เทศน์งานบรรจุอัฐิท่านอาจารย์สิงห์ทอง ธมฺมวโร
ณ วัดป่าแก้ว บ้านชุมพล สกลนคร
เมื่อวันที่ ๒๗ มีนาคม พุทธศักราช ๒๕๓๖
สังคหวัตถุ
นโม แปลว่า ความนอบน้อมแด่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าผู้ตรัสรู้เองโดยชอบ นี่แปลออกจากคำว่า นโม วันนี้บรรดาคณะศรัทธาทั้งหลายทั้งใกล้ทั้งไกล ได้มีความเลื่อมใสศรัทธามาบริจาคทานเคารพบูชาอัฐิอาจารย์สิงห์ทอง ถ้าจะเรียกว่าท่านอาจารย์สิงห์ทองก็ท่านเป็นลูกศิษย์ของหลวงตาบัวเลยไม่กล้าเรียก
ท่านสิงห์ทองเป็นพระปฏิบัติดีปฏิบัติชอบมาดั้งเดิมตั้งแต่เริ่มออกบวชใหม่ ๆ และสนใจทางด้านปฏิบัติเรื่อยมา แล้วก็มาอยู่กับหลวงปู่มั่นด้วยกัน พอหลวงปู่มั่นมรณภาพแล้วก็ติดสอยห้อยตามเราเรื่อยมา จนกระทั่งมาถึงวาระที่โยมแม่มาอยู่ด้วย ก็พอดีกับคณะศรัทธาทางบ้านชุมพลนี้ไปนิมนต์ท่านมาอยู่สถานที่นี่ ท่านก็เลยได้พาโยมแม่ท่านมาอยู่ที่นี่ จนกระทั่งถึงกาลอวสานแห่งชีวิตของท่าน
ท่านเป็นผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบเอาจริงเอาจัง เรื่องความเพียรนี้ยกให้ว่าเก่ง เดินจงกรมนี้ทางจงกรมจนเป็นโสกเป็นเหว ท่านสิงห์ทองนี้เดินจงกรมขนาดนั้น แต่นิสัยชอบตลกหน่อย เวลาพูดมีตลกนิด ๆ เป็นนิสัยอย่างนั้นมาดั้งเดิม แต่ท่านเอาจริงเอาจังมาก นี่ท่านมรณภาพหรือท่านเสียลงไปตายลงไปแล้ว ก็ยังแสดงให้เราทั้งหลายได้เห็นความปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ คือผลแห่งการปฏิบัติดีของท่านได้ปรากฏขึ้นมา เวลานี้อัฐิของท่านเริ่มกลายเป็นพระธาตุไปโดยลำดับลำดาแล้ว
ถ้าลงอัฐิได้กลายเป็นพระธาตุในเบื้องต้นแล้ว จะต้องกลายเป็นพระธาตุเรื่อย ๆ ไป ใครเก็บไว้ในสถานที่ใดจะเริ่มกระจายและแปรเป็นพระธาตุเรื่อย ๆ ไป พระธาตุนี่หมายถึงว่าอัฐินั้นน่ะได้แปรสภาพออกจากความเป็นอัฐิ แล้วกลายเป็นพระธาตุขึ้นมาเป็นเม็ดกลมๆ ขนาดเมล็ดข้าวโพดนี้เป็นส่วนมาก นี่ท่านเรียกว่าพระธาตุ ท่านสิงห์ทองก็เริ่มอัฐิกลายเป็นพระธาตุมาโดยลำดับแล้ว นี่เป็นเครื่องแสดงให้เห็นเรื่องมรรคเรื่องผลของพระพุทธศาสนาที่ผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบได้รับมา ตั้งแต่ครั้งพุทธกาลเรื่อยมาจนกระทั่งปัจจุบันนี้
ถ้ายังมีท่านผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบสนใจในการบำเพ็ญจิตตภาวนา รักษาสิกขาบทวินัยน้อยใหญ่ไว้เป็นอย่างดีอยู่แล้ว ศาสนธรรมของพระพุทธเจ้าก็คือตลาดแห่งมรรคผลนิพพานเราอย่างสด ๆ ร้อน ๆ นั้นเอง ไม่ผิดอะไรกับครั้งพุทธกาลเลย เพราะคำว่าสวากขาตธรรมที่ว่าตรัสไว้ชอบแล้วนั้น ชอบตั้งแต่ขณะที่พระพุทธเจ้ารับสั่งคือตรัสเทศนาว่าการออกมา จนกระทั่งพระพุทธเจ้าปรินิพพานไปแล้ว ธรรมะที่ทรงสอนไว้แล้วอย่างไรก็เป็นความชอบธรรมอยู่โดยลำดับลำดา เพราะฉะนั้นผู้ตั้งใจประพฤติปฏิบัติตามหลักศาสนธรรม จึงเป็นผู้จะได้ทรงมรรคทรงผลเป็นอย่างดี ตามกำลังความสามารถของตน นับตั้งแต่กัลยาณปุถุชน กัลยาณภิกษุ ขึ้นไปพระโสดา พระสกิทาคา พระอนาคา พระอรหันต์ นี้อยู่ในห้วงแห่งศาสนธรรมของพระพุทธเจ้าที่ครอบไว้หมดแล้ว
ท่านผู้ใดตั้งใจปฏิบัติดีปฏิบัติชอบไม่ว่าสมัยใด ตลอดถึงสมัยทุกวันนี้ จะต้องเป็นผู้มีมรรคมีผลเป็นที่ทรงไว้ภายในจิตใจโดยทั่วถึงกัน เพราะธรรมไม่มีคำว่าลำเอียง ขอให้มีผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบยังอยู่ในศาสนานี้เถิด คำว่ามรรคผลนิพพานจะไม่ห่างเหินจากผู้นั้นไปได้เลย จะต้องเป็นผู้ได้รับมรรครับผล นี่ท่านสิงห์ทองก็เป็นองค์หนึ่งที่แน่ใจแล้วว่าเป็นผู้ทรงมรรคทรงผล คำว่าอัฐิกลายเป็นพระธาตุนี้ตามตำราท่านแสดงไว้ว่า ต้องเป็นพระอรหันต์เท่านั้นอัฐิถึงจะกลายเป็นพระธาตุได้ นี่ก็แสดงให้เห็นอย่างนั้นแล้ว ถึงจะบอกหรือไม่บอกก็ตามว่าท่านเป็นพระประเภทใด เราก็ทราบได้โดยเหตุผลอันนี้เอง นี่คือผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบจะเป็นผู้ได้ทรงมรรคทรงผล
พวกเราทั้งหลายที่มากราบไหว้บูชาท่านเป็นขวัญตาขวัญใจ เป็นที่ระลึกของเรา มาทั้งทางใกล้ทางไกล วันนี้เป็นที่ภาคภูมิใจได้บำเพ็ญกุศลกับท่าน และตลอดครูบาอาจารย์ทั้งหลายที่มาจากที่ต่าง ๆ ซึ่งล้วนแล้วตั้งแต่เป็นผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบอยู่ในป่าในเขาลำเนาไพร วันนี้เป็นโอกาสอันดีที่เราทั้งหลายจะได้พบเห็นท่านและกราบไหว้บูชาท่าน เพราะท่านมาในงานนี้
วันนี้จึงเป็นที่ภูมิใจของชาวเราทั้งหลาย ที่ได้เห็นชาวพุทธทั้งฝ่ายฆราวาสและพระภิกษุสงฆ์ทั้งหลายมารวมกัน เรียกว่า สมณานญฺจ ทสฺสนํ การเห็นสมณะคือผู้สงบกายวาจาใจจากบาปทั้งหลายนั้น เป็นมงคลอันสูงสุด นี่ในมงคล ๓๘ ประการท่านแสดงไว้อย่างนี้
คำว่าสมณะนั้นตามที่ท่านแสดงไว้ในตำราว่ามีอยู่ ๔ ประเภท สมณะที่หนึ่งคือพระโสดา สมณะที่สองคือพระสกิทาคา สมณะที่สามคือพระอนาคา สมณะที่สี่คือพระอรหัตบุคคล ๔ ประเภทนี้ท่านเรียกว่าสมณะ การที่เราได้มาเห็นสมณะผู้สงบกายวาจาใจจากบาปทั้งหลายดังกล่าวมานี้ จึงถือเป็นมงคลอันสูงสุด แล้วคำว่าสมณะดังที่กล่าวมา ๔ ประเภทนี้ ก็ไม่นอกเหนือจากความสามารถความประพฤติปฏิบัติ ความอุตส่าห์พยายามของชาวเราทั้งหลาย ซึ่งเป็นชาวพุทธด้วยกันไปได้ เราจะต้องได้ทรงมรรคใดผลใดจนได้ไม่สงสัย ถ้าเราตั้งใจประพฤติปฏิบัติตัวให้เป็นลูกศิษย์ที่มีครู มีครูสอน คือดำเนินตามแบบฉบับของพระพุทธเจ้า เป็นอุบาสกอุบาสิกาก็ดำเนินตามแนวแถวทางของอุบาสกอุบาสิกา เป็นพระภิกษุสามเณรก็ดำเนินตามหลักธรรมหลักวินัยของพระภิกษุสามเณร ย่อมจะมีสิทธิ์ได้รับผลเป็นเครื่องตอบแทน คือสมณะทั้งสี่นี้อย่างใดอย่างหนึ่งโดยไม่ต้องสงสัย
เพราะคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้านั้นสอนคนให้ดี ดีเป็นลำดับลำดา ไม่ใช่สอนคนให้ชั่ว ส่วนกิเลสนั้นเสี้ยมสอนคนมีแต่สอนคนให้ชั่วช้าลามก ผลที่สุดตัวเองก็เชื่อตัวเองไม่ได้ เนื่องจากกิเลสมันเข้าสิงอยู่ภายในจิตใจเป็นเนื้อเป็นหนังของตัวมันเองเสียเต็มภายในจิตใจ แสดงออกมามีแต่เครื่องหลอกลวงต้มตุ๋น หลอกลวงต้มตุ๋นเจ้าของแล้วก็ไปหลอกลวงต้มตุ๋นคนอื่น แล้วโลกอันนี้ถ้ามีกิเลสเต็มหัวใจ ไม่สนใจในอรรถในธรรมเป็นเครื่องต้านทานหรือชะล้างกันบ้างแล้ว โลกนี้จะเต็มไปด้วยความปลิ้นปล้อนหลอกลวง หาที่ไว้วางใจกันไม่ได้ แม้ที่สุดพ่อแม่กับลูกก็ไว้ใจกันไม่ได้ เพราะไม่มีธรรมเป็นเครื่องปกครอง
เพียงรัก ความรักว่าเป็นลูกเป็นพ่อเป็นแม่กันเฉย ๆ นั้น โดยไม่มีธรรมเข้าเคลือบแฝงอยู่ภายในนั้นเลย นี้ไม่มีคุณค่าอะไรนักเลย ล้มไปเมื่อไรก็ได้ แตกกระจัดกระจายเป็นเปรตเป็นผีเป็นยักษ์เป็นมารต่อกันในขณะใดก็ได้ แต่ถ้ามีธรรมแทรกอยู่ในนั้นแล้ว พ่อต้องเป็นพ่อ แม่ต้องเป็นแม่ ลูกต้องเป็นลูก น้องต้องเป็นน้อง พี่ต้องเป็นพี่ รักกันเมตตาสงสารกัน ฝากเป็นฝากตายต่อกัน ถึงชีวิตก็สละเพื่อกันได้ ที่จะทำความเสียหายต่อกันนี้เป็นไปไม่ได้ เพราะอำนาจแห่งธรรมฝังลึกยิ่งกว่าโลก นี้แลธรรมจึงเป็นของสำคัญมาก
ใครอยากมีพ่อมีแม่มีลูกเต้าหลานเหลนพี่ป้าน้าอา ที่สนิทสนมกลมกลืนซึ่งกันและกัน ฝากเป็นฝากตายกันได้ ต่างคนต่างให้มีศีลธรรมภายในจิตใจ ให้มีความเมตตาสงสาร ให้มีความซื่อสัตย์สุจริตต่อกัน ให้มีความจงรักภักดีต่อกัน ให้มีความเสียสละต่อกันอย่าตระหนี่ถี่เหนียว ควรจะสละช่วยกันได้มากน้อยเพียงไรให้เสียสละเถิด เพราะความเสียสละเหล่านี้เป็นคุณค่า เป็นของมีประโยชน์มากมายยิ่งกว่าความตระหนี่ถี่เหนียวเป็นไหน ๆ
ความตระหนี่ถี่เหนียวแม้จะอยู่กับตัวของเราเองก็หาความสุขกับมันไม่ได้ ยิ่งคนอื่นด้วยแล้วก็ไม่มีใครมาแอบมาอิงแหละ เพราะความตระหนี่ย่อมเป็นความเห็นแก่ตัวไปด้วย ความเอารัดเอาเปรียบเป็นไปด้วยกันนั้น ไม่ว่าจะเล่ห์ใดเหลี่ยมใดขึ้นจากความตระหนี่ความเห็นแก่ตัวนี้เป็นรากฐานอันสำคัญ เมื่อเป็นเช่นนั้นแล้วเข้ากับใครก็ไม่ได้ อยู่กับลูกเต้าหลานเหลน อยู่กับพ่อกับแม่ ลูกเต้าพ่อแม่อยู่อยู่ด้วยกันถ้ามีธรรมชาติอันนี้เป็นใหญ่เป็นโตอยู่แล้ว พ่อกับแม่ก็แตกจากกันไปหมด
ท่านจึงสอนไว้ในสังคหวัตถุว่า ทานญฺจ เปยฺยวชฺชญฺจ อตฺถจริยา จ ยา อิธ สมานตฺตตา จ ธมฺเมสุ ตตฺถ ตตฺถ ยถารหํ การให้ทาน การเสียสละมากน้อย ทั้งวัตถุทั้งคุณธรรมภายในจิตใจหนึ่ง การพูดมีเหตุมีผลไพเราะเพราะพริ้งไม่ยังบุคคลอื่นให้เสียหาย แต่ยังบุคคลอื่นให้ได้รับผลรับประโยชน์จากการพูดที่เป็นสัตย์เป็นจริงของตนหนึ่ง และการประพฤติตนให้เป็นประโยชน์แก่โลก ไม่ว่าเราจะมีสมบัติเงินทองข้าวของหรือความรู้วิชาใดๆ เราไม่หึงหวงไว้เฉพาะเราคนเดียว ยังมีการเฉลี่ยเผื่อแผ่แก่ญาติมิตรสหายที่เกี่ยวข้องกัน ตลอดถึงผู้จำเป็นมากน้อย จนกระทั่งถึงสัตว์เดรัจฉาน ก็มีการสงเคราะห์สงหากันไปตามเกิดตามมี เต็มความสามารถของตน แล้วก็ความไม่ถือเนื้อถือตัว ไม่เย่อหยิ่งจองหอง นี้เป็นข้อที่สี่ ไม่พองตน มีตนสม่ำเสมอกับบรรดาเพื่อนมนุษย์ทั้งหลาย เข้าที่ไหนเข้าได้สนิทไปได้หมด ด้วยความไม่ถือเนื้อถือตัว ไม่เย่อหยิ่งจองหอง ไม่อวดเนื้ออวดตัว ไปที่ไหนเข้าได้หมด แม้ที่สุดกับสัตว์เดรัจฉานเขาก็รัก
ธรรม ๔ ประเภทนี้เป็นธรรมประจำโลก ท่านสอนไว้อย่างนี้ ถ้าลงธรรม ๔ ประการนี้ได้ขาดหรือเบาบางลงไปจากโลก เฉพาะอย่างยิ่งโลกมนุษย์เรา และธรรมเหล่านี้ได้ขาดสะบั้นลงไปเสียเท่านั้น แม้ที่สุดพ่อแม่ลูกเต้าหลานเหลนอยู่ด้วยกันไม่ได้ แตกกระจัดกระจายกันไปเลย ไม่มีฝั่งมีฝาเป็นเครื่องยึดเหนี่ยวกันได้เลย เพราะฉะนั้นท่านจึงให้มีการสงเคราะห์สงหา ให้มีความเมตตาสงสาร ให้มีการเสียสละ ให้มีความซื่อสัตย์สุจริตจงรักภักดีต่อกัน การพูดการจาก็หวังเหตุหวังผลหวังประโยชน์ต่อกัน การทำประโยชน์ให้โลกตั้งแต่แคบจนกระทั่งถึงกว้างนี้ ไม่ปล่อยไม่ละไม่วาง ความไม่ถือเนื้อถือตัว เข้าไปได้หมดทุกชาติชั้นวรรณะตลอดถึงสัตว์เดรัจฉาน เพราะความไม่ถือตัว อันนี้ก็เป็นมงคลอันหนึ่ง ๆ แต่ละอย่าง ๆ
เท่าที่โลกเรามีความปึกแผ่นมั่นคง มนุษย์อยู่ด้วยกันได้ สมัครสมานกันได้ ไม่ว่าจะชาติชั้นวรรณะใด หรืออยู่ภาคใดเมืองใดก็ตาม เมื่อมีธรรมเหล่านี้เข้าสมานแล้วสนิทกันได้ทั้งนั้นคนเรา เพราะฉะนั้นขอให้พี่น้องทั้งหลายได้ยึดธรรมเหล่านี้ไปเป็นเครื่องปฏิบัติตัวเอง แล้วประสานต่อเพื่อนฝูงหรือเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน ต่างคนต่างจะมีความจงรักภักดี มีความซื่อสัตย์สุจริตต่อกัน มีความรักใคร่ชอบพอกัน ฝากเป็นฝากตายกันได้ด้วยธรรมเหล่านี้
เฉพาะอย่างยิ่งในสมัยปัจจุบันนี้ สิ่งที่เด่นมากที่สุด ซึ่งจะทำให้แตกให้แยกอยู่ทุกเวล่ำเวลาไม่ว่ากลางวันกลางคืนยืนเดินนั่งนอน นั่นก็คือเรื่องราคะตัณหา ขอให้พี่น้องทั้งหลายจำคำนี้ไว้ให้ดี นี้คือไฟเผาโลก ราคะตัณหานี้เคยมีมาดั้งเดิมตั้งแต่แดนสมมุติมีมาจนกระทั่งบัดนี้ แต่ปราชญ์ทั้งหลายท่านรักษาสิ่งเหล่านี้ให้อยู่ในขอบเขตเหตุผล ให้อยู่ในความพอดิบพอดี โลกแม้จะมีราคะตัณหาอยู่ก็ตาม ก็ไม่แสดงความเป็นฟืนเป็นไฟเผาไหม้ซึ่งกันและกันอย่างออกหน้าออกตาหน้าดื้อหน้าด้านเหมือนอย่างทุกวันนี้
เพราะท่านมีธรรมเป็นเครื่องกำกับรักษา มีเขามีเรา มีใกล้มีไกล มีพ่อมีแม่มีลูกมีเต้า มีญาติมีมิตร มีใกล้มีไกล มีสามีภรรยาไม่ใช่สามีภรรยารู้จักกันหมด แล้วต่างคนต่างปฏิบัติตามที่รู้แล้วนั้น ไม่ก้าวก่ายซึ่งกันและกัน โลกจึงอยู่ด้วยความร่มเย็นเป็นสุขเรื่อยมาจนกระทั่งทุกวันนี้ ทั้งๆ ที่ราคะตัณหาก็มีอยู่กับทุกตัวสัตว์ เว้นพระอรหันต์เท่านั้น นอกนั้นมีด้วยกัน แต่ต่างคนต่างรักษาอย่างนี้ด้วยธรรมของพระพุทธเจ้า จึงเรียกว่าปราชญ์ทั้งหลายท่านนำกันมาด้วยความสงบร่มเย็น เพราะมีธรรมเป็นเครื่องเยียวยา เป็นเครื่องรักษา
แต่ทุกวันนี้ธรรมเราไม่อยากจะว่าเหินห่าง เพราะไม่เคยใกล้ชิดติดพันกับธรรมมาพอที่จะให้เหินห่างเลย มันเหินห่างมาตั้งแต่วันเกิด พ่อแม่ก็ไม่เคยรู้จักศีลจักธรรม ลูกเต้าหลานเหลนเกิดขึ้นมาก็ไม่เคยรู้จักศีลจักธรรม จึงควรพูดได้เต็มปากว่าสมัยทุกวันนี้เราไม่ได้สนใจกับอรรถกับธรรม ไม่รู้ว่าธรรมเป็นยังไง รู้แต่เรื่องกิเลสตัณหานี้มันพอกพูนในหัวใจ แล้วดีดดิ้นยิ่งกว่าสุนัขหน้าเดือน ๙ เดือน ๑๐ เท่านั้น เพราะฉะนั้นโลกจึงได้ร้อน
ถ้าเราต้องการให้โลกมีความสงบร่มเย็น เฉพาะอย่างยิ่งครอบครัวของเรา ให้เห็นใจกัน เมียมีคุณค่าเต็มหัวใจของผัว ผัวมีคุณค่าเต็มหัวใจของเมีย ต่างคนต่างรักต่างสงวนกันแล้ว ต่างคนก็มีความซื่อสัตย์สุจริตต่อกัน ต่างคนต่างฝากเป็นฝากตายจงรักภักดีต่อกันแล้ว ครอบครัวนี้แลเป็นรากฐานสำคัญที่จะยังวงศ์สกุลของเราให้แน่นหนามั่นคง และเจริญรุ่งเรืองสืบต่อไปจนกระทั่งลูกเต้าหลานเหลน
เมื่อเรารักษาศีลธรรมข้อนี้ไว้ได้เราจะเป็นผู้มีความสงบร่มเย็น เอ้า ราคะตัณหามี ยอมรับว่ามี แต่ต่างคนต่างรักษา อย่าต่างคนต่างเอาออกมาเผาผลาญซึ่งกันและกันจนไม่มีขอบเขตเหตุผลอะไรเลย ไม่มีเขตมีแดน โลกจึงพินาศได้ด้วยเพราะเหตุนี้เอง อันนี้เวลานี้กำลังรุนแรงมาก ขอให้พี่น้องทั้งหลายได้รู้เนื้อรู้ตัว ลูกเล็กเด็กแดงเกิดขึ้นมามีแต่อย่างนี้เอาไปป้อนเขา เอาไปป้อนเด็ก ๆ เสียไปหมดทีเดียว วิทยุ เทวทัต วิดีโอ นี้แหละเป็นตัวสำคัญที่เข้าทำลายเด็กให้เสียผู้เสียคนซึ่งเสียมาแต่พ่อแม่อยู่แล้ว ลูกเต้าหลานเหลนก็เสียมาตาม ๆ กันไปหมด นี่เพราะความไม่มีศีลมีธรรม ไม่มียางอาย มีแต่ความฟุ้งเฟ้อเห่อคะนองโดยถ่ายเดียว เลยกลายเป็นคนหน้าด้านไปหมด คนเราลงถ้าได้หน้าด้านแล้วร้ายกว่าสัตว์นะ เพราะฉะนั้นเราเป็นคนอย่าให้เป็นเหมือนสัตว์จะร้ายกว่าสัตว์ จงเป็นผู้มีศีลธรรมเป็นเครื่องปกครองรักษาตนและครอบครัวของตน แล้วต่างคนต่างจะอยู่ร่วมกันเป็นสุขในโลกอันนี้ตลอดกาลนานไป
ในการแสดงธรรมเทศนาคราวนี้ ก็เห็นว่าสมควรแก่เวลา ขอความสุขความเจริญจงมีแก่พี่น้องทั้งหลายโดยทั่วกันเทอญ
**************
|