|
/body onLoad="MM_preloadImages('../images/link_2_6_a.gif')">
/SCRIPT LANGUAGE="javascript1.1" page="dhamma_online";
/SCRIPT LANGUAGE="javascript1.1" src="http://truehits1.gits.net.th/data/e0008481.js">
|
|
|
หลวงตาพูดตรงไปตรงมาไม่ไว้หน้าใคร |
|
วันที่ 28 พฤษภาคม 2545
สถานที่ : วัดป่าบ้านตาด |
| | ดาวน์โหลดเพื่อเก็บไว้ในเครื่อง ให้คลิกขวาแล้วเลือก Save target as .. จาก link ต่อไปนี้ :
| |
ค้นหา :
หลวงตาพูดตรงไปตรงมาไม่ไว้หน้าใคร
เมื่อวานนี้ตอนเย็น ๆ เราบุกเข้าไปข้างในครัวอีก คืออยู่ข้างนอกกระต่ายมันออกมาเพ่นพ่าน ซึ่งเป็นเวลายังปล่อยหมาอยู่นะ คือหมาจะอยู่บริเวณนี้ สำหรับกระต่ายใหญ่มันได้ยินเสียงหมาเห่าหรืออะไรอยู่แถวนี้มันไม่กล้าออกมา มันจะออกมาอยู่นี้แล้วมันเข้า แต่ลูกกระต่ายน่ะซีมันออกมาเมื่อวานนี้ เราไล่ตัวนี้ เดี๋ยวไล่ตัวนั้น มีแต่ลูกกระต่าย อ้าว ไม่ได้การเดี๋ยวหมาเอาหมดนะ ให้พระช่วยเอาไม้ปาให้มันไป ไปแล้วออกช่องนี้อีก มีแต่ลูกกระต่าย เกิดเหตุแล้วนะ เราบอกให้พระไล่ เราก็ไล่เข้าไปข้างใน ทีนี้เราเข้าไปถึงกุฏิแล้ว โผล่ออกมามีแต่ลูกกระต่ายมาหาเรา เราเอาไม้ไล่ปา ไม่ไล่ไม่ได้เดี๋ยวกระต่ายนี้จะตายหมด หมาวิ่งไปวิ่งมาขยำเอาแหลกเลย
เห็นไม่ได้การ เราก็โดดจากกุฏิเข้าครัวเมื่อวานนี้ ไปสั่งทางครัว ลูกกระต่ายให้มีตาข่ายล้อมเอาไว้ อย่าด่วนให้ออกมานะเพราะลูกกระต่ายมันวิ่งไม่เร็ว มานี้ต้องตายหมาไล่กัด ให้กั้นตาข่ายทำรั้วให้มันอยู่เสียก่อน ให้บอกทั่วกันไป เวลานี้ลูกกระต่ายเยอะ ออกมาข้างนอกมีแต่เรื่องจะตายทั้งนั้นแหละ อย่าด่วนให้ออก ลูกกระต่ายให้ขังไว้ก่อน โตแล้วมันอยากจะออกก็ค่อยออกเพราะมันวิ่งเร็วแล้ว หมาไล่ไม่ค่อยทัน แต่ลูกกระต่ายตัวไหนก็เสร็จเลย รีบไปบอกเมื่อวานนี้ สงสารสัตว์มากนะ ถ้าออกมาระยะนี้ตายนะลูกกระต่าย นี่ได้จับแมวออกไปก็เกี่ยวกับลูกกระต่ายเป็นสำคัญ เมื่อวานนี้มันเยอะจริง ๆ นะลูกกระต่าย ออกมาทุกช่อง ยังไงกัน แม้ที่สุดอยู่กุฏิของเรามันก็ออกมาช่องนั้น ๆ มีแต่ลูกกระต่าย
อ้าว มันยังไงกัน เลยโดดจากกุฏิแล้วเข้าไปข้างในครัว มันเหมือนว่ากระต่ายมาเตือนเรา เป็นลักษณะนั้นนะ เพราะทุกวันไม่มีอย่างนั้น มันออกทุกช่องเมื่อวานนี้นะ ไล่ทางนี้เสร็จแล้วเข้าไปข้างใน ออกทางในอีก มองไปไหนมีแต่ลูกกระต่ายไอ้ตัวที่จะตายง่าย ๆ นั่นแหละพูดง่าย ๆ มันยังไงกัน มันผิดปกติเมื่อวานนี้ ทุกวันไม่เคยเห็นอย่างงั้น เมื่อวานออกทุกแห่งลูกกระต่าย ออกช่องนั้นแล้วออกช่องนี้ ไล่จนไม่ทัน มันออกทุกช่อง ทั้ง ๆ ที่เวลานั้นปล่อยหมาอยู่นะ ถ้ากลางคืนแล้วหมาถึงไม่ขังมันก็ไปอยู่ทางครัวนอนธรรมดา มันไม่ค่อยเที่ยว กระต่ายก็ออกเพ่นพ่านได้กลางคืนนะ แต่ตอนกลางวันตอนเย็น ๆ นี้ไม่ได้นะ พอมันเจอปั๊บไล่กัดเอาเลย
มันผิดปรกติเมื่อวานนี้ ลูกกระต่ายมาจากที่ไหนกันบ้าง มองที่ไหนมีแต่ลูกกระต่ายโผล่ออกมา ๆ แม้ที่สุดเราเข้าไปกุฏิแล้วมันยังโผล่ออกมาอีก ออกช่องนั้นออกช่องนี้ มันอะไรอีก อ้าว กระต่ายเหล่านี้จะตายหมดนะ เลยรีบเข้าไปสั่งทางครัวให้ล้อมคอกไว้เสียก่อนอย่าด่วนให้ออก มันโตแล้ววิ่งเร็วมันก็รักษาตัวได้ดีกว่าลูกกระต่าย อันนี้มันไม่รู้ภาษีภาษาอะไร มาก็ตายเท่านั้น ยิ่งมากขึ้นทุกวัน ๆ กระต่าย ดูทางโน้นก็เหมือนกันกระต่ายมีอยู่ทั่วไปเดี๋ยวนี้ ข้างในมีทั่วไปหมดนะกระต่าย
ที่มันอยู่กับเจ้าของที่เลี้ยงมันไว้ เอาผักเอาหญ้าอะไรไปวางไว้ เขาจะอยู่ที่นั่นกับเจ้าของเขา พระ ระยะนี้ที่เช่นนั้นไม่ค่อยมีกระต่ายนะ มันมีอยู่ทั่วไปหมดเดี๋ยวนี้ มันออกไปหมด มีเยอะกระต่าย กระแตก็เยอะ โอ๋ย เราสงสารสัตว์นะ ไปที่ไหนจะจ้องดูแต่สัตว์ พวกกระแตเชื่องมากไม่รู้จักกลัวคน แล้วลูกกระต่ายด้วย หมามันเข้าไปมันกัดเอานะ ข้างในหมาเข้าไปหรือเปล่า เห็นหมาเข้าไปไหม ถ้าตัวไหนเข้าไปอย่าคุ้นกับมัน เว้นแต่ไอ้หยองกับไอ้กี้เท่านั้น ไอ้นี้มันไม่มีบัญชี มันก็ไม่ทำสัตว์นะ แต่ไอ้หมีให้ระวังให้ดี ไอ้หมีไปมันเอาจริง ๆ ก็มีไอ้หมีตัวเดียว นอกจากนั้นไม่เห็นตัวไหนเข้าไป
ก็เราสังเกตอยู่ เดินจงกรมอยู่ถ้าไอ้หมีไปมันก็ผ่านมาทางจงกรมเรา บางทีมันออกมาจากสระ ผ่านมาทางจงกรมเรา เรากำลังเดินจงกรม มันวิ่งปึ๊บมาเลย มึงไปไหนมานี่ มันไม่กลัว ไปเลย เจอบ่อยไอ้หมี ตัวเหล่านั้นไม่เห็นเข้าไปข้างใน ให้ระวังนะ ถ้าไอ้หมีเข้าไปให้ขู่เลย อย่าไปคุ้นกับมันไม่ได้นะ ให้ขู่ มึงมาอะไร บอกงั้นเลย ทำท่าคึกคักใส่มันมันก็วิ่ง เพราะพระเคยทำท่าใส่มัน วิชานี้ทางพระใช้อยู่แล้ว ไปถึงนู้นพอเห็นทางนั้นคึกคัก โฮ่ นี่ก็มีเหรอ พวกเปรตมีอยู่ทั่วไปเหรอมันจะว่า
ไอ้หมีมันเชื่องดี มันน่ารักอย่างหนึ่ง เราเอามาพิจารณานิสัยสัตว์ เอ๊อ มันก็ดีอย่างหนึ่งนะไอ้หมี เราได้เห็นชัดเจนมากทีเดียวกับไอ้ปุ๊กกี้มันติดพันกัน แต่เวลามันจะเป็นอีกแง่บ้าของมันไอ้ปุ๊กกี้ พวกเด็กเขามานอนที่นั่น ไอ้ปุ๊กกี้มันก็ไปพันอยู่กับเด็ก เขาไปนอนที่กุฏินั้นนะ ทีนี้มันไปอยู่ที่นั่นมันหวง มันไม่ให้ตัวไหนเข้าไปเลย มันไล่กัดเอาเลยแหละไอ้ปุ๊กกี้น่ะ ทีนี้พอดีไอ้หมีไปล่ะซี เพราะเขาคุ้นกันกับปุ๊กกี้ พอไอ้หมีเข้าไปก็โดดใส่ไอ้หมีไล่กัดไอ้หมีเลย ไอ้หมีก็หลบหมัด ทางนั้นกัดปุ๊บทางนี้หลบ ๆ ทีนี้ก็วิ่ง ไอ้นี่ก็ไล่ คือไม่ยอมให้เข้าไปเลย ขนาดนั้นนะ ไอ้หมีเขาก็รู้ว่า นี่เป็นบริเวณเขาครองอำนาจ ความหมายว่าอย่างงั้น เขามีเจ้าของอยู่งั้น ทีนี้พอไอ้หมีวิ่งมามันก็ไล่ตามไล่กัดจริง ๆ นะไม่ใช่เล่น มันไล่กัดเอาจริง ๆ ไอ้หมีก็ไม่เล่นด้วยนะ มันไม่ถือสาเด็ก เราสังเกตดูจึงว่านิสัยหมาตัวนี้ดีอย่างหนึ่ง ไอ้ปุ๊กกี้เอาจริงเอาจังมากนะ ไล่กัดเอาจริง ๆ ทางนั้นหลบ หลบไปหลบมาก็วิ่ง ไอ้ปุ๊กกี้ก็ไล่ ทางนั้นก็ไปใหญ่มานี้เลย มันรำคาญมันเลยวิ่งมานี่ ไอ้หมีไม่เข้าแหละถ้าไอ้กี้อยู่นั้น
มันดีอย่างหนึ่งคือไม่ถือสีถือสาเลย ไอ้ปุ๊กกี้จะทำอะไรมีแต่หลบ ๆ แล้วเปิดหนีเลย มันรำคาญท่า ก็ดีอย่างหนึ่งนิสัยมันดี เวลามันผิดพลาดอะไรเจ้าของตี ไม้เรียวหวด หมอบ หวดเท่าไหร่ยิ่งหมอบ นี่ก็ดี รู้ผิดนะ นิสัยมันดีอย่างหนึ่ง มันมีแต่ขู่เขาเท่านั้น แต่ไม่เคยกัด พอขู่เขาแล้วก็วิ่งเลย เพราะพอขู่เขาแล้วไม้เรียวลงข้างหลังล่ะซี มันมัวแต่ขู่เขาไม้เรียวซัดลงหลังก็วิ่ง ทีนี้พอขู่เขาแล้ววิ่ง ไม้เรียวมาไม่มาวิ่งเลย เขาก็ฉลาดเหมือนกันนะ เข้าท่าดี เล่นกับหมาก็น่าดูนะ พูดเรื่องหมา นิสัยหมามันก็มีหัวใจของมัน มันรู้จักผิดจักถูกเหมือนกัน ตายไปเรื่อย ๆ ตัวหนึ่งก็ตายแล้ว ไอ้จ้ำหลอด เอาไปฝังไว้ที่กุฏิ บริเวณกุฏิเราป่าช้าหมานะ ตัวไหนตายเราสั่งเองให้ไปฝังไว้ที่รอบ ๆ กุฏิของเรา ตายไปตัวหนึ่งแล้ว ดูเหมือนประมาณวันที่ ๒๐-๒๑ นี่ตายไปตัวหนึ่ง มันตายเป็นชุด ๆ ไป พอมันแก่แล้วก็ตาย ๆ ยังลิงตัวหนึ่งอยู่นั้นเอามาขังไว้
เมื่อวานนี้นั่งรถไปเห็นสามีภรรยานั่งมอร์เตอร์ไซด์มา กระติบข้าวเต็มข้าง ๆ ทั้งเต็มข้างหน้า สามีภรรยาเขาจะไปขายกระติบหรืออะไรก็ไม่รู้ เรามองดู เรานั่งรถเราก็ดูไป พอไปถึงข้างหน้าแล้วก็จอดรถถามดู กระติบนี้อันหนึ่งเท่าไร ๆ ว่าอันหนึ่งเท่านั้น ๆ แล้วจะเอาไปยังไงมายังไง ว่าไปซื้อเขามา ทั้งหมดนี้ซื้อราคาเท่าไร ดูเหมือน ๑,๕๐๐ หรือเท่าไร กระติบเป็นพวง ๆ เต็มตัวเลย แล้วกระติบอันหนึ่งขายเท่าไร ว่าขายเท่านั้น ๆ แล้วทั้งหมดซื้อมาเท่าไร ซื้อมาเท่านั้น ๆ เราก็คิดดูราคาเขา เขาซื้อมาดูเหมือน ๑,๔๐๐ เราก็เลยให้ ๑,๕๐๐ แล้วเราเอาพวงหนึ่ง ซื้อพอเป็นพิธี เอาพวงเดียวเท่านี้ เอาไปขายต่อให้ได้กำไรต่อกันไปนะ เราได้พวงหนึ่งก็ประมาณสัก ๔-๕ กระติบนั่นแหละเราก็เอาขึ้นรถเราไป พอไปอีกคิดอีก พิจารณาอีก ไปข้างหน้าบอกเขาจอดรถอีก นี่เขาจะได้กำไรเพียง ๓๐-๔๐ บาท ไม่พอ เลยจอดรถอีกรอเขามา เราลงไปบอกให้เขาเพิ่มอีกสัก ๕๐๐ เป็นสองพัน ให้เขาได้กำไร ๕๐๐ เราก็เอาเท่านั้น
พอมองเห็นปุ๊บปั๊บเลยนะ นั่นเห็นไหมมันจำได้ ทำไมถึงปุ๊บปั๊บจำได้เหรอ จำได้นี่หลวงพ่อ แล้วทำไมถึงจำได้ โอ๋ย ดูทีวีทุกวัน อย่างนั้นละไปไหนจำได้ทันทีเลย หลวงพ่อพูดน่าฟัง น่าฟังยังไง พูดไม่ไว้หน้าใครเลย เขาก็รู้นี่นะ พูดตรงไปตรงมา เขาฟังเขายังรู้นี่นะ พูดไม่ไว้หน้าใครเลย พูดอย่างตรงไปตรงมา น่าฟังมาก เขาว่าน่าฟัง คือมันเป็นสารประโยชน์ใช่ไหม พูดตามความสัตย์ความจริง ไม่อ้อมค้อมไม่หลบไม่หลีกเหมือนกิเลส กิเลสมันหลบนั้นหลบนี้ ทางธรรมนี้ตรงไปตรงมา
เขาอยู่บ้านนอกนะ เขาดูทีวีทุกวัน หลวงพ่อออกแทบทุกวันนั่นแหละ ถ้าเป็นหลวงพ่อออกแล้วจ้อฟังแล้ว หลวงพ่อพูดเข้าท่าดี พูดอย่างตรงไปตรงมาไม่มองดูหน้าใครเลย พูดอย่างตรงไปตรงมาน่าฟังดี เพลิน พูดไม่ไว้หน้าใคร จากนั้นที่มาขบขันท่านดุพระ เราก็เป็นพระ ดุใครจะเป็นอะไรไปวะ เราว่าอย่างนี้ ดุเขาก็ดุเรานั่นแหละ เราก็เป็นพระ พระบางองค์ก็ปฏิบัติเหลวแหลกแหวกแนว อู๊ย น่าฟังท่านดุพระ เราก็เป็นพระเราก็ดุได้ละซี ดุเขาดุเราไปด้วยกันนั่นแหละเราว่างั้น เท่านั้นเราก็ผ่านไป ให้เขา ๒ พันเมื่อวานนี้ อย่างนั้นละความเมตตาสงสาร
ที่เขาพูดเมื่อวานนี้ก็เป็นคติอันหนึ่ง เขาไม่เคยเห็นหน้าเราเลย พอมองเห็นนี่ปุ๊บทันทีเลย ทำไมถึงรู้ว่าเป็นใคร อู๊ย รู้ หลวงตา เขาบรรยายไป เขาว่าพูดตรงไปตรงมาซึ่งคำพูดเหล่านี้เขายังไม่เคยได้ยินกัน พูดตรงไปตรงมาไม่มองหน้าใคร ผิดบอกว่าผิด ถูกบอกว่าถูกไปเลย ฟังแล้วน่าฟัง นี่อันหนึ่งที่เป็นคติ นี่แหละภาษาธรรม พี่น้องทั้งหลายจำเอานะ เราไม่มีอะไรกับโลก จะพูดขนาดไหนอันไหนเพื่อประโยชน์แก่โลกทั้งนั้น เรื่องพิษภัยในคำพูดของเราไม่มี พูดตรง ๆ อย่างนี้เลย บอกว่าไม่มี ผิดบอกว่าผิดก็คือให้แก้ ถูกก็บอกว่าถูกค่อยส่งเสริม ไม่ได้มีอะไรเสียหาย นี่แหละเขาบอกว่าน่าฟังมาก ถ้าหลวงพ่อพูดแล้วฟังจ่อเลย พูดน่าฟัง พูดอย่างตรงไปตรงมาไม่มองหน้าใครเลย นั่นละภาษาธรรม ให้ไปปฏิบัติต่อกันนะ เราว่าแล้วชี้ใส่เมียเขา ให้ปฏิบัติต่อกันนะ เขาก็ยิ้ม ๆ
ภาษาธรรมเป็นอย่างงั้น ตายใจได้ พูดอย่างไม่มีแง่งอน พูดอย่างตรงไปตรงมา นี่ภาษาธรรมพี่น้องทั้งหลายเพิ่งเริ่มได้ยิน ตอนที่หลวงตาออกสนามช่วยชาติบ้านเมือง ภาษาอย่างนี้พูดอย่างเต็มยันได้เลยว่าไม่มีใครพูด ก็เพราะเกรงอกเกรงใจกัน ติดเขาติดเรา เมื่อติดเราแล้วมันก็ออกไม่ได้ เกรงใจเขาเกรงใจเราก็ออกไม่ได้ ก็มีแต่เรื่องกิเลสออก พูดกันกิริยาท่าทางยิ้มแย้มแจ่มใสภายนอก ภายในเป็นไฟ เรื่องธรรมไม่เป็นอย่างนั้น ภายในเป็นน้ำเป็นท่าชุ่มเย็น กิริยาออกมาเหมือนชะเหมือนล้างของสกปรก ให้พี่น้องทั้งหลายจำเอานะ นี่ก็ออกทั่วโลก เราพูดจริง ๆ เราไม่เคยสนใจกับอะไรกับใครในโลกนี้ สนใจแต่เรื่องดีกับชั่วที่มันอยู่กับสัตว์กับบุคคล การเทศน์ก็เทศน์ไปจุดนี้ จุดดีจุดชั่วให้ละให้ถอนให้บำเพ็ญกัน
ธรรมนี้สอนเพื่อดีทั้งนั้น ไม่มีเพื่อเสีย ภาษาอย่างนี้ก็ไม่มี พูดควรหนัก หนัก ที่ว่าพูดหยาบพูดโลนพูดอะไร ทางภาษาธรรมไม่มีนะ มีแต่ความระลึกอย่างแบบกิเลสว่าพูดหยาบพูดโลน ไม่มีธรรม มีแต่ความสะอาดสกปรกมากน้อยเพียงไร ๆ เหมือนเรามองดูที่สกปรก เทน้ำที่สะอาดชะล้างลงสิ่งที่สกปรก จะไปโกรธกันอะไร สกปรกก็รู้ว่าสกปรก น้ำที่สะอาดก็ชะล้างลงไปเท่านั้นเอง ไม่ได้โกรธกันนะระหว่างน้ำกับสิ่งสกปรก อันนี้ระหว่างกิเลสกับธรรมก็ชะล้างกันไปแบบนั้น กิริยาที่พูดก็เหมือนเราเทน้ำสาดลงไปที่สกปรกนั่นเอง ไม่ได้ผิดกัน ใครจะว่าอะไรเราจึงไม่เคยสนใจ เราไม่มีจริง ๆ อย่างนั้น เราคิดว่าจะพูดสกปรกพูดหยาบโลน เราไม่มี มีแต่แง่ที่มันพอรับกันพอดี ที่นี้สกปรกมากน้อยเพียงไรน้ำขนาดไหนพอดีกัน เทลงชะล้างลงตามขนาดแห่งความสกปรกที่มีมากน้อย ถ้าสกปรกน้อยก็เทราดลงสาดลงไปน้อย ถ้ามากก็สาดลงแรง ก็มีเท่านั้น
เรื่องธรรมชำระกิเลสก็ชำระอย่างนั้นเหมือนกัน ที่จะให้พูดว่าจะให้เป็นไปตามที่โลกเขาเจตนากันตามเรื่องของกิเลสนี้ไม่มี คือเรื่องของกิเลสมันต้องป้องกันตัวมันไว้ตลอด เพราะไม่มีอันใดในโลกนี้ที่จะหยาบโลนยิ่งกว่ากิเลส สกปรกยิ่งกว่ากิเลส และทุกสิ่งทุกอย่างเป็นภัยอยู่กับกิเลสทั้งหมด มันซ่อนเอาไว้ไม่ให้เห็น มันเอาแต่สมบัติผู้ดีสวยงามมาหลอกโลก พูดประจบประแจงเลียแข้งเลียขากันไป ส่วนภายในมันซ่อนไว้มีแต่พิษนะ ธรรมนี้เปิดออกหมด ๆ ชะล้างเข้าไปหมดเลย มันต่างกันอย่างนี้ ทีนี้โลกเขาไม่เคยเห็นธรรมประเภทนี้ ก็พูดง่าย ๆ ว่าติดเขาติดเราแล้วพูดไม่ได้นะ ถ้าติดเราแล้วพูดออกไป เกรงใจเขาเกรงใจเราก็อันเดียวกัน อายเขาอายเราก็อันเดียวกัน มันกระเทือนถึงกัน นั้นก็กิเลส นี้ก็กิเลส ต่างอันต่างกิเลสก็เกรงใจกัน ไม่แสดงออกตามสิ่งที่กิเลสไม่ต้องการ จะแสดงออกแต่สิ่งที่กิเลสต้องการเท่านั้น ไพเราะเพราะพริ้งกิเลสชอบมาก ไม่มีอะไรชอบยกชอบยอยิ่งกว่ากิเลส ให้จำเอาทุกคน
ถ้าหากเป็นความตรงไปตรงมากิเลสไม่ชอบ แต่ธรรมนี้ต้องตรงไปตรงมา อ้อมแอ้มไม่ได้ธรรม ขัดกัน เพราะฉะนั้นภาษาธรรมกับภาษากิเลสจึงต่างกัน บางทีก็ยกโคตรยกแซ่มา ทำไมยกโคตรยกแซ่มา น้ำหนักอยู่ที่โคตรที่แซ่ ลูกเต้าหลานเหลนถือโคตรถือแซ่เป็นสำคัญใช่ไหม นั่นละน้ำหนักอยู่ตรงนั้น ทีนี้เวลามาต่อสู้หรือต่อกรกัน น้ำหนักนี้ไม่พอ ยกโคตรมา โคตรมันมีน้ำหนักมากฟาดอันนี้ราบไปเลย เข้าใจเหรอ นี่ละจึงมียกโคตรยกแซ่มา เอาโคตรมา เท่านี้ไม่พอให้เอาโคตรมา คือโคตรมีน้ำหนักมากกว่า มีกำลังมาก ให้เอาโคตรมาช่วย ไม่งั้นจะพัง ต้องเอาโคตรมาช่วย มีเท่านั้นเอง คือเอาน้ำหนักมาเทียบกันเรื่องเหตุเรื่องผล เอามาแก้กัน ๆ เรื่องที่จะให้เป็นแบบสกปรกภายในใจแสดงออกมานี้เรียกว่าธรรมไม่มีเลย ใครจะว่าเท่าไรก็ไม่มี เรื่องของกิเลสมันต้องหาเรื่องใส่เสมอเพราะมันชอบยอกิเลสนี่ ยอเก่ง กิเลสชอบยอทั้งนั้นไม่ว่าเขาว่าเรา มีอยู่ที่หัวใจด้วยกัน
ปั๊บนี่มันรู้ทันที ถ้ามีธรรมเข้าไปแทรกปั๊บ เรื่องสิ่งเหล่านั้นสิ่งที่ยกยกปอปั้นมันจะปัดของมันออกเพราะไม่ใช่ของจริง อันนั้นของปลอม ของย้อมของแฝงเข้ามาเฉย ๆ ธรรมเป็นของจริง ของจริงเข้าปั๊บอันนั้นกระจายออก ๆ ทีนี้เมื่อมีแต่ธรรมเข้ามาอยู่ล้วน ๆ แล้วของปลอมเข้ามาใกล้ไม่ได้เลย ออกอะไรมีแต่ความจริงล้วนๆ เรียกว่า ธรรม ให้พี่น้องทั้งหลายจำเอาไว้ อย่างหลวงตาเทศน์หลวงตาจะไม่รู้ยังไง ว่าเราเทศน์ไปอย่างนี้เขาจะต้องว่าอย่างงั้น เขาตำหนิอย่างนั้นอย่างนี้ เราไม่เอากิเลสมาเป็นประมาณที่เทศน์ได้เข้าใจไหม เราเอาธรรมเท่านั้นมาเป็นประมาณ เพราะธรรมเป็นเครื่องสอนโลกให้เป็นคนดีสัตว์ดีได้ ส่วนกิเลสไม่มีทางที่จะให้ดี ปฏิบัติตามมันเท่าไรยิ่งเลว เพราะฉะนั้นจึงไม่เอากิเลสมาเป็นแบบฉบับ เอาธรรมเท่านั้นเป็นแบบฉบับ
สอนโลกจะหนักจะเบาขนาดไหน ก็เหมือนเราเอาน้ำที่สะอาดชะล้างลงในสิ่งที่สกปรก มีจำนวนมากน้อยเพียงไรชะล้างกันลงให้ถึงกัน ๆ แล้วมันก็สะอาดได้ อันนี้ธรรมก็ชะล้างลงไป ควรยกโคตรยกมา น้ำในตุ่มนี้ไม่พอ เอาโคตรของน้ำในตุ่มมาอีกชะกันลงไปล้างกันลงไป มันก็ทันกันเข้าใจไหมล่ะ เราไม่เคยสนใจเรื่องที่โลกจะมาตำหนิติเตียนอะไร เพราะไม่มีอะไรเหนือธรรม ธรรมนี้ครอบโลกธาตุ โลกคือส้วมคือถานคือถังขยะนั่นเอง แล้วจะไปแข่งธรรมได้ยังไง ธรรมต้องเป็นธรรมตลอด ไม่ว่าแง่ใดของธรรมสูงเหนือกว่า ๆ ตลอด โลกุตรธรรมแปลว่าธรรมเหนือโลก เหนือมาตลอด ไม่ว่าธรรมขั้นใด ๆ เอามาชะล้างเป็นผลเป็นประโยชน์ทั่วหน้ากันหมด ตามขั้นของความสกปรกในจิตใจคนและสะอาดในจิตใจคนมีมากน้อย น้ำคือธรรมจะชะล้างไปให้พอเหมาะพอดี ให้จำกันดี ๆ นะ สำหรับหลวงตา หลวงตาไม่มีอะไร ถ้ามีหลวงตาพูดไม่ได้พูดจริง ๆ ก็ติดเราล่ะซิ เกรงใจเขาก็เกรงใจเรา เราไม่ได้เกรงอะไร ขึ้นชื่อว่ากิเลสเป็นภัยทั้งนั้น จึงไม่เกรงใจมัน เรื่องธรรมเป็นคุณทั้งนั้นเอาธรรมนี้ออก เราพูดอย่างนั้นต่างหากนี่นะ
ให้โลกได้เห็นบ้างวงพุทธศาสนา การพูดออกมานี้เรายืนยันในหัวใจของเราทุกอย่างแล้ว เราไม่มีบกพร่อง การพูดออกมามีเนื้อมีหนังมีตนมีตัวออกมาพร้อมหมด ๆ ไม่ได้มาลูบ ๆ คลำ ๆ เห็นจะเป็นอย่างนั้นเห็นจะเป็นอย่างนี้ เราไม่มี มีแต่ต้องอย่างงั้นๆ จี้เข้าไปเลย ก็มันเห็นอยู่นี่ นอกจากไม่พูดเฉย ๆ ความรู้ความเห็นปิดได้ยังไง ถึงเวลาเปิดปิดไม่อยู่ นี่ใจพระพุทธเจ้าที่ว่า โลกวิทู รู้แจ้งโลก โลกนอกโลกในตลอดทั่วถึงรู้แจ้งหมด จึงนำมาสอนโลกได้เต็มเม็ดเต็มหน่วย ถ้าลูบ ๆ คลำ ๆ สอนโลกไม่แน่ สอนโลกไม่แน่หาความจริงก็ไม่ได้เหมือนกัน ถ้าลงสอนด้วยความแม่นยำแล้วแน่ทั้งนั้น
ให้พากันตั้งใจปฏิบัติ ให้ฟังเสียงธรรมนะ ถ้าไม่ฟังเสียงธรรมจะจมกันทั้งประเทศไทยเราทั้ง ๆ ที่ปฏิญาณตนว่าเป็นชาวพุทธ มันสร้างเสี้ยนสร้างหนามสร้างฟืนสร้างไฟเผาชาติเผาศาสนาอยู่เวลานี้ เห็นกันไหม พากันเห็นหรือยัง คนดีก็มีคนชั่วก็มี มีหัวใจทุกคน ศึกษาเล่าเรียนมาด้วยกันทุกคน ทำไมผิดถูกดีชั่วจะไม่รู้กัน คนเราฟังเสียงกันอยู่ เสียงมนุษย์หูมนุษย์ฟังกันทำไมจะฟังไม่ได้ นี่ละเชื่อตามกิเลส ความโลภมันก็มาก ความโลภมากความตาบอดมันก็มืดมิดปิดตาไปหมด ความโลภมากอำนาจบาตรหลวงป่า ๆ เถื่อน ๆ มันก็มาครองเป็นเครื่องเสริมละซี แล้วทำให้เป็นฟืนเป็นไฟเผาโลกเผาสงสารไปแล้ว ชาติบ้านเมืองก็เลยจะจม เพราะเรื่องกิเลสมันเรืองอำนาจป่า ๆ เถื่อน ๆ ให้ฟังเอานะ
ถ้าพูดถึงเรื่องชาติไทยของเรานี่สมบูรณ์แบบแล้ว หนึ่ง เราเป็นมนุษย์แล้ว สอง พุทธศาสนาเป็นศาสนาชั้นเอก ไม่มีศาสนาใดเสมอเหมือนแล้วในโลกธาตุที่เต็มไปด้วยกองกิเลสนี้ ใครเป็นเจ้าของศาสนาก็เป็นคลังกิเลสมาด้วยกัน พระพุทธเจ้าเป็นคลังแห่งธรรม เป็นผู้มีใจบริสุทธิ์ล้วน ๆ แล้วนำธรรมมาสั่งสอนโลก จึงสอนโดยถูกต้องแม่นยำ นี่เราก็ได้เทิดทูนทุกวันอยู่แล้ว พุทฺธํ ธมฺมํ สงฺฆํ สรณํ คจฺฉามิ ให้ยึดหลักนี้ไว้ อย่าฟังแต่เสียงกิเลสอย่างเดียว ให้ฟังเสียงอรรถเสียงธรรม ยากลำบากขนาดไหนให้บืนไปตามธรรมจะพ้นไปเป็นลำดับ เรื่องของกิเลสจะราบรื่นขนาดไหน ราบรื่นเพื่อความล่มจม อย่าไปเชื่อมันง่าย ๆ นะ ไม่งั้นจมจริง ๆ ให้ฟังเสียงอรรถเสียงธรรม
ที่เรานำธรรมมาสั่งสอนโลกเราก็สั่งสอนด้วยความภูมิใจของเรา เราไม่เคยได้ตำหนิตัวเองว่าสอนโลกตรงนั้นผิดไปตรงนี้ผิดไป เราไม่เคยมีในหัวใจ ไม่ว่าสอนอย่างหนักอย่างเบาเด็ดขาดเฉียบขาดขนาดไหน ก็เป็นไปตามความถูกต้องอย่างงั้น ๆ เรื่อยๆ ไป ไม่ได้ลูบ ๆ คลำ ๆ เพราะเราปฏิบัติมาก็ปฏิบัติอย่างงั้น เวลารู้เห็นมันก็เห็นอย่างนั้น มันจริงทั้งเหตุคือการดำเนินมาถูกต้องไม่สงสัย ผลได้เป็นที่พึงพอใจไม่สงสัยเหมือนกัน นำธรรมออกไปสอนโลกจะสงสัยที่ตรงไหน มันก็ไม่มีที่สงสัย เมื่อเป็นเช่นนั้นเจ้าของผู้สอนก็มั่นใจ ผู้ฟังผู้ต้องการความจริงแล้วก็มั่นใจตายใจได้เลย ว่าถูกต้องแล้วก็ซัดเลย ปึ๋งเลย
เทศน์เขาอัดไว้ข้างบน แล้วออกทางวิทยุ ๘ สถานี อันนี้เขาเป็นเองของเขานะ เราไม่เคยไปยุ่ง เขามาติดต่อเอาไปเอง ออกวิทยุ ๘ สถานี จากนั้นก็ได้ออกทางกรุงเทพฯ ดูเหมือนอย่างน้อยไม่ต่ำกว่าสามสถานี สถานีใหญ่ ๆ ทางโน้น แล้วออกจากนั้นแล้วก็เป็นอินเตอร์เน็ตล่ะ อินเตอร์เน็ตรู้สึกว่าหนาแน่นมากเวลานี้เท่าที่ทราบมาจากลูกศิษย์ลูกหาว่า พวกอินเตอร์เน็ตนี้ยิ่งมากขึ้นไปโดยลำดับจนกระทั่งเมืองนอก เวลานี้เมืองนอกที่ร่ำลือ คือ สหรัฐ รัฐเท็กซัสเท็กแซดนั่น มีพวกปฏิบัติธรรมอยู่ พวกคนลาว พวกเขมร พวกคนไทยแล้วก็ไปอยู่ที่นั่น พระก็ไปอยู่ที่นั่น เทศนาว่าการสั่งสอนกัน วงปฏิบัติอยู่ที่นั่น ทีนี้จะได้เห็นได้ยินอินเตอร์เน็ตละซิ นี่ละเลยถือเอาอินเตอร์เน็ตนี้เป็นหลักเป็นเกณฑ์ปฏิบัติกัน ทางโน้นร่ำลือมานะ พระท่านมาท่านเล่าให้ฟัง รัฐเท็กซัสดังอยู่มากนะทางด้านปฏิบัติ โดยเอาหลักธรรมของหลวงตานี้ไปฟัง ทั้งเทปทั้งหนังสือก็มีอยู่นั้นหมด แล้วก็อินเตอร์เน็ต เต็มอยู่นั้น จึงมีมากกว่ารัฐอื่น ๆ เอาละทีนี้ให้พร
อ่านธรรมะหลวงตา วันต่อวัน ทางอินเตอร์เน็ต www.luangta.com |
** ท่านผู้เข้าชมทุกท่านโปรดทราบ
เนื่องจากกัณฑ์เทศน์บางกัณฑ์มีความยาวค่อนข้างมาก
ซึ่งจะส่งผลต่อความเร็วในการเปิดเว็บไซต์ ขอแนะนำให้ทุกท่านได้อ่านเนื้อหากัณฑ์เทศน์บางส่วนจากเว็บไซต์
และให้ทำการดาวน์โหลดไฟล์กัณฑ์เทศน์ที่มีนามสกุล .pdf ไปเก็บไว้ในเครื่องของท่านแทนการอ่านเนื้อหาทั้งหมดจากเว็บไซต์
|
|
|
|