กิเลสขาดสะบั้นด้วยอำนาจความเพียร
วันที่ 6 พฤษภาคม 2545 เวลา 16:00 น.
สถานที่ : วัดป่าสันตินิมิต อ.บึงบูรพ์ จ.ศรีสะเกษ

ค้นหา :

เทศน์อบรมพระฆราวาส
ณ วัดป่าสันตินิมิต อ.บึงบูรพ์ จ.ศรีสะเกษ
เมื่อวันที่ ๖ พฤษภาคม พุทธศักราช ๒๕๔๕

กิเลสขาดสะบั้นด้วยอำนาจความเพียร

[รวมเวลาแสดงธรรม ๑ ชั่วโมง ๒ นาที]

เวลาหลวงตาพูดอย่างนี้ทางนู้นได้ยินมั้ย ถ้าได้ยินให้ยกมือขึ้น ผู้พูดพูดแทบเป็นแทบตายผู้ฟังไม่ได้ยินมันไม่เกิดประโยชน์อะไร

เวลาพระท่านเทศน์ให้ระวัง อย่างอื่นไม่สำคัญนัก ให้ระวังปากนะ ปากมันเปราะ เวลาท่านเทศน์มันก็เทศน์สวนพระขึ้นมาแล้วผู้ฟังทั้งหลายก็ไม่ได้ถ้อยได้ความ ผู้เทศน์ก็เทศน์ไปไม่ได้ ปากนี่สำคัญ ถ้ายังไม่สนิทดีก็ให้เราหาสังกะสีมาปิดปากบัดกรีเรียบร้อย แล้วเปิดหูฟังเปิดใจฟังทุกคน พากันเข้าใจแล้วไม่ใช่เหรอ เพราะมันมีอยู่เสมอ ๆ เวลาเทศน์ ปากนี่สำคัญ พูดอย่างนี้ พ่อบ้านคงจะดีใจเพราะแม่บ้านมันปากเปราะ ไปที่ไหนมามันต้องเอาพ่อบ้านเป็นหินลับปากมัน ถ้าไปว่าผู้อื่นผู้ใดเขาจะตีปากเอา สุดท้ายเอาพ่อบ้านเป็นหินลับปาก แว้ ๆ ๆ ใส่พ่อบ้าน ถ้าเป็นพ่อบ้านอย่างหลวงตาบัว แว้ ๆ ๆ มา ฟังเสียงดังเปรี๊ยะตีบากมัน มันเก่งนักนี่น่า

นี่เราก็จะเริ่มเทศน์เป็นกันเองดังที่เริ่มธรรมาสน์สักครู่นี้ ท่านทั้งหลายคงไม่เคยได้ยิน ก่อนที่จะเทศน์เอาสังกะสีมาปิดปากคนซะก่อน ย่นเข้ามาก็มาปิดปากแม่บ้าน มันแว้ด ๆ ใส่แม่บ้าน เทศน์เป็นกันเองให้พี่น้องทั้งหลายทราบ

วันนี้เป็นวันมหามงคลของพี่น้องชาวอำเภอบึงบูรพ์ จังหวัดศรีสะเกษของเราพร้อมกับท่านศรัทธาทั้งหลายที่มาจากที่ต่าง ๆ นับตั้งแต่กรุงเทพฯมาหลายจังหวัด รวมในงานมหากุศลครั้งนี้ โดยมีท่านสุรพัน กองจารี นายอำเภอบึงบูรพ์มาเป็นประธานเป็นร่มโพธิ์ร่มไทร นำพี่น้องทั้งหลายออกก้าวเดินเพื่อมหากุศลในงานนี้ หลวงตารู้สึกซาบซึ้งกับพี่น้องทั้งหลายเป็นอย่างมากเพราะปรากฏว่ามีประชาชนพี่น้องทั้งหลายมารวมกันแน่นหนาไปหมดในบริเวณวัดนี้ งานนี้เป็นงานกุศลก้าวเข้ามาหากุศลซึ่งเกิดจากบรรดาพี่น้องทั้งหลายที่มีความรักชาติความเสียสละความพร้อมเพรียงสามัคคีกันตั้งแต่เริ่มแรกที่หลวงตาได้นำพี่น้องทั้งหลายออกช่วยชาติบ้านเมือง รู้สึกว่าอุ่นหนาฝาคั่งมาทุกภาคทั่วประเทศไทย แน่นหนาไปด้วยพี่น้องชาวไทยผู้รักชาติทั้งหลาย ต่างท่านต่างอนุโมทนาสาธุการ พร้อมด้วยการบริจาคทานเพื่อชาติไทยของเราด้วยความรักชาติและความสามัคคีพร้อมเพรียงเป็นอันเดียวกันตลอดมา

หลวงตารู้สึกซาบซึ้งและเป็นกำลังใจอย่างมากที่ได้อุตส่าห์พยายามพาพี่น้องทั้งหลายตะเกียกตะกาย ทั้งที่สังขารร่างกายก็ทุพพลภาพมากแล้วแต่จิตใจเต็มไปด้วยเมตตาต่อพี่น้องชาวไทยเราอย่างสม่ำเสมอ ไม่มีคำว่าลดลงสำหรับความเมตตา เหตุนี้เองที่ได้อุตส่าห์พยายามตะเกียกตะกายไปสถานที่นั่นที่นี่ขอบิณฑบาตสมบัติทั้งหลายซึ่งเป็นของที่หาได้ยาก ใครก็รักก็สงวนหวงแหนด้วยกัน ก็ไม่ทนที่หลวงตาจะไปเที่ยวบิณฑบาตรบกวนขอทานพี่น้องทั้งหลายจนได้นั่นแหละ

เริ่มมาตั้งแต่ปี ๒๕๔๐ มาจนกระทั่งบัดนี้ ๒๕๔๕ ก็ได้อุตส่าห์ตะเกียกตะกายเพราะเห็นกำลังใจของพี่น้องทั้งหลายที่แสดงออกด้วยความรักชาติและความสามัคคีจึงได้อุตส่าห์พยายาม เวลานี้ผลแห่งความรักชาติแห่งความเสียสละและความสามัคคีของพี่น้องทั้งหลายที่ได้รวมเข้าสู่จุดเดียวกันในคลังหลวงเวลานี้ ทองคำได้ ๕ ตันกับ ๙๘ กิโลแล้ว ส่วนดอลลาร์ได้ ๖,๘๗๐,๐๐๐ กว่าดอลล์ สำหรับเงินสดนั้นได้แยกออกไปซื้อทองคำ ๙๓๑,๐๐๐,๐๐๐ บาท นี่ซื้อทองคำเข้าสู่คลังหลวงเรียบร้อยแล้ว

เงินสดนอกจากนั้นก็ได้ขยายไปทั่วประเทศไทยของเราเพื่อช่วยพี่น้องชาวไทยทั้งประเทศให้ทั่วถึงกันตามความจำเป็น มีการสงเคราะห์สงหาคนทุกข์คนจนที่ไม่มีทางออกจริง ๆ หลวงตาก็ได้ช่วย และสถานสงเคราะห์ต่าง ๆ โรงร่ำโรงเรียนไม่ทราบกี่สิบหลังหรืออาจจะถึงร้อยหลังก็ได้เพราะเคยสร้างโรงเรียนให้ทางบ้านเมืองมาตั้งแต่เริ่มสร้างวัด จากนั้นก็สถานที่ราชการต่าง ๆ ไม่ว่าที่ไหนที่จำเป็นพอที่จะช่วยเหลือได้ก็ช่วยเหลือกันไปเต็มกำลัง จากนั้นก็ก้าวเข้าสู่โรงพยาบาล เวลานี้โรงพยาบาลในเมืองไทยของเราที่น้องทั้งหลายบริจาคสนับสนุนตามโรงพยาลต่าง ๆ นั้นเวลานี้ได้ร้อยกว่าโรงฯแล้วนะ ไม่ใช่น้อย ๆ นี่แหละเงินสดเหล่านี้เองที่หลวงตาได้แยกแยะออกไปเพื่อพี่น้องชาวไทยเราทั้งประเทศ ส่วนหนึ่งก็แยกเข้าไปซื้อทองคำเข้าสู่คลังหลวง ๙๓๑,๐๐๐,๐๐๐ ล้าน อันนี้เรียกว่าซื้อเรียบร้อยและเข้าคลังหลวงเรียบร้อยแล้ว

สมบัติเงินทองที่พี่น้องทั้งหลายได้บริจาคผ่านมายังหลวงตาเป็นผู้รับผิดชอบนั้นกรุณามีความตายใจได้เลยว่าสมบัติเหล่านี้ไม่มีทางรั่วไหลไปไหนได้เพราะหลวงตาเป็นผู้รับผิดชอบสมบัติเหล่านี้แต่ผู้เดียว คือเป็นผู้ถือบัญชีเงินฝาก ทองคำ ดอลลาร์ เงินสด หลวงตาเป็นผู้ถือบัญชีสมุดฝากแต่ผู้เดียวและเป็นผู้สั่งเก็บสั่งจ่ายแต่ผู้เดียวทั้งหมด ไม่ให้ผู้หนึ่งผู้ใดมาทำงานแทนหลวงตาได้ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่แน่ใจนัก อาจรั่วไหลแตกซึมไปในแง่ใดก็ได้ เพราะฉะนั้น หลวงตาจึงเข้มงวดกวดขันในการเก็บการจ่ายตลอดมาไม่ให้รั่วไหลแตกซึมไปไหนได้เลย ในความรู้สึกของหลวงตาที่ได้ออกช่วยโลกคราวนี้ด้วยความเมตตาเต็มส่วน จึงไม่ปรากฏว่ามีมลทินนับตั้งแต่หนึ่งบาทขึ้นไปจนกระทั่งกี่ร้อยกี่หมื่นกี่แสนกี่ล้านบาท หลวงตาได้นำไปทำประโยชน์ตามความมุ่งหมายของพี่น้องทั้งหลายทุกบาทไปเลยทีเดียว เพราะหลวงตาช่วยพี่น้องทั้งหลายนี้ไม่ได้ช่วยด้วยความหิวโหยโรยแรง ขอแบ่งนั้นหรือขโมยแบ่งนี้ ซุบ ๆ ซิบ ๆ เป็นห้าเป็นสิบเป็นร้อยเป็นพัน อย่างนี้หลวงตาไม่มี เพราะหลวงตาพอแล้วทุกอย่าง

ท่านทั้งหลายกรุณาฟัง ผลแห่งการปฏิบัติตามพุทธศาสนาที่เป็นศาสนาที่เลิศเลอแห่งชาวพุทธของเรานั้น หลวงตาได้ดำเนินเต็มสติกำลังความสามารถเรื่อยมา ตั้งแต่วันออกบวช จนกระทั่งบัดนี้ได้ ๖๘ ปีนี้แล้ว ๖๘ ปีจะเต็มในวันที่ ๑๒ พฤษภานี้เอง เพราะหลวงตาบวชวันที่ ๑๒ พฤษภา ๒๔๗๗ นับรวมแล้วจะครบจำนวน ๖๘ ปีในวันที่ ๑๒ ซึ่งจะถึงเร็ว ๆ นี้ หลวงตาบวชมารักษาศีลรักษาธรรมด้วยความอบอุ่นเรื่อยมา ไม่มีที่ต้องติในการบำเพ็ญของตนแล้วก็อุตส่าห์พยายามตะเกียกตะกายปฏิบัติตามสิกขาบทวินัยซึ่งเป็นเข็มทิศทางเดินอันถูกต้องดีงามของศาสดาเรา

ผลที่ปรากฏขึ้นจากการปฏิบัติตามสวากขาตธรรมนั้นก็เป็นที่ภูมิใจมาเป็นลำดับลำดา จึงขอสรุปความให้พี่น้องทั้งหลายในผลแห่งการปฏิบัติธรรมนี้ว่า ตั้งแต่บำเพ็ญมาจากเริ่มแรกบวชเรียนปฏิบัติจนกระทั่งถึงจุดหมายปลายทางแห่งความต้องการของเรานั้น ความต้องการนี้ได้สิ้นสุดยุติลงไปเรียบร้อยแล้ว จิตใจสมบูรณ์ด้วยอรรถด้วยธรรม ไม่มีข้อบกพร่องประการใดในจิตใจดวงนี้ที่ได้รับจากการปฏิบัติแบบสละเป็นสละตายเพื่ออรรถเพื่อธรรมเพื่อมรรคผลนิพพานตลอดมา ผลจึงเป็นที่พอใจ ทำให้ใจมีความอิ่มพอทุกอย่างในสามแดนโลกธาตุนี้ หลวงตาขอเรียนผลแห่งการปฏิบัติตามศาสนธรรมของพระพุทธเจ้าว่า ผลเป็นที่พอใจได้เต็มแล้วในหัวใจ ความพอพอทุกสิ่งทุกอย่าง

สามแดนโลกธาตุนี้ปล่อยวางโดยสิ้นเชิงยังเหลือแต่ธรรมชาติที่บริสุทธิ์หลุดพ้นเลิศเลอ ภายในจิตใจส่องแสงสว่างกระจ่างแจ้งทั่วแดนโลกธาตุประจำจิตใจตลอดมาหรือจะตลอดไปก็ไม่ผิดด้วยกัน นี่คือผลที่ได้ปฏิบัติมา เมื่อความพอทุกสิ่งทุกอย่างภายในจิตใจนี้แล้ว ก็ให้เกิดความเมตตาสงสารต่อชาติบ้านเมืองและตลอดสัตว์ทั้งหลายเรื่อยมา เฉพาะอย่างยิ่งเมืองไทยของเราในระยะ ๒๕๔๐ เรียกว่าอยู่ในหัวเลี้ยวหัวต่อที่จะล่มจมลงในทะเลก็ได้ นี่เป็นการกระเทือนใจมากต่อหลวงตา จึงได้อุตส่าห์พยายามตะเกียกตะกายพาพี่น้องทั้งหลายช่วยชาติบ้านเมือง โดยขอบิณฑบาตสมบัติเงินทองดอลลาร์เงินสดมาตั้งแต่บัดนั้นจนกระทั่งบัดนี้ ผลก็เป็นที่พอใจมาเป็นลำดับ ดังที่เรียนให้พี่น้องทั้งหลายทราบอยู่บัดนี้แล้ว

การนำพี่น้องทั้งหลาย หลวงตาจึงนำด้วยความบริสุทธิ์ล้วน ๆ ไม่มีความบกพร่องต้องการสิ่งใดอีกแล้ว พอที่จะทำให้สมบัติพี่น้องทั้งหลายรั่วไหลแตกซึมไปในที่ต่าง ๆ ที่ผิดความมุ่งหมาย ซึ่งได้บริจาคผ่านหลวงตาบัวมา ความมุ่งหมายเหล่านั้นสมบูรณ์แบบทุกอย่าง จากการดำเนินงานเพื่อพี่น้องทั้งหลายของหลวงตาบัวมีความสมบูรณ์แบบเต็มหัวใจ ไม่มีคำว่ารั่วไหลแตกซึมตั้งแต่บัดนั้นมาจนกระทั่งบัดนี้ และจะเป็นอย่างนี้ตลอดไป เมื่อหลวงตายังมีชีวิตอยู่ เพราะดำเนินงานนี้ด้วยความพอทุกอย่างแล้ว ไม่มีความหิวโหยโรยแรงอะไรเลย เรียกว่าจิตพอทุกอย่าง

ในสามแดนโลกธาตุนี้ จิตใจที่เคยยึดเคยถือเคยเกิดเคยตายมากี่กัปกี่กัลป์ ตายทับตายถมไปด้วยความทุกข์ทรมานมานานแสนนานได้มายุติหรือสิ้นสุดกันลงในขณะที่กิเลสได้ขาดสะบั้นลงจากจิตใจด้วยอำนาจแห่งความพากเพียรของเราโดยไม่ปรากฏว่ามีกิเลสตัวใดที่แทรกขึ้นมาเท่าเม็ดหินเม็ดทราย นับตั้งแต่ปี ๒๔๙๓ มาจนกระทั่งบัดนี้ เป็นเวลานานเท่าไหร่ วันที่ ๑๕ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๙๓ สถานที่บรรลัยแห่งกิเลสทั้งหลายจากหัวใจนั้น คือวัดดอยธรรมเจดีย์ จังหวัดสกลนคร เวลาตัดสินระหว่างกิเลสกับธรรมขาดสะบั้นออกจากใจนั้นเป็นเวลา ๕ ทุ่มพอดี นี่เป็นคำสัตย์คำจริงที่ถอดมาจากการบำเพ็ญของตนเต็มเม็ดเต็มหน่วยในทางคุณงามความดีทั้งหลาย ได้มากได้น้อยก็ได้มาเรียนผลแห่งงานที่ปฏิบัติตามธรรมให้พี่น้องทั้งหลายได้ทราบทั่วถึงกัน

การพูดทั้งนี้กิเลสจะรุมล้อมโจมตี ว่าหาว่าพูดโอ้พูดอวด พูดยกยอตัวอย่างนั้นอย่างนี้ นี่เป็นเรื่องของกิเลส เมื่อใครแอบหรือด้อมไปตามกิเลส แล้วกิเลสก็พอใจ ความเลวร้ายทั้งหลายกิเลสพาก้าวเดินฉุดลากไปตลอดเวลา ตกเหวตกบ่อ ตกนรกอเวจี ตกนรกอเวจี กิเลสพอใจ กิเลสไม่สนใจ ว่าเรานี้คือจอมโกหกโลกสงสาร เวลานี้กำลังโกหกโลกเพื่อความล่มจมโดยถ่ายเดียวเท่านั้น กิเลสไม่ได้สนใจ พอใจที่จะฉุดลากโลกผู้งมงายให้ติดร่างแหมันไปโดยลำดับลำดา กิเลสมันชอบอย่างนั้น ถ้ามีธรรมคือของดิบของดีซึ่งเป็นคู่แข่งหรือเป็นข้าศึกกันกับกิเลส นำมาพูดดังที่หลวงตาพูดตะกี้นี้ กิเลสจะออกลวดลายต่าง ๆ หาว่าโอ้ว่าอวด ว่าโกหกมดเท็จ มรรคผลนิพพานสิ้นสุดหมดมรรคหมดผลไปนานแล้ว

หลวงตาบัวเป็นบ้ามาจากไหน จึงมาพูดโอ้อวด โลกเขาจะฟังได้ยังไง นี่กิเลสจะเป็นอย่างนี้ จะคิดอย่างนี้ จะพูดอย่างนี้ แต่เรื่องของธรรม รู้อย่างไร หรือปฏิบัติมาอย่างไร เห็นอย่างไร ซึ่งเป็นของดิบของดีก็นำมาแจงให้เป็นคติเครื่องเตือนใจ เป็นกำลังใจแก่ผู้มุ่งหวังต่ออรรถต่อธรรม ได้มีแก่ใจประพฤติปฏิบัติตัวให้ดียิ่งขึ้น เพิ่มกำลังอันดีงามสำหรับผู้มีศีลมีธรรม รักใคร่ใฝ่ธรรมได้มีกำลังใจปฏิบัติต่อไป นี่เป็นเรื่องของผู้แสดงธรรมเพื่อผลประโยชน์แก่ท่านผู้รักใคร่ใฝ่ธรรม แต่ไม่ได้สนใจกับเรื่องกิเลสจะโจมตีประการใด เรื่องของกิเลสจะไม่มีอะไรแซงหน้ามันได้ ธรรมแทรกขึ้นมานิดมันหาว่าโอ้ว่าอวด นี่คือเรื่องของกิเลส

เพราะฉะนั้น เราทั้งหลายผู้บำเพ็ญธรรม รู้ธรรมเห็นธรรมอยู่ในสถานที่ใด ท่านจึงไม่ค่อยจะพูดจะจาในสาธารณชนให้กิเลสหัวเราะเยาะเย้ยตลอดมาอย่างนี้ ท่านจะพูดในสถานที่อันเหมาะสม เช่นนักปฏิบัติท่านบำเพ็ญอยู่ในป่าในเขา ในถ้ำเงื้อมผา เกิดความรู้ความเห็นภายในใจของตนเองขึ้น ว่าธรรมประเภทใดที่ปรากฏขึ้นมามากน้อยท่านจะเล่าสู่กันฟังในฐานะที่เป็นนักพรต นักปฏิบัติธรรมด้วยความสนใจ โดยเฉพาะ ๆ เท่านั้น ท่านจะไม่พูดในที่ทั่วไป เพราะกิเลสมันเต็มบ้านเต็มเมืองเต็มโลกเต็มสงสาร พูดไปที่ไหนกิเลสรุมล้อมอยู่ตลอดเวลา ท่านจึงไม่พูด ถ้าพูดภาษาโลกเรียกว่ารำคาญ ท่านก็พูดเฉพาะสถานที่บุคคลที่ควรพูดเท่านั้น แต่หลักความจริงแล้ว ผู้ทำชั่วต้องได้ชั่ว ผู้ทำดีทำไมจะไม่ได้ดี ต้องได้ดีด้วยกัน เพราะกิเลสมีอยู่เต็มโลกเต็มสงสารเสมอมา

ธรรมคือความเลิศเลอก็มีประจำในโลกในสงสารเรื่อยมาเช่นเดียวกัน ซึ่งอยู่ในฐานะของผู้ขวนขวายจะขวนขวายไปทางกิเลสหรือธรรมเท่านั้น ขวนขวายไปทางกิเลสก็เป็นฟืนเป็นไฟขึ้นมาในหัวใจตัวเอง แล้วระบาดสาดกระจายออกไปทั่วโลกดินแดน ทำให้โลกทั้งโลกกลายเป็นฟืนเป็นไฟไปด้วยอำนาจของกิเลส เพราะต่างคนต่างสั่งสมมัน อย่างนี้กิเลสก็เกิดได้ ไฟที่เป็นผลของกิเลสก็เกิดได้ทั่ว ๆ ไปทุกกาลสถานที่และบุคคลที่เสาะแสวงหากิเลส ผู้เสาะแสวงหาอรรถหาธรรมมีการทำบุญให้ทานรักษาศีลเจริญเมตตาภาวนาประจำกายวาจาใจของตน ผู้นี้ก็เป็นผู้ตักตวงเอาบุญเอากุศลเอาอรรถเอาธรรมเข้าสู่ใจ

ผู้นี้จะพูดตามผลของธรรมที่ได้ปฏิบัติมามากน้อยเพียงไร ก็พูดได้เต็มปากจากความจริงที่ตนได้บำเพ็ญมาและได้รู้ได้เห็นมา นี่เป็นหลักธรรมชาติ สำหรับสิ่งที่ขัดกันก็คือกิเลส จะพูดเรื่องอรรถเรื่องธรรม เรื่องมรรคเรื่องผลนี้กิเลสโจมตี เพราะฉะนั้น ท่านผู้บำเพ็ญคุณงามความดีด้วยศีลด้วยธรรม เช่น พระกรรมฐานที่ท่านอยู่ในป่า ท่านจึงไม่ชอบพูดชอบคุย เพราะพูดคุยเหมือนกันกับว่าเอามูตรเอาคูถมาละเลงให้หมาทั่วประเทศไทยรุมกัดกันแล้วก็กัดเจ้าของผู้โยนมูตรโยนคูถให้กินอีกด้วย เป็นอย่างนั้น ท่านจึงไม่พูด เพราะกิเลสนี้มันจะไม่ถือว่า อาหารอันโอชาคือธรรมที่ท่านนำมาสอนโลกนั้นว่าเป็นธรรมอันเลิศเลอ มันจะถือว่าเป็นข้าศึกศัตรู เป็นเหมือนมูตรคูถไปเสีย

ครั้นแล้วมันก็ตามกัดคนผู้เอามาแจกมาจ่ายนั้น ท่านจึงไม่พูด จึงขอให้พี่น้องทั้งหลายได้ทราบตามนี้ ตามหลักของธรรม อย่างหลวงตาบัวมาพูดนี้นั้น หลวงตาไม่มีอะไรกับโลกนี้ กิเลสมันจะเหนือโลกธาตุไปก็ให้มันเหนือ แต่อย่างไรมันก็ไม่เหนือธรรม ซึ่งมีธรรมชาติสูงเลิศเลอยิ่งกว่ากิเลสเป็นไหน ๆ อยู่แล้ว ด้วยเหตุนี้การพูดเพื่อการปลุกจิตปลุกใจให้พี่น้องทั้งหลายได้มีแก่ใจสร้างคุณงามความดีนั้น หลวงตาจึงพูดได้เต็มปาก เพราะหลวงตาปฏิบัติมาอย่างเต็มกำลังความสามารถ บางครั้งบางคราวถึงกับจะสลบไสลตายไป เพราะอำนาจแห่งความเพียรกล้าก็มี นี่แหละผลเกิดขึ้นมาจากอำนาจแห่งความเพียรกล้า ความอุตส่าห์พยายามอย่างแข็งแกร่ง จึงนำธรรมทั้งหลายออกมาให้พี่น้องทั้งหลายทราบจากหัวใจที่ได้รู้ได้เห็นจากการปฏิบัติธรรมของตนเอง จึงไม่มีว่าผู้ใดจะมาโจมตีหลวงตาบัวว่า หาว่าโอ้ว่าอวด นี้ก็คือถังขยะ

หลวงตาบัวไม่สนใจกับถังขยะยิ่งกว่าธรรมที่จะนำมาสงเคราะห์พี่น้องทั้งหลาย เราสนใจกับคนดี เราไม่ได้สนใจกับคนชั่วช้าลามก ซึ่งเป็นภัยต่อชาติต่อศาสนาตลอดมา เราสนใจต่อผู้ที่มีความรักใคร่ใฝ่อรรถใฝ่ธรรมและมีความรักชาติศาสนาไปพร้อม ๆ กัน ให้ได้ยินได้ฟังและเป็นอุบายวิธีการที่จะนำอรรถธรรมที่ได้ยินแล้วนี้ไปประพฤติปฏิบัติตัวเองเพื่อเป็นความดีงามขึ้นมา เพราะฉะนั้น จึงได้พูดให้พี่น้องทั้งหลายฟังอย่างเปิดอก หลวงตาไม่สะทกสะท้าน ใครจะว่าหลวงตาโอ้อวด หลวงตาก็คือหลวงตาไม่โอ้ไม่อวด ความบริสุทธิ์อยู่ในใจของเรานี้ ใครจะมาทำลายให้เป็นอื่นไม่ได้

กิเลสจะยกแดนโลกธาตุมาสู้กับใจดวงนี้ มันก็เคยพังลงไปแล้ว ถึงขนาดที่ใจดวงนี้บริสุทธิ์เต็มเหนี่ยว พูดได้อย่างท้าทายกับกิเลส ไม่มีคำว่าสะทกสะท้าน นี่แหละการปฏิบัติธรรม ขอให้ท่านทั้งหลายได้นำธรรมเหล่านี้ไปปฏิบัติต่อจิตใจของตน ประจำครอบครัวเย้าเรือน ประจำตนทุกแห่งทุกหนตำบลหมู่บ้าน อย่าพากันห่างเหินอรรถธรรม ธรรมของพระพุทธเจ้าเป็นธรรมที่เลิศเลอมาตั้งกัปตั้งกัลป์แล้ว เป็นธรรมเสมอต้นเสมอปลาย ท้าทายต่อมรรคผลนิพพานอยู่ตลอดเวลา ใครอยากรู้อยากเห็นบาปบุญนรกสวรรค์ มรรคผลนิพพาน ขอให้ปฏิบัติตามหลักธรรมของพระพุทธเจ้าแล้วจะได้รู้ได้เห็นที่ใจของตนเอง โดยไม่ต้องไปทูลถามพระพุทธเจ้าแต่อย่างใด เพราะศาสนธรรมท่านทรงสั่งสอนไว้แล้วด้วยความถูกต้องซึ่งเทียบกับแบบแปลนแผนผังที่เรานำมาปลูกบ้านปลูกเรือนนั้นแล

แบบแปลนของพุทธศาสนาก็คือ พระไตรปิฎก พระไตรปิฎกนั้นแลเป็นแบบแปลนแผนผังเพื่อมรรคผลนิพพาน เมื่อเราเรียนจดจำได้มากน้อยเพียงไรก็ให้นำมาปฏิบัติดัดแปลงแก้ไขตนเองต่อไป ผลจะปรากฏขึ้นอีกจากการปฏิบัติของเรา ไม่ว่าฆราวาสไม่ว่าพระเจ้าพระสงฆ์ กิเลสมีด้วยกัน ธรรมมีด้วยกัน เราปฏิบัติเป็นธรรม ฆราวาสก็เป็นธรรมขึ้นมา พระก็เป็นธรรมขึ้นมา ปฏิบัติเป็นกิเลสพระก็เป็นกิเลสขึ้นมา ฆราวาสก็เป็นกิเลสขึ้นมาเช่นเดียวกัน เพราะธรรมกับกิเลสไม่นิยมชาติชั้นวรรณะ มันอยู่ที่หัวใจด้วยกัน ให้พากันฟังอรรถฟังธรรมแล้วนำไปประพฤติปฏิบัติ

วันนี้ท่านทั้งหลายก็สละเวล่ำเวลาหน้าที่การงานตลอดทรัพย์สมบัติมากน้อยมาบริจาคเพื่อเป็นมหาทานต่อชาติของเราและต่อตัวของเราทุกราย ๆ ไป คือวัตถุ ทานที่ท่านทั้งหลายนำมาบริจาคนี้ก็ไหลเข้าสู่คลังหลวงอันเป็นจุดส่วนรวม ผลมหากุศลผลบุญที่เกิดจากการบริจาคนี้ก็สะท้อนย้อนกลับมาเป็นบุญเป็นกุศลหนุนจิตใจของเราให้ไปสู่สถานที่ดีคติที่เหมาะสมตลอดไป เพราะฉะนั้น การบริจาคดังที่เราบริจาคเพื่อช่วยชาตินี้ เราอย่าไปเข้าใจว่าเราบริจาคแล้วเป็นของชาติไปเสียหมด เราไม่มีส่วนได้เลยอย่างนี้เป็นความเข้าใจผิด วัตถุนั้นเข้าเป็นจุดส่วนรวม มีคลังหลวงเป็นต้น

ส่วนทานที่เราบริจาคไปนั้นเป็นบุญเป็นกุศลสะท้อนย้อนกลับมาหาเราเป็นผู้บริจาค เราได้บุญได้กุศล วัตถุคลังหลวงได้ไปเพื่อความอบอุ่นแก่ชาติไทยของเรา จึงไม่เสียทั้งสองทาง ขอให้ท่านทั้งหลายได้ประพฤติปฏิบัติและดำเนินอย่างนี้ตลอดไป บ้านเมืองของเราจะมีความแน่นหนามั่นคงยิ่งขึ้นโดยลำดับลำดา ดังเวลานี้ก็รู้สึกว่าราบรื่นขึ้นเป็นลำดับ ดังผู้ว่าการธนาคารชาติมาชี้แจงให้ฟังตอนลงไปกรุงเทพฯนี้ว่า แต่ก่อนเราติดหนี้ติดสินเขาพะรุงพะรัง รอที่จะจมลงทะเลหลวง จากเงื้อมือของเราที่เขามายึดครองชาติไทยของเรา เพราะไม่มีเงินใช้หนี้เขา เงินเหล่านี้เวลานี้ท่วมท้นแล้ว เราติดหนี้เขาในเบื้องต้นหลายแสนล้านดอลลาร์ ไม่ใช่หลายแสนล้านบาทนะ หลายแสนล้านดอลลาร์ รอที่จะจมลงทะเลหลวง เมื่อเขามากำเมื่อไหร่ จากความเป็นนายหนี้เรา เราก็จมเมื่อนั้น

ทีนี้เมื่อเรารู้เรื่องราวแล้ว ต่างท่านต่างฟิดเนื้อฟิดตัวช่วยกันเต็มกำลังความสามารถ ที่ว่าช่วยชาติ ๆ นี้แล สมบัติเหล่านี้จึงฟื้นตัวขึ้นมา เวลานี้เราสามารถที่จะใช้หนี้เขาได้ถึงสองปีแต่เราจะใช้ตามกำหนดกฎเกณฑ์ที่ได้ตกลงกันไว้เรียบร้อยแล้วเท่านั้น เหลือจากนั้นก็เป็นสมบัติของชาติไทยเรา นี่ผลแห่งการเสียสละของพี่น้องชาวไทยเราด้วยความพร้อมเพรียงสามัคคีและความรักชาติ สามารถยังชาติไทยของเราให้ฟื้นฟูขึ้นมาจนเป็นความอบอุ่นทั่วประเทศไทย ดังที่ปรากฏอยู่เวลานี้ แล้วเวลานี้ทางเมืองนอกเมืองนาเขากำลังหลั่งไหลเข้ามาตั้งโรงการโรงงานเพื่อซื้อเพื่อขายติดต่อกับชาติไทยของเราซึ่งจะได้ประโยชน์ทั้งสองทาง เขามาตั้งโรงงานเขาก็หวังผลประโยชน์ เราที่อยู่ในเมืองไทยเราก็หวังได้ผลประโยชน์อีกทางหนึ่งจากเขา ต่างคนต่างได้ ไม่เสีย เรียกว่า ได้ผลเป็นที่พอใจ

ต่อไปนี้หลวงตาก็จะได้ตะเกียกตะกายพาพี่น้องทั้งหลายดำเนินต่อไปจนกว่าสภาพร่างกายหาไม่เมื่อไหร่แล้วก็จะเรียนให้พี่น้องทั้งหลายทราบในระยะต่อไป เวลานี้ยังไม่ได้ประกาศ ยังอุตส่าห์พยายามตะเกียกตะกายพาพี่น้องทั้งหลายช่วยเหลือชาติไทยของเราต่อไป จึงขอให้พี่น้องทั้งหลายได้อุตส่าห์ตั้งหน้าตั้งตาปฏิบัติตนอยู่ในขอบเขตแห่งกฎความพอดี ทุกอย่างให้มีการประหยัดมัธยัสถ์ อย่าฟุ่มเฟือย ฟุ้งเฟ้อเห่อเหิม ไม่ใช่ของดี เมืองไทยเราที่จะจมลงไปนี้ก็เพราะความลืมตัวของคนทั้งชาตินั้นแหละ จะตำหนิใครก็ไม่ได้เพราะเมืองไทยเรานี้เป็นเมืองอู่ข้าวอู่น้ำมาดั้งเดิม ครั้นเวลาใช้สอยกินอยู่ก็ไม่อดไม่ออม มีอะไรก็กินกันไปเรื่อยใช้กันไปเรื่อย อะไรผ่านเข้ามาไม่ว่าเมืองนอกเมืองนา ซื้อกันดะ จนกลายเป็นนิสัยฟุ่มเฟือย

สมบัติเงินทองก็ค่อยรั่วไหลออกไป จนกลายเป็นเมืองไทยจะล่มจมได้ นี่ก็เพราะคนไทยทั้งชาติเราซึ่งไม่อาจจะตำหนิผู้ใด มันเป็นพอ ๆ กันคือความไม่รู้จักประมาณในการเป็นอยู่ใช้สอย การเป็นอยู่ทั้งหลายขอให้เป็นขอบเขต อย่าดีดอย่าดิ้นเห็นแก่ความต้องการอยากได้ กลายเป็นนิสัยขึ้นมาแล้วก็เสียคน จึงขอให้มีการประหยัดมัธยัสถ์ การอยู่การกินก็อย่าฟุ้งเฟ้อเห่อเหิมจนเกินไป การใช้สอยก็เหมือนกันให้ใช้พอดิบพอดี การอยู่การกินใช้สอย การซื้อการขายก็ให้พินิจพิจารณา อะไรควรซื้อก็ซื้อ ไม่ควรซื้อก็ให้สงวนตัวเอาไว้ เช่นเฉพาะอย่างยิ่งของมาจากเมืองนอกเมืองนา นี่สำคัญมากนะ เราเป็นนิสัยเมืองนอก ถ้าอะไรตกมาจากเมืองนอกเลยเห็นเป็นของดิบของดีไปเสียหมด

ตั้งแต่ปู่ย่าตายายของเรามาหาลูกหาหลาน นี่ก็เลยกลายเป็นนิสัยฟุ้งเฟ้อเห่อเหิมไปตามวัตถุภายนอกเมืองนอกไปเสีย ถ้าเป็นของเมืองนอก แม้ที่สุดแอปเปิ้ลแอปแป้นอันนี้ไม่อดไม่อยากในเมืองไทยเรา ก็ต้องไปซื้อของเมืองนอกมาอวดเมืองไทย อันนี้น่าตีหน้าผากเหลือเกินนะ ของเมืองไทยเราซึ่งเป็นเนื้อเป็นหนังของคนไทย อยู่กินกันซื้อขายกันในวัตถุที่เกิดขึ้นในเมืองไทยด้วยกันแล้วก็เป็นการหนุนชาติไทยของเราให้มีความแน่นหนามั่นคงยิ่งขึ้น กลับไม่สนใจ แล้วยังไม่ตำหนิภายในใจอีกว่า ของเมืองนอกดีกว่าของเมืองไทย แอปเปิ้ลก็ดีแอปแป้นก็ดี อะไรดีไปหมด นี้ทำให้เราลืมตัว

ขอให้พี่น้องทั้งหลายรักนวลสงวนตัว ชาติไทยเราเป็นชาติไทยทั้งชาติร้อยเปอร์เซ็นต์เต็มเนื้อเต็มตัว อย่าไปอ่อนต่อผู้ใดอย่างง่ายดาย เห็นอะไรมาถือว่าเขาดีกว่าเราหมด นี้เลวนะ เราเลวจริง ๆ ผลที่สุดมันก็ว่า อะไรเป็นของเมืองนอกแม้หมูหมาเป็ดไก่ก็ดีกว่าหมูหมาเป็ดไก่เมืองไทยเรา เด็กก็ดีกว่าเด็กเรา ผู้หญิงผู้ชายเมืองนอกดีกว่าของเราหมด เครื่องใช้ไม้สอยเมืองนอกดีกว่าของเรา สุดท้ายของเขาดีกว่าของเราทั้งหมด เรียกว่าเราก้มหัวลงให้เขาเหยียบผ่านไป โดยไม่มีความรู้สึกตัวจะฟิดเนื้อฟิดตัวให้เป็นเนื้อหนังมังสังอันดีงามแน่นหนามั่นคงแก่ชาติไทยของเราเลย อย่างนี้เสีย ไม่ใช่ของดี

ให้พากันรักกันสงวนตัวของเรา ชาติไทยของเราเป็นชาติที่สมบูรณ์แบบทุกอย่างแล้ว ให้พากันนวลสงวนตัว สิ่งใดไม่ควรซื้ออย่าไปซื้อเอาอย่างง่ายดาย ถ้าเราไม่มีเราก็ซื้อได้เป็นความจำเป็นก็ให้รู้ว่าเป็นความจำเป็น อย่าทำแบบเลอะ ๆ เทอะ ๆ เป็นนิสัย อะไร ๆ ถ้าผ่านมาจากเมืองนอก ดีไปหมด ก็แสดงว่าเมืองไทยเรานี้เลวไปหมด นี้แหละให้เขาเหยียบหัวเมืองไทยเรา ให้พากันระมัดระวังจุดนี้ให้ดี การซื้อการขายแลกเปลี่ยน มันเป็นมาแต่ดั้งเดิม อันไหนที่จำเป็นควรจะซื้อเราก็ทราบเองแต่อย่าให้เป็นนิสัยฟุ่มเฟือยเห็นของเขาดีกว่าของเราโดยถ่ายเดียว ทั้ง ๆ ที่ของเรามีคุณค่าดีงามใช้ได้อยู่ก็โยนลงเหวลงบ่อไปเสียให้เขาเหยียบย่ำผ่านไป แล้วคว้าเอาเงินในประเป๋าของเราออกไปกินจนจะไม่มีเงินติดเนื้อติดตัวในเมืองไทยของเรา อย่างนี้ไม่สมควรอย่างยิ่ง ขอให้พากันรักนวลสงวนตัวอันนี้

ทีนี้พูดถึงเรื่องขนบประเพณีของเมืองไทยเรานี้รู้สึกว่าราบรื่นดีงามมาตั้งแต่ดั้งเดิมอยู่แล้ว ก็ขอให้พากันปฏิบัติ อย่าฟุ้งเฟ้อเห่อเหิมเกินเนื้อเกินตัว การอยู่การกินการใช้การสอย ตลอดการแต่งเนื้อแต่งตัวอย่าให้วับ ๆ แวม ๆ จนเกินไป มันเสียนิสัยของคนไทยเรา เอาลัทธิของคนเมืองนอกที่ไม่มีศาสนาเข้ามาเหยียบหัวเมืองไทยเราซึ่งมีหลักศาสนาเป็นหลักสำคัญประจำแล้วให้สลายไปเสีย มีแต่ลัทธิหมูหมาเป็ดไก่เข้ามาเหยียบย่ำทำลาย การอยู่การกินฟุ้งเฟ้อเห่อเหิม การแต่งเนื้อแต่งตัวก็แบบเดียวกันวับ ๆ แวม ๆ เปิดหน้าเปิดหลัง มันดูไม่ได้นะ มันเข้ากันไม่ได้กับเมืองไทยเราซึ่งเป็นเมืองสงบเสงี่ยมงามตา

การแต่งเนื้อแต่งตัวตามบรรพบุรุษที่พาดำเนินมานี้ มองเห็นกันยิ้มแย้มแจ่มใส การแต่งเนื้อแต่งตัว ชุ่มตาชุ่มใจ มันไม่ได้เหมือนทุกวันนี้ ทุกวันนี้การแต่งเนื้อแต่งตัว มองเห็นกันแล้วเหมือนเอากิเลสตัณหาซึ่งเป็นฟืนเป็นไฟมาเผาหัวใจกัน ทำให้กิเลสมันลุกลามขึ้นมาก็เป็นเรื่องของกิเลส เป็นเรื่องสัตว์เดรัจฉานไปเสีย ไม่เป็นเรื่องของอรรถของธรรม เพราะฉะนั้น จึงขอให้พากันพินิจพิจารณาให้มาก หลวงตาไม่ได้บอกไม่ได้สั่งได้เสียแต่เตือนตามอรรถตามธรรมที่เป็นความดีงามมาดั้งเดิมให้พี่น้องทั้งหลายซึ่งเป็นชาวพุทธนำไปประพฤติปฏิบัติกันให้อยู่ในความพอดีพองาม มองเห็นกันก็ชุ่มชื่นเบิกบาน

การแต่งเนื้อแต่งตัวไม่แสลงแทงตาแทงใจให้เป็นพิษเป็นภัย มีความชุ่มเย็นภายในจิตใจ สนิทสนมกันด้วยความเป็นอรรถเป็นธรรม ไม่ได้สนิทกันแบบหมาเดือนเก้าเดือนสิบสองจากการแต่งเนื้อแต่งตัวหลอกลวงกันให้เป็นหมาเดือนเก้าเดือนสิบสอง อย่างนั้นใช้ไม่ได้เลย จึงขอให้นำไปพินิจพิจารณา ในฐานะว่าหลวงตานำธรรมหรือเป็นพระนำธรรมคือความดีงามมาสอนท่านทั้งหลายซึ่งเป็นลูกชาวพุทธเหมือนกันให้ไปประพฤติปฏิบัติ อย่าฟุ้งเฟ้ออย่าลืมเนื้อลืมตัวกับกิเลสตัณหาประเภทไฟลามทุ่งนี้จนเกินไปนะ จะทำให้เราเสียหมด เด็กเกิดมาสุดท้ายภายหลัง พ่อแม่พาดำเนินมายังไงเด็กก็จะดำเนินไปตามพ่อตามแม่แล้วเสียหายไปตาม ๆ กัน สุดท้ายเมืองไทยเราไม่มีหลักมีแหล่งเป็นที่จอดแวะนะ โลเลโลกเลก ใช้ไม่ได้

อันนี้ขอฝากกับพี่น้องทั้งหลายได้พินิจพิจารณากัน แต่งให้สวยให้งามตามหลักธรรมเนียมของชาวพุทธเรา ดังที่พ่อแม่ปู่ย่าตายายพาแต่งพานุ่งพาห่มมานั้นสวยงามแล้ว ควรจะยึดเป็นคติสืบทอดมรดกของท่านไว้ให้ได้เป็นความสวยงามต่อไป อันนี้เป็นลัทธิของคนเมืองนอกเมืองนาเขาไม่มีศาสนา เขาอยากทำอะไรเขาก็ทำ เมื่อทำอะไรได้ผล เขาก็ต้องเพิ่มการทำเข้าไป เช่นทำอะไรมาขายได้ดิบได้ดีเขาก็ต้องเพิ่ม ทีนี้เราไม่รู้ ว่าเขาฉลาดกว่าเราล่ะสิ เขาหาเงินจากเรา เราก็โง่คว้าแต่เงินให้เขา สุดท้ายก็ไม่มีอะไรเหลือติดตัว ขอให้พากันพินิจพิจารณาบ้างในข้อนี้นะ

การทำบุญให้ทาน ศาสนาประจำใจเราอย่าพากันปล่อยวาง นี่ขอย้ำอีกทีหนึ่ง เพราะหลวงตานี้ก็ดี พระพุทธเจ้าที่เป็นศาสดาองค์เอกสอนลงไว้ว่า พุทธศาสนาลงที่หัวใจของชาวพุทธ เราเป็นชาวพุทธจึงควรได้ระลึกถึงพระพุทธเจ้า พระธรรม พระสงฆ์ ในวันคืนหรืออิริยาบถต่าง ๆ เช่น เราเดินไปทำงาน เรานั่งทำงานอยู่หรือไปทำกิจการงานใด ๆ อยู่ก็ตาม เราคิดเรื่องราวต่าง ๆ ได้ด้วยความเป็นอิสระฉันใด เราก็ระลึกถึงอรรถถึงธรรมเข้าสู่หัวใจของเรามีพุทฺโธ หรือ ธมฺโม หรือสงฺโฆ เป็นต้น เป็นความระลึกรู้อยู่ภายในจิตใจด้วยธรรมเหล่านี้แล้ว เราก็เป็นธรรมทั้งวัน มีพระพุทธเจ้า พระธรรม พระสงฆ์คุ้มครองจิตใจของเราทุกวัน นี้เรียกว่าเราไม่ห่างเหินธรรม

จากนั้นไปแล้วเวลามีโอกาสอันดีงาม เช่น เวลาจะหลับนอนก็ขอให้ได้กราบพระเสียก่อน กราบพุทฺโธ ธมฺโม สงฺโฆ แล้วทำความสงบใจ ใจนี้มันดีดมันดิ้นทั้งวันทั้งคืนตั้งแต่ตื่นนอนจนกระทั่งหลับ ไม่มีเวลาจะอยู่เป็นความสงบได้เลย จึงขอให้เอาน้ำดับไฟคือคำบริกรรม มีพุทฺโธ ธมฺโม สงฺโฆ ตามแต่จริตชอบมาบริกรรมกล่อมใจในเวลานั้น ไม่ให้มันคิดเรื่องของกิเลส ให้คิดแต่เรื่องอรรถเรื่องธรรมในคำบริกรรม เช่น พุทฺโธ ธมฺโม หรือสงฺโฆ อยู่ภายในใจ นี่เรียกว่าจิตใจพักเครื่องแล้วยึดธรรมมาเป็นหลักใจ เราก็มีสรณะมีที่พึ่งภายในใจของเราสมกับว่าพุทธศาสนาสอนลงที่ใจให้ใจได้ยึดธรรมซึ่งเป็นความล้ำเลิศนั้นเข้าสู่ตัวเองแล้วจะมีความสงบร่มเย็น

เวลาเราทำไปเรื่อย ๆ จิตใจของเราจะมีความสงบเยือกเย็น มีความผ่องใสเป็นลำดับลำดา จนมีความสง่างามขึ้นภายในใจ ดังที่หลวงตาอธิบายถึงเรื่องมรรคผลนิพพานเมื่อตอนต้นนั้น นี่คือท่านภาวนาอย่างนี้แหละ อย่างที่สอนพี่น้องทั้งหลายเวลานี้ เราก็ทำมาอย่างนี้จนได้ผลเป็นที่พอใจ หายสงสัยเรื่องมรรคผลนิพพาน ไม่มีเคลือบแคลงแม้เม็ดหินเม็ดทรายภายในใจเลย เชื่อพระพุทธเจ้ากราบพระพุทธเจ้าอย่างราบตั้งแต่บัดนั้นมาจนกระทั่งบัดนี้ นี่คือความเห็นจริง ๆ รู้จริง ๆ ทรงไว้จริง ๆ ซึ่งธรรมทั้งหลายภายในใจจากการบำเพ็ญภาวนาเป็นสำคัญ จึงขอเชิญพี่น้องทั้งหลายให้บำเพ็ญด้วยกัน

เราเป็นชาวพุทธสมบัติอันเลิศเลอนี้เป็นสิ่งที่เราต้องการด้วยกัน จึงขอให้พากันเสาะกันแสวงหาด้วยกัน มีวันหนึ่งจนได้ เวลาหนึ่งจนได้ที่เราจะบำเพ็ญความดีเข้าสู่ใจเรา ไม่ใช่ว่าตื่นนอนขึ้นมาจะหมุนเป็นกังหันไปตลอด เราหักเข้ามาหมุนเข้ามาสู่อรรถสู่ธรรม ใจก็มีอรรถมีธรรมเป็นที่ยึดที่เกาะ ใจก็สงบร่มเย็น ส่วนที่จะให้มีความสงบร่มเย็นขึ้นมาจากการวิ่งตามกิเลสนี้ไม่มีทาง อย่าพากันคิดจนเลยเถิดเตลิดเปิดเปิงจะหาหลักยึดไม่ได้นะ ให้ยึดพุทฺโธ ธมฺโม สงฺโฆ ที่เป็นธรรมอันเลิศเลอนี้เข้าสู่ใจ เรานั่งอยู่ที่ไหนก็ตาม พอระลึกพุทฺโธ คำเดียวเท่านั้น กระเทือนหมดบรรดาพระพุทธเจ้าทั้งหลายที่ตรัสรู้แล้วอยู่ในหัวใจของเราดวงเดียวนี้ ธมฺโม สงฺโฆ ก็เหมือนกัน เรียกว่าเรามีที่พึ่ง สมกับเราเป็นลูกชาวพุทธ

อย่าระเหเร่ร่อนจนลืมเนื้อลืมตัว ลืมอรรถลืมธรรม ลืมพุทฺโธ ธมฺโม สงฺโฆ ตายไปแล้วจะแห้งผากภายในจิตใจ จะมีตั้งแต่ความเดือดร้อนเต็มหัวใจ แล้วทีนี้ไปเกิดในภพใดชาติใดเพราะโทษแห่งความไม่มีธรรมนี้จะมีตั้งแต่ความทุกข์ความเดือดร้อนในภพนั้นภพนี้ตลอดไป เราอย่าไปคาดไปหมายไปหวังลม ๆ แล้ง ๆ ว่า เราตายนี้เราจะไปเกิดที่นั่นที่นี่ มันไปไม่ได้นะ ถ้าเราไม่สร้างต้นเหตุอันดีงาม คือความดีเข้าสู่ใจแล้วจะไปให้สมความมุ่งหมายไม่ได้ เราจึงสร้างความมุ่งหมายอันถูกต้องในเบื้องต้นคือความดีทั้งหลายเข้าสู่ใจไปตลอด

ทีนี้เวลาเรามีธรรมภายในใจแล้ว ธรรมนี้เรียกว่าบุญนี้ก็ได้เป็นแก้วสารพัดนึก นึกยังไงเป็นไปได้อย่างใจหวังเพราะเรามีสมบัติเต็มหัวใจคือธรรมแล้ว เหมือนเรามีเงินในกระเป๋าของเรา ไปที่ไหนเราจะแยกจะแยะไปซื้ออะไร ๆ ได้ทั้งนั้นเพราะเงินมีในกระเป๋า ถ้าเงินไม่มีแล้วอยากจะซื้อมันก็ไม่ได้ซื้อ เพราะไม่มีเงิน บุญเราอยากจะไปที่ไหน สวรรค์นิพพานไปมีความสุขสำราญบานใจตามที่เราวาดภาพเอาไว้มันก็ไม่สมหวัง เราต้องสร้างต้นเหตุคือความสมหวังเอาไว้คือคุณงามความดีให้ใจได้ยึดได้เกาะตั้งแต่ยังมีชีวิตอยู่นี้นะ ตายแล้วถึงจะสอนให้ใจยึด ยึดไม่ทัน ต้องสอนตั้งแต่บัดนี้ ปฏิบัติตัวให้ยึดพุทฺโธ ธมฺโม สงฺโฆ ที่เป็นธรรมเลิศเลอนี้ตั้งแต่บัดนี้ต่อไป ให้ฝึกหัดยึดกันนะ

อยู่ที่ไหนในบ้านในเรือนเวลาจะหลับจะนอน มีด้วยกันทุกคน คนไม่ได้นอนมันตายได้นะ เวลานั้นเป็นโอกาสที่เหมาะสม ให้พากันทำความสงบใจด้วยพุทฺโธ ธมฺโม สงฺโฆ บางรายอาจจะเกิดขึ้นได้อย่างง่ายดายก็ได้ เพราะนิสัยวาสนาของคนเราต่างกัน เหมือนตาน้ำที่เราขุดลงไป อยู่ตื้น ๆ ก็มี อยู่ลึกลงไปก็มี อยู่ลึกกว่านั้นก็มี แต่เวลาขุดไม่หยุดไม่ถอยก็ถึงน้ำได้ด้วยกัน นี่เราภาวนาผู้จะปรากฏผลเป็นของแปลกประหลาดและอัศจรรย์ขึ้นมาก็มีได้ด้วยกัน มีเร็วมีช้าต่างกัน แต่อย่างไรที่เราทำลงไปนั้นเป็นผลเป็นประโยชน์เป็นมหามงคลแก่เราอยู่แล้ว ถึงจะไม่รู้ไม่เห็นธรรมที่เราคาดเราคิดก็ตาม การกระทำของเราเป็นธรรมเรียบร้อยแล้วต้องเป็นบุญเป็นกุศลติดใจของเราไปจนได้ ไม่สงสัย

บางรายจะปรากฏขึ้นมาอย่างรวดเร็วก็มี ผลแห่งการบำเพ็ญภาวนานี้พิสดารมากทีเดียว ไม่ได้เหมือนอะไรเลย ใครจะคาดไม่ได้นะ การภาวนา ใจนี้เป็นนักรู้ รู้ครอบโลกธาตุได้ เมื่อได้เปิดสิ่งปิดบังคือกิเลสออกหมดแล้วนะ ใจซึ่งเป็นนักรู้อยู่แล้ว เปิดตัวออกเต็มเหนี่ยว โลกธาตุที่ไหนใกล้ไกลรู้ไปเห็นไปหมดเลย นี่แหละคุณค่าแห่งการเปิดใจด้วยความภาคความเพียร จะเป็นผลเป็นประโยชน์มหาศาลแก่ใจของเรา เพราะใจนี้ไม่เคยตาย เกิดแล้วตายเล่าก็เพราะใจเข้าไปอาศัยร่างต่าง ๆ ตัวใจเองไม่เคยตาย ถึงวิมุตติหลุดพ้นแล้วก็เป็นใจที่บริสุทธิ์ ไม่ใช่ใจสูญ ทรงไว้ซึ่งวิมุตติพระนิพพานตลอดไป เรียกว่าธรรมธาตุก็ได้ เรียกว่ามหาวิมุตติมหานิพพานก็ได้ จากใจดวงนี้ซึ่งไม่เคยตาย

ใจไม่เคยตาย ตายแต่ร่างกายของเราเท่านั้น ใจนี้ไม่เคยตาย อาศัยบุญกรรมของตัวเองที่สร้างมา ใครสร้างบาปสร้างกรรม ใจไม่ตายแต่ต้องได้รับความทุกข์ความทรมานจากบาปจากกรรมที่ตนสร้างมา ผู้ที่สร้างบุญสร้างกุศล ใจนี้ก็มีเครื่องหนุนจิตใจ ให้ไปสู่สถานที่พึงหวังได้ไม่สงสัย จึงขอให้ท่านทั้งหลายได้นำไปประพฤติปฏิบัติ หลวงตาไม่ได้ชี้แจงถึงเรื่องการภาวนาอย่างกว้างขวางให้ท่านทั้งหลายฟัง เอาแค่นี้เสียก่อน ที่จะให้อธิบายกว้างขวางตามที่ได้ปฏิบัติและรู้เห็นมาภายในใจนี้ รู้สึกจะสุดวิสัยของผู้ฟัง เราจึงแยกออกมาให้เป็นประโยชน์ตามกำลังความสามารถของท่านผู้มาได้ยินได้ฟัง นำไปปฏิบัติตนเองตามกำลังความสามารถของตนแล้วก็จะได้ผลประโยชน์ทั่วหน้ากัน อันนี้เป็นสำคัญมาก จึงไม่ได้อธิบายถึงเรื่องความพิสดารลึกซึ้งแปลกประหลาดอัศจรรย์ของใจจากการภาวนามากนักให้ท่านทั้งหลายจำ

วันนี้ได้เปิดจิตใจให้พี่น้องทั้งหลายฟัง ผลแห่งการปฏิบัติตามพุทธศาสนาซึ่งเป็นศาสนาที่ทรงมรรคทรงผลสมบูรณ์แบบเรื่อยมา ไม่มีบกพร่องประการใด เรียกว่าอกาลิโก เสมอต้นเสมอปลาย ขอให้พากันทำ บุญมีมาดั้งเดิม บาปมีมาดั้งเดิม แล้วแต่เราจะคว้าทางไหน มันขึ้นอยู่กับความโง่ความฉลาดของเรา ถ้าเราจะคว้าตามกิเลสแล้วก็คว้าเอาแต่การทำบาปทำกรรม หาบแต่ความทุกข์ความทรมานเข้ามาสู่ตัว ไปเกิดในภพใดชาติใด มีแต่ภพเป็นฟืนเป็นไฟเผาไหม้ทุกภพทุกชาติแล้วมันมีความหมายอะไร เกิดมาเป็นหมื่น ๆ แสน ๆ ภพ ก็มีแต่ภพเป็นฟืนเป็นไฟใครจะอยากไปเกิดล่ะ เกิดขึ้นมาภพใดก็ทรงแต่ความสุขความเจริญมีความแปลกประหลาดอัศจรรย์ นี้อยากเกิดวันยังค่ำก็ได้ เพราะเกิดภพใดไม่ผิดหวังจากการทำคุณงามความดีของเราเอง

บุญก็ดีบาปก็ดีมีมาตั้งกัปตั้งกัลป์แต่กาลไหน ๆ ใครคว้าไปทางไหนได้ทั้งนั้นเพราะเป็นของมีอยู่แล้ว กิเลสก็มีอยู่กับใจของเรา บุญก็มีอยู่กับใจของเรา ใจคว้าทางบุญ บุญก็เกิดขึ้นมา ใจคว้าทางบาป บาปก็เกิดขึ้นมาในใจแล้วส่งผลต่าง ๆ กันไป ถ้าเป็นบาปส่งผลให้เป็นทุกข์ ถ้าเป็นบุญส่งผลให้เป็นความสุขความเจริญจนกระทั่งที่ท่านหลุดพ้นไปเพราะอำนาจแห่งบุญแห่งกุศลนี้ทั้งนั้น พระพุทธเจ้าท่านทรงสอนโลกด้วยพระเมตตาล้วน ๆ คำสอนของพระพุทธเจ้านี้แม่นยำสุดยอด หลวงตาตัดคอรองเลย เท่าที่ได้รู้ได้เห็นจากการปฏิบัติของตนตามหลักธรรมของพระพุทธเจ้า หาที่ค้านไม่ได้ เพราะงั้นจึงได้ประกาศให้พี่น้องทั้งหลายได้ทราบว่ามรรคผลนิพพานและบุญกุศลที่เกิดขึ้นจากการบำเพ็ญนี้มีความเสมอต้นเสมอปลายเรื่อยมา

อย่าให้กิเลสมันมาหลอกลวงนะว่า ทำบุญให้ทานเท่าไหร่ก็ไม่ได้บุญได้กุศล มรรคผลนิพพานสิ้นเขตสิ้นสมัยไปแล้ว นี่คือกิเลสหลอกลวงโลก มันจะเอาไปจมในนรก การตกนรกหมกไหม้ กิเลสพาไปตก กิเลสมันมีมานานเท่าไหร่ มันทำไมไม่หมดยุคหมดสมัย มันทำไมจึงมาเหมาเอาตั้งแต่ธรรมนี้หมดยุคหมดสมัยเอาอย่างเดียว เราได้คิดไหมเรื่องเหล่านี้ กิเลสมันหลอกโลกว่าจะทำคุณงามความดีแล้วหมดยุคหมดสมัยหมดบาป หมดสวรรค์นิพพาน แต่วิ่งตามกิเลสหลอกลวงนั้นจมลงในนรกกี่กัปกี่กัลป์กี่ครั้งกี่หน กิเลสมันเคยบอกมั้ย ว่าเราหลอกเธอทั้งหลายนั้นตกนรกมากี่ครั้งกี่หน พวกเธอทั้งหลายโง่เอานักหนา ทำไมวิ่งตามเรานัก กิเลสไม่เห็นบอก

เมื่อไหร่มันจะสิ้น ถ้าเราไม่บำราบปราบปรามมันให้สิ้นซากลงไปเมื่อไหร่ กิเลสจะมีอยู่ในหัวใจตลอดไป ถ้าเราได้บำราบมันเมื่อไหร่ดังที่ท่านบำเพ็ญจนถึงวิมุตติหลุดพ้น นี่คือท่านผู้ปราบกิเลส ปราบสิ้นซากไปแล้ว กิเลสตัวใดที่จะมาคัดค้านต้านทานว่ามรรคผลนิพพานไม่มีนั้นเป็นอันว่าสิ้นสุดลงเลย เพราะกิเลสตัวโกหกมันสิ้นซากไปแล้ว ท่านก็ครองมรรคผลนิพพานไว้อย่างเต็มหัวใจ วันนี้ได้พูดฐานเป็นกันเองให้พี่น้องทั้งหลายได้ทราบทั่วถึงกันตลอดพระเจ้าพระสงฆ์ที่บำเพ็ญอยู่ในป่าในเขาก็ให้พากันอุตส่าห์พยายามในคุณงามความดีทั้งหลาย อย่าพากันตื่นกันเต้นเกินโลกเกินสงสาร กิเลสหลอกไปนั้นมันไม่มีวันสิ้นสุด หลอกไปเท่าไหร่ดิ้นไปตามมันเท่าไหร่ยิ่งไม่มีวันสิ้นสุด ถึงความสุขความเจริญไม่มีทาง มีแต่จะจมตามมัน

จึงขอให้ฟังเสียงอรรถเสียงธรรมท่านเตือนตรงไหนให้ยึดเอาไว้ ท่านกระตุกตรงไหน เรารีบเหยียบเบรกห้ามล้อในความไม่ดีทั้งหลาย แล้วหันหน้าสู่อรรถสู่ธรรม จิตใจนี้เลิศเลอ ถึงขั้นเลิศเลอแล้วเลิศที่สุด ไม่มีอะไรที่จะเทียบได้เลย นี่ใจดวงที่แต่ก่อนมันอยู่ใต้อำนาจของกิเลส กิเลสบีบบังคับตลอดเวลา ความโลภบีบบังคับ ความโกรธบีบบังคับราคะตัณหาบีบบังคับ ความโมหะบีบบังคับ จิตนี้อยู่ใต้เงื้อมือของกิเลส กิเลสจึงบีบเอาพอเราเบิกเพิกถอนสิ่งเหล่านี้ออกไปโดยลำดับ จนกระทั่งฟาดมันหมดทุกสิ่งทุกอย่างขาดสะบั้นไปจากใจแล้วจิตสว่างจ้าขึ้นมา

นี่แหละมันมืดอยู่เพราะกิเลสปิดเท่านั้น พอกิเลสสิ้นซากลงไปแล้ว จิตนี้เป็นนักรู้รู้ได้ครอบโลกธาตุ เห็นหมดในสิ่งที่เป็นวิสัยของจิตจะรู้นี้ปิดไว้ไม่อยู่ นี่แหละผลแห่งการปฏิบัติตามธรรมของพระพุทธเจ้า จึงขอให้พากันบำเพ็ญตามนิสัยของเราที่ครองบ้านครองเรือนก็ขอให้ครองไปด้วยอรรถด้วยธรรม เวลาทำการทำงานก็ขอให้ทำเพื่อธาตุขันธ์ของเราซึ่งมีความบกพร่องต้องการอยู่ตลอดเวลา และเพื่อจิตใจซึ่งเรียกร้องหาความช่วยเหลือจากเจ้าของเพราะเกิดความเดือดร้อนตลอดมานี้ก็ให้ขวนขวายด้วยศีลด้วยธรรมเพื่อนำความดีงามเข้าสู่จิตใจ ใจของเราก็จะมีอาหารเครื่องหล่อเลี้ยงอันโอชา และเลิศเลอ

ทางร่างกายของเราก็มีที่อยู่ที่อาศัยปัจจัยเป็นเครื่องเยียวยาตลอดไป เราก็ไม่บกพร่อง เราก็อยู่ผาสุกเย็นใจ ตายลงไปแล้วบุญกุศลที่เราสร้างคุณงามความดีเพื่อจิตเพื่อใจก็มีประจำใจ เรามีที่ยึดที่เกาะปล่อยวัตถุสมบัติทั้งหลายที่เป็นเรื่องเกี่ยวข้องกับส่วนร่างกาย เมื่อร่างกายพังลงไปแล้ว สิ่งทั้งหลายนั้นพังลงไปตาม ๆ กัน ส่วนบุญกุศลที่เราสร้างไว้แล้วกับจิตใจซึ่งไม่เคยพังเลยนี้ก็จะติดจิตติดใจ ใจก็จะได้ไปสู่สถานที่พึงหวัง เช่น อย่างท่านแสดงไว้ว่า สวรรค์ พรหมโลก นิพพาน ท่านแสดงไว้ทำไม สถานที่เหล่านี้สำหรับคนดีทั้งนั้นแหละ สวรรค์ตั้งแต่ชั้นจาตุมฯ จนกระทั่งถึงนิพพาน

ท่านสอนไว้เพื่อคนดีให้ได้ก้าวเดินไปตามทางที่จะเข้าสู่สถานที่เลิศเลอเหล่านี้เป็นลำดับลำดาไป ให้เราพยายาม แล้วนรกอเวจี ท่านสอนไว้ทำไม สอนให้รู้ให้เห็นเรื่องโทษของมัน มีความทุกข์ยากลำบาก ใครไปตกนรกหมกไหม้แล้วกี่กัปกี่กัลป์ก็ไม่มีคุณค่ามีราคา มีแต่ฟืนแต่ไฟเผาไหม้ตัวเองจากกรรมชั่วของตัวเองที่ทำด้วยความดื้อด้านนั้นแหละ จึงพากันระมัดระวังเสียตั้งแต่ยังไม่ตาย ตายแล้วนิมนต์พระมากุสลา ธมฺมา มันเป็นประโยชน์อะไร เวลาท่านสอนอยู่ไม่สนใจฟังอรรถฟังธรรมนำไปปฏิบัติ ตายแล้วนิมนต์พระมากุสลา ธมฺมา มันไม่เกิดประโยชน์นะ เจ้าของไม่สนใจ ทั้ง ๆ ที่มีชีวิตอยู่ ไม่สนใจ ตายแล้วเอาพระมากุสลา ธมฺมา มันจะเกิดประโยชน์อะไร

พระเองท่านก็ไม่อยากมา อย่างหลวงตาบัวนี้ไม่ไป คนขี้เกียจ มานิมนต์เท่าไหร่ เอาสันพร้าตีหน้าผากเอา แต่ก่อนทำไมมันไม่ทำบุญให้ทาน ตายแล้วเอาหลวงตาเป็นตัวประกันไปสวรรค์เลยด้วยกุสลา ธมฺมา มีอย่างที่ไหน ถ้าหากว่ามีอย่างนั้นจริง ๆ แล้ว ในแถวบ้านของเรา อำเภอนี้ อำเภอบึงบูรพ์นี้บวชหลวงตาไว้สักสองสามองค์ พอตายแล้วนิมนต์หลวงตามากุสลา ธมฺมา ส่งกันไปสวรรค์นิพพานหมดเลย ไม่จำเป็นต้องทำบุญให้ทาน เพราะกุสลา ธมฺมาจากหลวงตารับรองไว้แล้ว แต่นี้มันไม่เป็นอย่างนั้นน่ะสิ ถ้าเราไม่ทำเอาหลวงตามาร้อยองค์ก็ไม่มีความหมาย ถ้าเราทำแล้วกุสลาคือความเฉลียวฉลาดเราฉลาดสร้างบุญสร้างกุศลตั้งแต่บัดนี้ ต่อไปเราก็หนุนตัวได้ พึ่งตัวเองได้

ตายแล้วไม่ต้องนิมนต์พระมากุสลา เราก็ไปได้ด้วยบุญกุศลของเรา เราไม่ได้ไป กุสลาของพระมาติกากุสลานะ เราไปด้วยบุญกุศลของเราต่างหาก สอนให้ทำตั้งแต่บัดนี้ตั้งแต่มีชีวิตอยู่นี้ ไม่ต้องไปยุ่งเหยิงวุ่นวายส่ายแส่ด้นเดาไปตามเรื่องของกิเลสหลอกตัว ตายแล้วพระมากุสลาก็ไปสวรรค์ได้ทั้งนั้น นี่กิเลสหลอกรู้ไหมล่ะ ให้ทำเสียตั้งแต่บัดนี้ ตายเมื่อไหร่ได้ทั้งนั้น พูดตรง ๆ ให้ยันกันได้เลย หลวงตาบัวตายนี้ไม่ต้องนิมนต์พระมากุสลา หลวงตาบัวกุสลาตัวเองรอบคอบชิดสมบูรณ์แบบเต็มที่แล้วตั้งแต่ปี ๒๔๙๓ ดังที่กล่าวมานี้ นี่สมบูรณ์แบบ ตัดสินขาดสะบั้นลงไป เรื่องกิเลสไม่มีอะไรเหลือภายในใจแล้ว

เรามีตั้งแต่ใช้ธาตุขันธ์นี้ซึ่งเป็นเครื่องใช้เพื่อเป็นประโยชน์แก่โลกเท่านั้น เช่นพาพี่น้องทั้งหลายนำชาติบ้านเมืองนี้ก็เอาธาตุเอาขันธ์นี้ไป ทีนี้เมื่ออันนี้มันหมดสภาพ สลัดปุ๊บไปเลย ไม่ต้องนิมนต์พระมากุสลา ไปแบบไม่กลับด้วยนะ บอกว่าชาตินี้เป็นชาติสุดท้ายของเรา ที่จะมาเกิดอีกนี้ไม่มี ประจักษ์อยู่ในหัวใจแล้วถามใครที่ไหน พระพุทธเจ้าตรัสรู้ไม่เห็นถามใคร บรรดาพระสาวกท่านตรัสรู้ธรรมท่านถามใคร ธรรมก็เป็นธรรมแบบเดียวกัน เมื่อเราปฏิบัติและรู้อย่างนั้นแล้ว เราจะไปถามใคร ไม่ต้องถามใคร สนฺทิฏฺฐิโก ผู้ปฏิบัติจะรู้เองเห็นเอง ปจฺจตฺตํ เวทิตพฺโพ วิญฺญูหิ ผู้รู้จะรู้ได้จำเพาะตัวเอง ผู้ไม่ปฏิบัติไม่รู้

นี่ก็ประจักษ์ในหัวใจแล้ว ใครจะเชื่อไม่เชื่อเราไม่สนใจ ความรับผิดชอบอยู่กับหัวใจของเราคนเดียว บริสุทธิ์ก็อยู่ในหัวใจคนเดียว เราจึงได้พูดให้พี่น้องทั้งหลายฟัง นี่แหละผลแห่งการบำเพ็ญคุณงามความดี ผู้หญิงผู้ชายก็ตาม บำเพ็ญเป็นผลดีมาด้วยกันนั้นแหละ ให้พากันอุตส่าห์พยายามนะ หลวงตาบัวพูดนี้จะว่าเป็นการท้าทายก็ได้ แต่เราพูดด้วยความเมตตาสงสารกับพี่น้องทั้งหลาย ว่ามรรคผลนิพพานจากพุทธศาสนาเรานี้เอื้อมมือมาหาเราอยู่ตลอดเวลา อย่าปัดพระหัตถ์ของพระพุทธเจ้า ให้เชื่อฟังคำสอนของพระพุทธเจ้าแล้วต่างคนต่างตะเกียกตะกาย ความทุกข์ความยากลำบาก โลกนี้ไม่ใช่โลกสมบูรณ์ มันมีบกพร่องทั้งนั้น เราอย่าให้กิเลสหาเรื่องนะ

ถ้าเราจะไปทำบุญกุศลให้ทาน สร้างกุศลประการใดบ้าง นี่เราทุกข์เรายากเราลำบากเข็ญใจ นี่กิเลสมันมาหลอก ครั้นเวลากิเลสเอาไปถลุงไม่เห็นว่าทุกข์ว่ายากว่าลำบาก หมดเนื้อหมดตัวไปเลย นี่เราถูกต้ม เวลาเรามีชิวิตอยู่นี้เรารู้ควรจะสร้างบุญสร้างกุศลให้เป็นสมบัติของใจเพื่อพึ่งเป็นพึ่งตายก็ให้สร้างเสียตั้งแต่บัดนี้ ตายแล้วใครจะเอาไปไหนก็ตาม เราไม่สนใจ ภาษากระดูก ตายแล้วฝังก็ได้ไม่ฝังก็ได้ โยนไปที่ไหนก็ไม่มีความหมาย มันมีความหมายอยู่ที่ใจต่างหาก ใจมีบุญมีกุศลแล้วไปเอง ไม่มายุ่งกับซากศพอะไรเลย

ให้พากันตั้งอกตั้งใจ การแสดงธรรมก็เห็นสมควรแก่ธาตุแก่ขันธ์แก่กาลเวลา ท่านทั้งหลายกลับไปบ้านไปเรือน ให้อุตส่าห์พยายามปฏิบัติศีลธรรมจะเป็นเครื่องนำออกจากทุกข์โดยลำดับลำดาที่มุ่งหมายหรือที่จุดหมายของเราผู้บำเพ็ญธรรมนั้นมีประกาศอยู่ในใจแล้วไม่ต้องไปถามใคร เราจะเป็นที่พอใจภาคภูมิใจเวลามีชีวิตอยู่ ตายไปแล้วก็รื่นเริงบันเทิงในสวรรค์ สวรรค์มีไว้สำคับคนดีคนมีศีลมีธรรม จนกระทั่งพรหมโลกนิพพานมีไว้สำหรับคนดี นรกเปรตผีประเภทต่าง ๆ นั้นมีประจำโลกมาตั้งกัปตั้งกัลป์ ก็สำหรับเป็นที่อยู่ของพวกชั่วช้าลามกนั้นแล ให้เราคัดเลือกเสียตั้งแต่เวลานี้ที่ยังไม่ตาย ตายแล้วคัดเลือกไม่ทันกาลนะ แล้วจมเลยนะ

การแสดงธรรมก็เห็นว่าสมควรแก่เวล่ำเวลา ขอความสวัสดีจงมีแก่บรรดาพี่น้องทั้งหลายโดยทั่วกันเทอญ

www.Luangta.com


** ท่านผู้เข้าชมทุกท่านโปรดทราบ
    เนื่องจากกัณฑ์เทศน์บางกัณฑ์มีความยาวค่อนข้างมาก ซึ่งจะส่งผลต่อความเร็วในการเปิดเว็บไซต์ ขอแนะนำให้ทุกท่านได้อ่านเนื้อหากัณฑ์เทศน์บางส่วนจากเว็บไซต์ และให้ทำการดาวน์โหลดไฟล์กัณฑ์เทศน์ที่มีนามสกุล .pdf ไปเก็บไว้ในเครื่องของท่านแทนการอ่านเนื้อหาทั้งหมดจากเว็บไซต์

<< BACK

หน้าแรก