|
/body onLoad="MM_preloadImages('../images/link_2_6_a.gif')">
/SCRIPT LANGUAGE="javascript1.1" page="dhamma_online";
/SCRIPT LANGUAGE="javascript1.1" src="http://truehits1.gits.net.th/data/e0008481.js">
|
|
|
ชาติ ศาสนามีคุณค่าไม่มีอะไรเกิน |
|
วันที่ 7 พฤษภาคม 2545
สถานที่ : สวนสมเด็จพระศรีนครินทร์ อ.เมือง จ.ร้อยเอ็ด |
|
ค้นหา :
เทศน์อบรมพระและฆราวาส ณ สวนสมเด็จพระศรีนครินทร์ อ.เมือง จ.ร้อยเอ็ด วันที่ ๗ พฤษภาคม พุทธศักราช ๒๕๔๕
ชาติ ศาสนามีคุณค่าไม่มีอะไรเกิน
[รวมเวลาแสดงธรรม ๑ ชั่วโมง ๑๓ นาที]
[ท่านผู้ว่าราชการจังหวัดร้อยเอ็ดกล่าวรายงาน]
เวลาพูดอย่างนี้พี่น้องทั้งหลายอยู่สุดท้ายได้ยินรึเปล่า เออได้ยินนะ หลวงตาพอใจเพราะเวลานี้ลมลดลงทุกวัน ๆ พูดเสียงดังไม่ค่อยได้นะ เวลานี้ก็เสียงแหบขึ้นมาแล้ว ดีไม่ดีมันจะแหบก่อนพูดด้วยซ้ำไปนะ เสียง ทุกอย่างลดลงแล้ว ขอความกรุณาท่านที่ถ่ายภาพในขณะที่ท่านเริ่มเทศน์และเทศน์ต่อไปก็กรุณาให้งดการถ่ายภาพทั้งหมด ยิ่งได้ความสงบสงัดเท่าไหร่ยิ่งเป็นการดีจะได้ยินเสียงอรรถเสียงธรรมแจ่มแจ้งชัดเจน และได้นำคติธรรมไปปฏิบัติเพื่อเป็นสิริมงคลแก่เราเองทุก ๆ ท่าน
วันนี้เป็นวันมหามงคลของพี่น้องชาวจังหวัดร้อยเอ็ดของเรา โดยมีท่านกวี มินวงศ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดร้อยเอ็ดและคุณบรรจง โฆษิตจิระนันท์ นายกเทศมนตรีมาเป็นประธานในงานมหามงคลของเรา รู้สึกว่าเป็นเกียรติแก่พี่น้องชาวจังหวัดร้อยเอ็ดและทั่วประเทศไทยเป็นอย่างมาก ธรรมดาในงานต่าง ๆ ย่อมมีหัวหน้า แม้แต่ในครอบครัวของเราก็ยังมีพ่อบ้านแม่บ้านเป็นหัวหน้าคอยชี้แนะและให้ความอบอุ่นแก่ลูก ๆ หลาน ๆ ในครอบครัว ในบ้านก็ต้องมีผู้ใหญ่บ้านมีกำนันเป็นผู้คอยดูแลความสงบร่มเย็น การเคลื่อนไหวผิดถูกดีชั่วของคนหมู่มากจะได้เข้าล่องเข้ารอยเพื่อความสงบร่มเย็นต่อกันในจำนวนคนที่มีจำนวนมากในแต่ละแห่ง ๆ จึงต้องมีหัวหน้ามีประธานจากนั้นก็เป็นร่มโพธิ์ร่มไทรอันใหญ่หลวงของเรา มีพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯเป็นร่มโพธิ์ร่มไทรแห่งชาติไทยของเรา
เราทั้งหมดทั่วประเทศไทยนี้เป็นลูกเต้าเหล่ากอของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวของเรา พี่น้องทั้งหลายมีท่านผู้ว่าราชการจังหวัดและท่านนายกเทศมนตรีได้พาพี่น้องทั้งหลายดำเนินงานอยู่เวลานี้ก็เพื่อเทิดทูนบุญคุณแก่ท่านผู้เป็นพระบิดาอันใหญ่หลวงของพวกเราและเทิดทูนยกย่อง โอบอุ้มชาติไทยของเราให้ขึ้นจากหล่มลึกเพื่อความเจริญรุ่งเรืองและแน่นหนามั่นคงต่อไป จึงได้พร้อมใจกันเสียสละมากน้อยเต็มกำลังความสามารถของตนที่เราทั้งหลายต่างรักชาติของเราและความเสียสละก็ตามมากับความรักชาติ ด้วยความพร้อมเพรียงสามัคคีกัน
หลวงตาก้าวเข้ามาสู่บริเวณนี้รู้สึกว่ามีความซาบซึ้งกับพี่น้องทั้งหลายเป็นอย่างมาก สมเจตนาที่ได้อุตส่าห์พยายามตะเกียกตะกาย เรียกว่าเป็นผู้นำของพี่น้องทั้งหลายในทางพระศาสนา โดยพาก้าวเดินด้วยการบริจาคทานเพื่อนำสู่คลังหลวงของเรา นับตั้งแต่ทองคำ ดอลลาร์ เงินสดมาเป็นลำดับลำดา ซึ่งเวลานี้ก็ขอเรียนให้พี่น้องทั้งหลายได้เข้าใจ บางท่านก็อาจมีข้องใจสงสัยแล้วแสดงออกมาด้วยความขัดความแย้งซึ่งเป็นเสี้ยนหนามต่อชาติศาสนาของเราก็ได้ ท่านผู้ที่มีความเข้าอกเข้าใจในการดำเนินที่หลวงตาพาดำเนินไปแล้วนี้ก็นับว่าเป็นมงคลอันสูงส่งแก่เราทั่วหน้ากัน
การที่ได้นำพี่น้องทั้งหลายตั้งแต่ต้นมา ปี ๒๕๔๐ โดยโฆษณาในทางธรรมะ ชี้เหตุชี้ผลอรรถธรรมต่าง ๆ ให้เป็นที่เข้าใจเกี่ยวกับชาติบ้านเมืองของเราและเกี่ยวกับศีลธรรมภายในตัวของเราที่จะนำไปประพฤติปฏิบัติเรื่อยมา ผลแห่งการที่เป็นผู้นำเวลานี้ จึงขอชี้แจงให้ท่านทั้งหลายได้ทราบ นี่คือผลแห่งงานของพี่น้องทั้งหลายที่รักชาติและเสียสละด้วยความพร้อมเพรียงกัน ปรากฏขึ้นอย่างเด็ดชัดเรียบร้อยแล้ว คือทองคำเราเวลานี้ได้ ๕,๐๐๐ กับ ๑๐๑ กิโล เวลานี้ได้เข้าคลังหลวงเรียบร้อยแล้ว ๕,๐๐๐ กับ ๙๒ กิโล เศษนั้นยังไม่ได้เข้า ซึ่งเท่ากับน้ำหนักของทองคำนี้ ๕ ตันกับ ๑๐๑ กิโล กรุณาทราบตามนี้ อันดับที่สองคือดอลลาร์ เราได้มาจากพี่น้องชาวไทยที่รักชาติทั้งหลาย รวมแล้วเวลานี้เข้าสู่คลังหลวงหกล้านแปดแสนเจ็ดหมื่นกว่าดอลล์ นี่เป็นอันดับที่สองเข้าคลังหลวงเรียบร้อยแล้ว
อันดับที่สามคือเงินสด หลวงตาได้ประกาศว่าจะนำไปช่วยพี่น้องชาวไทยเราทั่วประเทศ เช่น การสงเคราะห์สงหาผู้ที่ยากจนจริง ๆ มีเหตุผลที่ควรจะได้รับสงเคราะห์ เราก็สงเคราะห์ไปตามความจำเป็นและสร้างสถานสงเคราะห์ โรงร่ำโรงเรียนไม่ทราบว่ากี่สิบหลังมาแล้ว จากนั้นก็ทางวงราชการสถานที่ต่าง ๆ ที่เห็นว่าเป็นความจำเป็น ก็ได้ช่วยเหลือปลูกสร้างตึกเป็นหลัง ๆ ขึ้นมา รุกรามเข้าไปจนกระทั่งเรือนจำ เรือนจำบางขวางนี้ก็ได้ช่วยเหลือเต็มกำลัง หมดไปเท่าที่จำได้สำหรับส่วนใหญ่ของการบริจาคช่วยเหลือ เรือนจำลาดยาวนี้ได้สร้างตึกหลังหนึ่งให้เป็นราคา ๖ ล้านบาท มอบเงินมูลนิธิให้อีก ๑ ล้านบาท รวมแล้วเป็น ๗ ล้านบาทและให้เงินก้อนไว้เพื่อซื้อหยูกซื้อยาสำหรับนักโทษจะได้อาศัยเวลาจำเป็น
จากนั้นก็ก้าวเข้าสู่โรงพยาบาล โรงพยาบาลนี่นับเป็นจำนวนร้อยโรงขึ้นไป จึงมีน้ำหนักมากกว่าเพื่อน แล้วหลวงตาเองก็เอาใจใส่กับโรงพยาบาล รู้สึกว่าหนักมากกว่าเพื่อนเหมือนกัน เพราะเห็นว่าท่านที่ก้าวเข้าไปสู่โรงพยาบาลแต่ละท่าน ล้วนแล้วแต่ผู้จนตรอกจนมุม ชีวิตลมหายใจอยู่กับโรงพยาบาลอยู่กับหมอกับพยาบาลทั้งนั้น เมื่อก้าวเข้าไปแล้วสิ่งที่จะตอบรับหรือต้อนรับความหวังของคนป่วยที่เข้าไปนั้น เช่นเครื่องมือแพทย์ไม่มี เครื่องมือแพทย์แต่ละเครื่อง ๆ นั้นมีประโยชน์หรือเป็นความหวังแก่คนไข้ทุก ๆ รายไป นี่โรงพยาบาลแต่ละโรง ๆ เข้าไป มาขอทางวัด จึงต้องได้เจียดเงินที่กล่าวนี้ออกช่วยเหลือ ทางโรงพยาบาลนี้รู้สึกหนักมากกว่าเพื่อนทีเดียว
นอกจากนั้นเรายังตั้งโรงทานไว้ที่วัดป่าบ้านตาด เป็นโกดังอันใหญ่พอสมควร ซื้อวัตถุสิ่งของอาหารการบริโภคนับแต่น้ำตาลขึ้นไป พวกอาหารประเภทต่าง ๆ เช่นน้ำปลา น้ำมันพืช ขนมปัง อะไรที่สมควร เราซื้อมาไว้เต็มโกดังตลอดมาเป็นเวลาหลายปีแล้ว โรงพยาบาลต่าง ๆ ที่ไปติดต่อกับวัดนี้ หลวงตาจะอยู่ก็ตามไม่อยู่ก็ตาม เราได้สั่งเสียไว้เรียบร้อยแล้ว โรงพยาบาลจะไม่ผิดหวังทุก ๆ โรงไป ได้เจียดจ่ายให้เสมอกันหมด เว้นไว้แต่โรงพยาบาลที่มาจากจังหวัดที่ห่างไกล เช่นจังหวัดอุบลราชธานี นี่หลวงตาจะสั่งให้เป็นกรณีพิเศษ คือเพิ่มเข้าอีก เช่นจังหวัดอุตรดิตถ์ให้หมดทั้งจังหวัด ไม่ว่าโรงพยาบาลใดมา เราจะให้พิเศษทั้งนั้น แล้วทางจังหวัดชัยภูมิ โรงพยาบาลที่อยู่ห่างไกลจากตัวจังหวัดไปตั้ง ๖๐-๗๐ กิโล อย่างนี้เราก็ให้เป็นกรณีพิเศษเรื่อยมาอย่างนี้ เพราะฉะนั้นเรื่องโรงพยาบาลเกี่ยวกับคนไข้ หลวงตาจึงถือเป็นกรณีพิเศษ ไม่ให้เสียน้ำใจ เสียความหวังและชีวิตจิตใจของคนไข้ที่มอบไว้กับหมอ เราจึงต้องหนุนทางเครื่องมือแพทย์
สร้างตึกให้ไม่ทราบว่ากี่หลัง สร้างตึกให้โรงพยาบาลมากทีเดียว รถก็เป็นร้อยคัน ขึ้นไป ซื้อรถนี้ก็เพื่อรถพยาบาลนั้นเอง บางโรงให้ถึงสามคันก็มี สองคัน คันหนึ่ง ตามแต่ความจำเป็นของโรงพยาบาลนั้น ๆ เราจะจัดให้ตามนั้น เมื่อสิ่งของมี นี่หลวงตาเรียนให้พี่น้องทั้งหลายทราบเพียงเอกเทศ ไม่ได้ใหญ่โตกว้างขวางสุดตามจำนวนที่เราได้ช่วยเหลือมาเลย ก็มากพอแล้ว เพราะฉะนั้น เงินที่เจียดเอาไว้สำหรับเงินสดนั้น เราจึงกระจายออกไปช่วยพี่น้องชาวไทยเราทุกภาคทั่วประเทศไทยเรา มีโรงพยาบาลเป็นสำคัญเรื่อยมา จึงได้เจียดเอาเงินนี้ไม่มากนักเพียง ๙๓๑ ล้าน อันนี้ซื้อทองคำเข้าสู่คลังหลวงเรียบร้อยแล้ว กรุณาทราบตามนี้ที่เรียนให้ทราบ
คำพูดทั้งหมดที่หลวงตาที่ได้ชี้แจ้งออกไปคำใดเป็นคำสัตย์คำจริง ไม่มีคำโกหกหลอกลวงหรือต้มตุ๋นแต่ประการใด คำพูดที่ออกมานี้ออกจากการกระทำการสั่งสอนหรืออุบายวิธีการของหลวงตาเองซึ่งเป็นความสัตย์ความจริงตลอดมา ควรที่พี่น้องทั้งหลายที่มีความเชื่อความเลื่อมใสในพระพุทธศาสนาเป็นลูกชาวพุทธจะนำไปพิจารณาแล้วควรจะเชื่อถือได้หรือไม่ ว่าหลวงตาองค์นี้เป็นหลวงตาที่จะทำชาติบ้านเมืองให้ล่มจมด้วยความต้มตุ๋นหลอกลวงโจมตีคนนั้นโจมตีคนนี้หรือไม่ หรือพูดตามหลักความจริง ดังที่กล่าวมาเหล่านี้เป็นหลักความจริงล้วน ๆ พระจะพูดโกหกหลอกลวงไม่ได้ สำหรับหลวงตาเองแล้วคอขาดก็พูดไม่ได้เลย รักอรรถรักธรรมยิ่งกว่าชีวิตของตน พูดออกมาแสดงออกมาคำใดจึงต้องเป็นไปตามความสัตย์ความจริงเท่านั้น จะมีกลมายาหลอก ลวงต้มตุ๋นประชาชนให้เขาล่มจมด้วยความสำคัญตามตนที่หลอกลวงเขาอย่างนั้นเราไม่มี
วันนี้ก็ได้ชี้แจงถึงเรื่องการนำพี่น้องทั้งหลายเป็นเวลา ๔ ปีกว่านี้แล้ว ผลก็ดังที่ทราบแล้ว คือดอลลาร์ได้ ๕ ตันกับ ๑๐๑ กิโล ดอลลาร์ได้หกล้านแปดแสนเจ็ดหมื่นกว่าดอลลาร์ ซื้อทองคำเข้าสู่คลังหลวง ๙๓๑ ล้าน เงินสดที่นอกจากนี้ได้แจกจ่ายไปตามสถานที่ต่าง ๆ ดังที่กล่าวนี้ เวลานี้จึงหมด หลวงตาบัวนี้เรียกว่าเป็นทุกข์เข็ญใจ บรรดาพี่น้องชาวพุทธเรา อยากจะว่าทั่วประเทศไทย ย่อมจะยกยอไปตามความเข้าใจของตนว่า หลวงตาบัวนี้เป็นมหาเศรษฐีเงิน เพราะคนเคารพนับถือมากทุกทิศทุกทาง เงินไหลเข้ามาเรื่อย ๆ ควรจะเป็นเศรษฐีเงินได้โดยไม่ต้องสงสัย นี่คือความสำคัญของพี่น้องชาวพุทธเราทั้งหลายที่ได้สัมผัสสัมพันธ์กับการรับของหลวงตาบัวจากเงินทั้งหลายที่พี่น้องบริจาคมา แต่ความจริงแล้วไม่มีใครจนกว่าหลวงตาบัว
เงินที่พี่น้องทั้งหลายบริจาคมามากน้อย บริจาคด้วยความเปิดเผย คนนั้นสิบคนนี้ห้าคนนั้นร้อยคนนี้พันคนนี้หมื่นคนนี้แสนไปเรื่อย ๆ เห็นต่อหน้าต่อหน้าในเวลาท่านเหล่านั้นนำมาบริจาค คนทั้งหลายจึงต้องคิดว่าหลวงตานี้จะมีเงินมากมาย แต่เวลาการจ่ายนั้นพี่น้องทั้งหลายไม่ได้เห็น หลวงตาจ่ายด้วยความจำเป็นดังที่กล่าวมาแล้วนี้ จ่ายเรื่องอะไร ๆ เราจ่ายด้วยเช็ค เช็คฉบับหนึ่งเป็นหมื่น ๆ แสน ๆ ล้าน ๆ เหล่านี้พี่น้องทั้งหลายไม่ได้เห็นด้วยเลย จึงเข้าใจว่าหลวงตาบัวมั่งมี นี่ความจริงเป็นอย่างนี้ บางครั้งหลวงตาบัวติดหนี้เขา คนมั่งมีจะไปติดหนี้เขาได้อย่างไร พี่น้องทั้งหลายก็ทราบได้เองนะ คนมีจะไม่ติดหนี้ใคร หลวงตาบัวที่พี่น้องทั้งหลายที่เข้าใจว่ามีถึงขั้นมหาเศรษฐี แต่ครั้นแล้วก็ไปติดหนี้เขาได้ เพราะอะไร เพราะความจำเป็น เฉพาะอย่างยิ่งก็คือโรงพยาบาล
เวลามาขอเครื่องไม้เครื่องมือรถราตลอดถึงตึกทั้งหลายนี้เป็นความจำเป็นที่จะต้องมาขอ เราก็มาดูที่ความจำเป็นนั้น ๆ แล้ว เราก็รับให้ เมื่อเงินไม่มีแต่ความจำเป็นยังท่วมท้น เราจำเป็นต้องติดหนี้ เช่นเครื่องมือเครื่องหนึ่งนี้มีประโยชน์สร้างความหวังให้คนไข้ได้มากน้อยเพียงไร เพียงเงินเราไม่มีคุณค่าเท่าความจำเป็นของความหวังแห่งประชาชนที่เจ็บไข้ได้ป่วยวิ่งเข้าหาหมอ เพราะฉะนั้น ความจำเป็นจะซื้อเครื่องมือแพทย์มี เราจึงต้องรับ สั่งมาเลย ตกลงกันแล้วสั่งมาเลย นี้มีเยอะ ๆ ทั้ง ๆ ที่ไม่มีเงินแต่ความจำเป็นมันท่วมท้น มองดูคนไข้เป็นยังไง เราวาดภาพดูก็รู้ คนไข้คนหนึ่งก้าวเข้าไปสู่โรงพยาบาลทั้งญาติคนไข้ เข้าไปนั้นหน้ายุบหน้ายอบหน้าเหี่ยวแห้ง หาความเบิกบานไม่ได้ จิตใจชีวิตทั้งหมดรวมอยู่กับหมอ เมื่อเข้าไปแล้วหมอช่วยไม่ได้เพราะไม่มีเครื่องมือแล้วคนไข้จะเป็นอย่างไร ท่านทั้งหลายก็ทราบเอง เหตุนี้แลที่หลวงตาได้ยอมติดหนี้เพื่อซื้อเครื่องมือมาให้ทางโรงพยาบาลและติดหนี้อยู่บ่อย ๆ ก็เพราะเหตุนี้เอง กรุณาทราบไว้
นี่คือความจริงที่หลวงตาปฏิบัติต่อชาติบ้านเมืองเวลานี้ ปฏิบัติอย่างนี้ ถึงขนาดติดหนี้ติดสินมาตลอด เรื่องเงินนั้นหลวงตาบัวขอเรียนให้พี่น้องทั้งหลายทราบตามความสัตย์ความจริง มีมาจริง ๆ ได้มากจริง ๆ แต่ทางออกกว้างกว่าทางเข้า ถึงขนาดติดหนี้ก็มีเพราะความจำเป็นของคนทั่วแดนไทยเข้ามาเกี่ยวกับเรากับวัดป่าบ้านตาด ซึ่งขนาดใหญ่ของวัดป่าบ้านตาดเท่ากำปั้น แล้วไหนจะไปหาเงินมาเท่าท้องฟ้ามหาสมุทรมาเฉลี่ยเผื่อแผ่ต่อคนประเทศไทยทั่วถึงกัน ย่อมเป็นไปไม่ได้ เหตุนี้เองจึงจำเป็นต้องติดหนี้ติดสิน ขอให้พี่น้องทั้งหลายทราบเอาไว้ หลวงตาบัวที่ช่วยพี่น้องชาวไทย ช่วยด้วยความเสียสละจริง ๆ ถึงคราวเป็นเป็นได้เลย ถึงคราวตายตายได้เลย เพื่อชาติเพื่อศาสนาได้อยู่ครองโลกต่อไป เฉพาะอย่างยิ่งศาสนาเป็นหัวใจของพี่น้องชายไทยเรา
หลวงตารักสงวนที่จะต้องปฏิบัติตนให้เป็นเขียงเช็ดเท้าฝ่าพระบาทของพระพุทธเจ้าตลอดมาด้วยความเทิดทูน ด้วยความรักความสุจริตของตัวเอง นี่แหละการนำพี่น้องทั้งหลาย เราจึงนำด้วยความสุจริต สำหรับเงินทองที่พี่น้องบริจาคมานั้น หลวงตาพอทุกอย่างแล้ว หลวงตาไม่เอาอะไรเลย ได้มามากน้อยเก็บหอมรอมริบ ทะนุถนอมประหยัดมัธยัสถ์ เพื่อจะนำออกใช้ในความจำเป็นต่อชาติของเรา เช่น คนเจ็บไข้ได้ป่วยเป็นต้น หลวงตาจะพยายามพิถีพิถันทุกด้านทุกทาง เรื่องที่ว่าหลวงตาเอาเงินพี่น้องทั้งหลายมาเข้าพุงตนเองนี้ เคยได้ยินเขาโฆษณาโจมตีมาบ่อย ๆ พวกนี้พวกเปรตพวกผีพวกหากินไม่พอปากพอท้อง ต้องหาหยิบหายืมเอาจากผู้อื่น ไม่ได้ของดิบของดี ก็เอาขั้นโจมตีมาป้อนพี่น้องชาวไทย ขอให้จดจำเอาไว้คำนี้ หลวงตาไม่มีอย่างนั้น หลวงตาเป็นผู้พอแล้วทุกอย่าง
เงินที่พี่น้องทั้งหลายบริจาคนับตั้งแต่บาทหนึ่งขึ้นไป หลวงตาเป็นผู้ถือบัญชีแต่ผู้เดียว ทั้ง ๆ ที่แต่ก่อนไม่เคยเกี่ยวข้องกับการเงินการทองนี้เลย ได้มามากน้อยบริจาคช่วยเหลือโลกตลอดมาตั้งแต่ยังไม่ได้ตั้งโครงการช่วยชาติขึ้นมานี้ วัดป่าบ้านตาดช่วยเหลือตลอดมาอยู่แล้ว เช่น ช่วยสถานสงเคราะห์โรงร่ำโรงเรียน โรงพยาบาลนี้ เราทำมาก่อนหน้านี้เป็นเวลานานแล้ว แล้วเงินทุกบาททุกสตางค์เราช่วยโลกทั้งนั้น เขาจะมาถวายเรามากน้อยเราไม่สนใจ สนใจแต่ความจำเป็นของชาติ ผู้ใดมีความจำเป็นก็ช่วยเหลือ เพราะฉะนั้น หลวงตาจึงไม่มีคำว่าเศร้าหมอง คำว่าซุบซิบแล้วหยิบเอาของพี่น้องทั้งหลายไปใช้ประโยชน์ส่วนตนแม้แต่บาทหนึ่ง หลวงตายันได้เต็มเม็ดเต็มหน่วยว่าหลวงตาไม่มี ช่วยเหลือด้วยความเมตตาล้วน ๆ
เพราะฉะนั้น หลวงตาจึงกล้าพูดได้เต็มปากว่าสุจริตสุดส่วนแล้วในการช่วยพี่น้องชาวไทย ทุกอย่างหลวงตาไม่เสียดายเพื่อพี่น้องชาวไทยเราทั้งนั้น แล้วศาสนาเป็นของสำคัญ หลวงตาพอทุกอย่าง ท่านทั้งหลายเชื่อมั้ย หลวงตาองค์นี้เวลานี้เทศน์กระเทือนทั่วประเทศไทย ทำไมว่ากระเทือนทั่วประเทศ ก็เขาออกทางวิทยุด้วย ออกทางอินเตอร์เน็ตด้วย แล้วเทปของเราก็ออกทั่วประเทศไทยด้วย แล้วจะไม่กระเทือนทั่วประเทศไทยได้อย่างไร คำพูดเหล่านี้เป็นคำพูดที่หลอกลวงต้มตุ๋นพี่น้องชาวพุทธทั่วประเทศไทยเหรอ นี่อยากถามปัญหาอย่างนี้กับคำที่ผู้มาโจมตีด้วยเจตนาร้ายหมายทำลายชาติและทำลายศาสนา จนกระทั่งถึงเราดำเนินด้วยความสุจริตขนาดนี้ เขาก็หาเรื่องใส่เราว่า เงินที่พี่น้องทั้งหลายบริจาคทั่วประเทศไทยนี่ เข้ามาผ่านหลวงตาบัว หลวงตาบัวเอาเข้าพุงตัวเองหมด
นี่ประกาศอย่างโจ่งแจ้งชัดเจนทีเดียว แล้วมันตรงกันข้ามกับหลวงตาไม่ได้หยิบสักสตางค์หนึ่งเข้ามาพุงตัวเองเลย มิหนำซ้ำยังติดหนี้ติดสินด้วยความเมตตาสงสารพี่น้องชาวไทยเรา ขอให้ทราบตามนี้ แล้วหลวงตาเทศน์สอนโลกนี้ทั่วประเทศไทย เพราะอะไร ในเบื้องต้นหลวงตาไม่ได้สนใจกับใคร เมื่อบวชมาแล้วตั้งหน้าตั้งตาปฏิบัติศีลธรรมศีลธรรมให้สมบูรณ์บริบูรณ์ในตัวของเราเอง จากนั้นก็บำเพ็ญเรื่องธรรมประจำตนตลอดจนกระทั่งถึงออกกรรมฐาน เรียนปริยัติอยู่เจ็ดปีสอบได้เปรียญสามประโยคตามที่ได้ตั้งใจสัจจะอธิษฐานเอาไว้ว่า จบเปรียญสามประโยคแล้วพอสมควร พอเป็นแนวทางที่จะพาดำเนินในการปฏิบัติได้จากปริยัติที่ได้เรียนมาได้สามประโยค นักธรรมตรีโทเอก ก็ได้พร้อมกัน
แล้วออกปฏิบัติฟัดกับกิเลส ไม่ได้เคยสนใจกับเรื่องโลกเรื่องสงสารใด ๆ ทั้งนั้น เอาจนเต็มเหนี่ยว ประหนึ่งว่าหูตามีนี้ไม่ได้ดูโลกดูสงสาร มองดูแต่กิเลสกับธรรมฟัดกันบนหัวใจด้วยจิตตภาวนาล้วน ๆ เรื่อยมา ประหนึ่งว่าผ้าขี้ริ้วอยู่ในเรือนจำ เป็นผ้าขี้ริ้วแล้วยังอยู่ในที่ดัดสันดานในเรือนจำอีก นี่คือการต่อสู้กับกิเลสในเวลานั้นเป็นเช่นนั้น ไม่ได้นึกว่าจะมาช่วยชาติบ้านเมืองอย่างนี้ ครั้นบำเพ็ญไปธรรมมีในใจมากน้อย ความเมตตาสงสารก็มีขึ้นมา จนกระทั่งขอเรียนให้พี่น้องทั้งหลายทราบอย่างถึงใจวันนี้ เทศน์ที่อื่นใดเราก็เทศน์มาแล้ว เฉพาะจังหวัดร้อยเอ็ดนี้ วันนี้ก็เกี่ยวกับท่านทั้งหลายได้นิมนต์หลวงตามาเทศน์ถึง ๓ ครั้งนี้แล้ว
ครั้งที่สามนี้ก็จะเปิดอกในหัวใจที่มีธรรมอยู่มากน้อยให้ท่านทั้งหลายได้ยินได้ฟัง ว่าการปฏิบัติของตัวเราเองสละเป็นสละตายมาตั้งแต่เริ่มแรกขึ้นเวทีฟัดกับกิเลสอยู่ในป่าในเขาในถ้ำเงื้อมผาเรื่อยมา เป็นตายไม่คำนึง ขอให้กิเลสขาดสะบั้นลงจากใจเป็นที่พอใจ ด้วยอำนาจแห่งความตะเกียกตะกายเสียสละชีวิตอย่างไม่คิดถึงตายนี้มีอานิสงส์ขึ้นมา ถึงขั้นการปฏิบัติแบบนี้เป็นความหนักมากที่สุดอยู่เป็นเวลา ๙ ปีตั้งแต่ออกปฏิบัติพรรษา ๗ การดำเนินทางจิตตภาวนาเพื่อฆ่ากิเลสก้าวเดินไปอีก ตั้งแต่พรรษา ๗ ถึงพรรษา ๑๖ เป็นเวลา ๙ ปี เพราะอำนาจแห่งความจริงจังความเสียสละต่ออรรถต่อธรรมต่อมรรคผลนิพพานซึ่งมีเต็มหัวใจอยู่แล้วก็หนุนความพากเพียรไปโดยลำดับลำดา
จนกระทั่งถึงวาระสุดท้ายในคืนวันที่ ๑๕ พฤษภาคม ๒๔๙๓ เวลา ๕ ทุ่มพอดี อยู่หลังวัดดอยธรรมเจดีย์ จังหวัดสกลนคร วันนั้นเป็นวันฟ้าดินถล่มในหัวใจของเรา ระหว่างกิเลสกับธรรมกับใจขาดสะบั้นออกจากใจประหนึ่งว่าฟ้าดินถล่ม ได้ปรากฏสะเทือนสะท้านไปหมด ประหนึ่งว่าทั่วแดนโลกธาตุในคืนวันนั้น เป็นเวลา ๕ทุ่มพอดี จิตใจที่เคยมืดบอดมาตั้งแต่ดั้งเดิม เราไม่คาดไม่คิดว่าค่อยสว่างไสวจนกระทั่งรู้แจ้งแทงทะลุ เปิดโล่งหมด ในสามแดนโลกธาตุนี้กระจ่างแจ้งขึ้นที่หัวใจ ถึงออกอุทานเลยว่า อุทานอย่างถึงใจด้วยว่า พระพุทธเจ้าตรัสรู้อย่างนี้เหรอพร้อมกับน้ำตาพังลงมาจากตาของเราโดยไม่ได้คิดได้คาด
ร่างกายไหวไปเลยเวลานั้นเพราะอำนาจความรุนแรงของกิเลสกับธรรมฟัดกันขาดสะบั้นจากกันลงไป จึงประหนึ่งฟ้าดินถล่ม ถึงได้ออกอุทานขึ้นมาว่า พระพุทธเจ้าตรัสรู้ ตรัสรู้อย่างนี้เหรอ อย่างที่เรารู้เวลานี้เหรอ ธรรมแท้เป็นอย่างนี้เหรออย่างที่เรารู้อยู่เวลานี้เหรอ พระสงฆ์แท้เป็นอย่างนี้เหรออย่างที่เรารู้เราเห็นแจ้งกระจ่าง ด้วยความอัศจรรย์อยู่เวลานี้เหรอ แล้วก็ประมวลธรรมทั้งหลายลงมา ว่าพระพุทธเจ้า พระธรรม พระสงฆ์มาเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันได้อย่างไรภายในใจดวงนี้ นั่นคือใจเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันแล้วกับธรรม ธรรมกับใจเป็นอันเดียว พุทธธรรมสงฆ์รวมเป็นธรรมแท่งเดียว เป็นธรรมธาตุเป็นอันเดียวกันแล้ว นี่แหละท่านเรียกว่า ธรรมธาตุ ประกาศก้องขึ้นในคืนวันที่ ๑๕ พฤษภาคม เวลา ๕ ทุ่ม
ธรรมเหล่านี้เราไม่เคยคิดเคยคาดว่าจะได้รู้ได้เห็นว่าจะได้เป็นขึ้นมา ก็ได้เป็นขึ้นมาแล้วในคืนวันนั้น เกิดความสลดสังเวชและอัศจรรย์น้ำตาร่วง คืนวันนั้นไม่นอนทั้งคืน มีแต่ความอัศจรรย์เกินคาดเกินหมาย ถ้าว่าภาษาของโลกเขาเรียกว่า เพลินเนื้อเพลินตัวกับอรรถกับธรรมที่อัศจรรย์นั้นไปตลอด ไม่ได้หลับได้นอนเลย ทีนี้เมื่อจิตใจมันจ้าขึ้นมา อย่างประจักษ์ชัดเจนโดยไม่คาดได้ฝันแล้วมองดูภพชาติของตัวที่เคยเกิดเคยตายมากี่กัปกี่กัลป์ ตายทับตายถม ตายกองกันมาเท่าไหร่ มาประมวลอยู่ที่จิตดวงนี้ดวงเดียว เวลานี้จิตดวงนี้ได้ขาดสะบั้นออกไปแล้วกับกิเลส ไม่มีอะไรเป็นเงื่อนต่อกัน กิเลสเป็นตัวสร้างภพสร้างชาติให้ตายกองกันอยู่ตลอดมา เวลานี้กิเลสได้ขาดสะบั้นไปจากใจ เหลือแต่ใจที่บริสุทธิ์ล้วน ๆ เป็นธรรมธาตุ
คราวนี้เราจะไม่เกิดอีกต่อไปแล้ว ประจักษ์ใจไม่สงสัย แล้วก็มองดูภพชาติของโลกทั่ว ๆ ไป เราดูภพดูชาติของเราที่แหวกว่ายเวียนว่ายตายเกิดตกนรกหมกไหม้ ขึ้นสวรรค์ชั้นพรหมเหมือนเขาขึ้นเขาลงบันไดเพราะการเกิดการตายมีไม่หยุดไม่ถอยตลอดมา แล้วแยกจิตออกไปตรวจดูโลกทั้งหลายเป็นเหมือนใจเรานี้หรือไม่ มองออกไปดูโลกก็แบบตายกองกัน ไม่มีกำหนดกฎเกณฑ์ท้องฟ้ามหาสมุทรประหนึ่งว่ามีตั้งแต่ศพแต่เมนของสัตว์โลกที่ตายกองกันอยู่ด้วยความทุกข์ความทรมานทั้งนั้น เกิดความสลดสังเวช กับธรรมชาติที่อัศจรรย์นี้อัศจรรย์จนเกินคาดเกินหมาย มองดูโลกมืดตื้อไปหมดแล้วมองดูใจดวงนี้สว่างจ้าครอบโลกธาตุแล้วมันจะเข้าได้อย่างไรกับโลกที่มืดตื้อเวลานี้ จะสอนอะไรใครจะเชื่อถือได้ยังไง ธรรมประเภทนี้เกินกว่าเหตุกว่าผลที่โลกทั้งหลายจะยอมรับได้และปฏิบัติตามได้
เมื่อเป็นเช่นนี้แล้วจะทำยังไง เราก็เพียงอาศัยเขากินไปวันหนึ่ง ๆ พอถึงวันตายก็ตายไปเสียเท่านั้น จะสอนใครเขาก็จะไม่ยอมเชื่อเพราะเขาไม่ได้ปฏิบัติ เขาไม่รู้เหมือนอย่างรู้เวลานี้ สอนอะไรเขาก็จะไม่เชื่อฟัง เกิดความขวนขวายน้อย ไม่อยากจะสอนใคร มีแต่เพียงว่าอยู่ไปกินไปวันหนึ่ง พอถึงวันแล้วก็ไปเสียเท่านั้น นี่เป็นความลำพึงทีแรก จากใจที่สว่างจ้าขึ้นมามองเห็นความมืดความบอดของสัตว์ทั้งหลาย ไปที่ไหนมาที่ไหน ตามีหูมีกี่ตาก็ตาม มีแต่บอดด้วยกิเลสปิดบัง ไม่เชื่อบาปไม่เชื่อบุญไม่เชื่อนรกสวรรค์ว่ามี บึนไปตามกิเลส ความโลภเห็นเป็นทองคำ ความโกรธเห็นเป็นทองคำ ราคะตัณหาเห็นเป็นทองคำธรรมชาติไปหมด อรรถธรรมที่เลิศเลอซึ่งจะฉุดจะลากขึ้นจากนรกหมกไหม้ที่ตายกองกันอยู่เวลานี้ไม่สนใจ
เมื่อเป็นเช่นนั้นแล้วก็เกิดความท้อใจจะสอนไปยังไง เมื่อทบทวนไปมาอยู่นั้นก็มีขณะหนึ่งเกิดขึ้นภายในจิต จะเรียกว่าธรรมเกิดหรือธรรมเตือนก็ได้ โผล่ขึ้นมาในจิต ก็เมื่อโลกสันนิวาสนี้มืดมิดปิดตาไปทั้งหมด ไม่มีใครสามารถจะรู้ได้ สุดวิสัยที่จะรู้ได้แล้ว เราเป็นเทวดามาจากไหนทำไมเราถึงรู้ได้เห็นได้ พอว่าอย่างนั้นจิตสะดุดกึก กำหนดพิจารณาอีกทีหนึ่ง ท่านทั้งหลายฟังให้ดี วันนี้เปิดอกให้ท่านทั้งหลายฟังจากการบำเพ็ญรอดเป็นรอดตายมา พอธรรมนี้ผุดขึ้นมาเตือนตัวเองว่า ก็เมื่อโลกนี้สุดวิสัยที่จะเชื่อถืออรรถธรรมที่พระพุทธเจ้าสอนไว้ได้แล้วว่าเป็นสิ่งที่สุดวิสัย แล้วเราเป็นเทวดามาจากไหน เราถึงรู้ได้เห็นได้ เรารู้ได้เพราะเหตุใด คำว่าเพราะเหตุใดก็คือต้นเหตุได้แก่สายทางที่เราบำเพ็ญมา เช่นการทำบุญให้ทาน การรักษาศีล การเจริญเมตตาภาวนา
นี่คือสายทางที่จะให้ผู้บำเพ็ญถึงความพ้นทุกข์ได้ จนกระทั่งเป็นปัจจุบันที่พ้นทุกข์แล้วในขณะนั้น เรามาจากทางสายนี้ เราบำเพ็ญมาอย่างนี้ การปฏิบัติจิตใจของเราละเอียดลออก้าวขึ้นมาสูงมาโดยลำดับลำดา จนกระทั่งกิเลสได้ม้วนเสื่อลงไปไม่มีอะไรเหลืออยู่ กลายเป็นจิตที่บริสุทธิ์ขึ้นมาล้วน ๆ นี้เรามีสายทางก้าวเดินมา เดินมาด้วยการให้ทาน การรักษาศีล การเจริญเมตตาภาวนาตลอดจนถึงวาระสุดท้ายคือการภาวนา นี่คือสายทางให้หลุดพ้นจากทุกข์ เหตุใดโลกเมื่อเขามีความเชื่อความเลื่อมใส มีการปฏิบัติทำบุญให้ทานรักษาศีล เจริญเมตตาภาวนา ปฏิบัติตัวให้เป็นคนดีอยู่แล้ว ธรรมของพระพุทธเจ้าก็สอนเพื่อความดีของมนุษย์ เหตุใดจึงจะดีไม่ได้จะรู้ไม่ได้เห็นไม่ได้ ต้องรู้ได้
ระหว่างธรรมกับจิตที่โต้ตอบกันอยู่ภายในใจก็ลงใจว่า อ๋อรู้ได้ เพราะมีสายทางมา เช่นเราจะขึ้นตึกกี่ชั้นก็ตาม มีบันไดและมีลิฟท์ขึ้นเราขึ้นถึงได้เพราะมีทางเดินขึ้นไป อันนี้ก็ทางหลุดพ้นจากทุกข์ก็คือ ทานศีลภาวนาก็เท่ากับลิฟท์ สามารถที่จะยังผู้ก้าวเดิน ตามนี้ให้หลุดพ้นได้ไม่ต้องสงสัย เรายอมรับ ที่นี้ยอมรับ อ๋อไม่มากก็ได้ เพราะโลกอันนี้มันเป็นโลกถังขยะ คำว่าถังขยะนั้นมีหลายประเภท ประเภทที่เยี่ยมในวงถังขยะคือวัฏฏจักรอันนี้ เรียกว่าถังขยะทั้งหมด แล้วถังขยะนี้มีปลายประเภท ถังขยะประเภทเยี่ยม ได้แก่ประเภทอุคฆฏิตัญญู เป็นผู้สร้างอุปนิสัยปัจจัยมาเต็มภูมิแล้ว คอยที่จะหลุดพ้นเท่านั้น ถ้าจะเทียบเป็นสัตว์ก็คือโคที่อยู่ปากคอกแล้ว พอไปเปิดปากคอกโคก็โดดออกจากคอกทันที
นี่ฉันใดก็เหมือนกัน ผู้ที่มีอุปนิสัยแก่กล้าสามารถควรที่จะหลุดพ้นได้แล้วก็ได้รับโอวาทคำสั่งสอนก็หลุดพ้นไปได้อย่างรวดเร็ว นี่ถังขยะอันนี้หลุดพ้นไปได้ ใจเป็นธรรมชาติเรียกว่าธรรมธาตุเลิศเลอสุดยอดแล้ว แม้ร่างกายซึ่งเป็นสมมติจะเป็นถังขยะอยู่เช่นเดียวกับโลก ก็ไม่มีความหมายอะไรเพราะใจหลุดพ้นไปแล้ว นี่เรียกว่าถังขยะประเภทที่หนึ่ง ประเภทที่สองวิปจิตัญญู ผู้รองลงมา เหมือนกับวัวที่ตามหลังกันมาที่จะออกปากคอก พอตัวนั้นออกไปตัวนี้หนุนหลังมาหนุนหลังไปก็ออกพ้นไปได้ด้วยกัน นี่เป็นถังขยะประเภทที่สอง ตามกันไปได้ให้หลุดพ้น
ถังขยะประเภทที่สามเรียกว่า เนยยะ เหล่าสัตว์หมู่สัตว์ที่ควรแนะนำสั่งสอนได้ ถ้าเจ้าของมีความสนใจปฏิบัติตามอรรถตามธรรม หลังจากได้ยินได้ฟังโอวาทคำสั่งสอน ของพระพุทธเจ้าและครูบาอาจารย์ทั้งหลายชี้แนะแล้วตะเกียกตะกายทำบุญให้ทานรักษาศีล ปฏิบัติตนให้เป็นคนดีโดยสม่ำเสมอ นี้มีทางที่จะก้าวขึ้นได้โดยลำดับ จนถึงขั้นอุคฆฏิตัญญู วิปจิตัญญู และหลุดพ้นไปได้เช่นเดียวกัน ถ้าเจ้าของอ่อนแอท้อแท้เหลวไหล เนยยะอันนี้ลงได้เสื่อมได้ ท้อถอยอ่อนแอได้กลายไปทำความชั่วช้าลามกก็ได้ นี่ประเภทที่สาม
ประเภทที่สี่เรียกว่า ปทปรมะ ประเภทนี้ไม่มีความหมายอะไรเลย หมดค่าหมดราคา มีแต่ลมหายใจฝอด ๆ อยู่เท่านั้น เช่นเดียวกับคนไข้เข้าสู่โรงพยาบาลที่กำลังไข้หนัก ๆ จวนจะตายอยู่แล้ว เข้าโรงพยาบาลแทนที่จะเข้าสู่ที่รักษาเยียวยากลับเถลไถลไปเข้าห้องไอซียูเสีย หมอก็ไม่มีความหมาย ยาก็ไม่มีความหมายเพราะคนผู้เป็นไข้ ห้องไอซียูนั้นหมดความหมายโดยสิ้นเชิงแล้ว ตายไปเปล่า ๆ ในท่ามกลางแห่งหมอแห่งพยาบาล ต่อหน้าต่อตาหมอและพยาบาลนั้นแหละ อันนี้ก็เหมือนกัน คนเป็นปทปรมะแล้วตายต่อหน้าต่อตา ทำความชั่วช้าลามกจกเปรตประเภทต่าง ๆ ได้ต่อหน้าต่อตาของอรรถของธรรมของพระพุทธเจ้าของครูบาอาจารย์ได้โดยไม่สะทกสะท้าน พวกนี้เป็นพวกปทปรมะ
ไม่สนใจว่าบาปมีบุญมีนรกมี มีแต่สนใจกับความอยาก ความทะเยอทะยาน อยากได้อย่างใจหวังอย่างเดียว ส่วนที่อยากได้ ๆ คืออะไร มีตั้งแต่ฟืนแต่ไฟที่จะเผาไหม้ตนเองคือความชั่ว อยากทำตั้งแต่ความชั่ว เพลินไปกับความชั่วทั้งวันคืนยืนเดินนั่งนอน วันไหนไม่ได้ทำความชั่วอยู่ไม่ได้ หิวโหยโรยแรง ดีดดิ้นยิ่งกว่าหมาถูกไฟเผา นี่คนที่ทำความชั่วช้าลามกจนเพลินตัว ไม่สนใจต่ออรรถต่อธรรมคือคนประเภทปทปรมะ ลมหายใจมีอยู่ก็ให้ชื่อเป็นแต่เพียงว่ามนุษย์ ๆ มนุษย์เหมือนกันแต่หัวใจมันเป็นปทปรมะ ไม่ยอมรับบุญรับบาป เชื่ออรรถเชื่อธรรมอะไรทั้งนั้น รับตั้งแต่หนุนตั้งแต่ตนเองเข้าสู่ความชั่วช้าลามก ตายลงไปแล้วก็จม นี่คนประเภทสี่เหล่านี้
อยู่ในสามแดนโลกธาตุนี้ แยกออกเป็นสี่ประเภท เมื่อพิจารณาอย่างนี้แล้ว จิตใจก็แยกแยะออก อ๋อนี้คนนี้จะมืดบอดไปหมดเหรอสัตว์โลกนี้ จะมืดบอดไปหมดเสียทีเดียว จะไม่มีชิ้นดีอะไรเหลืออยู่ในกองแห่งความมืดบอดโลกแห่งความมืดบอดนี้บ้าง เหรอ เมื่อพิจารณาลงไปมันก็แยกแยะได้เป็นประเภท ๆ ประเภท ประเภทอุคฆฏิตัญญู ประเภทวิปจิตัญญู ประเภทเนยยะ อ๋อนี่สอนได้ มีแก่ใจที่จะแนะนำสั่งสอนโดยลำดับลำดา พวกปทปรมะก็ปล่อยทิ้งเสีย ไม่สนใจ ส่วนเนยยะก็เฆี่ยนไปตีไปฉุดลากไป
ถ้าขี้เกียจขี้คร้านนอนไม่รู้จักตื่น เอาหมอนมัดติดคอหมอนมัดติดหลังก็ไปแก้หมอนออก ไปแก้หมอนออกจากคอแล้วก็แก้เสื่อออกจากหลัง มันขี้เกียจ มันไม่อยากตื่นขึ้นหุงข้าวนึ่งข้าวทำบุญให้ทาน ไม่อยากไปวัดไปวา ให้นั่งภาวนามันก็มีแต่ความจะง่วงเหงาหาวนอนหลับครอก ๆ จึงต้องไปดึงเอาเสื่อเอาหมอนออกจากหลังมันบ้าง นี่ประเภทเนยยะ พอดึงหมอนออกได้ เฆี่ยนตีให้ภาวนาบ้างสิ มันนอนจมหมอน หมอนวิเศษวิโสอะไร การให้ทานต่างหากวิเศษวิโส ตื่นขึ้นไปหุงข้าวทำบุญให้ทาน เอามาแข่งหมอนบ้างสิ แล้วผู้ฟังก็ทำตามนั้น
ผู้ไม่ฟังก็เป็นประเภทปทปรมะ ตายทิ้งเปล่า ๆ ไม่เกิดประโยชน์อะไร เมื่อพิจารณาตามนี้แล้วก็ลงใจ ว่าสอนได้ก็จะสอน ประกอบกับพวกพระพวกเณรที่อยู่ตามป่าตามเขาด้วยกัน วิ่งวุ่นทีเดียว เกาะติด ติดบ้างไม่ติดบ้างทีแรกเพราะเราขโมยเข้าป่าเข้าเขา หลังจากหลวงปู่มั่นมรณภาพไปแล้วพระหาที่ยึดที่เกาะไม่ได้ วิ่งวุ่นกันไปหมด นี่ล่ะให้ท่านทั้งหลายฟัง ธรรมเหล่านี้มาโกหกท่านทั้งหลายเหรอ ปฏิบัติมารอดเป็นรอดตาย และนำชาติบ้านเมืองก็รอดตาย กลายเป็นเรื่องเหลวไหลไปหมดแล้วเหรอ ให้พิจารณา เราอย่าฟังเสียงเปรตเสียงผีเสียงคัดเสียงค้านต้านทาน คนที่ทำดีทั้งหลายเขาตั้งหน้าตั้งตาทำทั้งประเทศเพื่อจะยกจะอุ้มชาติไทยอุ้มชาติของเรา ศาสนาของเราขึ้นกราบไหว้บูชาเป็นขวัญตาขวัญใจตลอดไป แล้วประคับประคองประเทศไทยของเราที่บกพร่องขาดเขินเกี่ยวกับเรื่องเศรษฐกิจ ความเป็นอยู่ นี่จึงได้พากันตะเกียกตะกาย
ไอ้ผู้มันไม่หวังอะไร พวกปทปรมะนี้มันหาแต่คอยคัดค้านต้านทาน เงินบาทเดียวทองกิโลเดียว ดอลลาร์ดอลล์เดียวที่จะเอาเข้าไปสู่คลังหลวงเพื่อมาอวดอ้างพี่น้องชาวไทยทั้งประเทศที่นำเข้าไปสู่คลังหลวงแล้ว ก็ไม่เห็นสักกิโลหนึ่ง ทองคำกิโลก็ไม่เคยเห็น ดอลลาร์ดอลล์หนึ่งก็ไม่เคยเห็น เงินบาทบาทหนึ่งก็ไม่เคยเห็น มีตั้งแต่เรื่องคอยทุบคอยตีคอยจุดคอยเผาพี่น้องชาวไทยที่ต่างพร้อมกันสร้างความดีทั้งหลายเพื่ออุ้มชาติบ้านเมือง เพื่อเทิดทูนพระพุทธศาสนา พวกนี้มันไม่เอาไหน พวกปทปรมะหาแต่คัดแต่ค้านแต่แย้งแต่ชิง ชิงดีชิงเด่น หวังตั้งแต่ความโลภเป็นบ้าอำนาจบาตรหลวง จะเหยียบหัวพระพุทธเจ้าขึ้นมาสด ๆ ร้อน ๆ นี่พวกปทปรมะเป็นอย่างนี้
เห็นมั้ยในเมืองไทยเรานี้ มันมีอยู่ทุกหย่อมหญ้า เขาปฏิบัติกันช่วยชาติเต็มเม็ดเต็มหน่วย มันไม่ยอมรับ มันมีแต่กีดแต่ขวาง ยุแหย่ทางนั้นยุแหย่ทางนี้ ก็คิดดูสิ อย่างหลวงตานี้พาพี่น้องหาเงินบริจาคมาได้เข้าสู่คลังหลวงดังที่เรียนให้ทราบนี้ มันยังกล้ามาพูดโจมตีอย่างหน้าด้านว่า เงินทั้งหลายที่บริจาคมานี้ หลวงตาเอาเข้าพุงของหลวงตาหมด มันไม่หน้าด้านจริง ๆ มันจะพูดได้เหรอ มันต้องหน้าด้านเลยปทปรมะไปอีก ตายลงไปนี้เราก็กลัวที่ว่านรกไม่มี กลัวนรกอเวจีจะแตกอยู่เหมือนกันนะ วันนี้เปิดให้พี่น้องทั้งหลายทราบในฐานะที่หลวงตาเป็นผู้นำพี่น้องทั้งหลายด้วยความตะเกียกตะกาย เป็นตายมอบไปหมดเลย
หลวงตานี้จริงจังมากนะ เวลาช่วยชาติก็ช่วยจริง ศาสนาก็ช่วยจริง ๆ เวลานี้ก็กำลังจะเหยียบหัวพระพุทธเจ้า เรื่องโกลาหลอลหม่านกำลังเกิดขึ้นในวงพุทธศาสนาเวลานี้ บัญญัติใหม่ขึ้นมาเหยียบหัวพระพุทธเจ้าต่อหน้าต่อตาที่พระพุทธเจ้าทรงบัญญัติไว้แล้ว บรรดาชาวพุทธเราปฏิบัติตามศาสนธรรมที่ท่านบัญญัติไว้แล้ว มีความร่มเย็นตลอดมาจนกระทั่งบัดนี้ แล้วพวกเปรตพวกผีนี้มาพลิกแพลงเปลี่ยนแปลงเสียใหม่ว่ามาตั้งบัญญัติใหม่ขึ้นมาแล้วรื้อถอนสิ่งที่บัญญัติแล้ว นี่แหละที่กระทบกระเทือนกันอยู่กับพระสงฆ์ทั่วประเทศไทยเวลานี้
พระสงฆ์ทั่วประเทศไทยปฏิบัติดำเนินตามหลักธรรมหลักวินัยตามที่พระพุทธเจ้าทรงสั่งสอนตลอดมาและได้รับความร่มเย็นตลอดมาเช่นนี้แล้ว อันนี้ตั้งขึ้นมาป่า ๆ เถื่อน ๆ อาศัยอำนาจป่า ๆ เถื่อน ๆ จะมาเหยียบหัวพระพุทธเจ้าแล้วจะมาเหยียบหัวพระสงฆ์ทั่วประเทศไทยลงไปอีก นอกจากนั้นก็เหยียบหัวคนทั้งชาติไปอีกด้วยอำนาจบาตรหลวงป่า ๆ เถื่อน ๆ นี่แหละมันน่าสลดสังเวชมั้ย เวลานี้กำลังก่อกวนทุกหย่อมหญ้านะ หลวงตาบัวนี้พูดอย่างจริงอย่างจัง พูดตามหลักความจริง ไม่มีคำว่าโกหก หลอกลวง คำพูดที่ออกมานี้ให้ประกาศได้เลย อันไหนที่หลวงตาบัวพูดเป็นคำโกหกให้มาตีปากหลวงตาบัวเลยนะ
หลวงตาบัวพูดตามความสัตย์ความจริง ผิดบอกว่าผิด ถูกบอกว่าถูก จึงเรียกว่าพระ พระต้องพูดเป็นความสัตย์ความจริงมีศีลมีธรรม ไอ้พูดโกหกหลอกลวงต้มตุ๋นพูดโจมตีคนนั้นโจมตีคนนี้ ไม่ใช่เป็นคำพูดของพระ เป็นคำพูดของเปรต แม้จะเป็นพระก็คือเปรตในนามผ้าเหลือง ขอให้ท่านทั้งหลายจำเอาไว้ทุก ๆ คน เวลานี้เราทั้งหลายกำลังช่วยชาติบ้านเมืองเต็มกำลังความสามารถเพราะชาตินี้มีคุณค่าหนักมีคุณค่ามากไม่มีอะไรเกิน ศาสนาก็มีคุณค่ามากไม่มีอะไรเกิน สมกับพี่น้องชาวไทยทั้งหลายเราที่ได้อุตส่าห์พยายามช่วยชาติบ้านเมือง ใครมีมากมีน้อย ทองคำ เงินสด ดอลลาร์เอามาบริจาคจนได้ขนาดที่กล่าวมานี้ ไม่มาจากความรักสมบัติของพี่น้องทั้งหลาย ออกมาจากใคร ใครก็รักด้วยกันแต่ยอมเสียสละได้เพราะเห็นแก่ชาติแก่ศาสนา
หลวงตาตายไปก็ด้วยการช่วยชาติบ้านเมือง เป็นก็เป็น ตายก็ได้ หลวงตาไม่เสียดายชีวิต หลวงตาไม่มีคำว่ากล้า ไม่มีคำว่ากลัว ไม่มีคำว่าได้ ไม่มีคำว่าเสีย ไม่มีคำว่าแพ้ ไม่มีคำว่าชนะ เพราะธรรมอยู่นอกจากวงกรณีพิพาททั้งหมด นำมาสั่งสอนโลก ที่พูดเดี๋ยวนี้เราก็พูดตามหลักความผิดความถูกที่กระเทือนทั่วประเทศไทยอยู่เวลานี้ อย่างที่กล่าวมาเรื่องโจมตี มันก็มีจริง ๆ โจมตี เอาอำนาจบาตรหลวงมาเหยียบหัวพระพุทธเจ้ามันก็มีจริง ๆ ผู้รักษากราบไหว้พระพุทธเจ้าอยู่ตามหลักธรรมวินัยมันก็ต้องต่อสู้กันโดยดีนั้นแหละ นี่เราก็พูดตามหลักความจริงผิดไปที่ตรงไหน ไอ้ผู้ที่มาหลอกลวงต้มตุ๋นโลกมันหาความจริงไม่ได้นะพวกนี้
อันใดที่จะมาเป็นประโยชน์แก่โลกไม่ปรากฏว่ามันมีพอให้โลกชาวไทยเราได้เห็นบ้างพอเป็นขวัญตาขวัญใจ มีตั้งแต่ฟืนแต่ไฟที่มาเผาตรงนั้นเผาตรงนี้ แหย่ตรงนั้นแหย่ตรงนี้ พวกนี้หาความดีไม่ได้ มีแต่ความเลวร้าย จึงเอาแต่ความเลวร้ายไปเผาบ้านเผาเมือง เผาผู้เผาคน ไปที่ไหนไปหมด ทั้งเงินนี้หว่านล้อมไปเลย จ้างเขาไปทำก็ได้ ใครจะไปเชื่อมันง่าย ๆ เงินมันป้อนเข้าไป ยื่นเข้าไป อุดปากเข้าไปให้ทำหน้าที่แทนมัน เป็นเครื่องมือของมันได้โดยไม่ต้องสงสัย อุดปากเข้าไป มันต้องการอำนาจป่าเถื่อน เอาเงินอุดปาก จริงหรือไม่จริงให้พิจารณาเอาพี่น้องทั้งหลาย
นี่เราก็ทราบตามเหตุการณ์มาแล้ว เราไม่ได้มาหาอุตริ ถึงจะพิจารณาตามเหตุการณ์นี้ก็ไม่ผิด คนเรามันต้องใช้เงิน ยิ่งเป็นเรื่องใหญ่โตขนาดนี้มันจะไม่หว่านเงินทั่วประเทศไทยยังไง ก็มันจะครองบ้านครองเมือง ครองศาสนาเหยียบหัวพระพุทธเจ้าลง เหยียบคนไทยทั้งชาติลง ขึ้นกินโต๊ะเพียงสองสามคนแล้วก็ขี้รดหัวประเทศไทยของเราลงอย่างสบาย ๆ หายห่วงแล้วมันจะไม่เอาเงินอุดปากเป็นอำนาจบาตรหลวงอันใหญ่ของมันได้ยังไง มันทำได้ลงคอ เราไม่เห็นต่อหน้าเราก็เชื่อ อันนี้เราคาดเราคิดไม่สงสัยประกอบกับมีผู้มาเล่าให้ฟังอีกด้วย มันก็ประกอบกันได้เป็นความจริงไม่สงสัย เวลานี้เอาเงินออกหว่านไปหมด ตามที่ได้ยินได้ฟังมามันก็เป็นอย่างนี้
เรื่องที่จะเอาความสัตย์ความจริงออกมาให้พี่น้องทั้งหลายได้เชื่อถือไม่มี มีตั้งแต่เรื่องหลอกลวงต้มตุ๋นไปทุกแห่งทุกหนตำบลหมู่บ้าน เพื่อจะครองอำนาจป่า ๆ เถื่อน ๆ หลงยศหลงบ้าอะไรก็ไม่รู้ ยศมันไม่ทราบอยู่ที่ไหน อำนาจอยู่ที่ไหน อำนาจป่า ๆ เถื่อน ๆ ใครจะยอมรับ ยศแบบบ้า ๆ ใครจะไปยอมรับ พระพุทธเจ้าตั้งยศให้สาวกอรหันต์ ๘๐ องค์ เป็นยังไง สงบเงียบ เป็นมงคลอันสูงสุด ตั้งยศให้พวกเปรตพวกผีว่าดินเหนียวติดหัวตัวมีหงอนเรืองอำนาจใหญ่โตขึ้นไป กวนบ้านกวนเมือง เอาไฟเผาบ้านเผาเมือง เผาวัดเผาวา ดังที่เห็นอยู่เวลานี้
วันนี้ได้เปิดเผยให้พี่น้องทั้งหลายฟัง เรื่องยุแหย่ก่อกวน ไปที่ไหนมี แม้ที่สุดตั้งแต่เงินที่พี่น้องทั้งหลายบริจาค ให้นับเงินก็ต้องมีขัดมีแย้งว่านับไม่ถูก เงินเป็นยังไงนับไม่ถูก เคยนับเงินมาตั้งแต่เกิดแต่อ้อนแต่ออก คนที่มานับเงินมีแต่คณะกรรมการที่สำคัญที่ ควรที่จะเทิดเกียรติท่านเหล่านี้ ในขั้นเศรษฐีก็มี ขั้นธรรมดารองกันลงมาก็มี เต็มไปด้วยอรรถด้วยธรรม อย่าว่าแต่พวกนี้จะเอาไปกินเลย จ้างให้พวกนี้เอาไปเขาก็ไม่เอา เขามาทำด้วยบุญด้วยกุศล เทิดทูนพุทธศาสนาต่างหาก นี้มันก็หาเรื่องนับเงินไม่ถูกต้องอย่างนั้นอย่างนี้ ให้มานับเอง นับมันก็คนนั่นแหละ ไม่ใช่หมานับ นับผิดมันก็ผิด หมานับมันก็ผิดได้ คนนับมันก็ผิดได้ แต่นี้นับไม่ได้ผิด มันจะผิดไปไหน พิจารณาสิพี่น้องทั้งหลาย มันมีแหย่กันอยู่
พวกนี้เขานับเงินมาสักเท่าไหร่ เงินในบ้านของเขา ขั้นเศรษฐีเขาก็มา ที่มาของเล่น ๆ เมื่อไหร่ มีแต่ท่านผู้เกียรติทั้งนั้นนะมา เป็นที่ไว้ใจเราถึงนำมา หลวงตาไม่ได้เอาสุ่มสี่สุ่มห้านะมานับเงินนับทอง มีตั้งแต่จำพวกที่มีเกียรติ มีสมบัติผู้ดี มีศีลมีธรรม มีเงินมีทองถึงขั้นเศรษฐีก็มี ไม่ใช่น้อย ๆ ท่านนะที่มา อุตส่าห์พยายามสละเวล่ำเวลา หน้าที่การงานเข้ามาช่วยศาสนาช่วยชาติบ้านเมืองของเรา และเหตุใดจึงว่าพวกนี้จะทุจริตผิดกันไปต่าง ๆ นานา นับแล้วไม่ถูก ไม่ถูกก็จะหมายถึงพวกนี้เอาไปกินน่ะสิ จ้างให้เอาไปกินก็ไม่กินพวกนี้ หลวงตาตายแทนได้เลย ว่าท่านเหล่านี้จ้างให้เอาไปกินก็ไม่เอา นี่หาเรื่องป่า ๆ เถื่อน ๆ มาพูด
การนับเงินนับที่ไหนเราไม่ว่าแหละ นับที่ไหนก็นับเพื่อความถูกต้องด้วยกัน แต่มันก็แหย่ก็แทงเข้ามาอย่างนี้ นี่ก็ขอให้จำไว้นะพี่น้องทั้งหลาย เราได้ยินเราก็พูดตามความได้ยิน โต้ตอบกันมาเรื่อย ๆ เวลาเขานับเงินเขาก็นับกันอยู่ในกลางแจ้งที่รวมชุมนุมกัน ได้เท่าไหร่ดูกันในขั้นเศรษฐีอยู่ในนั้น ใครจะเอาเงินบาทสองบาทเพียงเท่านี้ เงินของเขาอยู่ในคลังของเขาธนาคารของเขามีขนาดไหน เขาจะมาอะไรอินังพันทังอะไรกับเงินเพียงบาทสองบาทเพียงเท่านี้ อย่างนี้ก็ไปหาเรื่องใส่เขา มันเลวขนาดไหน พวกปากสกปรก ไปพูดที่ไหนเลอะเปรตปากผี ให้ท่านทั้งหลายจำเอาไว้
ท่านเหล่านี้ที่เรานำมาให้นับเงินนับทองเป็นที่เราลงใจสุดขีดแล้ว ใครจะหาว่าท่านเหล่านี้เป็นยังไง เราตายแทนได้เลย เราเอามาทำประโยชน์เพื่อชาติบ้านเมือง เราไม่ได้ทำเล่น ๆ เหตุใดจึงต้องมาหายุหาแหย่ก่อกวนถีบนั้นยันนี้ เอาไฟเผาที่นั่นเผาที่นี่ ผู้ก่อผู้สร้างเพื่อความเป็นสิริมงคลแก่ชาติบ้านเมืองทำแทบเป็นแทบตาย ผู้ไม่ได้หน้าได้หลังอะไรเลย ผลประโยชน์ที่จะแสดงมานิดหนึ่งแม้สตางค์หนึ่งไม่เห็น มีตั้งแต่ฟืนแต่ไฟไปเผาที่นั่นไปเผาที่นี่ พวกเปรตพวกผี นี่แหละการแสดงธรรมตามหลักความจริงที่เราได้นำพี่น้องทั้งหลายช่วยชาติบ้านเมืองมาเป็นเวลา ๔ ปีนี้แล้ว
ถ้าว่าเทศน์ก็กระเทือนทั่วประเทศไทยเรานี้ เทศน์แบบนี้แหละด้วยอำนาจแห่งจิตที่รู้ที่เห็นขึ้นภายในจิตใจ เราไม่ไปหาอุตริ เราไม่อุตริ เราไม่ไปหาคลำในคัมภีร์นั้นคัมภีร์นี้ พระพุทธเจ้าตรัสรู้ภายในพระทัยคือภายในใจ สาวกทั้งหลายตรัสรู้ธรรมอยู่ภายในใจธรรมอยู่ที่ใจ ที่ไปเป็นคัมภีร์นั้นท่านจดจารึกเอาไปจากใจซึ่งเป็นตู้คัมภีร์ใหญ่นี้ต่างหาก ไปเป็นคัมภีร์นั้นคัมภีร์นี้ พระวินัยปิฎก พระสุตตันตปิฎก พระอภิธรรมปิฎก ออกจากปิฎกใหญ่คือพระพุทธเจ้าตรัสรู้นี้และพระสงฆ์สาวกที่ตรัสรู้ธรรมขึ้นมานี้ต่างหาก นี่ที่แสดงธรรมแก่พี่น้องทั้งหลายทั่วประเทศไทย หลวงตาถอดออกมาจากหัวใจจริง ๆ ไม่ได้ไปคัมภีร์นั้นคัมภีร์นี้
พูดแล้วสาธุ หลวงตาไม่ได้ประมาท หลวงตาก็เรียนเป็นมหาเหมือนกัน แต่เวลาจะเทศน์จริง ๆ ไปเอื้อมในคัมภีร์นั้นคัมภีร์นี้ รู้สึกว่าไม่สนิทใจ ก็อันหนึ่งมันรู้ประจักษ์อยู่ในหัวใจ ถอดออกมาจากนี้ ดังพระพุทธเจ้าสาวกทั้งหลายเทศน์ ท่านไปหาคัมภีร์ไหนมาเทศน์ ท่านเทศน์ออกจากหัวใจท่าน นี่ก็ธรรมประเภทเดียวกัน รู้ก็รู้ที่หัวใจเหมือนกัน ถอดออกมาจากหัวใจอันเดียวกันจะผิดไปไหน นี่แหละการเทศนาว่าการเราจึงไม่เคยสะทกสะท้านว่าจะผิดไป การเทศนาว่าการทุกขั้นของธรรมตั้งแต่ขั้นต่ำถึงขั้นสูงสุดทรงไว้ในหัวใจนี้หมดแล้ว เป็นเวลา ๕๓ ปีนี้แล้ว
ท่านทั้งหลายเห็นพระพุทธศาสนาเป็นยังไง เห็นว่าเป็นตุ๊กตาเครื่องเล่นของเด็กไปอย่างงั้นเหรอ ไม่มีมรรคมีผล พวกชาวพุทธเราโง่เกินตัวถือศาสนาที่ไม่มีมรรคมีผลเป็นตุ๊กตาเครื่องเล่นเอามาถือเล่น มันใช้ได้เหรอ ถือปฏิบัติถ้าอยากจะรู้มรรครู้ผลของธรรมพระพุทธเจ้า พระพุทธเจ้าเป็นองค์ศาสดาองค์เอก ตรัสรู้ธรรมเป็นธรรมอันเอกมาสอนโลกมีแต่สวากขาตธรรมตรัสไว้ชอบแล้วทั้งนั้น ไม่มีผิดเพี้ยน ที่มันผิดก็คือพวกเราที่เรียนมาแล้วก็เป็นหนอนแทะกระดาษ หนอนแทะกระดาษยังไง เรียนมาเฉย ๆ จำเฉย ๆ ไม่สนใจนำมาปฏิบัติ มันก็เหมือนเขาทำแปลน แปลนมีเต็มห้องเต็มหับ มันก็ไม่เป็นบ้านเป็นเรือน ถ้าไม่ลากแปลนออกมากาง ปลูกบ้านปลูกเรือนตามที่แปลนชี้บอกนั้นจะไม่สำเร็จเป็นบ้านเป็นเมืองขึ้นมาเลย
อันนี้ก็เหมือนกัน พระไตรปิฎก ปิฎกแปลว่าภาชนะ ไตรแปลว่าสาม ภาชนะสามคืออะไร สำหรับบรรจุอะไร สำหรับบรรจุพระวินัย สำหรับบรรจุพระสูตร สำหรับบรรจุพระอภิธรรม นี่เรียกว่าพระไตรปิฎก อาจารย์ทั้งหลายท่านรจนาออกมาจากพระทัยของพระพุทธเจ้าและใจของพระอรหันต์ออกมาจึงเป็นคัมภีร์ ธรรมแท้ ๆ อยู่ที่ใจ ผู้ปฏิบัติธรรมจะปฏิบัติรู้ที่ใจ ละกิเลสละที่ใจด้วยการปฏิบัติ ถ้าไม่ละมีแต่เรียนเฉย ๆ กิเลสไม่ถลอกปอกเปิกจนกลายเป็นเรื่องหนอนแทะกระดาษ เพราะมีแต่ไปเรียนอยู่คัมภีร์ บาปไม่ได้อยู่คัมภีร์ บุญไม่ได้อยู่คัมภีร์ นรกสวรรค์ไม่อยู่คัมภีร์ มันอยู่กับหัวใจคน
เมื่อเรานำมาปฏิบัติตามแบบแปลนแผนผังของศาสนาที่ท่านสอนไว้แล้ว มันก็รู้ขึ้นที่นั่น พระพุทธเจ้าสอนเพื่อให้รู้ ไม่ได้สอนเพื่อปิดบังลี้ลับ สวากขาตธรรมตรัสไว้ชอบแล้ว สมบูรณ์แล้ว ให้ปฏิบัติตามธรรมที่เราสอนไว้แล้ว ถ้าเรียนมาปฏิบัติตามนั้นมันก็รู้ตามนั้นเต็มกำลังความสามารถวาสนาของผู้ปฏิบัติที่จะรู้เห็น ถ้าไม่ปฏิบัติเรียนมาเท่าไหร่มันก็เป็นกระดาษเศษ เป็นหนอนแทะกระดาษไปเท่านั้น ไม่เกิดประโยชน์อะไร เพราะการเรียนมาจำมาเฉย ๆ ไม่ได้ละกิเลส ละกิเลสเพราะการปฏิบัติซึ่งอาศัยการศึกษาเล่าเรียนมาเป็นแบบแปลนแผนผังต่างหาก
เมื่อมีเรียนด้วยปฏิบัติด้วย ผลปฏิเวธก็รู้แจ้งขึ้นภายในใจ จนกระทั่งถึงวิมุตติหลุดพ้นก็พระพุทธเจ้าองค์เดียวเป็นผู้สอน พระพุทธเจ้ารู้มาแล้วสอนอย่างนี้ปฏิบัติตามนี้จะปลีกแวะไปที่ไหน ก็ต้องเป็นไปตามธรรมที่พระพุทธเจ้าสอน นี่ศาสนาทรงมรรคทรงผลอยู่อย่างนี้ ขอให้ท่านทั้งหลายซึ่งเป็นชาวพุทธตั้งหน้าตั้งตาปฏิบัตินะ อย่าอยู่เฉย ๆ เป็นขอนซุงอยู่อย่างนั้น เวลาตายแล้วนิมนต์พระมากุสลา ธมฺมา กุสลาไปหาสะแตกอะไร พูดแล้วโมโห หลวงตามันโมโห ครั้นเวลามีชีวิตอยู่มันไม่สนใจนะ สนใจฟังอรรถฟังธรรมก็ไม่สนใจ จะนั่งภาวนาสัก ๕ นาทีก็หัวฟัดหัวแฟงมันง่วง ถ้าเขามีเพลงบ้านนั้นบ้านนี้ เฮอ! ๆ ๆ เป็นบ้ากันทั้งบ้านทั้งเมือง นี่สิมันน่าโมโห
การเทศนาว่าการพี่น้องทั้งหลาย หลวงตาไม่ได้มีอะไร เต็มหัวใจแล้วจึงมาสอนสอนอย่างเต็มหัวใจถอดออกมาจากหัวใจทุกบททุกบาท การเรียนเราก็ยกไว้ สาธุ ๆ แต่การเรียนทั้งหมดรวมเข้ามาสู่หัวใจนี้หมดแล้ว การสอนถึงถอดออกจากหัวใจ ขอให้ปฏิบัติ มรรคผลนิพพานคงเส้นคงวาหนาแน่นตลอดมาตั้งแต่พระพุทธเจ้าของเราและจะตลอดไปเมื่อมีผู้ตั้งใจศึกษาอบรมและปฏิบัติอยู่แล้ว มรรคเป็นมรรค ผลเป็นผล พระพุทธเจ้าคือองค์ศาสดาองค์เอก ธรรมที่สอนไว้ก็เป็นธรรมอันเอก ผู้ปฏิบัติก็ต้องรู้ธรรมอันเอกถึงวิมุตติหลุดพ้นด้วยกัน เช่นเดียวกับพระพุทธเจ้ายังทรงพระชนม์อยู่นั้นแล แต่ถ้าไม่ปฏิบัติตาม เกาะชายจีวรอยู่ก็ไม่เกิดผลประโยชน์อะไร ให้พากันจดจำ
เรื่องกิเลสมันหลอกนั่นแหละ ว่ามรรคว่าผลไม่มี ศาสนากุดด้วนไปแล้ว ศาสนาไม่มีมรรคมีผลอย่างนั้นอย่างนี้ กิเลสมันหลอก แต่กิเลสมันมีมากี่กัปกี่กัลป์เมื่อไหร่มันจะสิ้นซากไปไม่เห็นมันบอก เรื่องศาสนาเพื่อความดีงามจะหนีจากอำนาจของมันแล้วมันบอกว่าหมดมรรคหมดผลไม่ให้คนสนใจธรรม นี่แหละพากันตั้งอกตั้งใจกันปฏิบัตินะ วันนี้ก็ได้เทศน์เปิดให้พี่น้องทั้งหลายฟังตั้งแต่ปฏิบัติมาจนกระทั่งถึงได้ไปนำพี่น้องทั้งหลายช่วยชาติบ้านเมือง เทศน์ทั่วประเทศไทยแล้วเวลานี้
เรื่องเทวบุตรเทวดาไม่พูด เวลาจะเทศน์กับเทวบุตรเทวดาไม่เกี่ยวกับมนุษย์ ไม่เอามาเกี่ยวข้องกัน นี่สอนมนุษย์มันก็สอนยากจะตายอยู่นี้ เรียกให้เทวดามาฟัง เทวดาแตกตื่นหนีหมดไม่มาล่ะ มนุษย์มีแต่ความขี้เกียจจนเหม็นคลุ้ง เหม็นคลุ้งไปด้วยความขี้เกียจ ความขี้เกียจมันเป็นขี้กองหนึ่ง มันเหม็นอยู่เต็มตัวของคนเราทุกคน ๆ นั่นแหละ นี่เทวดาจึงไม่อยากมาใกล้พวกขี้เกียจขี้คร้านท้อแท้อ่อนแอในการประพฤติปฏิบัติตัว จึงขอให้ท่านทั้งหลายฟิดเนื้อฟิดตัวบ้างสิการปฏิบัติ ธรรมเป็นธรรมชาติที่ท้าทายต่อมรรคต่อผลตลอดมา เราทำไมเป็นโมฆะบุคคลทั้ง ๆ ที่กอดศาสนาอยู่ ไม่ได้ตั้งใจต่อพระพุทธเจ้า พระธรรม พระสงฆ์
อย่างน้อยวันหนึ่ง ๆ เราตื่นนอนขึ้นมา เรามีมากมีน้อยก็ตาม ขอให้ได้ใส่บาตร วันหนึ่งได้ใส่บาตรองค์หนึ่ง เราก็เป็นเครื่องหมายของคนสร้างทางเพื่อมรรคผลนิพพาน เป็นบุญเป็นกุศล นี่แหละทางเดินเพื่อมรรคผลนิพพาน เกิดขึ้นที่การให้ทาน ทานอะไรก็ตามเป็นสายทางเดินเพื่อมรรคผลนิพพาน ศีลก็ควรจะรักษาบ้างสิ ปล่อยไว้ทำไม คนไม่มีศีลเป็นคนว่างเปล่าขาดจากประโยชน์ แล้วการเจริญเมตตาภาวนาขอให้พากันเจริญเมตตาภาวนา นี่การรู้การเห็นธรรมทั้งหลายที่ได้นำมาสอนพี่น้องทั้งหลายนี้ออกมาจากภาวนานะ ไม่ได้ออกมาจากเสื่อจากหมอนนอนไม่รู้จักตื่นนะ ด้วยภาวนาเอากันเอาจริงเอาจัง ความรู้ความเห็นเมื่อขุดคุ้ยขึ้นมามันก็เกิดขึ้นมา
ปัญญาเกิดขึ้นจากคนพินิจพิจารณา สมบัติภายในบุญกุศลเกิดขึ้นจากเราผู้ขวนขวายในการให้ทานรักษาศีลภาวนา นี่ก็ให้ภาวนากันบ้างนะ เวลาจะหลับจะนอนขอให้ได้ภาวนาทุกคน ๆ ทุกคืน ๆ นะ กราบพระย่อ ๆ แล้วให้ทำความสงบใจ เอาพุทฺโธ หรือ ธมฺโม หรือสงฺโฆ เข้ามากำกับใจเป็นคำบริกรรม มีสติกำกับอยู่กับใจ ใจจะได้สงบเย็นลงบ้าง เราจะเห็นความเย็นของใจ ในขณะเดียวกันเราจะเห็นความเดือดร้อนของใจที่กิเลสลากไปคิดเรื่องนั้นเรื่องนี้ตั้งแต่ตื่นนอนจนกระทั่งหลับ ไม่มีวันดับเครื่องได้เลย ให้เอา พุทฺโธ ธมฺโม สงฺโฆ เป็นน้ำดับไฟไปดับเครื่อง เรียกว่าดับเครื่องกิเลสให้มันอ่อนตัวลงบ้าง จิตใจของเราจะมีสงบเย็น
บางรายเวลาภาวนาไปนี้จะเกิดได้เร็วก็มีนะ เป็นความแปลกประหลาดอัศจรรย์ขึ้นภายในจิตใจของผู้ภาวนานี้แหละ สิ่งที่ไม่รู้ไม่เห็นจะเกิดขึ้นจากภาวนานะ เกิดขึ้นทางสายตาของเรามันก็เป็นอย่างหนึ่ง ตาเห็นทางรูป หูฟังได้ทางเสียง ใจนี้ฟังได้รอบด้านนะ ขอให้เปิดกิเลสตัวมันปิดบังรอบด้านในหัวใจนี้ออกเถอะ มันจะค่อยกระจาย ๆ ออกไป รู้ไปหมดนั้นแหละ นี่แหละพระพุทธเจ้ารู้ไปหมด โลกวิทู รู้แจ้งโลก นำธรรมมาสั่งสอนโลกด้วยความรู้แล้ว ไม่ได้สั่งสอนโลกด้วยความบอด
ให้จำเอาไว้ให้ดีแล้วไปพากันปฏิบัติ ตายทิ้งเปล่า ๆ มันเกิดประโยชน์อะไร ใครจะตายด้วยกัน เห็นมั้ยนั่งกันเต็มอยู่นี้น่ะ มีจำนวนมากน้อยเพียงไร เวลานี้เป็นคนเป็นกำลังนั่งฟังเทศน์ พอตายแล้วเท่านั้นเป็นคนตายทั้งหมดมันน่าดูมั้ย ถ้าเราไม่ได้สร้างคุณงามความดีตายแล้วมันก็เหมือนซุงทั้งท่อน ไม่เกิดประโยชน์อะไรให้สร้างคุณงามความดีเป็นสาระของใจเพราะใจนี้ไม่เคยตาย ใจนี้แหละพาให้เกิดทับถมกันอยู่ตลอดเวลา มาดังที่กล่าวมาในเบื้องต้น คือใจดวงนี้มันไม่ตาย พอร่างนี้หมดสภาพออกไปสู่ร่างนั้นออกไปสู่ร่างนี้ ตามแต่บุญแต่กรรมของตนที่สร้างไว้มากน้อย ใครทำบุญมากใครทำบุญไปทางที่ดี บุญนั้นหนุนจิตใจให้ไปทางที่ดี ใครทำชั่วบาปนั้นแหละบีบบังคับให้ไปทางที่ชั่ว ที่ว่านรกมีหรือไม่มี ไม่มีความสำคัญอะไร ใครจะไปลบนรกได้ว่ะ ไปลบนรกได้เหรอ ถ้าลบได้แล้วพระพุทธเจ้าจะลบทิ้งหมด นรกไม่ให้มี
ให้แต่พวกเรานี้อยู่สะดวกสบาย ผู้หญิงมีสักร้อยผัวก็ได้ ผู้ชายก็มีสักพันเมียก็ได้ ออกมายิ่งกว่าลูกหมาก็ได้ เพราะไปทำแล้วไม่เป็นบาปเป็นกรรม ไม่มีนรก ถ้าอย่างมากก็มีแต่หมากัดกัน คือผัวกับเมีย ผัวไปหาเมียใหม่อีหนูมา เมียไปหาผัวใหม่ไอ้หนูมา แล้วก็มากัดกันในครัวเรือน ถ้าอย่างมากก็เพียงหมากัดกันในครัวเรือน มันไม่ได้ไปกัดกันในนรกนะ แต่นี่นรกมันมีน่ะสิ กัดกันในครัวเรือน ตายลงไปแล้วก็เป็นบาปอันหนักหนาเพราะผู้หญิงกับผู้ชาย ผัวกับเมียมีความรักสงวนกันมากทีเดียว ฝากเป็นฝากตายต่อกัน ผู้หญิงไปหาแส่หาหนุ่มคนหนึ่ง ผู้ชายฝ่ายสามีไปแส่หาอีหนูมานี่ เอาฟืนเอาไฟเอาหอกเอาหลามมาทิ่มกันหัวอกจะแตก กระอักเลือด ลมหายใจแขม่ว ๆ อยู่นะ ความทุกข์นั้นล้นพ้น นี่มันจึงเป็นบาปหนัก
ท่านจึงสอนบาปหนักมากให้พากันบวชตัวเอง กาเมสุมิจฉาจาร อย่าไปล่วงล้ำเขตแดนของผู้มีเจ้าของ ของใครของเรา เป็นสมบัติของใครของเรา อยู่เย็นเป็นสุขคนเรา นี่ให้เอากาเมสุมิจฉาจาร มาเป็นอุปัชฌาย์บวชเรา อย่าไปยินดีกับหญิงใดก็ตามชายใดก็ตามในแดนโลกธาตุ มันมีเหมือนกันอันเดียวกันนั้นแหละ มันไม่มีอะไรเกินกัน อย่าพากันอุตริ อย่าเป็นบ้า ครั้นไปเห็นหญิงคนนี้แล้ว มันไม่คำนึงนะ มันนึกว่ามีสิบหีนู่นน่ะ ผู้หญิงคนเดียวเก่งกว่าเมียด้วย แล้วผู้หญิงไปเห็นผู้ชาย นี่มันมีตั้งสิบควยนะนี่ มันเก่งกว่าผัวเรา มันเอามาแข่งผัวเรา พวกบ้าสิบหีสิบควย ตายแล้วจม
นี่เอากาเมสุมิจฉาจารเป็นอุปัชฌาย์บีบบังคับมัน ตัดสินลงใจแล้วว่าลงใจกับหญิงคนนี้ลงใจกับชายคนนี้ ตกแต่งกันเรียบร้อยแล้วเป็นผัวเมีย เป็นผู้รับผิดชอบเป็นอวัยวะอันเดียวแล้วให้ตลอดไปจนกระทั่งตาย ท่านทั้งหลายจะมีความสงบร่มเย็น มหาเศรษฐีตัวมีเมียมาก ๆ สู้เราไม่ได้นะ เรามีผัวเดียวเมียเดียว มีความสุขยิ่งกว่ามหาเศรษฐีที่มีผัวมีเมียมาก ๆ อย่ามองข้ามผัวเมียตัวเอง คุณค่าอยู่ที่นี่ ความอบอุ่นอยู่ที่นี่ ไม่ได้อยู่กับเงินหมื่นเงินแสนเงินล้าน อันนั้นเป็นบ้าเฉย ๆ ถ้ามีเงินมาก ๆ แล้วมันลืมตัวได้อีก แล้วมาสร้างฟืนสร้างไฟเผากันได้อีก คนมีอรรถมีธรรม มีความจงรักภักดีต่อกัน อยู่เย็นเป็นสุขทั่วหน้ากัน
วันนี้พูดไปพูดมาก็เหนื่อยแล้ว การเทศนาว่าการอันใดนี้หลวงตาก็หลงหน้าหลงหลัง วกไปเวียนมาก็มี จึงขออภัยจากบรรดาพี่น้องทั้งหลายด้วยกันนะ วันนี้หลวงตาซาบซึ้งมากกับบรรดาพี่น้องทั้งหลายมีจำนวนมากมาย โดยมีท่านผู้ว่าราชการจังหวัด กับท่านนายกเทศมนตรีมาเป็นประธาน เป็นของหายากนะ เมืองร้อยเอ็ดเรานี้ชุ่มเย็น มีหัวหน้าเป็นอรรถเป็นธรรม ชุ่มเย็นไปหมดบรรดาลูกน้องนะ
การแสดงธรรมก็เห็นว่าสมควรแก่ธาตุแก่ขันธ์แก่กาลเวลา ขอความสวัสดีจงมีแก่บรรดาพี่น้องทั้งหลายโดยทั่วกันเทอญ |
** ท่านผู้เข้าชมทุกท่านโปรดทราบ
เนื่องจากกัณฑ์เทศน์บางกัณฑ์มีความยาวค่อนข้างมาก
ซึ่งจะส่งผลต่อความเร็วในการเปิดเว็บไซต์ ขอแนะนำให้ทุกท่านได้อ่านเนื้อหากัณฑ์เทศน์บางส่วนจากเว็บไซต์
และให้ทำการดาวน์โหลดไฟล์กัณฑ์เทศน์ที่มีนามสกุล .pdf ไปเก็บไว้ในเครื่องของท่านแทนการอ่านเนื้อหาทั้งหมดจากเว็บไซต์
|
|
|
|