|
/body onLoad="MM_preloadImages('../images/link_2_6_a.gif')">
/SCRIPT LANGUAGE="javascript1.1" page="dhamma_online";
/SCRIPT LANGUAGE="javascript1.1" src="http://truehits1.gits.net.th/data/e0008481.js">
|
|
|
ชมพระมุ่งอรรถมุ่งธรรมในงาน ๖๐ ปี ธปท. |
|
วันที่ 11 สิงหาคม 2545
สถานที่ : วัดป่าบ้านตาด |
| | ดาวน์โหลดเพื่อเก็บไว้ในเครื่อง ให้คลิกขวาแล้วเลือก Save target as .. จาก link ต่อไปนี้ :
| |
ค้นหา :
ชมพระมุ่งอรรถมุ่งธรรมในงาน ๖๐ ปี ธปท.
เราเครื่องเริ่มร้อนเรื่อยที่นี่นะ เครื่องทองคำเรา ๑๐ ตันเป็นจุดหมาย หมุนใส่จุดสิบตัน ๆ เวลานี้กำลังเริ่มเร่งเครื่องแล้วให้ถึงจุดหมายที่ต้องการคือ ๑๐ ตัน เรียกว่าขาดไม่ได้ ๑๐ ตัน ส่วนที่จะได้เพิ่มเติมมากเท่าไรก็เพิ่มวาสนาของชาติไทยเราขึ้นเรื่อย ๆ นะ เราก็เคยกระซิบพูดกับบรรดาลูกศิษย์ แต่อันนี้เราไม่พูด เพราะน้ำหนักที่ว่า ๑๐ ตันนี้มีน้ำหนักมากกว่า ทองคำที่อยู่ในคลังหลวงมันขาดเป็นคี่ ไม่ใช่คู่นะ เช่นสมมุติว่า ๙ ตันอย่างนี้ มันไม่ใช่ ๑๐ ตัน หรือว่า ๑๙ ตัน มันไม่ใช่ ๒๐ ตัน มันขาด ๆ อยู่ในนั้น ทีนี้เวลาเราได้ไป ๑๐ ตันนี้ สมมุติว่ามันมีอยู่แล้ว ๙ ตันอย่างนี้นะ มันก็เป็น ๑๙ ตันอยู่นั่นแหละ มันไม่เข้า ๒๐ อันนี้ช่าง เราไม่เอา
พึ่งมาพูดวันนี้แหละ เพราะเราได้ตั้ง ๑๐ ตันไว้แล้ว อันนั้นเป็นส่วนเกินส่วนเหลือ ได้เท่าไรก็เข้าเหมือนกัน ถ้ามันเต็มหัวสิบเลยเราก็ไม่ว่าอะไรแหละ แต่นี้ไม่เต็มมันเป็นเลขคี่ ไม่ใช่คู่นะ เช่น ๙ นี้ครั้นเพิ่มเข้าอีก ๑๐ ตัน มันก็เป็น ๑๙ ไปเสีย อีก ๑๐ ตัน ก็เป็น ๒๙ ไปเลย แล้ว ๓๙ เรื่อย เลยไม่ ๔๐ สักที ช่างมันเถอะเอาไว้งั้นก่อน ให้รอไว้ก่อน เพราะเราไปดูเองในคลังหลวง มันเป็นเลขคี่ ทั้ง ๆ ที่มีอยู่ในคลังหลวงมันเป็นเลขคี่เสียไม่เป็นคู่ เราเอาเข้ามา ๑๐ ตันนี้ คี่มันก็เหยียบหัว ๑๐ ตันไปเรื่อย ๆ เช่นอย่าง ๙ นี้ เอา เราได้มา ๑๐ ตันนี้ มันก็เป็น ๑๙ ไปเสีย เอาอีก ๑๐ ตันมาอีกก็เป็น ๒๙ ไปเสีย มีแต่เก้า ๆ เรื่อย ๆ เอาไว้งั้นก่อน ช่างมัน สักเดี๋ยวก็เอาได้ ขอให้ได้ ๑๐ ตันเสียก่อน
ไปกรุงเทพคราวนี้ทองเราเรียกว่าได้วันละ ๓ กิโลเลย เราไป ๗ วัน ตั้งแต่วันที่ ๓ ถึงวันที่ ๙ เป็นเวลา ๗ วัน ได้ทองคำ ๒๑ กิโลเศษนิดหน่อยนะ เรียกว่าได้วันละ ๓ กิโล ไปคราวที่แล้วนั้นได้วันละ ๒ กิโลกว่า คราวนี้ ๓ กิโล ขึ้นเรื่อย ๆ อย่างนี้ ไปคราวนี้ได้ ๒๑ กิโลนี้เราหมายถึงทองคำที่เขาถวายทั่ว ๆ ไปเข้ามาหาเรา ส่วนที่เป็นกองกฐินนั้น มาเท่าไรเราไม่นับ แยกออก ๆ เลย เราหมายเฉพาะที่เขาถวายทั่ว ๆ ไปเข้ามาหาเราเข้านั้นเลยไม่ต้องเข้าไปหาบัญชี ส่วนกฐิน ๘๔,๐๐๐ กองนี้เข้าบัญชีเสียก่อนถึงจะออก แล้วถึงจะเข้าคลังหลวง อันนี้เข้าเลย
ก็ขอให้พี่น้องทั้งหลายทราบว่า งานวันที่ ๑๐ ธันวา นี้จะมีแน่นอน เราตกลงกันแล้วกับผู้ว่าการธนาคารชาติ ว่าจะให้มีเป็นสิริมงคล เป็นรากฐานแห่งธนาคารชาติของชาติไทยเราซึ่งครบรอบ ๖๐ ปี วันนั้นผู้ว่าการธนาคารชาติมาหา แล้วก็ตกลงกันเรียบร้อยแล้วว่าจะมีงานขึ้นในวันที่ ๑๐ ธันวา นี่อันหนึ่ง แล้วในงานนี้มันหวุดหวิดเหลือเกินที่จะเข้าถึงจุด ๕๐๐ กิโล ทีนี้จึงจะหลอมแล้วเข้าคลังหลวงในระยะเดียวกันกับวันงานนั้นนะ อันนี้ก็เป็นงานยิ่งใหญ่ เราได้ทำเป็นที่ระลึกแห่งธนาคารชาติของเราแล้วยังไม่แล้ว เรายังหนุนทองคำเข้าไปอีกตั้ง ๕๐๐ กิโล ขอให้ได้ ๕๐๐ กิโล เวลานี้ก็ได้พอสมควร เราคิดว่าจะได้อยู่นะ ขยับตรงจุดนี้อีก ขยับเป็นจุด ๆ ไปเลยนะ จนกระทั่งถึงจุดที่หมาย นี่เรายังหวุดหวิดอยู่
สรุปทองคำและดอลลาร์วันที่ ๑๐ สิงหาคม ทองคำได้ ๔๒ บาท ๕๕ สตางค์ ดอลลาร์ได้ ๗๗๘ ดอลล์ ทองคำที่มอบเข้าคลังหลวงแล้ว ๕,๐๕๙ กิโลครึ่ง ทองคำที่ได้หลังจากการมอบเข้าคลังหลวงแล้วเมื่อวันที่ ๑๑ เมษา ที่ผ่านมานี้ ได้ ๑๗๔ กิโล ๕๕ บาท ๓๐ สตางค์ รวมทองคำทั้งหมดทั้งที่เข้าคลังหลวงแล้วและยังไม่เข้า ได้ทองคำ ๕,๒๓๔ กิโล นี่ละ ๒๓๔ กิโลนี่มันจะเข้า ๕๐๐ ที่เราจะหลอมนะ อันนี้ละพอบวกกันเข้าถึง ๕๐๐ แล้วเราก็หลอม แล้วจะมอบในวันมหามงคลของเรา คือวันครบรอบธนาคารชาติวันนั้น ให้พี่น้องทั้งหลายได้เตรียมเนื้อเตรียมตัวตั้งแต่บัดนี้
ทองคำที่ได้มาจากกฐิน ๘๔,๐๐๐ เราก็ไม่รอ เราจะรอเอาแต่น้ำหนักได้เท่านี้แล้ว เหล่านี้เราจะหลอมเข้าไปด้วยกันหมดเลย เพราะยังไงก็ต้องเข้า อันไหนที่ควรจะเข้าในจังหวะที่เหมาะสมเราจะให้เข้า คือจังหวะนี้เป็นจังหวะที่เหมาะสมมาก เราทำบุญเป็นมหามงคลแก่ชาติไทยของเราคือธนาคารชาติ แล้วเราก็ได้ทองคำเข้าสมโภชอนุโมทนาอีก สำหรับดอลลาร์ได้เป็นแสนขึ้นไปแหละ คราวนี้ไม่กวนใคร คราวก่อนนั้นไปกวนบัญชีช่วยชาติมา ๑๐ ล้านมาซื้อดอลลาร์ คือดอลลาร์มันขาด เราจะเอาดอลลาร์เข้า ๓ แสน มันขาดเท่าไรเราก็ไปคว้าเอาเงินในโครงการช่วยชาติมา ๑๐ ล้านมาซื้อนี้เข้าไปพอดี ๓ แสน ที่มอบทองคำคราวที่แล้วนะ ได้ดอลลาร์เข้าไป ๓ แสน
คราวนี้เราไม่กำหนดนะ ที่กำหนดจริง ๆ ก็คือว่า ขอให้ได้ทองคำ ๕๐๐ กิโล เราจะหลอมแล้วจะเข้าสมโภชพร้อมกันเลย เป็นงานยิ่งใหญ่เป็นสิริมงคลต่อชาติไทยของเราเป็นระยะ ๆ ไป นี่เราแน่ใจว่าจะได้ ถึงเดือนธันวายังอีกหลายเดือนนะ สิงหา ไม่นับ กันยา ตุลา พฤศจิกา ธันวา ตั้งร่วม ๔ เดือน ต้องได้แน่ ๆ เราคิดว่าจะได้ อันนี้จุดหนึ่งที่เราต้องการ
วันนั้นผู้ว่าการธนาคารชาติมาพูดให้ฟัง ก็ดังที่ได้เล่าให้พี่น้องทั้งหลายฟังนั่นแหละ เป็นที่พอใจ เบื้องต้นของเราหนาแน่นขึ้นเรียบร้อยแล้ว เรื่องของพันธบัตร พันธบัตรนี้ โอ๋ย โกลาหลอลหม่านในวงผู้ใหญ่เหมือนกันนะที่จะซื้อพันธบัตรน่ะ คือเสี่ยง แล้วสุดท้ายก็ตัดสินใจ เอาเลย พันธบัตรออมทรัพย์ช่วยชาติของเรา แอบเอาหลวงตาบัวออมทรัพย์ช่วยชาติเข้าไปในนั้นด้วย เราก็เลยพลอยมีวาสนา มีวาสนายังไง พอประกาศขายพันธบัตรเท่านั้น ๒ วันกับครึ่งวันหมดเลย ๓ แสนล้าน เขากะไว้ว่าจะขายประมาณสัก ๓๐ วันหมดก็ยังดี หรือไม่อย่างนั้นประมาณสัก ๔๕ วันก็อยู่ในเกณฑ์ดีอยู่ ว่างั้น พอตัดสินลงไป ประกาศขายเท่านั้น พรึบเดียว ๒ วันกับครึ่งวัน ๓ แสนล้านหมดเลย
นี่ละในวงราชการตั้งแต่นายกเราลงมา งงด้วยกันทั้งนั้น ว่าเหลือเชื่อ วงราชการทั้งหมดไม่มีใครคัดค้านต้านทาน แม้นิดหนึ่งไม่มีเลย มีแต่ว่าเหลือเชื่อ ๆ แล้วมาถาม พอรู้ว่าเต็มจำนวนที่ว่านี้แล้ว คำที่ว่าเหลือเชื่อก็หมอบเลย เป็นอันว่าลง อนุโมทนาสาธุการด้วยกันหมด ในวงราชการเมืองไทยเราไม่มีทะเลาะกันเลยก็คืออันนี้เอง คือเหลือเชื่อ ใครก็เหลือเชื่อ นับแต่นายกเราลงมาก็ยังเหลือเชื่อ ไม่ว่าแต่เขานะ นายกเราก็ยังเหลือเชื่อ พอมาเห็นแล้วหมอบเหมือนกันหมดเลย เรียกว่าเรียบร้อย นี่ละเงินจำนวนนี้หนุนพื้นล่างนี้ดีแล้วมีแต่เราจะก้าวเดินต่อไป อันนี้หนาแน่นมั่นคงแล้ว การติดหนี้ติดสินไม่สงสัยแล้ว นี่ผู้ว่าการพูดเอง เราเป็นที่พอใจคราวนี้ คือที่ว่าผิดคาดผิดหมาย มันเหลือเชื่อ มันพิลึกกึกกือจริง ๆ เรียกว่าทั่วแผ่นดินไทย วงราชการทุกหน่วยมีแต่บอกเหลือเชื่อ แม้แต่นายกเรายังไปเหลือเชื่อตามเขา สุดท้ายก็มายอมด้วยกันหมด ทีนี้ก็เป็นอันว่าเบิกบานละ พื้นล่างของเราดีแล้ว
ที่เอาเพียง ๓ แสนล้านนั้นเอาเท่านี้ก่อน เพราะมันเกี่ยวกับดอก หากว่าเราจะขายเมื่อไรก็ได้ เรากะไว้ให้พอเหมาะพอดีกับดอกที่จะจ่ายให้เขา เอาขนาดนี้พอดีว่างั้น เพราะฉะนั้นจึงว่าเหมาะสมมาก จากนั้นจึงได้พูดกันถึงเรื่องที่จะฉลอง ๖๐ ปีของธนาคารชาติเรา ซึ่งตั้งมาได้ ๖๐ ปีแล้ว ข้อทั้งหมดก็มาปรึกษาหลวงตานี้แหละ งาน ๖๐ ปีคิดว่าจะเอาพระสัก ๖๐ องค์ เราก็ถามดูสถานที่ที่ทำบุญกุศล ๖๐ ปี จำนวนพระก็มาก ประชาชนก็จะมาก เขาก็บอกว่าพอ แล้วพิจารณาเข้ามามันก็มาลงในจุดศูนย์กลางคือเอา ๓๐ องค์เหมาะแล้ว เราว่างั้น ไม่ต้องเอา ๖๐ องค์ ๖๐ นั้นเป็นพืดเป็นเถาความครบรอบของธนาคารเรา เอ้า ๓๐ องค์นี้ เป็นพระผู้ให้มงคลแก่ชาติไทยของเรา อยู่จุดศูนย์กลาง ๓๐ เราว่าอย่างนี้ เอา ๓๐ ลงกันที่ ๓๐
ทีนี้ ๓๐ องค์นี้เราเป็นคนสั่งเองทั้งนั้น ถ้าลงเราได้สั่งเรียกว่าขึ้นเวทีแล้ว ใครมาต่อกรมาเลย พูดง่าย ๆ ๓๐ องค์นี้เราจะให้ไปเอาตามพระกรรมฐาน ว่าตรง ๆ อย่างนี้เลย เราเชื่อพระพุทธเจ้า สาวกของพระพุทธเจ้า สำเร็จมาจากป่าจากเขา ๆ มาประสิทธิ์ประสาทธรรมให้พี่น้องชาวไทยเราล้วนแล้วตั้งแต่ธรรมมาจากป่าจากเขา ออกจากพระทัยหรือใจของพระพุทธเจ้าและสาวกทั้งหลายมา ทีนี้พระเหล่านี้เป็นผู้สืบทอดมรดกของพระพุทธเจ้า ด้วยปฏิปทาการดำเนินโดยที่อยู่ในป่าในเขา บำเพ็ญธรรมตลอดมา เราไม่มีโอกาสที่บรรดาพี่น้องชาวไทยเราจะได้เห็นได้พบท่าน ผู้ที่ท่านมุ่งอรรถมุ่งธรรมจริง ๆ ท่านอยู่ในป่าในเขา ท่านไม่สนใจกับโลกกับสงสาร มีอยู่มากนี่นะ
ทีนี้เวลานี้มีโอกาสอันดีงามของเรา เราจึงถือเอาโอกาสนี้เราจะนิมนต์พระในวงกรรมฐานมาทุกแห่ง ให้ได้จำนวน ๓๐ องค์ เราจะต้องการ ๓๐ องค์ ไม่ว่าธรรมยุต ไม่ว่ามหานิกาย เราไม่สนใจกับชื่อ ธรรมยุตก็ตาม มหานิกายก็ตาม อันนี้ตั้งไว้เฉย ๆ ผู้มุ่งอรรถมุ่งธรรม นั้นแลคือผู้จะครองธรรม ไม่ว่าคณะไหนชื่อไหนก็ตามผู้นั้นจะครองธรรม เพราะฉะนั้นเราจึงบอกว่าจะรับหมด รับทั้งธรรมยุต มหานิกาย นิมนต์มาวัดละเท่านั้นองค์เท่านี้องค์ รวมแล้วเป็น ๓๐ องค์ ให้พี่น้องทั้งหลายได้ชมคุณงามความดีของท่าน ที่ท่านครองผ้าแก่นขนุนอยู่ในป่า โลกทั้งหลายก็จะว่าผ้าแก่นขนุนนี่ ผ้าขี้ริ้วห่อมูตรห่อคูถนะ ไอ้โลกกิเลสตัณหาหนามันต้องว่าอย่างนั้น ไม่มีคุณค่ามีราคาอะไร ครึล้าสมัยที่สุด กดถ่วงชาติไทยที่สุด ก็คือพระกรรมฐานที่อยู่ในป่านั้นแหละ เป็นความรู้สึกของคนที่หนา ๆ เป็นได้
แม้แต่เราเรียนหนังสือยังมี เราเรียนหนังสือนี้เราก็ไปเรียนเป็นนักเรียนนักลิงเหมือนกันกับพระทั้งหลายเหล่านั้น แต่เวลามีผู้มาพูดพวกนักเรียนด้วยกัน มันก็เป็นนักเรียนด้วยกันมันจะมีผิดมีถูกที่ตรงไหน เขาพูดมาผิดเราก็ซัดเปรี้ยง ๆ ซัดพวกเรียนหนังสือด้วยกัน เอาเยอะนะหลวงตา คือบางรายพูดดูถูกกรรมฐาน ส่วนมากมักจะพูดดูถูกกรรมฐาน เฉพาะผู้ดูถูกกรรมฐาน เราก็เรียนหนังสืออยู่ด้วยกันมันก็แขนซ้ายแขนขวาฟาดกันใช่ไหม ไม่มีใครแพ้ใครชนะเจ็บด้วยกันทุกคน ก็ฟาดกันเลยแหละกับพวกที่เรียนหนังสือนี่ เอาเสียจนขนาดหนักเหมือนกันนะ ยอม ๆ เรา ถ้าพวกเรียนอยู่นั้นที่มีความชมเชยกรรมฐาน ก็เรากางคัมภีร์ไว้นี่จะว่ายังไง ชมเชยถูกต้อง ตำหนิถูกต้องเราไม่ว่านะ ถ้าผิดแล้วเอาเลย อันนี้ก็ตำหนิมาข้าง ๆ คู ๆ ถือแบบอำนาจบาตรหลวงป่า ๆ เถื่อน ๆ ว่าเราเรียนรู้ กลายเป็นนักปราชญ์ราชกวีไปแล้ว เห็นพระอยู่ในป่าในเขาเป็นมูตรเป็นคูถไปแล้ว ถ้าเช่นนั้นเราตอบทันทีเลย เอากันเลย
ส่วนผู้ที่ตั้งใจปฏิบัติจริง ๆ ท่านชมเรื่องกรรมฐานเราฟัง เพราะเราเรียนนี้เรียนเพื่อจะปฏิบัติโดยถ่ายเดียวเท่านั้น เราไม่ได้เรียนเพื่อเอายศเอาลาภ เอาอะไร ความมุ่งหวังของเรามุ่งต่อแดนพ้นทุกข์คืออรหัตบุคคล เรียนหนังสืออยู่ฝังอยู่ในหัวใจตลอด เพราะฉะนั้นใครที่มาตำหนิกรรมฐานจึงได้เอากันเลย นี่แหละให้คนทั้งหลายได้เห็น ท่านทั้งหลายได้เห็นพระที่ว่าครึว่าล้าสมัยหนักที่สุดในศาสนาหรือในโลกสงสารเรา คือพระที่อยู่ในป่าในเขา ให้ท่านได้ออกมาได้เห็นบ้าง เป็นยังไง ท่านเหล่านี้เป็นผู้มุ่งอรรถมุ่งธรรม อยู่ด้วยกันมันรู้กันดีพวกกรรมฐานเรา พวกอยู่ในป่าในเขามีแต่ธรรมล้วน ๆ มาพูดกันคำไหนออกแต่ธรรมล้วน ๆ สติสตังอยู่ในนี้หมดนะ
นี้เป็นโอกาสอันดีที่พี่น้องทั้งหลายจะได้พบได้เห็นท่านในงานอันนี้ เราจึงเป็นผู้สั่งเอง ให้ไปนิมนต์มา ไม่ว่าธรรมยุตมหานิกายวัดไหนที่ไหนให้ไปเอาวัดละเท่านั้นองค์เท่านี้องค์ บวกแล้วเป็น ๓๐ องค์ มารวมกันนี้ นี่ละพี่น้องทั้งหลายทราบ เพื่อให้พี่น้องชาวไทยเราได้เห็นได้ชมพระกรรมฐานที่ท่านอยู่ในป่าสั่งสมธรรมอย่างยิ่ง ใต้สายตาคนใครมองไม่ค่อยเห็น ทีนี้ให้ประชาชนได้เห็นเสียบ้าง หลวงตาบัวเป็นผู้ประกาศเอง เพราะหลวงตาบัวเป็นผู้สนิทกับพระกรรมฐานมาดั้งเดิมอยู่แล้ว องค์ไหนเป็นยังไงนี้ทราบ ๆ นะ แล้วพระจำนวนมากมีแต่มุ่งอรรถมุ่งธรรมเราก็ทราบไปโดยลำดับ เพราะฉะนั้นจึงจะขอนิมนต์ท่านเหล่านี้มา เพื่อให้เป็นสิริมงคลแก่พี่น้องชาวไทยเรา ซึ่งเป็นเรื่องใหญ่โตมาก
เวลานี้เราตั้งกองมหากุศลขึ้นที่ธนาคารแห่งชาติไทยของเรา ในครบรอบ ๖๐ ปี ให้พระท่านได้มา ๓๐ องค์มาที่นี่ กรุณาทราบตามนี้ และเมื่อมีงานใหญ่ขนาดนี้แล้ว เราควรจะมีอะไรสมโภชอนุโมทนา ให้เป็นเกียรติยศชื่อเสียงของชาติไทยเรา ก็คือทองคำ ๕๐๐ กิโลนี้ควรจะได้ในวันนั้น เพราะจะได้มอบให้เป็นความสง่างามอย่างยิ่งนะ นิมนต์พระมาแล้ว ทำงานช่วยชาติของเราในวัน ๖๐ ปีนั้นแล้ว ยังได้เฉลิมฉลองกันด้วยทองคำตั้ง ๕๐๐ กิโลนี้เป็นที่เหมาะสมอย่างยิ่งนะ กรุณาพี่น้องทั้งหลายให้พากันพิจารณา อันนี้เราจะพยายาม
อะไรที่หลวงตาได้ออกสนามแล้ว พี่น้องทั้งหลายให้ปักใจด้วยกัน ให้ฟังเสียงหัวหน้านะ หัวหน้าพี่น้องทั้งหลายทางฝ่ายศาสนาก็คือหลวงตาบัวเอง เราปักลงตรงไหนขาดสะบั้นไปเลย การที่จะปักลงตรงไหน ทะลุลงตรงไหนจะพิจารณาเต็มหัวใจก่อน เต็มหัวใจแล้วพุ่งเลย อะไรมาผ่านไม่ได้ ขาดสะบั้นเลย ถ้าอะไรที่ขัดข้องต่อธรรม เช่นว่าอันนี้ผิดไม่เล่นด้วยนะ จะไม่ไปเลย ไม่เล่นด้วย เราจะมีแต่ธรรมล้วน ๆ เพราะฉะนั้นเวลาเราออกเวทีแล้วใครก็มา บอกอย่างนี้เลย คำว่าถอยไม่มีเลย เพราะธรรมล้วน ๆ แล้วออก ธรรมปกครองโลกไม่ได้ อะไรปกครองโลก นั่น เราจะเอาอันนี้ออก
ที่เราพูดถึงเรื่องเกี่ยวกับนิมนต์พระเจ้าพระสงฆ์มาในงาน พร้อมทั้งทองคำ ๕๐๐ กิโลนี้ก็พูดเพื่อชาติไทยของเรา เห็นว่าถูกต้องเรียบร้อยแล้ว เป็นมงคลอย่างยิ่งสำหรับงานเราคราวนี้ ไม่บกพร่อง ถ้าได้ทองคำมอบเข้าไปอีก ๕๐๐ กิโลแล้ว เหมาะสมอย่างยิ่งนะ ให้พี่น้องทั้งหลายจำเอาไว้ทั่วหน้ากัน นี่ละเราจะพยายาม เพราะเวลานี้ในนี้ก็ได้สองร้อยกว่าแล้วนี่ ทีนี้ทองคำที่มาในกองกฐิน ๘๔,๐๐๐ กอง นี้เป็นทองคำมาเรียบร้อยแล้ว อันนี้จะรวมเข้ามาหลอมด้วยกันหมด แล้วก็ให้เป็น ๕๐๐ กิโลเลย ส่วนทะเบียนบัญชีเรามียังไง ก็ไม่แยกใช่ไหมมันเข้าใจแล้ว แต่ทองคำเอามา คือเอามาเข้านี้ให้ได้ ๕๐๐ กิโล นี่ละกรุณาทราบตามนี้
โห เราหนักไม่ใช่เล่น ๆ นะ เพื่อชาติไทยของเรานี้ หนักจริง ๆ หนักอยู่ภายใน คือเรื่องทั้งหลายจะมาอยู่ในนี้หมด จะพิจารณาเสียเต็มกำลังความสามารถ ที่จะออกมาให้พี่น้องทั้งหลายปฏิบัติตามแต่ละอย่าง ๆ นี้ออกมาเต็มเหนี่ยว ๆ แล้วออกเลย ๆ ไม่ใช่สุ่มสี่สุ่มห้าหัวชนฝาออกมานะ เราทำอย่างนั้นจริง ๆ เพราะฉะนั้นเวลาออกมาเต็มเหนี่ยวแล้วจึงโบกมือเลย เอ้า ใครเก่งให้เข้ามาความหมายว่าอย่างนั้น คอเขาไม่ขาดคอเราขาดเท่านั้น ให้ถอยไม่มี เป็นอย่างนั้นแหละ เราเอาจริง ๆ ช่วยจริง ๆ คราวนี้ก็ปักใส่ ๕๐๐ กิโล ยังไงก็ขอให้ได้ตรงจุดนี้ก่อน คือเราจะมอบทองคำแต่ละครั้ง ๆ ไม่เหมือนแต่ก่อน คือแต่ก่อน ๔๐๐ กิโลมอบก็มี คราวนี้จะให้ได้ ๕๐๐ กิโลมอบทีหนึ่ง ๆ ครั้งที่หนึ่ง ๕๐๐ กิโล ครั้งที่สองก็เป็น ๑ ตันเลย ๆ ไปเรื่อย ๆ อย่างนี้แหละ แล้วคราวนี้จะให้ได้ ๕๐๐ กิโลฯ
ใครลืมเทวทัต โทรศัพท์มือถือนี้มันกวนเหลือเกินนะ เรามองดูตามสถานที่ต่าง ๆ เรายังรำคาญตา นี่แสดงว่าพวกนี้จะเป็นบ้าไปอีกแง่หนึ่ง เราว่าอย่างนั้นนะ คือมันลืมเนื้อลืมตัว ไปอยู่ที่ไหนหูจ่อโทรศัพท์ นี่สร้างความยุ่งเหยิงวุ่นวายเข้าอีกมากมาย ผลได้จะมีแค่ไหนไม่ค่อยเห็นมี มีแต่ความยุ่งเหยิงวุ่นวาย ทำคนให้เห่อให้ลืมเนื้อลืมตัว นอกจากนั้นก็เข้ามาหาพระ เพราะฉะนั้นวันที่ ๒๗ ที่ผ่านมาเดือนกรกฎานี้ เราเทศน์สอนพระมาจำนวนมากมาย ส่วนมากเป็นกรรมฐาน มาดูเหมือนจะเข้าร่วมพัน เราจึงได้เทศน์ให้ฟังถึงเรื่องข้าศึกของศาสนา แล้วของพระมาโดยลำดับ เริ่มต้นตั้งแต่ หนังสือพิมพ์ วิทยุ โทรทัศน์ วิดีโอ โทรศัพท์มือถือ อันนี้สุดยอดเราบอก นี้เป็นมหาภัยสังหารคอขาดไปเลย โทรศัพท์มือถือ จับนี้นัดกับอีสาวที่ไหนก็ได้นี่
ฟังซิเราพูดเป็นธรรม เราไม่มีหญิงมีชาย เข้าใจไหม อย่าคิดว่าเราพูดสูงพูดต่ำพูดหยาบพูดโลน ธรรมไม่หยาบโลน ตำหนิสิ่งที่ชั่วเข้าใจไหม การพูดนี้ตำหนิสิ่งที่ชั่วเพื่อนำสิ่งที่ดีขึ้นมา โทรศัพท์มือถือนี้จับปั๊บนัดที่ไหนได้ทั้งนั้น คอขาดเลย เราก็ได้ประกาศให้พระทั้งหลายทราบแล้ว เหล่านี้เป็นเรื่องของโลกล้วน ๆ โลกเขาไม่มีอะไรเสียหาย แต่ธรรมมีเสียหาย เพราะฉะนั้น ใน ๔ อย่างนี้ให้ระมัดระวังกันให้มาก เราก็บอกอย่างนั้น อันนี้เป็นสำคัญที่สุดที่สังหารศาสนาอยู่เวลานี้ จุดสุดท้ายคือโทรศัพท์มือถือ เรียกว่า มหาภัยขั้นสุดยอด พระนี่คอขาดเลยไม่มีอะไรเหลือแหละ นี่ก็ได้ประกาศแล้ววันนั้น
อันนี้ก็มาอีกแล้ว ของใคร โทรศัพท์มือถือ เราไม่อยากว่านะโทรศัพท์มือถือ ถ้าว่าโทรศัพท์ผีถือ นั่นเราจะพูด เข้าใจไหม ของใครลืม โทรศัพท์ผีถือของใครลืมมาเอาไป เราจับอยู่อย่างนี้มือเราก็จะกลายเป็นมือผีนะ เรารีบปล่อยวาง เออ มาเอาไป ของใคร เท่านั้นละพอ ต่อไปนี้จะอนุโมทนา
อ่านธรรมะหลวงตาวันต่อวัน ได้ที่ www.luangta.com |
** ท่านผู้เข้าชมทุกท่านโปรดทราบ
เนื่องจากกัณฑ์เทศน์บางกัณฑ์มีความยาวค่อนข้างมาก
ซึ่งจะส่งผลต่อความเร็วในการเปิดเว็บไซต์ ขอแนะนำให้ทุกท่านได้อ่านเนื้อหากัณฑ์เทศน์บางส่วนจากเว็บไซต์
และให้ทำการดาวน์โหลดไฟล์กัณฑ์เทศน์ที่มีนามสกุล .pdf ไปเก็บไว้ในเครื่องของท่านแทนการอ่านเนื้อหาทั้งหมดจากเว็บไซต์
|
|
|
|