8 กันยายน 2541 (เช้า)
วันที่ 8 กันยายน 2541
สถานที่ : วัดป่าบ้านตาด

ค้นหา :

เทศน์อบรมฆราวาส ณ วัดป่าบ้านตาด จังหวัดอุดรธานี
เมื่อวันที่ 8 กันยายน 2541 (เช้า)

 จากนั้นก็หนักทางด้านธรรมะ หนักทางด้านธรรมะแล้วตีกระจายออกไปทางโลก เอาไปประกอบกับหลักวิชาทางธรรมะ ให้เป็นประโยชน์อย่างเดียวนะ ที่เกี่ยวกับทางโลกนี้ก็ให้เป็นประโยชน์สำหรับธรรมะ ไม่ได้เอาธรรมะไปเป็นประโยชน์เกี่ยวกับทางโลกอย่างทุกวันนี้ มันเป็นโทษแก่โลกเดี๋ยวนี้ โรงเรียนไหนก็ตามเดี๋ยวนี้นะ ที่ไหน ๆ ต้องมีวิชาทางโลกนี้เข้าไปแทรกหมดในวัดในวาต่าง ๆ เพราะฉะนั้นพวกพระพวกเณรจึงเป็นผีกันหมดเป็นลิงไปหมด ใช้ไม่ได้เลย เรียนจบแล้วออกไปหากินข้างนอก เอาวิชาศาสนาเป็นฐานเหยียบขึ้นไปหากินข้างนอก

 ตอนเอาใหญ่ก็มาเอาใหญ่ธรรมะนี่ เรียนธรรมเรียนจริง ๆ ใน ๗ ปีนี้เต็มเหนี่ยวเลย จนสมองทื่อว่างั้นเถอะ สอบแล้วนอนไม่หลับ เพราะไม่นอน ดูหนังสือตลอด เวลาสอบเสร็จแล้วจะพักนอนนี้นอนไม่หลับ หนีมาพักนอนหลายวันถึงหลับ ไม่หลับเฉย ๆ นี่ เหมือนกับว่าตานี้แข็งหมดมันจ่อแต่หนังสือ ยิ่งจวนสอบเท่าไรยิ่งเร่งใหญ่ ๆ ไม่มีเวลาหลับนอน พอสอบเสร็จเรียบร้อยแล้วนอนไม่หลับ

 แต่ยังไงก็ตามไม่เหมือนวิชาฆ่ากิเลส วิชาฆ่ากิเลส วิธีการฆ่ากิเลสนี้หนักมาก เอาชีวิตเข้าแลกเลย นี้ยกให้เป็นเบอร์หนึ่งนิ้วหนึ่งเลย จึงได้ว่ากิเลสมันเก่งมาก ไม่เก่งจริงข้ามหัวมันไม่ได้นะ มีแต่มันข้ามหัวโลกนั่นแหละ โลกไม่ได้ข้ามหัวมันง่าย ๆ แหละ เพราะฉะนั้นเราจึงได้พูดแล้วพูดเล่า พูดกับพระกับเณรที่เราอบรมมานี้มันเป็น เราไม่อยากว่าหมื่น ว่าเป็นแสนนู่น พระเณรที่เข้ามารับการอบรมจากเรานี้ออกไป ๆ มันไม่ได้เป็นหน้าเป็นหลังอะไรนี่ เทศน์กัณฑ์ไหนฟังกัณฑ์ไหนฟ้าดินถล่ม ๆ ทุกกัณฑ์ ๆ โถ เผ็ดร้อนดุเดือด มีแต่อย่างเข้มข้นทั้งนั้นนะ เอาจริงเอาจังเอาเป็นเอาตายเข้าว่า เทศน์ออกมาจากพลังของธรรมพลังของจิต พุ่ง ๆ แต่นี้เวลาพระเณรฟังแล้วนอนฟังหลับฟังไม่ได้หน้าได้หลังอะไร ไปจึงโกโรโกโส เราถึงอ่อนใจมากเดี๋ยวนี้ ไม่อยากเล่นกับพระกับเณร เล่นทางหนึ่งเสียทางหนึ่งอีกแหละ มันหลายด้านหลายทางนะ เลยอ่อนใจ เดี๋ยวนี้เลิกแล้วไม่สอนละพระเณร ขี้เกียจสอนว่างั้นเลย เราสอนมาพอแล้ว เทปของเรานี้ฟ้าดินถล่มทุกกัณฑ์เลย เทศน์สอนพระนี้ฟ้าดินถล่มทั้งนั้นไม่ได้เทศน์ธรรมดา เทศน์อย่างเด็ด เด็ดขาดเฉียบขาดที่สุดเลย ก็เราทำมายังไงเราก็เอาอุบายวิธีการทุกอย่างที่เราทำมานั้นมาเทศน์ มันถึงเข้มข้น นั่นละวิธีการของเราที่ทำมา แบบฟ้าดินถล่ม ทีนี้เวลามาสอนหมู่สอนเพื่อนเราเอานิสัยนั้นมาใช้ หมู่เพื่อนมันหมาขี้เรื้อนละซีเลยเข้ากันไม่ได้ ถามองค์ไหนไม่ได้เรื่อง ๆ โห มันยังไงกัน ท้อใจไม่อยากเทศน์แนะนำสั่งสอนแหละ ตลอดอาหารการกินแต่ก่อนส่งวัดนั้นวัดนี้ส่งไม่หยุด ส่งไปส่งมามันจะมีแต่กินกับขี้นั่นซิ จะไม่มีการศึกษาปฏิบัติธรรมะ กินมากนอนมากขี้มากเป็นหมูขึ้นเขียง จะสงเคราะห์ทางนี้ก็เสียทางนี้อีกแหละ จะทำยังไงเรานี่นะ สงสารทางหนึ่งได้ทางหนึ่งมันเสียทางหนึ่ง เป็นอย่างนี้นะ เดี๋ยวนี้อ่อนแล้วเรื่องการส่งเสียพระเณรวัดนั้นวัดนี้ต่าง ๆ มีตั้งแต่วัดภูวัวที่หนักมากอยู่เป็นปกติ เพราะไม่มีที่บิณฑบาตเลยเราเห็นใจ เราส่งให้เต็มเหนี่ยวไม่ให้อด ขอแต่ภาวนาดี ๆ เราบอกงั้น ถ้าใครไม่ภาวนาให้ไล่หนีนะ บอกท่าน….อย่าให้อยู่หนักวัดนะ ถ้าองค์ไหนเป็นแบบหมูขึ้นเขียงให้ไล่หนีทันทีนะ อย่าให้อยู่ หนักวัด ถ้าองค์ไหนดี เอ้า เข้ามาผมรับเลี้ยงว่างี้เลย เราจะเลี้ยงพระเลี้ยงเณรให้เป็นผู้ทรงมรรคทรงผลดังพระพุทธเจ้าสอนไว้ ศาสนาเป็นตลาดแห่งมรรคผลนิพพานนี่นะ เป็นของเล่นเมื่อไร คนเมื่อไม่ปฏิบัติตามก็เป็นคัมภีร์อยู่เฉย ๆ อะไรก็ตามถ้ามีแต่ตำรา มันก็มีแต่ตำราไม่เกิดประโยชน์ ธรรมะถ้าไม่เอาออกมาภาคปฏิบัติมาใช้ นี่ก็เหมือนกันสอนนี้ โห ฟ้าดินถล่ม ๆ กัณฑ์ไหน ๆ ก็เหมือนกัน ทีนี้มามองดูพระดูเณรไม่ได้หน้าได้หลังอะไร โกโรโกโส มันแหวกแนว ๆ โฮ้ ยังไงกัน สงเคราะห์ทางอาหารการกินก็กินแล้วนอน กอนแล้วนินไปเสีย ไม่ได้หน้าได้หลัง แล้วยิ่งกินมากนอนมากขี้มาก ขี้เกียจมาก แน่ะ เป็นอย่างนั้นไปเสีย เอ้า จะให้สงเคราะห์ยังไงสงเคราะห์หมู่เพื่อน เราจะตาย เดี๋ยวนี้อ่อนแล้วไม่ค่อยได้ส่ง ส่งเฉพาะที่จำเป็นดังที่ว่า เอาเหตุเอาผลเข้าไปจับแล้วเดี๋ยวนี้ แต่ก่อนก็ด้วยความเมตตาครอบไปเลย เดี๋ยวนี้เอาเหตุเอาผลจับเข้าไปอีก ไม่ควรให้ไม่ให้ เดี๋ยวนี้เป็นอย่างนั้นนะ จะส่งเสริมพระเณรให้เป็นบ้าหากินนี่

 ธรรมดูแล้วเป็นคนละโลก อันนี้ก็เคยพูดแล้ว หนังห่อกระดูก ฟังซิหนังห่อกระดูก คนมีอาหารในท้องมันจะหนังห่อกระดูกเหรอ หนังหุ้มห่อกระดูกเท่านั้น ไม่มีเนื้อมีหนังอายุ ๓๐ ปี ๒๗-๒๘ ปีเริ่มขึ้นเวที พรรษา ๗ ขึ้นเวที เพราะสอบเปรียญได้พรรษา ๗ แล้วออกเลย ออกแล้วก็ขึ้นเวทีตั้งแต่บัดนั้นแหละ ขึ้นเวทีเอาอย่างหนักก็คืออายุ ๓๐ สามสิบกว่าหนักมากเชียว เป็นหนังห่อกระดูก ๆ ไม่ได้กิน อาหารการกินเราหาเอง ที่ไหนอดอยากขาดแคลนเราไปที่นั่น ที่ไหนอาหารสมบูรณ์พูนผลคนมาเคารพนับถือมาก ที่นี่ไม่ได้ภาวนาไม่อยู่ ต้องไปหาอยู่ในที่ไม่มีคนเขาสนใจ พอได้อาศัยเขาวันหนึ่งวันละเล็กละน้อยเท่านั้นพอ ๆ เราหาอย่างนั้นนี่ เราไม่ได้ตำหนิเขาเราหาอย่างนั้น เขามียังไงเขาก็ให้กินตามนั้น เขาอยู่ในป่าในเขาเราไปอาศัยเขากินวันหนึ่ง ๆ ถ้าไม่บิณฑบาตไม่กินข้าวกี่วันก็ไม่เห็นใครแหละ ทุกข์ขนาดนั้นนะ ทุกข์แสนสาหัสไม่มีอะไรเกินทุกข์ฆ่ากิเลส แล้วมาดูหมู่ดูเพื่อนดูพระองค์ไหนเหมือนหมู มันอ้วนเหมือนหมู มันสะแตกมากก็อ้วนเหมือนหมูละซี แล้วภาวนาไม่เป็นเรื่องไม่เป็นท่า ๆ เราอ่อนใจอันนี้ซิ นักภาวนาต้องอย่างที่ว่านั่นซิ หนังห่อกระดูกมา เราเคยเล่าให้ฟัง จนพ่อแม่ครูจารย์ตกใจ ลงมาจากภูเขา มาเห็นตัวเหลืองเหมือนทาขมิ้น คงดีซ่านท่า เอากันหนักขนาดนั้นแหละ ลงมายังเหลือแต่หนังห่อกระดูก พอมองเห็นท่านตกใจ โอ๊ย ทำไมเป็นอย่างนี้ล่ะท่านว่างั้น พ่อแม่ครูจารย์ท่านเด็ดขนาดไหน เด็ดมากเชียว มองเห็นเราลงมาจากภูเขา โฮ้ ทำไมเป็นอย่างนั้นล่ะ เราคอยฟังท่านจะออกเงื่อนไหนอีก นิ่งฟัง สักเดี๋ยวขึ้นแล้ว ท่านกลัวเราจะอ่อนเปียก มันต้องอย่างนี้จึงเรียกว่านักรบ นั่นฟังซิท่านแก้ ถึงขนาดนั้นละฟังซิ จนกระทั่งท่านตกใจร้องโก้กไปเลย เป็นยังไงกับหมูขึ้นเขียงฟังซิ แล้วทุกข์มาประจำเสียด้วยนะไม่ใช่ธรรมดา ตั้งแต่วันขึ้นเวทีไม่มีเวลาได้สะดวกสบายละนะ ตั้งแต่วันขึ้นเวทีแล้วทุกข์ขนาดนั้นละ ไม่งั้นกิเลสไม่อ่อนตัว เราต้องหนักทางร่างกาย ให้กินมากมันนอนมาก กิเลสตัณหามาก ทุกสิ่งทุกอย่างขึ้นชื่อว่ากิเลสแล้วมากทั้งนั้นแหละ ต้องตีลงไป ๆ ข้าวไม่ให้มันกิน นอนก็ไม่ให้นอนมาก คนเราไม่ได้กินข้าวแล้วนอนไม่ค่อยมากแหละ ไม่ง่วงเหงาหาวนอน สำคัญอยู่ที่กินข้าวมีกับ กับดี ๆ อย่างกับวัดป่าบ้านตาดนี้กินแล้วหลับครอก ๆ บิณฑบาตได้หามไปบิณฑบาตแหละ มันหลับไม่ตื่นต้องหามไปบิณฑบาต หามไปบิณฑบาตเขาใส่บาตรยังไม่รู้ตัว กลับมาเอาลงจากแคร่หรือยังไม่เอาลงก็ตามใส่ในปากครอก ๆ แหละ มันขนาดนั้นอาหารวัดป่าบ้านตาด เพราะฉะนั้นภาวนาจึงเหมือนหมู พระวัดป่าบ้านตาดภาวนาเหมือนหมู มันเห็นทางจงกรมหรือเปล่าก็ไม่รู้นะ ไปเที่ยวถามดูซิพระวัดป่าบ้านตาดน่ะ หรือฉันมาก ๆ มีแต่นอนก็ไม่รู้ เราไม่ได้ไปดูตามวัดนานแล้วนะเดี๋ยวนี้ เดี๋ยวนี้ไม่ไปแล้ว ทางจงกรมมันจะรกเหมือนดงเสือก็ไม่รู้แหละ มีแต่กิน ที่มันเตียนโล่งก็คือเสื่อกับหมอน เลยไม่ทราบจะสงเคราะห์ทางไหน มีแต่ทางจะลงท่าเดียวท่าขึ้นไม่มีนี่ซิ จึงอ่อนใจซิเราผู้ปกครองแนะนำสั่งสอน เอาเต็มเม็ดเต็มหน่วยสอนพระสอนเณรนี้ ถอดออกมาหมด ในใส้ในพุงไม่มีอะไรเหลือเลย หมดตับหมดปอดหมดใส้หมดพุง ออกมาทางพระ ทางเทป ทางหนังสือ ออกมาหมด มันหมดเสียจริง ๆ จนไม่มีอะไรเหลือแล้ว เหลือแต่หนังห่อกระดูก ก็เอาหนังห่อกระดูกมาแผ่ ปีนี้เป็นปีสุดท้ายเลยแผ่เสีย ฟังซิ ครองธรรมประเภทนี้มาได้ ๔๘ ปีไม่เคยปริปาก ว่าเจ้าของรู้เจ้าของเห็นอย่างนั้นเห็นอย่างนี้ แต่เทศน์นี้เอาให้เต็มเหนี่ยวเลย เป็นยังไงรู้ยังไงเห็นยังไง ฟาดลงเต็มเหนี่ยว ๆ แต่ไม่บอกว่าเจ้าของรู้ แต่มาปีนี้ออกเสียแล้ว เหลือแต่หนังห่อกระดูกก็ช่างมันเถอะ เอาหนังห่อกระดูกออกมา บอกชัด ๆ เลย ชาตินี้เป็นชาติสุดท้ายของเรา เราจะไม่กลับมาเกิดอีกแล้ว เราอิ่มแล้วเรื่องการเกิดการตาย เราอิ่มเราพอเราเข็ดเราหลาบพอแล้ว เราประจักษ์ในหัวใจเราพอแล้วว่าเราจะไม่มีเงื่อนต่ออีก ที่จะมาเกิดอีกตายอีก ออกเสียแล้วปีนี้จาก ๔๘ ปี ปีนี้ออกแล้ว ออกจะออกอะไรก็มีแต่กระดูกออก เนื้อหนังเขาเอาไปกินหมดแล้วยังเหลือแต่กระดูก ออกก็มีแต่กระดูก มีแต่หนังห่อกระดูกออกมา นี่ไม่เห็นได้เรื่องอะไร

 มันขยะจริง ๆ นะ ให้เห็นแดนพระพุทธเจ้าท่านเห็น พระอรหันต์ท่านเห็นซิ มันน่าขยะจริง ๆ นะโลกอันนี้ ไม่ใช่โลกธรรมดานะ โลกน่าขยะแขยง มันต่างกันขนาดนั้นละ แดนที่พระพุทธเจ้ากับพระอรหันต์ท่านสถิตอยู่ กับแดนที่พวกเราจมกันอยู่นี้ ต่างกันอย่างนั้นจนขยะแขยง พวกเรายังเพลินบ้ากับกองขี้หมูขี้หมาอยู่นี่จะว่าไง เพราะฉะนั้นท่านถึงเรียกว่าธรรมเลิศ ๆ น่ะซิ ไม่ต่างกันขนาดนั้นเรียกว่าเลิศไม่ได้ คือไม่มีอะไรเสมอเลยอันนั้น ธรรมชาติที่ท่านครองนั้นไม่มีอะไรเสมอแล้ว ในสามแดนโลกธาตุนี้หมดไม่มีอะไรเสมอเลย จึงเรียกว่าแดนอัศจรรย์ นั่นละท่านอยู่แดนอัศจรรย์แล้วมาดูเราแดนที่เหลวที่เลวนี้ต่างกันยังไง จนขยะแขยงเข็ดหลาบ ผู้ที่ผ่านออกแล้วเข็ดหลาบขนาดนั้นละ ผ่านแล้วเข็ดหลาบ แต่ก่อนไม่เห็นก็พออยู่พอกินพอเป็นพอไป เวลามาเห็นชัด ๆ เต็มหูเต็มตาเต็มใจแล้วก็ดีดผึงเลย อยู่ไม่ได้แล้วต้องไปท่าเดียว ๆ

 พวกเด็กนักเรียนก็ให้ตั้งใจศึกษาเล่าเรียนนะ อย่าสุรุ่ยสุร่าย สมัยนี้สมัยสุรุ่ยสุร่าย คนไม่รู้จักเก็บ คนใจรั่ว สมัยทุกวันนี้คนใจรั่ว มีอะไรมาเก็บไม่อยู่แหละ ทุกสิ่งทุกอย่างหมด หมดเนื้อหมดตัว มีแต่ปล่อยเนื้อปล่อยตัวไม่เป็นท่าเลย หาสาระไม่ได้คือคนสมัยปัจจุบันนี้ แล้วก็พอใจเจริญนะ เขาว่าเขาเจริญ เราตาฝ้า ๆ ดูก็ดูไม่ได้ ยิ่งตาดีกว่านี้จะว่ายังไงอีก ให้มาดู แต่ตาฝ้า ๆ ฟาง ๆ นี้ก็ดูไม่ได้ เป็นบ้ากันกระทั่งหมาจะว่าไง นั่งรถไปก็ได้เตือนคนขับ ให้ระวังนะ หมาเดือน ๙ กับคนเดือน ๙ เหมือนกันนะ หมาเดือน ๙ เดือน ๑๒ นี้ไม่รู้จักเป็นจักตาย เพ่นพ่าน ๆ ตามถนนหนทางเราต้องได้หลีกมัน เปิดแตรมันเฉยไม่สนใจ มันเป็นบ้ากับตัวเมีย ตัวเมียเป็นบ้ากับตัวผู้ ต่างตัวต่างเป็นบ้าด้วยกัน เพ่นพ่าน ๆ ตามถนนเราต้องได้หลีกรถ เปิดแตรนี้เฉยเลย นี่ดูเอานะหมาทุกวันนี้หมาสมัยเดี๋ยวนี้กำลังเป็นบ้า อย่าว่าแต่คนเป็นบ้าเลย ไม่รู้จักเป็นจักตาย หมาก็ยังเป็น คือมันลืมเนื้อลืมตัวไปหมด มีแต่ความเพลิดความเพลินเกินเนื้อเกินตัว เลยเสียหมด คนก็เสียหมาก็เสีย ต่างเสียต่างอยู่ด้วยกัน คนก็เลี้ยงหมาใช่ไหมล่ะ บ้านหนึ่ง ๆ มีหลายตัวนี่หมา หมาก็เป็นบ้าคนก็เป็นบ้า มันบ้านบ้าบ้านนี้ บ้านไหนไม่มีหมาไม่มีบ้าไม่มี เพราะคนไทยเรามันเมืองบ้าต้องมีหมาทุกบ้าน แม้แต่วัดป่าบ้านตาดยังตั้ง ๙ ตัว ๑๐ ตัวจะว่าไง ก็วัดบ้านี่ก็ดี จะว่าแต่เขาเป็นบ้านบ้าเลย วัดเรายังเป็นวัดบ้า มันเห่าอึกทึก ลองปล่อยดูซิเดี๋ยวเขาจะเห่าอึกทึก เขาก็สนุกของเขา เราก็สนุกเป็นบ้าแบบนี้เหมือนกันก็แปลกอยู่ กับหมาเราไม่ขยะ เล่นกับหมาได้สบาย เราอยู่กุฏิได้ยินเสียงเห่า มาแล้วอันตรายมาแล้ว มากวนไม่อันตรายได้ยังไง มากวนจึงเรียกว่าอันตรายมาแล้ว เห่าโว้กเว้ก ๆ หลายตัวคับวัด มามากหมาเห่ามาก ถ้ามาเพียงสองคนสามคนหมาจะเห่าโว้กเดียวหรือสองโว้กหยุดนะ สังเกตได้กระทั่งหมาเห่า ถ้าโว้กเว้ก ๆ เต็มวัดแล้ว โอ๋ย วันนี้แน่นวัดแล้วแน่นศาลาแล้ว เป็นอย่างนั้นจริง ๆ นะ คือคนมามากหมามันตื่นเต้นก็เห่า ตัวนั้นเห่าตัวนี้ก็เห่า เห่าหมดวัดเลย แสดงว่าเขาก็มาเต็มวัดว่างั้นเถอะ เมื่อวานนี้ก็มาอยู่ตลอด วันอาทิตย์ วานซืนนี้เต็ม วันเสาร์วันอาทิตย์นี้แน่นตลอดทั้งวัน เมื่อวานซืนนี้ก็จังหวัดไหนต่อจังหวัดไหนมาเต็มศาลา พระก็เต็ม

 นี่ก็จะเอาของไปส่งวัดเขาสวนกวาง สงสาร จะไปดูที่ลาด ที่ลาดว่าว่าหลวงเขาจะงดให้เงิน อนุญาตแล้วไม่มีเงินให้ ต้องวิ่งมาหาเรา ประมาณสามแสน เราก็ให้เลย วันนี้เอาของไปส่งก็จะดูที่เขาลาดเสร็จเรียบร้อยแล้วยัง จากนั้นก็จ่ายเงินละ คำพูดไม่มีคำสัตย์คำจริงใช้ไม่ได้นะ คำพูดหลวงก็คือหัวใจของชาติ พูดออกมาคำไหนต้องเป็นคำนั้นแน่นอน ๆ มันถึงถูก เพราะเป็นที่ไว้ใจของชาติ หัวใจของชาติก็คือวงราชการ อันนี้พูดเวลาเป็นเป็นอย่างหนึ่ง ๆ เราจับได้หลายเงื่อนหลายหนแล้วนะที่เขามากวนเรานี้เอง ทางหลวงว่าจะให้แล้วไม่ให้เสีย เขาก็ต้องวิ่งมาหาเรา เราต้องเป็นผู้จ่ายให้ ๆ ทั้งนั้น หลายรายแล้วนะ นี่ก็อีกรายหนึ่งเหมือนกัน นี่ก็เราจ่ายให้ โรงร่ำโรงเรียนต่าง ๆ ทาสีอะไร ทาแล้วไม่มีเงินให้เขาอีก อย่างที่ส่องดาวก็ตั้งล้านกว่า


** ท่านผู้เข้าชมทุกท่านโปรดทราบ
    เนื่องจากกัณฑ์เทศน์บางกัณฑ์มีความยาวค่อนข้างมาก ซึ่งจะส่งผลต่อความเร็วในการเปิดเว็บไซต์ ขอแนะนำให้ทุกท่านได้อ่านเนื้อหากัณฑ์เทศน์บางส่วนจากเว็บไซต์ และให้ทำการดาวน์โหลดไฟล์กัณฑ์เทศน์ที่มีนามสกุล .pdf ไปเก็บไว้ในเครื่องของท่านแทนการอ่านเนื้อหาทั้งหมดจากเว็บไซต์

<< BACK

หน้าแรก