หัวใจของชาติไทยอยู่กับหลวงตา
วันที่ 29 พฤษภาคม 2545
สถานที่ : วัดป่าบ้านตาด
| |
ดาวน์โหลดเพื่อเก็บไว้ในเครื่อง
ให้คลิกขวาแล้วเลือก Save target as .. จาก link ต่อไปนี้ :

ค้นหา :

หัวใจของชาติไทยอยู่กับหลวงตา

เมื่อวานนี้ทองคำได้ ๑ บาท ดอลลาร์ได้ ๑๓๔ ดอลล์

ลูกศิษย์ : ได้ข่าวว่าหลวงตาถูกทำร้ายเหรอ

หลวงตา : เรื่องโลกสงสารอย่าเอามายุ่งกับเรา

ลูกศิษย์ : หนูจะไปแก้แค้นให้ไงคะ ใครทำหลวงตาเราได้เหรอ

หลวงตา : แก้แค้นอะไร ใครมาผูกเราพอจะมาแก้วะ หลวงตาไม่ได้ติดข้องอะไร ๆ ทั้งนั้น มีความหมายมั่นปั้นมืออยู่กับทองคำ ๑๐ ตัน จะเป็นจะตายมันจะอยู่ในจุดนั้น นอกนั้นไม่ยุ่งกับใคร

ลูกศิษย์ : ตอนนี้ทองแพงอย่าเพิ่งให้ถวายเลยค่ะ

หลวงตา : พวกเรามีแต่พวกราค่ำราคาแพงกว่าทองทั้งนั้น

[ลูกศิษย์สาธุพร้อมกัน]

ลูกศิษย์ : ยังไม่ถวายค่ะ อยากให้หลวงตาอยู่นาน ๆ ค่ะ

หลวงตา : อยู่นานเท่าไรยิ่งคิดดอกแพงขึ้นนะ พูดตามความจริง คือหลวงตาตั้งจุดไว้อย่างงั้นจริง ๆ ให้พอเหมาะพอดีกับคนทั้งชาติเรา ๖๒ ล้านคน คราวนี้เป็นคราวยิ่งใหญ่มากที่เราฟื้นฟูชาติของเราขึ้นมา แล้วเครื่องหมายแห่งการฟื้นฟูนี้คืออะไร หนึ่งก็คือทองคำและดอลลาร์เคียงกันไป นี้จุดใหญ่เราเอาสองจุดนี้ จึงมีความมุ่งมั่นปั้นมืออย่างหนักทีเดียว จะเป็นจะตายอะไร หลวงตายังไม่ตาย ยังจะเอาทองคำให้ได้ ๑๐ ตันเสียก่อน

ลูกศิษย์ : ยังไม่ถวายถึง ๑๐ อยากให้หลวงตาอยู่นาน ๆ

หลวงตา : อยู่นาน ๆ อยู่ไปหาประโยชน์อะไร ไม่ได้อะไร อยู่เปล่า ๆ ไม่เกิดประโยชน์ ไม่เอา ได้ประกาศให้พี่น้องทั้งหลายทราบแล้ว เรื่องจุดมุ่งหมายของชาติไทยเรามารวมอยู่ในจุดทองคำหนัก ๑๐ ตัน เราประมวลมาหมดเลย มาจุดนี้เด่นมากทีเดียว สมชื่อสมนามทุกอย่าง รวมอยู่ในจุด ๑๐ ตัน หลวงตานี้พอใจอย่างยิ่ง จึงได้เรียนให้บรรดาพี่น้องทั้งหลายได้ทราบทั่วหน้ากัน เวลานี้เป็นเวลาที่เราฟื้นฟูชาติไทยของเราซึ่งกำลังจะจมอยู่จนกระทั่งนับวันเวลานาทีไว้เลย

ลูกศิษย์ : หลวงตาขา ๑๐ ตันแน่ ๆ นะคะ ไม่ใช่ ๑๐ ตันแล้วขึ้นเป็น ๒๐ ตันนะคะ

หลวงตา : โอ๊ย อย่าด่วนขึ้น ให้มันขยับขึ้นไปเสียก่อนซี เราพยายามจะให้ได้ ๑๐ ตัน พี่น้องทั้งหลายทุกคน ๆ เราเป็นชาติไทยของเราเต็มตัว ๖๒ ล้านคน การแสดงออกแห่งความรักชาติของเราคือทองคำเป็นจุดสำคัญมาก จากความเสียสละของเราด้วยความพร้อมเพรียงสามัคคีกัน มีหลวงตาเป็นจุดรวมของพี่น้องทั้งหลายจะพุ่งเข้าสู่คลังหลวงแล้วเด่นเห็นทั่วโลกเลย ทองคำถ้าลงได้ถึง ๑๐ ตันแล้วทั่วโลก เมื่อเร็ว ๆ ประเทศไหนที่เขามาอวดหน้าเราอยู่ ที่เขาได้อะไร เป็นพันธบัตร

ลูกศิษย์ : เกาหลีใต้ครับ ได้ทองคำ ๔ ตันแล้วเขาออกพันธบัตรไว้เป็นประกันให้ประชาชนที่มาถวายทอง

หลวงตา : เราฟังตั้งแต่นู้นมา ฝังไว้ลึก ๆ ไว้ลึกเกินไป เลยลืม จำได้แต่ได้ ๔ ตัน เราคิดไว้นู้นเทียบเข้ามานี้ทันที คราวนี้เราชนะเขาแล้ว เวลานี้ได้ ๕ ตันกว่าแล้วเมืองไทยเรา ด้วยน้ำใจของพี่น้องชาวไทยเรา ๕,๑๒๐ กิโลครึ่ง หรือ ๕ ตัน ๑๒๐ กิโลครึ่ง นี่เป็นน้ำใจของพี่น้องชาวไทยเราที่รักชาติ แสดงน้ำใจออกมาให้เห็นอย่างชัดเจนแล้วไม่มีอะไรเป็นเครื่องตอบแทนเลย ให้ด้วยน้ำใจ ๆ เด่นกว่าของเขาที่เขาหาเรื่องนั้นประกัน ๆ เพื่อจะพุ่งขึ้น พวกเราน้ำใจของชาวไทยเราพุ่งทีเดียวเลย ๕ ตันแล้วเวลานี้ ให้มันเห็นชัด ๆ อย่างนี้ อย่าไปยอมแพ้ใครง่าย ๆ หลวงตายังไม่พาแพ้อย่าแพ้นะ ยังไงก็เอากัน

เวลานี้เงินสดในธนาคารเราไม่มีมากนะ อยู่ที่อุดรฯนี้ประมาณไม่ต่ำกว่า ๑๐ ล้าน เงินสดนี้เป็นสองภาค ทั้งเข้าทองคำทั้งแยกออกช่วยคนทั่วประเทศ มาล้อมอยู่ตลอดทุกวันๆ

เอานะพี่น้องชาวไทยเรา วันพรุ่งนี้เราจะช่วยสามแดนโลกธาตุนี้ เราทำบุญอุทิศ ให้ต่างท่านต่างตั้งหน้าตั้งตาอุทิศส่วนกุศลถึงผู้ล้มผู้ตาย บรรดาพ่อแม่พี่น้องญาติมิตรสัตว์ทั้งหลายทั่วแดนโลกธาตุวันพรุ่งนี้ เริ่มตั้งแต่บัดนี้ไป เราทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้บรรดาสัตว์ทั้งหลายซึ่งมีความจนตรอกจนมุมมากจริง ๆ ไม่ใช่น้อย ๆ พวกเราไม่เห็นเฉย ๆ เรานอนเพลินอยู่ เพลินกินเพลินไปเพลินมา เขาทุกข์จะเป็นจะตาย อาศัยคนอื่นที่จะอุดหนุนเขา เวลานี้เราต่างคนต่างตั้งใจอุทิศส่วนกุศลทุกคนนะ อุทิศส่วนกุศลแผ่ส่วนกุศลแก่บรรดาสัตว์ทั้งหลายทั่วสามแดนโลกธาตุ หมื่นโลกธาตุมีในธรรมทั้งนั้น

ลูกศิษย์ : หลวงตาคะมีคนบอกว่าหลวงตาเปิดโลกธาตุ หนูดีใจจะมาดู แต่เขาบอกเราไม่เห็นหรอก หลวงตาเห็นองค์เดียว หนูเลยไม่มาเลย

หลวงตา : สัตว์ทั้งหลายที่จนตรอกจนมุมทั่วแดนโลกธาตุ เต็มไปหมดนะ พระพุทธเจ้าเท่านั้น โลกวิทู แจ่มหมดเลย ไม่มีปิดบังลี้ลับคือพระญาณหยั่งทราบ จะเอาไว้ที่ไหนก็ไม่มีการปิดบังได้เลย พุ่งถึงหมดเลย นี่แหละโลกวิทูที่เป็นศาสดาเอกสอนพวกเราทั้งหลาย คือทรงรู้ทรงเห็นทุกสิ่งทุกอย่างซึ่งพวกเราทั้งหลายไม่เห็นเลย และพวกนี้ได้รับความทุกข์ความทรมานลำบากลำบนมากน้อยเพียงไร มนุษย์เราก็ไม่เห็น เพราะฉะนั้นมนุษย์เราจึงลืมตัวว่าจะไม่ได้รับความทุกข์เหมือนสัตว์ทั้งหลายเหล่านั้น ฉะนั้นจึงให้พี่น้องทั้งหลายได้ทราบ ศาสดาองค์เอกเป็นผู้สอนธรรมเหล่านี้ ไม่มีสองเลย พระญาณหยั่งทราบทั่วถึงหมดเลย นี่ละที่ว่าทำบุญอุทิศส่วนกุศล

ใน ติโรกุฑฑกัณฑสูตร ท่านก็แสดงเอาไว้ถึงเรื่องสัตว์ทั้งหลายที่มารับส่วนบุญส่วนกุศล ท่านแสดงไว้นี่เป็นจุดหนึ่ง แล้วท่านแสดงไว้อย่างกว้างขวาง คือหมายถึงว่า สัตว์ทั่วแดนโลกธาตุไม่มีช่องว่างเลยนะ ดินฟ้าอากาศที่ไหนไม่มีช่องว่างที่จิตวิญญาณของสัตว์จะไม่มี ไม่มีอะไรหนาแน่นยิ่งกว่าวิญญาณของสัตว์เต็มทั่วแดนโลกธาตุ นี่ละที่ว่าสัตว์เกิดสัตว์ตาย คือเป็นอยู่อย่างนี้ตลอด ไอ้ที่ว่าสูญ ๆ มันหลับตาพูด พวกนี้พวกจมลงนรก ๆ เพราะมันบอกว่านรกไม่มี มันจะลงเอง ให้ไปพิสูจน์ตัวเองว่างั้นเถอะ พระพุทธเจ้ามอบให้ไปพิสูจน์ตัวเอง ใครว่าบาปบุญนรกสวรรค์ไม่มีแล้วให้ไปพิสูจน์ตัวเอง เอ้า ถ้าว่านรกไม่มีอย่าทำความดีให้ทำแต่ความชั่ว ลงทันที การกระทำเป็นเครื่องประกันตัว ทำแล้วเป็นส่วนดีหรือส่วนชั่ว นั้นแลเป็นคือเป็นตราประกันตัวแล้ว ทำชั่วต้องได้ชั่วแน่นอน ทำดีต้องได้ดีแน่นอน ประกันตัวตลอดไป ให้พากันจำเอานะ

เราพูดจริง ๆ เราเชื่อหมดทุกอย่างเลย พอมันจ้าขึ้นนี่เท่านั้น ใครไม่เห็นก็ตามไม่รู้ก็ตาม มันไม่ได้สนใจกับใครเลย เช่น จ้าอยู่ต่อหน้านี่ จะเอาใครมาเป็นพยานเห็นอยู่นี่ เข้าใจไหม ใครอยากเห็นใครอยากดูก็ดู ใครตาบอดก็ไม่เห็น ไม่สนใจก็ไม่เห็นเท่านั้นอันนี้ ผู้เห็นเห็นอยู่ ผู้ดูดูอยู่ นั่นละพระพุทธเจ้าจึงไม่หาใครมาเป็นพยาน ตรัสรู้ปึ๋งขึ้นมาพระองค์เดียวเท่านั้นสอนโลกได้ทั่วแดนโลกธาตุ สอนด้วยความรู้ความเห็น พอพูดอย่างนี้แล้วเรายังระลึกถึงพ่อแม่ครูอาจารย์มั่น ท่านพูดถึงเรื่องสามผง ท่านกำลังเทศน์สอนพระอยู่สามผง นี่ท่านพูดเองนะ อู๊ย น่าอัศจรรย์นะ ท่านกำลังเทศน์สอนพระอยู่ ประมาณสัก ๓ ทุ่มนี่ละท่านว่า จิตมันแย็บออก ออกจากวงเทศน์สอนพระ ทีแรกจิตก็พุ่งเทศน์สอนพระ แย็บออกไปเลย สว่างจ้าไปเห็นพญานาคกับบริษัทบริวารเต็มอยู่แม่น้ำลำสงคราม

จากนั้นไม่นานท่านก็บอกเลิกกันแล้วจะรับแขกพิเศษ นั่นเห็นไหมล่ะ นี่ท่านพูดนะ พอจากนั้นเลิกแล้วท่านก็ไป แผ่เมตตาไปถึงพวกนั้น เทศนาว่าการสอนพวกนั้นเข้าใจไหมล่ะ นี่ละอย่างนี้พวกเราไม่เห็น ท่านเทศน์อยู่นี้เปรี้ยง ๆ สอนพระอยู่ จิตแย็บออกไปสว่างจ้าไปนู่นเลย มองไป โอ้โหย พญานาคเป็นหัวหน้าอยู่ฝั่งแม่น้ำลำสงครามที่บ้านสามผง เราไปหมดแล้วที่เหล่านี้ แต่ท่านพูดเราก็ระลึกได้ถึงที่ว่า สงครามกับบ้านสามผงไม่ห่างไกลกันนัก ท่านเทศน์อยู่ที่วัดป่าสามผง ท่านไปสร้างวัดสามผง พอกำลังเทศน์ไป ๆ จิตมันแย็บออกนี้สว่างจ้าไปเลยนู่น มองดู โอ๊ย พญานาคกับบริษัทบริวารเต็มหมดเลยทางนู้น ท่านก็เลยงดทางนี้ จากนั้นท่านก็เลิกไป แล้วท่านก็แผ่เมตตาเทศนาว่าการสั่งสอนพวกพญานาค นั่นเห็นไหมล่ะ พากันฟังเอาซิ หลวงปู่มั่นพูดอะไรนี้ก็ลูกศิษย์ตถาคตว่างั้นเถอะ จะเคลื่อนไปไหน หลวงปู่มั่นพิสดารมากเรื่องอย่างนี้

เอาอีกวันหนึ่งเราระลึกได้ คือตามธรรมดาเรานี้มีครูบาอาจารย์ผู้ใหญ่ ๆ ซึ่งเป็นลูกศิษย์ผู้ใหญ่ของท่านไปเยี่ยมท่าน เราจะไม่ละสายตาเลย จะคอยจ้องดู ครูบาอาจารย์องค์นี้ซึ่งเป็นลูกศิษย์ของท่านเป็นผู้ใหญ่ ๆ องค์นี้มาท่านจะปฏิบัติปฏิสันถารต้อนรับอย่างไร ทั้งภายนอกภายใน องค์นี้มาจะปฏิบัติยังไง ๆ เราจะไม่ให้พลาดสายตาเลย จะคอยสังเกตอยู่ตลอดเวลา แล้วก็ตรงตามที่เราสังเกตไว้ด้วยนะ เราโง่ก็ตามแต่เราก็สังเกต องค์นี้มาปฏิสันถารต้อนรับอย่างนี้ องค์นั้นมาปฏิสันถารต้อนรับอย่างนั้น ๆ ไม่เคยซ้ำกันนะ บรรดาลูกศิษย์ลูกหาที่ไปหาท่านแต่ละครั้งละคราว เราจะสังเกตอยู่ตลอดเวลา การปฏิสันถารจะไม่เหมือนกัน

ทีนี้วันนั้นท่านอาจารย์ฝั้นท่านก็ไปหนองผือ พอไปนั่งลง เราปกติขึ้นก่อนแล้ว ยิ่งครูบาอาจารย์องค์ที่เคารพบูชาซึ่งเป็นลูกศิษย์ผู้ใหญ่ของท่านมาด้วยแล้ว ยิ่งจะไม่ละสายตา เราจะจ้ออยู่นั้นตลอดเลย เราก็นั่งแอบอยู่นั้น พอท่านขึ้นไปท่านกราบ นิสัยท่านอาจารย์ฝั้นนี้งามมาก สวยงามมาก เราทั้งเคารพทั้งเลื่อมใสทั้งรักท่าน นิสัยครูบาอาจารย์ทั้งหลายลูกศิษย์ของท่าน ท่านอาจารย์ฝั้นองค์หนึ่ง มีกิริยานิสัยนุ่มนวลทุกอย่างเหมาะสมหมดเลย พอกราบท่านอาจารย์มั่นซึ่งนั่งอยู่ชั้นบนสูงกว่ากันเล็กน้อย พอกราบเสร็จแล้ว ท่านอาจารย์ฝั้นว่า "วันนี้หอมอะไรแปลก ๆ นะ" ฟังซินักปราชญ์ท่านคุยกัน วันนี้หอมอะไรแปลก ๆ นะ ท่านว่างั้น"เอ้อ ใช่แล้ว" นั่นเห็นไหมตอบกันแล้วนะนั่น เอ้อ ใช่แล้ว เราก็จับเอาไว้เลย เท่านั้นละท่านไม่พูดกันมาก ท่านอาจารย์ฝั้นท่านยิ้ม แต่สำหรับหลวงปู่มั่นท่านไม่ยิ้มท่านธรรมดา เพราะท่านชินกับสิ่งเหล่านี้มาพอแล้ว พอทางนี้กราบเสร็จเรียบร้อย เอ๊อ วันนี้มันหอมอะไรแปลก ๆ นา ท่านว่างั้น เอ้อ ใช่แล้ว ท่านทราบกันแล้วนะนั่น

พอวันหลังได้โอกาสแล้วก็ขึ้นไปหาท่าน ก็เลยกราบเรียน จะไปถามตรง ๆ ไม่ได้นะ เดี๋ยวหน้าผากแตกไม่ได้นะ ต้องหาอุบายหาลีลาหาลวดลายเข้า พูดนั้นพูดนี้ เข้าไปตรงนั้นปั๊บ เข้าได้จังหวะพอดี เราก็ถามถึงเรื่อง ที่ท่านอาจารย์ฝั้นมากราบพ่อแม่ครูอาจารย์พอจบลงท่านพูดขึ้นมาพร้อมกับยิ้มว่า วันนี้หอมอะไรแปลก ๆ น้า นั่นท่านหมายความว่ายังไง ไม่ทราบความหมาย จะหมายความว่ายังไง ก็พวกรุกขเทพเต็ม เขามาอนุโมทนาฟังธรรม คือวันนั้นพระจะมาก ท่านจะเทศนาว่าการ จะไม่หอมยังไง พวกรุกขเทพเต็มหมดเลยแถวนี้ มารอฟังเทศน์ อย่างนั้นนะเห็นไหม ท่านว่า เอ้อ ใช่แล้ว นั่นละใช่อันนั้นเอง ท่านเข้าใจกันแล้วนะนั่น คือทางนี้ก็เห็นพวกเทพเข้าใจไหมล่ะ ท่านเองก็เห็น พวกเราตาบอดไม่เห็นก็ด้อมไปถามท่าน ยังดีนะท่านไม่ตีตาเอา ตาไม่มีเหรอ ท่านว่า

เราไม่ลืมนะ ท่านก็เล่าให้ฟังด้วยดี เพราะเข้าโอกาสดี ๆ นี่ จะไปถามบุ่มบ่ามไม่ได้นะ ต้องมีท่ามีลีลาเข้าท่านั้นท่านี้คอยหลบคอยหลีกอยู่เรื่อย กับจอมปราชญ์ของเล่นเมื่อไหร่ พ่อแม่ครูอาจารย์มั่นจอมปราชญ์สมัยปัจจุบัน

ลูกศิษย์ : แล้วต้องเข้าพบกลางคืนหรือเปล่าค่ะ

หลวงตา : กลางคืน นี้หมายถึงพวกรุกขเทพ คือพวกเทพนี้มาหลายชั้นมากตามที่ท่านเล่าให้ฟัง ตั้งแต่ท้าวมหาพรหมก็มี ชั้นพรหมโลกลงมาก็มี แล้วเทวดาเป็นชั้น ๆ ลงมา บางทีมามากต่อมาก พูดอย่างนี้มันย้อนไปถึงยายแก่คนนั้น ที่ว่ายายตั้ง แกไปเรียนอะไรจากใครล่ะ แกก็ไม่รู้ว่าพวกนี้ชื่อว่าไง ๆ แกเห็นล่ะซิ แกนั่งอยู่บ้านแก ตอนกลางคืนพวกเทพพวกท้าวมหาพรหมมาฟังเทศน์หลวงปู่มั่นเรา แกอยู่บ้านแกก็ดูเหาะลอยมาบนอากาศ เหลืองอร่ามงามตาทุกสิ่งทุกอย่างอัศจรรย์เป็นระยะ ๆ คือเป็นคณะ ๆ มา คณะนี้เป็นอย่างนี้ คณะนั้นเป็นอย่างนั้น การแต่งเนื้อแต่งตัว รูปร่าง ผิวพรรณวรรณะอะไรนี้ละเอียดกว่ากันเป็นชั้น ๆ จนกระทั่งถึงวาระสุดท้ายเหลืองอร่ามไปหมดเลย

แกมาถามท่าน แกก็เล่าให้ฟังตั้งแต่ที่แกเห็นผ่านมาบนอากาศแล้วลงที่หนองผือ แกก็ดูด้วยความอัศจรรย์ ไม่รู้ว่าเป็นอะไรต่ออะไร ไม่รู้ชื่อรู้นาม แต่เห็นได้ชัด ๆ ว่าการแต่งเนื้อแต่งตัว ผิวพรรณวรรณะของกายทิพย์แต่ละชั้น ๆ ของพวกเทพทั้งหลายจนกระทั่งถึงท้าวมหาพรหมไม่ได้เหมือนกันเลย ทำไมแกพูดอย่างงั้น มาแต่ขั้นหยาบของพวกเทพ ไม่ได้เอามนุษย์เราไปเทียบนะ ขั้นเทพก็ว่าอัศจรรย์แล้ว เวลามีคณะที่สองที่สามเข้ามานี้เลยหยาบไปเรื่อย แล้วขึ้นละเอียดไปเรื่อย แกเล่าถวายหลวงปู่มั่น ท่านก็นั่งนิ่ง เราก็จ้อฟัง สุดท้ายแกถามท่านว่าเป็นพวกไหน ๆ แต่ท่านไม่ได้พูดมากนะ

ตอนที่แกจับจุดถามเน้นหนักก็คือว่า ที่เหลืองอร่ามไปหมดนั้นคืออะไร อัศจรรย์เหลืองอร่ามหมดเลย เวลาท่านตอบ อ๋อ นั้นท้าวมหาพรหม ท่านไม่เห็นปฏิเสธ ท้าวมหาพรหมมาวาระสุดท้าย เป็นวาระสุดท้ายจริง ๆ เห็นไหมล่ะ แกเรียนอะไรเมื่อไหร่ แกไม่รู้ภาษีภาษา แกก็เห็นชัด ๆ แต่ว่านี้ชื่อว่าไง ๆ มาจากที่ไหนแกไม่รู้ แกรู้ตั้งแต่เหาะลอยผ่านมานี้เต็มไปหมดเลย เป็นคณะ ๆ ใหญ่ ๆ มา มีตั้งแต่ผู้ที่น่าอัศจรรย์ทั้งนั้น ๆ วาระสุดท้ายท้าวมหาพรหมมา อันนี้ที่แกปักใจถามเอามากนะ มันเป็นยังไงทำไมผู้นี้ถึงอัศจรรย์นัก มองที่ไหนเหลืองอร่ามไปหมดเลย ท่านก็ตอบย่อ ๆ อ๋อ นั้นท้าวมหาพรหม

นี่ละถึงไม่ได้เรียนก็ตาม ความจริงต่อความจริง ทางนี้เป็นนักรู้ ทางนั้นเป็นภาพที่จะให้รู้มันก็รู้ซิ อะไรผ่านมามันก็รู้ รับกัน ๆ ส่วนที่จะมีชื่อมีนามอยู่ที่ไหนต่อที่ไหน เป็นอีกแง่หนึ่งต่างหาก ต้องพิจารณากระจายออกไปอีก แต่เวลาปัจจุบันเป็นอย่างงั้น

อ.รัตนา : มีเรื่องกราบเรียนเจ้าค่ะ เกี่ยวกับหนังสือหยดน้ำบนใบบัว เราสั่งพิมพ์หนังสือประมาณสามหมื่นเล่ม คิดเป็นเงินประมาณเก้าแสนบาท เงินที่เข้าอยู่ในบัญชีประมาณแสนหกหมื่นหกพันบาท ยังขาดอีกประมาณเจ็ดแสนห้าหมื่นบาท พวกครูก็โทรศัพท์มาขอก็เลยต้องพิมพ์เพิ่มอีกนิดหน่อย

อีกเรื่องหนึ่งเจ้าค่ะ คือดิฉันได้ฟังวิทยุเขาเอาเทศน์ของหลวงตาไปเปิด หลวงตาก็เทศน์บอกว่าเหมือนจะมีคนมาปองร้ายหลวงตา ดิฉันก็เลยทำจดหมายไปถึงรองผู้บัญชาการตำรวจ เพราะเขาเป็นลูกศิษย์ คุยกับเขา เขาบอกว่าให้ทำถึงท่านผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติแต่ผ่านลูกศิษย์คือผ่านรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ขอความกรุณาจัดตำรวจสันติบาลสืบหากลุ่มบุคคลที่จะเข้าไปทำร้ายหลวงตามหาบัว วัดป่าบ้านตาด จ.อุดรฯ รายละเอียดไม่ต้องอ่านนะเจ้าคะ เขารับสำเนาหนังสือนี้ไว้ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เลขที่รับ ๓๔๕๙๐ เมื่อวันที่ ๒๒ พฤษภาคม ๒๕๔๕ เวลา ๙:๑๕ น.ขณะนี้ก็ได้ถึงผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติแล้วเจ้าค่ะ เขาสั่งตำรวจสันติบาลออกสืบว่าเป็นกลุ่มของใคร แล้วก็ทำไปทำไม ถ้ามีความก้าวหน้าอย่างไรลูกก็จะโทรศัพท์มาบอกผู้กำกับให้กราบเรียนหลวงตาเจ้าค่ะ

หลวงตา : สำหรับหลวงตานี้นะ คือหลวงตาพูดตามหลักความจริงที่ได้เห็นได้ยินได้ฟังอะไร ๆ มา ทราบเรื่องราวมายังไงเราก็เล่าตามนั้น ๆ อย่างที่ว่านี้เป็นความจริงเรียกว่าร้อยเปอร์เซ็นต์มาหลายแบบหลายฉบับ ที่เขามาบอกมากล่าวมากระซิบกระซาบเรื่องราว เป็นแต่เพียงว่าเขาไม่ได้บอกว่ากลุ่มนั้นกลุ่มนี้คนนั้นคนนี้เท่านั้นแหละ ถึงเขาบอกเราก็พูดไม่ได้เข้าใจไหม อย่าว่าแต่เขาบอกหรือเขาไม่บอกเลย เราพูดไม่ได้อยู่แล้วเรื่องเหล่านี้ แต่ความเป็นจริงที่เป็นมายังไงนี้เป็นความจริง

อ.รัตนา : แต่ว่ายังไงตำรวจสันติบาลเขาก็ต้องเอาให้ได้ละค่ะ ไม่ว่าใครค่ะ แล้วก็ทำทำไมเจ้าค่ะ

หลวงตา : มาทุกแบบ คือลูกศิษย์ด้วยเจตนาหวังดีเขาพูดอย่างตรงไปตรงมาเลยก็มี ก็ชาติไทยเรานี้เวลานี้หัวใจของชาติไทยอยู่กับหลวงตาบัวว่าอย่างนี้นะ เขาจะพยายามทุกวิถีทางเพื่อให้เราล้มแล้วชาติไทยจะเป็นของใคร เขาไม่พูด เขาพูดแต่จุดที่สำคัญ คือมีหลวงตาบัวเท่านั้นจะว่าอย่างนั้นเลย ในทั่วประเทศไทยนี้ มีมาหลายแง่หลายมุม แต่เรื่องราวอย่างนี้คล้ายกัน ที่ว่าเขาจะพยายามกำจัดจะพยายามทำลาย

อ.รัตนา : ฟังแล้วเครียดเจ้าค่ะ ลูกศิษย์หลายคนเครียดมากเจ้าค่ะ เลยต้องไปทำอย่างนี้เจ้าค่ะ เพื่อว่าให้เขาเอาออกมาซิว่ามันเป็นใครเจ้าค่ะ

หลวงตา : หลวงตาเป็นธรรม เพราะงั้นหลวงตาจึงพูดได้ตามที่ได้ยินได้ฟังมา จะเป็นใครหลวงตาก็ไม่พูดเป็นเรื่องอีกเรื่องหนึ่ง ๆ แต่ความจริงที่ออกมาสู่ที่เปิดเผยสาธารณะได้ ก็คือดังที่พูดออกมานี้ละ เป็นความจริงอย่างนั้น มีทุกแห่งทุกหน ไปที่ไหนก็เหมือนกัน เช่นยกตัวอย่างนะ เราพูดอย่างนี้มันเห็นมันถึงพูดได้ชัดนะ ที่เราไปบุรีรัมย์คราวที่แล้วนี้ พระก็มีมานะ เป็นพระมาที่จะบุกเข้าไปมาหาเรา แต่เจ้าหน้าที่ของเรามีรอบด้านอยู่ตลอด เวลามาเขาเข้าไปหาเรา พวกเจ้าหน้าที่ของเราห้าม ๆ ส่วนมากจะไม่มีเครื่องแบบ นอกเครื่องแบบทั้งนั้นเต็มไปหมดอยู่ในนั้น เวลาพวกนี้มาพระก็ห้ามไม่ให้เข้า แล้วก็มาอีกพวกหนึ่ง บางพวกขับรถยนต์มาเองเลย ขนาดนั้นละก็เห็นกันอย่างนี้ อย่างนี้ละเราพูดไม่ผิดใช่ไหมล่ะ มันขับรถยนต์มาเองนะ ลงจากรถแล้วก็บึ่งเข้าไปหาเรา

อ.รัตนา : เป็นตำรวจ (หมายถึงผู้กำกับ) ทำไมไม่จับเขาล่ะ

หลวงตา : ตอนนั้นเป็นตำรวจนอกเครื่องแบบ ถ้าในเครื่องแบบแล้วใครมาตัวนี้มาก็มาซิน่ะ นี่ละอันหนึ่งนะ อันที่สอง ก็คือว่าขับรถมาเองเลยนะ โอ๊ย.ยิ่งทุเรศเรา ครั้งแรกสององค์ครั้งแรกมาสององค์นะที่ไปทางศรีสะเกษคราวที่แล้ว อันที่สามนี้ปลอมตัวบวชเป็นพระเข้ามาหาเร าแต่เขาไม่ให้เขา เขากลับออกไปสึก คนปลอมบวชว่าอย่างงั้น อย่างนี้ละมันมีมาอย่างนี้เท่าที่เราได้ยินได้ฟังมา

อ.รัตนา : เห็นบอกว่ามาทำร้ายด้วยเจ้าค่ะ เห็นบอกมากรีดที่แขนด้วยเจ้าค่ะ

หลวงตา : เอ่อ.กรีดมี ๆ อันนี้ไปบ้านดงเย็น ดูว่ามาสององค์

ลูกศิษย์ : หลวงตาเทศน์อานิสงส์ของการทำร้ายพระอรหันต์

หลวงตา : เรื่องราวนี้มันเป็นอย่างว่า คือเป็นความจริงถ้าลงหลวงตาได้ออกแล้ว ไม่มีสองว่างั้นเลย เราจะเอาคำเท็จโกหกมาพูดไม่ได้เป็นอันขาด เพราะฉะนั้นเราเห็นเรื่องราวที่มันเป็นฟืนเป็นไฟอยู่ในเพศของพระเป็นเปรตเป็นผี เราจึงดูไม่ได้ว่างั้นเถอะ เพราะเราไม่เคยเห็น เราบวชมานานแล้ว การปฏิบัติตามหลักธรรมวินัย เราปฏิบัติมาเอาชีวิตเข้าแลกตลอดมา แล้วเราไม่เคยเห็นความเลยร้ายของพระที่มาประกาศตนทุกแบบทุกฉบับ เช่น ประกาศโฆษณาหลอกลวงเขา พระหลอกลวงได้ยังไงแน่ะ โกหกหลอกลวง จากนั้นก็โจมตีเรา นี่ที่มันชัดเจนมาก หลวงตาจับเอาตอนโจมตีหลวงตานะ จับยังไง คือมันสวนกันร้อยเปอร์เซ็นต์ก็เราทำหน้าที่เอง คือเขาโฆษณาโจมตีเราว่าเงินบรรดาพี่น้องทั้งหลายบริจาคผ่านมาหาหลวงตาบัวนี้ หลวงตาบัวเอาเข้าพุงหมดเลย

ทีนี้เขาว่าเข้าพุงตัวเองหมดกับที่เราปฏิบัติมาบอกตรง ๆ เลยว่าสตางค์หนึ่งเราไม่มีขนาดนั้นนะ เราบริสุทธิ์ขนาดนั้น กับว่าเอาเข้าพุงตัวเองหมด เราจึงจับได้ปุ๊บเลยว่า นี่มันขาดไปแล้วเรื่องของพระขึ้นทันทีเลย หาความเป็นพระไม่ได้แล้ว ความบริสุทธิ์ของเราเต็มสัดเต็มส่วนกับความมันโจมตีเรานี้มันสวนทางกันด้วยความสกปรกสุดยอดว่างั้นเถอะนะ ผ่านไปร้อยเปอร์เซ็นต์กับความบริสุทธิ์ร้อยเปอร์เซ็นต์จับเอาจุดนี้เลย พวกนี้มันหมดแล้วสภาพเป็นพระ ที่เราพูดปลีกย่อยไปก็คือว่า ใครคนไหนที่มาเห็นทะเบียนบัญชีของเราที่จัดเก็บรับจ่ายอะไร ๆ ทั้งหมดใช่ไหม ก็ไม่เคยมาเห็นเลย แล้วเหตุใดมาหน้าด้านพูดว่าเงินพี่น้องทั้งหลายบริจาคนี้เราเอาเข้าพุงของเราหมดนี้ มันเอามาจากไหน เราเป็นผู้จัดผู้เก็บรักษาเองใช่ไหม ใครจะรู้ยิ่งกว่าเรา

ไอ้พวกนี้มันเอาความรู้มาจากไหนจึงมาต้มเราได้อย่างนี้ แบบหน้าด้านว่างั้นเลย นี่ที่เราว่าหมดสภาพพระว่างั้นเลย เราพูดจริง ๆ อย่างนี้แหละ เพราะเรื่องที่ว่ามีเรื่องราวมาหาเราจะทำอย่างนั้นอย่างนี้ เราได้ยินมาอย่างนั้นเราพูดอย่างนั้น เข้าใจแล้วนะ เราจะพูดอย่างอื่นไปไม่ได้ อันนี้ออกมาเขาก็บอกมาแต่เพียงว่าออกมาจากกลุ่มนี้ พวกนี้เขาบอกว่าพวกพระ แน่ะฟังซิ มันก็ฟังไม่ได้เลย

อันนี้เราพูดตามเรื่องราวของโลกสกปรก สำหรับเราเองไม่มีในสามแดนโลกธาตุเราบอกไม่มีเลย สำหรับเราเองในสามแดนโลกธาตุนี้ไม่มีอะไรในใจของเราเลย เท่าที่เขามาพูดให้ฟังนะ เรียกว่าเขาเป็นเดือดเป็นแค้นต่อหลวงตานี้อย่างสุดยอดเลย เพราะฉะนั้นจะได้วิธีใดขอให้เอาเลย ๆ ถึงขนาดนั้น

อ.รัตนา : เขาออกทั่วประเทศค่ะ แล้วก็ไปเที่ยวพูดพอดีหลานที่บ้านเขาไปที่อยุธยา วัดมเหยงค์ เขาไปพูดไปว่าทั่วประเทศเลยค่ะ หลานเขาทนไม่ได้เขาก็เลยมาบอกเจ้าค่ะ เรื่องว่าเขาว่าทางฝ่ายหลวงตานี่ค่ะ ถ้าสันติบาลเขาจับได้เราต้องโฆษณานะค่ะว่าเขาทำเราเพราะเหตุใด ลูกต้องขออนุญาตเจ้าค่ะว่าหลวงตาทำประโยชน์

หลวงตา : เราก็เล่าให้ฟังเฉย ๆ เพื่อพวกเราได้มีข้อคิดต่าง ๆ ที่จะปฏิบัติให้เป็นประโยชน์แก่ชาติของเราก็พอแล้ว ก็เท่านั้นละ เราเล่าให้ฟัง ไม่เพื่อความฉิบหายให้แก่ผู้ใดนะ หลวงตาเล่าตามเหตุตามผลตามอรรถตามธรรมไปกลาง ๆ ผ่านไปเลยอย่างนั้นละ เอาทีนี้เสร็จแล้วนะ นี้เราก็พูดถึงเรื่องเขาเป็นเดือดเป็นแค้นกับเรานี้เรียกว่า สุดยอดเลย จะทำได้วิธีไหนให้เอาเลย ถึงขนาดนั้นก็มีนะ ผู้ที่มาเล่าให้ฟัง แต่เราไม่ถามเรื่องราวต่อไป เพราะเราเป็นธรรมอยู่แล้วนี่ไปถามหาอะไร เรื่องเหล่านั้นก็เป็นเรื่องของเขาก็ปล่อยไปเรื่อย เป็นแต่เพียงว่ารับทราบ ๆ ไว้แล้วผ่าน ๆ ให้เราไปซอกแซกไม่เอา ไม่เล่น ก็มีเท่านั้นละ

อ่านธรรมะหลวงตา วันต่อวัน ทางอินเตอร์เน็ต www.luangta.com


** ท่านผู้เข้าชมทุกท่านโปรดทราบ
    เนื่องจากกัณฑ์เทศน์บางกัณฑ์มีความยาวค่อนข้างมาก ซึ่งจะส่งผลต่อความเร็วในการเปิดเว็บไซต์ ขอแนะนำให้ทุกท่านได้อ่านเนื้อหากัณฑ์เทศน์บางส่วนจากเว็บไซต์ และให้ทำการดาวน์โหลดไฟล์กัณฑ์เทศน์ที่มีนามสกุล .pdf ไปเก็บไว้ในเครื่องของท่านแทนการอ่านเนื้อหาทั้งหมดจากเว็บไซต์

<< BACK

หน้าแรก