เรียนอะไรทุกวันนี้ วิชาธรรมหรือวิชาหมา
วันที่ 22 กันยายน 2545 เวลา 7:45 น.
สถานที่ : วัดป่าบ้านตาด
| |
ดาวน์โหลดเพื่อเก็บไว้ในเครื่อง
ให้คลิกขวาแล้วเลือก Save target as .. จาก link ต่อไปนี้ :

ค้นหา :

เรียนอะไรทุกวันนี้ วิชาธรรมหรือวิชาหมา

สรุปทองคำ ดอลลาร์และกฐินวันที่ ๒๑ กันยา ๔๕ ทองคำได้ ๓ บาท ดอลลาร์ได้ ๖๔ ดอลล์ กฐินทองคำได้ ๙ กอง กฐินเงินสดได้ ๑๐๔ กอง รวมเป็น ๑๑๓ กอง ทองคำที่มอบเข้าคลังหลวงแล้ว ๕,๐๕๙ กิโลครึ่ง ที่ได้หลังจากมอบคลังหลวงเมื่อวันที่ ๑๑ เมษา ๔๕ ได้เพิ่มเข้ามาอีก ๒๐๘ กิโล ๒๖ บาท ๘ สตางค์ รวมทองคำทั้งหมดทั้งที่มอบแล้วและยังไม่ได้มอบเป็นจำนวนทองคำ ๕,๒๖๗ กิโลครึ่ง กฐินทองคำ ๘๔,๐๐๐ กองนั้น ทองคำได้ ๘๖๒ กอง เท่ากับน้ำหนัก ๒ กิโล ๑๘ บาท ๒ สลึง เงินสดและเช็คได้ ๗,๗๗๒ กอง เท่ากับเงินสด ๖,๐๓๕,๒๐๐ บาท รวมกฐินทองคำทั้งหมดได้ ๔,๖๓๔ กอง ยังขาดอยู่อีก ๗๙,๓๖๖ กอง

เรื่องทองทั้งหลายที่บรรดาพี่น้องทั้งหลายบริจาค ตั้งแต่ทองคำ ดอลลาร์ เงินสดมา ขอให้ตายใจได้เลยว่า หลวงตานี้สละชีวิตจิตใจเพื่อพี่น้องชาวไทยทั้งชาติเป็นครั้งที่สอง ได้เรียนให้ทราบมาโดยลำดับนะ ครั้งแรกสละชีวิตเพื่อฆ่ากิเลสในหัวใจตนเอง นี่ก็เรียกว่าเอาชีวิตเข้าแลกเลย เป็นก็เป็น ตายก็ตาย ก็ได้ผ่านพ้นอุปสรรคอันใหญ่หลวงมาคือกิเลสตัณหานั้น ได้อย่างภาคภูมิใจ แล้วก็ได้นำธรรมที่ได้อุตส่าห์พยายามมานั้นมาทุ่มเทเป็นกำลังเพื่อช่วยพี่น้องทั้งหลาย ด้วยความเมตตาและความบริสุทธิ์ใจเต็มที่เรื่อยมา

เพราะฉะนั้นสมบัติทั้งหลายที่พี่น้องบริจาคนี้ขอให้ตายใจ ชี้นิ้วได้เลยว่า หลวงตาไม่เคยหยิบแม้แต่เล็กแต่น้อยนับแต่บาทหรือว่าสตางค์หนึ่งขึ้นไป ด้วยเจตนาที่ไม่บริสุทธิ์ไม่มี เราพิถีพิถันมากที่สุดเงินที่พี่น้องทั้งหลายบริจาค เราเป็นผู้ถือบัญชีแต่ผู้เดียวไม่ยอมให้ใครถือบัญชี ทั้ง ๆ ที่เงินกับบัญชีเงินเราไม่เคยสนใจแต่ไหนแต่ไรมา แต่เมื่อมีความจำเป็นเกี่ยวกับชาติบ้านเมืองซึ่งเป็นเรื่องใหญ่โตมากแล้วก็ เราก็ต้องตัดสินใจเข้าไปเป็นเจ้าของบัญชีเงิน ทั้งทองคำ ดอลลาร์ เงินสด เข้าอยู่ในบัญชีของเรา ถือกรรมสิทธิ์แต่ผู้เดียว จะเป็นผู้สั่งเก็บสั่งจ่าย และเป็นผู้สั่งเก็บสั่งจ่ายเรื่อยมาจนกระทั่งทุกวันนี้ สมบัติพี่น้องทั้งหลายจึงตายใจได้ด้วยกันทั้งหมด

เราอยากจะชี้นิ้วขึ้นเลยว่า บรรดาเงินทองที่เป็นส่วนรวมเข้ามาหาผู้รับสมบัติส่วนรวม อาจจะมีรั่วไหลแตกซึมไปไม่มากก็น้อย เป็นไปได้เราไม่อาจสงสัย แต่เรานี้เราไม่สงสัยเลยว่าได้หยิบยกสมบัติพี่น้องทั้งหลายออกไปชิ้นใดชิ้นหนึ่ง ด้วยจิตใจที่ไม่บริสุทธิ์ ไม่มี ถึงขนาดนั้นละ เราจึงชี้นิ้วได้เลยว่า เงินของคนไทยทั้งแผ่นดิน สมบัติทั้งแผ่นดินรวมกับเราเข้าสู่คลังหลวงแล้วกระจายทั่วประเทศไทย เป็นประโยชน์ทั่วถึงกันหมดเลย เพราะฉะนั้นผลประโยชน์ที่พี่น้องทั้งหลายได้เห็นทั่วหน้ากันจากการบริจาคของพี่น้องทั้งหลายมีอยู่ทั่วไปนะ เรียกว่าทั่วประเทศไทยที่หลวงตาได้บริจาค ทุกแง่ทุกมุมตั้งแต่คนทุกข์คนจน ช่วยมาเป็นลำดับ

คนจนมีสองประเภท คนจนที่จนจริง ๆ อย่างนี้ มีเหตุจำเป็นที่จะต้องช่วยเหลือเราช่วยเหลือ คนประเภทนี้ถ้าเป็นเรื่องส่วนตัวแล้วเราจะให้ แล้วเงียบเลย ๆ เพื่อรักษาศักดิ์ศรีของผู้ที่ยากจนที่ได้รับความสงเคราะห์จากเรา อย่าได้ไปทำลายจิตใจหรือศักดิ์ศรีของเขาเป็นอันขาด เพราะฉะนั้นเราจึงรักษา นี้เราช่วยทั่วประเทศไทยนะที่ว่าคนจนอย่างนี้ เป็นล้าน ๆ ก็มี ก่อนที่จะจ่ายแต่ละเล็กละน้อยจนกระทั่งถึงมากนั้น เราจะต้องทดสอบถามเอาจนได้ความละเอียดลออแล้วเราถึงจ่ายตามเหตุตามผลนั้นเรื่อยมา เรียกว่าทั่วประเทศไทย อันนี้เราจะไม่บอกเลยว่าเราให้ผู้ใดเท่าไร ๆ ไม่บอก เพื่อรักษาศักดิ์ศรีท่านผู้มารับจากเรา ให้มีความสงบร่มเย็นเป็นสุขภายในจิตใจ ศักดิ์ศรีดีงามก็คงเส้นคงวา นี่เราปฏิบัตินี้มาเรียกว่าคนจนประเภทหนึ่ง จากนั้นก็คนไข้ เอ้า คนไข้รายไหนที่ยากจนมากไม่มีอะไรแล้ววิ่งเข้ามาหาเรา เราไม่เคยปัดเลยแม้แต่รายเดียว รายไหนมาหาเรา ๆ สั่งไปถึงหมอ ๆ เลย เรียกว่ารักษาให้ร้อยเปอร์เซ็นต์เลย อย่างนี้ตลอดมา นี่ก็เรียกว่าคนจน

จากนั้นก็สถานสงเคราะห์ โรงร่ำโรงเรียน โรงเรียนไม่ทราบว่ากี่สิบหลัง สถานสงเคราะห์เหมือนกัน แล้วที่ราชการก็มีอยู่ทั่ว ๆ ไปหากไม่มาก แต่พอนับได้อยู่ แต่ลงจุดไหนใหญ่ทั้งนั้นวงราชการ เป็นสิบล้านขึ้นไปเลย ลงจุดไหน ๆ เพราะวงราชการมันใหญ่นี่ ยกตัวอย่างเช่น สถานีรถไฟอุดร ท่านทั้งหลายเห็นไหม นี่ละวงราชการ ทุ่มลงเลย รื้อออกหมดเลยยังเหลือแต่โครงกระดูก คือโครงเหล็กที่เหลืออยู่นั้น นอกนั้นรื้อออกหมด สร้างใหม่ให้หมด เพิ่มเติมต่อตึกต่ออะไรให้อีกเรียบร้อย บริเวณนั้นให้หมดจนกระทั่งที่จอดรถในสถานีรถไฟ จนชนเข้าไปถึงชานเมืองอุดร เราเทคอนกรีตให้หมดเลย บริเวณนั้นให้หมด อย่างนี้ละช่วยแต่ละแห่ง ๆ เป็นอย่างนั้นนะ แล้วในบริเวณนั้นห้องน้ำห้องส้วมทำให้หมด ที่ตึกใหญ่นี้ก็ทำให้แล้ว สร้างตึกต่ออีกด้วย แล้วพวกรั้วพวกอะไรไม่ดี อันนั้นก็ขอ อันนี้ก็ขอ ให้เรื่อย ๆ นี่ก็สิบล้านกว่า อย่างนี้ละถ้าวงราชการต้องตั้งสิบล้านขึ้นไปเลย นี่มีอยู่ทั่วไป

นี่ก็กำลังจะเข้าเรือนจำลาดยาว นี่ก็ตั้งไว้แล้วอย่างน้อย ๓๐ ล้าน เพราะตึกกับบ้านพักบ้านอยู่ของนักโทษหญิงเต็มไปหมดนั้นไม่มีเลย เขามาขอเราก็ให้ เมื่อให้เขาก็ต้องทราบทั้งเขาทั้งเราว่ามีความจนตรอกจนมุมแค่ไหนที่เขาจะต้องอาศัยเรา เราก็ทราบว่าที่จะช่วยเขาเต็มกำลังความสามารถขนาดไหน พิจารณาเรียบร้อยแล้ว ทางวงราชการก็เป็นอย่างนี้

ทีนี้โรงพยาบาล โรงพยาบาลนี่หมายถึงตึก ตึกไม่ทราบว่ากี่สิบหลัง เพราะเราช่วยโรงพยาบาลมานี้เกือบ ๒๐๐ โรงแล้วนะ ทั้งเครื่องมือแพทย์ ทั้งรถทั้งรา ทั้งตึกอะไร ๆ นี้รวมอยู่ในนั้นหมด เครื่องมือแพทย์ก็ตั้งแต่เอกซเรย์ลงมา นี่ละช่วยทั่วไปหมดเกือบสองร้อยโรง นี่ละเงินพี่น้องทั้งหลายที่บริจาคมาและที่ทำนี้ทำก่อนหน้าที่ช่วยชาติคราวนี้นะ ทำตั้งแต่เริ่มสร้างวัดมาจนกระทั่งป่านนี้ เราจึงไม่เคยมีเงินติดตัว เป็นอย่างนี้เรื่อยมา เพราะเราไม่เคยสนใจกับเงินกับทองยิ่งกว่าประโยชน์ที่จะทำให้โลกได้รับความสงบร่มเย็น มีความผาสุกทั่วหน้ากัน อันนี้เป็นเรื่องใหญ่โตมากภายในจิตใจของหลวงตา จึงไม่เคยมีเงินแต่ไหนแต่ไรมา

ยิ่งแต่ก่อนด้วยแล้วไม่เกี่ยวเลย ไปเทศน์ที่ไหน ๆ เวลาจำเป็นกำลังเที่ยวกรรมฐานไป เขามีงานในที่ต่าง ๆ เขามานิมนต์เราไปเทศน์ เมื่อจำเป็นก็ไปเทศน์ให้ เทศน์ให้โละหมดเลยเราไม่แตะ แม้สตางค์หนึ่งเราไม่เอา สมบัติทั้งหลายจตุปัจจัยไทยทานมอบให้วัดนั้น ๆ เสร็จแล้วไปเลย ๆ ตลอดมาจนกระทั่งทุกวันนี้ ให้พี่น้องทั้งหลายได้ทราบการดำเนินของหลวงตา ดำเนินมาอย่างนี้ตลอดนะ นี่ก็ก้าวเข้ามาสู่เรื่องใหญ่โตคือชาติไทยของเรา นี่ยิ่งทุ่มใหญ่เลย เรียกว่าไม่มีอะไรจะให้เหลือแหละ เงินไม่มีเหลือ ให้ไปหมดแล้วเมตตาธรรมยังมี ยังอยากจะให้อีก แต่เมื่อเงินหมดก็จำเป็น ๆ พักไว้ก่อน แล้วเอาอีก ๆ ตลอดมาอย่างนี้

พี่น้องทั้งหลายมองดูหลวงตาจะมองดูในขั้นเศรษฐีนะ ไม่มีใครจะมีเงินมีทองมากยิ่งกว่าหลวงตาบัว เพราะมีคนเคารพนับถือมากเรื่อยมา สมบัติเงินทองก็ไหลเข้ามา อย่างพี่น้องทั้งหลายไหลเข้ามานี่ คนนั้นเท่านั้น คนนี้เท่านี้ นับได้ว่ากี่พันกี่หมื่น นับได้ ๆ เรื่อยมาอย่างนี้ นี่คนทั้งหลายเขาจะมามองเห็นเวลาเอามาบริจาค เขาไม่ได้มองเห็นเวลาออกนะ เขาจึงต้องยกว่าหลวงตาบัวเป็นเศรษฐี ทีนี้เวลาออกของหลวงตาบัวนะ เช็คใบหนึ่งหลายแสนบาท เป็นล้าน เป็นล้าน ๆ ตลอดมา จ่ายอยู่อย่างนี้ตลอด อันนี้เขาไม่เห็น เข้าใจไหมล่ะ จ่ายเช็คเราเป็นคนจ่ายคนเดียว เช็คใบหนึ่งกี่แสนหรือกี่ล้าน เขียนเช็คตามความจำเป็นที่บิลตกมา ส่วนมากก็เป็นโรงพยาบาล ตกมา ๆ ก็จ่ายเรื่อย ๆ อันนี้บรรดาพี่น้องทั้งหลายไม่เห็น จึงต้องมาเหมาเอาแต่หลวงตาบัวว่าเป็นเศรษฐี ๆ เศรษฐีขี้หมาอะไรคนตกอยู่ในนรกเข้าใจไหม ความจนพาตก นี่ให้พี่น้องทั้งหลายทราบ

เราช่วยชาติเราช่วยจริง ๆ เพราะนิสัยเรา เราพูดจริง ๆ ไม่โอ้ไม่อวด ธรรมต้องเอาความจริงมาพูด เราจริงจังมากทุกอย่าง ยิ่งเข้ามาในวงศาสนา ศาสนธรรมของพระพุทธเจ้าเป็นธรรมที่จริงจัง ไม่มีเคลื่อนคลาดไปไหนเลย จิตใจจึงปักลงในความจริง แล้วพยายามแก้ตัวเอง ๆ เข้ามา แล้วนิสัยเดิมก็มีความจริงจังอยู่แล้ว ยิ่งมาเจอธรรมซึ่งเป็นของจริงอย่างสุดส่วนแล้วก็พุ่งเลย นั้นแหละที่ได้สละชีวิตเพื่อมรรคผลนิพพาน เราพูดตรง ๆ ว่าเพื่อพระอรหันต์เท่านั้น ในชาตินี้เราจะไม่กลับมาเกิดอีก เมื่อได้รับฟังธรรมจากหลวงปู่มั่นเป็นที่พอใจแล้วผึงเลย

นั่นก็เรียกว่าเป็นที่พอใจในการบำเพ็ญธรรม ตั้งแต่ต้นมาจนสุดยอด ทั้งเหตุเต็มกำลัง ทั้งผลก็เป็นที่พอใจ หายสงสัยเรื่องเกิดเรื่องตาย เรื่องความทุกข์ยากลำบากทั้งหลายที่โลกสมมุติแบกหามกันอยู่นี้ เราปลดหมดแล้ว ไม่มีอะไรภายในจิตใจของเรา มีก็แต่การอยู่การกินการหลับการนอน การแนะนำสั่งสอนพี่น้องทั้งหลาย เป็นภาระในเวลามีชีวิตอยู่นี้เท่านั้น สำหรับจิตใจเราปล่อยแล้วตั้งแต่ขณะที่ว่านั้น วันที่ ๑๕ พฤษภาคม ๒๔๙๓ หลังวัดดอยธรรมเจดีย์ จังหวัดสกลนคร เวลา ๕ ทุ่มเป๋งนั้น เวลาปลดปล่อยเรื่องกองทุกข์ทั้งมวลที่แบกหามภายในใจมาตลอด ได้ปลดปล่อยในวันนั้น ตั้งแต่บัดนั้นมาเราไม่เคยมีภาระอันใดเข้ามาหาจิตใจอันเป็นเรื่องของกิเลส ให้มาเสียดแทงจิตใจของเราเท่าเม็ดหินเม็ดทรายไม่มีเลย

เพราะฉะนั้นการเทศนาว่าการสั่งสอนสัตว์โลก ถึงจะมีความนิ่มนวลอ่อนหวาน หรือไพเราะเพราะพริ้ง หรือว่าเด็ดเดี่ยวเฉียบขาดขนาดไหนก็ตาม นี้เป็นเรื่องของธรรมล้วน ๆ กิเลสไม่เข้ามาแฝงได้เลย เพราะกิเลสไม่มีในหัวใจ หมดโดยสิ้นเชิง คำว่าหมดโดยสิ้นเชิงเพราะหาที่ไหนก็ไม่มี จึงเรียกว่าหมด ไม่มีในหัวใจ เสียงจะแผดเป็นเหมือนฟ้าดินถล่มก็ตาม เป็นเสียงอรรถเสียงธรรม เป็นเนื้ออรรถเนื้อธรรม พลังของอรรถของธรรมทั้งนั้นที่ออกมา สวนทางกับกิเลสซึ่งมีอยู่แต่ก่อน เดี๋ยวนี้หมดโดยสิ้นเชิงแล้ว จึงไม่มีกิเลสตัวใดจะมาขัดมาแย้งเลย นี่เราช่วยพี่น้องทั้งหลาย เพราะฉะนั้นการเทศนาว่าการต่อโลกสั่งสอนโลก จะเด็ดเดี่ยวเฉียบขาดขนาดไหน จึงเป็นเรื่องของธรรมล้วน ๆ ไม่มีที่จะเอารัดเอาเปรียบ ไม่มีคำว่าเอาแพ้เอาชนะ ไม่มีคำว่าเอากล้าเอากลัวเข้ามาเคียงข้างอะไรเลย เราไม่มี มีแต่ความเมตตาล้วน ๆ สั่งสอนสัตว์โลกเรื่อยมาจนกระทั่งปัจจุบันนี้

เพราะฉะนั้นพี่น้องทั้งหลายให้มองดูหลักธรรมบ้างเป็นยังไง ธรรมประเภทที่เอามาแสดงเวลานี้ เราอาจจะพูดได้ว่า ยังไม่เห็นท่านองค์ใดออกมาแสดงอย่างที่เราแสดงอยู่นี้เลย นี่เราแสดงด้วยเต็มเม็ดเต็มหน่วย ถอดออกมาจากหัวใจด้วยความอาจหาญชาญชัยเลยโลกเลยสงสาร ไม่ใช่อาจหาญธรรมดาแบบคนมีกิเลส อาจหาญเลยนั้นไปอีก จึงตัดออกเลยว่าไม่มีคำว่ากล้าว่ากลัว เหนือไปหมดแล้ว ๆ การเทศนาว่าการสั่งสอนสัตว์โลกเราจึงสอนเต็มเม็ดเต็มหน่วย ใครผิดบอกว่าผิด ใครถูกบอกว่าถูก เราไม่มีส่วนได้ส่วนเสียกับความผิดถูกของท่านเหล่านั้น ให้ท่านเหล่านั้นถือไปเป็นประโยชน์ ถ้าใครไม่ยอมรับเอาก็เป็นกรรมของสัตว์เอง เราไม่มีได้มีเสียกับใคร ให้พี่น้องทั้งหลายทราบอย่างนี้นะ

เวลานี้บ้านเมืองของเรากำลังโกลาหลอลหม่าน อันนี้หลวงตาก็ได้พูดเหมือนกัน คือมันเป็นอยู่ภายในจิตใจเต็มที่แล้ว เพราะเราทำต่อโลกด้วยความเมตตาสงสารไม่คาดไม่คิดว่า เรื่องราวที่เป็นฟืนไฟจะมาแสดงในท่ามกลางแห่งประเทศไทยของเรา ซึ่งเป็นหัวใจของพุทธศาสนา ก็ได้มาแสดงขึ้นแล้วเวลานี้ พระสงฆ์องค์เจ้า ผ้าเหลือง ๆ ครองจีวรของพระพุทธเจ้า ซึ่งเป็นทางเดินอันสงบงบเงียบ ชุ่มเย็นของประชาชนและสัตว์โลกทั่วไป ได้มาแสดงเป็นฟืนเป็นไฟเผาไหม้อยู่ในประเทศไทยของเรา ให้ประชาชนทั้งหลาย ทั้งเด็กผู้ใหญ่ คนโง่คนฉลาดได้เห็นทั่วหน้ากัน น่าสลดสังเวชเอามากจริง ๆ นะ เราพูดจริง ๆ เราพูดด้วยความสลดสังเวช เพราะสอนโลกเราไม่ได้สอนเพื่อเอาแพ้เอาชนะ เราไม่หวังแพ้หวังชนะกับใคร โลกมีความร่มเย็นได้มากน้อยเพียงไร เราเป็นที่พอใจ สมกับเหตุผลที่เรามาช่วยโลกด้วยความเมตตาสงสารล้วน ๆ แต่เมื่อมาเห็นเหตุการณ์เหล่านี้แล้ว เราดูไม่ได้เกิดความสลดสังเวช

เพราะฉะนั้นหากว่าเป็นพระหรือฆราวาสก็ดี หากว่าเรายังมี พุทธ ธรรม สงฆ์ ติดหัวใจเราอยู่ กิริยาท่าทางเหล่านี้เป็นที่ตำหนิติเตียนของคนไทย และชาวพุทธเราทั้งชาติ ที่เจตนาหวังดีต่ออรรถต่อธรรมทั้งสิ้นนั้นแหละ และนอกจากนั้นยังจะกระจายไปออกเมืองนอกเมืองนาให้เขาชี้หน้าด่าทอเมืองไทยเราว่าเป็นเมืองประเภทใด จึงต้องมากัดมาฉีกกันเหมือนหมูเหมือนหมา ทั้ง ๆ ที่เมืองไทยก็ทราบกันมานานแล้วว่าเป็นเมืองพุทธ แล้วเป็นยังไงเมืองพุทธจึงกลายเป็นเมืองผี พระพุทธเจ้าเป็นผีมีเหรอ ศาสดาองค์ใดเป็นศาสดาแล้วมากลับเป็นผีกินตับกินปอดทำลายสัตว์โลก ไม่เคยมีแม้แต่องค์เดียว

เพราะฉะนั้นเราเป็นลูกชาวพุทธควรจะพินิจพิจารณาเรื่องของตนด้วยดี ความทิฐิมานะที่จะเอาดีเอาเด่น ทั้ง ๆ ที่มันชั่วจนจะเยียวยาไม่ได้แล้วนั้น จะให้มันดีได้ยังไง มันก็ต้องเลวลงไปโดยลำดับลำดา ควรจะแก้ไขเสียตั้งแต่บัดนี้ต่อไป บ้านเมืองเราก็จะหันหน้าเข้ากันได้สนิท สมว่าเราเป็นชาวไทยด้วยกันหนึ่ง สมว่าเราเป็นลูกชาวพุทธด้วยกันหนึ่ง อย่ามาทะเลาะเบาะแว้งกัดฉีกกันต่อหน้าต่อตา ของคนไทยทั้งชาติและพระพุทธเจ้าทุก ๆ พระองค์ที่พุทธศาสนาของเรานี้ให้ได้ทรงสลดสังเวชไปนานเลย ขอให้พากันระงับดับเรื่องราวทั้งหลาย การออกเดินขบวน การออกยกทัพ ทุบตีกันในวงราชการงานเมืองตลอดในวัดในวาอย่างนี้ ไม่สมควรอย่างยิ่งกับพระเราที่เป็นลูกศิษย์ตถาคต ซึ่งควรจะให้ความร่มเย็นแก่โลกได้อย่างมากมายเกินใคร ๆ ทั้งนั้น แล้วกลับมาก่อฟืนก่อไฟเผาโลกให้เดือดร้อนยิ่งกว่าโลกสงสารเสียอีก เลวบัดซบเลย ขออย่าให้มีในเมืองไทยเรา หลวงตาขอบิณฑบาต

การเทศนาว่าการเหล่านี้ เราไม่มีส่วนได้ส่วนเสียกับบรรดาความผิดความถูกทั้งหลาย เราดำเนินด้วยธรรมล้วน ๆ จึงขอให้ฟังเสียงอรรถเสียงธรรมนี้ เสียงนี้ออกมาจากปากหลวงตาบัวก็จริงเป็นเสียงอรรถเสียงธรรม ประหนึ่งว่าทำงานแทนองค์ศาสดานั่นเอง เราเป็นลูกชาวพุทธ ขออย่าดื้ออย่าด้านหาญทำในสิ่งที่เป็นภัยต่อส่วนรวม ต่อพระพุทธศาสนาและต่อองค์ศาสดา จะเป็นที่ดูถูกเหยียดหยาม ตีตราไว้จนกระทั่งถึงเมืองไทยจมหรือฟูขึ้นไปไหนก็แล้วแต่เถอะ จะไม่มีวันหายนะ กับที่มาทำกันอย่างที่เป็นอยู่เวลานี้ ขอให้ระงับดับกันลงไปด้วยดี จะสมชื่อสมนามว่าเราเป็นลูกชาวพุทธ มาศึกษาเล่าเรียนเพื่ออรรถเพื่อธรรม เพื่อเหตุผลกลไกอันดีงาม อันใดไม่ดีให้แก้ออก ๆ แล้วเราจะอยู่กันได้สนิท

เรื่องผิดเรื่องพลาดมันผิดด้วยกันทุกคน เด็กก็ผิดผู้ใหญ่ก็ผิด ผู้หญิงก็ผิดผู้ชายก็ผิด พระก็ผิดได้ เมื่อเป็นอย่างนั้นต่างคนต่างแก้ได้ เมื่อมีสิ่งที่พาให้แก้ เช่นอรรถเช่นธรรม ซึ่งเป็นความถูกต้องดีงามแล้วแก้ได้ด้วยกันทั้งนั้น จึงขอบิณฑบาตจากบรรดาพระลูกพระหลาน ประชาชนลูกหลานทั้งหลาย ในฐานะที่หลวงตาจะว่าเป็นปู่เป็นทวดพี่น้องทั้งหลายก็ได้เวลานี้ อายุก็ ๙๐ ปีนี้แล้ว สมควรที่จะเป็นปู่ย่าตายายของพระลูกพระหลานได้ ขอให้ฟังเสียงปู่ย่าตายายท่านทั้งหลายบ้างนะ ได้นำเอาธรรมออกมาประกาศให้พี่น้องลูกหลานทั้งหลายได้ทราบ ให้รีบแก้ไขดัดแปลงตนเอง

อย่าถือรั้นว่าดีโดยถ่ายเดียว ดีอย่างนี้ดีเพื่อเลว ดีเพื่อล่มเพื่อจม ไม่ใช่ดีที่พระพุทธเจ้าทรงชมเชย ทางศาสนาไม่มี ที่พระตั้งอยู่ในความสงบเป็นพื้นฐานของพุทธศาสนา เป็นพื้นฐานของพุทธสาวกพระพุทธเจ้าเช่น สาวก ๆ ของพระพุทธเจ้าที่ดำเนินมา ท่านไม่เคยมีมาอย่างนี้ ไม่มีในคัมภีร์ไม่มีในวินัย ไม่มีในศาสนาของพระพุทธเจ้า ในเรื่องราวที่ออกมาก่อม็อบก่อแม็บหรือก่ออะไรอย่างที่เราเห็น ก่ออะไรก็ไม่รู้ ก็รู้เห็นกันอยู่แล้วใช่ไหม มาเดินขะบงขบวนแบบโลกแบบสงสาร มันเลวกว่าโลกไปอีก ขายขี้หน้าหาชิ้นดีไม่ได้เลย จะว่าชนะหัวจรดเมฆก็ตาม มันจมลงใต้ก้นนรกอเวจี ส่วนเสียเป็นหลักธรรมชาติแท้ ไม่ได้ดีแม้นิดหนึ่งเลย ด้วยการมาทำกันอย่างนี้ เสียหน้าเสียตา

รัฐบาลของเราก็เป็นรัฐบาลของคนไทย ชาติไทยได้ตั้งขึ้น รัฐบาลท่านก็ดำเนินมาด้วยดีดังที่เห็นนี้ ทั้ง ๆ ที่รัฐบาลก็เป็นฆราวาส เราเป็นพระทำไมจึงต้องแสดงความเลวทรามให้ฆราวาสเขาเห็น น่าอายเหลือเกินนะ ขอให้กลับตัวเสียใหม่บรรดาพระของเราทั้งหลายนี้ จะมองหน้ากันทั่วถึง ความผิดพลาดมีได้ด้วยกัน ไม่ถือสีถือสากัน ขอให้แก้ชั่วเป็นดีนั้นเป็นที่ชมเชยด้วยกันทั้งนั้น พระพุทธเจ้าก็ชมเชย ดังที่เห็นแล้วในคัมภีร์ มีผิดถูกชั่วดีมาตาม ๆ กัน องค์ไหนผิดยอมรับว่าผิดพระองค์ก็อดโทษ ๆ พระองค์ไม่ได้เพิ่มโทษนะ ผู้ใดเห็นเป็นความผิดมาแก้ไขดัดแปลงตัวเองมายอมรับต่อพระพุทธเจ้า ทรงอดโทษทันที ๆ แม้แต่จะปรับอาบัติข้อใดนี้ลดลงทันที ๆ นั่นฟังซิน่ะ นี่ละศาสดาองค์เอก

อันนี้ผิดพลาด มันผิดได้คนเรามีกิเลส ทำไมจะผิดไม่ได้ ความที่เข้าใจในตนเองว่าเจตนาดี ๆ ดีเรื่องเจตนา แต่ความผิดพลาดมันไม่ได้เป็นไปตามเจตนาก็มี มันไปทางผิดพลาดมันก็ผิดพลาดเรื่อยไป เป็นบาปเป็นกรรม เป็นความทุกข์ร้อนเผากันเรื่อย ๆ ไปนั่นละ มันขึ้นอยู่กับการกระทำ เจตนาของเราว่าเจตนาหวังดี ๆ อันนี้ใครพูดก็ได้ ให้เด็กพูดก็ได้ เจตนาหวังดี แต่เวลาทำ ทำชั่วเสีย มันก็ไม่เข้ากับเจตนาที่หวังดีได้เลย จึงขอบิณฑบาตจากพระลูกพระหลาน หลวงตานี้ได้เกิดความสลดสังเวช เพราะช่วยชาติบ้านเมืองมาคราวนี้ไม่ได้ถือใครเป็นข้าศึกศัตรูเลยนะ ไม่มีฝ่ายโน้นฝ่ายนี้ว่าเป็นข้าศึกศัตรูต่อธรรมและต่อหลวงตาบัวที่นำธรรมออกมาแสดง ถือเป็นเพื่อน เกิด แก่ เจ็บ ตายด้วยกันหมดทั้งสิ้น ใครผิดก็ต้องบอกว่าผิด ใครถูกบอกว่าถูก ขอให้แก้ไขดัดแปลงตามนี้แล้วศาสนาของเราก็จะแน่นหนามั่นคงยืนยงถาวรต่อไป

ถ้าหากว่าไม่แก้นี้แล้ว พระพุทธเจ้าปรินิพพานไปแล้ว ศาสนธรรมก็จมไปด้วยกันอีกไม่มีเหลือ เพราะไม่มีใครปฏิบัติตาม มีแต่ผู้เหยียบย่ำทำลายโดยถ่ายเดียว จะจมได้ไม่สงสัย ชาติไทยของเราเป็นชาติที่สงบร่มเย็นมาดั้งเดิมก็จะจมไปได้ ด้วยเอาฟืนเอาไฟมาเผากันในคนทั้งชาตินี้แหละ จึงขอให้รีบพาระงับดับกันเสียตั้งแต่บัดนี้ อย่าให้เมืองนอกเมืองนาเขาชี้หน้าด่าทอเลย โอ๊ย.เรียกว่า สลดสังเวชเอาเหลือประมาณนะ ให้พากันพิจารณาตั้งแต่บัดนี้ต่อไป แล้วบ้านเมืองเราก็จะเจริญ

เรื่องการตั้งนั้นตั้งนี้ อันนี้เป็นสิ่งภายนอกไม่ใช่เป็นสิ่งจริงจังเหมือนพุทธศาสนาของพระของเณรที่ถือเป็นสมบัติอันล้นค่าของตน คือหลักธรรมหลักวินัย ขอให้พระปฏิบัติตามศีล สมาธิ ปัญญานี้ อยู่ที่ไหนไปที่ใด ในวัดนอกวัด ความเป็นพระอย่าลดละจากศีลจากธรรม จะเป็นพระเสมอไป อยู่ในวัดก็เป็นพระ นอกวัดเป็นพระ ยืน เดิน นั่ง นอน เป็นพระสมบูรณ์แบบด้วยกัน ถ้าเป็นผู้ตั้งใจปฏิบัติศีลธรรม นี้คือหลักของพระ ให้ตั้งใจปฏิบัติอยู่นี้ อย่าเด้น ๆ ด้าน ๆ อย่าโดดข้ามโน้นข้ามนี้ ออกนอกรั้วนอกกำแพงไป เหยียบขวากเหยียบหนามเอามาเผากัน อย่างที่แสดงอยู่เวลานี้ผิดพลาดแล้วนะ ให้รีบแก้ไขเสียตั้งแต่บัดนี้ เราอย่าถือความผิดพลาดนี้ว่าเป็นความดิบความดี จะจมกันทั้งชาติ เราเองผู้ที่ว่าดี ๆ ก็จะจมไปทั้งเขาทั้งเรานั้นแหละ ให้พากันรีบแก้ไขดัดแปลงเสีย

หลักพุทธศาสนาท่านมีแต่ความสงบร่มเย็น ท่านไม่ได้ไปแสดงออกอย่างนั้นนะ หลักพุทธศาสนามีแต่ความสงบร่มเย็น ไปที่ไหนสั่งสอนโลกให้มีความสงบร่มเย็นทั่วหน้ากัน พุทฺธํ ธมฺมํ สงฺฆํ สรณํ คจฺฉามิ ไปที่ไหนโลกกราบราบเลย มีความชุ่มเย็นถึงจิตถึงใจ ตั้งแต่ตื่นนอนจนกระทั่งหลับทั่วหน้ากันทั้งนั้นแหละ โลกได้กราบพระพุทธเจ้า พระธรรม พระสงฆ์ แต่โลกที่มากราบเรา หรือเดินขบวน เดินม็อบไปผลักไปดันรัฐบาลชาติบ้านเมืองให้ล่มจมเสียหาย แล้วก็มาเหยียบย่ำทำลายพุทธศาสนาให้ล่มจมนี้ จะเป็นที่นิยมยินดีที่ตรงไหน เอามาพิจารณาซิ เพราะมันขัดกับเรื่องของพระ เรื่องของพระต้องเป็นผู้อยู่ในความสงบร่มเย็น เดินตามหลักธรรมหลักวินัย นี่เป็นเรื่องของพระ

การที่จะไปตั้งกระทรวงนั้นกระทรวงนี้ อันนี้เขาตั้งชื่อทีหลังต่างหากนะ กระทรวงของพระมีกับพระพุทธเจ้ามาแล้วตั้งแต่วันตรัสรู้ธรรม ประกาศธรรมสอนโลกมา จนกระทั่งเป็น สรณํ คจฺฉามิ พระองค์นั่นแหละเป็นผู้แนะนำสั่งสอนสัตว์โลก นี่การดำเนินของพระพุทธเจ้าดำเนินอย่างนี้นะ สอนโลกสอนอย่างนี้ ไม่ได้สอนเอาฟืนเอาไฟไปเผากัน ไปหาตีนั้นไปหาตีนี้ ยกพวกใส่คนนั้นยกพวกใส่คนนี้ อันนั้นพวกโจร พวกมาร พวกเปรต พวกผี พวกมหาภัย อย่านำมาใช้ในเมืองไทยซึ่งเป็นเมืองพุทธ จะแหลกเหลวไปหมดนะ

ทางเดินของพระมียังไง เราบวชเป็นพระขอให้ดำเนินตามพระ ไม่นอกเหนือจากพระนี้ ใครจะว่าไอ้หัวโล้นก็โล้นจริง ๆ ก็มันหัวโล้นเพราะเราโกนจะว่ายังไง จะไปว่าหัวขนได้เมื่อไร หัวขนคือหัวหมาเพราะหัวหมามันไม่ได้โกน ถ้าลงไปโกนมันมันก็หัวโล้นเหมือนกัน หัวหมาก็ดี นี่หัวคนเราโกน หัวโล้นแล้วยังทรงผ้ากาสาวพัสตร์ซึ่งเป็นผ้าที่ศักดิ์วิเศษมาแต่พระพุทธเจ้าองค์ไหน ๆ แล้วการปฏิบัติศีลธรรมก็เป็นธรรมชาติอันวิเศษมาตั้งแต่กาลไหน ๆ อีกเช่นเดียวกัน ขอให้เทิดทูนธรรมเหล่านี้เอาไว้ อย่าเพ่น ๆ พ่าน ๆ ออกไปเป็นการขายตัว ทั้ง ๆ ที่ตนประกาศศักดาของตนว่าเป็นคนดิบคนดี คนมีอำนาจ ฤทธาศักดานุภาพ มีพรรคมีพวกมาก ยกพวกโจมตีคนนั้นคนนี้

ใครมีพรรคพวกมาก คนนั้นชนะ ๆ มันชนะอะไร มันก็เหมือนหนอนโดดลงในถาน โดดลงมากเท่าไรก็เต็มถาน ๆ ขึ้นมา มีแต่หนอนเต็มถาน พวกเรานี่เป็นพระกลายเป็นหนอนเต็มถานนั้นเหรอ พิจารณาซิ ยกพวกออกมามากเท่าไรยิ่งหนอนเต็มถาน เต็มวัดเต็มวา เต็มพระเต็มเณร ทีนี้พระเณรผู้ดีมองกันก็ไม่ได้ มันจะกลายเป็นหนอนเต็มถานไปด้วยกัน หลวงตาบัวไม่ทราบจะหลบยังไง หรือเป็นหนอนกับเขาแล้วก็ไม่รู้นะ หลวงตาบัวก็ไม่แน่ใจ ให้ท่านทั้งหลายวินิจฉัยเองนะ เราขอฝากไว้

นี้ทางเดินของพระ มีความสงบร่มเย็น ตามศีล สมาธิ ปัญญา หลักธรรมที่พระพุทธเจ้าทรงสั่งสอนไว้แล้ว มีกรอบคือรั้วของพระที่จะปฏิบัติตนตามนี้ ไม่เคลื่อนไม่คลาด ไม่ออกนอกลู่นอกทาง เรียกว่าทางของพระ เป็นทางแห่งความสงบร่มเย็น ออกนอกลู่นอกทาง อย่างที่เริ่มเป็นมาแล้วนี้ จึงได้เตือน อันนี้ไม่ใช่ทางแล้ว การที่เขาจะตั้งเป็นกระทรวงใด ๆ นั้นเป็นเรื่องของฆราวาสญาติโยมทางบ้านเมืองเขา เขาจะตั้งอะไรก็ตั้งเพื่อการบำรุงรักษาพุทธศาสนาของเรา เชิดชูพระพุทธศาสนา อย่าต้องไปทะเลาะเบาะแว้ง กับพวกเขาที่จะตั้งประการใดไม่ประการใด ให้เป็นเรื่องของชาติบ้านเมืองเขาไป เรื่องของพระให้ปฏิบัติตัวให้ถูกต้องตามศีลตามธรรมมีความสงบร่มเย็น เราจะเป็นพระสมบูรณ์แบบ มีกระทรวงไม่มีกระทรวงไม่สำคัญ

พระพุทธเจ้าตรัสรู้ขึ้นมาเป็นศาสดาสอนโลก เป็นพุทธศาสนาอยู่เวลานี้ขึ้นกับกระทรวงใด ไม่เห็นกระทรวงใดมาปรากฏเลย พึ่งมาปรากฏขึ้น ๒-๓ วัน ที่กำลังจะกัดกันอยู่เวลานี้ พวกเราไม่ใช่เรียนธรรม เราเรียนอะไรทุกวันนี้ เรียนธรรมต้องสงบร่มเย็น เรียนวิชาหมาต้องกัดกันแหลกเหลวไปหมด นี่เราจะเอาวิชาไหน ให้คัดเลือกเสียตั้งแต่บัดนี้ด้วยกันทุกคน เป็นพระด้วยกัน เป็นฆราวาสลูกชาวพุทธด้วยกัน ขอให้พิจารณากันตั้งแต่บัดนี้ อย่าให้สายเกินไปนะ เมืองนอกเมืองนาเขาเวลานี้เขาสลดสังเวชแล้ว ส่งข่าวส่งคราวเข้ามาแล้วนะเวลานี้ เมืองไทยเราทำไมจึงเป็นเมืองหมากัดกัน นั่นเห็นไหมล่ะ ขึ้นแล้วนะหมากัดกัน ต่อไปนี้เขาจะว่าอะไรอีกนะ เลยหมาแล้วมันจะเป็นอะไร ถ้าหมีก็อยู่ในกรงมันก็จะไปโดนอีกละ ไอ้หมีก็ชื่อมันหมาเหมือนกันนะ กลัวไอ้หมีจะไปโดนเป็นหมากัดกันอีกละ ให้พากันพิจารณาตั้งแต่บัดนี้

เรื่องการตั้งเป็นอะไร ๆ มอบให้ทางชาติบ้านเมืองเขาไปทำหน้าที่ดำเนิน เขาเคยปฏิบัติอุปถัมภ์อุปัฏฐากวัดพุทธศาสนานี้มานานแล้ว ตั้งแต่ดึกดำบรรพ์ ปู่ย่าตายายของเรา ไม่เห็นมีขัดข้อง เช่นอย่าง อธิบดีกรมศาสนานี้ก็คือผู้อุปถัมภ์ดูแลพระเณรนั่นเอง ก็เป็นเรื่องของเขาตั้งกันไป เรื่องพระของเราอย่าให้ด่างพร้อยในศีลในธรรมที่เราปฏิบัติ นี้เป็นความถูกต้องสำหรับพระเรา อย่าไปเพ่น ๆ พ่าน ๆ อวดดีอวดเด่น มันจะมีแต่ความเลวร้าย เต็มเนื้อเต็มตัวเต็มวัดเต็มวา เต็มพระเต็มเณรแล้วเต็มโลกเต็มสงสาร เต็มชาติไทยของเรา จนกระทั่งถึงเมืองนอกเขาขยะแขยง ไม่อยากมองดูชาติไทย เห็นแต่ชาติที่สกปรกรกรุงรัง เกินเหตุเกินผลแล้ว ทั้ง ๆ ที่เมืองไทยนี้เป็นเมืองพุทธ เป็นเมืองพระแล้วก็พระเป็นผู้ออกเดินขบวนเสียเอง เลวร้ายสุดยอด อย่าให้เขาได้พูดอย่างนี้เลยนะ

พระลูกพระหลานทั้งหลาย หลวงตาขอบิณฑบาต หลวงตาไม่ได้อยู่ในวงกรณีเหล่านี้นะ หลวงตาสอนโลกเพื่อความสงบร่มเย็นล้วน ๆ ผิดถูกประการใดต้องสอนไปตามบทบาทของธรรม ตามแนวทางของธรรม เราไม่มีส่วนได้ส่วนเสีย ว่าแพ้ชนะกับผู้ใดเราไม่มี เรามีตั้งแต่แนะนำตักเตือนสั่งสอน ที่ดีแล้วก็ส่งเสริมให้ดีขึ้น ที่ไม่ดีตรงไหนก็ดัดแปลงแก้ไขตำหนิติเตียนให้แก้ให้ไขเสียเท่านั้น จึงขอให้พระลูกพระหลานทั้งหลายจำเอาไว้ให้ดี ที่กำลังเป็นอยู่เวลานี้มันจะเลยเถิดแล้วนะ เวลานี้มันจะเลยเถิด เรามันไม่เห็นเถิด มันเป็นยังไง เดี๋ยวนี้มันเลยเถิดแล้ว เราไม่เห็นมันก็เลยเถิดแล้ว เถิดเป็นยังไง มันข้ามเขต ข้ามแดนไปหมด ข้ามวัดข้ามวา ข้ามเพศของพระของเณร ออกไปเป็นมหาโจรเป็นมหาภัยปล้นชาติ ปล้นศาสนาอยู่ทั่วบ้านทั่วเมือง ไปที่ไหนมีแต่พระเณรเดินขบวน เลวที่สุด อย่าให้ได้เห็นเลยนะ ขอบิณฑบาตจากบรรดาพระลูกพระหลาน ประชาชนลูกหลานทั้งหลาย ให้พากันระงับดับในสิ่งที่ไม่ดี

สิ่งเหล่านี้ปู่ย่าตายายของเราพาดำเนินมา ท่านไม่เคยเห็นพาทำ ทำไมเราจึงจะอุตริดียิ่งกว่าพ่อกว่าแม่ ปู่ย่าตายาย มันจะเลวที่สุดนะ ขอให้รีบแก้ไขดัดแปลง แล้วเดินตามร่องรอยของจอมปราชญ์คือศาสดาองค์เอก และปู่ย่าตายายของเราที่พากันดำเนินมาด้วยความสงบเย็นใจนะ เอาละวันนี้พูดเพียงเท่านี้แหละ พอ

โยม : วันนี้หลวงตาเทศน์เรื่องนี้ถูกต้องแล้วค่ะ พวกเราฆราวาสก็ไม่กล้าวิจารณ์เพราะกลัวบาป หลวงตาเป็นพระแล้วเป็นครูบาอาจารย์ หลวงตาวิจารณ์ว่าได้

หลวงตา : วิจารณ์ว่ายังไง

โยม : เรื่องที่พระก่อม็อบเจ้าค่ะ พวกเราประชาชนจะพูดก็กลัวบาปไม่กล้าพูด ทีนี้หลวงตาพูดได้

หลวงตา : หลวงตากลัวบาปไหมล่ะ ก็กลัวบาปนั่นเองถึงพูดแนะกัน เข้าใจไหม อันไหนไม่ดีอย่าทำ เข้าใจเหรอ เอาละ อย่ามาให้ขึ้นอีกนะ มันเหนื่อยแล้ว ไม่ขึ้นอีกธรรมาสน์ ขึ้นเท่านี้แหละ พอ เหนื่อยจริง ๆ วันนี้ พูดไม่หยุดเรื่อยเลย เป็นยังไงฟังธรรมะวันนี้ พากันไปพิจารณานะ

อ่านธรรมะหลวงตาวันต่อวัน ได้ที่ www.luangta.com


** ท่านผู้เข้าชมทุกท่านโปรดทราบ
    เนื่องจากกัณฑ์เทศน์บางกัณฑ์มีความยาวค่อนข้างมาก ซึ่งจะส่งผลต่อความเร็วในการเปิดเว็บไซต์ ขอแนะนำให้ทุกท่านได้อ่านเนื้อหากัณฑ์เทศน์บางส่วนจากเว็บไซต์ และให้ทำการดาวน์โหลดไฟล์กัณฑ์เทศน์ที่มีนามสกุล .pdf ไปเก็บไว้ในเครื่องของท่านแทนการอ่านเนื้อหาทั้งหมดจากเว็บไซต์

<< BACK

หน้าแรก