|
/body onLoad="MM_preloadImages('../images/link_2_6_a.gif')">
/SCRIPT LANGUAGE="javascript1.1" page="dhamma_online";
/SCRIPT LANGUAGE="javascript1.1" src="http://truehits1.gits.net.th/data/e0008481.js">
|
|
|
ยาเสพย์ติด การพนัน เป็นเนื้อร้ายอย่าสงวน |
|
วันที่ 18 มิถุนายน 2545
สถานที่ : วัดป่าบ้านตาด |
| | ดาวน์โหลดเพื่อเก็บไว้ในเครื่อง ให้คลิกขวาแล้วเลือก Save target as .. จาก link ต่อไปนี้ :
| |
ค้นหา :
ยาเสพย์ติด การพนัน เป็นเนื้อร้ายอย่าสงวน
ก่อนจังหัน
พระเข้าเรื่อย ๆ ออกเรื่อย ๆ ให้มาศึกษาจริง ๆ นะ อย่ามาเด้น ๆ ด้าน ๆ ให้มาดูจริง ๆ เป็นยังไงดูศาสนา ศาสนาเป็นยังไง ทำไมจึงให้กิเลสเหยียบศาสนาจนไม่มีเหลือเวลานี้ ใครพูดถึงเรื่องความดิบความดีที่เกิดขึ้นจากศีลจากธรรมนี้เหยียบกัน ๆ กิเลสซึ่งเป็นเหมือนส้วมเหมือนถานมันขึ้นเหยียบทองคำทั้งแท่ง คือศาสนธรรมของพระพุทธเจ้า พระเณรนี้ก็ขนส้วมขนถานมาในตัวเต็ม แล้วก็มาเหยียบวัดเหยียบวา เหยียบศาสนา เหยียบธรรมเหยียบวินัย เหยียบหัวพระพุทธเจ้านะ ให้พากันจำให้ดีข้อนี้น่ะ
ถูกเหยียบแหลกศาสนาเวลานี้จะไม่มีเหลือ มีแต่กิเลสกองส้วมกองถานขึ้นท่วมเมฆ มองดูที่ไหนจนดูไม่ได้นะ นี่ละโลกที่มันร้อน มันร้อนเพราะเป็นบ้ากันกับส้วมกับถานนี่น่ะ ความเพลิดความเพลิน ความไม่รู้เนื้อรู้ตัว นี่ละที่เป็นฟืนเป็นไฟเผาโลกอยู่เวลานี้ ศาสนามีแต่น้ำดับไฟ ๆ แต่ไม่มีใครสนใจ เพราะฉะนั้นมันถึงร้อนเป็นฟืนเป็นไฟไปเลย ไม่มีน้ำดับ เรามาให้มาศึกษาทุกคน อย่ามาเล่น ๆ นะ ศาสนานี้ถ้าได้นำไปปฏิบัติแล้วจะสวยงามไปหมด ไม่มีอะไรที่จะเย็นยิ่งกว่าโลกที่มีพุทธศาสนาประจำตัวและประจำครอบครัวและส่วนรวมนะ ถ้าขาดอันนี้เท่าไรแหลกไปเลย ๆ
ใครอย่าเอากิเลสมาอวดดีเหยียบธรรมนะ จมทั้งนั้น ๆ ใครอวดดีคนนั้นแหละจม ถ้าใครยกธรรมคนนั้นจะฟื้นฟูขึ้นโดยลำดับ ธรรมนี่เป็นเครื่องคุ้มครองโลกและรื้อฟื้นโลกที่ได้รับความทุกข์ร้อนมานานเท่าไร ขึ้นมามากเท่าไร กิเลสเหยียบลง ๆ กดลงมากเท่าไร เป็นคู่เคียงเป็นข้าศึกกันมาตลอด คำว่ากิเลสคือข้าศึกของธรรม คำว่าธรรมคือคุณค่าประจำธรรมแล้วทำโลกให้ได้รับความสงบร่มเย็นทั่วหน้ากัน ให้ยึดอันนี้เป็นหลักถ้าไม่อยากจมกันนะ
คนที่มีมากมีน้อยที่ตื่นเต้นกันไม่มีอะไรเป็นประมาณ มีแต่ไฟเผาหัวใจ ๆ ตลอดเวลาถ้าไม่มีธรรมเข้าแทรก ถ้ามีธรรมเข้าแทรกแล้วพอหลบซ่อนผ่อนคลายได้คนเรา อยู่ที่จิตใจมีธรรมและมีฟืนมีไฟคือกิเลสประจำใจ ใครนำออกทางไหนออกไปใช้ ถ้านำกิเลสออกไปใช้ก็เป็นไฟเข้ามาเผาตัวและส่วนรวม ถ้านำธรรมออกไปใช้ก็เป็นความสงบร่มเย็นทั่วหน้ากัน นี้เป็นคำยืนยันตายตัวมาตั้งกัปตั้งกัลป์แล้ว อย่าให้กิเลสมันต้มมันหลอกเอานักหนานะ พวกเราก็เกิดมาเป็นมนุษย์และพบพระพุทธศาสนา แต่ไม่สนใจกับศาสนาเลยนี้มันเป็นยังไงวะ อันนี้ซิที่มันน่าสลดสังเวช
เราพูดจริง ๆ สอนโลกเราไม่ได้สอนเล่น ๆ นะ สอนจริง ๆ รู้จริง ๆ ในหัวใจนี่ พระพุทธเจ้าทรงรู้ทรงเห็นยังไง ปฏิบัติมายังไง ประกาศธรรมเหล่านั้นมาสอน เราก็ตะเกียกตะกายอุตส่าห์ปฏิบัติมา ได้ผลมากน้อยเจ้าของได้รับความร่มเย็นมาเป็นลำดับ จนกระทั่งเปิดโลกธาตุ หาความทุกข์ไม่มีในจิตใจได้ ๕๓ ปีนี้แล้ว ท่านทั้งหลายว่าธรรมพระพุทธเจ้านี่โกหกเหรอ แล้วหลวงตาพูดป้าง ๆ อยู่นี้โกหกท่านทั้งหลายเหรอ ใครเป็นผู้ที่ไว้เนื้อเชื่อใจได้ ท่านทั้งหลายได้อาศัยอะไรถ้าไม่ใช่ธรรมและผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบเท่านั้น ให้พากันพิจารณานะ
ธรรมเลิศเลอมาขนาดไหนมันไม่ฟังนะเดี๋ยวนี้ ไม่ฟังอรรถฟังธรรมนะ ฟังตั้งแต่สิ่งที่จะพาให้จม ๆ ทั้งนั้น แล้วก็มาโอ้กันว่าที่นั่นเจริญที่นี่เจริญ มันเจริญขี้หมาอะไร มันมีแต่ฟืนแต่ไฟไปเผาอยู่ในหัวอกนั่น อย่าเอาวัตถุเงินทองข้าวของต่าง ๆ เข้ามาอวด อันนี้เป็นเครื่องมือส่งเสริมและเป็นเครื่องมือหลอกลวงของกิเลสนะ ธรรมท่านไม่ได้หลอก ท่านพูดตรงไปตรงมา ดังภาษาธรรมที่เราได้นำออกตลอดมานี้ นี้คือภาษาธรรม กิเลสมันต้องหาเรื่องว่าพูดดุพูดด่า พูดขวานผ่าซาก พูดต่ำช้าเลวทราม พูดสกปรก ตัวกิเลสมันตัวสกปรก ตัวต่ำช้าเลวทราม ธรรมะที่แสดงลงไปนั้นคือน้ำดับไฟ ชะล้างลงไป กิเลสมันไม่ยอมรับ มันตีต้อนกลับมา กิเลสมันอยู่หัวใจคน คนจึงคัดค้านธรรมไม่ยอมรับธรรม ความร้อนมันจึงทวีรุนแรงขึ้นทุกวัน ๆ ท่านทั้งหลายเห็นหรือยัง เอามาเทียบกันซิ
นี่ได้ปฏิบัติมาเต็มเหนี่ยวแล้วได้ ๖๘ ปีนี้เต็มทีเดียว ชีวิตจิตใจตั้งแต่วันบวชพันกันอยู่กับศีลกับธรรมกับวินัย ฝากเป็นฝากตายกับนี้ ผลที่ได้มาก็ร่มเย็นเป็นลำดับ ๆ แต่ก่อนกิเลสเหยียบแหลก ๆ เมื่อได้ธรรมเข้ามาต่อต้านกัน มีแพ้มีชนะ หลายครั้งหลายหนชนะ ๆ ฟาดจนกระทั่งกิเลสขาดสะบั้นลงไปจากหัวใจแล้วเราไม่มีทุกข์ ท่านทั้งหลายว่าหลวงตาบัวโกหกเหรอ หลวงตาบัวไม่มีทุกข์ตั้งแต่ขณะกิเลสซึ่งเป็นตัวสร้างทุกข์ขาดสะบั้นลงไปจากหัวใจแล้ว ทุกข์ไม่มีเลย มีแต่บรมสุขเต็มหัวใจตั้งแต่บัดนั้นมาจนกระทั่งบัดนี้ นี่ละธรรมพระพุทธเจ้าปฏิบัติได้เห็นผลประจักษ์
กิเลสใครบืนตามมันนี้จม ๆ ไม่มีสิ้นสุดแหละ จมตลอดไป ให้พากันเอาไปคิดบ้างซิ เราเป็นผู้รับผิดชอบตัวของเราทุกคน ๆ รับผิดชอบก็เพื่อความสุขความเจริญ เพื่อปัดป้องสิ่งชั่วช้าลามกที่จะเป็นฟืนเป็นไฟออกจากตัวเอง แต่ทำไมไปหากว้านเอาแต่สิ่งที่ชั่วช้าลามกซึ่งเป็นฟืนเป็นไฟมาเผาตัวเองทั่วโลกดินแดนล่ะ แล้วจะหาความสุขมาจากที่ไหน ถ้าเราเชื่อศาสนาไม่ได้แล้วก็แสดงว่าเรานี้จมไปด้วยกันทั้งเป็นนี้แหละ ถ้าเราเชื่อเราต้องปฏิบัติ ฝืนกันบ้างซิ การฝืนความชั่วเพื่อความดี ฝืนอย่างนี้ทุกข์ก็ทุกข์เพื่อความสุข ไอ้คล้อยตามกิเลสนี้เป็นเรื่องที่ว่าเป็นทุกข์เป็นมหันตทุกข์ ทุกข์ก็เพื่อมหันตทุกข์ทั้งนั้น พากันจำเอานะ
นี่พูดถึงเรื่องพระเรา ให้พากันตั้งใจปฏิบัตินะพระเรา ขอให้มีหลักมีเกณฑ์ในหัวใจ ยึดหลักธรรมหลักวินัยขององค์ศาสดานี้ไว้ในหัวใจนะ จะอดจะอิ่มจะเป็นจะตายอย่าปล่อยศีลปล่อยธรรมในหัวใจ อันนี้เป็นสิ่งที่พึ่งเป็นพึ่งตายได้อย่างแท้จริง สิ่งเหล่านั้นอาศัยไปชั่วกาลชั่วเวลา การกินอยู่หลับนอนสถานที่ต่าง ๆ ได้มาเสียไป ๆ อาศัยไปอย่างนั้น แต่ธรรมในใจนี้ไม่หายไปไหนนะ อยู่ที่ไหนเย็นหมดถ้าลงธรรมในใจมีเพราะการปฏิบัติตามศีลตามธรรม อย่ามาเด้น ๆ ด้าน ๆ นะ
ไปที่ไหนเวลานี้ไม่ว่าใครต่อใคร พวกเรานี่พระเรานี่หัวโล้น ๆ นี่น่ะ มันดูกันไม่ได้แล้วนะเวลานี้ มันมีแต่ผ้าเหลืองคลุมหัวโล้น โอ่อ่าฟู่ฟ่า เดี๋ยวนี้กลายเป็นพระจรวดดาวเทียมไปหมดแล้วนะ หัวมันปักลงนรกอเวจีโน่นจรวดดาวเทียมแบบนี้น่ะ เราจะเป็นแบบนั้นเหรอ มาเรียนแบบวิชาจรวดดาวเทียมเหรอเวลานี้ วิชาพระพุทธเจ้าไม่เรียนบ้างเหรอ ถ้าเรียนวิชาพระพุทธเจ้า เอ้า เป็นก็เป็น ตายก็ตาย ทุกข์ก็ทุกข์ จนก็จน เอา ฟาดลงตามธรรมพระพุทธเจ้า พระพุทธเจ้าพาตาย-ตาย พระพุทธเจ้าพาจม-จม แต่ไม่เคยมีพระพุทธเจ้าพระองค์ใดสอนโลกให้จม มีแต่ฟื้นโลกให้พ้นจากทุกข์ทั้งนั้น เอา นำเข้ามายึดมาปฏิบัติซิ
เราปฏิบัติธรรมพระพุทธเจ้าทุกข์จนตกนรกอเวจีขอให้เห็นเสียที บรรดาพระพุทธเจ้าที่ตรัสรู้มาเท่าไร ๆ ไม่เคยมีพระองค์ใดแม้พระองค์เดียวที่จะทำสัตว์โลกให้ล่มจม มีแต่กิเลสทั้งนั้นพาให้สัตว์โลกล่มจม แต่พวกสัตว์ทั้งหลายมันก็สอนง่ายเหลือเกินถ้าเรื่องกิเลสสอนน่ะ นอนหลับครอก ๆ อยู่นี้พอเขามาสะกิดเท่านั้นว่ากองทัพกิเลสมาแล้ว กองทัพที่ไหน เขาเพลิดเพลินที่นั่นเพลิดเพลินที่นี่ มีการมีงานทางโน้นทางนี้อย่างนี้เป็นบ้ากันไปเลย ไม่ล้างหน้าเลยนะ ไปเลย พวกบ้า ไม่ล้างหน้านี่
นี่ท่านทั้งหลายว่าหลวงตาพูดหยาบหรือ พวกบ้านี่ ก็เรามันเป็นบ้าอยู่ตั้งแต่ยังไม่พูด ทำไมไม่ฟังเสียงบ้างที่เตือนเรื่องบ้านี่ เข้าใจไหม เราไม่รู้ตัวเหรอ นี่ละกิเลสมันค้านธรรม เราไม่มีคำว่าหยาบ เจตนาของเราไม่มี มีแต่น้ำหนักของธรรม เหตุผลของธรรม เช่นยกตัวอย่างว่า ยกโคตรมานี่ คือโคตรเป็นที่รักสงวนของโลกทั่ว ๆ ไป อะไรไม่มีน้ำหนักยิ่งกว่าโคตร เมื่อยกโคตรขึ้นมาเป็นน้ำหนักทุ่มลงตรงไหนขาดสะบั้นเลย นั่นละเรียกว่าน้ำหนัก ไม่ได้มีเจตนาที่ว่าพูดหยาบโลนอย่างนั้นอย่างนี้ ในสายธรรมไม่มี มีแต่กิเลสมันปกป้องตัวของมันแล้วหาเรื่องใส่ธรรมเท่านั้น ให้จำเอาไว้นะ
ภาษาของธรรมเริ่มออกมานานแล้วได้ ๔ ปี ๕ ปีนี้ ภาษาหลวงตาบัวนี้เอานำออกมาจากธรรมที่ปฏิบัติได้รู้เห็นอย่างไร ดึงออกมาตามหลักความจริง จะว่าหยาบว่าโลนเป็นเรื่องของกิเลสทั้งนั้น ธรรมไม่มีหยาบโลน ปัดความสกปรกออกจากตัวเองทั้งนั้น เรียกว่าธรรม จำเอานะ ทีนี้จะให้พร
หลังจังหัน
ทองคำและดอลลาร์วันที่ ๑๗ เมื่อวานนี้ ทองคำได้ ๑๘ บาท ๑๓ สตางค์ ดอลลาร์ได้ ๒๘๕ ดอลล์ ทองคำที่ได้หลังจากมอบคลังหลวงแล้วเวลานี้ คือตั้งแต่วันที่ ๑๑ เมษา มา ได้เพิ่มมาอีกแล้วเวลานี้ ๗๔ กิโล ๓๒ บาท ๗๕ สตางค์ รวมทองคำทั้งหมดได้ ๕,๑๓๓ กิโลครึ่ง หรือเท่ากับน้ำหนัก ๕ ตัน ๑๓๓ กิโลครึ่ง เพิ่มขึ้นไปเรื่อย ๆ ที่เรามุ่งมั่นใส่ ๑๐ ตันเวลานี้ขาดไม่ถึง ๕ ตัน
ความเป็นจิตเป็นใจ ความมีหลักเกณฑ์นี่รักษาตัวได้ รักษาส่วนรวมได้ ตั้งแต่ส่วนรวมย่อยถึงส่วนรวมใหญ่ มีหลักเกณฑ์ทางจิตใจ มีกฎมีข้อบังคับตัวเองด้วยเหตุด้วยผล ถ้าปฏิบัติไปทำตัวไปแบบลอย ๆ นี่เคยชินต่อนิสัยลอยไปเรื่อย ๆ ลูกเต้าหลานเหลนเกิดขึ้นมาก็ลอยไปตามพ่อตามแม่ สุดท้ายเมืองไทยเราเป็นเมืองลอย อยากฟังไหมเมืองไทยเป็นเมืองลอย มันลอยไปจากจิตใจของคนไทยเราซึ่งเป็นเจ้าของของประเทศนี้แหละพาให้ลอย อะไรก็เลื่อนลอย ๆ หาหลักหาเกณฑ์ไม่ได้ เราจะทราบได้อะไรมีหลักมีเกณฑ์ไม่มีหลักมีเกณฑ์ ธรรมจับปุ๊บเข้าไปรู้ทันที นี่ละเอาธรรมมาสอน
ธรรมท่านไม่เหลาะแหละ ที่เหลาะแหละเหล่านั้นไม่ใช่ธรรม แม้อยู่ในพระก็ตาม พระไม่ปฏิบัติตามธรรมตามวินัยซึ่งเป็นข้อบังคับ เป็นกฎเป็นเกณฑ์อันแน่นหนามั่นคงเพื่อความผาสุกร่มเย็นเจริญรุ่งเรือง ถ้าเป็นตามธรรมแล้วอยู่กับฆราวาสก็ปฏิบัติตามธรรมขั้นของฆราวาส อยู่กับพระก็แน่นหนามั่นคงตามหลักธรรมหลักวินัยซึ่งเป็นหลักการประพฤติของพระ นี่อย่างนั้นนะศาสนา ต้องมีหลักเกณฑ์ เหลาะ ๆ แหละ ๆ ไม่ได้ผิดทั้งนั้น นี่เราก็เทศน์มานานแล้วเรื่องหลักเรื่องเกณฑ์ เรื่องความสุรุ่ยสุร่ายนี่ นิสัยเมืองไทยเรานี้ออกหน้าออกตามากนะ
ทำไมจึงว่าอย่างนี้ ท่านทั้งหลายว่าหลวงตาบัวนี้พูดผิดไปหรือ พูดดูถูกเหยียดหยามคนไทยหรือที่พูดอย่างนี้ มันเหลวไหล ถ้าไม่เหลวไหลติปุ๊บขึ้นไปมันดีขึ้น นั่นเห็นไหมล่ะ เป็นอย่างนั้นนะ ตำหนิตรงไหนมันอ่อนแอไม่ดี แก้ แก้หาสิ่งที่ดีก็พุ่งเลย ธรรมท่านสอนอย่างนั้น มันจะผิดทางไหน ตบเข้ามาหาทาง ไปตามทางตรงแน่วถึงจุดที่หมาย ธรรมท่านเป็นอย่างนั้น ไม่ได้เหลาะแหละนะธรรม ถ้าเป็นผู้ปฏิบัติตามอรรถตามธรรมของท่านจนกระทั่งมีความเคยชินต่อนิสัยเรียบร้อยแล้วนี้ ไปที่ไหนจะมีหลักเกณฑ์ตลอด ๆ อะไรแฝงเข้ามาที่มาทำลายหลักเกณฑ์หรือเป็นความเหลาะแหละความชั่วช้าลามกต่าง ๆ พับเข้ามามันจะรู้ทันที ๆ เราไม่ผิดเขาผิดก็รู้เพราะเราปฏิบัติดีอยู่แล้ว เขาไม่ปฏิบัติ มองดูเขาผิดเราก็รู้ ความผิดก็เป็นพิษแก่เขาเองไม่ได้เป็นพิษแก่เรา เป็นพิษแก่เขาแล้ว ถ้าเกี่ยวข้องกับส่วนรวมมันก็ระบาดไปอีกให้เป็นความเสียหายต่อส่วนรวมอีก เพราะฉะนั้นแต่ละคน ๆ จึงควรเป็นแบบฉบับของตัวเอง อย่าเหลาะ ๆ แหละ ๆ ไม่มีแบบมีฉบับใช้ไม่ได้นะ ให้มีแบบฉบับเป็นของตัวเอง
นี่ก็ ๔-๕ ปีเข้ามาแล้วนะที่ชาติไทยของเราได้พยายามช่วยชาติตัวเอง ก็รู้สึกว่าผลค่อยกระเตื้องขึ้นเรื่อย ๆ คือเป็นผลที่ดีที่ปรากฏขึ้นมาเรื่อย ๆ ในเวลาเรากำลังฟื้นฟูชาติบ้านเมืองของเรานี้รู้สึกว่าค่อยกระเตื้องขึ้นมาเรื่อย ๆ เวลานี้เป็นเท่าไรจุด ๆ (ลูกศิษย์ : ขึ้นถึง ๔% ความเจริญด้านเศรษฐกิจฟื้นตัวขึ้นมา) เออ ค่อยกระเตื้องขึ้น ๔% แต่ก่อน ๓% ตอนนี้เริ่มขึ้นมา ๔% ให้ระวังส่วนที่มันจะมาทำลาย ๔% ให้ลดลงนะ ใครมาทำลาย ที่ว่าค่อยขึ้นไปก็คือพวกเราเอง ค่อยพยายามตะเกียกตะกายหนุนขึ้นมา แล้วก็ให้ระวังพวกเราเองนั้นแหละมันจะดึงลงมา ด้วยความเหลาะแหละแล้วลง ถ้าเหลาะแหละแล้วลง ความลืมเนื้อลืมตัวแล้วลง อย่าลืมเนื้อลืมตัว
เราอยากให้พี่น้องทั้งหลายได้ฟังเสียงอรรถเสียงธรรมเข้าสู่ใจ แล้วไปปฏิบัติตัวตามอรรถตามธรรมที่ท่านแนะนำนั้น เราจะเห็นผลขึ้นโดยลำดับ ๆ ในตัวของเราและส่วนรวมทั้งประเทศ เราจะเห็นเป็นลำดับ เพราะธรรมนี้ถูกต้องแม่นยำทุกอย่างแล้ว ที่ผิดก็คือพวกเราเองที่ไม่ปฏิบัติตามท่านสอน แล้วความเสียก็มาเสียพวกเราเองนั้นแหละ ไม่ได้เสียกับท่านผู้ทำถูกต้องดีงาม ให้พากันตั้งอกตั้งใจปฏิบัติ
เมืองไทยเราเป็นเมืองชอบเพลิดชอบเพลิน เรื่องความเพลิดความเพลินนี่รู้สึกจะออกหน้า ประเทศไหน ๆ ก็ไม่น่าจะสู้ประเทศไทยเราได้ ความเพลิดความเพลินรื่นเริงบันเทิง แล้วความเสียหายก็ไปด้วยกัน ๆ เราพอใจในสิ่งที่เราต้องการ เพลิดเพลินไปกับสิ่งต้องการ แต่สิ่งที่เราต้องการมันกลับเป็นพิษย้อนกลับมาทำลายเรา ๆ แล้วก็เสียหายตามลำดับลำดากันไป ให้ระวัง
เรื่องการพนันขันต่อนี้แหม ออกหน้าออกตาเสียจริง ๆ เมืองไทยเรา เอะอะก็พนัน ๆ การพนันเป็นเรื่องเสียหายมาก หลักใจไม่มี ไม่มีใครเชื่อถือ ฟังซิ นี่ละธรรมพระพุทธเจ้าสอน แล้วเสียทรัพย์ เวลาได้มาก็ไม่เป็นหลักเป็นเกณฑ์ ได้มาเพื่อเป็นเหยื่อล่อให้ทะเยอทะยานแล้วเสียซ้ำเข้าไปอีก นั่นฟังซิท่านว่า ไม่มีใครไว้ใจได้ พวกนักการพนัน ไม่มีเชื่อถือได้ลงคอแหละ จิตใจเลื่อนลอย จิตใจกลายเป็นนักเลงเป็นคนชั่วในตัวของมันเอง ฟังซิ ทั้งหญิงทั้งชายมันเป็นนักเลงอยู่ในตัวของมัน เจ้าของก็ไว้ใจไม่ได้ เงินอยู่ในกระเป๋าคว้าออกไปเล่นการพนันเมื่อไรก็ไม่รู้ หมด เจ้าของเองก็เชื่อเจ้าของไม่ได้แล้วขโมยเจ้าของเอง
เอาเงินไปฝากธนาคาร โจรผู้ร้ายมาปล้นธนาคารเราเคยได้ยินไหม นาน ๆ จะมีทีหนึ่ง เสียงลั่นกันทั่วโลก แต่เราปล้นเงินเราในที่ต่าง ๆ มีธนาคารเป็นต้น มีเท่าไรหมด เงียบ ๆ นี่มหาโจร คือเจ้าของปล้นเจ้าของเอง แล้วก็เป็นนักเลงไปในตัวด้วยนะ เคยชินต่อนิสัยหลักลอย ตัวเองเชื่อถือไม่ได้ แม้ในวงครอบครัวเดียวกันก็เชื่อกันไม่ได้ถ้าใครเป็นนักเลงการพนัน พวกนั้นเชื่อไม่ได้นะ อย่างพ่อแม่กับลูก ลูกคนไหนชอบเล่นการพนัน พ่อแม่ไม่เชื่อ นั่น เห็นไหมล่ะ ไว้ใจไม่ได้ เป็นของดีแล้วเหรอ เราถึงเป็นบ้ากันนักหนากับเรื่องการพนัน โอ๊ย พิลึกจริง ๆ นะ เรียกว่า คลื่นมหาสมุทรสู้ไม่ได้ คลื่นแห่งการพนันของเมืองไทยเรา อันนี้เสียมากอันหนึ่ง
เดี๋ยวนี้กำลังขึ้นอีกที่ว่า ยาเสพย์ติด แหม เราสลดสังเวช นี้เป็นสิ่งที่ร้ายแรงมากทีเดียว ยาเสพย์ติด ใคร ๆ ก็รู้ยาเสพย์ติด อันนี้เสียได้มากมายก่ายกอง โรงร่ำโรงเรียนเรามีอยู่ทุกแห่งทุกหน อยู่ในบ้านก็พ่อแม่พี่เลี้ยงสอนเด็ก แล้วหลักวิชาเรียนเพื่อการทำมาหาเลี้ยงชีพ เพื่อหลักเพื่อเกณฑ์ เพื่อเอาตัวรอดทุกอย่างไป มีอยู่ในหลักวิชานี้ทั้งหมด แล้วออกจากนี้ก็ไปเรียนตามโรงร่ำโรงเรียน ครูก็มาสอน มีบทมีบาทนะ ครูต้องเป็นกฎเป็นเกณฑ์มาสอน พ่อแม่พี่เลี้ยงสอนในบ้านแล้ว ไปโรงเรียนครูก็สอน รอบบ้านรอบเมืองเราโรงร่ำโรงเรียนเกลื่อนไปหมด แล้วทำไมผลจึงกลายตรงกันข้าม เวลานี้มีตั้งแต่ยาเสพย์ติดเกลื่อนไปหมด โรงเรียนเหล่านั้นแหละ ที่สอนกันมาตั้งแต่อ้อนแต่ออกของทุกคนนั้นมีความหมายอะไรบ้าง มันจมลงทะเลหมด มีตั้งแต่ยาเสพย์ติดเหยียบหัวมันไป
เพราะฉะนั้นความรู้วิชาที่เราเรียนมาเหล่านี้ จึงเป็นบ๋อยหรือเป็นเครื่องมือของกิเลสทำลายเราได้เป็นอย่างดี ควรคิดบ้างโรงเรียนตั้งมาทำไม เรียนเพื่ออะไร กับยาเสพย์ติดนี้เด็กเขาก็รู้ แล้วทำไมผู้ใหญ่ที่ศึกษาเล่าเรียนมาตามโรงเรียนต่าง ๆ นับแต่ครูแต่อาจารย์ลงมาหาเด็กจึงไม่รู้สิ่งที่เสียหายนั้น ทำไมจึงปล่อยกันเอานักหนา มันเป็นยังไง เด็กแต่ละคน ๆ มีพ่อมีแม่ มีเจ้าของ ควรจะเข้มงวดกวดขัน ครูอาจารย์ที่อยู่ตามโรงร่ำโรงเรียนก็ให้มีความเข้มงวดกวดขัน มีจริงมีจังบ้าง สิ่งเหล่านี้จะไม่เลอะเทอะมากเกินไป แล้วจะไม่เลอะเทอะจนเมืองไทยจมเพราะสิ่งเหล่านี้นะ
ไม่เข้มงวดกวดขันไม่ได้นะ เรื่องเหล่านี้ไม่ใช่เรื่องเล็กน้อย พอเกิดมาแล้วติดยาเสพย์ติดแล้ว ๆ มันมาจากไหนยาเสพย์ติด ไม่มาจากผู้ใหญ่ แน่ะ ผู้ใหญ่เหล่านี้มีแต่คนมีความรู้วิชาทั้งนั้นเต็มตัว ๆ แต่มันทนความทะเยอทะยานอยาก ความเป็นบ้ากับเพื่อนกับฝูงไม่ได้ก็เลยเสียคนไปหมด โรงร่ำโรงเรียนเรียนมาเท่าไร ตั้งแต่ชั้นต้นจนกระทั่งถึงขั้นดอกเตอร์มันก็มาเสียหมด เพราะความชั่วช้าลามกมีกำลังมากกว่า เพราะฉะนั้นจึงเอาธรรมเข้าไปสกัดมันซิ เรียนมา เอาเหตุผลจับปุ๊บเลยทันที มันจะอยากขนาดไหนมันกินไม่ได้ถ้าเจ้าของไม่พากิน นี่สำคัญอย่างนี้ เจ้าของมีธรรม ธรรมมีอำนาจเหนือสิ่งเหล่านี้ปัดออกได้สบาย ๆ อันนี้ไม่สนใจกับการปิดป้องตัวเอง มีแต่เปิดทางให้มันไหลเข้ามาเผาเอา ๆ ละซิ ไปที่ไหนจึงมีแต่ความเดือดร้อน
เรื่องยาเสพย์ติดนี้ร้ายแรงมาก ไม่ใช่ธรรมดา จะทำคนให้เสียได้หมดเลย ไม่เลือกชาติชั้นวรรณะ ถ้าลงได้เกี่ยวข้องกับยาเสพย์ติดนี้แหลกไปด้วยกันทั้งนั้น ให้พากันพิจารณาให้ดี พ่อแม่มีลูกมีเต้าให้เข้มงวดกวดขัน ทางครูสอนอยู่ตามโรงร่ำโรงเรียน ให้ต่างคนต่างเข้มงวดกวดขันซิ เมื่อภัยมันเข้ามารอบด้าน ทำไมเราจะไม่ทำการอารักขาอย่างเข้มงวดกวดขัน ต้องเข้มงวดกวดขัน พ่อแม่ตลอดถึงครูอยู่ในโรงเรียน ดีไม่ดีตรวจเด็กเข้ามาศึกษาเล่าเรียน ต้องเข้มงวดอย่างนั้นซิ เข้ามาตรวจดูหมดให้มันละเอียดลออบ้าง จึงเรียกว่าเอาจริงเอาจังเพื่อรักษาสารคุณคือคนทั้งคนเอาไว้ได้ ยาเสพย์ติดมีคุณค่าอะไร มันเป็นมหาภัย จึงต้องเข้มงวดกวดขัน
เอาให้มันหนักอย่างนั้นซิ ไม่งั้นไม่ได้นะ จะแหลกจริง ๆ คอยแต่ทางราชการ ๆ ปฏิบัติ หน่วยราชการก็เป็นแห่งเป็นหนเป็นที่ต่าง ๆ แต่สิ่งที่เสียหายมันเสียได้หมดทุกหมู่บ้าน มันไปได้ทั้งนั้นเป็นไปกับเด็กกับผู้ใหญ่เพราะพอใจกับมัน ไปได้ทั้งนั้นแหละ มหาโจรไปปล้นบ้านไหนก็ไปเถอะไปอย่างลอยนวล เพราะเจ้าของบ้านพอใจกับมัน นี้เจ้าของบ้านพอใจกับมัน มันก็สนุกเข้ามาทำลายชาติบ้านเมือง ให้พากันพิจารณาบ้างนะ หลวงตานี้ไม่เคยเห็นละไอ้ยาเสพย์ติดนั่นน่ะ แต่มันได้ยินเป็นความจริงแล้วพูดออกมาตามความได้ยินได้ฟัง จะผิดไปไหน มันเป็นภัยจริง ๆ แน่ะ ก็ควรจะเอาไปปฏิบัติผู้ที่เกี่ยวข้องกับมันที่จะล่มจะจมอยู่นี่ พระท่านไม่ทำท่านรักษาตัวของท่าน ท่านไม่จมท่านไม่เสีย ท่านมาสอนเราเราควรจะเอาไปปฏิบัติซิ มันถึงถูกต้องนะ
นี่เลอะเทอะมากนะเวลานี้ ยาเสพย์ติดกับการพนันขันต่อนี่พิลึกพิลั่นในเมืองไทยของเรา เสียนิสัยไปหมดเลย เหลาะแหละโลเล เพราะฉะนั้นจึงหาหลักเกณฑ์ไม่ค่อยได้ เพราะสิ่งเหล่านี้ไปทำลายหลักเกณฑ์เสียหมด คนไม่มีหลักใจทำสิ่งเหล่านี้ได้ ไม่มีหลักใจทำได้ทุกอย่างที่นี่ กระจายไปหมด เสียหายไปมากนะ ให้พากันระมัดระวังทุกคน ๆ ลูกเต้าคนไหน ๆ ให้เข้มงวดกวดขันพ่อแม่ก็ดี ไปโรงร่ำโรงเรียน ครูอาจารย์ควรจะเข้มงวดกวดขัน ดีไม่ดีต้องตรวจนักเรียนเวลาเข้าแถว อย่างที่เข้าแถวร้องเพลงชาติขึ้นห้องเรียนนั่นนะ เข้าแถวตรวจ มหาภัยติดมากับเด็กคนไหน ๆ จับเอาเลยเทียว ขับออกจากโรงเรียน ส่งให้พ่อให้แม่หรือมีกฎข้อบังคับอะไรพิจารณากันไป
เสียคนหนึ่งเพื่อรักษาคนหมู่มากไม่เสียหาย เรียกว่า เนื้อร้าย ถึงเราจะรักสงวนขนาดไหน เนื้อร้ายนี้ถ้าปล่อยแล้วมันจะกระจายเข้าไปหาส่วนสำคัญซึ่งเป็นของมีค่ามากให้ฉิบหายไปตาม ๆ กันหมด เพราะฉะนั้น ควรผ่าตัดเขาถึงตัดออก เช่น นิ้วมือเป็นโรคอะไรอยู่ในนี้ ถ้าปล่อยนี้มันจะลุกลามเข้าไปหาอวัยวะส่วนอื่น เขาต้องตัดออกทั้ง ๆ เสียดาย อันนี้มันก็แบบเดียวกัน เนื้อร้าย บุคคลที่ทำตัวเป็นเนื้อร้ายต่อสังคมต่อชาติบ้านเมืองก็คือคนประเภทนี้เอง ต้องปฏิบัติกันอย่างเข้มงวดกวดขัน กำจัดกันถ้าควรกำจัด มันเป็นไปได้โดยเหตุผลที่รักษาส่วนใหญ่นั้นแหละ อยู่ ๆ จะมาทำลายกันทำไม ส่วนใหญ่ที่มีคุณค่ามากขนาดไหน ขวางหน้าเมืองไทยเราทั้งประเทศอยู่นี่ แล้วคนที่เป็นภัยต่อชาติต้องเอากันอย่างหนัก ไม่หนักไม่ได้นะ พากันจำให้ดีนะ
หลวงตาอยู่ในป่าก็ได้มาสอนโลก พิจารณาอะไรก็ลำบาก ดีไม่ดีเขาจะหัวเราะ หัวเราะก็ช่าง มันเอาโคตรมันมาหัวเราะหลวงตาก็ไม่สนใจ ก็หลวงตาไม่ได้สะแตกยาเสพย์ติดนี่ เข้าใจไหม นี่ละท่านทั้งหลายว่าพูดหยาบหรือ ยาเสพย์ติดมันเลวมากที่สุดสะแตกเข้ากันกับมันได้ เข้าใจไหม นี่น้ำหนักใส่กันอย่างนี้ละ เช่น ยกโคตรยกแซ่มานี่ น้ำหนักคือโคตรคือแซ่ เอามาตีต้อนกันเอาน้ำหนักมาตีต้อนกัน แตกกระจายไปเลย นั่น เราไม่ได้มีเจตนา ธรรมท่านไม่ได้มีเจตนาว่าจะพูดหยาบโลนโหดร้ายยังไงต่ออะไรกับใคร แต่เนื้ออรรถเนื้อธรรมที่มีน้ำหนักที่จะปราบสิ่งที่เป็นภัยทั้งหลายอยู่หรือได้ ท่านเอาอันนั้นออกมาปราบกันเข้าใจเหรอ
อย่างที่พูดอย่างนี้แหละ เราไม่มีเจตนาที่จะพูดชั่วช้าลามกหยาบโลนต่าง ๆ ไม่มี แต่เรื่องหยาบโลนมันเกลื่อนอยู่นี้จะว่ายังไง เอาน้ำคือธรรม ได้แก่คำสอนนี้ชะล้างลงไป แล้วน้ำนี้มันกลับเป็นของสกปรกไปแล้วหรือ สิ่งหยาบโลนทั้งหลายเป็นของสะอาดไปแล้วหรือ พิจารณาซิท่านทั้งหลาย ฟังให้ดี เรื่องกิเลสมันสกปรกที่สุด ที่ชอบสะอาดนี้ชอบที่สุดคือป้องกันตัวไม่ให้ใครมาแตะ พูดอะไรไม่ได้นะ มันผิดหูกิเลสแน่ะ เป็นอย่างนั้นนะ เอาละวันนี้พูดเพียงเท่านี้
อ่านธรรมะหลวงตาวันต่อวัน ได้ที่ www.Luangta.com |
** ท่านผู้เข้าชมทุกท่านโปรดทราบ
เนื่องจากกัณฑ์เทศน์บางกัณฑ์มีความยาวค่อนข้างมาก
ซึ่งจะส่งผลต่อความเร็วในการเปิดเว็บไซต์ ขอแนะนำให้ทุกท่านได้อ่านเนื้อหากัณฑ์เทศน์บางส่วนจากเว็บไซต์
และให้ทำการดาวน์โหลดไฟล์กัณฑ์เทศน์ที่มีนามสกุล .pdf ไปเก็บไว้ในเครื่องของท่านแทนการอ่านเนื้อหาทั้งหมดจากเว็บไซต์
|
|
|
|