|
/body onLoad="MM_preloadImages('../images/link_2_6_a.gif')">
/SCRIPT LANGUAGE="javascript1.1" page="dhamma_online";
/SCRIPT LANGUAGE="javascript1.1" src="http://truehits1.gits.net.th/data/e0008481.js">
|
|
|
สิบตัน ๆ |
|
วันที่ 28 สิงหาคม 2545
สถานที่ : วัดป่าบ้านตาด |
| | ดาวน์โหลดเพื่อเก็บไว้ในเครื่อง ให้คลิกขวาแล้วเลือก Save target as .. จาก link ต่อไปนี้ :
| |
ค้นหา :
สิบตัน ๆ
วันที่ ๒๗ เมื่อวานนี้ ทองคำได้ ๑ บาท ดอลลาร์ได้ ๕ ดอลล์ กฐินเงินสดได้ ๘ กอง ทองคำไม่มี ทองคำได้ใหม่ยังไม่ได้มอบเข้าคลังหลวงได้ ๒๐๒ กิโล ๔๔ บาท ๙๕ สตางค์ รวมทองคำทั้งหมดได้ ๕,๒๖๒ กิโล กฐินทองคำ ๘๔,๐๐๐ กองนั้น ทองคำได้ ๔๖๓ กอง เท่ากับน้ำหนัก ๑ กิโล ๕๐ บาท ๓ สลึง เงินสดได้ ๒,๒๓๓ กอง เท่ากับเงินสดเรา ๓,๕๗๑,๒๐๐ บาท รวมกฐินทองคำและเงินสดได้ ๒,๖๙๕ กอง ยังขาดอยู่อีก ๘๑,๓๐๕ กอง
หมุนละคราวนี้ ทั้งชาติทั้งศาสนาทั้งพระเจ้าพระสงฆ์หมุนช่วยกันคราวนี้ เราไม่หมุนใครจะหมุน ชาติเป็นของเราทุกคน พระสงฆ์มาบวชอยู่ตามที่ต่าง ๆ วัดต่าง ๆ มีพ่อมีแม่อยู่ตามบ้านตามเรือนเหมือนกัน พ่อแม่อดอยากขาดแคลนจำเป็นลูกจะอยู่เฉย ๆ ได้เหรอ ก็ต้องดิ้นช่วยพ่อช่วยแม่ช่วยชาติบ้านเมือง เพราะฉะนั้นพระสงฆ์เราจึงต้องหมุนไปตาม ๆ กัน เฉพาะอย่างยิ่งคือกรรมฐานนี่ช่วยเต็มกำลัง กรรมฐานทั้งฝ่ายธรรมยุตฝ่ายมหานิกายไม่นิยม ว่าพระกรรมฐานพอ รวมกันด้วยกันทั้งนั้น
นี่พูดถึงเรื่องพระเจ้าพระสงฆ์ก็เป็นลูกของประชาชนทั่วประเทศไทย ท่านอยู่ในสถานที่ใด ๆ ก็คือลูกมีพ่อมีแม่มีชาติ เมื่อเป็นเช่นนั้นแล้วความกระเทือนจึงถึงกัน พระอยู่ในป่าในเขาในที่ไหนก็ต้องรำลึกถึงพ่อถึงแม่ถึงชาติของตน ถึงความบกพร่องขาดเขินในชาติของตน ซึ่งจะต้องได้ช่วยกันเต็มกำลังความสามารถนั่นเอง พระสงฆ์จึงต้องได้ช่วยกัน แล้วสายกรรมฐานรู้สึกมากนะ นี่ทราบว่าท่านกำลังประชุมกันที่จะช่วยกันคนละไม้ละมือในที่ต่าง ๆ วัดใดตั้งอยู่ในสถานที่ใดก็รวบรวมศรัทธาญาติโยมเข้ามาตามจุดนั้น ๆ แล้วก็รวมเป็นผ้าป่าทองคำเข้ามา เราแน่ใจว่า ๘๔,๐๐๐ กองยังไงต้องพอ แต่เวลาเดินทางก็มีไม้เรียวมีไม้แซ่ตีไปเรื่อย ๆ ไล่เข้าไปเรื่อย จะถึงจุดหมายนั่นก็ตามนะทางนี้ต้องตีเรื่อย ไม่ให้นอนตามทาง ขี้เกียจลุกก็ไม่ได้เรื่องนะ ต้องตีกันเรื่อยเลย
กฐิน ๘๔,๐๐๐ กองหามาด้วยวิธีการต่าง ๆ ของอุบายแห่งชาติไทยของเรา ชาติก็หมุนไปทางหนึ่ง ศาสนาก็หมุนไปทางหนึ่ง เพื่อชาติเพื่อศาสนาอันเดียวกัน ให้ได้ทองคำ ๑๐ ตันนะพี่น้องทั้งหลาย อย่างไรอันนี้ต้องเด็ดขาด ประกาศชื่อเสียงความสามารถแห่งความรักชาติ ความเสียสละ ด้วยความสามัคคีของพี่น้องชาวไทยทั้งชาติ คือประกาศตนออกเป็นทองคำน้ำหนัก ๑๐ ตัน ในการช่วยชาติคราวนี้เป็นเรื่องที่ยิ่งใหญ่มากทีเดียว เราจึงต้องได้พิจารณาเป็นพิเศษ อย่างไรต้องเป็นประวัติศาสตร์ไปแหละ ประวัติการณ์ประวัติศาสตร์จะปรากฏขึ้นในระยะนี้แหละไม่เป็นอย่างอื่น
เพราะฉะนั้น จึงขอให้ปรากฏในสิ่งที่เป็นมงคลจากพี่น้องชาวไทยเราที่รักชาติ เสียสละด้วยความพร้อมเพรียงสามัคคีกัน ประกาศก้องขึ้นมาเป็นทองคำน้ำหนัก ๑๐ ตัน แล้วตามมาอีกด้วยดอลลาร์ นี้ก็เป็นล้าน ๆ แล้วเวลานี้ ดอลลาร์เราก็ได้ ๗ ล้านแล้ว ต่อไปนี้ก็จะขยับขึ้นเรื่อย ๆ ตามทองคำไปเรื่อย ๆ สำหรับเงินสดจะมาแยกเป็นทองคำด้วย แยกออกไปช่วยพี่น้องชาวไทยทั่วประเทศอีกเหมือนกันไม่ว่าใกล้ว่าไกล เอาขอบเขตของเมืองไทย เป็นขอบเขตที่เงินของพี่น้องชาวไทยนี้จะเจือจานไปถึงกันหมด เงินสดจึงบอกแน่นอนไม่ได้ มีอยู่สองภาค ภาคหนึ่งเจียดซื้อทองคำเข้าสู่คลังหลวง อีกภาคหนึ่งแยกออกไปช่วยพี่น้องชาวไทยทั้งประเทศ ดังที่ได้ประกาศและได้ปฏิบัติมาโดยลำดับแล้ว
เราชื่นใจกับการบริจาคของพี่น้องทั้งหลายที่ได้ทองคำน้ำหนักถึง ๕ ตันนี้มันของเล่นเมื่อไร แล้วเราต้องการจะให้ได้สมศักดิ์ศรีดีงามแห่งชาติไทยของเราอีก ๕ ตัน ฟาดทีนี้เป็น ๑๐ ตันนี้เป็นอย่างน้อย ขออย่าให้หลุดให้ขาดไปแม้กิโลหนึ่งก็ไม่ได้นะ ต้องให้เต็มเลย ส่วนที่จะได้มามากเพิ่มเข้าไปอีก ๆ นั้นเป็นเครื่องประดับชาติไทยของเราให้เสริมความสวยงามยิ่งขึ้น จะให้ต่ำนั้นไม่ได้นะ ความมุ่งมั่นของหลวงตาต่อพี่น้องชาวไทยมุ่งมั่นสุดขีดนะไม่ใช่มุ่งมั่นธรรมดา ได้พูดแล้วว่าเป็นสองครั้งนี้แล้วในชีวิตของเรา นี่ได้พูดให้พี่น้องชาวไทยทราบเสมอมา
ครั้งแรกก็คือ บวชเข้ามาแล้ว มีความเชื่อมั่นในมรรคผลนิพพานแล้วก็เชื่อมั่นอย่างถึงใจจากหลวงปู่มั่นของเราไม่มีที่สงสัยแล้ว จึงขึ้นเวทีฟัดกับกิเลสเอาตายเข้าว่าเลย ไม่ตายให้รู้ ไม่ตายให้ได้ เราต้องการจะเป็นพระอรหันต์เท่านั้นในชาตินี้ จะไม่กลับมาเกิดอีก โน่นฟังซิ แล้วความมุ่งมั่นนี้มันดึงทุกอย่างนะ ความทุกข์ความลำบากยากเย็นเข็ญใจไม่สนใจ มีแต่ความมุ่งมั่นจับจุดที่เราต้องการ เอ้า เป็นก็เป็น แม้จะไม่เคยสลบแต่ถึงคราวจะตาย เอาตายเลย นู่นน่ะฟังซิ นี่ละเรามุ่งมั่นต่อแดนพ้นทุกข์เป็นอันดับหนึ่ง เป็นครั้งที่หนึ่งในชีวิตของเรา
เราไม่ได้ลืมเพราะทำทุกอย่างทำด้วยความถึงใจถึงอรรถถึงธรรมจริง ๆ การบำเพ็ญก็เอา ควรเป็น ๆ ควรตาย ๆ อย่างไรต้องให้ถึงจุดที่หมาย สละลงเต็มเหนี่ยว นี่อันหนึ่ง เป็นยังไงธรรมพระพุทธเจ้าขัดแย้งกันไหม เหตุกับผลขัดแย้งกันยังไง ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว ทำดีมากได้ความดีมาก ทำความชั่วมากได้ความชั่วมาก ๆ แล้วได้ทุกข์มาก ๆ ถ้าทำความดีมากและมาก ๆ ก็ได้ความดีมาก และได้ความดีมาก ๆ สุดยอดแห่งความดีและสุดยอดแห่งความชั่วเหมือนกัน นี่เหตุของพระพุทธเจ้ากับผลติดกันไปอย่างนี้ไม่เคยแยกกันเลย เพราะฉะนั้นเราผู้เชื่อพระพุทธศาสนา คือเชื่ออรรถเชื่อธรรม เชื่อบุญเชื่อกรรมของเรา เราก็สรุปลงมาว่า เมืองไทยของเรานี้จะขึ้นได้ด้วยความราบคาบ ความรับผิดชอบ ความเสียสละ ด้วยความพร้อมเพรียงสามัคคีแห่งคนไทยเราทั้งชาติ ขึ้นได้ไม่สงสัย
จุดที่กำหนดไว้นี้ไม่สุดวิสัยของชาติไทยเราที่จะอุ้มจะแบกขึ้นได้ ต้องได้ นี่อันหนึ่ง นี่เป็นความมุ่งมั่นของหลวงตาที่มุ่งต่อชาติไทยของเรา อันดับที่สองที่แยกมาจากความเพื่อจะยกตนให้พ้นจากทุกข์ พร้อมด้วยเหตุด้วยผลทุกอย่างเราก็หาที่ต้องติไม่ได้แล้ว เหตุของเราที่บำเพ็ญมายังไง ๆ มาบวกเป็นผลเป็นที่พอใจของเรา นี่เรียกว่าเหตุกับผลพร้อมกันแล้วถึงตูมเลย ธรรมพระพุทธเจ้าจึงปราศจากเหตุผลไม่ได้นะ รวมเหตุรวมผลแล้วเรียกว่าธรรม นี่เป็นอันดับหนึ่ง
อันดับที่สองได้ออกมาช่วยพี่น้องทั้งหลายก็แบบเดียวกันอีก พอเป็น ๆ พอตาย ๆ ให้ถอยไม่มี อย่างพี่น้องทั้งหลายเห็นนั่นละ เราเอาจริงเอาจังทุกอย่าง นี่ก็พยายามที่จะอุ้มชาติของเราขึ้นจากหล่มลึก หล่มลึกนั้นคืออะไร คือหลุมฟืนหลุมไฟหลุมมูตรหลุมคูถเต็มอยู่ที่หล่มลึกที่เมืองไทยเราจะไปจมอยู่นั้น ในระยะ ๓-๔ ปีผ่านมานี้ แล้วจึงต่างคนต่างลากขึ้นมาจากหลุมฟืนหลุมไฟ หลุมความทุกข์ความทรมาน หลุมมูตรหลุมคูถซึ่งไม่มีใครปรารถนา ให้ขึ้นมาสู่ความสง่างามด้วยความรักชาติ ความเสียสละ ด้วยความพร้อมเพรียงของเรา ตั้งขึ้นกึ๊ก ยังไงคราวนี้ทองคำต้องให้ได้ ๑๐ ตัน แล้วสมบัตินอกจากนั้นที่จะประดับชาติของเราเป็นกิ่งก้านสาขาดอกใบ เช่น ดอลลาร์ เงินสด ที่จะแปรกระจายออกไปให้เป็นความสง่างามตามสถานที่ต่าง ๆ นับแต่สถานสงเคราะห์โรงร่ำโรงเรียนหรือคนทุกข์คนจน จนกระทั่งโรงพยาบาล แล้วที่ราชการต่าง ๆ สง่างามทั่วไปหมด จากเงินที่พี่น้องทั้งหลายบริจาค
เงินเหล่านี้ไม่ไปไหนขอพี่น้องทั้งหลายตายใจได้เลย หลวงตาชี้นิ้วเลย บาทหนึ่งหลวงตาไม่เคยมีเป็นมลทินในหัวใจเลยว่า ได้แยกเงินพี่น้องทั้งหลายมาใช้เป็นมหาโจร ขโมยสมบัติของชาติมาอย่างลึกลับโดยอ้างตัวเป็นผู้นำอย่างนี้ไม่มี ให้จำให้ดีข้อนี้นะ เราช่วยขนาดนั้นละช่วยชาติบ้านเมืองของเรา แล้วก็เป็นมาโดยสมบูรณ์ ดังที่ผลงานที่แสดงออกไปทั่วประเทศไทยเราเวลานี้ สถานที่ต่าง ๆ จากเงินสดของเรานี้ออกไป จากนั้นก็ดอลลาร์ ทองคำเข้าประดับคลังหลวงของเราแล้วเวลานี้สง่างามมากทีเดียว นี่เป็นครั้งที่สองที่ตัวเองเป็นความทุกข์ความลำบากมาก ถึงขนาดที่เสียสละ ชีวิตก็ไม่เสียดายเพื่อชาติแล้วก็เพื่อเรา เอ้าตายก็ตาย จะให้ถึงพระนิพพานเท่านั้น
นี่ก็สาธุทันทีเลย เป็นยังไงสวากขาตธรรมของพระพุทธเจ้าตรัสไว้ชอบไหม พระพุทธเจ้าทรงบำเพ็ญพระองค์มายังไง ผลตอบแทนเป็นศาสดาเอกของโลก เหตุคือถึงขั้นสลบไสล หนักไหมสำหรับศาสดาองค์เอกของเราตามนิสัยวาสนาที่ทรงบำเพ็ญมาไม่เหมือนกันบรรดาพระพุทธเจ้าทั้งหลาย บางองค์เสด็จออกไปนี้ อย่างพระอริยเมตไตรย วัน บำเพ็ญสำเร็จเป็นอรหันต์ขึ้นที่ร่มไม้กากะทิง อันนี้ไม่นาน พระพุทธเจ้าของเราบำเพ็ญอยู่ถึง ๖ ปี ถึงขั้นสลบไสลนี่ตามนิสัยวาสนาที่หนักเบามากน้อยต่างกัน ก็ไม่ได้ปล่อยนิสัยวาสนาของตัวเอง บืนตามนิสัยวาสนา เอ้า หนักก็หนักเบาก็เบาซัดกันเลยถึงขั้นสลบ เอา สลบ ถึงขั้นจะตายพระองค์จะต้องตายก่อนพวกเรา ยังไม่ได้เป็นศาสดาตายให้เห็นแล้วนะ นี่ไม่ตายจากสลบแล้วก็ฟื้นขึ้นเป็นศาสดา นี่ละเหตุของพระพุทธเจ้าที่บำเพ็ญมาหนักไหม แล้วผลเป็นศาสดาของโลกสมดุลกันไหม
นี่ละเรียกว่าธรรม ได้ผลมาเป็นที่สมบูรณ์จากเหตุที่สมบูรณ์มาด้วยกันแล้วมาสอนพวกเรา ตรัสออกมาเป็นธรรมะสวากขาตธรรม ตรัสไว้ชอบแล้วทุกอย่างทั้งเหตุทั้งผลไม่มีผิดพลาด ขอให้ท่านทั้งหลายดำเนินเถิด ตถาคตจะพาลงนรกไม่มี ไม่ว่าพระพุทธเจ้าพระองค์ใดขอให้ยึดเราตถาคตทุก ๆ พระองค์ พระพุทธเจ้าทุกองค์ เฉพาะอย่างยิ่งคือพระพุทธเจ้าของเรานี่ เอ้า ยึดไม่มีผิดมีพลาดนะ ขอให้ยึด
ระวังแต่เรื่องกิเลสมันกระซิบกระซาบโจมตีเรานั้นแหละ มันกระซิบกระซาบอยู่รอบตัวของเราจากความคิดความอ่านได้เห็นได้ยินได้ฟัง มีแต่เรื่องกระซิบกระซาบเข้ามาลากเราลง ให้ระวังอันนี้ให้ดี ให้เอาธรรมจับตามไปโดยลำดับ สติปัญญาพิจารณาสิ่งที่มาสัมผัสสัมพันธ์ อันใดที่จะเป็นภัยต่อตัวเราให้ปัดออก ๆ จากความสัมผัสสัมพันธ์ทางตา หู จมูก เหล่านี้ปัดออกไม่ดี เอาตั้งแต่สิ่งที่ดีได้เห็นได้ยินได้ฟังอะไรให้ยึดมาเป็นคติเครื่องเตือนตนสอนตน นี่เรียกว่าธรรมประคองใจประคองตัวของเรา เราจะมีความผาสุกร่มเย็นเป็นลำดับลำดาไป นี่เรียกว่าเหตุกับผลเป็นอย่างนี้นะ ความสุขนั้นคือเป็นผล ความสงบเย็นใจเป็นผลจากการรักษาตัว นี่ดำเนินมาอย่างนี้ นี่พระพุทธเจ้าของเราก็ดำเนินมาอย่างนี้ แล้วเป็นศาสดาสอนโลกออกมาด้วย สวากขาตธรรม ตรัสไว้ชอบแล้วๆ ไม่มีผิดมีพลาดสมบูรณ์แบบทุกอย่าง ในสิ่งที่พระองค์ทรงชี้แจงยังไงแล้ว ทั้งฝ่ายดีฝ่ายชั่วจะไม่ผิดพลาดเลย เพราะฉะนั้นถ้าว่าฝ่ายชั่วให้ละนะ ไม่ละเอาจริง ๆ โดนจริง ๆ ฝ่ายดีก็ถึงจริง ๆ ไม่สงสัย จับอันนี้ให้ดี
นี่เราก็ได้บำเพ็ญเต็มกำลังความสามารถของเรามา เราพอใจทุกอย่างเต็มหัวใจ เหตุก็ทำมาถึงขั้นจะสลบไสลถึงจะตายก็มีบางครั้ง มันก็เป็นอยู่เรื่อย ๆ นะ เพราะหนักมากเรื่องความเพียรหลวงตาพูดให้ใครฟังไม่อยากมีใครเชื่อนะ แต่ท่านทั้งหลายดูนิสัยก็แล้วกัน ถ้าลงได้ตัดสินใจลงตรงไหนแล้วขาดสะบั้นไปเลย อันนี้ตัดสินใจลงเพื่อความเป็นพระอรหันต์และให้พ้นจากทุกข์ในชาตินี้ หลังจากได้ฟังธรรมพ่อแม่ครูอาจารย์สนับสนุนปริยัติที่เราเรียนมาแล้วถึงใจ ใส่ปึ๋งตั้งแต่บัดนั้นมา นั่นแหละที่ว่าทุกข์มากที่สุด หลังจากได้รับโอวาทจากพ่อแม่ครูจารย์มั่น นี่เรียกว่าหนักมากที่สุด ทุ่มเลย ๆ พูดถึงเรื่องความพากเพียรนี้ ใครจะไม่เชื่อละนะ เพราะเขาไม่ได้ทำเขาจะเชื่อได้ยังไง เราทำเราเป็นผู้ทำเองประจักษ์กับตัวของเรา เชื่อไม่เชื่อจะไปสนใจอะไร หลักฐานพยานอยู่กับเราทุกอย่าง ทั้งเหตุก็ประจักษ์อยู่กับเรา ทั้งผลก็ประจักษ์อยู่กับหัวใจของเรา เราจะไปสนใจกับอะไรเชื่อไม่เชื่อ ดังพระพุทธเจ้ามาสอนโลก ท่านไปหาใครมาเป็นสักขีพยาน แล้วจึงจะนำธรรมมาสอนโลกได้ ท่านสอนโลกด้วยความสมบูรณ์พูนผลมา
นี่ละที่ได้มาช่วยพี่น้องทั้งหลายเป็นครั้งนี้ช่วยชาตินี้ เอาจริงเอาจังมากทีเดียว ถึงขั้นจะคอขาดขาดไปเลย เรื่องความกล้าความกลัว เราพูดจริง ๆ เราไม่เรามีก็บอกไม่มี เราช่วยโลกด้วยความเป็นธรรมล้วน ๆ เราไม่มีกิเลสตัณหาแฝงเข้า เช่น แฝงว่าความแพ้ความชนะ ความได้ความเสีย ความกล้าความกลัว กับหัวใจเราไม่มี มีแต่ธรรมล้วน ๆ ที่สอนโลกเวลานี้ ใครผิดใครถูกอะไรประกาศลงเป็นขนาดลั่นโลกก็ตาม เป็นแต่เสียงธรรมลั่นโลกไม่ใช่เสียงกิเลสตัณหา เสียงฟืนเสียงไฟจะเผาโลกนะ เป็นแต่เสียงธรรมทั้งนั้น ขอให้ท่านทั้งหลายฟังให้ดี ธรรมเหล่านี้เราได้ปฏิบัติต่อตัวของเรามาเป็นที่พอใจแล้วจึงได้นำมาสอนโลก แล้วจะกลายเป็นไฟไปเผาโลกได้ยังไง
การเทศนาว่าการหรือการโต้ตอบปัญหาล้วนแล้วแต่โต้ตอบด้วยเหตุด้วยผล ด้วยอรรถด้วยธรรม เทศนาว่าการด้วยเหตุด้วยผลด้วยอรรถด้วยธรรมล้วน ๆ ที่จะเป็นเครื่องชักจูงบรรดาประชาชนทั้งหลายซึ่งเป็นชาวพุทธนับถือพุทธศาสนาให้ดีดให้ดิ้นตามอรรถตามธรรม จะได้พ้นภัยไปโดยลำดับ ๆ โดยถ่ายเดียวเท่านั้น เราไม่มีอะไรเป็นภัยต่อโลก การแสดงออกทุกแง่ทุกมุม เราบอกว่าเราไม่มี เราไม่ได้อยู่ในวงกรณีพิพาท ระหว่างกิเลสกับธรรมฟัดกัน ๆ แต่นี้เป็นธรรมล้วน ๆ แล้วไม่ได้อยู่ในนั้น เป็นธรรมสอนโลกล้วน ๆ เพราะฉะนั้นเราถึงพูดได้ทุกแบบทุกฉบับตามธรรมที่เห็นเป็นกาลอันควรแล้ว ไม่ได้คำนึงว่านั้นผิดไปถูกไป ถูกล้วน ๆ แล้ว หนักก็ถูกแบบหนัก เบาก็ถูกแบบเบาเลียบ ๆ เคียง ๆ ก็ถูกแบบเลียบ ๆ เคียง ๆ เอาจนฟ้าดินถล่มก็ถูกตามแบบของฟ้าดินถล่ม เพราะกิเลสมีหลายประเภท กิเลสอย่างเบามี อย่างหนักมี อย่างหนักมากก็มี ธรรมเครื่องปราบกิเลสต้องมีหลายประเภทด้วยกัน จะประเภทเดียวกันไม่ทันกัน นี่ละธรรมสอนโลก
ท่านทั้งหลายอย่าได้มาคำนึง มาคิดว่าหลวงตาบัวดุด่า นี้เป็นวิธีการของธรรมที่จะปราบความชั่วช้าลามกของกิเลสซึ่งมันกำลังต่อต้านตลอดเวลา ถ้าทำอะไรออกมาจะไปกระเทือนหัวมัน มันตอบโต้หาว่าพูดสกปรกโสมม พูดหยาบพูดโลนพูดดุพูดด่า นี่คือกิเลสมันต้านทาน ตัวหยาบโลนที่สุดไม่มีอะไรเกินกิเลส ตัวสกปรกโสมมที่สุดไม่มีอะไรเกินกิเลส ที่มันพอกพูนอยู่ในหัวใจให้จมอยู่ในกองทุกข์อันนั้น ล้วนแล้วตั้งแต่ความหยาบโลน ล้วนแล้วตั้งแต่ความสกปรกโสมมของมัน ล้วนแล้วแต่ความหลอกลวงต้มตุ๋นของมันทั้งนั้น โลกจะได้รับความสุขความเจริญจากกิเลสทั้งหลายไม่มีทาง นอกจากอรรถจากธรรมที่ชำระล้างด้วยวิธีการต่าง ๆ ทั้งหนักทั้งเบา ทุกประเภทของธรรมที่จะชะล้างมาพอให้มองเห็นตัวสัตว์ตัวบุคคลบ้าง มองเห็นบุญเห็นบาปบ้างเท่านั้น อย่างอื่นไม่มีธรรม
ขอให้ท่านทั้งหลายทราบเอาไว้ เรายันด้วยหัวใจของเรา หัวใจของเราไม่มีกิเลสแม้เม็ดหินเม็ดทรายเราก็บอกว่าไม่มีมาได้ ๕๔-๕๕ ปีนี้แล้ว เราไม่มีเราก็บอกไม่มี เวลามันมีก็บอกว่ามี ไปนั่งอยู่บนภูเขาจะฟัดกับกิเลส กิเลสฟาดหงายหมาลงมา น้ำตาร่วงลงมาเราลืมเมื่อไร หือ มึงเอากูขนาดนี้ ไม่ได้ลืมถึงใจ ความถึงใจนี้แหละที่โดดเข้าไปหาพ่อแม่ครูจารย์ ถ้าว่าเป็นหินลับก็คือนั้น ร่มโพธิ์ร่มไทรก็คือนั้น อยู่นั้นหมด ไปอบรมมาแล้วเอาอีกฟัดอีกหงายอีก เอ้า ไปอีกกลับมาอีกไม่ถอยนะ ลงกูมึงแล้วมันจะถอยได้ยังไง ฟังว่ากูมึงน้ำตาร่วง นี่เวลากิเลสมันหนาเห็นไหม อยู่ในหัวใจดวงนี้ เวลาเราจะไปฟัดมัน พอขึ้นเวทียังไม่ได้ยกครูเลยมันเตะทีเดียวตกฟากเวทีลงไปแล้ว ตกไปแล้วไปหงายหมาด้วยไม่เป็นท่านะ แล้วกลับไปกลับมาอยู่นั้นนะ หลายครั้งหลายหนก็เห็นกิเลสมันเอนมันเอียงแล้วมันหงายบ้างละที่นี่ เพราะสู้ไม่ถอย
สุดท้ายมันกับเราก็หงายด้วยกัน มันหงายบ้างเราหงายบ้าง เราก็ได้กำลังใจ มันหงายเพราะเหตุใดอุบายใดกิเลสถึงหงายได้ จับอุบายนั้นไว้ฟัดกิเลสหนักเข้า ๆ กิเลสก็ค่อยหงายไปมากเข้า ๆ ๆ สาธุ พูดให้มันเต็มยันเลย เมื่อมันหงายเต็มที่แล้ว เอ้ากิเลสตัวไหนมาๆ นี่ถึงขั้นธรรมเกรียงไกร เกรียงไกรอย่างนั้นนะ เพราะการอบรมไม่หยุดไม่ถอย ส่งเสริมไม่หยุดไม่ถอย ทีนี้กิเลสหงายลง สุดท้ายแย็บออกมาขาดสะบั้น ๆ นี้เป็นสติปัญญาประเภทของธรรมอัตโนมัติ ฆ่ากิเลสได้ทุกประเภทไม่มีอะไรเหลือ เซ็นใบตายให้กิเลสไว้เลย เมื่อถึงธรรมขั้นนี้แล้วเป็นในหัวใจใดรู้เอง ไม่ต้องไปทูลถามพระพุทธเจ้า แสดงไว้เรียบร้อยแล้ว ภาวนามยปัญญา นี่ละเป็นธรรมฆ่ากิเลส ปัญญาเกิดขึ้นจากการภาวนาล้วน ๆ สุตมยปัญญา ปัญญาเกิดขึ้นจากการได้ยินได้ฟังหนึ่ง จินตามยปัญญา ปัญญาเกิดขึ้นจากการพิจารณาไตร่ตรองของสามัญชนทั่ว ๆ ไปหนึ่ง ภาวนามยปัญญา ปัญญาเกิดขึ้นจากการภาวนาล้วน ๆ นี่สำคัญมากเราเรียนเราก็งง มันเกิดขึ้นได้ยังไง ๆ
เวลาออกไปปฏิบัติมาเจอปัญญาขั้นนี้ สติขั้นนี้ ปัญญาขั้นนี้ ขึ้นอ๋อ อย่างนี้เอง ทีนี้หมุนติ้ว นี่ละธรรมจักรก้าวเดินแล้วที่นี่ กิเลสหลบทันก็ทัน ไม่ทันคอขาด นี่ละปัญญาอัตโนมัติธรรมอัตโนมัติแก้กิเลสโดยอัตโนมัติ แต่ก่อนกิเลสเหยียบหัวเราเป็นอัตโนมัติของมัน ไม่ว่าคิดอ่านปรุงแต่งเรื่องอะไรเป็นกิเลสนำทาง ๆ ทั้งนั้น ได้เห็นได้ยินได้ฟังมีแต่เรื่องกิเลสลากไป ๆ แต่พอถึงขั้นเราซึ่งได้รับการอบรมมามีกำลังขึ้นมา ทีนี้ก็เริ่มรู้ ๆ เขาหงายเราหงาย กิเลสก็หงายเราก็หงาย ทีแรกมีแต่เราหงายหมาๆ ครั้นซัดกันไปซัดกันมากิเลสก็หงายเราก็หงาย หงายไปหงายมากิเลสก็หงายหมาได้เหมือนกัน โผล่มาไม่ได้สติปัญญาอันเกรียงไกร คือสติปัญญาอัตโนมัติหนึ่ง สติปัญญาเป็นมหาสติมหาปัญญาหนึ่ง เชื่อมโยงถึงกัน อย่าว่าแต่นิวเคลียร์นิวตรอนอย่างสมัยทุกวันนี้เราไม่อยากพูด เลยนั้นอีกครอบโลกธาตุเลย ปัญญาขั้นนี้ไม่มีอะไรจะผ่านได้เลย ขาดไปเองนะ เพราะอันนี้ทำงานเอง อะไรที่เป็นข้าศึกขาดไป ๆ ๆ เลย
จนถึงขนาดฟ้าดินถล่ม นี่ฟังซิ เราเคยคาดเคยคิดอะไร ความรู้ความเห็นที่จะเป็นขึ้นมาถึงขนาดฟ้าดินถล่ม ก็เกิดขึ้นจากความพากความเพียรตั้งแต่ขั้นหงายหมามาน้ำตาร่วงมานั้นแหละ หลายครั้งหลายหน กิเลสก็หงายเราก็หงาย สุดท้ายมีแต่กิเลสหงายเป็นส่วนมาก และหงายโดยลำดับ แพล็บออกมาไม่ได้หงายเลย ฟาดกิเลสม้วนเสื่อไปหมดเลย โลกุตรธรรมนั่นชื่อนะ ธรรมชาตินั้นเหนืออีกนะ พูดไม่ถูกแต่ความรู้ภายในใจไม่สงสัย ที่เราจะตั้งสมมุติออกมานี้เป็นเรื่องสมมุติ ยังไงมันก็ไม่ตรงกับธรรมชาตินั้นแหละ แต่มันเป็นกรุยหมายป้ายทางพอให้เป็นกำลังใจที่จะยึดอันนั้นเป็นหลักเป็นเกณฑ์แล้วก้าวเดินได้ เพราะฉะนั้นเรื่องสมมุติจึงติดแนบไปตลอดนะ นี่ละเราช่วยเราช่วยอย่างนั้น ต่อจากนี้เราก็มาช่วยพี่น้องชาวไทยเรา ตั้งแต่ขั้นร้องโก้กมาเลยนะ ร้องโก้กร้องอย่างถึงใจทีเดียว จากนั้นมาก็หมุนเลย หมุนมาตลอดอย่างทุกวันนี้
เพราะฉะนั้นคราวนี้ก็ได้อาศัยบรรดาพี่น้องทั้งหลายที่เดินตามหลังตลอดมา ไม่มีข้อที่น่าต้องติในกำลังวังชาตลอดถึงการบริจาคมากน้อย ว่าอะไรถึงไหนถึงกันเรื่อยมา ๆ นี่ก็จะเอาให้ถึงจุดทองคำน้ำหนัก ๑๐ ตัน เอ้า ทุกคนนะพี่น้องทั้งหลาย หลวงตาเป็นหัวหน้าได้พาพี่น้องทั้งหลายเสียสละเพื่อชาติไทยของเรา เพราะฉะนั้นขอทุกท่านจงเป็นนักเสียสละเพื่อชาติไทยของเรา ด้วยการทุ่มกำลังวังชาที่จะหนุนชาติของตนให้ขึ้นสง่างาม ขอให้ทุก ๆ ท่านฟังอย่างถึงใจ ตั้งหน้าตั้งตาประพฤติปฏิบัติเพื่อชาติไทยของเราจะเป็นความสง่างาม เป็นคู่เคียงกับโลกเขา เขาจะไม่ได้ดูถูกเหยียดหยามชาติไทยของเรา
เรามีลูกคนหนึ่งใครมาดูถูกได้เมื่อไรลูกของเรา มีหมาตัวหนึ่งอยู่ในบ้านใครก็มาดูถูกไม่ได้ นี้เราเป็นคนทั้งคน ชาติไทยทั้งชาติใครมาดูถูกได้เหรอ พิจารณาให้ดีนะตรงนี้ เอาให้ถึงใจทุกคน ๆ แล้วชาติไทยของเราจะขึ้นด้วยความรักสงวนชาตินั้นแหละ ไม่ไปไหน เอาละเพียงเท่านี้ก่อน ๑๐ ตันนะ ๆ มันต้องโฆษณาเรื่อยทอง ๑๐ ตัน ต้องตีเรื่อยๆ กำลังก้าวเดิน ทางนี้ก็ตีเรื่อย ๆ ซิ ๑๐ ตันนะ เอาละ
อ่านธรรมะหลวงตาวันต่อวัน ได้ที่ www.luangta.com |
** ท่านผู้เข้าชมทุกท่านโปรดทราบ
เนื่องจากกัณฑ์เทศน์บางกัณฑ์มีความยาวค่อนข้างมาก
ซึ่งจะส่งผลต่อความเร็วในการเปิดเว็บไซต์ ขอแนะนำให้ทุกท่านได้อ่านเนื้อหากัณฑ์เทศน์บางส่วนจากเว็บไซต์
และให้ทำการดาวน์โหลดไฟล์กัณฑ์เทศน์ที่มีนามสกุล .pdf ไปเก็บไว้ในเครื่องของท่านแทนการอ่านเนื้อหาทั้งหมดจากเว็บไซต์
|
|
|
|