ผู้สอนศาสนา
วันที่ 26 พฤศจิกายน 2536
สถานที่ : วัดป่าบ้านตาด
| |
ดาวน์โหลดเพื่อเก็บไว้ในเครื่อง
ให้คลิกขวาแล้วเลือก Save target as .. จาก link ต่อไปนี้ :

ค้นหา :

เทศน์อบรมฆราวาส ณ วัดป่าบ้านตาด

เมื่อวันที่ ๒๖ พฤศจิกายน พุทธศักราช ๒๕๓๖

ผู้สอนศาสนา

        เวลามีคนเขามาถาม ท่านอาจารย์คงจะพูดภาษาอังกฤษเก่งนะ เพราะมีพระฝรั่งมาอยู่ด้วยมาก  ไม่รู้เราเป็นอาจารย์ฝรั่งเหรอ ไปแบบนั้นเสีย โม้เก่งเวลาจะโม้ ไม่รู้เป็นอาจารย์แบบไหนมันกลาง ๆ ใช่ไหมล่ะ  ถ้าหากเรารู้ภาษาอังกฤษเหมือนภาษาของเรานี้ ไปสอนศาสนาที่อังกฤษนี้แน่ใจเลย เพราะเมืองนี้เป็นเมืองสมบัติผู้ดีอยู่แล้ว กฎระเบียบดีตลอด  ยิ่งธรรมวินัยยิ่งละเอียดยิ่งกว่านั้นก็เข้ากันได้ปุ๊บเลย  คิดดูไปทีแรกมาไม่กี่คน ประมาณ ๒๐-๓๐ ไปถึงทีแรกนะ จากนั้นก็ถีบขึ้นเรื่อย ๆ ฟาดเสียจนเป็นร้อย พวกฝรั่งก็เพิ่มเข้า ๆ พวกมาสังเกตการณ์ ทีนี้คำว่าสังเกตการณ์เลยล้มไปหมดไม่ได้มาอยู่ไม่ได้ ฟังแล้วมันจับใจว่างั้น ท่านปัญญาอธิบายให้ฟัง เวลาเราอธิบายแล้วท่านปัญญาอธิบายต่อ  ถ้าเป็นออกจากเราเสียทีเดียวยื่นใส่มือเลยมันก็เต็มเม็ดเต็มหน่วยซิ นี่ที่มันเสีย

        ศาสนาเรานี้จะเจริญอยู่ที่โน่นมากถ้ามีผู้ไปแนะนำสั่งสอนเขา ต้องพร้อมนะ พร้อมทั้งภายในภายนอก มีแต่ภายนอกภายในไม่ดีก็ไม่ดีไม่เป็นท่า ดีภายในแต่ภายนอกกิริยาแสดงออกต้อนรับกันนี้ เช่นอย่างภาษาเป็นต้นไม่รู้ อย่างนี้มันก็ลำบากก็ไม่ดีอีก  ดีแต่ภายนอกพูดแจ๋ว ๆ เหมือนนกขุนทอง  แต่ภายในเหมือนขี้ใช้ไม่ได้อีกเหมือนกัน  ให้มันพร้อมซิ  ภายในก็พร้อมภายนอกก็พร้อมแล้วนั่นละ  ทีนี้มันไม่เป็นอย่างนั้นละซิ

        พุทธศาสนาของเราเป็นศาสนาคู่โลกคู่สงสารเข้าได้หมด พุทธศาสนานี้เข้าได้หมดเลยเพราะเป็นศาสนาคู่โลกคู่สงสาร  เป็นศาสนาในหลักธรรมชาติ  โลกก็เป็นโลกธรรมชาตินี่จะว่าไง  เกิดมาด้วยบุญด้วยกรรมเหมือนกัน  ศาสนาก็สอนเรื่องบุญเรื่องกรรมเรื่องของมีอยู่ไม่ได้อุตริ ไม่มีไม่สอนไม่บอกว่ามี  สิ่งมีแล้วไม่ปฏิเสธต้องยอมรับว่ามี  พุทธศาสนานี้เป็นศาสนาที่พอดีกับโลกเราเลย เป็นศาสนาคู่โลกคู่สงสาร  ใครจะไปรู้เรื่องโลกเรื่องสงสารกว้างแคบขนาดไหนได้เหมือนพระพุทธเจ้า  ผู้ทรงศาสนาเป็นผู้รู้มาหมดแล้วทุกอย่างแล้วนำมาสอนจะผิดไปตรงไหน  สอนเทวดาสอนอย่างนี้ แน่ะ เทวดาชั้นไหนสอนยังไง  ธรรมะของเทวดาแต่ละชั้นละภูมิแต่ละรายละบุคคล ๆ เป็นยังไง ๆ สอนยังไง ๆ พระพุทธเจ้ารู้หมดสอนได้หมดเลยจะว่าไง  ไม่งั้นเป็นศาสดาของโลกไม่ได้ ไม่เรียกว่าเป็นศาสนาคู่โลกคู่สงสาร

        ไปสอนศาสนาเขาแล้วจะเอาแต่พื้น ๆ ของความรู้ของโลกไปสอนโลกก็ไม่ได้เรื่องซิ ความรู้เหนือโลกสอนโลกมันถึงได้เรื่อง  ให้มันเหนือทุกอย่างซิ  สอนเด็กเหนือเด็ก สอนผู้ใหญ่เหนือผู้ใหญ่ สอนโลกเหนือโลก  ธรรมะพระพุทธเจ้าเป็นธรรมะเหนือโลกถึงเรียกว่าโลกุตรธรรม  เป็นธรรมเหนือโลกอยู่ตลอดเวลา  เอาธรรมะธรรมดาความรู้วิชาทุกสิ่งทุกอย่างเหมือนโลกเขาไปสอนโลกมันไม่ได้เรื่องแหละ  ต้องเหนือกัน ๆ มันถึงแก้กันตก ๆ  กิเลสต่ำกว่าธรรมแล้วแก้ตก  ถ้ากิเลสสูงกว่าธรรมหรือเหนือธรรมแล้วแก้ไม่ตก  ทีนี้ความรู้ของโลกกับความรู้ของธรรมจะไปสอนกันแบบเดียวกันแก้ไม่ตก ต้องเหนือกัน ๆ เสมอ

        นี่ละความรู้พระพุทธเจ้าที่ว่าเป็นความรู้ประเภทที่ว่าโลกุตระตลอดเลย คือเหนือโลกตลอด ไม่ว่าแต่ขั้นใดภูมิใดพระองค์ทรงรู้ทรงเห็นหมดแล้ว  เอามาสอนตามที่รู้แล้วเห็นแล้วซึ่งเขาก็ไม่รู้นี่ เขาอยู่ในโลกนี้แต่เขาไม่รู้เรื่องเหล่านี้ พระองค์รู้เรื่องเหล่านี้ ความเป็นอยู่ของเขาเขาเป็นอยู่ แต่เขาไม่รู้ว่าเขาเป็นอยู่อย่างไร เป็นมายังไง และจะเป็นไปยังไง พระองค์รู้หมด  ยังงั้นซิมันถึงสอนกันได้คนเรา ถ้าเป็นความรู้แบบโลก ๆ  เอามาสอนโลกมันไม่ได้เรื่องแหละ  ต้องความรู้เหนือโลก เหนือโลกเหนือสัตว์ทุกประเภทว่างั้น

        นี่ความรู้พระพุทธเจ้าศาสนาพระพุทธเจ้าครอบไปหมดแล้ว จึงเรียกว่าโลกุตรธรรมแปลว่าธรรมเหนือโลก เหนือตลอดไม่ว่าขั้นใดภูมิใดของสัตว์เหนือทั้งนั้น มันก็สอนได้ละซิ  เอาความรู้ ก. ไก่ไปสอน ก.ไก่มันก็ไม่ได้เรื่องแหละ มันแบบเดียวกัน  นี่ความรู้ที่โลกทั้งหลายเขาเรียนมา เราก็เรียนมาแบบเขาแล้วไปสอนเขาจะเอาอะไรมาสอนเขา มันต้องเหนือเขา สิ่งที่เขาไม่รู้เรารู้ สิ่งที่เขาไม่เห็นเราเห็น  สิ่งที่เขาละไม่ได้เราละได้  มันต้องเหนือกันตลอด ๆ ถึงจะสอนกันได้คนเรา ยอมรับกัน  เมื่อเหนือกันแล้วก็ยอมรับ  แม้แต่นักมวยต่อยกันยังหวังจะน็อกเขาทั้งนั้น  เวลาสู้เขาไม่ได้ก็ต้องยอมรับ ยอมรับว่าแพ้  ยังงั้นซิอะไรก็ไม่หนีความจริงแหละ  ความจริงเป็นของสำคัญมาก  สอนโลกแต่ความรู้ธรรมดา ๆ ไม่ได้

        แม้แต่ผู้ปฏิบัติด้วยกันนี้ เอา นักปฏิบัติด้วยกันนี้ภูมิความรู้สูงกว่ากัน  แล้วผู้ที่มีความรู้สูงมาสนทนากับความรู้ต่ำ แต่ผู้นี้มียศถาบรรดาศักดิ์ว่าเป็นครูเป็นอาจารย์ หรือเป็นเจ้าฟ้าเจ้าคุณอะไรก็แล้วแต่นะ  แต่ธรรมะต่ำกว่าอย่างนี้  พอแย็บออกมารู้ทันทีเลยแล้วไม่ยอมรับนะ ผู้น้อยไม่ยอมรับผู้ใหญ่  เพราะความรู้ผู้น้อยสูงกว่าผู้ใหญ่แล้วจะยอมรับกันได้ยังไง  นี่เอากันตรงนี้  นักปฏิบัติด้วยกันนี้ไม่ต้องมีญงมีญาณไปหยั่งทราบอะไรแหละ ภาวนาเป็นยังไง พูดไปซิเรื่องจิต พอแย็บออกมาก็รู้ปั๊บทันทีแล้ว ใครเสมอหรือใครเหนือรู้แล้วยอมรับทันทีเลยเพราะเป็นหลักธรรมชาติ ความรู้อันนี้เป็นหลักธรรมชาติ  ถ้ามาพูดสุ่มสี่สุ่มห้าแล้ว  โห ไม่ได้ได้ไม่ลง ดีไม่ดีดูถูกผู้มาสอนด้วยซ้ำไป

        นั่นละความรู้หลักธรรมะพระพุทธเจ้าเป็นอย่างนั้นนะ  พระพุทธเจ้าสอนสัตว์โลกก็สอนอย่างนี้เหมือนกัน  ใครทราบไหมว่าพระพุทธเจ้าไปหาเรียนมาจากไหน ไม่มี จึงเรียกว่าสยัมภู  ทรงขวนขวายเองทางฝ่ายเหตุ  แล้วก็ทรงรู้เองเห็นเองทางฝ่ายผล  เพราะธรรมชาติที่ทรงสั่งสอนโลกนี้ เป็นธรรมชาติที่ทรงขวนขวายเองรู้เองเห็นเองทั้งนั้น  โลกไม่รู้โลกไม่เห็นโลกไม่ได้ขวนขวายแบบนี้  เอาที่เหนือโลกมาสอน  ไม่เหมือนโลกก็สอนโลกได้ละซิ   อันนี้เราก็ย้อนเข้ามาหาเราซิให้เป็นประโยชน์ เอาธรรมะที่ปฏิบัติมานั้นมาปฏิบัติตัวเองให้เหนือเรื่องของเราอยู่ในใจนี่

        เรื่องของกิเลสเป็นเรื่องเล็กน้อยเมื่อไร  เรื่องกิเลสตัณหานี่ทำลายโลกมามากต่อมาก  แสนทุกข์แสนทรมานเพราะกิเลสทั้งนั้นไม่ใช่เพราะอะไรนะ  ดินฟ้าอากาศต้นไม้ภูเขาเขาไม่ได้มาเป็นอันตรายต่อสัตว์โลก  มีกิเลสเท่านั้นเป็นอันตรายต่อสัตว์โลกหัวใจสัตว์โลก  เอาความรู้วิชาธรรมะมาปฏิบัติให้เหนืออันนี้ ๆ ทำลายอันนี้ลงได้แล้ว เราก็เก่งกว่าเราแต่ก่อน  แต่ก่อนเราเป็นอย่างงั้นบัดนี้เราเป็นอย่างงี้  คนคนเดียวนี้เก่งกว่าเก่า เข้าใจหรือเปล่า

        ถ้าจะเทียบเรื่องทางโลกแต่ก่อนก็ไม่รู้ ก.ไก่ ก.กา พอเรียน ก.ไก่ ก.กา แล้วเราเก่งกว่าแต่ก่อน  เวลานี้เรารู้ ก.ไก่ ก.กา แล้วยังงั้นใช่ไหมล่ะ  ขึ้นประถม มัธยม เราคนเดียวนี้  เหนือตัวเอง ๆ ไปเรื่อย ๆ มันก็รู้อย่างงั้นซีเรื่องโลก  เรื่องธรรมก็ต้องเป็นแบบเดียวกัน  นี่วันไหนก็ ก.ไก่ ก.กา หมอนอยู่ไหนนามันได้เรื่องอะไร  ไปไหนก็คว้าแต่หมอน ทำภาวนา ๆ มือคว้าหมอนกลัวหมอนจะหลุดลอยไป  ขาดที่พึ่ง  มันเอาหมอนเป็นที่พึ่งละซิไม่ได้เอาธรรมเป็นที่พึ่งจะได้เรื่องอะไร

        พูดเหล่านี้พูดออกมาจากในหัวใจจริง ๆ นี่  เพราะฉะนั้นเราพูดถึงจริงจังทุกอย่าง ไม่ได้พูดเหลาะๆ แหละๆ เพราะธรรมะพระพุทธเจ้าไม่ใช่ธรรมะเหลาะๆ แหละๆ สิ่งที่มีที่เป็นทั้งหลายไม่เหลาะแหละ  มีเป็นตามหลักธรรมชาติของตนร้อยเปอร์เซ็นต์ ๆ  พระองค์ทรงรู้ก็รู้อย่างนั้นร้อยเปอร์เซ็นต์ ๆ  นำมาสอนก็ต้องสอนร้อยเปอร์เซ็นต์  มาสอนแบบงู ๆ ปลา ๆ อย่างนี้เจ้าของเองก็ไม่ได้เรื่อง  เจ้าของรู้งู ๆ ปลา ๆ ไปสอนคนอื่นงู ๆ ปลา ๆ ได้เรื่องอะไร

        ไปสอนต้องรู้จริงเห็นจริง สอนคนอื่นต้องจริงซิมันถึงมีน้ำหนัก  อะไรที่ลงได้รู้เองเห็นเองแล้วนำมาพูดนี้มีน้ำหนักทั้งนั้นแหละ  นอกจากได้ยินเขาเล่าให้ฟัง  พอไม่มีทางออกก็ได้ยินเขาว่า  ได้ยินแต่เขาว่า  ไม่มีทางออกจริง ๆ ก็ได้ยินแต่เขาว่ามันไม่ได้เรื่อง  ต้องเราว่าซิ  เราเห็นเองยันลงไปนั้นซิ  ส่วนเรื่องจะยอมรับไม่ยอมรับนั้นเป็นเรื่องกรรมของสัตว์อันนั้นน่ะ  เหมือนคนตาดีบอกคนตาบอด  นี้น่ะเห็นไหม ๆ ข้าไม่เห็นก็จะไปว่าอะไรเขา  เพราะเขาไม่เห็นจริง ๆ  มันก็กรรมของสัตว์  สัตว์อะไร  สัตว์ตาบอด  แน่ะก็เท่านั้นเอง ผู้ตาดีเห็นอยู่นี่ ผู้ตาบอดไม่เห็นก็กรรมของสัตว์เท่านั้นซิ

        เรานี่เสียดายเกิดมาอาภัพวาสนา ถ้าได้ภาษาไม่เอามากแหละนะ ได้สัก ๑๐๐ ภาษาก็จะพอกิน  สอนโลกได้สัก ๑๐๐ ประเทศ ๑๐๐ ชาติก็ยังดี  จากนั้นก็สอนสัตว์อีก  สัตว์มีกี่ภาษาให้เราได้ภาษาเหล่านั้นไปสอนสัตว์  อู๊ย จะดีมาก  แต่นี้มันอาภัพวาสนา  แต่สิ่งที่หนึ่งถ้าโลกเขาจะภูมิใจก็ภูมิใจแต่เราไม่ภูมิใจนัก  ทั้ง ๆ ที่เราก็ทำได้เต็มเม็ดเต็มหน่วย คือกินกับนอน  อันนี้เก่งมาก  ถ้าอันนี้ละเก่งมาก  ไม่เป็นท่าอย่างอื่น  ถ้าได้ภาษาอย่างที่ว่า นิรุตติปฏิสัมภิทา  แตกฉานในภาษา กิริยามารยาท ศิลปวิทยาพร้อมกันหมดเลย  พร้อม ๆ ๆ พูดภาษาไหนมาก็ได้ก็จะดี  แต่นี่ก็กรรมของเราเอง

        พูดความจริงพวกฝรั่งเฉพาะอย่างยิ่งประเทศอังกฤษนี้ รู้สึกมีเหตุมีผลมีหลักมีเกณฑ์  กับธรรมวินัยนี้เข้ากันได้เป๋งเลยเทียว  อย่างที่เราไปอยู่นั้นไม่นานนัก  โถ  น่าสงสารเหมือนกันนะฝรั่งร้องไห้มีเหรอเรายังไม่เคยเห็น  ร้องไห้เรื่องอรรถเรื่องธรรมนะ  นี่เห็นแล้วเห็นต่อหน้าต่อตา  ก้มหน้าปั๊บนี่น้ำตาร่วง ๆ พอครูบาอาจารย์จะจากไป  มานี่หนาแน่นขึ้นทุกวัน ๆ  เก้าอี้นี่ไม่มีความหมายนะ  นั่งแทรกกันเต็มไปได้หมดเลยไม่ถือกัน  เอ้า  นั่งยังไงนั่งเลย  แทรกกันไปหมด.......เต็ม  ออกจากนั้นก็พาภาวนา ๓๐ นาที นั่งภาวนา ๓๐ นาที  เทศน์ก็แล้วแต่กรณี  เทศน์สั้นเทศน์ยาวอะไรก็แล้วแต่  แต่ภาวนานี้กำหนดเอา ๓๐ นาทีทุกวัน ๖ โมงเย็นเทศน์สอนแล้วก็นั่งภาวนากันอย่างนี้ทุกวัน  ตั้งแต่นั้นไปถึงนั้น  ทีนี้มีข้ออรรถข้อธรรมอะไรสงสัยก็ถามมา  ท่านปัญญาก็อธิบายคือเป็นล่าม  เราอธิบายให้ฟังแล้วก็เป็นล่าม

        ฝรั่งนี่หัวเราะไม่ใช่เล่นเหมือนกันนะ  ฝรั่งก็หัวเราะเป็น อย่าว่าฝรั่งร้องไห้ไม่เป็น  ฝรั่งหัวเราะไม่เป็น  ฝรั่งร้องไห้เป็นหัวเราะเป็น เห็นแล้วเราเห็น  เวลาปัญหาใส่ปั๊บนี่ คือมันถูกอย่างถนัดว่างั้นเถอะ  ใส่ปั๊บนี่หัวเราะเอิ๊กอ๊าก มันถูกใจเข้าใจหรือเปล่า ตอบปัญหา  เขายังหาอุบายยอหลวงตา  โห  ท่านอาจารย์องค์นี้ตอบปัญหาเก่งมาก ฉลาดมาก  อย่างนั้นเขาก็ยอ  มันหากมีแหละปัญหา  ก็เหมือนกันกับเราเพราะความเป็นอยู่ของจิตมันเหมือนกัน  ที่เรียกว่าชาตินั้นชาตินี้มันเอาชื่อเอานามไปตามลักษณะเฉย ๆ รูปร่างกลางตัวลักษณะอย่างนั้นชื่อว่าชาตินั้น ๆ เฉย ๆ ก็คน  หลักของคนหลักของกรรมมีอยู่เสมอกันหมด อันนี้ไม่ยิ่งหย่อนกว่ากัน  คำว่าคนเท่านั้นก็ครอบไปหมดแล้ว  หลักของกรรม กรรมดีกรรมชั่วมีเหมือนกันหมด  การสอนก็สอนตามนั้น  ถามออกมาไม่ถามออกมาในวงซึ่งเป็นความเป็นอยู่ของตัวเองจะเอาอะไรมาถาม  ต้องความเป็นอยู่ของตัวเองเป็นยังไง  ความขัดข้องของตัวเองเป็นยังไง  ถามมา เวลาตอบก็ตอบเข้าไปตรงนั้นก็เข้าใจซี

        นี่เราเสียดายที่ไม่รู้ภาษาอังกฤษ แต่ก็อย่างว่านะ ถ้าสมมุติไปอยู่เมืองนอก  เมืองไทยเรานี้ก็เอาอีกแหละ ไปทางโน้นพะว้าพะวังเป็นบ้าแหละ เราต้องไปอยู่ในขั้นบ้า ทั้งจะไปอังกฤษทั้งจะมาเมืองไทย  สุดท้ายเป็นบ้าพอดี  พอดีละได้ภาษาเดียวพอเหมาะ  ภาษาเอาไปใช้ธรรมดา  นกเขาก็มีภาษา  ไก่เขาก็มีภาษา  กระรอกมันใช้ภาษาอะไรไม่ทราบนะแปลกอยู่  เพราะอยู่นี้สังเกตตลอด สัตว์ประเภทไหน ๆ สังเกตมัน  มันติดต่อสื่อสารกันด้วยวิธีไหน  มันอดสังเกตอดพิจารณาอดทดลองไม่ได้  อย่างกระรอกนี้มันมากัดอะไรที่เราสงวน  เช่น  ผลไม้อ่อน ๆ  มันชอบมากัดตรงนั้นตรงจุดนั้น เราเอาฆ้อนปาไปวันหลังไม่มาเลยนะ

        ตัวไหนมาก็ฉากไปโน้น ๆ  แสดงว่าเขาบอกกัน  อย่าไปยุ่งนะตรงนั้น ๆ  ไอ้หัวโล้นมันสำคัญนะ  มันเอาจริง ๆ  มันไม่ให้เข้าไปนะ  เราได้สังเกต เอ มันบอกกันด้วยภาษาอะไรนะ  เวลาเราไล่ก็มีมันตัวเดียวนะ  ค้อนปาใส่มัน  ไล่ตัวนี้แล้วเดี๋ยวตัวนั้นมากัดมะละกอที่ยังไม่สุก  มันมากัดเล่น  ที่เอาค้อนปาไปก็คือให้มันสุกเสียก่อนค่อยมากิน กูไม่กินแหละ กูไว้ให้สูแหละ  เดี๋ยวตัวนั้นมาเดี๋ยวตัวนี้มา  ไล่ธรรมดา มันมาอยู่เรื่อยมากัดมะละกอ  หลายครั้งหลายหนก็โมโหละซิ ไม่ใช่พระอิฐพระปูนนี่ คว้าได้ก้อนดินก็ขว้างไป วิ่งหลงทิศหลงแดนไป แล้วตั้งแต่วันนั้นมาไม่เข้านะ ตัวไหนมาก็ฉาก ๆ แสดงว่าไปบอกกัน  ไม่มีตัวไหนเข้านะ  ถ้าหากว่าตัวหนึ่งไม่เข้าตัวหนึ่งเข้ายังว่ามันไม่รู้เรื่องของกัน  อันนี้มันไม่เข้าด้วยกันทั้งนั้น  ตัวไหนมาฉากไปเลย  ตัวไหนมานี้ฉากไปเลยไม่เข้า  แสดงว่ามันไปบอกกัน  บอกให้ระวังหัวโล้นนะว่างั้น

ทีนี้ให้พร


** ท่านผู้เข้าชมทุกท่านโปรดทราบ
    เนื่องจากกัณฑ์เทศน์บางกัณฑ์มีความยาวค่อนข้างมาก ซึ่งจะส่งผลต่อความเร็วในการเปิดเว็บไซต์ ขอแนะนำให้ทุกท่านได้อ่านเนื้อหากัณฑ์เทศน์บางส่วนจากเว็บไซต์ และให้ทำการดาวน์โหลดไฟล์กัณฑ์เทศน์ที่มีนามสกุล .pdf ไปเก็บไว้ในเครื่องของท่านแทนการอ่านเนื้อหาทั้งหมดจากเว็บไซต์

<< BACK

หน้าแรก