เทศน์อบรมฆราวาส ณ วัดป่าบ้านตาด
เมื่อวันที่ ๑๒ เมษายน พุทธศักราช ๒๕๓๗
ศีลธรรมในวงราชการ
วงราชการเราถ้าได้ใกล้ชิดติดพันกับศาสนาพุทธแล้วก็จะเจริญรุ่งเรือง หน้าที่การงานก็จะชุ่มเย็น เวลานี้หน้าที่การงานทุกแห่งร้อนนะ ส่วนมากเจ้านายละพาให้ร้อน ไม่ใช่ราษฎรพาให้ร้อนนะ เพราะไม่เกี่ยวข้องไม่สนใจกับศีลกับธรรมเลย เห็นศีลธรรมเป็นของเล่น เป็นของเศษของเดน เป็นอาหารนอกบ้านนอกเมือง นอกไร่นอกนา นอกหม้อข้าวหม้อแกงไปเสียแล้ว เห็นสิ่งชั่วช้าลามกทั้งหลายเป็นเนื้อเป็นหนัง เป็นอาหารประจำวันแล้วเวลานี้
เพราะฉะนั้นหน้าที่การงานมันถึงระส่ำระสายในวงราชการและผู้ทำงาน มีตั้งแต่เรื่องปลิ้นปล้อนหลอกลวง กินใต้โต๊ะเหนือโต๊ะ ใต้เก้าอี้เหนือเก้าอี้ กินไปหมดทุกแห่งทุกหน นี้มีตั้งแต่เรื่องเปรตเรื่องผีทั้งนั้นปกครองบ้านเมือง อย่างนี้จะเรียกว่าปกครองยังไง มันเป็นการทำลายบ้านเมือง นี่เพราะขาดศีลธรรม คนเราเมื่อมีศีลธรรมแล้วย่อมมีหิริโอตตัปปะ ย่อมรู้จักดีจักชั่ว รู้จักผิดจักถูก รู้จักหน้าที่ของตนการงานของตน
ความขาดจากศีลธรรม ไม่ใช่เรื่องเล็กน้อย เป็นสิ่งที่เสียหายมากมายแก่ประเทศชาติบ้านเมืองด้วย เพราะข้าราชการแต่ละราย ๆ นี้เป็นหัวใจของประชาชนราษฎรทั่วทั้งแผ่นดิน ใครจะทำงานอยู่ที่ไหนก็คือทำงานเพื่อชาติ ๆ แล้วใครไปทำผิดที่ไหนก็ทำผิดต่อชาติบ้านเมือง ๆ มีกี่คนทำผิดต่อชาติบ้านเมืองทั้งนั้น ๆ จะไม่เสียหายได้ยังไงบ้านเมืองเรา ถ้ามีศีลมีธรรมแล้วไม่ทำนะ มีหิริโอตตัปปะ มีบาปมีบุญประจำใจ
เราเป็นคนของชาติ อาศัยชาติ มีประชาชนราษฎรเป็นผู้หล่อเลี้ยงอยู่ตลอดไป งานการจะได้มากได้น้อยเงินเดือนต้องหนุนตลอดเวลาไม่ให้ขาดให้เกิน ได้กินตลอดเป็นพื้นอาหาร ไม่มีอะไรที่จะเป็นอาหารพื้นและตายใจได้ยิ่งกว่าเงินเดือนในวงราชการ ถ้าเราได้ตั้งหน้าตั้งตาทำให้เป็นไปตามหน้าที่ของเรา และความประสงค์ของประชาชนราษฎรแล้ว โลกก็นับวันเจริญรุ่งเรือง
เดี๋ยวนี้ประชาชนเขาเกลียดวงราชการนะ เขาเกลียดข้าราชการพูดให้ฟังเสียทุกคน ไม่ว่าข้าราชการ ไม่ว่าประชาชน เป็นคนของชาติด้วยกัน หลวงตาบัวเป็นอาจารย์ทั้งสองฝ่ายด้วย แนะนำสั่งสอนให้ดีด้วยกัน เพราะฉะนั้นตรงไหนไม่ดีให้รีบแก้ไขเสียนะ มันเสียมากเวลานี้วงราชการ เลอะ ๆ เทอะ ๆ ไปหมด ใครทำงานอยู่ที่ไหน ๆ มีแต่เลอะๆ เทอะๆ ลูกศิษย์เราเต็มกระทรวงๆ ใครมีความชำนิชำนาญทางไหนๆ มาระบายให้ฟัง ๆ ท่านเหล่านี้ไม่มาโกหกเราเชื่อแน่ ๆ ใครมีความชำนิชำนาญในทางไหน จัดเจนทางไหนเขารู้หมดเรื่องทุจริต กินบ้านกินเมืองอะไรเหล่านี้เขารู้หมดพวกนี้
คนดีเลยกระเด็นออก ๆ มีแต่คนชั่วเข้าไปทำงานปล้นบ้านปล้นเมืองใช้ไม่ได้เลย วงราชการเราให้รีบเปลี่ยนแปลงนะ ไม่เปลี่ยนแปลงจะฉิบหาย บ้านเมืองเราจะไม่มีเหลือแล้วเวลานี้ แล้วไม่มีใครละเป็นผู้ทำลาย ก็วงราชการที่ประกาศตนว่าเป็นนักปกครอง เป็นผู้รักษาเป็นผู้บริหารนั้นแหละ แต่มักบริหารไปทางนั้นเสีย บริหารเพื่อพุงเจ้าของเพื่อคณะเจ้าของไปเสีย บ้านเมืองเลยเป็นบ้านเมืองของครอบครัวแห่งวงราชการไปเสีย บ้านเมืองเลยเป็นเครื่องเล่นเครื่องทดลอง เป็นหนูตะเภาเครื่องลองยาแหละ ฉีดลองดูตัวนี้ฉีดลองดูตัวนั้น
อันนี้ก็เหมือนกันประชาชนราษฎรมากต่อมาก เป็นหนูตะเภา เป็นเครื่องทดลอง วงราชการต่าง ๆ เสียหายไปหมดเวลานี้ เขาเบื่อจริง ๆ นะ วันนี้เปิดให้ฟังเสียบ้าง ลูกศิษย์ลูกหาเต็มกระทรวงทุกกระทรวง ไม่มีกระทรวงใดไม่มีลูกศิษย์หลวงตาบัว มีแต่ใหญ่ ๆ ทั้งนั้นแหละเต็มไปหมด แต่หลวงตาองค์นี้มันหลวงตาอาภัพ มีหรือไม่มีก็ธรรมดา เฉย เวลาจะนำออกมาก็นำเอาเหตุการณ์ออกมา ที่จะเป็นประโยชน์แก่ชาติบ้านเมือง ไม่ได้นำออกมาด้วยความเหยียดหยาม ด้วยความดูถูกอะไรนะ นำมาในฐานะที่ว่าเราเป็นเลือดเนื้ออันเดียวกัน ในชาติไทยเราอันเดียวกัน
ชีวิตมันเกี่ยวโยงกันไปหมดไม่ว่าภาคไหน ๆ ชีวิตอยู่กับจุดศูนย์กลางคือชาติ ให้ต่างคนต่างระลึกถึงชาติเสมอ อย่าระลึกถึงตนยิ่งกว่าชาติ ถ้าลงชาติได้ล่มจมไปแล้ว ใครจะไปนั่งบนเก้าอี้เหนือเทวดาอยู่ได้คนเดียว ไม่เคยมี ต้องเป็นกองทุกข์เหมือนกันหมด ให้เราเห็นใจประชาชนราษฎร นี่ความห่างเหินจากศีลจากธรรมเป็นอย่างนี้ ให้พี่น้องทั้งหลายจำเอาไว้
ศีลธรรมคือเครื่องยึดเหนี่ยวของใจ และความประพฤติหน้าที่การงานทั้งปวง ให้เป็นไปเพื่อความดีงาม ถ้าปราศจากศีลธรรมเสีย อะไร ๆ ก็เหลวไปตาม ๆ กัน ฉะนั้นศีลธรรมจึงเป็นธรรมจำเป็นมาก คนใดที่เข้าใกล้ชิดติดพันกับศีลธรรมความชั่วจะค่อยจางไป ๆ ความดีจะค่อย เด่นขึ้น ๆ แล้วสั่งสมตัวเอง ต่อไปก็เชื่อตัวเองได้ ไปไหนเชื่อตัวเองได้แล้วมันก็สบายคนเรา เมื่อเราเชื่อเราได้แล้วคนอื่นก็เชื่อเราได้ เราเองเชื่อเราไม่ได้จะให้คนอื่น เขามาเชื่อได้ยังไง เขาไม่เชื่อแหละ
การกล่าวทั้งนี้ไม่ได้หมายถึงว่าวงราชการจะ เลอะ ๆ เทอะ ๆ ไปหมดทุกรายนะ เราพูดถึงรายที่ไม่ดีต่างหาก ซึ่งมีจำนวนมากต่อมาก อันนี้มีมากจริง ๆ อยู่ที่ไหน ๆ ไม่คณนาได้ เต็มไปหมดในวงราชการแผนกต่าง ๆ ยังเย่อหยิ่งจองหองเสียด้วยนะวงราชการ ไม่ระลึกรู้เลยว่าตัวเองกินเงินเดือนของประชาชนราษฎร เย่อหยิ่งจองหองจนน่าเกลียด เป็นเจ้าอำนาจกดขี่บังคับประชาชนหลายแบบหลายฉบับนะ คนนี้แบบนี้คนนั้นแบบนั้น ๆ ถ้าไม่ได้ใต้โต๊ะเหนือโต๊ะเสียก่อนเป็นขัดเป็นแย้ง เป็นหาอุบายท่านั้นท่านี้อยู่จนได้ นี้ซิที่มันน่าเกลียดเอาเหลือเกินนะ เอือมระอาเอามาก ประชาชนราษฎรไปแต่ละครั้ง ๆ เสียเวล่ำเวลา มาบ้านมาเรือนค่ารถค่าราอาหารการกิน หน้าที่การงานต้องเสียไปสักเท่าไรไม่ได้คำนึง คอยแต่จะเอาใต้โต๊ะเหนือโต๊ะ ถ้าไม่ได้ละต้องหาอุบายนั้นหาอุบายนี้
เวลานี้วงราชการเป็นอย่างนี้นะ เสียเอามากมาย ขอให้พี่น้องทั้งหลายจำเอาไว้ทุกคน นี่คือความจริง เราไม่ได้หาเรื่องใส่คน เราสอนโลกเพื่อความสงบร่มเย็นทั่วหน้ากัน มันเป็นอย่างนี้เวลานี้ เขาเบื่อจริง ๆ เบื่อวงราชการเวลานี้ ไม่ใช่ธรรมดานะ แต่ประชาชนถึงเขามีปากเขาก็ไม่พูดง่าย ๆ ถ้าพูดก็เป็นภัยต่อปากเจ้าของอีกแหละ เพราะพวกนี้พวกเจ้าอำนาจ อำนาจอันนี้มันอำนาจป่า ๆ เถื่อน ๆ เสียด้วยนะไม่ใช่อำนาจธรรมดา ไม่อย่างนั้นมันทำชั่วไม่ได้ถ้าไม่ใช้อำนาจแบบนี้
ให้พากันระลึกบ้าง ใครก็อยากเป็นแต่เจ้าแต่นาย เรียนหนังสือแซงกันไป ๆ เรียนลัดตัดไปเรื่อย ๆ ได้ไม่ได้ก็ตามเงินยัดเข้าไป ๆ ได้เป็นเจ้าเป็นนายแล้วโอ่อ่า ท่าทาง โอ๊ย เหมือนจะเหาะเหินเดินฟ้าโน่น เหมือนไม่ใช่มนุษย์เดินดินนี่ อันนี้ซิที่มันน่าทุเรศเอามากมายนะ คนดีมีอยู่คนฉลาดมีอยู่ เราอย่าเข้าใจว่าเป็นคนฉลาดแหลมคมตั้งแต่ข้าราชการนะ คนที่เขาไม่เป็นข้าราชการเขาก็มีความฉลาดแหลมคมเหมือนกัน แต่เขาไม่พูดเท่านั้นเอง จึงประหนึ่งว่าพวกนี้เหมือนวัวเหมือนควายตัวหนึ่งเท่านั้น ทั้ง ๆ ที่เขารู้อยู่เต็มหัวใจ
บางคนก็เป็นวงราชการที่ออกมาอยู่ในบ้านในเรือนเรานี่เต็มไปหมด เขารู้หมด หน้าที่การงาน ใครทำดีทำชั่วผิดถูกประการใดทำไมจะไม่รู้ ตามีหูมี หลักวิชาเรียนมาด้วยกันในการปกครองการบริหารบ้านเมือง เรียนมาด้วยกัน แผนกไหน ๆ เรียนมาด้วยกันทั้งนั้น มันก็ต้องรู้เรื่องของกันจนได้ เป็นแต่เพียงไม่พูด ขอให้ตื่นเนื้อตื่นตัวรู้เนื้อรู้ตัวเสียวงราชการเรา เวลานี้ประชาชนราษฎรเขาเบื่อจะตายแล้วนะ จำได้แล้วยังทั่วประเทศไทยเบื่อมาก
เขาพูดอีกแหละว่า สภาก็เข้าไปกัดกันเหมือนหมาเขาว่าอย่างงั้น หลวงตาบัวได้ยินอยู่กับหูนี้จะว่าผิดไปไหน ให้เข้าสภาก็ไปกัดกันเสีย อะไรก็ไว้ใจกันไม่ได้ อะไรไว้ใจไม่ได้ แล้วจะให้ปลงใจกับอะไรชาติบ้านเมือง เมื่อปลงใจกับเจ้ากับนายผู้บริหารรักษาและปกครองบ้านเมืองไม่ได้แล้วจะไปมอบให้ใคร บางคนเขาก็บอกจะมอบให้หมาเหรอ เขาว่าอย่างงั้นก็มีนี่จะว่าไง เมื่อคนมันไม่เป็นท่าแล้วก็สู้หมาไม่ได้ ทีนี้มอบให้หมาเหรอเขาว่าอย่างงั้นก็มี
อู๊ย ฟังแล้วเราทุเรศนะ เราหูมันหูกลางนี่นะหูเรา ฟังแล้วเข้าลิ้นชัก ๆ ในหัวใจเงียบ ๆ ไม่ได้คิดจะดูถูกเหยียดหยามผู้หนึ่งผู้ใด ยกยอผู้ใดแหละ นำเก็บเข้ามาไว้ เมื่อมีเหตุมีผลที่ควรจะนำมาเป็นประโยชน์แก่โลก ให้เป็นคติแก่โลกก็มาพูดอย่างนี้แหละ
นี่ความจริงเอามาพูดนี่นะ ไม่ได้เป็นเรื่องอุตรินะ เวลานี้เขาเบื่อวงราชการเอามากจริง ๆ ไม่ว่าแผนกไหน ๆ นับตั้งแต่ครูขึ้นไปนะ เขาเบื่อขนาดนั้นเวลานี้ ทำตัว โอ๋ย ใหญ่โตรโหฐาน การประพฤติตัวนี้เหลวแหลกแหวกแนว แล้วเอาอำนาจหน้าที่เข้ามาเป็นโล่บังหน้า นี่ซีเขาเบื่อเอามากนะ
การประพฤติตัวเหมือนหมาตัวหนึ่ง นี่ละที่มันน่าทุเรศเอามาก พากันระมัดระวังบ้างซิ บ้านเมืองเรามีขื่อมีแป คนอยู่ในบ้านในเมืองเป็นคนทั้งนั้นนี่นะไม่ใช่หมานี่นะ ประชาชนราษฎรเขาไม่ใช่หมา เขาเป็นคนเหมือนกันหมดนั่นแหละ ผู้เป็นเจ้าเป็นนายก็ไม่ใช่เทวบุตรเทวดามาจากไหน ก็คนเหมือนกัน ก็เกิดจากประชาชนราษฎรนี้ละ ไปเรียนหนังสือแล้วไปเป็นเจ้าเป็นนาย แล้วมากดขี่บังคับข่มเหงประชาชนราษฎร ก็คือพวกนี้แหละจะเป็นที่ไหนไป พากันระมัดระวังนะ เสียหายมากเวลานี้
หูหลวงตาบัวจะแตกแหละ ฟังทุกแง่ทุกมุม ฟังมาตลอด ๆ แต่ไม่เคยพูดนะ จะพูดแย็บ ๆ ยิบ ๆ ไปนิด ๆ วันนี้เปิดออกบ้าง เพราะมันอัดอั้นตันใจถ้าภาษาโลกเขานะ มันเป็นอย่างนั้นจริง ๆ นี่ ผู้ดี..ดี เราไม่ได้ดูถูกเหยียดหยาม สำหรับผู้ดีเรายกยอชมเชยสรรเสริญ ส่วนมากผู้ดีมีธรรมนะ คนมีธรรมแหละเป็นคนดีได้ ๆ แฝงอยู่ในคนชั่วทั้งหลายนั่นแหละ แล้วแฝงก็แฝงแบบว่าเหมือนไม่มีสง่าราศี หากชุ่มเย็นอยู่ภายในใจคนนั้น พวกนั้นแสดงตัวออกเป็น โห คนมีสง่าราศี เป็นเจ้าอำนาจวาสนา แต่แล้วหัวใจมันแฟบ ๆ เหมือนไฟลามทุ่งอยู่ในหัวใจ เหมือนไฟไหม้กองแกลบอยู่ในใจนั่น มันไม่มีสง่าราศีอะไรภายในจิตใจ มีแต่กิริยาท่าทางออกมาโอ่อ่าภายนอก ให้เขาหัวเราะเท่านั้นเอง
เวลานี้เลอะ ๆ เทอะ ๆ มาก เลอะไปหมดทุกแง่ทุกมุมจะทำไง ไม่ว่าอะไรกระดิกออกมาพับ มีแล้วทุจริตแทรกเข้าไปแล้ว ๆ ไม่ว่าจะการสั่งการสอนการสอบกันอะไร ตั้งแต่ชั้นอนุบาลขึ้นไป แทรกเข้าไปเรื่อยพวกปอบพวกผีนี่ กินไปตลอดนะ จะกินตลอดสายเลย อันนี้ละมันกินมาก ส่วนที่จะเป็นสุจริตเอามาสำหรับประเทศชาติบ้านเมืองได้ก้อนเท่ากำปั้นนี่ ส่วนที่มันแทรกมันแซงรวมตัวเป็นก้อนแล้วเท่าภูเขา ๆ นี่ ส่วนเสียหายเท่าภูเขา ๆ ส่วนได้มาเท่ากำปั้นมันจะสมดุลกันเหรอ พิจารณาซิ แล้วต่างคนก็ต่างทำลาย ๆ อย่างนี้บ้านเมืองจะอยู่ได้ยังไง
เราเข้าใจว่าบ้านเมืองอยู่ได้เพราะการทุจริตเหรอเวลานี้ อยู่ได้ด้วยคนดีต่างหากนะ ไม่ใช่อยู่ได้ด้วยคนชั่ว เพราะฉะนั้นจึงพากันตั้งใจประพฤติตัวให้เป็นคนดี ให้เป็นแบบเป็นฉบับ ลูกเต้าหลานเหลนเกิดมานี้เต็มไปหมดนี่ เขาจะเอาแบบไหนมาใช้ถ้าพ่อแม่ไม่พานำความดีออกไปใช้แล้ว เด็กจะฉิบหายไปหมดนะ สุดท้ายบ้านเมืองเรานี้ก็เป็นมิคสัญญีแหละ กัดฉีกกันทั้งสด ๆ ร้อน ๆ นั่นแหละ มันหมดหิริโอตตัปปะ ความละอายสะดุ้งกลัวต่อบาปแล้วเป็นไปได้มนุษย์เราถ้าไม่มีธรรมในใจ ให้มีธรรมในใจซิ
ศาสนาพระพุทธเจ้าประกาศกังวานมาสักเท่าไร เป็นศาสนาที่เป็นแบบฉบับได้เป็นอย่างดี พระพุทธเจ้าก็มีตนมีตัวมีแบบมีฉบับ มีหลักฐานยืนยันมาโดยลำดับจนกระทั่งปัจจุบันนี้ พระพุทธเจ้าเป็นคนเช่นไร เป็นสิทธัตถราชกุมาร พระราชโอรสของพระเจ้าสุทโธทนะกรุงกบิลพัสดุ์ นี่รากฐานออกมาของพระพุทธเจ้าเรา ท่านเป็นพระโพธิสัตว์ ปรารถนาเป็นพุทธภูมิมา ๔ อสงไขยแสนมหากัป แล้วได้มาตรัสรู้ขึ้น ก่อนตรัสรู้ก็เสด็จออกทรงผนวช ไม่ได้เอาใครไปแห่แหนแหละน่ะ พระราชวังวันนั้นเงียบเหมือนป่าช้าผีดิบ พระองค์เสด็จออกเงียบ ๆ เลย ฟังซิ มีฉันนะอำมาตย์เท่านั้นติดตาม กับม้ากัณฐกะตัวหนึ่ง ไปทรงผนวช แล้วพระเจ้าแผ่นดินก็เหมือนกับเทวดาองค์หนึ่ง เสด็จออกจากพระราชวังเข้าสู่ในป่าในเขานั้น ก็เหมือนกับเทวดาตกจากสวรรค์ ลงนรกจมดิ่งนั่นเองจะเป็นอะไรไป
พระองค์ทรงทรมานพระองค์อยู่ถึง ๖ ปี ไม่คำนึงเลยว่าพระองค์เป็นกษัตริย์ มีแต่จะบำเพ็ญธรรมให้ได้ตรัสรู้เป็นศาสดาสอนโลก รื้อขนสัตว์ให้พ้นจากทุกข์จากภัยเท่านั้น จนกระทั่งได้สำเร็จตามความมุ่งหมายแล้วเป็นพระพุทธเจ้าขึ้นมา นี่มีตนมีตัวอย่างนี้ ธรรมที่พระพุทธเจ้าตรัสรู้ก็คืออริยสัจ อริยสัจนี้ประจำพุทธศาสนาทุก ๆ พระองค์ไม่มีเว้น ถ้าเว้นอริยสัจนี้แล้วพระพุทธเจ้าไม่มี มีอริยสัจนี้เท่านั้น ถ้าเป็นโรงงานก็โรงงานอยู่จุดศูนย์กลางแห่งศาสนา ศาสนาใดมีอริยสัจศาสนานั้นเป็นศาสนาที่ท้าทายได้เรื่องมรรคผลนิพพาน
นี่ก็ศาสนาพุทธทุก ๆ พระองค์ พระพุทธเจ้าของเราก็ศาสนาพุทธเป็นองค์อริยสัจ อุบัติขึ้นมาจากท่ามกลางนั้น พระพุทธเจ้าทุก ๆ พระองค์อุบัติขึ้นมาจากนั้นทั้งนั้น ๆ แล้วสาวกของพระพุทธเจ้าแต่ละพระองค์ ๆ ก็อุบัติขึ้นมาจากนั้น เป็น สรณํ คจฺฉามิ ของพวกเรา ท่านรื้อขนสัตว์ได้มากน้อยเพียงไรศาสนาแต่ละพระองค์ ๆ ที่ตรัสรู้ขึ้นมามากขนาดนั้นแล
พวกเราเป็นชาวพุทธได้กระเทือนใจอย่างไรบ้างหรือเปล่า หรือมีแต่ใต้โต๊ะเหนือโต๊ะงั้นเหรอ มันพิลึกพิลั่นนะ อันนี้มันยิ่งกว่าเทวบุตรเทวดา มันจะทำคนให้เป็นบ้าสด ๆ ร้อน ๆ นะไอ้กระดาษหลังลาย ๆ นี่ มันไม่รู้เนื้อรู้ตัวนะเวลานี้ เป็นบ้า พออันนี้เข้ามือเท่านั้น โห เป็นบ้าตาเป็นไฟนะ ไม่มีอะไรซื้อก็เป็นบ้าหาซื้อ เป็นไปทุกอย่างนั่นแหละ มีเงินเข้าในกระเป๋าแล้วเป็นบ้าสด ๆ ร้อน ๆ
เงินท่านมีเอาไว้สำหรับสนองความต้องการเวลาจำเป็น ท่านจึงว่าสมบัติ ๆ แปลว่าความถึงพร้อมที่จะจับจ่ายใช้สอย แปลออกมาว่าอย่างนั้น สมบัติ ๆ จะแปลว่ายังไง คือความถึงพร้อมที่จะสนองความต้องการสำหรับเจ้าของ นี่เราได้มาแล้วไม่มีอรรถมีธรรมภายในใจ มันก็เอาไปเลอะ ๆ เทอะ ๆ ไปหมดละซี บางทีซื้อยาเสพย์ติด การพนันขันต่อทุกสิ่งทุกอย่าง ขึ้นชื่อว่าความชั่วแล้วมันออกหน้าออกตาแหละคนไม่มีธรรม ถ้าคนมีธรรมแล้วสมบัติเหล่านี้จะเป็นสมบัติอย่างแท้จริง นำไปเป็นประโยชน์ ยกคนให้มีความสงบสุขร่มเย็น ยกขึ้นไปสวรรค์นิพพานให้พ้นจากทุกข์ก็ได้ เพราะสมบัติเหล่านี้
การพูดทั้งนี้เราไม่ได้ตำหนิไอ้หลังลาย คนเป็นบ้ากับไอ้หลังลายด้วยความเห่อทะเยอทะยานไม่รู้จักเป็นจักตายต่างหาก เราตำหนิคนต่างหากไม่ได้ตำหนิไอ้หลังลาย หลังลายคืออะไร เงิน เราไม่ระลึกรู้เห็นพระทัยของพระเจ้าแผ่นดินบ้างเหรอ ธนบัตรแต่ละใบ ๆ ตราพระเจ้าแผ่นดินอยู่ในนั้นเห็นไหม ทำไมไม่เห็นเป็นของสำคัญเอาไปเลอะ ๆ เทอะ ๆ ทำไม รักษาไว้เข้มงวดกวดขันซิ ใช้อะไรให้เป็นประโยชน์สมพระเจตนาที่พระองค์ทรงพระเมตตากล้าประทับไว้บ้างซิ มันถึงจะถูกกับพระราชประสงค์
อันนี้ได้มาเลอะ ๆ เทอะ ๆ เอาไปเล่นการพนันขันต่อ สูบฝิ่นกินกัญชาสุรายาเมา มีเมีย ๑๐ คน ๒๐ คน อยากได้มากยิ่งกว่านั้นบ้าพวกนี้น่ะ ไอ้เราเองก็ไม่รู้จะว่ายังไง พูดขึ้นมาหลวงตาบัวก็โมโหขึ้นเดี๋ยวนี้ ทั้ง ๆ ที่มันไม่โมโหแหละใจ แต่ปากมันโมโหนี่ กิริยาอาการแสดงออกให้เห็นอยู่ตลอดเวลา มันน่าโมโหนี่
ถ้ามีธรรมในใจสิ่งเหล่านี้เป็นประโยชน์หมดนะ มี ๕ สตางค์ก็เป็นประโยชน์ ๕ สตางค์ มี ๕ บาทเป็นประโยชน์ ๕ บาท มี ๑๐ บาทเป็นประโยชน์ ๑๐ บาท มีร้อยมีพันมีหมื่นมีแสนเป็นประโยชน์ทั้งนั้น ประโยชน์มันออกจากคนต่างหากนะ คนได้รับการอบรมในทางที่ถูกที่ดีแล้วนำสิ่งเหล่านี้ไปเป็นประโยชน์ได้ทั้งนั้น ถ้าไม่ได้รับการอบรมแล้วเสียหายหมด สิ่งเหล่านี้เป็นเครื่องเสริมไฟ ส่งเสริมคนให้เสียมากเข้าไปโดยลำดับลำดา ให้ลูกหลานทั้งหลายจงจำเอาไว้นะ ไม่งั้นฉิบหายจริง ๆ นะ
นี่ศาสนาพระพุทธเจ้าก็ประกาศมาแล้วตะกี้นี้ ว่ามีตนมีตัวพระพุทธเจ้าของเรา จนได้ตรัสรู้เป็นศาสดาเอกสอนโลกนี้เราพูดย่อ ๆ นะ พูดว่าเป็นตนเป็นตัวมีตนมีตัว ไม่มีแต่เงาเฉย ๆ นะ หาเรื่องว่าศาสนาเป็นอย่างนั้นอย่างนี้ พระพุทธเจ้าเป็นเจ้าของของศาสนาเป็นลม ๆ แล้ง ๆ นี้ไม่มี พุทธศาสนาของเรามีตนมีตัวมีเนื้อมีหนังมีหลักมีเกณฑ์ แม้แต่จะตรัสรู้ก็ตรัสรู้ขึ้นมาจากอะไร นั่นมีเหตุผลเป็นหลักที่ตั้งไว้แล้ว ตรัสรู้จากอริยสัจ สอนโลกสอนยังไง สอนเพื่อความพ้นทุกข์ สอนเพื่อแก้สิ่งขัดข้องยุ่งเหยิงวุ่นวาย อันเป็นภัยต่อกายวาจาความประพฤติ หน้าที่การงานของบรรดาสัตว์ทั้งหลายนั้นแล ให้รู้จักวิธีประกอบหน้าที่การงานที่เป็นผลเป็นประโยชน์ ละสิ่งที่เป็นโทษเป็นภัย ท่านก็สอนอย่างนั้น สอนละชั่วให้ทำดี
เราก็ให้พยายามละชั่วทำดี จะได้เป็นคนดีขึ้นมาในตัวของเราบ้าง ไม่ต้องไปเสกสรรอะไรแหละ ขอให้ทำตัวให้เป็นคนดีแล้วมันดีไปได้ด้วยกันนั่นแหละ ทั้งหญิงทั้งชายทั้งเด็กทั้งผู้ใหญ่ทั้งพระทั้งเณรนั่นแหละ ถ้าทำชั่วชั่วได้หมด หัวโล้น ๆ ก็ชั่วได้ ไม่มีใครชั่วมากยิ่งกว่าหัวโล้น ๆ แหละ ดังมากด้วยหัวโล้นนี่ ถ้าชั่วก็ดังมากด้วย ดีไม่ค่อยดังเท่าไร ยกพระพุทธเจ้าพระสาวกท่านเสีย ยิ่งหลวงตาบัวแล้วไม่เป็นท่าเลย มีแต่ฟ่อ ๆ
เอาละพอ |