นักเรียน นักลิง
วันที่ 12 กันยายน 2532
สถานที่ : วัดป่าบ้านตาด
| |
ดาวน์โหลดเพื่อเก็บไว้ในเครื่อง
ให้คลิกขวาแล้วเลือก Save target as .. จาก link ต่อไปนี้ :

ค้นหา :

เทศน์อบรมคณะนักเรียนโรงเรียนประจักษ์ศิลปาคาร อุดรธานี

เมื่อวันที่ ๑๒ กันยายน พุทธศักราช ๒๕๓๒

นักเรียน นักลิง

 

ลูกศิษย์ลูกหาหลานเหลนให้พากันสร้างตัวนะ สร้างอะไรก็สร้างแต่การสร้างตัวนั่นเป็นของสำคัญมาก สร้างกายวาจาใจ สร้างความประพฤติของตน  โดยเอาศีลธรรมเป็นแนวทางเป็นแบบเป็นฉบับเป็นแม่พิมพ์ แล้วดำเนินตามแม่พิมพ์ที่ถูกต้องดีงามนั้น ตามแบบตามฉบับที่ถูกต้องดีงามนั้น ให้กายวาจาใจของเราหมุนเข้าสู่ความดีงาม ความดีงามท่านเรียกว่าศีลธรรม ศีลธรรมคือความถูกต้องดีงาม  เป็นแบบเป็นฉบับของโลกมานานแสนนานแล้ว

โลกถ้ามีศีลธรรมแล้วจะเป็นโลกมีความสงบร่มเย็น ไม่ว่าเด็กไม่ว่าผู้ใหญ่จะน่าดูน่าชมไปด้วยกัน ผู้ใหญ่ก็น่ากราบไหว้บูชา เด็กก็น่าเมตตาสงสาร ถ้ามีศีลธรรมต่างคนต่างมีศีลธรรม ถ้าปราศจากศีลธรรมเสียเท่านั้น ไม่มีใครที่จะเลวร้ายยิ่งกว่ามนุษย์เรา เพราะมนุษย์เรานี้เป็นสัตว์ฉลาด คิดได้ทำได้ในสิ่งที่สัตว์ทั่วๆ ไปคิดไม่ได้ทำไม่ได้ แต่ทำตัวให้เหลวแหลกแหวกแนวยิ่งกว่าสัตว์ทั้งหลายนั้น  จึงไม่น่าดูและดูไม่ได้เลย

นี่เราเป็นเด็กจะเริ่มเป็นผู้ใหญ่ เรานี้แหละต่อไปจะเป็นผู้รักษาชาติบ้านเมือง ก่อนอื่นเราต้องรักษาตัวของเราให้ดีตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป การเรียนนี่เรียนเพื่อรักษาตัว  การอาชีพทุกอย่างก็เพื่อตัวของเรา ความประพฤติให้ถูกต้องดีงาม ก็เพื่อการรักษาตัวของเรา ตัวของเราแต่ละคน ๆ นี้มีความเกี่ยวโยงกันทั่วประเทศชาติบ้านเมืองของเรา เพราะฉะนั้น จงพากันประพฤติปฏิบัติตัวให้เป็นหลักเป็นเกณฑ์ต่อตัวของเรา จะเป็นที่แน่ใจอบอุ่นและมั่นคงในตัวของเรา เชื่อตัวของเราได้

ถ้าความประพฤติของเราไม่ดี เฉพาะอย่างยิ่งจิตใจที่ไม่ได้รับการอบรมเลยนั้น เป็นจิตใจที่เต็มไปด้วยยาพิษ แสดงอาการอะไรมีแต่ออกทางเป็นพิษเป็นภัยแก่ตัวของเรา ถ้าว่าอยาก อยากอะไร ส่วนมากใจเรามักจะอยากในสิ่งพาให้เสียหาย  อยากดูอยากเห็นอยากได้ยินได้ฟัง ทุกอย่างส่วนมากมีแต่ความเสียหาย ถ้ามีธรรมแล้วก็มีเครื่องกลั่นกรอง  ความอยากนี้ควรหรือไม่ควร ดีหรือไม่ดี ถ้าไม่ดีให้คัดเลือกแล้วก็ไม่ทำตามความอยากนั้น เช่น อยากทำในสิ่งต่างๆ อยากไปอยากเที่ยว อยากเตร็ดเตร่เร่ร่อน  อยากคบค้าสมาคมกับเพื่อนทั้งหญิงทั้งชายไม่มีกำหนดกฎเกณฑ์ ไม่หักห้ามตัวเอง นั้นเป็นคนที่เริ่มทำลายตัวเอง ทำให้ใจแตก

ถ้าใจแตกแล้ว เราดูซิหม้อแตกเป็นยังไง หม้อดีๆ เอามาใช้ได้ แล้วหม้อแตกเอามาใช้ได้ไหม ใช้ไม่ได้ เพียงร้าวเท่านั้นก็เสียคุณภาพของมันไปมากมายแล้ว  ยิ่งแตกหมดทั้งลูกเลยแล้ว หม้อทั้งลูกนั้นหมดความหมาย นี่คนเราก็เหมือนกัน  ใจรั่วรีบซ่อมแซม ใจรั่วคือความประพฤติของเราไม่ดีจากใจของเรา ถ้ายิ่งใจแตกด้วยแล้วแหวกแนวเลย  คนคนนั้นหาคุณค่าไม่ได้ หมดทั้งคนหาคุณค่าในตัวไม่มีเลย นั้นแลเรียกว่าคนใจแตก  เหมือนกับหม้อแตก พากันจำเอานะ อย่าทำตัวเป็นคนหม้อแตกหม้อร้าว ให้ทำตัวเป็นคนหม้อดี  เอาไปใช้อะไรๆ ดีทั้งนั้น  ให้ตั้งใจปฏิบัติ

คำว่าศีลธรรมคือความถูกต้องดีงาม เราเป็นเด็กก็ให้ประพฤติตัวอยู่ในกรอบของเด็ก  อยู่ในโอวาทของครูของอาจารย์ของพ่อของแม่ เราไปศึกษาเพื่อหาคุณงามความดีหาวิชาความรู้ในโรงร่ำโรงเรียน มาวัดมาวาก็เพื่อมาหาศีลธรรม  ศีลธรรมคือความถูกต้องดีงาม เราก้าวเข้ามาในวัดเราก็ได้เห็นแล้ว  สิ่งที่เราจะยึดเป็นคติตัวอย่างอันดีได้มีอยู่แล้ว  พอก้าวเข้ามาในวัดนี้เป็นยังไง  ดูเอา

ถ้าวัดของพระที่มีความดีงามอยู่ภายในจิตใจแล้ว จะระบายออกมาทางกิริยามารยาท และระบายออกมาให้เห็นทางตาของเรา ดูอะไรก็น่าดูน่าชม เอ้า ดูลานวัด ดูสถานที่ ดูทุกสิ่งทุกอย่าง ดูกิริยาของพระของเณรที่ประพฤติปฏิบัติตัวเป็นยังไง ถ้าดูแล้วงามตาๆ เข้าไป นั่นละธรรมอยู่ในความงามตางามหู  พูดออกมาก็มีเหตุมีผล ไพเราะเพราะพริ้งด้วยเหตุด้วยผล  จับใจสำหรับผู้ฟัง ฟังแล้วซึมซาบเข้าไปภายในจิตใจฝังไว้ไม่ลืม  นี่คือความดี ตาเห็นเป็นยังไง เช่นอะไรๆ ที่เห็นๆ อยู่เหล่านี้เราดูซีเป็นยังไง มีระเบียบเรียบร้อยไหม  มีความสวยงามไหม  อันใดที่มีความสวยงาม  นั่นเป็นอรรถเป็นธรรมแหละ  ให้จำเอาไปเป็นคติเครื่องสอนใจ

ฟังพูดออกมาก็น่าฟัง นั่นก็เป็นธรรมแล้ว กิริยามารยาทที่แสดงออกก็ให้พอเหมาะพอดีทุกสิ่งทุกอย่าง อย่าให้เป็นภัยแก่ตนด้วยการประพฤติด้วยคำพูดคำจา นี่ก็เรียกว่าศีลธรรม เรามาดูครูบาอาจารย์พระเณรเป็นยังไง กิริยาของพระของเณรผู้มุ่งต่ออรรถต่อธรรมอย่างยิ่ง จะเป็นกิริยาที่สวยงามน่าดู ไม่คึกคะนอง  เข้าใจคำว่าคึกคะนองกันไหม  คำว่าคึกคะนองก็เหมือนอย่างสุนัขหน้าเดือน ๙  เดือน ๑๑-๑๒ นั่นแล  เคยเห็นไหมเขาคึกเขาคะนอง  เมื่อเช้านี้เราก็ไล่สุนัข ๒ ตัวไปโน่น  เพราะมันไล่กัดกันอึกทึก สุนัขถ้าเป็นเวลาธรรมดาก็ค่อยยังชั่ว ถ้าเป็นเวลามันคะนองเป็นอย่างนั้นละเห็นไหม  ไม่รู้จักดีจักชั่ว กัดกันดะไปเลย

       คนเราถ้าปล่อยให้ตัวเองคะนองก็เหมือนกัน ไม่รู้จักผู้ใหญ่ผู้น้อย ไม่รู้จักศีลจักธรรม  ไม่รู้จักพ่อจักแม่  ไม่รู้จักครูจักอาจารย์  ข้ามหัวไปเลย  ไม่ฟัง  พูดง่ายๆ  คำว่าข้ามหัวไปเลยคือไม่ฟัง  อยากทำตามเฉพาะความอยากของเจ้าของนั่นแหละ  ทีนี้ความอยากมันก็กัดเจ้าของเข้าไปซิ  เหมือนหมากัดกันหน้าเดือน ๙ เดือน ๑๐ เห็นไหม มันกัดกัน  เมื่อเช้านี้ก็ไล่กัดกันมา  เราคว้าได้ไม้ไล่แตกกระเจิงกลับไปบ้านโน่น  สุนัขหน้าเดือน ๙ เป็นอย่างนั้น คือมันคึกมันคะนอง  ราคะตัณหามันกำเริบ  ถ้าลงราคะตัณหาได้กำเริบแล้วคนเราก็เสียคนนะ  ให้ระมัดระวังให้ดี คำว่าราคะตัณหานี่คือตัวเป็นฟืนเป็นไฟเผาไหม้ในบ้านในเรือนในตัวของเรานั่นแล แม้ที่สุดสามีกับภรรยาก็ทะเลาะกันเป็นอย่างน้อย  มากกว่านั้นแตกจากกันเพราะราคะตัณหามันกำเริบ  ผัวก็กำเริบเมียก็กำเริบ ถ้าผัวไม่กำเริบเมียก็กำเริบ อย่างหนึ่งกำเริบทั้งสอง  หาไม่พอกินคือราคะตัณหา หาเท่าไรยิ่งหิวยิ่งโหยยิ่งอยากยิ่งทะเยอทะยานยิ่งเป็นบ้าสด ๆ ร้อน ๆ เข้าไปคือตัณหา พากันจำเอานะ  ใครอย่ามาเสริมมันนะตัณหา เสริมไม่ได้นะ  ให้จำเอานะลูกหลาน อย่าไปเสริม  ให้ตีหัวมันไว้ๆ ตัณหามันอยู่ที่ไหน  มันอยู่ที่หัวเรา  ตีหัวเราลงไปนะ หัวใจเรานั่นมันดื้อมันด้าน  ให้ตีลงไปที่ตรงนั้น  อย่าให้มันดีดมันดิ้นให้ทรงตัวอยู่พอประมาณ ไม่อุจาดบาดตาจนเกินไป

โลกอันนี้มันมีราคะตัณหาทั้งนั้นแหละ ไม่ว่าผู้หญิงผู้ชาย ไม่ว่าสัตว์เดรัจฉาน มันมีด้วยกัน แต่เราเป็นมนุษย์ให้เป็นผู้มีสติปัญญารักษาไฟอันนี้ไว้ให้ดี  อย่าให้มันดีดมันดิ้นออกนอกลู่นอกทางจะเป็นความเสียหายแก่ตน เผาบ้านเผาเมืองเผาไปหมดก็คือไฟราคะตัณหา หากินไม่พอกินก็คืออันนี้เอง ให้เท่าไรยิ่งหิวยิ่งโหยยิ่งทะเยอทะยานคือราคะตัณหานี้เอง  เพราะฉะนั้น จึงอย่าให้มันมีมากจนล้นฝั่งแห่งหัวใจแต่ละคนๆ

เช่นอย่างผู้ที่มีครอบครัวเหย้าเรือนหรือเราอยู่ในกรอบเหมือนกัน ไม่ว่าใครก็ตาม เด็กก็ต้องอยู่ในกรอบ ถึงเวลาควรคะนองก็คะนองบ้างเล็กๆ น้อยๆ เป็นธรรมดา  ถึงเวลาสงบต้องสงบ  ต้องรักษามันไว้เสมอ  ไม่รักษาไม่ได้นะ มันไหม้ได้ทั้งหญิงทั้งชายนั่นแหละ  ราคะตัณหามีทั้งหญิงทั้งชาย  เพราะฉะนั้น มันถึงทำคนให้เสียได้ทั้งนั้น  เราต้องระมัดระวัง  เราเป็นเจ้าของของมันนำธรรมะไปใช้ อยากเท่าไรก็ตามอย่าไปเสริมมัน เมื่อไม่ถึงกาลอันควรจะเสริมไม่เสริม  ไม่ถึงกาลควรจะให้ไม่ให้  นั่นจึงเรียกว่าสัตว์มีเจ้าของ  ใจมีเจ้าของคือธรรมะครอบครองใจ

กิเลสตัณหามันมีเจ้าของ เราเป็นใหญ่กว่ามัน คือธรรมเป็นเครื่องปกครองมัน  ไม่ควรไปไม่ให้ไป  ไม่ควรทำไม่ให้ทำ  ถึงเวลาทำค่อยทำ  ไม่ถึงเวลาไม่ทำ  ถึงเวลาขายค่อยขาย ไม่ถึงเวลาอย่าขาย อย่าขายก่อนซื้อ อย่าสุกก่อนห่าม เป็นคนที่เน่าเฟะ บทถึงเวลาที่ควรจะขายแล้วขายไม่ออก เน่าเฟะก่อนแล้ว นี่มันเสีย เราอย่าทำตัวเป็นคนเน่าเฟะนะ ให้ตั้งหน้าตั้งตาปฏิบัติ

เวลานี้กำลังอยู่ในวัยเรียนหนังสือ  อย่าไปสนใจกับสิ่งใดมากยิ่งกว่าเรียน   เรียนนี่คือโครงการของเราอันแน่วแน่อยู่แล้ว  พ่อแม่ก็ทราบว่าเราเป็นนักเรียน  ส่งลูกมาเรียนหนังสือ  ไม่ใช่ส่งลูกมาให้เป็นลิงเป็นค่างบ่างชะนี  อยู่ตามโรงร่ำโรงเรียนซึ่งมักมีเยอะนะ  โรงเรียนก็มีโรงลิงก็มี  มันเยอะ  เพราะฉะนั้น เราจึงต้องให้ระมัดระวังในเรื่องเหล่านี้  อย่าให้มันมาถูกตัวของเรานะ  ถ้าเริ่มปล่อยใจตั้งแต่บัดนี้แล้วจะเสียคน  ให้ระมัดระวังให้มาก เสียอะไรก็ตามสู้เสียคนไม่ได้  เสียคนนี่เสียอย่างร้ายแรง  เสียอย่างมากมายที่สุด  เจ้าของเองก็เป็นฟืนเป็นไฟ ในบ้านในเรือนเป็นไฟไปหมด  ถ้าบ้านใดมีเด็กไม่ดีหรือมีคนไม่ดีอยู่ในบ้านนั้น  บ้านนั้นจะร้อนกันทั้งบ้านนั่นแหละ  อย่าเข้าใจว่าจะเย็น  เพราะฉะนั้น ต่างคนจึงต่างรักษาความร่มเย็นด้วยความประพฤติปฏิบัติตัวให้ดี   ให้อยู่ในกรอบของพ่อของแม่  เวลาพ่อแม่แนะนำสั่งสอนก็ให้เชื่อฟังนะ  อย่าดื้ออย่าด้าน อย่าเข้าใจว่าตัวนี้เรียนหนังสือทันสมัยล้ำสมัยไปแล้ว  ล้ำสมัยจนลงคลองก็มีนะ ให้พากันจำเอา

พ่อแม่เลี้ยงเรามาตั้งแต่วันเกิด  ท่านไม่ฉลาดท่านจะเลี้ยงเราใหญ่โตได้ยังไง  ก็ให้ถือเอาตรงนั้นซิเป็นหลักสำคัญ  ทุกคนนี้โตขึ้นมาจากพ่อจากแม่  พ่อแม่ไม่เลี้ยงจะเอาอะไรมากินเอาอะไรมาอยู่มาหลับมานอนจนกระทั่งมีชีวิตมาขนาดนี้  พ่อแม่ไม่ฉลาดเลี้ยงเราโตได้ยังไง นั่นแสดงว่าพ่อแม่ฉลาดเต็มภูมิของพ่อแม่แล้ว จึงเลี้ยงลูกเต้าหลานเหลนมาแต่ละคนๆ นี้โตขึ้นมาเป็นผู้เป็นคนได้ นี่ละความฉลาดของพ่อของแม่

เวลาเรามาเรียนหนังสือนี้ก็เป็นพ่อแม่ส่งเสริมอยากให้เรียน อยู่เฉยๆ มันโง่เง่าเต่าตุ่นหากินไม่ทันเขา  เวลาปวดถ่ายวิ่งไปนี้  พวกที่เขาตื่นแต่เช้าเขาไปถ่ายใส่หนทางก็ได้ไม่มีใครเห็นเขา  ไอ้เราจะไปถ่ายใส่หนทางไม่ได้เพราะตื่นสายๆ  เขาก็เอาค้อนฟาดก้นเอาซี  ต้องไปหาถ่ายลึกๆ เข้าไปโน่น  นั่นละตื่นเช้าถ่ายใกล้ทางก็ได้  ถ้าตื่นสายถ่ายใกล้ทางไม่ได้นะ  หากินก็ไม่ทันเขา นั่นละคนโง่คนขี้เกียจขี้คร้านหากินก็ไม่ทันเขา อย่าว่าแต่หากิน  หาถ่ายก็ไม่ทันเขา  ถ่ายใส่ทางไม่ได้เพราะนอนตื่นสาย จำเอานะลูกหลาน

เวลามาเรียนหนังสือให้ตั้งหน้าตั้งตาเรียนนะ ท่องบ่นสังวัธยายให้จดให้จำได้ ครูมอบภาระอันใดวิชาอันใดหลักเกณฑ์อันใด ให้เอามาท่องบ่นสังวัธยาย  หลักสูตรบางอย่างมันต้องได้ท่อง  ฟังแต่ว่าหลักสูตรเถอะ  ถ้าเป็นหลักสูตรต้องได้ท่องเป็นเครื่องประกอบ  เพราะหลักสูตรเป็นของสำคัญ  ยิ่งเป็นวิชาทางธรรมแล้วยิ่งเป็นของละเอียดมากยิ่งกว่าทางโลกเป็นไหนๆ เพราะมันต้องวิจัยกันออกจน..…นี่ก็เอามาตีความหมายกันได้แล้วก็ให้ตั้งใจศึกษาเล่าเรียน

การจับการจ่ายการใช้การสอยอย่าฟุ่มเฟือย  อย่าฟุ้งเฟ้อเห่อเหิม   ให้ฝึกหัดเจ้าของให้มีความประหยัด  ประหยัดไว้ตั้งแต่บัดนี้แหละดี  ถ้าพากันสุรุ่ยสุร่ายเกินไป  ตั้งแต่บัดนี้แล้ว โตกว่านี้ไปใช้ไม่ได้เลย เอาไว้ไม่อยู่ หญิงเอาไว้ไม่อยู่ ชายเอาไว้ไม่อยู่  ลูกเต้าผู้หญิงผู้ชาย เมื่อเอาไว้ไม่อยู่แล้วก็หมด พ่อแม่อกแตกตาย เลี้ยงมาแทบเป็นแทบตายแทนที่จะเป็นผู้เป็นคน  มันยิ่งกว่าเปรตกว่าผีไปแล้วทำยังไง ยิ่งกว่ายักษ์ นั่นมันเสียหัวใจของพ่อแม่  หัวใจขาดสะบั้นไปเลย เลี้ยงลูกทั้งคนมาว่าจะให้ดี  เอามาเรียนหนังสือกลับเป็นนักลิงไป ไม่ได้เป็นนักเรียนแหละ  มันเสียหัวใจพ่อแม่  อกจะแตกละ  วิ่งเต้นขวนขวายอยากให้ลูกได้อยู่ได้กินได้ศึกษาเล่าเรียนเต็มเม็ดเต็มหน่วย  อะไรไม่มีวิ่งเต้นขวนขวายหามา บางทีติดหนี้ติดสินเขาก็มีกลัวลูกจะไม่ได้ร่ำเรียนหนังสือ  แล้วติดหนี้สินเขามาลูกยิ่งเอาไปถลุงเสียแหลกหมด  เห็นว่าพ่อแม่เอาเงินมาเอามาๆ เฉยๆ  ยื่นใส่มือให้  พ่อแม่หาเกือบเป็นเกือบตาย  ให้เราคิดอย่างนั้นนะ  เมื่อคิดอย่างนั้นแล้วเราจะได้ประหยัดในการใช้สอยของเรา ทุกสิ่งทุกอย่างจะได้มีความประหยัด

        การประพฤติเนื้อประพฤติตัว ก็คุณค่าของเราคืออะไรที่พ่อแม่เลี้ยงมาแล้ว  คุณค่าของเราคือการปฏิบัติตัวดี เรียนหนังสือดี  หน้าที่การงานดี ความประพฤติดี  นี่เป็นคุณค่าสำคัญที่จะประดับตัวของเราและประดับวงศ์สกุล และประดับพ่อแม่ของเราให้มีความร่มเย็นเป็นสุขมีสง่าราศี ได้ลูกเต้ามาก็ลูกดี ไม่ใช่ลูกเถลไถล  พอเข้าใจลูกหลาน  ให้พากันประพฤติ จำกันทุกคนนะทั้งหญิงทั้งชายนั่นละ  ต่างคนต่างมีความดีความชั่วด้วยกันทุกคน  ให้เอาไปรักษาทุกคน  ให้ตั้งหน้าตั้งตาเรียนหนังสือให้ดี

         ถึงเราจะไม่ได้เป็นข้าราชการเป็นเจ้าเป็นนายก็ตาม  เราเป็นนายของเราด้วยความประพฤติดี มีหลักมีศีลหลักธรรม มีหลักวิชาใช้แล้วไม่ตายคนเรา ขอให้มีหลักวิชา ให้มีความฉลาดพอตัวเถอะ ปกครองตัวเองก็ได้ ปกครองคนอื่นก็ดี ถ้าตัวไม่ดีเป็นนายเขาก็ไม่เป็นท่าแหละ  เป็นนายเขาก็เบื่อจะตายแหละ ถ้าเป็นนายก็ไปคดไปโกงไปรีดไปไถลูกน้อง รีดไถดะไปหมด เมื่อมันเคยต่อนิสัยแล้วไม่กินไม่ได้คนเรา ทำอะไรมีแต่ท่าจะกินๆ ไปหมดใช้ไม่ได้เลย

       เราว่าเป็นผู้ปกครองบ้านเมือง มันกลับเป็นคนทำลายบ้านเมือง ประเทศชาติบ้านเมืองคือใครเป็นคนทำลาย  ผู้รักษาบ้านเมืองนั่นแหละเป็นคนทำลาย ถ้าไม่มีศีลธรรมเสียอย่างเดียวมันทำลายได้นะ ยิ่งพวกข้าราชการด้วยแล้ว มีกฎหมายเป็นโล่บังหน้า แอบอ้างอยู่ในกฎหมายนั่น  ฉากหลังนี่กินไปๆ ดะไปหมด ทีนี้เขาก็เบื่อ  ประชาชนราษฎรเขาเป็นผู้เป็นคนเขามีหัวใจเหมือนกัน ทำไมผิดถูกเขาจะไม่รู้ ทีนี้มันก็เอือมระอาน่ะซี เจ้านายก็เป็นเจ้าหน่าย  เข้าใจไหมเจ้าหน่าย คือเขาหน่าย  เขาเบื่อจะตายเขาเลยไม่อยากเคารพนับถือ  อย่าให้เป็นประเภทนั้นเรา  ความหมายว่าอย่างนั้นนะ

       ถ้าเป็นนายก็เป็นนายจริงๆ เหมือนกับพ่อแม่ พ่อแม่เป็นนายเรานี้ชุ่มเย็นนะ เป็นนายด้วยความเมตตาสงสาร เมตตาอยู่กับพ่อกับแม่ กรุณาอยู่กับพ่อกับแม่ เมตตาสงสารคือพ่อคือแม่ก่อนอื่น กรุณาคือความช่วยลูกตลอดเวลา พ่อแม่เป็นหนึ่ง มุทิตาคือยินดีเมื่อลูกได้ดีแล้ว พ่อแม่พลอยอนุโมทนายินดีไปด้วย อุเบกขาคือพ่อแม่ก็สบายไม่ได้เป็นห่วงโน้นห่วงนี้ เป็นตัวของตัวบ้างพอให้สบายๆ  นี่อุเบกขา คือพ่อแม่วางตัวได้สะดวกสบาย  ไม่เป็นห่วงเป็นใยยุ่งเหยิงวุ่นวาย  เพราะลูกคนนั้นไม่ดี  ลูกคนนี้ไม่ดีอย่างนี้  นี่ละเรียกว่าพ่อแม่ของเราเป็นนายของเรา แต่เป็นนายที่ชุ่มเย็น

        ทีนี้นายทั้งหลายปกครองบ้านเมืองก็ให้มีอย่างนั้น มันถึงร่มเย็น ราษฎรเขาถึงรักเขาถึงมีความเคารพ  ถ้าประพฤติตัวเหลวแหลกแหวกแนว นายยิ่งร้ายยิ่งกว่าประชาชนราษฎร กินบ้านกินเมืองกินได้มากคือเจ้านายนั่นแหละ เพราะมีกฎหมายบ้านเมืองเป็นฉากบังหน้า  ถ้าหากว่าไม่มีศีลธรรมแล้วนะ เจ้านายนั่นแหละเป็นผู้ฉลาดที่สุดในการปลิ้นปล้อนหลอกลวงไม่มีใครเกิน เพราะพวกนี้เรียนกฎหมายเรียนวิชาความรู้ วิชาความรู้หมุนไปในทางที่ผิดมันก็กินไปได้หมด คว่ำกินหงายกินไปได้หมด  ถ้ามีธรรมะเสียอย่างเดียวเย็นไปหมด นั่นฟังซิ  มีวิชาความรู้มากเท่าไรยิ่งเย็น 

        เพราะฉะนั้น    เวลาลูกศิษย์ลูกหาที่เป็นเจ้าเป็นนายแผนกต่าง ๆ  มาหา  มารับการอบรมสั่งสอน เราจึงสอนว่านี้นะเวลานี้เราเป็นผู้พิพากษานะ   เวลานี้เราเป็นอัยการนะ อัยการ ผู้พิพากษาเป็นตัวสำคัญ ถ้าไม่มีศีลธรรมแล้ว กินเขาได้แหลกหมดเลยนะ หมอก็เหมือนกัน คนเข้าไปในโรงพยาบาลหรือคลินิกมีแต่คนจนตรอกจนมุมเข้าไป จะรีดจะไถเขาสักเท่าไรก็ได้ เขาตายหมดเลย  ฉิบหายหมดเลยถ้าหมอไม่มีธรรม ถ้ามีธรรมไม่มีใครจะให้ความร่มเย็นแก่โลกได้ยิ่งกว่าหมอนะ สอนอย่างนี้ คือหมอ อัยการ ผู้พิพากษา ตำรวจเป็นของสำคัญมาก รีดเท่าไรก็ได้ตำรวจนี่ หาจับมือเซ็นเอาเลยก็ได้นะถ้าไม่มีธรรมะ ให้คำนึงถึงธรรมะเสมอ  ใจจะมีหิริโอตตัปปะกลัวบาปกลัวกรรม

       นรกมีนะ นรกมีอยู่แล้วตั้งแต่ดั้งเดิม ไม่ว่าตำรวจ ไม่ว่าทหาร ไม่ว่าเจ้านาย ไม่ว่าราษฎร  ไม่ว่าใคร ถ้าทำผิดแล้วตกนรกได้ทั้งนั้น  นรกไม่ได้ลำเอียงใครนะ  เผาได้ทั้งนั้นเหมือนไฟ เอ้า เข้าไปซีไฟ ใครจะว่านี้ตำรวจนี้ทหาร นี้ข้าราชการ แล้วเข้าไปว่าไฟไม่ร้อนมีไหม ไหม้หมดแหลกหมดนั่นแหละ ไฟไม่ลำเอียงนะ อันนี้ก็เหมือนกัน  เราอย่าเข้าใจว่านรกมันกลัวคนชั่วนะ นรกชอบเผาที่สุดก็คือเผาคนชั่ว คนดีไม่ได้เผาแหละ เพราะคนดีไม่ได้ไปตกนรกนี่นะ

        อย่างเรือนจำนี่คนดีเขาไม่ไปติดคุกติดตะราง มีแต่คนชั่วส่วนมากไปติดคุกติดตะราง  เพราะเชื่อตัวเองนั่นแหละ เชื่อตัวเองยังไง  ไปขโมยที่ไหนก็ว่าเขาจะจับไม่ได้ ๆ แล้วก็สนุกขโมยๆ  ไม่คิดบ้างว่าเขาก็เป็นคนคนหนึ่ง ครั้นแล้วก็มากองกันอยู่ในเรือนจำเห็นไหม นี่ละคนเชื่อตัวเองมากไปเป็นอย่างนั้น  นึกว่าเขาจะจับไม่ได้แล้วกองกันตายอยู่ในนั้น ในเรือนจำมากขนาดไหน นี้เราก็เหมือนกัน เราอย่าเชื่อตัวเองมากยิ่งกว่าเหตุกว่าผล  ยิ่งกว่าครูกว่าอาจารย์กว่าผู้อื่นบ้าง ให้เราได้พิจารณาเรื่องเหล่านี้  ควรเชื่อคนอื่นเราต้องเชื่อ ควรเชื่อเรา เราก็เชื่อ เราอย่าไปเชื่อเราโดยถ่ายเดียว ไม่ดี จำเอานะลูกหลาน  เอาไปประพฤติปฏิบัติ

เอาแค่นี้ละ

 

www.Luangta.or.th หรือ www.luangta.com


** ท่านผู้เข้าชมทุกท่านโปรดทราบ
    เนื่องจากกัณฑ์เทศน์บางกัณฑ์มีความยาวค่อนข้างมาก ซึ่งจะส่งผลต่อความเร็วในการเปิดเว็บไซต์ ขอแนะนำให้ทุกท่านได้อ่านเนื้อหากัณฑ์เทศน์บางส่วนจากเว็บไซต์ และให้ทำการดาวน์โหลดไฟล์กัณฑ์เทศน์ที่มีนามสกุล .pdf ไปเก็บไว้ในเครื่องของท่านแทนการอ่านเนื้อหาทั้งหมดจากเว็บไซต์

<< BACK

หน้าแรก