ภาวนา
วันที่ 26 ธันวาคม 2525
สถานที่ : วัดป่าบ้านตาด
| |
ดาวน์โหลดเพื่อเก็บไว้ในเครื่อง
ให้คลิกขวาแล้วเลือก Save target as .. จาก link ต่อไปนี้ :

ค้นหา :

เทศน์อบรมฆราวาส    วัดป่าบ้านตาด

เมื่อวันที่  ๒๖  ธันวาคม พุทธศักราช ๒๕๒๕

ภาวนา

 

การภาวนาก็เพื่อให้จิตสงบ เมื่อจิตมีความสงบมันมักจะโงกง่วงอยากหลับอยากนอน เพราะจิตสบาย เมื่อจิตสงบละเอียด มีความละเอียดเข้าไปกว่านั้นก็เป็นความเพลิดเพลิน เพลินในอรรถในธรรม ไม่โงกง่วงเหมือนขั้นเริ่มแรกและไม่เหมือนทางโลก ความเพลินในธรรมมันเบาภายในจิตใจ เหมือนอยู่ในอวกาศ เวิ้งว้าง ความสุขในทางโลกมันมีฉากหน้าเป็นความสุข ฉากหลังเป็นความทุกข์แทรกกันอยู่ คอยจะสับจะเปลี่ยนกันอยู่เรื่อย เดี๋ยวความทุกข์ก็เหยียบย่ำความสุขให้แหลกไป ความสุขทางโลกคอยแต่จะหลุดหายไป พอความสุขปรากฏขึ้น ความเศร้าโศกเสียใจและความทุกข์ก็ตามหลังมาและแซงหน้าความสุขไปเสียอย่างนั้น ความสุขทางธรรมไม่เป็นเช่นนั้น มันผิดกัน ผิดกันมาก เพราะเรื่องยาพิษมันจางออกไปจากใจ มีแต่ความสุขความอบอุ่นมั่นใจในตัวเอง ความเพลินทางธรรมมันเบาในจิต

เราอยากได้ยินผู้หนึ่งผู้ใดมาเล่าเรื่องภาวนาให้ฟัง เราจะเปิดหูคอยฟัง เปิดตาคอยดู ทุกอย่างอย่างอาจหาญ สามโลกธาตุมาค้านก็ไม่หวั่นไหว ขอให้รู้ธรรมในหัวใจเถอะคนเราน่ะ พระพุทธเจ้าองค์เดียวสามารถเป็นศาสดาเอกของโลกได้ทั้งสามโลก พระองค์อาจหาญแค่ไหน ความจริงมีอยู่ในหัวใจไม่อาจหาญได้หรือ คนเราน่ะ แม้แต่เราไปประสบเหตุการณ์ อย่างหนึ่งอย่างใดด้วยตาของเรา เรายังอาจหาญพูดได้ เราได้ยินด้วยหูของเรา คำพูดเป็นภาษาเดียวกัน ทำไมเราจะเอาเรื่องนั้นมาพูดไม่ได้ เรื่องภายนอกหยาบๆ เรื่องภายในยิ่งละเอียด

พระพุทธเจ้าพระองค์เดียวเป็นศาสดาทั้งสามโลกได้ มีใครในโลกทำได้ รู้ได้สอนได้อย่างพระองค์มีไหม? เราเองแม้ตัวเท่าหนูแต่เวลาเทศน์สอนพระในวัดเรา เสียงแห่งธรรมเป็นไฟไปเลยโดยไม่ตั้งใจให้เป็น แต่มันเป็นเอง เพื่อให้ถึงใจและทันต่อเหตุการณ์ เราจะเอาหู ตา จมูก ลิ้น กาย ไปจับธรรมนั้นจับไม่ได้ มีอยู่ก็เพียงสักว่ามีเท่นั้น เพราะไม่ใช่วิสัยจะเอาสิ่งเหล่านี้ไปจับ ไปสัมผัสสัมพันธ์ธรรมได้ มีใจดวงเดียวเท่านั้น สามารถสัมผัสสัมพันธ์และรู้เห็นธรรมขั้นต่างๆ ได้ ฉะนั้นจงปรับปรุงใจของตนให้ดีเหมาะกับธรรมขั้นนั้นๆ

การปรับปรุงใจก็คือภาวนานั่นแหละ เป็นเครื่องปรับใจของเราให้เข้าคลื่นของธรรมเป็นขั้นๆ ไป เหมือนอย่างคลื่นวิทยุ พิจารณาดูซิ ปรับคลื่นไม่ถูกกันจะรับกันไม่ได้เลย แม้เขาเปิดสถานีอยู่ทั่วโลกก็ไม่ได้เรื่องสำหรับวิทยุเรา ต้องปรับคลื่นให้ถูกกัน นั้นธรรมขั้นนั้นๆ ปรับจิตให้เข้ากับธรรม เพราะธรรมก็มีขั้นเหมือนกับคลื่นวิทยุ ปรับถูกขั้นไหนก็เข้ากับขั้นนั้นไปเรื่อยๆ ปรับจิตถูกกับธรรมทุกขั้นโดยลำดับ ก็สามารถรู้ได้กระทั่งวิสุทธิธรรม คือพระนิพพาน โดยไม่มีสิ่งใดมาขัดข้องกีดขวางได้ ดังนั้นการสอนจึงเริ่มสอนตั้งแต่ภาวนาให้จิตสงบ เมื่อจิตสงบแล้วก็จะสัมผัสสัมพันธ์ธรรม ความสุขที่เกิดจากความสงบนั้นเองคือธรรม เมื่อจิตสงบลงไปก็จะเกิดธรรมขึ้นมา ละเอียดๆ เข้าไปก็จะปรากฏธรรมขั้นนั้นขั้นนี้ขึ้นมา

เพราะธรรมขั้นต่างๆ มีอยู่แล้ว เป็นแต่เพียงเราปรับขั้นต่างๆ ของจิตไม่ถูก เพราะเราไม่เคย ท่านว่าธรรมมีอยู่ในโลกก็มีอย่างนั้นแหละ เครื่องปรับของเราไม่มี ไม่ดี เราไม่สนใจปรับมันก็ไม่ได้เรื่อง จะเอาหู เอาตา จมูก ลิ้น กาย ไปสัมผัสสัมพันธ์ธรรม ไปรับรู้ธรรม ไปเป็นเครื่องยืนยันธรรมทั้งหลายไม่ได้ ไม่มีทาง ท่านจึงสอนให้ปรับใจอันเป็นของคู่ควรกันกับธรรมทั้งหลาย ให้เหมาะสมกับธรรมขั้นนั้นๆ ที่จะควรรู้ควรเห็นได้ ไม่นอกเหนือจากใจที่ปรับปรุงตัวดีแล้วไปได้เลย

พระพุทธเจ้าทรงสอนให้อบรมจิตใจ เพื่อความรู้ธรรมเห็นธรรม รู้เห็นความสุขความเจริญภายในใจเราเองอย่างแท้จริง จงปรับจิตของเราให้ถูกต้องตามหลักที่พระพุทธเจ้าทรงสอนไว้นั้น ใจจะสัมผัสสัมพันธ์ธรรมไปโดยลำดับ จนกระทั่งวิมุตติธรรม ก็ไม่มีอะไรเป็นปัญหา ถ้าจิตของเราได้ปรับให้ถูกต้อง ท่านเรียกว่าใจเข้าถึงวิมุตติ ก็ต้องถึงวิมุตติหลุดพ้นได้จริงๆ ไม่เป็นอื่น เพราะธรรมไม่เคยโกหกโลกให้ล่มจมฉิบหาย มีแต่โลกนั่นแหละโกหกกัน

ตามที่เคยได้ยินว่าเขาทำจรวด เขาปรับปรุงของเขาถูกต้องขนาดไหนที่จะทะยานออกจากสิ่งดึงดูดของโลกให้ไปถึงขั้นอวกาศ ขึ้นไปถึงพระอาทิตย์พระจันทร์ เขาปรับอย่างไรกับเครื่องของเขา ถ้าไม่ละเอียดรอบคอบทุกสิ่งทุกอย่าง ไม่เอาจริงเอาจังด้วยความรอบคอบทุกด้านเกี่ยวกับดินฟ้าอากาศก็เข้ากันไม่ได้ จรวดจะขึ้นไปอวกาศไม่ได้ เป็นอันตราย จึงต้องปรับให้ดี ให้ถูกทุกสัดทุกส่วน เมื่อปรับถูกแล้วจรวดก็พุ่งถึงพระจันทร์ ไม่มีอะไรเป็นปัญหา ใจก็เหมือนกันต้องปรับ ความดึงดูดของโลกมันมี วัตถุต่างๆ มันถูกโลกดึงดูด อย่างจรวดจะไม่มีเครื่องดึงดูดได้อย่างไร ก็ต้องมี ดังนั้นเขาจึงต้องปรับทุกสิ่งทุกอย่าง ให้เหมาะสมเพียงพอกับการทะยานขึ้นสู่อวกาศได้ จรวดก็ขึ้นได้ ถ้าปัญญาพอในขั้นโลกิยะ เขาก็ทำได้ของเขาจนกระทั่งถึงพระอาทิตย์ พระจันทร์ นั่นคืออวกาศของโลก โลกเขายังทำได้พิสูจน์ได้

อวกาศของจิตของธรรมก็เหมือนกัน มันผิดอะไรกัน ต้องปรับจิตที่มันถูกดึงดูดให้ดี เครื่องดึงดูดของมันคืออะไร กิเลสนั่นแหละดึงดูดเหมือนกับพื้นโลกอันหนึ่ง พื้นสมมุติอันหนึ่ง มันดึงดูดจิตใจไว้ไม่ให้จิตใจออกจากนี้ไปได้ ความโลภ ความโกรธ ความหลง ความรัก ความเกลียด ความชังต่างๆ ล้วนเป็นเครื่องดึงดูดจิตทั้งนั้น ทำอย่างไรใจถึงจะออกจากสิ่งเหล่านี้ได้ ก็ต้องปรับปรุงใจเป็นขั้นๆ ไป ใจก็จะค่อยผ่านไปๆ อากาศก็ค่อยเบาค่อยบางไป แล้วก็พุ่งเข้าสู่อวกาศแห่งธรรมได้

แต่จิตมีเครื่องดึงดูดมาก มันจึงไปยาก พอว่าจะนั่งภาวนา หมอนก็ดูดเสีย เสื่อก็ดูดเสียจะว่ายังไง ข้าศึกมันมีรอบด้านนี่ ความขี้เกียจขี้คร้านก็ดูดเสีย จะเดินจงกรมก็ไม่ได้ จะก้าวไปวัดไปวาฟังเทศน์ฟังธรรมก็ถูกดึงดูดไว้เสีย ไปไม่ได้ ถ้าปรับจิตของเราดีแล้วก็ผ่านสิ่งเหล่านี้ไปได้โดยลำดับ ดังพระพุทธเจ้าและสาวกทั้งหลายท่านผ่านไปนั่นแล จะสงสัยท่านให้กิเลสหัวเราะทำไม สงสัยกิเลสตัวหลอกลวงนั่นเป็นไร เราจะได้ข้อคิดเพื่อปลดเปลื้องตน

การหลับนอน หลับพอประมาณ พอพักผ่อนธาตุขันธ์เท่านั้น ไม่ได้หลับเพื่อความสุขความสบายอะไรนักจากการหลับการนอนเลย เพราะธรรมเหนือนั้น ความสุขของธรรมเหนือนั้นอีก เป็นแต่เพียงพักผ่อนร่างกายเพื่อเป็นกำลังที่จะดำเนินทางด้านความเพียรเท่านั้น ถ้าใจมีความเพลิดเพลินในธรรมมากก็ไม่อยากหลับอยากนอน กลางคืนนั่งภาวนา ถึงเวลาให้นอนยังไม่หลับเลย ใจแน่วอยู่กับธรรมอย่างเดียว พิจารณาอะไรก็คล่องตัว คนๆ นั้นที่เคยโง่เง่าที่เคยปัญญาทึบๆ เคยคิดอะไรไม่ออก บทเวลาจะออกทางด้านปัญญามันเป็นคนๆ นั้นเมื่อไร เวลาได้ธรรมเข้าส่งเสริมมันก็ออกได้อย่างคล่องตัว เคยฝังเคยจมอยู่กับอะไรมันก็คัดออก จึงไม่อยากหลับอยากนอน เพลินในความเพียร เพลินในการแก้กิเลสชนิดต่างๆ อะไรเป็นคุณเป็นโทษก็รู้ก็เห็นประจักษ์ใจ

เมื่อถึงขั้นไม่หลับก็ไม่หลับ นอนแต่ร่างกาย จิตไม่นอน อะไรมาเกาะเกี่ยวก็ปัดออกๆ ไม่ยอมถอย ต้องบังคับให้นอนเพื่อหลับ มิฉะนั้นกำลังกายในการทำความเพียรไม่มี จึงต้องพักผ่อนนอนหลับทางกายเสียก่อนพอสมควร จิตและปัญญาจะได้พักตัวในเวลาหลับ ไม่ทำงานมากไป สมาธิเป็นที่พักปัญญา เมื่อจิตเข้าสู่ความสงบ ปัญญาย่อมพักทำงานในเวลานั้น พอจิตออกจากที่สงบแล้วก็ทำงานแก้ถอดถอนกิเลสต่อไป จนไม่มีซากกิเลสเหลืออยู่ภายในใจ นั่นแลคือจิตหมดความดึงดูดของโลกคือกิเลส จิตก้าวเข้าสู่อวกาศของจิตของธรรมเต็มที่

ฉะนั้นการปฏิบัติธรรม คนเราจึงถือว่ายาก เพราะกิเลสไม่อยากให้ทำ เพราะกิเลสเป็นข้าศึกของธรรม จะทำบุญกุศลทำทานฟังเทศน์ฟังธรรม กิเลสมันคอยกีดกัน จึงต้องเอาธรรมเข้าส่อง เอาธรรมสอดแทรกเข้าไป เพราะกิเลสมันคอยดึง เรื่องแหลมคมไม่มีอะไรแหลมคมเท่ากิเลส คิดแง่ไหนเป็นเรื่องของกิเลสทั้งนั้น การปราบกิเลสต้องเอาจิตตภาวนาเข้าปราบ ให้จิตสงบเสียก่อน เมื่อจิตสงบแล้วคนเรามีปัญญาที่จะแก้กิเลสได้ มิได้จนตรอกอยู่ตลอดไป ขอแต่ให้เชื่อพระพุทธเจ้าเถิด กิเลสมีวันถูกเปิดโปงจากใจโดยไม่ต้องสงสัย

นี่พวกเราเคยเชื่อกิเลสหลอก หาว่าการทำความดีตามธรรมเป็นข้าศึกต่อการอยู่สบายมานานแล้ว ทั้งที่หาความสบายดังคำหลอกลวงของกิเลสไม่ได้ จงทำความเข้าใจกับตนแต่บัดนี้เป็นต้นไปว่า ที่เราทั้งหลายมีความทุกข์ ได้รับทุกข์เรื่อยมานี้ เพราะความเชื่อกิเลสและทำตามกิเลส มิใช่เพราะความเชื่อธรรมปฏิบัติตามธรรม จะทุกข์มากน้อยในการบำเพ็ญความดีก็เพื่อบูชาพระพุทธเจ้า พระธรรม พระสงฆ์เถิด อย่าให้ทุกข์เพราะการทำตามกิเลสบูชากิเลสจนหมดตัวดังที่เคยเป็นมาอีกเลย ความหวังจะเริ่มปรากฏขึ้นที่ดวงใจของผู้บำเพ็ญความดีโดยลำดับ ไม่อับเฉาเศร้าใจมากดังที่เคยเป็นมา ธรรมะที่เราบำเพ็ญรักษา จะเข้าคุ้มครองป้องกันโดยลำดับทั้งหลับและตื่น จะมีแต่ความแช่มชื่นเบิกบานใจทุกอิริยาบถ เพราะใจมีธรรมคือความดีทั้งหลายเป็นที่พึ่งที่อาศัย

จึงขอเรียนเชิญชาวพุทธเราทุกท่าน ได้ตื่นเนื้อตื่นตัวจากพิษภัยของกิเลส ที่มาในเล่ห์กลต่างๆ ซึ่งล้วนสอดแทรกยาพิษมาด้วยทั้งสิ้น ไม่ให้นอนใจกับมันเกินประมาณ เมื่อธรรมะเครื่องปลุกให้ตื่นจากหลับที่กิเลสกล่อมเป็นธรรมสะเทือนโลกมีอยู่ กรุณานำเข้ามาใกล้ชิดสนิทแนบกับกายกับใจในการบำเพ็ญคุณงามความดีทั้งหลาย อย่าให้กิเลสปัดหลุดมือไปได้ จงกำธรรมะให้เหนียวแน่น และเคียดแค้นต่อกิเลสตัวเคยทำพิษแก่เราให้มาก ความดึงดูดของกิเลสที่มีต่อจิตใจจะนับวันลดน้อยลงไปทุกที การทำความดีทุกด้านจะสะดวก จะไม่ถูกดึงดูดจากมันมากเหมือนแต่ก่อน เมื่อบำเพ็ญธรรมบำเพ็ญจิตมากเข้าจะปรากฏธรรมบทสุดท้ายขึ้นมาว่า “บรมสุขจะหาที่ไหน หาตรงที่กิเลสตัวดึงดูดสิ้นไปจากใจเท่านั้น” นตฺถิ สนฺติปรํ สุขํ ที่อื่นไม่มี

ถอดจากเทปบันทึกเมื่อ ๒๖ ธันวาคม ๒๕๒๕

โดย คุณกุศลิน ศรียาภัย


** ท่านผู้เข้าชมทุกท่านโปรดทราบ
    เนื่องจากกัณฑ์เทศน์บางกัณฑ์มีความยาวค่อนข้างมาก ซึ่งจะส่งผลต่อความเร็วในการเปิดเว็บไซต์ ขอแนะนำให้ทุกท่านได้อ่านเนื้อหากัณฑ์เทศน์บางส่วนจากเว็บไซต์ และให้ทำการดาวน์โหลดไฟล์กัณฑ์เทศน์ที่มีนามสกุล .pdf ไปเก็บไว้ในเครื่องของท่านแทนการอ่านเนื้อหาทั้งหมดจากเว็บไซต์

<< BACK

หน้าแรก