บัตรเครดิต
วันที่ 16 มิถุนายน 2545
สถานที่ : วัดป่าบ้านตาด
| |
ดาวน์โหลดเพื่อเก็บไว้ในเครื่อง
ให้คลิกขวาแล้วเลือก Save target as .. จาก link ต่อไปนี้ :

ค้นหา :

บัตรเครดิต

พระที่อยู่ในวัดนี้เรียกว่าทั่วประเทศไทยตลอดมานะ คือพระทุกภาคอยู่ในนี้เป็นประจำมาตั้งแต่เริ่มสร้างวัดทีแรก มีหมดทุกภาคเลยอยู่ในนี้ทั้งนั้น แต่ก่อนเราให้การอบรมพระเณรนี้เต็มเม็ดเต็มหน่วยตลอดมาไม่มีคลาดเคลื่อน ถึงวันประชุมก็บอกหรือนัดประชุมตรงตามนั้น ๆ ประมาณอาทิตย์ถ้าเราอยู่ที่นี่ ส่วนมากไม่ได้ไปไหน อยู่ที่นี่ อาทิตย์หนึ่งหรือ ๑๐ วัน เราสั่งเอง ประชุมวันไหนเราก็สั่งเอง พระเณรแต่ก่อนจริง ๆ ก็ไม่ค่อยมากนัก เพราะเรากำหนดตายตัวไว้เลยว่าไม่ให้เลย ๑๘ องค์เท่านั้นแหละ ๑๕-๑๘ ไม่รับมากกว่านั้น พระเณรก็พอดีการปฏิบัติ ทางฝ่ายข้างในก็มีโยมแม่ แม่ชีแก้ว แม่น้อม บุญ มี ๔ คนเท่านั้น ให้การอบรมสั่งสอนมาตลอด เรียกว่าตั้งหน้าปฏิบัติร้อยเปอร์เซ็นต์เลย ไม่มีกิจการงานใดเข้ามายุ่งเลย มีแต่งานภาวนาอย่างเดียว ๆ

เช่นอย่างเขานิมนต์ไปฉันที่นั่นที่นี่ เราก็รับประกันเลย ประกันพระเณรไม่ให้พระเณรไป เพราะฉะนั้นวัดเราจึงไม่มีไปฉันในที่ต่าง ๆ เรื่อยมาตั้งแต่สร้างวัด คือเราไม่รับนิมนต์ เพราะกิจนิมนต์นี้เป็นการเสียเวล่ำเวลา แล้วเป็นความประมาทในพระแทรกไปโดยลำดับ ๆ แล้วกลายเป็นเสียพระไป ไม่สมกับตั้งหน้าตั้งตามาศึกษาจากภาคต่าง ๆ ทั่วประเทศไทยมาเต็มอยู่นี้ เราจึงไม่รับนิมนต์ตั้งแต่เริ่มสร้างวัดมา หากว่ามีความจำเป็นจริง ๆ แน่ะ เราไม่ได้เป็นเถรตรงนี่นะ หากมีความจำเป็นจริง ๆ เราจัดให้เอง นั่น เป็นความจำเป็นโดยเฉพาะ ๆ เราจัดให้เอง จะเอาสักกี่องค์บอกเลย จัดให้ตามนั้นเลยโดยเฉพาะเท่านั้น นอกนั้นก็เลิกเลย ๆ ปฏิบัติอย่างนี้ตลอดมา เข้มงวดกวดขัน

การนิมนต์ไปฉันในที่ต่าง ๆ เรียกว่างดหมด ไม่เอาทั้งนั้นตลอดมาจนกระทั่งทุกวันนี้ สำหรับที่จะไปฉันในบ้านอะไร นิมนต์อะไรนี้ เขาไม่มาเกี่ยวข้องเพราะเขาทราบมาแล้วแต่เริ่มสร้างวัดทีแรก หากว่ามีกิจจำเป็นเขาก็จะมาหาโดยเฉพาะ พิจารณามีเหตุผลสมควรยังไงแล้วเราจัดตามเหตุผลนั้นเลย ฉะนั้นพระเณรเราจึงได้สะดวกในการภาวนา การเงินการทองไม่มี ไม่ยุ่งเลย อะไรมาก็เก็บไว้เล็ก ๆ น้อย ๆ เราเป็นหัวหน้า เพราะสมบัตินี้พระทราบกันทั้งวัด คือมอบถวายเราไปเลยให้เราเป็นผู้จัดทำเอง เพราะรู้นิสัยเราว่าไม่สั่งสม พูดง่าย ๆ ว่างั้น มีอะไรเขาเก็บไว้ พอสมควรที่จะช่วยเหลืออะไรช่วยไปเลย ตั้งแต่ต้นมาจนกระทั่งป่านนี้ พระเณรจึงไม่มีคำว่ามาเกี่ยวข้องกับเงินกับทอง เราเองก็ไม่ยุ่งเลยตลอด

ทีแรกก็ขึ้นโรงเรียน สถานสงเคราะห์บ้างอะไรบ้างเรื่อยมา โรงเรียนหลังนั้นหลังนี้เรื่อยไป สถานสงเคราะห์ ต่อไปก็ก้าวเข้าสู่โรงพยาบาลเรื่อยมาจนกระทั่งบัดนี้ เพราะฉะนั้นในวัดนี้จึงไม่มีเงิน เรื่องเงินเรื่องทองไม่มีสำหรับวัดนี้ ไม่เก็บ เหตุที่ไม่มีก็เพราะไม่เก็บ ความบกพร่องของโลกเต็มไปทั่วทุกดินแดน เราบิณฑบาตวันหนึ่ง ๆ จะฉันให้ตายก็ได้ไม่อดไม่อยาก ผู้อดอยากมีอยู่ เราต้องช่วยตลอดมาสำหรับวัดนี้ เราเป็นหัวหน้าวัดได้ปฏิบัติอย่างนี้ตลอดมาจนกระทั่งทุกวันนี้ก็เหมือนกัน การนิมนต์ในที่ต่าง ๆ ตัดเลยไม่เอาทั้งนั้น เพื่อการสั่งสมอรรถธรรมของพระให้สะดวกสบาย

คิดดูซิเป็นเขตเห็นไหมล่ะ แม้เราจะมีงานทั่วแผ่นดินไทยก็ตามนะ แต่อันนี้เรารักสงวนตลอด เรื่องธรรมเราอยู่อย่างนี้ตลอดเวลา ไม่ชินกับอะไร พูดให้ท่านทั้งหลายฟังเสีย เรื่องธรรมจะไม่ชินกับอะไร อะไรแทรกมาปั๊บรู้ทันที นอกจากพูดหรือไม่พูดเท่านั้น เพราะธรรมละเอียดกว่าสิ่งเหล่านั้น สมมุติคือกิเลสเป็นสำคัญ แทรกเข้ามาปั๊บรู้ทันที ๆ จึงไม่คุ้นไม่ชิน เมื่อวานนี้ก็ดุพระ เราเดินไปนั้นไปเห็นเก้าอี้อยู่นั้นสองสามตัว เหอ พระจะเอาเก้าอี้มานี้ แล้วจะเอาอะไร ๆ มาอีก หอปราสาทราชมณเฑียรเข้ามาเหยียบวัดแล้วเหรอ พระพุทธเจ้าเสด็จออกทรงผนวชได้เก้าอี้ตัวไหนติดตามไป ทั้ง ๆ ที่เป็นกษัตริย์ สิ่งหรูหราฟู่ฟ่านี้ไม่มีในพระพุทธเจ้านะ เอามาเหยียบหัวพระพุทธเจ้าทำไม บอกให้ปาเข้าป่า บอกงั้น หรือพระองค์ไหนเป็นผู้ที่หน้าด้านสั่งมา บอกมา คือบอกมาก็ไล่หนีเลย ไม่ใช่ธรรมดานะ

มันเหยียบเข้ามาเรื่อย ๆ นี่นะ รุกล้ำเข้ามาทุกแห่ง ข้างในก็เหมือนกัน เก้าอี้กี่ตัวเอามาให้ระวังให้ดีนะ ถ้าเข้ามาในวัดนี้แล้วให้ระวัง ให้ฟังเสียงนะ เสียงอรรถเสียงธรรม นั้นเสียงกิเลสทั้งนั้นที่มา เพื่อความสะดวกสบาย อยู่ที่ไหนมีแต่ความสะดวกสบายเพื่อร่างกายเท่านั้นเอง หัวใจเป็นไฟไม่สนใจ อันนี้ตัดออกหมดนะไม่ให้มีอะไร จะฟัดแต่กิเลสมันอยู่ในใจ ซึ่งมันเป็นตัวกวนมากที่สุด กิเลสกวนมากนะ นี่ก็ไม่เคยมีเรื่องเก้าอี้เก้าแอ้ ร้านนั้นร้านนี้ไปทำไว้หัวจงกรมเราก็ไม่เคยมี เข้าไปก็กึ๊ก ๆ เลย เดินเสร็จแล้วออกไปเลย จะไปนั่งท่านั้นท่านี้พักผ่อนอารมณ์อย่างนั้นไม่มี ฟัดกันเลย ออกก็ออกไปเลย

เช่นอย่างร้านเขาไปทำให้ เราก็ไม่ได้เข้าไปนั่งไปอะไรนะ ไอ้เรื่องที่จะออกจากทางจงกรมมานั่งร้านนี่ โอ๋ย รู้สึกจะไม่ปรากฏนะ ไปนี่ก็เข้าทางจงกรม ออกจากทางจงกรมไปเลย ถ้าเวลาว่าง ๆ อย่างนาน ๆ จะมีทีหนึ่ง เข้าไปนั่งภาวนาอยู่ในนั้น แล้วยุงมันก็มากวนนั่นแหละ สำคัญ ไปทำไว้นั่นไม่ใช่เราสั่งให้ทำนะ เขาไปทำของเขา เห็นว่าไม่มีอะไรขัดข้องแล้วเราก็เลยอนุโลมตาม อยู่นั้นละไม่นั่งนะ ที่จะให้มีเก้าอี้มีโต๊ะมีเตียงอะไรวางไว้หัวจงกรมเพื่อนั่งพักผ่อนอารมณ์อะไรไม่มีสำหรับเรา อย่างพ่อแม่ครูจารย์ก็ไม่มี ท่านเข้าทางจงกรมปั๊บออกไป ท่านไม่เห็นมีอะไร

เหล่านี้เป็นเรื่องความผ่อนผันสั้นยาวที่กิเลสมันขอทั้งนั้น ๆ ธรรมไม่มี ถ้าธรรมฟัดเลย ๆ เพราะฉะนั้นเวลามาเห็นอย่างนี้มันถึงขวางตาละซี นี่ก็อนุโลมเสียจนอกจะแตกแล้ว ยังเอาสิ่งเหล่านี้เข้ามาเหยียบย่ำทำลาย ไม่ทราบอะไรต่ออะไรหรูหราฟู่ฟ่า วัตถุนั่นแหละที่เข้ามาเหยียบย่ำธรรมไม่ใช่อะไรนะ มีเข้ามาเรื่อย ๆ ข้างในเราไม่ค่อยได้ดูนัก มันหรูหราฟู่ฟ่าอะไรบ้างก็ไม่รู้นะ เหยียบเข้ามาทุกด้านทุกทาง โถ น่าทุเรศนะ ผู้ดูดูอยู่นี่ ดูกิเลสกับธรรมดูกันอยู่ตลอดเวลา ผู้ปล่อยให้มันเข้ามาเพ่นพ่านเหยียบย่ำทำลายธรรมนี้ มันเหยียบเข้ามาขนเข้ามาเรื่อย ๆ นะ

อย่ามาหาความสะดวกสบายเพื่อร่างกายในวัดในวานะ นี่เพื่อจะทรมานฟัดกับกิเลสต่างหาก ความทุกข์ทุกข์ขนาดไหน ทุกข์เพื่อฆ่ากิเลสไม่มีถอยอย่างนั้นมันถึงถูก นี่มันเลอะเทอะไปแล้ว วัดนี้เลอะเทอะมากนะเดี๋ยวนี้ ใครจะว่าวัดนี้ดีที่ไหน มันเลอะเทอะมาก มันหลายพวกหลายพรรคเต็มอยู่ทั้งข้างนอกข้างใน พระก็เพ่นพ่าน ๆ วันหนึ่งมาสักเท่าไรออกเท่าไรมองไม่ทัน นี่อันหนึ่ง แล้วข้างในก็ไม่ทราบมายังไงไปยังไง ออกยังไงเข้ายังไง เราก็มองไม่ทันเหมือนกัน

บางคนมากีดมาขวางหมู่เพื่อนอยู่ในนั้นแล้วไม่มีใครมาบอกมากล่าว เราก็ไม่ได้สนใจด้วย เพราะงานเรามากต่อมาก ก็เลยไม่รู้เรื่องกัน มันกัดกันยิ่งกว่าหมาก็ไม่รู้นะอยู่ข้างใน ในครัวนั่น มันกัดแบบไม่เห่านะ ไม่เห่าให้ออกมาได้ยินข้างนอกละซี ถ้าได้ยินข้างนอกไม่ได้นะ ไล่ทันทีเลย เราไม่ได้อนุโลม เพราะสิ่งนี้เราสอนมาพอแล้ว ที่จะมาให้อย่างนั้นนะอย่างนี้นะ ไม่ทั้งนั้น เพราะสอนหมดแล้ว ไม่ว่าพระว่าทางโน้นเหมือนกัน ถ้าผิดหูผิดตามองดูชัดเจนแล้วไล่ออกทันทีเลยอนุโลมอะไร เรื่องอนุโลมกิเลสนี่มันมีแต่กิเลสเหยียบหัวคน มันเลยอนุโลมไปแล้ว ยังจะให้มันมาเหยียบหัวอยู่เหรอ

ใครอยากเห็นศาสนาเจริญดังที่พระพุทธเจ้าทรงแสดง และประกาศให้ชาวพุทธเราทั้งหลายทราบตลอดมาจนกระทั่งทุกวันนี้ ให้ดูหัวใจตัวเองนะ หัวใจนั้นแหละเป็นฟืนเป็นไฟอยู่ที่นั่น พระพุทธเจ้าตรัสรู้ที่หัวใจ ปราบไฟที่มันเผาอยู่ที่หัวอกออก ตรัสรู้กระจ่างแจ้งขึ้นมา นำธรรมกระจ่างแจ้งมาสอนโลก ความทุกข์ทรมานที่เป็นเหตุเป็นมาโดยลำดับ พระองค์ก็ประกาศมาก่อนแล้ว ผลคือความตรัสรู้อย่างเลิศเลอแห่งธรรมก็ประกาศมาพร้อมกัน หลังจากได้บำเพ็ญเต็มเม็ดเต็มหน่วยแล้วด้วยความลำบากลำบนถึงขั้นสลบไสล ฟังซิน่ะ พระองค์หาความสะดวกสบายที่ไหน

พวกเรามามีแต่หาความสะดวกสบายเต็มไปหมด มองไปไหนมีแต่เรื่องของกิเลสมันเหยียบธรรม ๆ จนจะดูไม่ได้นะ พูดจริง ๆ เดินไปที่ไหนเห็นหมด ส่วนมากสร้างนั้นสร้างนี้ขึ้นมายุ่ง ๆ นี้จะสร้างเวลาเราไม่อยู่นะ ขโมยทำเวลานั้น อันนั้นก็ทำอันนี้ก็ทำ มีแต่ปรับปรุงตกแต่งภายนอก ภายในรกรุงรังเป็นฟืนเป็นไฟมันไม่สนใจกันนี่นะ ให้กิเลสขับไสออกไปหาวัตถุภายนอก มันก็เป็นเรื่องโลกดี ๆ นี่เรื่องภายนอก เรื่องภายในฆ่ากิเลสด้วยความพากเพียรจึงเป็นเรื่องอรรถเรื่องธรรม เรื่องของศาสดาโดยแท้ นี่มันไม่ค่อยมีและไม่มีในวัดนี้เวลานี้ ยุ่งไปหมดนะ หาแต่เรื่องภายนอก เรื่องภายในที่จะดูหัวใจเจ้าของไม่ยอมดู แล้วจะเอาความเจริญมาจากไหน

ครั้นออกไปแล้วก็ไปพูดโฆษณาละซีว่า อยู่วัดป่าบ้านตาด หลวงตาบัว หลวงตาบัวมันวิเศษวิโสอะไรพอจะเอาไปอวด ตัวเองที่เข้ามาหาหลวงตาบัวก็เลวยิ่งกว่าส้วมในถานนู่น เห็นไหมส้วมในถานเคยเห็นไหม ถานกับส้วมก็อันเดียวกันนั่นแหละ จึงว่าส้วมในถาน เข้าใจไหม มันแบบนั้นนี่นะ เอาของวิเศษวิโสมาจากไหน โห เลอะเทอะมาก เราทนแสนทนนะเพราะไม่เคยปฏิบัติมาอย่างนี้ ยั้วเยี้ย ๆ กลางวี่กลางวันเวลาไหน แหม มองนี่ เราอยู่กุฏิมองผ่านป่าออกมานี่ เห็นแต่ขายั้วเยี้ย ๆ เราไม่อยากตัดขามัน ถ้าตัดขามันแล้วมันจะกลิ้งให้เราดูอีก เราก็ไม่อยากดูทั้งคนกลิ้งขาหัก เข้าใจไหมล่ะ เราก็เลยปล่อย ยั้วเยี้ย ๆ เข้ามานี่ หลั่งไหลเข้า หลั่งไหลออก โอ๋ย มันเหมือนกับตลาดคนนะ ด้วยเหตุนี้เองที่หลบหลีกตลอดเวลา มันรำคาญ

นี่แหละที่ว่าวันไปภูสังโฆ พอไปปั๊บฝ่ายผู้หญ้าผู้หญิงหลั่งไหลขึ้นมาจะมากราบ กราบเสร็จไม่เสร็จก็ไล่ทันทีเลย หนีเราไม่มายุ่งกับคนนะ ไป พอกราบเสร็จก็เปิดเลยพวกนั้น เราก็สอนพระเลยเทียว ไปไหนมีแต่เรื่องยุ่ง ออกไปเดี๋ยวนี้ไม่ได้นะ จะไปไหนมาไหนต้องหาเวล่ำเวลา เย็น ๆ ถึงจะด้อม ๆ ไป อยากดูอะไร ๆ ดูมีเหตุมีผลทุกอย่าง อะไรบกพร่องตรงไหนๆ ก็มาสั่งพระๆ เช่น ตอนเช้าออกแต่เช้าเดินผ่านนู้นผ่านนี้ไปดู ซึ่งเวลานี้เขากำลังปลูกต้นไม้ ทำทุกสิ่งทุกอย่าง ต้นไม้นี่เราก็ไม่ทราบจะว่ายังไง มันมาเองเป็นเอง มาจากที่ต่าง ๆ ต้นไม้หลายจังหวัดที่ผ่านเข้ามานี้ เห็นว่าเราซื้อที่ใหม่นั่นนะจึงอยากเอามาปลูก เห็นว่ามันว่าง ๆ เอามาปลูก

ผลหมากรากไม้สำคัญมากนะ ไม่ทราบว่าอะไร พวกเงาะ พวกมังคุด ลางสาด ลิ้นจี่ หลายประเภทอยู่นั้น โอ๋ย นี่จะมาก่ออีกนะ ไปดูแล้ว นั่นมันขวางทันที ต้นไม้ยืนต้น ต้นไม้สำหรับเป็นร่มเงาก็มี พวกไม้ประเภทนี้มันจะเต็มไปด้วยความวุ่นวายเพราะวัดนี้ไม่มีการซื้อการขาย ผลหมากรากไม้มีมากมีน้อยแจกจ่ายกันไปกิน ทีนี้เวลามีมาก ๆ เข้าไปนี้ แจกไม่แจกมันก็ยั้วเยี้ยๆ ทำวัดให้เสียอีก เราคิดไปหมดแล้วจะเสียวัด จึงได้ไปเตือน ผลไม้อย่าเอามาปลูกมากนะ เราบอกอย่างนี้ ปลูกมากจะก่อความยุ่งเหยิงวุ่นวายขึ้นในวัด ให้เอาตั้งแต่ต้นไม้ที่เป็นร่มเป็นเงาผาสุกเย็นใจเวลาท่านบำเพ็ญสมณธรรม เมื่อเขาโตขึ้นมาแล้วเป็นที่หลบซ่อนผ่อนคลายได้ดี เราต้องการอย่างนั้น

ส่วนต้นไม้ที่มีดอกมีผลนี่มันเจือปนไปด้วยความกังวลวุ่นวาย เราไม่อยากให้มีนักละ เราก็ไม่ว่า ให้ปลูกแต่น้อยนะสั่งอย่างนี้ เราไปสั่งเอง อย่าปลูกมากเกินไปจะเสียวัดเราก็บอกไว้ มันมีบ้างเล็ก ๆ น้อย ๆ เพื่อสัตว์เพื่อคนได้อาศัยเราไม่ว่า แต่สร้างจนกระทั่งเป็นความวุ่นวายเสียหายทั้งวัดไปด้วยนี้ไม่เหมาะสม จึงต้องได้เตือนไปหมด แล้วตอนเช้าก็ด้อม ๆ ไปดูตรงนั้นตรงนี้ ดูตรงไหนแล้วก็มาสั่งทางนี้เพื่อแก้ไขดัดแปลงตรงไหนที่ควรจะแก้ นี่ละที่ด้อม ๆ ออกไป แต่มักจะไปตอนเช้า ๆ ตอนก่อนพระออกบิณฑบาต ด้อมๆ ออกไปดู จากนั้นเข้าทางจงกรม เวลาอื่นไปไม่ได้นะ เจออยู่ฟากทุ่งนาทางนู้นก็รุมมาแล้วนะ รุมมาแล้ว หลวงตาสบายดี ๆ คนนั้นสบายดีคนนี้สบายดี มันเหมือนกับมันมีไฟทั้งกองเผาหัวมันมา อาจจะสบายแต่หลวงตาคนเดียว หลวงตาสบายดีเหรอ เราเฉยเลย ไปเฉย แบบบ้าแหละเราก็ดี

เราก็ต้องเรียนวิชาหนึ่งเหมือนกันเพราะพวกนี้มีวิชาหลายแขนง เรามีวิชาแขนงหนึ่งแขนงเดียวไม่ได้ ต้องไปแบบหลายแขนง เดินว่ายังไงก็ช่าง เฉยไปเลยไม่สนใจกับใคร นี่วิชาแขนงหนึ่ง เหมือนบ้าแต่ไม่ใช่บ้า มันหากมีของมันอยู่ในนั้นแหละ ใครอยู่ที่ไหนก็ตามนะรุมมาเลย ออกไม่ได้นะออกไปข้างนอก แม้แต่อยู่ในนี้ก็เหมือนกัน เราก็ออกมาศาลานี้ไม่ได้นะ กลางวี่กลางวันออกมาไม่ได้ ยั้วเยี้ย ๆ พอเจอเท่านั้นรุมเลย ๆ ก็อยู่ในกุฏิ มิหนำซ้ำกุฏินั้นก็ยังเพ่นพ่านเข้าไปอีกนะ ทางจงกรมก็เหมือนกันไม่ทราบมันเข้ามันออกช่องไหน ไปเจอเราที่ทางจงกรม ขนาบกันที่ทางจงกรมแตกฮือออกมา ถึงได้หลบนั้นหลบนี้อยู่ตลอดเวลา ตอนกลางวี่กลางวันไม่ได้ผาสุกเย็นใจนะ

เราพยายามรักษาศาสนาตามแบบตามฉบับ ที่เป็นแบบฉบับแห่งมรรคผลนิพพานของพระพุทธเจ้าที่ประทานให้โลก เราไม่อยากพบอยากเห็นไอ้แบบฉบับของกิเลสมันมีตลอดเวลาคอยที่จะทำลายอรรถธรรม ถ้ามีอรรถมีธรรมมีวัดมีวามันทำลายได้ จึงต้องได้ระมัดระวังเสมอ ไม่ระวังไม่ได้นะ นี่เราก็สงวนพระท่านมาจากที่ไหนต่อที่ใดก็เคยได้เล่าให้ฟังแล้ว ทุกภาคอยู่นี่หมด ยังบอกแล้ว ท่านมุ่งมาหาอะไร ท่านจึงมาหาเรา มันต้องคิดซีเราเป็นหัวหน้า บ้านเรือนของท่านก็มี อะไรไม่อดไม่อยากขาดแคลน วัดวาอาวาสครูอาจารย์ทั้งหลายท่านก็มีอยู่ในที่ต่าง ๆ แต่ท่านมาทำไมที่นี่ นั่นมันต้องคิดซิ

เมื่อเป็นอย่างงั้นแล้วจะมีอะไรเป็นเครื่องต้อนรับกัน ที่จะให้สมมักสมหมายตามเจตนาที่มุ่งมาหาครูบาอาจารย์ที่ตนเป็นที่แน่ใจตามลำดับลำดา เราผู้เป็นหัวหน้าก็ต้องได้สงเคราะห์สงหาพินิจพิจารณาทุกแง่ทุกมุม แล้วสอนออกไปตามนั้น พาดำเนินตามนั้นด้วย เดี๋ยวนี้เงียบแล้วแหละเสียงหลวงตาบัวดุนะ แต่ก่อน โอ้โหย ดังลั่นทั่วประเทศ หลวงตาบัวดุ ๆ แล้วพอว่าดุ ๆ นี้มันก็มีพยานอยู่นะ เราออกมาช่องนั้นตอนบ่าย ๆ คือแต่ก่อนไม่มีแขกคนนะ ออกมาเมื่อไรๆ ก็เงียบอยู่อย่างงั้น เราก็ออกมา ทีนี้พระท่านก็ฉันน้ำร้อนน้ำอะไรอยู่ที่ครัวนี่ พอเราเดินผ่านมานี้ เราจะลงน้ำบ่อ พอพระมองเห็นเราเท่านั้น โอ๋ย แตกฮือเลย ทีนี้พวกแก้วโกโก้กาแฟที่วางอยู่นี้ ไปไม่ทันเตะกลิ้งไปตามนั้น เจ้าของไปแล้วเงียบแล้ว เราก็ลงไปน้ำบ่อ ไปดูนั้นดูนี้ดูน้ำบ่อ ขึ้นมานี้เห็นพระอยู่ในครัวนั้นองค์หนึ่ง อย่างมากสององค์อยู่ในครัว

นอกนั้นที่ชุมนุมกันอยู่นั้นแตกหนีหมด พอไปมองเห็นแก้วโกโก้กาแฟล้มเกลื่อนอยู่ตามนั้น แล้วนี่อะไรทั้งกินทั้งเทด้วยหรือ เราก็ว่า ไม่ใช่กินเฉย ๆ หรือนี่ กินด้วยเทด้วยหรือ เราก็ไล่ไป พระท่านมองเห็นอาจารย์ คือแต่ก่อนยังหนุ่มอยู่ มองเห็นอาจารย์ท่านกลัวท่านเลยเปิดหนีหมดเผ่นหนีหมด พระนี้เป็นเสือเหรอเราว่างั้นนะถึงได้กลัวอย่างนี้ กลัวอย่างนี้ไม่มีเหตุมีผล นั่นเอาอีกแล้วนะ กลัวต้องมีเหตุมีผลซี เรารับหมู่เพื่อนไว้ไม่ได้รับด้วยความเป็นเสือร้ายนี่นะ ในฐานะเป็นครูเป็นอาจารย์แนะนำสั่งสอนผิดถูกชั่วดีสอนกันต่างหากนะ ทำอย่างนี้ใช้ไม่ได้ว่ะ แก้วทิ้งเกลื่อน โดดเลย ชนเอา กลิ้งไปไม่สนใจไปเลย ที่ว่ากลัวก็กลัวอย่างงั้น แต่ไล่หนีไม่ยอมหนีนะ กลัวแบบนี้ก็เป็นแบบหนึ่ง กลัวด้วยความเป็นธรรมกล้าเป็นธรรมเป็นอย่างนี้ กลัวด้วยความเป็นธรรม ทั้งกลัวทั้งเคารพทั้งรักเทิดทูน กล้าก็กล้าที่จะทำตาม ปฏิบัติ

อย่างที่เราเคยไปหาพ่อแม่ครูอาจารย์มั่นที่ว่าท่านดุ ได้ทราบว่าท่านดุเก่งใช่ไหม โอ๋ย อย่าว่าแต่ดุเลยพอขับไล่ท่านขับเลย พอว่าอย่างนี้ปั๊บเลย นี่ละอาจารย์ของเรา นี่เรียกว่ากล้า กล้าอย่างนี้ นี่ละอาจารย์ของเรา หลวงปู่มั่นนี่ชื่อเสียงท่านโด่งดังมาตั้งแต่เราเป็นเด็ก ท่านอยู่อำเภอบ้านผือจนกระทั่งป่านนี้ ท่านจะดุด่าว่ากล่าวหรือขับไล่ไสส่งใครไปที่ไหน ๆ ด้วยไม่มีเหตุมีผลนี้เป็นไปไม่ได้ เราเอาตรงนี้ เราจะต้องไปดูเอง เป็นยังไงให้เรารู้เอง ท่านดุด่าว่ากล่าวประเภทใดหรือขับไล่ก็ให้ขับไล่เราเอง ก็หลักธรรมวินัยมีอยู่ใช่ไหมล่ะ ท่านชื่อเสียงโด่งดังทั่วประเทศไทยมานานแล้ว แล้วท่านจะขับไล่ไสส่งหาเหตุผลไม่ได้นี้เป็นไปไม่ได้ เราว่างั้น เราจึงชี้นิ้วเลยว่า นี่ละอาจารย์ของเรา ไปก็ใส่เปรี้ยงเลย มันกล้าอย่างนั้นนะ

พอไปท่านถามว่าใครมานี้ กระผม ก็ซัดเสียเปรี้ยง ๆ เลย อันผม ๆ ตั้งแต่คนหัวล้านมันก็มีผมตรงที่มันไม่ล้าน ฟังซินะ หาที่แย้งได้ไหม ทำไมถึงพูดถูกเอานักนะ กระผมชื่อพระมหาบัว ขึ้นแล้วทีนี้ ขึ้นมหาบัว เออ มันก็ต้องอย่างนั้นละซี นี่ผม ๆ ท่านแหย่เอานี้นะ กลางคืนเงียบ ๆ อันนี้ผม ๆ ตั้งแต่เด็กมันก็มีผม ไปค้านดูซิเด็กมันก็มีผมจริงๆ เอาอีกตรงนี้ มันจับได้อย่างงั้นนะ โถ ทำไมจึงพูดถูกต้องเอานักหนา นี่เรียกว่ากล้าอย่างนี้กล้าหาเหตุหาผล ถ้ากลัวก็กลัว ไม่ใช่กลัวแบบพระเณรเตะแก้ววิ่งหนี มันกลัวบ้าอย่างนั้น มันกลัวอะไรไม่รู้ กลัวจะผิดจะพลาด ท่านดุด่าตรงไหน ๆ จะได้รีบปฏิบัติ ดีไม่ดีกลัวท่านไล่หนีอีกด้วย นั่นกลัวไปอย่างงั้น

เพราะฉะนั้นพระเณรทั้งหลายที่มาอยู่ คำว่ากลัวก็กลัวแต่ไม่ยอมหนีล่ะซิ องค์ไหนมาอยู่นี้มักจะได้ขับหนี ไม่ใช่ขับแบบเนรเทศ แบบผิดธรรมผิดวินัยนะ ขับแบบเห็นว่าอยู่นาน หมู่เพื่อนทั้งหลายก็มีหัวใจด้วยกัน เราอยู่นาน ๆ อย่างนี้หมู่เพื่อนก็เข้าไม่ได้ ๆ จึงต้องผลัดเปลี่ยนกันออกไป ผู้นี้มาอยู่พอสมควรแล้วออกให้ทางนั้นเข้ามา ผลัดเปลี่ยนกันเรื่อย ๆ อย่างนี้ความหมายว่าอย่างนั้น ที่ว่าขับพระให้พระออกไป เป็นอย่างนี้

การดุด่านี้ดุแต่ก่อน เวลานี้ถูกเขาลบลายหมดแล้วนะ ไปที่ไหน ๆ ถูกเขาลบลายหมด ดุเท่าไรยิ่งคลานเข้ามา เอ้า แล้วกันเขาลบลายกูแล้ว กูหากินไม่ได้ละที่นี่ แต่ก่อนหากินด้วยการดุ พอดุเขาเขาก็เผ่นเลย เราก็หาช่องออกได้สบายรอดตัวไป เดี๋ยวนี้ดุเท่าไรยิ่งคลานเข้ามา หมดทีนี้ลวดลายกู เขากินหมดแล้ว เขาลบหมด แน่ะ เป็นอย่างนั้นนะเดี๋ยวนี้ นี่ละคำว่ากล้าว่ากลัว กล้าเป็นธรรมกลัวเป็นธรรม ผิดกันกับกล้าแบบกิเลสกลัวแบบกิเลสนะ ผิดกันมาก เวลานี้ลดหย่อนผ่อนผันลงมากนะวัดเรา มันหากเป็นเองนะ ไม่ได้ตั้งใจว่าจะลด มันหากลดอย่างที่พูดนี้แหละ อย่างเก้าอี้เก้าแอ้อะไรนี่ เอามาวางไว้ที่นั้น สามเก้าอี้สี่เก้าอี้แล้วนะ เราไม่เคยให้มี พวกม้ายาวม้าแยวที่มาเหล่านี้ ไม่เคยให้มี

ยกตัวอย่างถึงเรื่องเขาเอาต้นไม้ใส่กระถาง ๆ มาเต็มรถ กระบะใหญ่มานี่ ตอนเย็น ๆ มาจอดกึ๊กหน้าศาลานี่ โถ ต้นไม้มีแต่ต้นไม้สวย ๆ งาม ๆ ตามกิเลสมันชอบนั้นแหละ แต่ธรรมมันดูไม่ได้ซิ เราก็อยู่บนศาลา วันนั้นดูเหมือนเป็นวันอุโบสถ พออุโบสถเสร็จแล้วก็พอดีรถเขามาจอดที่หน้าศาลา โธ่ มาจากไหน มากมายนัก เราก็ทำท่าไปอย่างนั้นละ ไอ้ความที่ว่าอยากปาเข้าป่า เราอยากเอาปาเข้าป่าตั้งแต่รถเขายังไม่จอดนู่นแหละ แต่ทำท่าไว้ลวดลาย โฮ้ เอามาจากไหนเห็นสวยงามเหลือเกิน ก็ทำท่าว่าสวยงามเหลือเกิน จะเอามาปลูกที่ศาลา ที่หน้าศาลา ต้นไม้ที่ใส่กระถาง ๆ มาจะเอามาวางปูประดับที่ศาลานี่ เขาว่าอย่างนั้น เออ เอาละเอาไว้นั้นละ เอาลงเลยนะ เอาลงเลย เอาลงไว้ที่นั่นหมดเลย พระท่านจัดการเอง วันนี้ค่ำแล้วขนลงแล้วพากันกลับเสีย พระท่านจะจัดการเองยากอะไร

ดูลักษณะเขาก็ฝืด ๆ เคือง ๆ แต่เขาขัดไม่ได้เขาก็เลยขนลง ไปมันค่ำแล้ว ก็พอดีจริง ๆ มันค่ำแล้วนี่ พอเขาขนลงแล้วเขาก็ไป ตอนนั้นมันค่ำแล้ว พอวันหลังมานี่ก็เรียกเอาล้อมาเลย เอาล้อมา ๆ หลายล้อ เรามีหลายล้อนี่นะ มาขนกระถางดอกไม้ใส่ล้อ ๆ ปาเข้าป่าหมดเลย ไม่ให้เหลือสักต้นเลย ป่าเข้าป่าหมด ประมาณสักสี่ห้าวันเขามา เอ๊ ตันไม้นี่ไปไหน ว่าจะปลูกประดับศาลาไม่เห็น โอ๊ย อยู่ที่ไหนมันปลอดภัยก็ไปละ อันนี้มันไม่ปลอดภัย เราว่าอย่างนั้น คนมาจุ้นจ้าน อันนั้นมันปลอดภัยคือโยนเข้าป่าแล้วไม่มีใครยุ่งเข้าใจไหม เราบอกที่ไหนปลอดภัยก็เอาไปแหละ พูดกลาง ๆ อันนี้ไม่ปลอดภัย

จากนั้นเขาก็ไปเที่ยวดูตามวัด ดูตามกุฏิต่าง ๆ ไม่เห็นสักต้นเดียว มาพูดกับพระไม่กล้าพูดกับเรา โฮ้ นี่คงเข้าป่าหมดแล้วแหละ ไปที่ไหนก็ไม่เห็น ไปตามกุฏิก็ไม่เห็นสักต้นเลย คงเข้าป่าหมดแล้วแหละ พูดกับพระไม่กล้าพูดกับเรา ก็เลยเฉย มันก็เข้าป่าแล้ว นั่น ที่เอามานี้เอามาประดับประดาหาอะไร ประดับหัวใจด้วยศีลด้วยธรรม ด้วยสมาธิปัญญา ศรัทธา ความเพียร เป็นสิ่งที่สง่างามจ้ามากกว่านี้เป็นไหน ๆ ประสาถังมูตรถังคูถวิเศษวิโสอะไร อยู่ที่ไหนก็มี แต่เรื่องศีลเรื่องธรรมที่ประดับจิตใจให้มีความสง่างามนี้หาไม่ได้นะ แม้แต่เราจะหาในชาวพุทธของเรานี้ก็ยังหาไม่ได้ แล้วจะไปหาที่ไหนชาวผีชาวเปรตที่ไหน มันจะได้ของแปลกประหลาดอัศจรรย์ขึ้นมาที่หัวใจ ไม่มีทาง นี่ซิจึงควรรักควรสงวนพวกเรา มันเห็นไก่แจ้ไปพบพลอยแล้วเวลานี้

เดี๋ยวนี้มันมีแต่ข้าวสุกข้าวสารเต็มบ้านเต็มเมือง เพชรพลอยมีไม่เป็นประโยชน์ เลยกลายเป็นไม่มีประโยชน์ มีแต่ข้าวสุกข้าวสารพอดีพวกไก่แจ้ไก่เจ้ออะไรนี่ เราอยากเพิ่มให้อีก ไก่แจ้มันยังไม่เหมาะนะ ถ้าว่าไก่บ้าเพลินแล้วถูก พวกไก่บ้า เป็นอย่างนั้นนะ ให้พากันคิดบ้างซิ ไม่คิดเลย ปล่อยเนื้อปล่อยตัวไปเรื่อย ๆ ไม่ดีนะ คนเราต้องฝึกตัวเอง การฝึกนี้เพื่อดี ๆ นะ เพื่อดีเพื่อความสุข การไม่ฝึกเพื่อปล่อยตัวนี้ล่มจม ๆ เอามาเทียบกันซิ

อย่างสมัยปัจจุบันนี้ครูบาอาจารย์องค์ใดที่ปรากฏชื่อลือนาม มีตั้งแต่เดนตายมาทั้งนั้น เราได้เข้าถึงเกือบหมดนะ ครูบาอาจารย์องค์ไหน ๆ ที่ปรากฏชื่อลือนาม เวลาเข้าไปสัมผัสสัมพันธ์พูดจาปราศรัยสนทนาอรรถธรรมกัน โถ ไม่ใช่เล่น ๆ รอดตายมาทั้งนั้น มีแต่รอดตายเดนตาย ๆ มา ท่านมาเด่น เห็นไหมนั่น ความรอดตายคือฟัดกับกิเลสตัวเป็นมหาภัย พออันนั้นมุดมอดลงไปแล้ว ความสุขความอัศจรรย์ก็เด่นขึ้นในตัวของท่าน มีชื่อเสียงโด่งดังปรากฏขึ้นจากการฝึกการทรมานต่างหากนะ ไม่ใช่เกิดขึ้นจากการปล่อยตัวนะ

วันนี้ก็พูดมากพอสมควรแล้ว ว่าจะไม่พูดมันก็ได้พูดอยู่จนได้ ให้พากันจำเอานะ เรื่องใจเป็นของสำคัญ พระพุทธศาสนานี่เป็นศาสนาที่เหมาะสมอย่างเอก สอนถูกจุดแห่งความสุขความทุกข์ ความเลวร้าย ความอัศจรรย์ ซึ่งอยู่ที่จิตนะ กิเลสอยู่ที่จิต ธรรมะอยู่ที่จิต เกิดในจิตอันเดียวกัน แต่กิเลสเมื่อมันมีมากมันดึงออกไปทางกิเลสเสียหมด ประหนึ่งว่าธรรมไม่มีเหลือเลย ทั้ง ๆ ที่ธรรมมีในใจ เพราะฉะนั้นการมาศึกษาอบรมธรรม ปฏิบัติธรรม จึงเพื่อฟื้นธรรมภายในใจขึ้นออกแสดงตัวบ้าง อย่าให้มีกิเลสพองตัวตลอดเวลาเลย ลากเข็นเราไปหาแต่กองทุกข์ หาแต่ฟืนแต่ไฟ ไม่เกิดประโยชน์อะไรเลย ควรจะเข็ดหลาบกันบ้างนะ

กิเลสนั้นลากสัตว์ทั้งหลายให้ได้รับความทุกข์ความทรมาน นี่เราสลดสังเวชนะ ไม่พูดเฉย ๆ มันรู้อยู่จะให้ว่ายังไง เรื่องกองทุกข์อันไหนที่จะทุกข์มากยิ่งกว่ามนุษย์เราทุกข์วะ มนุษย์เรานี้มันมีความสำคัญมั่นหมาย มีความรู้ความฉลาดความทะนงตัว ความดีดความดิ้นเพื่อไปหากองทุกข์มันจึงมีมากกว่าสัตว์นะ สัตว์เขาอยู่ตามประสาของเขา เป็นสัตว์ที่มีกิเลสเหมือนกัน แต่ความรู้ของเขาไม่มีมาก ทีนี้มนุษย์เรามีความรู้มากกิเลสเอาไปใช้หมดความรู้ความฉลาดเหล่านี้ แล้วกลับมาเผาเรา อันนี้มันน่าทุเรศนะ

จึงต้องให้พากันฝึกตนบ้าง ไปที่ไหนมีแต่กองทุกข์ มันตื่นลมตื่นแล้งกัน ตื่นชื่อตื่นเสียงกัน คนนั้นมียศนั้นคนนี้มียศนี้ เอามาหลอกกัน เจ้าของก็พองตัวแล้วเย่อหยิ่งอีกด้วย คนนั้นมีสมบัติเงินทองข้าวของเท่านั้นเท่านี้ อันนี้ก็บ้าอีกแบบหนึ่ง ให้กิเลสพองตัว ๆ แล้วก็ดีดก็ดิ้น แต่สิ่งที่มันดิ้นหาเรื่องที่จะมาเผามันเพื่อสิ่งที่ว่าเหล่านี้นะ มันดิ้นตลอดเวลา ทีนี้เวลาดูผลแล้วนี้หัวใจใดที่จะหาความสุขนี้ไม่มี อยากจะพูดว่าไม่มีถ้าไม่มีธรรมแฝงอยู่ภายในใจ มีแต่กองฟืนกองไฟเผาอยู่ในหัวอก ๆ ใหญ่เผาใหญ่ เล็กเผาเล็ก เผาตลอด คนที่ความมั่งมีศรีสุขที่โลกเขานิยมมากเท่าไร นั่นละกองไฟอยู่ตรงนั้น ตาสีตาสาสบายกว่านะ ถ้าเอาหลักธรรมชาติมาจับกัน เป็นอย่างนั้นนะ เขาทุกข์อยู่ธรรมชาติของเขา เขาไม่ได้แบกทั้งวันทั้งคืนเหมือนคนที่สำคัญตนว่าเก่งกว่าโลก ผู้นี้เก่งกว่าโลกทุกข์ก็เก่งกว่าโลก ผู้นี้ละทุกข์มากที่สุด

ให้พากันรู้เนื้อรู้ตัวบ้าง แล้วทุกข์อันนี้แล้วยังไม่แล้วนะ มองไปอีก ตาข่ายนี้ครอบทั่วโลก ตาข่ายแห่งความทุกข์ความกังวลวุ่นวาย ออกมาจากความติดหนี้ติดสินพะรุงพะรัง ติดกันอยู่ทั่วทุกแห่งทุกหนตั้งแต่ครอบครัวเหย้าเรือนหมู่บ้าน จนถึงอำเภอตำบลจนกระทั่งทั่วประเทศ แล้วออกประเทศนอกประเทศใน ติดหนี้ติดสินกันพะรุงพะรังระโยงระยางไปหมด มีแต่ติดด้วยอำนาจแห่งความทุกข์ทั้งนั้นที่พัวพันกันอยู่นั้น แล้วใครมีความสุขที่ไหน ไม่มีนะ อันนี้โลกมองไม่เห็นแต่ปิดธรรมไม่ได้ โลกมองไม่เห็นแต่ธรรมเห็นหมด

นั่นละธรรมท่านเอาสิ่งที่ท่านมองเห็นมาสอนโลก โลกมันก็ไม่ยอมรับ มันก็ดิ้นของมันตามเดิมของมันอย่างนั้นละ ให้พากันจำเอานะ นี่ละทุกข์ที่สุด การติดหนี้ติดสินนี่ทุกข์มากนะ ไม่ทราบ แล้วเขาก็มาทวงเช้าทวงเย็นทวงหนี้ ก็เงินของเขาเขาก็มาทวงละซี เราไม่มีให้เขาก็เดือดร้อน สุดท้ายนายหนี้กับลูกหนี้เลยฆ่ากันก็มี เพราะความทุกข์มาก ในภาษาบาลีก็มีอันนี้ อิณาทานํ ทุกฺขํ โลเก ที่ว่า ความติดหนี้ติดสินนี้เป็นทุกข์มากในโลก ความไม่มีหนี้สินนี้เป็นสุขมากในโลก คือในโลกสมมุตินี้นะ ไม่ต้องพูดถึงวิมุตติท่านพูดในอันนี้ ความไม่ติดหนี้ติดสินนี้เป็นความสุข ความติดหนี้ติดสินเป็นความทุกข์มาก ท่านสอนไว้ในธรรม อย่าพากันพะรุงพะรัง

อย่างที่เมื่อวานนี้พูดถึงเรื่องเครดิตเครแดทอะไร อันนี้มันมากินตับกินปอดท่านทั้งหลายนะ ได้เครดิตมาไปยื่นให้เขา เขาก็ไม่เอาแล้วเงินในเวลานั้น เครดิตนี้มันจะมาคว้าเอาเงินในกระเป๋าติดหนี้ติดสินพะรุงพะรังไปหมดนะ เรามีเครดิตเป็นที่เชื่อถือได้ มีเกียรติจนกระทั่งติดหนี้เขาไม่มีเงินจะใช้เขาจมลงไป นี่ละเกียรติอย่างนี้อยากเป็นเกียรติไหม พิจารณาซิ เวลานี้กำลังลุกลามนะเรื่องบัตรเครดิต ให้จำให้ดีทุกคนนะ นี้ละตัวสำคัญที่สุดที่กินได้ทั้งคนมีคนจนกินได้หมด เขายื่นบัตรอะไรเครดิตนี้ โห เป็นบ้าขึ้นนะ เงินในกระเป๋ามีก็ไม่ต้องซื้อเอาบัตรนี้ยื่นเข้าไปเลย เวลามาทวงทีหลังมันเอาทั้งดอกทั้งผลไปพร้อมเลย เสร็จ นี่ละพวกบัตรเครดิตให้จำเอานะ วันนี้เทศน์เท่านั้นละ เอาละพอ

อ่านธรรมะหลวงตาวันต่อวัน ได้ที่ www.Luangta.com


** ท่านผู้เข้าชมทุกท่านโปรดทราบ
    เนื่องจากกัณฑ์เทศน์บางกัณฑ์มีความยาวค่อนข้างมาก ซึ่งจะส่งผลต่อความเร็วในการเปิดเว็บไซต์ ขอแนะนำให้ทุกท่านได้อ่านเนื้อหากัณฑ์เทศน์บางส่วนจากเว็บไซต์ และให้ทำการดาวน์โหลดไฟล์กัณฑ์เทศน์ที่มีนามสกุล .pdf ไปเก็บไว้ในเครื่องของท่านแทนการอ่านเนื้อหาทั้งหมดจากเว็บไซต์

<< BACK

หน้าแรก