|
/body onLoad="MM_preloadImages('../images/link_2_6_a.gif')">
/SCRIPT LANGUAGE="javascript1.1" page="dhamma_online";
/SCRIPT LANGUAGE="javascript1.1" src="http://truehits1.gits.net.th/data/e0008481.js">
|
|
|
หลักใหญ่อยู่กับความโลภ |
|
วันที่ 2 กันยายน 2545
สถานที่ : วัดป่าบ้านตาด |
| | ดาวน์โหลดเพื่อเก็บไว้ในเครื่อง ให้คลิกขวาแล้วเลือก Save target as .. จาก link ต่อไปนี้ :
| |
ค้นหา :
หลักใหญ่อยู่กับความโลภ
(คณะทำงานชาวจังหวัดอุดรกราบขอความเมตตาจากหลวงตา ให้ช่วยประชาสัมพันธ์ให้ชาวจังหวัดอุดรโดยทั่วไป ทราบถึงความเดือดร้อนที่บริษัทต่างชาติจะเข้ามาสำรวจขุดเจาะหาแร่โปแตสเซียม ในเขตจังหวัดอุดรธานี ผลกระทบจากโครงการดังกล่าว อาทิ แผ่นดินถล่ม เกลือจากใต้พื้นดินจะขึ้นมาด้วย)
อันนี้เขาก็จะต้องมีข้อรับรองยืนยันกันละมั้ง พวกนี้ไม่ใช่ตั้งใจจะมาสังหารเมืองอุดรเรา การที่จะตกลงอะไรเขาต้องมีข้อยืนยันรับรอง เช่นอย่างความปลอดภัยทุกอย่างคงจะมี อะไรจะต้องไปอยู่กับนายกนั่นแหละ เวลานี้เราวินิจฉัยอย่างนี้นะ เพราะเราเชื่อนายก เราไม่ได้เชื่อเรา ดีละพี่น้องทั้งหลายมาปรึกษาหารือก็ดีแล้ว เรื่องเหล่านี้เรายังรับอะไรไม่ได้นะ แต่การพิจารณาขึ้นทิศต่าง ๆ นี้เราจะเริ่มคิดตั้งแต่บัดนี้ต่อไปเกี่ยวกับเรื่องเหล่านี้ จากนี้ก็จะเกี่ยวข้องไปถึงนายก ยังไงก็ถึงได้แน่ ๆ ไม่สงสัย แต่ต้องให้เหตุการณ์ทุกสิ่งทุกอย่างเป็นไปด้วยดีด้วยเหตุด้วยผล
เช่นอย่างเขาจะมาขุดแร่นี้ แล้วก็กลัวอะไรจะถล่ม ถ้าอย่างนั้นพวกนี้ก็ตั้งหน้ามาสังหารซิ เราก็ต่อสู้กัน ไปเรียกเอาหมาเรา ๘ ตัวมาช่วยกันฟาดให้มันหลงทิศไปเลย อยู่ ๆ จะมาปล้นเอาบ้านเมืองเราไม่ได้ หมาเรามันยังมีเจ้าของ ทำไมชาติไทยไม่มีเจ้าของ สมบัติของใครไม่มีเจ้าของมีอย่างเหรอ แม้แต่หมายังเป็นเจ้าของของชาติไทย เรียกไอ้ปุ๊กกี้ ไอ้หยองมาทันทีเลย ให้ช่วยกันเดี๋ยวนี้
ทำใจให้สงบเสียก่อนนะ เราจะเอาไปพิจารณา เอะอะไปเดือดร้อนถึงหมาเราด้วยนี่ (เขาพอใจแล้วครับ) เออ เราจะรับทุกสิ่งทุกอย่างไว้พิจารณา แล้วจะกระจายเข้าไปถึง ไม่พ้นแหละจะถึงนายกแน่ ๆ ตามเหตุการณ์ที่ควรจะถึงแค่ไหน ๆ จะตามกันไปเหมือนไฟได้เชื้อ เอาละ เรารับไว้พิจารณา เราก็กลัวเหมือนกันนี่ วัดป่าบ้านตาดเราก็จะพัง สุดท้ายหมูหมาเป็ดไก่วิ่งอยู่ตามนี้ก็จะพังเหมือนกัน เราจะไม่เสียดายยังไง เราจะไม่หวงยังไง เราต้องหวงซี เข้าใจนะ บอกว่าหมูหมาเป็ดไก่หลวงตาบัว หลวงตาบัวยังหวง พี่น้องชาวไทยเราเฉพาะอย่างยิ่งเมืองอุดรซึ่งกำลังได้รับความเดือดร้อนจะไม่หวงได้ยังไง พากันไปประกาศอย่างนี้เลยนะ ตั้งแต่ไอ้หยองไอ้ปุ๊กกี้ หลวงตาบัวยังห่วงยังหวง พี่น้องชาวไทยเราเฉพาะอย่างยิ่งเมืองอุดรจะไม่หวงได้ยังไง ให้นอนใจให้สบายใจได้นะ หลวงตาบัวจะติดตามดูอะไรเข้ามาเกี่ยวข้องกับหมาเรา จะตามฟัดมันเลยเทียว
มันมีเหตุผลต้นปลายเป็นมายังไง ไม่ใช่เรื่องเล็กน้อย เราจะต้องเสาะทุกอย่างนะ ควรจะเข้าถึงไหน ๆ มันจะไปของมันเอง เวลานี้เพียงรับทราบข้อมูลไว้ก่อนเท่านั้น ฟังแต่ว่าขุดอุโมงค์อะไรต่ออะไร (เขาขอสัมปทานเขาก็ต้องขุดสำรวจ ทีนี้การทำอะไรต่าง ๆ มันต้องเป็นขั้นตอนตามกฎหมาย) นั่นแล้วมันมีเหตุมีผลอย่างนั้น เพราะฉะนั้นเราถึงไม่กล้าที่จะพูดออกมาอะไรได้ ต้องพิจารณาตามสาเหตุเป็นลำดับลำดา ควรจะเข้าขั้นใดตอนใด จะเป็นไปตามขั้นตามตอน ไม่ใช่อยู่ ๆ ก็จะมาบุกเมืองอุดร ไม่ได้ เขาต้องมีเหตุผลอะไรของเขา จะพิจารณายังไงสมควรยังไงอันนี้ก็อยู่กับนายกเรา เราก็เชื่อนายกเรา รอบคอบทุกสิ่งทุกอย่าง
นายกเราสำคัญอยู่มากนะ เราเชื่อมาตลอด ออกอุบายวิธีการใด ๆ รอบคอบ ๆ เข้ากับธรรมได้ปั๊บ ๆ เลย นี่เราก็เชื่อ ถึงเรื่องราวมันจะสกปรกมาเบื้องต้นก็ตาม แต่ผู้ที่จะตามชะตามล้าง เวลานี้ก็นายกเราเป็นผู้รับแผ่นดินไทยไว้ จะต้องพิจารณาอย่างรอบคอบทุกอย่าง ทั้งจะอนุญาตหรือไม่อนุญาต หรือจะผ่อนผันสั้นยาวกันยังไง เป็นเรื่องของนายกเราจะพิจารณาอย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วย ให้เชื่อนายกเราไว้นะ เอาอย่างนี้ก่อน สำหรับหลวงตาถ้าควรจะถึงนายกไม่ต้องบอกก็ได้ เอาไว้ก็ไม่อยู่เมื่อถึงกาลเวลาที่จะควรถึงแล้ว เอาไว้ไม่อยู่ ถึงทันทีเลย ถ้ายังไม่ถึงนี้ลากไปก็ไม่ไป เข้าใจนะ ให้มีเหตุผลอย่างนี้ซี
โลกมันร้อนอย่างนี้เห็นไหมล่ะ นี่ละเรื่องของโลกมันเป็นอย่างนี้ ของโลกของโลภมันเป็นอย่างนี้ ให้อยู่พออยู่พอกินไม่อยู่ บนพื้นดินไม่อยู่ ไปอยู่ใต้ดิน แล้วก็กระทบกระเทือนใครต่อใครเข้าไปอย่างนี้เห็นไหมล่ะ นี่ละอำนาจของความโลภ พี่น้องทั้งหลายดูเอานะ เขาจะทำไปเพื่ออะไร หลักใหญ่อยู่กับความโลภ อยู่ตรงนี้ไม่อยู่ที่อื่น จะบรรยายไปให้ไพเราะเพราะพริ้งขนาดไหนก็ตาม ไม่พ้นความโลภฝังอยู่ลึก ๆ ดันออกไปให้ดีดอย่างนั้นให้ดิ้นอย่างนี้ ดิ้นไปไหนก็มีแต่ฟืนแต่ไฟเผากัน เวลานี้ก็จะเผาเมืองอุดร แน่ะ ก็คือความโลภนั้นแหละ ตั้งชื่อไพเราะเพราะพริ้ง ทำอย่างนั้นทำอย่างนี้ เพื่อบ้านเมืองเจริญอย่างนั้นอย่างนี้ นี่เรื่องกิเลสมันหว่านล้อมตัวของมันไปเรื่อย ๆ มันทำลายไปเรื่อยภายใน ข้างนอกมันก็หว่านล้อม ๆ ไป กล่อมจิตใจของประชาชนที่โง่ให้เป็นไปตามมัน นี่เราพูดเรื่องของอันนี้ มาจากไหนต้นเหตุมัน ก็มาจากความโลภนั้นแหละจะมาจากไหน
อันนี้เพียงแต่รับข้อมูลไว้ก่อนเท่านั้น มีโอกาสแล้วจดหมายจะติดตามไปถึงนายก ไม่รอ เมื่อถึงกาลเวลาที่ควรจะเข้าถึงนายกเอาไว้ไม่อยู่ พูดจริง ๆ ถึงปึ๋งเลยเทียว เมื่อยังไม่ถึง ดึงไปก็ไม่ไป ต้องมีเหตุมีผลทุกสิ่งทุกอย่าง อำนาจบาตรหลวงเป็นเรื่องป่า ๆ เถื่อน ๆ นี้ กำลังทำความเดือดร้อนแก่ชาติแก่ศาสนาเห็นไหมล่ะ เป็นของดีอะไรอำนาจบาตรหลวงนี่ เราไม่นำมาใช้แบบนี้ จะมีแต่เรื่องอรรถเรื่องธรรมเรื่องเหตุเรื่องผลล้วน ๆ ไปเลย นั่นเรียกว่าธรรม แล้วทำความสงบร่มเย็นได้ เป็นแบบอำนาจบาตรหลวงป่า ๆ เถื่อน ๆ มีแต่ย่ำยีตีแหลกไปโดยลำดับลำดา เวลานี้บ้านเมืองเราก็พอเงียบ ๆ บ้างนิดหน่อย เงียบ ๆ ก็เพื่อจะปะทุขึ้นในสิ่งที่มันควรจะปะทุ เกี่ยวกับเรื่องความเป็นภัยของมันนั้นแหละมันจะผลักดันออกมา มันก็เป็นอยู่อย่างนั้น นี่ละเรื่องป่า ๆ เถื่อน ๆ
ต่อไปนี้จะอ่านให้ฟัง อันนี้เป็นเรื่องแผ่นดินไทยเราไม่ใช่เรื่องเมืองอุดรเมืองเดียว อย่าพากันเดือดร้อนเกินเหตุเกินผล แผ่นดินไทยกำลังเดือดร้อนให้พากันฟังนะ สรุปทองคำ ดอลลาร์ และกฐิน วันที่ ๑ กันยายน ทองคำได้ ๑ บาท ฟังซิน่ะคนทั้งประเทศทั้งวันได้ทองคำ ๑ บาท ฟังซิมันน่าเสียวไหมหัวใจคนไทยเรา ดอลลาร์ได้ ๑๒๔ ดอลล์ กฐินทองคำได้ ๖๓ กอง เงินสดได้ ๑๓ กอง รวมเป็น ๗๖ กอง ทองคำที่มอบเข้าคลังหลวงแล้วเวลานี้ ๕,๐๕๙ กิโลครึ่ง ทองคำที่ได้หลังจากการมอบเข้าคลังหลวงเรียบร้อยแล้วตั้งแต่วันที่ ๑๑ เมษายน ๔๕ ได้เพิ่มขึ้นมาอีก ๒๐๓ กิโล ๖๔ บาท ๙๖ สตางค์ รวมทองคำทั้งหมดได้ ๕,๒๖๓ กิโล กฐินทองคำ ๘๔,๐๐๐ กองนั้น เฉพาะทองคำเวลานี้ได้แล้ว ๕๓๒ กอง เท่ากับน้ำหนัก ๒ กิโล ๒ บาท เงินสดได้ ๒,๒๙๖ กอง เท่ากับเงินสด ๓,๖๗๓,๖๐๐ บาท รวมกฐินทองคำและเงินสดได้ ๒,๘๒๘ กอง ยังขาดอยู่อีก ๘๑,๑๗๒ กอง
ให้พากันดิ้นนะ อันนี้ใหญ่โตมากครอบทั่วประเทศไทย เมืองอุดรครอบได้แค่นี้เท่านั้น อันนี้กระเทือนมาก ให้พากันดึงอันนี้ให้ได้ก่อนนะ ฟาดอันนี้ให้ได้เสียก่อนแล้วเมืองอุดรเราเอาเมื่อไรก็ได้ เพราะหลวงตาเกิดเมืองอุดร อันนี้มันครอบทั่วประเทศไทย เราต้องเอาอันนี้ให้หนักก่อน พากันจำทุกคนนะ เวลานี้กำลังหนักอยู่อันนี้ ส่วนเมืองอุดรเราเอาไว้เสียก่อนไม่เป็นไรแหละ
ทองคำเราได้ตั้ง ๕,๒๖๓ กิโลแล้ว ยังขาดอยู่อีก สี่พันกว่ากิโลจะถึงจุดคือ ๑๐ ตัน สิบตันนี้ตั้งจุดหมายไว้ครอบประเทศไทยของเรา ให้จำเอาไว้อันนี้ จะพยายามให้สุดความสามารถในทอง ๑๐ ตัน นี้มีน้ำหนักมากครอบประเทศไทยของเรา ประดับได้อย่างสง่างาม โลกไหนมองมานี้เห็นหมด ถ้าลงได้ทองคำน้ำหนัก ๑๐ ตันแล้ว เมืองนอกเมืองนาโลกไหนมองมานี่สง่างามครอบเมืองไทยเราไว้ เหลืองอร่ามไปเลย
นี่ละเครื่องประดับเมืองไทยเรา เวลานี้ไม่ขาดมากนักนะ เพียง ๔ ตันกว่ากิโล รวมแล้วจะเป็น ๑๐ ตัน ที่ได้มาแล้ว ๕,๐๐๐ กว่าแล้วเรียกว่า ๕ ตันกว่า นี่ยังขาดอยู่เพียง ๔ ตันกว่า ยังไงต้องเอาให้ได้นะเรา เอาอันนี้ให้ได้ก่อน กำแพงกั้นเมืองไทยเรา แล้วเครื่องประดับเมืองไทยเราเหลืองอร่ามก็คือทองคำ ๑๐ ตัน แล้วดอลลาร์ติดตามกันไปด้วย เวลานี้ดอลลาร์เราได้ ๗ ล้านแล้ว กว่าทองคำจะได้ถึง ๑๐ ตันนั้น เราแน่ใจว่าดอลลาร์นี้จะได้ถึง ๑๐ ล้านนะ เวลานี้ได้ ๗ ล้านแล้ว ยังขาดอยู่ ๓ ล้าน แล้วทองคำยังขาดอยู่ตั้ง ๔ ตันกว่า กว่าทองคำจะคืบคลานไปถึงจุดที่หมาย ดอลลาร์นี้ก็จะต้องถึง ๑๐ ล้านไม่อาจสงสัยแหละ เราแน่ใจได้ จึงขอให้พี่น้องทั้งหลายสร้างความแน่ใจของเราไว้กับชาติไทยของเรา ด้วยความรักชาติของเรานะ
ความพร้อมเพรียงสามัคคีเป็นกำลังมากทีเดียว ไม่ได้ขึ้นอยู่กับคนมีคนจนอะไร ขึ้นอยู่ความรักชาติ ทีนี้ความเสียสละมันจะตามมา ตามความรักชาติมา ด้วยความพร้อมเพรียงสามัคคีของพี่น้องชาวไทยเราทั้งชาตินั้นแหละ ให้ยึดหลักนี้ไว้ให้ดี อันนี้เป็นสำคัญมากอันหนึ่ง ที่ประจำประเทศไทยของเรา
ตั้งหน้าตั้งตาปฏิบัติให้เต็มเม็ดเต็มหน่วยนะ เอาให้จริงให้จัง เวลานี้เป็นเวลาที่จริงจังมากต่อชาติไทยของเรา ไม่ใช่เป็นเรื่องเหลาะ ๆ แหละ ๆ เราต้องเอาให้จริงให้จัง ทองคำเราจะได้ก็ได้คราวนี้นะ พี่น้องกรุณาทราบทั่วหน้ากัน ในแดนไทยเรานี้ทองคำเราจะได้ ตั้งแต่ที่ได้มาแล้วจนกระทั่งถึง ๑๐ ตันจะได้ในคราวนี้ คราวที่พี่น้องทั้งชาติช่วยชาติไทยของเราด้วยวิธีการต่าง ๆ ก็มารวมเข้าที่จุดทองคำ คราวนี้จะได้ ถ้าผ่านคราวนี้ไปแล้วเกิดตายๆ เท่าไรก็ไม่ได้ละนะ คราวนี้เป็นคราวที่จะได้ประดับชาติไทยของเราให้สง่างาม กุลบุตรสุดท้ายภายหลังก็จะได้ชมบารมีของพ่อของแม่ ปู่ย่าตายาย บรรพบุรุษสืบต่อไป มีความสง่างามไม่สุดสิ้นลงไปนะ เพราะเราได้วางความสวยความงาม ความแน่นหนามั่นคงไว้แล้วแก่ลูกหลานแห่งชาติไทยของเรา
คิดดูซิชาติไทยของเรามีแต่ปู่ย่าตายายมา ก็พาถ่อพาพายมาจนกระทั่งถึงป่านนี้แล้ว ทีนี้เมืองไทยเรามายุคนี้ก็เอนหน้าเอนหลังจะล่มจะจมแล้วค่อนข้างจะจม เราทั้งหลายก็ต่างคนต่างฟื้นฟูขึ้นมาเป็นเวลา ๔ ปี ๕ ปีนี้แล้ว รู้สึกว่าทุกสิ่งทุกอย่างค่อยฟื้นฟูขึ้นมาตาม ๆ กัน อย่างเงินในคลังหลวงก็เพิ่ม อะไรเพิ่ม ๆ เข้าไป แม้ที่สุดอย่างที่ว่าขายพันธบัตรหรือซื้อพันธบัตร
โยม : ขายพันธบัตรครับ
หลวงตา : เออ อย่างขายพันธบัตรนี้ก็ได้เรียนพี่น้องทั้งหลายทราบแล้ว พันธบัตรนี้เป็นความลำบากลำบน เสี่ยงเป็นเสี่ยงตายเสี่ยงได้เสี่ยงเสีย เสี่ยงความล่มจมของชาติไทยเราเป็นอย่างมาก ทีนี้รัฐบาลก็เป็นรัฐบาลที่ประกันชาติไทย ตกลงก็ต้องเสี่ยงได้เสี่ยงเสียเสี่ยงเป็นเสี่ยงตาย ตัดสินออกมาเพื่อรับรองชาติไทยของเราต่อไป ด้วยวิธีการขายพันธบัตร พันธบัตรที่เคยขายมาแล้วก็ไม่ได้เรื่องได้ราว ๒-๓ บาทเท่านั้นไปขายได้ ๔-๕ เดือนก็ขายไม่ออก
นี่ละที่ทางรัฐบาลหนักใจเอามากคราวนี้ วงราชการหวั่นไปตาม ๆ กันเลย ที่จะนำพันธบัตรออกขายคราวนี้ เป็นความจำเป็นปรึกษาหารือกันเต็มเม็ดเต็มหน่วยด้วยความหนักใจด้วยกันทั้งนั้น แล้วตกลงก็มาลงจุดที่ว่า เอ้า เสี่ยงเป็นเสี่ยงตาย เสี่ยงได้เสี่ยงเสียแล้วคราวนี้ ถ้าไม่ไปทางนี้ก็ไม่มีช่องทางที่จะไปได้ จึงได้ประชุมตกลงกันเรียบร้อยแล้ว เอ้า เอาพันธบัตรออกขาย พันธบัตรขายตอนนี้มีอยู่ ๒ จุด คือ หนึ่ง พันธบัตรนี้จะออกขาย ๓ แสนล้านบาทโน่นนะ แล้วเราขายได้ภายใน ๓๐ วันก็ยังดี คือขายได้ ๓๐ วันหมดก็ยังดี หรือไม่เช่นนั้นจะเขยิบออกไปอีกเป็น ๔๕ ก็ยังดีอยู่ว่างั้น เอ้า ตัดสินกันแล้ว พอตัดสินกันแล้ว เอาพันธบัตรออกมาขายตามจำนวนที่กล่าวนี้แหละ ขายได้ ๒ วันกับครึ่งวัน
พอประกาศขายนี้ก็ใส่กันตูมตามเลยเทียวนะ เสี่ยงเป็นเสี่ยงตายของชาติไทยเรา โดยพี่น้องทั้งหลายเราเป็นผู้รับประกัน แล้วต่างคนต่างมารับประกัน ๆ เงินถึง ๓ แสนล้านบาทนั้น ขายภายใน ๒ วันกับครึ่งวันเท่านั้น ขายหมดเลยทีเดียวโดยไม่คาดไม่ฝัน ทั่วประเทศไทยในวงราชการต่าง ๆ เหลือเชื่อกันทั้งหมด เรียกว่ามันเป็นไปไม่ได้ว่างั้นเถอะ แต่ก่อนขายไม่กี่บาทก็ยังตั้งหลายเดือนก็ยังขายไม่ออก แต่คราวนี้เพียง ๒ วันครึ่งต่อเงิน ๓ แสนล้านบาท ขายหมดเกลี้ยงแล้วยังหลั่งไหลเข้ามาอีก ที่ขายหมดแล้วยังหลั่งไหลเข้ามาซื้อ ไม่ใช่น้อย ๆ นะ นี่ละจึงเหลือเชื่อกระเทือนในวงราชการทั่วประเทศไทย เหลือเชื่อ ๆ มาด้วยกันหมด ครั้นมาเจอของจริงเข้าแล้ว ความเหลือเชื่อล้มระนาว เห็นแต่ความจริงแสดงขึ้นมาเป็นความปีติยินดีทั่วประเทศไทย ไม่มีใครค้านแม้แต่รายเดียว มีไหม ดูว่ามีรัฐมนตรีคนหนึ่ง
(อันนั้นเขาหวังดี เขาติงไว้ ว่าอันนี้ทางหลวงตาก็ดี หรือลูกศิษย์หลวงตาก็ดี ทราบหรือยัง จะออกมาค้านหรือเปล่า เขาติงไว้เฉย ๆ รัฐมนตรีเขาติงด้วยความหวังดีครับ)
เออ รัฐมนตรีที่เขามีเจตนาหวังดีว่า ทำอย่างนี้หลวงตาก็ดีลูกศิษย์หลวงตาก็ดีจะออกมาคัดค้านหรือเปล่า พอดีหม่อมอุ๋ยเราผู้เป็นธนาคารชาติซึ่งก่อนหน้านี้ก็มาปรึกษาหารือกับเราเรียบร้อยแล้ว ก่อนเข้าทำงานนี่นะ หม่อมอุ๋ยเราที่เป็นผู้ว่าการธนาคารชาติทุกวันนี้ ทางนี้ก็ตอบขึ้นทันทีเลย ทางโน้นสงสัยกลัวว่าหลวงตาจะมาคัดค้าน กับลูกศิษย์ลูกหาจะมาคัดค้าน หม่อมอุ๋ยเราก็ตอบทันทีเลย ได้ขออนุญาตท่านทุกสิ่งทุกอย่างท่านอนุญาตเรียบร้อยแล้ว ถึงได้มาทำงานนี้ เท่านั้นฟังเสียงตบมือลั่นประเทศไทยเลยเข้าใจไหม
นี่ละเป็นอันว่าลงใจได้ พอบอกว่าท่านอนุญาตเรียบร้อยแล้ว ก็เรียกว่าหมดปัญหา เขาตบมือเพียบกันเลยพร้อมกัน เรื่องราวจึงจบลงไปด้วยความเหลือเชื่อ แต่เวลาเจอความจริงแล้วเต็มไปด้วยความตื้นตันจิตใจ ยินดีเอามากทีเดียว นี่ละเราอุ้มชาติบ้านเมืองของเรา ถึงขนาดที่ว่าเสี่ยงได้เสี่ยงเสีย เสี่ยงเป็นเสี่ยงตาย ยังกล้าตัดสินอย่างนี้ ว่างั้นเถอะนะ ก็ได้ผ่านไปได้ด้วยดี
เวลานี้ทองคำกำลังจะค้ำประกันชาติไทยของเราหนึ่ง เพื่อความศักดิ์ศรีดีงาม สง่าราศีทั่วแดนไทยเราหนึ่ง ให้สายตาภายนอกได้เห็น เพราะฉะนั้นจึงขอให้พี่น้องทั้งหลายได้พร้อมอกพร้อมใจซึ่งกันและกัน มีมากมีน้อยเราสละมา ทุกวันทุกเวลา น้ำมหาสมุทรเต็มได้ด้วยน้ำที่ตกทีละหยดละหยาด อันนี้ท้องคลังหลวงของเราก็แบบเดียวกัน จากศรัทธาทั้งหลายบริจาคมาคนละเล็กละน้อย คนละหยดละหยาด แล้วคลังหลวงนี้ไม่ได้ใหญ่ยิ่งกว่ามหาสมุทรนะ มหาสมุทรยังเต็มด้วยน้ำ คลังหลวงต้องเต็มด้วยสมบัติเงินทองจากการบริจาคของพี่น้องทั้งหลาย ขอให้เอาตรงนี้ให้ได้นะ วันนี้ก็พูดแค่นี้เสียก่อน
แล้วบรรดาพวกเด็กเล็กเด็กน้อยที่มา มาแทบทุกวันระยะนี้ก็ให้พากันมาศึกษาตามความสัตย์ความจริงที่ครูพามานะ อย่ามาสักแต่ว่ามา มาดูเถ่อ ๆ มอง ๆ มาดูแบบนักเลงโต อย่างนั้นไม่ได้นะ วัดนี้ไม่ใช่วัดนักเลงโต วัดศีลวัดธรรมวัดที่เป็นแบบฉบับประดับหัวใจของเราให้มีศีลมีธรรม มีความสง่างามในความเป็นเด็กเป็นผู้ใหญ่ หญิงชายเมื่อมีธรรมเข้าแทรกภายในใจแล้วจะเป็นความสง่างามตาม ๆ กันหมด เด็กก็น่ารักถ้าเด็กมีธรรม ผู้ใหญ่น่ารักหญิงชายน่ารัก ตลอดพระเจ้าพระสงฆ์ที่มีศีลธรรมครบถ้วนบริบูรณ์ตามแบบฉบับของพระแล้วน่ารักน่าเคารพน่าเลื่อมใสเหมือนกันหมด ธรรมไปที่ไหนไม่มีคำว่าครึว่าล้าสมัย มีแต่ความอบอุ่นเย็นใจตลอดไป จึงสมควรอย่างยิ่งที่พี่น้องชาวพุทธเราจะยึดหลักธรรมนี้เข้าสู่ใจ เป็นเครื่องอบอุ่นในตัวเราเอง
การคบค้าสมาคมของคนที่มีศีลมีธรรมภายในใจแล้ว จะเชื่อถือกันได้อย่างง่ายดาย สนิทสนมตายใจกันได้ ไม่จำเป็นต้องไปถามถึงชาติชั้นวรรณะกันนั้น อันนั้นเป็นเพียงตั้งไว้เฉย ๆ ไม่มีความหมายอะไร มันมีความหมายอยู่กับความประพฤติ และที่ออกมาจากจิตใจของแต่ละคน ๆ ที่มาคละเคล้าประสานกันแล้ว เป็นจิตใจที่มีศีลมีธรรมสงบเย็นไปตาม ๆ กันหมด ถ้าจิตใจไม่มีศีลมีธรรม ยกมาจากฟากเมฆโน้นก็มาเผากันได้ ไม่มีความหมายอะไร
เพราะฉะนั้นเรื่องชาติชั้นวรรณะ จึงไม่ได้มีความหมายยิ่งกว่าการประพฤติตัวเป็นคนดีด้วยศีลด้วยธรรม แล้วประสานกันด้วยศีลด้วยธรรม อันนี้ดีมากดีเลิศนะ ให้ลูกหลานทั้งหลายจำเอาไว้ ศีลธรรมจึงเป็นพื้นฐานไว้ตลอด เวลานี้ศีลธรรมห่างเหินจากตัวของเราเอง กิริยามารยาทมาจากใจของเรา จึงใกล้ชิดติดพันกับความเดือดร้อนวุ่นวายเข้าโดยลำดับลำดา ถ้าต่างคนต่างมีศีลธรรมระงับดับฟืนไฟเหล่านี้ไว้เป็นลำดับลำดาแล้ว จะพออยู่พอเป็นพอไป ไม่เดือดร้อนจนเกินไปนะ พากันจำเอา
เรื่องศีลธรรมพระพุทธเจ้าพูดตรง ๆ เลยว่า เวลานี้กำลังถูกเหยียบย่ำทำลายจากมูตรจากคูถ คือกิเลสตัณหาซึ่งเป็นเหมือนกับส้วมกับถาน เหยียบย่ำทำลายธรรมที่มีคุณค่าล้นโลกล้นสงสาร เทียบกับทองคำ จมลงไปใต้ส้วมใต้ถาน กิเลสเหยียบขึ้น อากัปกิริยาแสดงออกมีแต่เรื่องกิเลสเหยียบธรรม ซึ่งก็เหยียบเราแต่ละคน ๆ นั้นแหละ เหยียบไปเรื่อย ๆ อย่างนี้ จึงพากันให้ระลึกนึกน้อมถึงศีลถึงธรรม ยับยั้งความประพฤติของตัวเอง ไม่ดีตรงไหนให้หักให้ห้าม อย่าเป็นไปตามความอยากความทะเยอทะยานซึ่งไม่มีฝั่งมีฝาเลยนะ จะพาเราให้จมได้
ต้องมีธรรมในใจ เมื่อมีธรรมแล้วก็มีเบรกห้ามล้อ มีพวงมาลัยหมุนไปตามหน้าที่การงาน ที่เห็นว่าเป็นผลเป็นประโยชน์ เลี้ยวซ้ายเลี้ยวขวาไปตามความถนัดในหน้าที่การงานที่เป็นผลเป็นประโยชน์แก่ตน งานใดที่จะเป็นประโยชน์ความเสียหายแก่ตนและส่วนรวม เหยียบเบรกหนึ่ง แล้วหมุนพวงมาลัยกลับหนึ่ง อย่าให้ไป เราแต่ละคน ๆ เป็นเหมือนรถคันหนึ่ง ใจของเราเป็นคนขับรถ ร่างกายของเรานี้เป็นรถ ใจจะเป็นผู้สั่งการเอง จะดำเนินหน้าที่การงานประการใด ๆ ใจเป็นผู้สั่งการ ๆ แล้วหมุนพวงมาลัยคือร่างกายของเรากิริยาท่าทางไปตามนั้น ๆ
เพราะฉะนั้น จึงต้องให้อบรมจิตใจให้ดี จิตใจดีก็เหมือนคนขับรถดี รถแคล้วคลาดปลอดภัย ถ้าคนขับรถโกโรโกโสพารถไปแหลกแตกกระจัดกระจายลงในคลอง เจ้าของก็จม รถนั้นอย่างมากก็เข็นขึ้นมาแล้วไปซ่อมใหม่ใช้ได้อีกบางคัน บางคันก็จมไปเลย แต่คนส่วนมากมักจะจม ถ้ารถได้ลงคลองแล้วจม นี่ละคนขับไม่ดีเป็นอย่างนี้ พาเจ้าของให้จม นี่ก็เราขับตัวของเราขับขี่ตัวของเรา ถ้าเจ้าของไม่ดีจมได้นะ เป็นบาปเป็นกรรม อยู่ในโลกนี้ก็ร้อน ไปโลกหน้าก็ร้อน ถึงขั้นตกนรกหมกไหม้ เพราะความลืมตน ปล่อยเนื้อปล่อยตัวเสียหายไปได้นะ เอาละวันนี้พูดเพียงเท่านี้ ต่อไปนี้จะให้พร พูดหลายด้านหลายทางวันนี้นะ ให้พร |
** ท่านผู้เข้าชมทุกท่านโปรดทราบ
เนื่องจากกัณฑ์เทศน์บางกัณฑ์มีความยาวค่อนข้างมาก
ซึ่งจะส่งผลต่อความเร็วในการเปิดเว็บไซต์ ขอแนะนำให้ทุกท่านได้อ่านเนื้อหากัณฑ์เทศน์บางส่วนจากเว็บไซต์
และให้ทำการดาวน์โหลดไฟล์กัณฑ์เทศน์ที่มีนามสกุล .pdf ไปเก็บไว้ในเครื่องของท่านแทนการอ่านเนื้อหาทั้งหมดจากเว็บไซต์
|
|
|
|