มเย็นแก่สังฆมณฑลทั่วๆ ไป

อันนี้มันจะเป็นความร่มเย็นอะไร สังฆราชปลอม ตั้งขึ้นมาซิ เอาตั้งขึ้นมาร้อยก็ร้อยเถอะน่ะปลอมทั้งร้อย ปลอมทั้งร้อย อำนาจป่าๆ เถื่อนๆ มันยังดื้อด้านหาญทำอยู่เวลานี้ กฎหมอยมันออกใช้ตลอด กฎหมายมันไม่ทำ กฎหมอย-กฎหมามันเอาออกใช้อยู่เวลานี้ นี้เป็นประเภทเหมาะสมกันกับพวกหมา พวกสัตว์เดรัจฉาน จึงต้องเอากฎหมอยกฎหมา กฎหมัดมาใช้ ถ้าเป็นมนุษย์จะไม่เอามาใช้ เอาตั้งแต่กฎหมายมาใช้โดยถ่ายเดียว เพราะนี้เป็นระบบแห่งการปกครองชาติมานาน ไม่ว่าชาติไหนมีกฎหมาย อันนี้มันไม่ใช่กฎหมาย มันเป็นกฎหมอยกำลังเผาบ้านเผาเมือง เผาศาสนาอยู่เวลานี้

พี่น้องทั้งหลายเห็นไหม นี่ละเรื่องกิเลสไปที่ไหนเป็นข้าศึก คัดค้านความจริง คัดค้านความถูกต้อง จะเอาความถูกต้องของกิเลสจะเอามาได้ยังไง มูตรคูถอยู่ในส้วมมันก็เป็นมูตรคูถ ถ่ายไว้ที่ไหนก็เป็นมูตรคูถ ยกมันขึ้นไปที่ไหนจะเป็นทองคำทั้งแท่งได้ยังไง มันก็เป็นมูตรเป็นคูถ ตั้งขึ้นเป็นสังฆราชกี่พันองค์ก็เป็นสังฆราชมูตรคูถกี่พันกองนั่นเอง มันจะเป็นสังฆราชได้ยังไง มันหาญทำ มันหน้าด้านทำ คนดีเขาไม่ทำกัน มันเป็นอย่างนั้น ให้ดูเอานะพี่น้องทั้งหลาย

นี่เราพูดเป็นอรรถเป็นธรรม เราไม่เคยกลัว เราไม่เคยกล้ากับสิ่งใดผู้ใด เรามีแต่ธรรมอยู่ในหัวใจ เราจะพูดตามอรรถตามธรรมไปเรื่อยๆ จนกระทั่งตาย จะพูดอย่างอื่นไม่ได้ จะให้กลัวสิ่งนั้นจะให้กล้าสิ่งนี้เราไม่มี เราก็บอกเราไม่มี เราประกาศธรรมสอนโลกมาด้วยความบริสุทธิ์ใจ อาจหาญชาญชัย เกินโลกเกินสงสาร เกินสมมุติไปหมดแล้ว เป็นความอาจหาญของธรรมวิมุตติหลุดพ้นไปหมด เรานำธรรมเหล่านั้นมาสอนโลกเวลานี้

เราจึงไม่สะทกสะท้าน ใครจะว่าเราโอ้เราอวด โอ้อวดอะไร เช่นอย่างมันมาโจมตีอย่างนี้มันเอาอะไรมาโจมตี มันก็เอามูตรเอาคูถมาโจมตี มันมีมูตรมีคูถมันเอามาโจมตีมันยังไม่เห็นสะทกสะท้าน มันยังสามารถเอามาโจมตี เอามาออกตลาดหลอกคนโง่ได้ เรามีของจริงคือธรรมเป็นทองคำทั้งแท่ง เมื่อเรามีของจริงเราเอาของจริงออกมาประจันหน้ากันไม่ได้เหรอ เรามีของจริงเต็มตัวเราออกของจริงเต็มตัว ธรรมะมีในหัวใจพระพุทธเจ้าเต็มพระองค์ เต็มสาวก ธรรมะมีในหัวใจของเราเต็มหัวใจเราทำไมเราจะพูดไม่ได้ เรามีธรรมเราพูดธรรมได้เต็มเม็ดเต็มหน่วย เหมือนพวกมันมีมูตรมีคูถมีส้วมมีถานมันออกประกาศเต็มเม็ดเต็มหน่วยของมันฉันใด เรามีอรรถมีธรรม มีทองคำทั้งแท่งเราก็ออกประกาศได้เช่นเดียวกันฉันนั้น

ให้พากันจำเอานะ อย่าไปสะทกสะท้าน หลวงตานี้ไม่มีคำว่ากล้าไม่มี กลัวไม่มี ในโลกธาตุนี้ไม่มีอะไรที่จะทำกลัวให้กล้า เราไม่มี มีแต่ธรรม หมอบทันที ถ้าลงเป็นธรรมแล้วไม่ฝืน แม้ผมเส้นหนึ่งผ่านมานี้คือธรรมนะ เท่านั้นหมอบเลย ถ้าเป็นกิเลสเอาให้ตกทะเลวันยังค่ำก็ได้ ถ้าไม่เหนื่อยนะ ให้พากันจดจำเอาทุกคน ให้ตั้งหน้าตั้งตา ข้าศึกเต็มบ้านเต็มเมืองอย่าหมอบหัวอยู่ในกระดองนะ ชาติไทยเราไม่ใช่ชาติกระดองเต่านะ ชาติที่มีอำนาจบาตรหลวง บรรพบุรุษท่านเอาเลือดทาแผ่นดินมาเพื่อพี่น้องลูกหลานทั้งหลายมาจนกระทั่งปัจจุบันนี้ เราจะเอาอะไรทาแผ่นดิน ต้องความกล้าหาญชาญชัยซิ

คนทั้งชาติสมบัติทั้งชาติเป็นสมบัติของชาติไทยเรา เราเป็นผู้มีสิทธิอำนาจเต็มที่ ที่จะต้องรักษาสมบัติของตนและชาติของตนไว้ ใครอาจเอื้อมเข้ามาฟาดให้มันหงายหมาไปเลย เข้าใจเหรอ อย่าหมอบ ไม่เป็นท่า หมอบทำไม เขาหาอุบาย พระองค์ไหนก็ไปประจานหน้า องค์นั้นออกมาอย่างนั้นประกาศอย่างนี้ออกมา ตัวมันเองหมดทั้งโคตรทั้งแซ่เป็นเปรตเป็นผีไม่เห็นมันประจานออกมา มันหาทำตั้งแต่ผู้ทำดีนั้นละเอามาตีแผ่สองสลึง ตีเรื่อยแผ่เรื่อย เราจะตอบเดี๋ยวนี้ก็ได้ว่า พระเราที่ออกมาประกาศเพื่อช่วยชาติศาสนานี้ออกมาน้อยไป ให้ออกมาหมดประเทศเป็นที่พอใจ เราอยากว่าอย่างนั้น

อย่ามีตั้งแต่เราหลวงตาบัวว้อกๆ อยู่คนเดียวเลย ให้มาพระมีเท่าไร เอ้าช่วยกันช่วยชาติของตนเองเป็นอะไรไป เราจะไปขยะแขยงไปกลัวมันอะไรประสาพวกเปรตพวกผี กลัวมันอะไร นักมวยเขาไม่ได้กลัวกัน ขึ้นเวทีใครก็มีแต่หวังจะเอาชัยชนะ ต่อยกันไม่มีกลัวกันนักมวย อันนี้เราเป็นเจ้าของสมบัติ แล้วมหาโจรเข้ามากลัวมหาโจรได้ยังไง ถ้ากลัวมหาโจรเราก็ต้องลงทะเล หมอบกราบเขาละซิ นี่เราไม่ใช่คนเรียกว่าแบบหมอบกราบนะ เราเป็นไทยทั้งชาติ ศาสนาทั้งแท่ง เลิศเลออยู่ในหัวใจของชาติไทยเรา จึงต้องพากันเอาให้จริงจังทุกคน

อย่าอ่อนแอท้อแท้เหลวไหล เข้าใจแล้วเหรอ อ่อนแอ ทางพระก็เอ้าออกมา มีลูกมีหลานให้ออกมาพระ ช่วย ในบ้านนั้นพ่อแม่เขาไม่อยู่ มีใครเข้ามาทะลึ่งในบ้าน เด็กอยู่ในบ้านมันก็ฟัดกันทีเดียว เพราะมันเป็นเจ้าของสมบัติในบ้าน มันทำงานแทนพ่อแม่ของมัน อันนี้ลูกเต้าหลานเหลนของชาติไทยต้องทำหน้าที่ ปู่ ย่า ตา ยาย เราเป็นคนไทยต้องทำแทนท่าน เราจะว่าคนนั้นเล็กคนนี้ใหญ่ไม่ได้

อย่างที่เขาหาเรื่องว่า พระที่ออกมาประกาศนั้นมีแต่พระวัยรุ่นวัยริ่นมาประกาศ อย่าว่าแต่พระวัยรุ่น เด็กวัยรุ่นเขาก็ช่วยสกุลของเขา ไม่มีใครเข้ามาแตะต้องได้ถ้าไม่อยากหงายหมาไป นี่พระไทยเราจะรุ่นหรือไม่รุ่นก็ตาม จะปู่ของพระก็ตาม ท่านเป็นเจ้าของสมบัติ ใครอยากตายให้เข้ามา ฟาดมันหงายหมาไปเลย เข้าใจหรือ ไอ้พวกสกุลจอมปลอม มันจะมีแต่สกุลเป็นปู่ๆ ไม่มีวัยรุ่นก็ตาม มันปู่ด้วยความจอมปลอมทั้งหมด มันจะมีค่ามีราคาอะไร เช่นสมบัติเงินทอง ธนบัตรเป็นต้นนะ มันพิมพ์ธนบัตรปลอมมานี้ใบละพัน ใบละพัน ใบละห้าร้อย ใบละพันๆ ออกมาโชว์ นั้นเป็นของปลอมนะที่มันเอามาพิมพ์ประกาศลั่น

เราเป็นของจริง ฟาดตั้งแต่ใบห้าบาทนี้ก็จริง สิบบาทก็จริง ร้อยบาทก็จริง พันบาทก็จริง นี้เด็กก็เป็นเด็กไทย หลานเป็นเด็กไทย หลานไทยไปโดยลำดับลำดา ตั้งแต่ใบละห้าละสิบจนถึงใบละร้อยละพัน ตั้งแต่เด็กๆ จนกระทั่งถึงเด็กวัยรุ่น ปู่ ย่า ตา ยายของเด็กก็เป็นคนชาติไทย เป็นเจ้าของของชาติไทย ออกสู้ได้ทั้งนั้น เรามีของจริง อย่ามาว่าแต่เด็กวัยรุ่นวัยแร่นอะไร รุ่นก็เป็นอะไร ใบห้าก็ใช้ได้เต็มห้า ใบสิบใช้ได้เต็มสิบ ใบร้อยใช้ได้เต็มร้อย ไม่ได้ว่ารุ่น ธนบัตรนี้รุ่นธนบัตรนี้ใหญ่ไม่ได้ว่า จริงทั้งนั้น จนกระทั่งใบละพันๆ จริงตลอด

ไอ้ที่มันปลอมมันเอาปู่กันมามันก็ปลอม ธนบัตรของมันมีแต่ธนบัตรปลอม ฟาดใบละพันๆ มาปลอมทั้งหมดทั้งโคตรทั้งแซ่ของมัน มีความหมายอะไร มันจะเอาวัยนั้นวัยนี้มาอวด มาเย้ยหยันชาติไทยเหรอ พูดให้ชาติไทยหลงตาม ไอ้พวกที่มาช่วยชาติมีแต่คนเซ่อๆ ซ่าๆ เด็กก็เด็กวัยรุ่น ไม่เหมือนเขาที่มีแต่ปู่ทั้งนั้นที่กินชาติอย่างกลืนง่ายๆ เขาไม่ว่าเท่านั้นเอง ก็คืออย่างนั้นเอง ปู่ก็ปู่มาซี หลานจะฟาดให้มันหงายหมาไป เกิดมาเราไม่เคยเห็นหลานฟาดปู่หงายหมา คราวนี้ให้มันเข้ามา ให้หลานไทยของเราได้ฟาดปู่มหาโจรนี้หงายหมาไป เข้าใจเหรอ เอาละพูดเพียงเท่านี้พอ ทีนี้จะให้พรนะ

มันมาพูดเยาะเย้ย เหยียดหยามชาติไทยของเรา ว่าคนไทยผู้เป็นสาระสำคัญไม่มี มีแต่เด็กๆ วัยรุ่นที่ไม่เป็นหน้าเป็นหลังออกมาช่วยชาติ ความหมายของมันว่าอย่างนั้น ไม่เหมือนกับเขามีแต่ตัวเบิ้มๆ แล้วตัวเบิ้มๆ ถ้าอยากดูฝีมือกัน ก็ให้เบิ้มๆ เข้ามาหาหลานไทยสักหน่อยนะ มันจะหงายหมาไปหมด หลานๆ นี่ วัยรุ่นนี่จะฟัดมันหงายหมาไป ให้ปู่นั้นได้หงายหมาให้หลานได้เห็น หลานวัยรุ่นเข้าใจไหม ปู่ตัวเก่งๆ นั้นน่ะ

 

ชมถ่ายทอดสดพระธรรมเทศนาของหลวงตาตามกำหนดการ ได้ที่

www.Luangta.com  หรือ www.Luangta.or.th

 


** ท่านผู้เข้าชมทุกท่านโปรดทราบ
    เนื่องจากกัณฑ์เทศน์บางกัณฑ์มีความยาวค่อนข้างมาก ซึ่งจะส่งผลต่อความเร็วในการเปิดเว็บไซต์ ขอแนะนำให้ทุกท่านได้อ่านเนื้อหากัณฑ์เทศน์บางส่วนจากเว็บไซต์ และให้ทำการดาวน์โหลดไฟล์กัณฑ์เทศน์ที่มีนามสกุล .pdf ไปเก็บไว้ในเครื่องของท่านแทนการอ่านเนื้อหาทั้งหมดจากเว็บไซต์

<< BACK

หน้าแรก