เทศน์อบรมพระและฆราวาส ณ วัดภูดินแดง อ.กันทรลักษณ์ จ.ศีรสะเกษ เมื่อวันที่ ๕ พฤษภาคม พุทธศักราช ๒๕๔๕
ธรรมกับโลกให้เป็นคู่เคียงกัน
ผมได้พูดกับสมภารวัดหนองป่าพง สถานที่นี่กว้างขวางมาก วัดเราที่หนองป่าพงนับว่ามีพระมากพอสมควร หากว่าเป็นโอกาสที่พอเป็นไปได้ ให้ทางวัดหนองป่าพงให้เราแยกไปอยู่ทางนู้นบ้างเพื่อเป็นความอบอุ่นแก่สัตว์ สัตว์มีเยอะนะอยู่ในนั้น เขาก็ไม่มาทำลายสัตว์ นี่ประการหนึ่ง ประการที่สองคือ ที่นั้นสงัดมาก ภาวนาได้สะดวกสบาย ไปนั้นเป็นประโยชน์สองทาง ทางหนึ่งคือภาวนาของพระก็สะดวก อันที่สองคือ พวกสัตว์อาศัยอยู่ตามนั้น เมื่อมีพระอยู่ที่นั่นเขาก็ไม่ไปทำลายสัตว์ สัตว์ก็อบอุ่น เราพูดกับสมภารวัดที่หนองป่าพง เราไปดูแล้วเราชอบใจ สถานที่เหมาะสมมาก ไปดูทีเดียวเท่านั้นแต่ชอบใจ เป็นป่าเป็นดงสะดวกสบาย ภาวนาสะดวกมาก
ธรรมดาของพวกเรา เมืองไทยเราเป็นชาวพุทธเป็นส่วนมากทีเดียว มีบ้านมีเรือนอยู่สถานที่ใด ปลูกบ้านสร้างเรือนขึ้นที่ใดจึงมักมีวัดสร้างขึ้นประจำหมู่บ้านทั่วไปหมด เหมาะสมกับพวกเราที่เป็นลูกชาวพุทธ มีครูมีอาจารย์คอยแนะนำสั่งสอน คอยให้ความร่มเย็นอบอุ่นภายในใจ ที่ไหนไม่มีวัดรู้สึกจะเหือดแห้ง สมบัติวัตถุต่าง ๆ ไปที่ไหนมันก็มี ไม่อดอยากแหละ เมืองไทยเราว่าอดอยากขาดแคลน ก็ไม่ได้ขาด สมบัติตามพื้นที่ไม่ขาดแคลน มันขาดการซื้อการขายการติดต่ออะไร สมบัติของเรามีด้อยกว่าเขาไปเท่านั้นแหละ ส่วนสมบัติประจำพื้นที่ของเรามีอยู่ทั่วไป แต่สมบัติเหล่านั้นก็เป็นสิ่งหนึ่งที่เราอาศัยไปวัน ๆ เท่านั้น แต่สมบัติภายในที่ให้ความอบอุ่นกายใจแก่เราได้ก็คือ อรรถ คือธรรม มีครูบาอาจารย์คอยแนะนำสั่งสอน จิตใจอบอุ่น เรามีครูมีอาจารย์อยู่แล้ว แม้ท่านอยู่นู้นเราอยู่บ้านเราก็อบอุ่น ไม่ใช่ไปอยู่กับท่านแล้วอบอุ่นนะ ท่านอยู่ในวัด เราอยู่ในบ้านเราก็มีความอบอุ่น
วัดมีอยู่ที่ใดทำความอบอุ่นแก่ประชาชนได้เป็นอย่างมากทีเดียว คนมีวัดมีวามคนมีครูมีอาจารย์คอยเตือนเสมอไม่ค่อยโหดร้ายทารุณ จิตใจไม่ค่อยเหี่ยวแห้งจนเกินไป ผิดกันอยู่นะ พอจะทำบาปทำกรรมอะไรรุ่นแรงระลึกถึงพระ จิตชะงัก เรียกว่า เหยียบเบรกห้ามล้อ ครูบาอาจารย์เป็นเหมือนเบรกห้ามล้อแก่บรรดาลูกศิษย์ผู้เคารพนับถืออยู่เสมอ ไปที่ไหนพอระลึกถึงครูถึงอาจารย์มันก็ไม่ค่อยคิดไปทางชั่วมาก ผิดกับคนไม่มีวัดมีวามีครูมีอาจารย์ที่ทุ่มลงเต็มเหนี่ยว ถ้าลงนรกเรียกว่า นรกแตกเลยเชียวนะ นรกแต่ละหลุมหนักขนาดไหน หนาขนาดไหน แตกได้เลย เพราะกรรมมันหนัก ไม่มีอะไรยับยั้ง ไม่มีอรรถมีธรรมยับยั้ง ถ้ามีอรรถมีธรรมยับยั้งคนเราไม่ค่อยทำบาปทำกรรมมากนักนะ แล้วจิตใจก็เปิดโล่งไปทางบุญทางกุศล มีความสงบร่มเย็นต่อครอบครัวผัวเมียลูกเต้าหลานเหลน การงานต่าง ๆ ต่างคนต่างมีศีลมีธรรมเป็นเครื่องอบรมแลว ต่างคนมีเหตุมีผลปฏิบัติต่อกันแล้วโลกก็ชุ่มเย็น นี่สำคัญ เรื่องธรรมจึงสำคัญมากทีเดียว
เพราะฉะนั้น เมืองไทยเราไปอยู่ที่ไหนจึงมีวัดมีวา แม้ที่สุดในป่าในเขาลึก ๆ เขายังมีวัดอยู่นะ อยู่ในป่าในเขา บ้านไม่กี่หลังคาเรือนเขาก็มีวัดเล็ก ๆ อยู่ในนั้น เราเคยเที่ยวไปไปอยู่ในป่าในเขานึกว่าจะไม่มีวัดมีวา มีอยู่จนได้นั่นแหละ เครื่องอบอุ่นของจิตใจของชาวพุทธเรา เช่นอย่างนี้ ให้ความสงบร่มเย็นอบอุ่นแก่บรรดาพี่น้องทั้งหลายที่อยู่แถวใกล้เคียงหรือไกลก็มาได้ วัดหรือพระธรรมเป็นจุดศูนย์กลางยึดเหนี่ยวของคนให้ระลึกถึงบุญถึงบาปได้เป็นอย่างดีทีเดียว ผิดกับคนไม่มีวัดไม่มีพระ ทำอะไรทุ่มลงหมดเนื้อหมดตัว ตายแล้วก็จม นรกแตก ถ้าคนมีอรรถมีธรรม มีครูมีอาจารย์คอยแนะนำสั่งสอนไม่ค่อยล่อแหลมอะไรมากนัก เรามาเห็นที่นี่เราก็ชุ่มเย็นในใจ มีวัดมีวามีครูมีอาจารย์คอยแนะนำสั่งสอนตักเตือนอยู่ คนเราย่อมระลึกถึงศีลถึงธรรมได้อยู่เสมอ ระยะถี่ต่างกันนะ
ผู้มีวัดมีวา มีครูบาอาจารย์ที่คอยแนะนำสั่งสอน ครูบาอาจารย์เหล่านั้นท่านก็ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ ท่านเองเป็นความร่มเย็นสำหรับการบำเพ็ญของท่านเป็นประจำ เวลามาเกี่ยวข้องกับเราเป็นความร่มเย็นแผ่กระจายทั่ว ๆ ไป ตามกันอย่างงั้นนะ ไม่ได้หมายถึงว่าพระแล้วจะดีด้วยกันหมด ไม่เป็นอย่างนั้นนะ พระมีแต่รูปของพระ โกนหัวโกนคิ้วห่มผ้าเหลืองสร้างแต่บาปแต่กรรมแต่ฟืนแต่ไฟเผาบ้านเผาเมืองก็มี พระที่ให้ความร่มเย็นบำรุงรักษาทั้งตัวเองส่วนร่วมตลอดถึงชาติบ้านเมืองนี้มี พระนี้หายาก เพราะฉะนั้น พระจึงไม่เหมือนกัน
การพูดทั้งนี้ส่วนมากจะไม่มีใครพูดกันแหละ มาเกรงใจเราเกรงใจเขาเกรงใจพระเกรงใจโยมไปเสียเลยพูดไม่ออก ทีนี้กิเลสมันก็สนุกทำชั่ว หิริโอตตัปปะไม่มีเลยเป็นพระหน้าด้าน โยมมาเห็นก็เห็นพระหน้าด้าน โยมก็เรียนวิชาหน้าด้านไปด้วยกัน เลยทั้งวัดก็หน้าด้าน ทั้งประชาชนก็หน้าด้าน แม้ที่สุดหมูหมาเป็ดไก่ก็หน้าด้านไปเลย เลยเป็นคนหน้าด้านไปหมด นี่ไม่มีพระไม่มีครูมีอาจารย์คอยแนะนำสั่งสอน จิตใจมันพลิกได้ง่าย ๆ นะถ้ามีการแนะนำสั่งสอนจิตมันก็พลิกไปในทางที่ถูกที่ดี สงบร่มเย็นแก่ตัวเอง
ไปที่ไหนขอให้มีพระท่านปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ เรามองไปดูชาวบ้านก็ผิดแปลกนะ ชาววัดพาดำเนิน ชาววัดพาปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ พระสงฆ์องคเจ้ามีความสงบร่มเย็น มีศีลประจำตน ไปที่ไหนชุ่มเย็นไปด้วยศีลด้วยธรรม ไม่ชุ่มเย็นด้วยดินฟ้าอากาศ ท่านก็ชุ่มเย็นไปด้วยศีลด้วยธรรมของท่าน กิริยาที่ท่านแสดงออกเป็นความชุ่มเย็นไปหมด ใครมาสัมผัสสัมพันธ์แล้วชุ่มเย็น เป็นคติเครื่องเตือนใจติดต่อกันไปเรื่อย ๆ พระผู้ดีไปอยู่ที่ไหนเป็นอย่างนั้นนะ ถ้าพระผู้เลวไปไหนเลวหมด พระเลวเท่านั้นทำคนให้เลวได้มากนะ พระเลวไม่กี่องค์ทำคนให้เสียได้มาก ทีนี้ในขณะเดียวกัน พระไม่กี่องค์ที่เป็นพระดิบพระดี พระมีศีลมีธรรม มีความสงบร่มเย็นด้วยศีลด้วยธรรมแล้วไปไหนก็เย็นไปหมด เช่น อย่างท่านทั้งหลายมีวัดอยู่ที่นี่ พระท่านก็ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ ท่านทั้งหลายก็อบอุ่นเย็นใจว่ามีครูมีอาจารย์มีวัดมีวา เช้าสายบ่ายเย็น จะเข้ามาวัดมาวาทำบุญให้ทานเมื่อไหร่ก็ได้ สร้างความดีเข้าสู่ใจตลอดไป นี่ก็เรียกว่า ชุ่มเย็นตลอดไป
ถ้าไม่มีวัดมีว่า ไม่ทราบจะไปที่ไหนก็ยิ่งสนุกทำบาป ตายแล้วพวกยมบาลแตกฮือ ๆ กัน เขาไม่ชนะที่จะรับสัตว์นรก สร้างแต่บาปแต่กรรมไปมากต่อมาก เจ้าหน้าที่ทางยมบาลก็เลยรับไม่หวาดไม่ไหว ดีไม่ดีนรกจะแตก มันมีคนบาปมาก คนบาปมากไม่ใช่ของดี ทำความเดือดร้อนถึงยมบาล ถ้าคนดีแล้วชุ่มเย็นไปหมด ยมบาลก็เบามือไม่ต้องยุ่งความชั่วความลามกของสัตว์ที่ทำแต่บาปหาบแต่กรรม ลงไปนรกนี้อัดแน่น โผล่ขึ้นมานี้สองสามคน เวลาลงไปตั้งเป็นร้อย ๆ พัน ๆ หมื่น ๆ แสน ๆ มันจะไปไหวได้ยังไง มันก็แตก เราให้พยายามสร้างตัวของเราให้เป็นคนดี
วันนี้พี่น้องทั้งหลายมาเป็นจำนวนมาก หลวงตาก็ดีอกดีใจชื่นบานหรรษาไปกับพี่น้องทั้งหลายที่มาเสาะแสวงหาบุญ คุณประโยชน์แก่ตัวของเราเอง เบื้องต้นก็เพื่อชาติบ้านเมือง ที่หลวงตามานี้ก็เพื่อชาติบ้านเมืองของเรานั้นแหละไม่ใช่มาเพื่อใคร หลวงตาสร้างความดีมาตั้งแต่วันบวชจนกระทั่งบัดนี้ ไม่เคยสร้างบาปสร้างกรรม เราจึงมีความอบอุ่นด้วยศีลด้วยธรรมของเรา พยายามสร้างความดีเต็มเม็ดเต็มหน่วย ความเมตตาสงสารต่อโลกต่อสงสารก็ค่อยกระจ่ายออกไปอย่างงั้น ถึงขนาดได้มานำพี่น้องทั้งหลาย อยู่เวลานี้ เราก็ไม่เคยคิดเคยอ่านไว้แต่ก่อนนะ แต่เวลามีความจำเป็นกำลังวังชาเราจะฟัดจะเหวี่ยงไปได้ยังไงบ้าง เพื่อช่วยชาติบ้านเมืองเรา เราก็ได้บึกบึน ไปที่ไหนพี่น้องทั้งหลายจะได้เห็นในทีวีมีแต่หลวงตาบัวไปหมดทั่วประเทศไทย นี่ก็ทำประโยชน์ให้โลกนั้นแหละ
สำหรับหลวงตาไม่เอาอะไรแหละ ความดีเมื่อสร้างมันก็เหมือนน้ำเราเทน้ำลงในตุ่มในไห เทไม่หยุดไม่ถอย ตุ่มไหนขนาดไหนมันก็เต็มได้ ตั้งแต่น้ำมหาสมุทรมันก็ยังเต็มได้ น้ำมากขนาดนั้นยังเต็มได้ เพราะน้ำไหลลงสู่มหาสมุทรอยู่ตลอดเวลา อันนี้กองบุญกองกุศล ไหลเข้ามสู่หัวใจของเรา ใจก็เต็มด้วยศีลด้วยธรรม เมื่อใจเต็มแล้วใจก็พอ ไม่หิวโหยโรยแรงซึ่งเป็นการรบกวนตัวเองให้ได้รับความทุกข์ความเดือดร้อนเหมือนโลกทั่ว ๆ ไปซึ่งมีแต่ความเดือดร้อนทั่วหน้ากัน ผู้สร้างอรรถสร้างธรรมมีความอิ่มพอแต่สร้างโลกสร้างสงสารดีดดิ้นไปตามโลกตามสงสารนี้ไม่มีความอิ่มพอ ดีดดิ้นไปเท่าไหร่ก็ยิ่งมีความทุกข์ความลำบากลำบน ได้เท่าไหร่แทนที่จะพอกลับไม่พอ เหมือนเราเพิ่มเชื้อไฟให้ไฟ ไสเชื้อไปเท่าไหร่ไฟก็ยิ่งลุกแสดงเปลวขึ้นจรดเมฆ
อันนี้กิเลสตัณหาเหมือนกับไฟ เราไสไปได้ด้วยความร่ำความรวย ความอยากได้ ความทะเยอทะยาน สุดท้ายตายเปล่า ๆ ไม่มีอะไรเหลือเลย ให้ลูกหลานมาสืบทอดมรดก พ่อแม่มีเงินมีทองมีข้าวมีของเต็มบ้านเต็มเมือง ตายแล้วไม่มีอะไรติดตัวพ่อแม่เลย มีแต่หีบโรงผีนั้นแหละ ไปใส่อยู่ในโรงแคบ ๆ ก็ดีดดิ้นกันไป ก็ดีดไปตลอด ตายแล้วก็แบบเดียวกัน ถ่ายทอดกันไปอย่างนี้ตลอดมา ไม่มีความอิ่มพอ สำหรับกิเลสแล้ว สัตว์โลก แต่ธรรมแล้วพอ เวลาบำเพ็ญลงไป เริ่มตั้งแต่ศีล ศีลบริสุทธิ์เต็มที่แล้วก็พอ ไม่ต้องเสาะแสวงหาศีลที่ไหนอีกแล้ว เช่น พระมีศีลเต็มตัวก็เต็มตัวตลอดไป ไม่หิวโหยหาศีลที่ไหนอีกแล้ว เพียงศีลของท่านพอท่านก็รู้ ท่านไปด้วยความอบอุ่นอยู่ด้วยความมีศีลบริสุทธิ์
จากนั้นก็บำเพ็ญสมาธิ สมาธิท่านพอมีแต่ความชุ่มเย็นเป็นสุข จิตใจเยือกเย็น ไปอยู่ที่ไหนสบายไปหมด นี่ก็พอในขั้นสมาธิ จากนั้นก้าวถึงขั้นปัญญาฆ่ากิเลสที่เป็นภัยแก่จิตใจ สุดท้ายกิเลสก็พังไป คุณงามความดีทั้งหลายที่เราสร้างมาโดยลำดับก็เต็มขึ้น แล้วหัวใจก็เต็ม เต็มด้วยธรรม เต็มด้วยศีล เต็มด้วยสมาธิ เต็มด้วยปัญญา เต็มด้วยวิชาวิมุตติ เต็มด้วยความหลุดพ้น ไม่มีอะไรบกบาง ท่านผู้นั้นอยู่ที่ไหนพอหมด นี่แหละธรรม เข้าถึงใจแล้วเต็มใจแล้วพอ แต่กิเลสเข้าถึงใจเท่าไหร่ยิ่งเหือดยิ่งแห้งยิ่งหิวยิ่งโหยยิ่งดีดยิ่งดิ้น ได้เท่าไหร่ไม่มีความพอ คนที่มีความทุกข์มากก็คือคนที่มีรายได้รายรวยมาก ๆ ดีดดิ้นมาก บริษัทบริวารก็เป็นตัวดีดดิ้น นายก็เป็นตัวดีดดิ้น ต่างคนต่างดีดต่างดิ้น ตายไปด้วยความเหือดแห้งทางด้านจิตใจต่อศีลต่อธรรม ไม่มีอะไรติดเนื้อติดตัว มีแต่สมบัติเงินทองข้าวของทิ้งเกลื่อนอยู่ในแผ่นดิน ไม่มีใครเอาไปได้เลย เวลาอยู่อะไรก็ไม่พอ นี่กิเลสหลอกสัตว์โลก
ถึงวันเวลาเข้าวัดฟังธรรมจำศีลทำบุญให้ทานก็ขอให้ทำ ให้มีเวลาทำความดีต่อจิตใจของเรา ใจของเราจะได้อาหารอันโอชาคือธรรมอันเลิศเลอเข้าสู่ใจ ใจจะมีความอิ่มพอ สะดวกสบาย อยู่ในโลกนี้ก็มีความสุข ไปโลกหน้าก็มีความสุขเพราะบุญกุศลเข้าสู่ใจ เป็นเครื่องยึดของใจเป็นอาหารเลิศเลอของใจ เป็นอย่างนั้นนะ เวลาบำเพ็ญธรรม เต็มที่แล้วพอ ส่วนกิเลสใครจะวิ่งตามเท่าไหร่ ไม่มีคำว่าพอ ยิ่งเหือดยิ่งแห้งยิ่งหิวยิ่งโหยมากขึ้นโดยลำดับ ถ้าเราไม่วิ่งตามมัน เราอยู่พอเป็นพอไป เอาธรรมเข้ากำกับ เหยียบเบรกห้ามล้อไว้ คนนั้นก็ไม่ทุกข์มากนักนะ โลกก็พอเป็นไป ธรรมก็พอเป็นไป ได้บำเพ็ญประจำจิตใจเสมอ วันหนึ่งไหว้พระสวดมนต์ อรหํ สมฺมาสมฺพุทฺโธ นึกพุทฺโธ ธมฺโม สงฺโฆ ประจำใจ นี่เรียกว่า ผู้บำเพ็ญธรรมในใจในกาลเวลาสมควร เช่น เวลาจะหลับจะนอนก็พากันภาวนา พุทฺโธ ธมฺโม สงฺโฆ ติดใจจนกระทั่งหลับ นี่เรียกว่าบำเพ็ญธรรมจนกระทั่งหลับ ให้มีธรรมในใจอย่างนี้
ธรรมในใจมี สมบัติภายในใจก็มี สมบัติภายนอกเพื่อร่างกาย การเป็นอยู่หลับนอนกินอยู่ใช้สอยก็มี สมบัติภายในเพื่อความผาสุกเย็นใจในภพนี้และภพหน้าของเราก็มี เราก็ไม่ขาดทุนสูญดอก ภายนอกเราก็มี ภายในเราก็มี ภายนอกสมบัติเงินทองเพื่อร่างกาย ภายในคือสมบัติได้แก่ บุญเข้าหนุนจิตใจของเรา เราก็มีสมบัติภายในใจ คนนี้ตายได้หายห่วงไปได้ผาสุกสบาย สวรรค์นิพพานพร้อมแล้วที่จะหลับคนบุญทั้งหลาย เราไม่ต้องกลัวว่า สวรรค์นิพพานจะบกบางหรือจะคับแคบตีบตันหรือจะรับคนดีไม่ได้ อย่าไปคิดนะ นรกรับคนไม่อั้น รับคนชั่วพวกเปรตผีคนทำบาปมาก ๆ ไม่อั้นฉันใด ความดีทั้งหลายสวรรค์พรหมโลกนิพพานก็รับคนดีแบบไม่อั้นเหมือนกัน
เพราะงั้นเราจึงไม่ต้องวิตกวิจารณ์ แล้วจะไม่มีที่อยู่เพราะคนไปสวรรค์มากอย่าไปคิด มีเท่าไหร่พอดีกับบุญกุศลคนนั้น มีมากมีน้อยพอดีกับบุญกุศลของผู้สร้างความดีนั้นแหละ นี่เรามีวัดมีวามีครูอาจารย์คอยแนะนำสั่งสอนให้ฟังเสียงท่าน อย่าดื้อด้านฝ่าฝืนมันจะเสียเรานั้นแหละ มันไม่ได้เสียท่านผู้สอน สอนไม่เอาท่านก็ไม่สอนเสีย เราก็ทำไปตามความดื้อด้านของเรา หาบบาปหาบกรรมเต็มหัวใจตายแล้วลงนรก ท่านไม่ไปพระ ลงนรกก็คือเรา เพราะงั้นสงวนตัวของเราอย่าให้ลงนรก ให้ฟังเสียงครูเสียงอาจารย์ผู้ฉุดลากเรา ออกจากแดนแห่งทุกข์ทั้งหลายเพื่อความสุขความเจริญ
หลวงตามีโอกาสมาวันนี้ก็ได้พบได้เห็นได้พูดให้พี่น้องทั้งหลายฟังในอรรถในธรรมทั้งหลาย วันนี้พูดธรรมกับโลกให้เป็นคู่เคียงกันไป อย่ามีแต่โลกหมุนตัวเป็นเกลียวอย่างเดียว ตายแล้วจะหมดหวัง ให้มีการบำเพ็ญคุณงามความดี ธรรมสำหรับใจ ตายแล้วไม่หมดหวัง เรียกว่าสมหวัง หลวงตาก็เฒ่าแก่ขนาดนี้ บวชมาตั้งแต่หนุ่ม อายุ ๒๐ ปีก็บวช บำเพ็ญศีลธรรมมาจนกระทั่งบัดนี้หลายปีทีเดียว นั่งอยู่นี้ดีไม่ดีเกิดทีหลังหลวงตาบวชก็ได้ บางคน ๔๐ บางท่าน ๕๐ บางคน ๖๐ ขี้ปะติ๋ว หลวงตาบวชตั้ง ๖๐ กว่าปี อายุมากกว่าลูกหลานทั้งหลายเสียอีก นี่ก็ได้อุตส่าห์พยายามบึกบึนมา พี่น้องทั้งหลายก็ควรจะบึกบึนนะ บึกบึนแบบฆราวาสก็เอาเถอะ
หลวงตาบัวไม่ได้ให้มาบวชเหมือนหลวงตาบัวแหละ ให้บึกบึนตามฆราวาส ศีลธรรมก็ให้มี วิ่งเต้นขวนขวายหาความเป็นอยู่หลับนอนทางร่างกายก็ให้มี ให้เสมอกันทั้งสอง คนนี้ไม่บกพร่อง ตายไปแล้วไปทางดี วิถีของจิตจะพาไปด้วยบุญด้วยกุศล คนทำชั่วจะลงนรกโดยถ่ายเดียว อย่าไปนะนรกไม่เป็นของดี ไม่มีพระพุทธเจ้าพระองค์ใดชมเชยว่านรกเป็นของดี พอจะมาชักชวนพี่น้องสัตว์โลกทั้งหลายให้ไปนรกกัน ท่านปัดทั้งนั้น ปัดกันเท่าไหร่ไม่ให้ไปนรก มันยิ่งบึนลงไป มันยิ่งสนุกทำบาปแบบหน้าด้าน พวกนี้พวกห้ามไม่ฟัง ลงนรก เวลาไปตกนรกใครเป็นคนร้อน ใครเป็นคนทุกข์ทรมาน พระพุทธเจ้าท่านไม่เป็นทุกข์นะ เราเป็นทุกข์ต่างหาก ให้รักนวลสงวนตัวแต่บัดนี้นะ
เวลาจะหลับจะนอนอย่าลืม พุทโธ ธมฺโม สงฺโฆ ให้ระลึกพุทฺโธ ธมฺโม สงฺโฆ ประจำใจจนกระทั่งหลับกับพุทโธดีมากทีเดียว ฝันก็ไม่ได้ฝันละเมอเพ้อบ้าไปอย่างที่มันฝันตามอำนาจของกิเลส ดีไม่ดีเจ้าของหลับอยู่ จิตตวิญญาณพาไปเที่ยวบนสวรรค์ เพลินอยู่บนสวรรค์ พอตื่นขึ้นมาก็มีความกระหยิ่มยิ้มย่อง นั่นล่ะบุญกุศลพาให้เพลิน นอนหลับอยู่ฝันว่าได้ไปสวรรค์ก็มี ไอ้พวกที่สร้างแต่บาปแต่กรรม หลับไม่หลับมันก็ฝันบ้าของมัน ไฟนรกเผาหัวมัน ยิ่งตายแล้วเผาใหญ่เลย อย่าพากันฝันกับนรกนะ ให้ฝันกับความดิบความดีแล้วจะได้ฝันว่าได้ชมสวรรค์พรหมโลกนิพพานทั้งสด ๆ ร้อน ๆ ยังไม่ตายนี่ล่ะ
ขอความสวัสดีจงมีแก่บรรดาพี่น้องลูกหลานที่รักชาติรักความเสียสละให้มีความสุขทั่วหน้ากันเทอญ
www.Luangta.com |