เทศน์อบรมฆราวาส ณ วัดป่าบ้านตาด
เมื่อวันที่ ๒๐ มิถุนายน พุทธศักราช ๒๕๓๘
สงวนธรรม
วัดป่าทำหรู ๆ หรา ๆ ดูไม่ได้นะ มันไม่ได้เข้ากับเกณฑ์กับแบบพระพุทธเจ้า นั่นซีที่ว่าดูไม่ได้น่ะ คือ ดูใส่แบบแผนตำรับตำรานั่นเอง อะไรจะหรูหรายิ่งกว่าวัดทุกวันนี้ กุฏิกี่ชั้น อะไรหรูหราชาวบ้านสู้ไม่ได้เลยเวลานี้ แต่หัวใจเป็นนรกอยู่ในนั้นไม่ได้สนใจ ทำก็ทำอย่างนั้นแหละ โบสถ์นี่สร้างสดสวยงดงาม เข้าไปข้างในเสืออยู่นั้น ๑๐ ตัวก็มองไม่เห็นเพราะมันรถ เสือ เข้าไปแอบซ่อนนอนอยู่ในนั้น ๑๐ ตัวก็ไม่เห็น ไม่ได้ ทำความสะอาดนะ หรูหราข้างนอกเฉย ๆ เปิดประตู เข้าไปดูข้างในซีดูได้ไหมล่ะ พระพุทธเจ้าท่านเปิดข้าง ในออกโล่งหมดเลย วิชาเปิดข้างในท่านสอนมาหมด แล้วนี่นะ ใครจะไปเฉลียวฉลาดยิ่งกว่าพระพุทธเจ้า
เดี๋ยวนี้จัดไหนไม่ว่าในเมืองไทยนอกเมืองไทยหรูหราชาวบ้านสู้ไม่ได้ แต่หัวใจนั่นซีไม่มองดูเลย ฟัง
แต่ว่าไม่มองดูเลยจะเอาอะไรมาสวยมางาม ประดับตกแต่งดูแต่ภายนอกหลอกตากันไปเหมือนโลกเขานั่นศาสนากลายเป็นโลกเป็นอย่างนั้นแหละ ใครเห็น โห วัดนี้สวยนะงามนะ พระเณรเหมือนขี้ไม่เห็นว่า
สมัยปัจจุบันนี้ก็พ่อแม่ครูจารย์มั่นอยู่กระต๊อบ ทั้งนั้นนะ กระต๊อบเล็ก ๆ พระอยู่เป็นร้านเป็นกระต๊อบท่านไม่ให้สร้าง ชอบแต่ภาวนาอย่างเดียว นั่นละแบบตำรับตำราเป็นอย่างนั้น ไปอยู่ไหนก็เหมือนกัน มาอยู่หนองผือนี้ก็กั้นห้องศาลาอยู่ อยู่บ้านโคกกั้นห้องศาลา อยู่ บ้านนามนก็อยู่กุฏิหลังหนึ่ง คือเขาปลูกไว้แต่ก่อนนั่นแหละท่านก็ไปอยู่หลังนั้น มีแต่กั้นห้อง ๆ อยู่ ท่านไม่ได้สนใจกับที่อยู่ที่อาศัยเท่าไรนัก ว่าสวยงามไม่สวยงามหรูหราไม่หรูหรา ท่านไม่สนใจสิ่งเหล่านั้นยิ่งกว่าธรรม ท่านไปอยู่ไหนเหมือนกันหมด
กุฏิหนองผือนี้พวกญาติโยมนะมาขอร้องปลูก กุฏิให้ท่าน ปลูกทำไมอยู่นี้ก็อยู่ดีแล้วนี่ นั่นท่านตอบ เขาไม่ไหวก็เลยไปหาครูบาอาจารย์มาขอร้องอีกทีหนึ่งเช่นท่านอาจารย์ฝั้นบอกพวกญาติโยมมาขอปลูกกุฏิให้ท่านเพื่อเป็นความสะดวก ท่านนิ่ง ๆ เฉย ๆ จึงได้ปลูก
หลังนั้นหลังที่มีอยู่ทุกวันนี้ ไม่ใช่ท่านให้ปลูกเองนะ พวกญาติโยมขอร้องท่านไม่สำเร็จก็ไปเอาท่านอาจารย์ ฝั้นมาขอร้องอีก ท่านก็เลยนิ่ง จึงได้ปลูกขึ้นมา
ท่านอยู่ที่ไหนมีแต่กระต๊อบทั้งนั้น สืบทราบหมดท่านไปอยู่ที่ไหน ๆ ท่านไม่เกี่ยวข้องกับการก่อการสร้างภายนอกนะ แต่เรื่องภายในนี้ โอ้โห เข้มงวดกวดขันเปรี๊ยะ ๆ กับหลักธรรมหลักวินัยไม่มีเคลื่อนคลาดเลยอย่างนั้นซิลูกศิษย์ตถาคตต้องอย่างนั้นซิ เวลาถามเป็นยังไง ไปอยู่ที่นั่นเป็นยังไง เหมือนพระพุทธเจ้ารับสั่งถามพระสงฆ์ครั้งพุทธกาลนะ เวลาพระเข้าเฝ้าพระพุทธเจ้า เป็นยังไงไปอยู่ที่นั่นภาวนาเป็นยังไง ไปอยู่ในป่านั้นเขาเขานั้นถ้ำนั้นเป็นยังไง ไม่ได้เกี่ยวกับเรื่องกุฏิอะไรหรู ๆ หรา ๆ อะไร นี่พ่อแม่ครูจารย์มั่นก็แบบเดียวกัน มาท่านจะไม่ถามอย่างอื่นอย่างใดแหละ ท่านจะ ถามเรื่องภาวนาขึ้นต้นเลยแหละ เป็นยังไงไปอยู่ที่นั่นภาวนาดีไหม ท่านเข้มงวดกวดขันมากเรื่องภาวนา เอาเป็นเนื้อเป็นหนังเป็นจิตเป็นใจจริง ๆ อะไรมายุ่ง ไม่ได้เรื่องภาวนา
สมัยนี้มีใครพูดถึงเรื่องภาวนาบ้างล่ะ พูดถึง เรื่องอิฐเรื่องปูนเรื่องหินเรื่องทรายเรื่องเหล็กเรื่องหลาเรื่องเงินเรื่องทองไปอย่างนั้น ไม่ได้พูดถึงศีลถึงธรรม นี่นะ ทุกวันนี้พูดไปอย่างนั้น
นี่ศพท่านบุญจันทร์พระมาพูดเมื่อเช้านี้กำหนดวันที่ ๘ เดือนหน้า ทีแรกว่าจะเอาวันที่ ๒ ตรงกับวัน คัดเลือกผู้แทนเขาจะยุ่งมากไปก็เลยเลื่อนไป นี่พอ เหมาะสมไม่นานนัก ครูบาอาจารย์องค์ไหนตายดอง เอาไว้ ดองเอาไว้ หาเงินเข้ากระเป๋า โห ทุเรศจริง ๆ นะดองไว้นั้นละ กุสลา ธัมมา อกุสลา ธัมมา อยู่นั้น ทั้งวันทั้งคืน ความสงบในวัดไม่มีเลย ครูบาอาจารย์ องค์ใดตายก็เป็นตลาดเงินขึ้นมา ความสงบสงัดมีได้ ที่ไหน สมเหตุสมผลไหมกับศาสดาตรัสไว้สอนไว้
แม้แต่พระสรีระของพระองค์เองที่พระอานนท์ทูลถามเรื่องการเผาศพของท่าน มายุ่งอะไรอานนท์ ท่านขนาบเลยทันทีนะเป็นคำเด็ด ๆ ด้วย อานนท์ มายุ่งทำไม เรื่องนี้เป็นเรื่องของฆราวาสญาติโยมเขาจะจัดจะทำ พระมีแต่เรื่องภาวนาสนใจในอรรถในธรรม เท่านั้น นั่นเห็นไหมขึ้นนี้เลย พระอานนท์ก็เป็นผู้ ฉลาดนี่ อ๋อ หากว่ามีความจำเป็นพวกญาติโยมเขา มาถามจะได้บอกเขาถูกต้อง จะให้ทำยังไง ๆ พระเสรีระ
ศพของพระองค์เวลาพระองค์ปรินิพพานแล้ว จาก นั้นท่านก็ทรงชี้แจงให้ทราบ ให้พันด้วยผ้าขาว ๕๐๐ ขั้น ท่านบอกไว้อย่างชัดเจน พระพุทธเจ้ารับสั่งเองนะเช่นเดียวกับพระพุทธเจ้าจักรพรรดิ คือพระเจ้าจักรพรรดิก็ทำทำนองเดียวกัน ศพของเราตถาคตนั้นทำเหมือน ศพของพระเจ้าจักรพรรดิ ท่านรู้หมดศพพระเจ้าจักร-พรรดิทำยังไง ๆ ให้ทำแบบเดียวกัน
ก่อนจะปรินิพพาน จากวันปลงพระชนม์ไปถึงเดือนหกเพ็ญ พระสงฆ์ยุ่งกันใหญ่ พอปลงพระชนม์ว่าจะปรินิพพานเดือนหกเพ็ญเท่านั้น ยุ่งกันเกาะกันเป็น ฝูง ๆ ว่างั้นเลย อย่าว่าเป็นคณะ ๆ เลย เป็นฝูง ๆ คือ จิตใจมันยุ่งแต่ภายนอก มีพระติสสะองค์เดียวไม่ยุ่งกับใครเข้าอยู่ในป่าตลอด ๆ ทั้งวันทั้งคืน ๆ แล้วพระบ้าเหล่านี้หาว่าพระติสสะไม่มีความจงรักภักดีต่อพระพุทธ-เจ้า พระพุทธเจ้าจะปรินิพพานทั้งองค์พระติสสะไม่ เห็นมาปรึกษาปรารภอะไรเลย อยู่แต่ในป่า ๆ เข้าฟ้องพระพุทธเจ้า ว่าพระติสสะไม่มีความหวังดีในพระพุทธ-เจ้า ไม่มีความเยื่อใยในพระพุทธเจ้า หลีกไปอยู่แต่องค์เดียว ๆ
พระองค์เป็นผู้ทรงเหตุผลอยู่แล้ว รับสั่งพระ ติสสะมาในท่ามกลางสงฆ์ ไหนว่าไงพระติสสะ เวลา นี้พวกบ้านี้ ถ้าเป็นหลวงตัวบัวจะพูดอย่างนั้น เวลานี้พวกบ้านั่นว่าเธอไม่มีความจงรักภักดีต่อเราคถาคต ไป แอบอยู่แต่คนเดียว ๆ ทั้งวันทั้งคืนไม่เข้าเกี่ยวข้อง มั่วสุมกับหมู่เพื่อนเลย ว่าไงพระติสสะ รับสั่งถาม ข้าพระองค์มีความจงรักภักดีต่อพระองค์สุดหัวใจ นั่นเวลาตอบ เท่าที่ข้าพระองค์ไม่ได้มาเกี่ยวข้องกับหมู่กับเพื่อนก็เพราะเห็นว่าเวลาของพระองค์นั้นกำหนดไว้ เรียบร้อยแล้ว จากนี้ถึงวันนั้นจะปรินิพพาน ความเป็นไปในจิตของเราเป็นยังไงแล้วรีบเร่งขวนขวายจิตใจ ของเราให้ทันเหตุการณ์ จะควรบรรลุธรรมก็ได้บรรลุ ในระยะที่พระพุทธเจ้ายังทรงพระชนม์อยู่ ข้าพระองค์ จึงต้องรีบเร่งขวนขวายทางด้านจิตใจ ไม่ได้เกี่ยวข้อง กับใครเลยทั้งวันทั้งคืน เอ้อ ถูกต้องแล้วติสสะ สาธุ ๆ ถูกต้องแล้ว
จากนั้นก็ยกขึ้นเป็นภาษิต ผู้ใดปฏิบัติธรรม สมควรแก่ธรรม ผู้นั้นชื่อว่าบูชาเราตถาคต ธมมานุ- ธมมปฏปตติ ผู้ใดปฏิบัติธรรมสมควรแก่ธรรม ผู้นั้น ชื่อว่าบูชาตถาคต ท่านไม่เห็นยุ่งพระสรีระของพระองค์
ก็ไม่ให้ยุ่ง ให้เป็นเรื่องญาติโยมเขา อย่างพระติสสะท่านทำอย่างนั้นพระองค์ก็ทรงสาธุการ นั่นละท่านสงวนธรรมมากขนาดนั้นละ ท่านจึงไม่ให้มายุ่งกับสิ่งเหล่า นี่ซึ่งเป็นวัตถุธรรมดา ๆ เหมือนวัตถุทั่ว ๆไป ส่วนธรรมไม่ได้ธรรมดานี่ เป็นของเลิศเลอที่สุด พระพุทธเจ้าเป็นศาสดาก็เพราะธรรมต่างหากไม่ใช่เพราะสรีระเหล่านี้ ไม่ใช่เพราะเรื่องวัตถุเหล่านี้ นั่นละแบบแผนตำรับตำรา มีมาอย่างนั้นแล้วจะให้พูดว่ายังไง ให้พูดตามกิเลสหรือไม่พูด ก็กิเลสเป็นข้าศึกกันอยู่แล้ว พูดตามธรรมก็พูดอย่างนั้นแล้ว
วันนั้นพระก็ถามกำหนดเผาศพท่านอาจารย์ บุญจันทร์นี้จะให้ทำยังไง ขอให้ครูบาอาจารย์เป็นผู้ ชี้ขาด เราไม่ชี้เราบอกงั้น เรื่องกิเลสมันมากต่อมาก เรื่องธรรมมีน้อย เวลาจะเป็นไปตามประเพณีของกิเลส ก็ให้เป็นไปเสียอย่าให้ผมเข้ามายุ่งเลย ถ้าผมเข้ามายุ่ง แล้วจะไม่เป็นไปตามกิเลสซี จะเป็นไปตามอะไร มัน ก็ต้องเป็นไปตามธรรมของพระพุทธเจ้าซี ตัดตรงเลยเพราะฉะนั้นอย่าให้ผมมายุ่ง เดี๋ยวจะมาคิดยกโทษผมอย่างนั้นอย่างนี้แล้วจะไปตกนรกกันทั้งหมด ถ้าผมมา ยุ่งจะเป็นผลเสียไม่ได้เป็นผลดีนะความถูกต้อง ๆ ที่
เราทำ แต่ความคิดของกิเลสจะเป็นฟืนเป็นไฟขึ้นมาเผาหัวใจคนให้ตนนรกทั้งเป็นตกนรกทั้งตายด้วย เพราะฉะนั้นเราจึงไม่เกี่ยวข้องแล้วจะไม่เกิดผลอย่างนี้ขึ้นมา
มอบกลับคืนให้พิจารณากันเองเถอะ อย่าให้ผมต้องมายุ่งด้วยเลย มีแต่ข้อแนะนิดหนึ่งว่าการเก็บดอง ไว้ดังที่เห็นนั่น ดังที่ผมก็เคยพูดอยู่แล้ว การเก็บดอง ไว้ ไม่ใช่ปลาร้าปลาจ่อมอะไร ดองไว้ทำไม พิจารณา ให้มากนะ ครูบาอาจารย์องค์ไหนตายก็ดูเอา อย่างทุก วันนี้ศพยังมีอยู่ให้เห็นอยู่นี่ ยั้วเยี้ย ๆ ทั้งวันทั้งคืนทั้ง ญาติทั้งโยม ทั้งไปกินทั้งไปเล่น ทุกประเภทมีอยู่ในนั้นหมดเลย พระก็เหมือนกันมาจากทุกทิศทุกทางมาหา กิน มากุสลา ครูบาอาจารย์ตายที่ตรงไหนพวกอีแร้ง อีกาหลั่งไหลมา อดคิดไม่ได้นะ ทุเรศจริง ๆ เรายก ตัวอย่างมาให้พระฟัง อย่างนั้นละดูเอาเป็นผลดีเหรอ
เพราะฉะนั้นท่านจึงไม่เอาไว้นาน ทีแรกว่าจะ เผาวันที่ ๒ วันอาทิตย์ ก็พอดีตรงกับวันคัดเลือกผู้ แทนเสีย ก็เลยเลื่อนไปวันที่ ๘ นิมนต์เราไปแสดงธรรมตอนบ่าย เราบอกแสดงธรรมนั้นผมไม่ได้เรื่องแหละ แล้วแต่ครูบาอาจารย์จะเห็นสมควรยังไง วันนี้ก็พระจากวันท่านบุญจันทร์มาพบเราสาย ๆ ตอนเราจะออกบิณฑบาต เราได้เวลาถึงจะออกมาจากทางจงกรม ขึ้นมานี้กราบพระเสร็จแล้วก็ไปบิณฑบาตเลย แต่ก่อนบิณฑบาตมานี้จะกราบพระเสียก่อน กราบพระเสร็จเรียบร้อยแล้วจึงครองผ้าไปบิณฑบาต ทีนี้มาตอนบิณฑบาตใกล้ ๆ นี่ซิมาสาย ๆ พอขึ้นมาคนยั้วเยี้ย ๆ เลยกราบพระไม่ได้ มาก็มีแต่ครองผ้าแล้วไปเลย จะมากราบอวดโลกอะไร ก็เลยไม่กราบอวดโลกแหละครองผ้าแล้วก็ไปเลย อยู่ปรกติเราปฏิบัติมาตั้งแต่สร้างวัดนะ เพิ่งมาเลิกเอาเมื่อบิณฑบาตใกล้ ๆ ตามเหตุการณ์ของมัน
ผู้มีธรรมในใจตามเมื่อไรท่านพร้อมเสมอ ท่านไม่เดือดร้อนนะ ถ้าไม่มีธรรมในใจนี้ แหม เดือดร้อนมาก สมบัติเงินทองข้าวของกองเท่าภูเขาก็ตามมัน เดือดร้อนอยู่ภายในใจ สิ่งเหล่านั้นเขาไม่มาเดือดร้อน กันเรา เขาไม่ได้เป็นเศรษฐีเขาไม่ได้เป็นความสุข ความทุกข์ในสมบัติเหล่านั้น คนต่างหาก ถ้าว่าเป็นเศรษฐีก็เศรษฐีคน ถ้ารอบคอบก็เป็นเศรษฐี เศรษฐี เงินเศรษฐีธรรม ถ้าไม่รอบคอบก็จมได้คน อยู่นี้ต่าง หาก เพราะฉะนั้นพระท่านจึงไม่เห็นมีความจำเป็น กับอะไร ตายแล้วเผาเลย ไม่เผาไม่ฝังก็เอาเสื่อ ขาดพันแล้วโยนลงเหวเลย ท่านไม่เห็นยุ่งอะไร ท่านไม่หวังความได้ความเสียอะไรจากร่างกายซึ่งเป็นของ เน่าเฟะ ๆ นี้ท่านเอาจาจิตของท่านที่บำเพ็ญมาแล้ว ต่างหาก นั่นละเศรษฐีธรรม อยู่ตรงนั้น ไม่ได้มาอยู่กับสรีระ ทำอะไรก็ทำลงไปซิ
สร้างให้พอในหัวใจ ให้มีหลักยึด เราวิตกวิจารณ์จริง ๆ นะไม่ใช่ธรรมดา ถอดออกมาจากหัวใจจริง ๆ เราวิตกวิจารณ์ถึงเรื่องหัวใจของโลก แหม มัน ไม่มีจริง ๆ นะ เงินทองข้าวของท่วมหัวอยู่ก็ไม่มีความหมายอะไรเลย อันนี้มันดิ้นของมันอยู่งั้น ดิ้นหาหลัก หาเกณฑ์หาที่ยึดที่เกาะ ไม่มีที่ยึดที่เกาะก็ไขว่คว้าอยู่ งั้น เป็นเต็มโลกนี่จะว่าไง ยิ่งชาวพุทธเราเป็นอย่างเขาแล้วดูไม่ได้นะ คือไม่มีหลักยึดไม่มีหลักใจ ไม่มีความดีไม่มีพุทโธ ธัมโม สังโฆ เป็นหลักยึด ใจหาความแน่นอนหาที่เกาะไม่ได้ก็เกาะฟืนเกาะไฟเผาเรื่อยดิ้นเรื่อย เผาเรื่อยไปอย่างที่เห็นนี่แหละ เพราะฉะนั้นจึงสอนลงทางด้านจิตใจ อันนี้เหลวมากนะ เหลวมากจริง ๆ จนกลายเป็นเลวมากไป ต่ำเอาจริง ๆ จิตใจคน มีแต่กิเลส ครอบหัวใจ กิเลสเป็นไฟซีมันจะให้ความร่มเย็นมาจากไหน ไม่ให้แหละ
พูดเท่านั้นละ ต่อไปนี้จะให้พร |