เทศน์อบรมฆราวาส ณ วัดป่าบ้านตาด
เมื่อวันที่ ๓๐ พฤษภาคม พุทธศักราช ๒๕๔๗
บวชมา ๗๑ ปีนี้แล้วสร้างแต่ความดีงาม
ทองคำเราได้ตั้ง ๑๐ กิโล ๒๗ บาท ๒๑ สตางค์ ดอลลาร์ได้ ๘๔๙ ดอลล์ ปีหนึ่งๆ มีหนหนึ่ง เราพาทำบุญอุทิศส่วนกุศลถึงสัตว์โลกทั่วแดนโลกธาตุ วันนี้เป็นวันที่ ๓๐ เราได้ตั้งสัจจอธิษฐานประกาศก้องทั่วแดนโลกธาตุ ให้บรรดาพวกเปรตทั้งหลายที่มีญาติมีมิตรก็ดี ไม่มีก็มา ที่ส่วนสาธารณกุศลคราวนี้จะแจกจ่ายกันทั่วไปหมด วันนี้เราทั้งหลายได้มาบำเพ็ญกุศลให้สมใจด้วยกันทุกคน เพราะมานี้มีญาติด้วยกันทั้งนั้นๆ ไม่ใช่ไม่มี ญาติที่ตายไปแล้วหวังพึ่งเราที่มีชีวิตอยู่ เราทำบุญกุศลคราวนี้เปิดโล่งเลยละ ทางไปสวรรค์ก็เปิดโล่ง ส่วนทางที่จะกลับคืนไปเสวยกรรมเก่า เพราะไม่มีญาติมาถวายส่วนกุศล อุทิศส่วนกุศลให้ กลับไปด้วยความเสียใจก็มีเยอะ ส่วนที่เศษที่เหลือมันก็ไม่พอซิ ถ้าเป็นเรื่องอุทิศนี่เป็นเจาะจงๆ ถึงเลยๆ ละ
วันนี้ได้พากันสร้างเต็มเม็ดเต็มหน่วย แล้วก็ช่วยชาติของเราอีกด้วย ทองคำวันนี้ได้ตั้ง ๑๐ กิโล ๒๗ บาท ๒๑ สตางค์ ดอลลาร์ก็ได้เยอะ ส่วนดอลลาร์เราไม่ค่อยแน่นักดังที่ได้เรียนให้พี่น้องทั้งหลายทราบ บางทีเงินไทยเราที่ช่วยชาติมันบกบาง ก็ต้องเอาดอลลาร์มาหมุนช่วยกัน สำหรับทองคำนั้นร้อยทั้งร้อยเข้าหมดเลย ดอลลาร์นับตั้งแต่มอบทองคำมาแล้วไม่แน่นักก็ประกาศให้ทราบแล้ว คำว่าไม่แน่นี่ ดอลลาร์นี่หากว่าเงินสดบกบางก็ต้องเอาดอลลาร์นี่ไปหนุนช่วยกัน เพราะเราช่วยโลกช่วยทุกแห่งทุกหน ทั้งใกล้ทั้งไกล เวลานี้สร้างตึกก็ตั้ง ๙ หลัง ๑๐ หลัง ตึกโรงพยาบาล ตึกตามความจำเป็นหลายแห่งหลายหนกำลังช่วย แล้วยังจะเริ่มขึ้นอีกสองหลังเวลานี้ นี่อาศัยเงินไทย ถ้าเงินไทยไม่พอก็ต้องเอาดอลลาร์มาหนุนช่วยกันๆ เพราะฉะนั้นดอลลาร์จึงไม่ค่อยแน่นัก สำหรับทองคำร้อยทั้งร้อยแน่ตลอดไปเลย กรุณาทราบตามนี้
หลวงตาพูดคำใดแล้วไม่มีเคลื่อนนะ ว่าอย่างไรเป็นอย่างนั้นๆ ตลอดมา ที่จะหลบหลีกปลีกตัวหรือว่าหลอกลวงต้มตุ๋นเราไม่มีในภาษาธรรม พูดได้อย่างตรงไปตรงมา ผิดบอกว่าผิด ถูกบอกว่าถูก ธรรมเป็นจุดศูนย์กลาง ไม่เอียงกับข้างโน้นข้างนี้ ใครผิดบอกว่าผิด ถูกบอกว่าถูกอย่างนั้นตลอดไปเลย ภาษาธรรมจึงเป็นภาษาที่ตรงไปตรงมา นิ่มนวลที่สุดสำหรับผู้เป็นธรรมฟังธรรม แต่สำหรับคลังกิเลสแล้วขัดหูขัดตาขัดใจของกิเลสทั้งนั้น เพราะกิเลสเป็นนักปลิ้นปล้อนหลอกลวงต้มตุ๋นทุกแบบทุกฉบับ อยู่กับกิเลสทั้งนั้น สำหรับธรรมนี้ไม่มี ตรงไปตรงมา ดังที่เราได้นำพี่น้องทั้งหลาย นำมาได้ ๖ ปีนี้แล้ว สมบูรณ์แบบทุกอย่าง เงินที่พี่น้องทั้งหลายบริจาคเราไม่เคยมาหยิบเอาเลยแม้หนึ่งบาท จากพี่น้องทั้งหลายที่บริจาคเพื่อส่วนรวมมาเป็นของตน ไม่มี มีแต่ทุ่มลงไปๆ ไม่ว่าแต่ของพี่น้องทั้งหลายบริจาค สำหรับเงินส่วนตัวที่เขาถวายหลวงตานี้เท่าไรๆ ถึงไหนถึงกัน แบบเดียวกันกับที่พี่น้องทั้งหลายบริจาคมาช่วยโลกนั้นแหละ หลวงตาเปิดตลอดเวลา กำอย่างนี้ไม่มีสำหรับหลวงตา มีแต่แบตลอด มีเท่าไรทุ่มหมดๆ
เราเสียสละตลอดจนกระทั่งสิ้นลมหายใจเรา เราไม่มีเก็บมีอะไร ไม่มีเลย มีเท่าไรเป็นหมดๆ เพราะอำนาจแห่งความเมตตา เราก็ภูมิใจที่ได้ช่วยชาติคราวนี้ ได้รับความร่วมมือจากบรรดาพี่น้องทั้งหลายทั่วหน้ากันทุกแห่งทุกหนไม่ว่าภาคใดๆ ไปที่ไหนหนาแน่นด้วยประชาชนศรัทธาทั้งหลายที่จะมาช่วยอุดหนุนชาติไทย ร่วมมือเข้ามาหาหลวงตาเป็นผู้รับผิดชอบในสมบัติทั้งหลายแล้วก็สมหวัง ดังที่พี่น้องทั้งหลายบริจาค เงินแม้บาทเดียวที่หลวงตาจะยึดมาเป็นของตนนี้ไม่เคยมีเลย แม้แต่ของเจ้าของเองก็ไม่มีเหมือนกัน เป็นของส่วนรวมทั้งนั้นๆ เราไม่เคยสนใจกับเงินบาทใดสตางค์ใดสำหรับเรา นอกจากเพื่อโลกสงสาร เครื่องทั้งหลายที่บริจาคเหล่านี้ไม่ไปไหน ออกทั่วโลกเลย ไทยทานทั้งหลายเหล่านี้เหมือนกัน ปัจจัยก็หมุนไปทางด้านปัจจัย ส่วนไทยทานก็หมุนไปในที่ต่างๆ ที่จนตรอกจนมุมมีเยอะ เราได้ช่วยเหลือเต็มกำลังความสามารถของเรา
เรียกว่าเกิดมาในชาตินี้ตั้งแต่อายุ ๒๐ ปีกับ ๙ เดือนเรามาบวชเป็นพระ ตั้งแต่บัดนั้นมาเราทำตั้งแต่ความดีงามตลอด เป็นที่ภาคภูมิใจตลอดมาตั้งแต่วันบวชทีแรกจนกระทั่งปัจจุบันนี้ ทำแต่ประโยชน์แก่ตัวเองและส่วนรวมล้วนๆ เราไม่เคยทำบาปทำกรรมให้ผู้ใดเสียอกเสียใจเลย ทำแต่ความดีงามทั้งนั้น เราจึงเป็นที่ภาคภูมิใจที่ทำกับพี่น้องทั้งหลายตลอดมาจนกระทั่งปัจจุบันนี้ ทำด้วยความบริสุทธิ์ใจ มีความเมตตาสงสารครอบตลอดไปเลย เพราะฉะนั้นจึงสะอาดทุกอย่างที่เราทำไป ใครจะโจมตีแบบไหนๆ ก็ตามพี่น้องทั้งหลายอย่าฟังนะ เสียงนี้เป็นเสียงธรรมล้วนๆ เราบวชมาเพื่อความสัตย์ความจริง เพื่อพระพุทธเจ้า พระธรรม พระสงฆ์ ซึ่งเป็นองค์เลิศเลอของโลก ไม่มีคำว่าหลอกลวงต้มตุ๋นเลยในพระรัตนตรัยของเรา
เราก็บวชมาเพื่ออุทิศพระพุทธเจ้า พระธรรม พระสงฆ์ อุทิศตนเพื่อธรรมทั้งหลายเหล่านี้จึงไม่เคยมีในความทุจริตที่จะเข้ามาติดจิตติดใจของเรา มีแต่ความสะอาดสะอ้าน โดยเมตตาธรรมครอบมาไว้ทั้งนั้น บริจาคทานก็ถึงไหนถึงกัน หมดเป็นหมด ยังเป็นยัง เราไม่เคยคิดว่าอันนั้นหมดไปเท่านี้ ยังเหลือเท่าไร เราไม่เคยคิด ถ้าคิดอย่างนี้เราทำไม่ได้ มีแต่จะทำๆ ถ่ายเดียวเท่านั้น เอา หมดเป็นหมด ยังเป็นยัง เท่านั้นเอง นี่ละเราทำด้วยความบริสุทธิ์ใจต่อพี่น้องทั้งหลาย ตั้งแต่บวชมาเป็นเวลา ๗๑ ปีนี้แล้ว สร้างตั้งแต่ความดีงามตลอดมาจนถึงวาระสุดท้ายเวลานี้แหละ ดังท่านทั้งหลายเห็น
ไปที่ไหนประชาชนแน่นหนาไปอย่างนี้ ด้วยความอนุโมทนาสาธุการ ด้วยความร่วมมือในการสร้างกุศลของเราแก่โลกทั้งหลาย ไปที่ไหนเต็มไปหมดๆ อย่างนี้แหละบรรดาประชาชน ท่านทั้งหลายเหล่านี้มาอนุโมทนาสาธุการ มาร่วมบริจาคทานเพื่อประโยชน์แก่ส่วนรวมคือโลกกว้างๆ นั่นละ เราก็ได้ทำตามนั้นทุกอย่างๆ เราไม่มีอะไรติดตัวเลย แม้ที่สุดเวลาเราจะตายเราก็เขียนพินัยกรรมไว้แล้วอย่างชัดเจน มีสักขีพยานเขียนไว้เรียบร้อยแล้วว่า เวลาหลวงตาตายนี้ เงินที่พี่น้องทั้งหลายมาบริจาคทาน ไม่ให้ไปทำชุ่ยๆ ชี่ๆ อะไร แบบสร้างนั้นสร้างนี้ประดับประดาตกแต่งเกี่ยวกับศพกับเมรุของหลวงตาบัว ห้ามทั้งนั้นเลย
เงินที่เขาบริจาคมา บรรดาศรัทธาทั้งหลายบริจาคมาเพื่อเผาศพหลวงตาบัวนี้ เราจะตั้งกรรมการขึ้นให้เก็บหอมรอมริบในเงินจำนวนนี้ทั้งหมด แล้วเอาไปซื้อทองคำเข้าสู่คลังหลวงโดยสิ้นเชิง หลวงตาบัวจะเผาด้วยไฟ สำหรับเงินยังเป็นประโยชน์แก่ผู้มีชีวิตอยู่ ก็เอาไปทำประโยชน์ต่อไป สำหรับร่างกายของเรานี้มีไฟเท่านั้นที่รับรองกันได้ เราก็จะเผาด้วยไฟ ตายแล้วหายห่วง ขอให้พี่น้องทั้งหลายทราบว่า ชาตินี้เป็นชาติสุดท้ายของเรา เราจะไม่กลับมาเกิดอีก ประกาศป้างๆ อยู่นี้เป็นเวลา ๕๔-๕๕ ปีนี้แล้วไม่สงสัย
ดังพระพุทธเจ้าตรัสรู้ผางประกาศป้างให้เบญจวัคคีย์ฟังว่า ญาณญฺจ ปน เม ทสฺสนํ อุทปาทิ ความรู้ความเห็นอันเลิศเลอได้เกิดขึ้นแล้วแก่เรา อกุปฺปา เม วิมุตฺติ ความหลุดพ้นจากกิเลสและกองทุกข์ทั้งมวลของเราไม่มีการกำเริบอีกแล้ว อยมนฺติมา ชาติ ชาตินี้เป็นชาติสุดท้ายของเรา นตฺถิทานิ ปุนพฺภโว ตั้งแต่บัดนี้ต่อไปเราจะไม่กลับมาเกิดแบกภพแบกชาติแบกกองทุกข์อีกต่อไปแล้ว นี่แสดงให้แก่เบญจวัคคีย์ทั้งห้าฟัง เหมือนหนึ่งว่าประกาศท้าทายความจริงก็ไม่ผิด หรือแสดงความจริงให้เบญจวัคคีย์เป็นกำลังใจก็ไม่ผิด ต่อมาพระเบญจวัคคีย์ทั้งห้าก็ได้สำเร็จเป็นพระอรหันต์ขึ้นมาทั้งห้าองค์ จากธรรมของพระพุทธเจ้า นี่ละศาสดาของเราท่านท้าทายขึ้นมาตั้งแต่วันตรัสรู้ทีแรก
อันนี้ก็ผางขึ้นมาเท่านั้น เป็นอันว่าท้าทายในขณะเดียวกัน เพราะเป็นธรรมแบบเดียวกัน รู้อย่างเดียวกัน เห็นอย่างเดียวกัน สงสัยไปที่ไหน ขึ้นอุทานภายในใจนั้นเลย เราก็ได้เคยพูดแล้ว เมื่อคืนนี้ก็ได้พูดให้พี่น้องทั้งหลายฟัง ธรรมเหล่านี้เราไม่เคยคิดเคยคาดว่าจะเป็นขึ้นภายในจิตใจของเรา ไม่เคยฝันเลยละ ผางขึ้นมาเท่านั้นออกอุทานเลยว่า เหอ พระพุทธเจ้าตรัสรู้ ตรัสรู้อย่างนี้ละเหรอๆ อย่างที่เป็นในหัวใจเรานี้แหละ ธรรมแท้เป็นอย่างนี้ละเหรอๆ ซ้ำแล้วซ้ำเล่า ด้วยความ...ถ้าภาษาของเราเรียกว่าตื่นเต้น ไม่เคยมีเคยเป็นแต่ได้เป็นขึ้นในหัวอกเรานี้แล้วในธรรมทั้งหลายเหล่านั้น และพระสงฆ์แท้เป็นอย่างนี้ละเหรอๆ ซ้ำแล้วซ้ำเล่า
นอกจากนั้นก็ประมวลลงมา เหอ พระพุทธเจ้า พระธรรม พระสงฆ์ มาเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันได้อย่างไร นี่เราเคยคิดเมื่อไร ครั้นเวลาขึ้นมานี้เป็นอันเดียวกันแล้ว พระพุทธเจ้าทุกๆ พระองค์ สาวกอรหันต์ทั้งหลายทุกองค์เป็นอันเดียวกันแล้วด้วยน้ำมหาวิมุตติมหานิพพาน เทียบกับน้ำมหาสมุทรทะเลหลวง ไหลลงมาจากสายไหนๆ ก็ตาม มาจากบนฟ้าก็ตาม พอเข้ามาถึงน้ำมหาสมุทรแล้วเป็นน้ำมหาสมุทรอันเดียวกันหมด นี่ก็เหมือนกันใจเมื่อไหลเข้าไปสู่วิมุตติธรรม มหาวิมุตติ มหานิพพานแล้วก็เรียกว่าเป็นมหาสมุทรอันเดียวกัน จึงไม่ถามกัน บรรดาสาวกทั้งหลายไม่ถามถึงพระพุทธเจ้าเพราะเป็นอันเดียวกันแล้ว ถามกันหาอะไร นี่ผลแห่งการประพฤติปฏิบัติ
เราก็ได้ปฏิบัติมาเต็มกำลังความสามารถของเรา ที่เราไปประกาศธรรมทั้งหลายทั้งปวงแก่โลกทั้งหลายนี้ เรียกว่าในเมืองไทยเรานี้จะมีหลวงตาบัวองค์เดียวก็ได้ไม่ใช่คุย ที่เทศน์มากที่สุดเลย ไม่ว่าจะออกทางเทป ออกทางวิทยุ ออกทางอินเตอร์เน็ตอะไรทั่วโลกเลย ก็คือธรรมหลวงตาบัวที่เกิดขึ้นจากภาคปฏิบัติของตน และเป็นสมบัติของตนล้วนๆ แล้วนั้นแล ออกแจงแก่พี่น้องทั้งหลาย เราจึงไม่เคยมีสะทกสะท้าน ธรรมะของเราที่แสดงออกไปด้วยความแม่นยำจากใจของเรานี้แม่นยำดีแล้ว ตั้งแต่ขณะโลกธาตุไหว กิเลสขาดสะบั้นออกไปจากใจ จิตดีดดิ้นขึ้นมาผึงเท่านั้น ถึงอุทานขึ้นมา เหอ พระพุทธเจ้าตรัสรู้อย่างนี้ละเหรอๆ มันถึงใจมันกระเทือนใจถึงขนาดว่าขันธ์นี้น้ำตาร่วงไม่รู้ตัว นี่ขันธ์กระเพื่อมเข้าใจไหม
ใจธรรมชาติอันนั้นไม่มีอะไร แต่ขันธ์อยู่ในวงสมมุติกระเพื่อมเต็มตัว ร่างกายไหวไปเลยเชียว และน้ำตาร่วงขึ้นมาทันที นี่เรียกว่าขันธ์มันไหว ขันธ์แสดงตัว ธรรมดาธรรมชาติที่วิมุตติหลุดพ้นคือเป็นธรรมธาตุนั้นเป็นอันหนึ่งต่างหาก ขันธ์ที่ยังตื่นเต้นอยู่เหมือนกับสมมุติทั่วไป เมื่อได้เจอธรรมชาติที่เลิศเลอนั้นแล้วจึงอดตื่นเต้นไม่ได้ ถึงขนาดน้ำตาร่วงเลยทีเดียว วันนั้นไม่นอนทั้งคืน นั่งแล้วกราบพระพุทธเจ้าๆ แล้วนั่งเหมือนหัวตอ สักเดี๋ยวลงกราบพระพุทธเจ้า เพราะอัศจรรย์เกินคาดเกินหมาย ตั้งแต่เกิดมาในชีวิตของเรา สิ่งที่เราไม่เคยคาดเคยหมายได้รู้ขึ้นมาแล้วในคืนวันนี้ประจักษ์ใจ ตั้งแต่บัดนั้นตลอดมาเราจึงบอกว่า ชาตินี้เป็นชาติสุดท้ายของเรา เราจะไม่กลับมาเกิดอีกแล้ว
ญาณญฺจ ปน เม ทสฺสนํ อุทปาทิ เต็มหัวใจเราแล้วตามภูมิของเรา อกุปฺปา เม วิมุตฺติ ความหลุดพ้นไม่มีการกำเริบแล้วเต็มหัวใจของเรา อยมนฺติมา ชาติ ชาตินี้เป็นชาติสุดท้ายของเรา แม้เป็นหนูตัวหนึ่งก็เป็นชาติสุดท้ายของเรา นตฺถิทานิ ปุนพฺภโว ต่อไปนี้เราจะไม่กลับมาเกิดอีกแล้ว นี่เต็มหัวใจของเรา แม้จะภูมิเท่าหนูก็เต็มตัวของหนูเราไม่สงสัย เต็มภูมิของเรา เกิดมาชาตินี้ได้ทำประโยชน์ให้พี่น้องทั้งหลายทั่วแดนไทยเรา ซึ่งเราก็ไม่เคยคาดเคยคิดว่าจะสมบุกสมบันช่วยพี่น้องทั้งหลาย มีทั้งขวากทั้งหนาม มีทั้งฟืนทั้งไฟตามเผาตามไหม้ตามกีดตามขวาง เราไม่เคยสนใจ เพราะธรรมอันนี้เหนือโลกไปแล้วจะเป็นอะไร ก็เหมือนมูตรเหมือนคูถมันกีดมันขวางอยู่ใต้ฝ่าเท้า คำว่าฝ่าเท้าหมายถึงธรรมที่สูงเยี่ยมกว่ามูตรกว่าคูถแล้ว เหยียบไปเลยๆ ไม่สนใจกับอะไร เพราะธรรมชาตินี้เหนือไปหมดแล้ว ใครจะมีการคัดค้านต้านทานก็เป็นเรื่องของมูตรของคูถของส้วมของถานที่อยู่ในวงสมมุติ ธรรมชาตินั้นนอกเหนือนี้ไปหมดแล้ว ไม่เคยสนใจเป็นอารมณ์
นี่เราได้บำเพ็ญประโยชน์แก่โลกด้วยความไม่หวั่นไม่ไหวอะไรทั้งนั้น เป็นครั้งสุดท้ายของเรา ตายแล้วนี้ก็เป็นอันว่าหมดโดยสิ้นเชิง สมมุติสามแดนโลกธาตุนี้เราจะแบกมารวมอยู่ในขันธ์ ขันธ์นี้เป็นธรรมชาติที่รับผิดชอบ พาอยู่พากินพาขับพาถ่ายพาหลับพานอน มีความทุกข์นั้นทุกข์นี้เป็นอยู่ในขันธ์ ผ่านไปผ่านมาอยู่กับจิตที่รับรู้นั้นแล จิตก็เพียงรับรู้ ธรรมชาตินี้ก็ผ่านไปผ่านมาอยู่ในธาตุในขันธ์ รวมสามแดนโลกธาตุนี้ในบรรดาสมมุติมาอยู่ที่ขันธ์ รับทราบที่ขันธ์ๆ พอขันธ์ดับพรึบลงไปนี้ สามแดนโลกธาตุนี้พรึบพร้อมกันหมด นั่นท่านเรียกว่าปรินิพพาน คือดับสนิทไม่มีอะไรเหลือเลยขึ้นชื่อว่าสมมุติแล้ว เหลือแต่ธรรมชาติที่ว่าทองคำทั้งแท่งหรือว่าธรรมธาตุเท่านั้น
นั่นละพระพุทธเจ้า สาวกทั้งหลาย ท่านทรงธรรมธาตุอันนี้ไว้โดยสมบูรณ์แบบ นี้เป็นธรรมเที่ยงแท้ ท่านเรียกว่านิพพานเที่ยง คือธรรมธาตุนี้แล ดับหมดแล้วในบรรดาสมมุติไม่เข้าเกี่ยวข้องกับนั้นได้เลย นี่เราก็เต็มหัวใจเราแล้ว เราจึงกล้ามาพูดให้พี่น้องทั้งหลายฟัง เพราะเราไม่ต้องการความเยินยอสรรเสริญ ความติฉินนินทา เราพูดเฉพาะความจริงของเราเท่านั้นออกมา ใครจะตำหนิติเตียนหรือชมเชยสรรเสริญอะไรเราไม่สนใจ สิ่งเหล่านี้เป็นส่วนเกิน เป็นสมมุติทั้งมวล ธรรมชาตินั้นไม่ใช่สมมุติ ใครจะเอาอะไรไปใส่ก็ไม่ติด เอาความชมเชยไปใส่ก็ตกออก เอาความนินทากาเลไปใส่ก็ตกออกเหมือนกันหมด เรียกว่าพอแล้ว เหมือนน้ำเต็มแก้ว เอาน้ำมหาสมุทรมาเทมันก็ล้นออกหมดนั่นแหละ อย่าว่าแต่น้ำในบึงในบ่อมาเท แก้วที่เต็มด้วยน้ำแล้วเอาน้ำมหาสมุทรมาเทๆ ก็ล้นออกเหมือนกันหมด
จิตใจประเภทนี้ก็เหมือนกัน ไม่ว่าความชมเชยเลยจรวดดาวเทียมไปก็อยู่ในวงสมมุติ ตกผล็อยไปทั้งนั้น ตกไปหมด ความนินทากาเลตกไปหมดไม่มีอะไรเหลือ เหลือตั้งแต่ธรรมชาติที่พอตัวแล้ว คือธรรมธาตุๆ นั้นแล จึงขอให้พี่น้องทั้งหลายบำเพ็ญกองการกุศลผลบุญ นี้ละจะพาดึงเราขึ้นสู่ทางดิบทางดี
วันนี้บรรดาญาติมิตรพี่น้องของเราเต็มโลกดินแดนนี้ต่างคนก็ต่างมา เรามีญาติมีวงศ์ด้วยกันมาทำบุญอุทิศส่วนกุศลทั่วแดนโลกธาตุ ต่างคนต่างมีญาติมีวงศ์ ต่างคนก็ต่างมา พวกเปรตพวกผีนี้จะมารับส่วนบุญของเรา วันนี้ท่านเหล่านั้นจะกลับไปด้วยความยิ้มแย้มแจ่มใส ทางสวรรค์เปิดโล่งวันนี้ เพราะพวกเปรตทั้งหลายได้รับส่วนกุศลของพี่น้องทั้งหลายหนุนขึ้นไป แต่ส่วนที่ไม่ได้รับเพราะพวกญาติพวกมิตรไม่สนใจที่จะทำบุญอุทิศทานให้ ท่านเหล่านี้มาก็เหือดแห้งกลับไปเสวยกรรมเป็นเปรตอันเก่านั้นแหละ พวกที่มาเปลี่ยนภพเปลี่ยนชาติจากเปรตจากผี กลายเป็นเทวบุตรเทวดาขึ้นสวรรค์ชั้นพรหมไปเรื่อยๆ เพราะอำนาจแห่งบุญแห่งกุศล
เพราะฉะนั้นจึงได้ทำบุญกุศลแผ่ทั่วแดนโลกธาตุ ถือเอาวันที่ ๓๐ วันโยมแม่เสียไป เป็นวันที่แผ่มหากุศลผลบุญทั้งหลาย ที่พี่น้องทั้งหลายบริจาคนี้ ได้อุทิศส่วนกุศลถึงพวกญาติของตนๆ ทั่วถึงกัน ให้พากันเข้าใจเอาไว้นะ วันนี้พูดเพียงเท่านี้ละ แล้วขอความสวัสดีจงมีแก่บรรดาพี่น้องทั้งหลายโดยทั่วกันเทอญ
หลวงปู่ลี ผาแดง มาเพิ่มเติมเป็นทองคำอีก ๑ กิโล รวมเป็นผาแดง ๔ กิโลนะ ทองคำถึงเดี๋ยวนี้ได้ ๑๑ กิโล ๑๘ บาท ๔๒ สตางค์
นางจันดี โลหิตดี ชาวบ้านตาดและคณะลูกศิษย์หลายๆ แห่ง ขอถวายทองคำและเงินแด่องค์หลวงตาดังนี้ ทองคำ ๑ กิโล เงินไทย ๖,๕๐๐ บาท เงินต่างประเทศ ๑๕๐ ดอลล์สหรัฐ กับ ๘๐ ปอนด์อังกฤษ ตอนนี้ทองคำได้เป็น ๑๒ กิโลแล้ว
ชมถ่ายทอดสดพระธรรมเทศนาของหลวงตาตามกำหนดการ ได้ที่
www.Luangta.com หรือ www.Luangta.or.th
|