เทศน์อบรมฆราวาส ณ วัดป่าบ้านตาด
เมื่อวันที่ ๑๙ ตุลาคม พุทธศักราช ๒๕๔๑
ธรรมออกสนาม
วันนี้ไม่ค่อยประกาศอะไรละ ปิดเครื่องไว้ธรรมดา เปิดโอกาสให้ประชาชนได้ทำบุญเทศกาลกฐิน ผ้าป่า ในช่วงจากนี้ถึงวันเพ็ญเดือน ๑๒ เป็นช่วงเขาบำเพ็ญกฐิน ผ้าป่า ตามๆ กันไป เราถึงเปิดโอกาสให้ทำตามอัธยาศัย ทางนี้ไม่ประกาศ แล้วแต่จะมีจะเกิดเท่าไร หลังจากนั้นแล้วเราถึงจะเร่งเครื่องเพื่อชาติไทยของเรา ไม่เร่งไม่ได้
ให้ท่านทั้งหลายดูเอาซิ กิริยาท่าทางของผู้นำพี่น้องทั้งหลาย หรือเห็นว่าเป็นยักษ์เป็นผีไปเหรอ ไม่ได้เห็นว่าเป็นบุญเป็นคุณต่อชาติบ้านเมืองของเราบ้างเหรอ ให้กิเลสมาตีตลาด กิริยาท่าทางที่แสดงออกเพื่อความเป็นสิริมงคลมหามงคลแก่ชาติบ้านเมือง กลายเป็นเรื่องยักษ์เรื่องผีเรื่องดุเรื่องด่าไปหมด กิเลสมันเร็วที่สุดนะมองไม่ทัน นี่ละกิริยาอย่างนี้พี่น้องทั้งหลายเคยเห็นไหมตั้งแต่มีเมืองไทยเรามา ดังที่ออกในทีวี นี้คือกิริยาแห่งความเมตตาล้วนๆ ธรรมล้วนๆ คุณล้วนๆ สำหรับอุ้มชาติบ้านเมืองของเรา นี่ละคือธรรมออกสนามให้ดูเอา
แต่ก่อนมีแต่กิเลสออกสนาม ถ้าเป็นแบบนี้แล้วเป็นไฟไปหมดนะ นี้ออกแบบนี้แล้วเป็นน้ำไปหมดชาติไทยของเรา นี่ละการชนะความชั่ว รบความชั่ว รบความสกปรก ต้องมีความเข้มแข็งมีบทมีบาท ตั้งแต่เขาถากไม้ยังมีหนักมือเบามือ นี่ก็เหมือนกัน การช่วยชาติบ้านเมืองเป็นเรื่องเล็กน้อยเหรอ เรามาอยู่กันลอยๆ ไม่ได้นะ ชาติของเรา คนทั้งคนๆ เป็นชาติไทยด้วยกันทั้งนั้น มีคุณค่าเท่ากันหมด ให้เขามองข้ามหัวชี้หน้าชี้ตาของเราด้วยความไม่มีราค่ำราคาดีแล้วเหรอ พิจารณาซิ เราเป็นคนไทยทั้งชาติต้องให้มีจิตมีใจมีความเข้มแข็ง มีการช่วยบำรุงรักษา อย่าทำลายกัน ถ้าต่างคนต่างทำลายแล้วจะเหลือแต่ซากของชาติไทยนะ อย่าว่าไม่บอก นี่บอกแล้วนะ
นี้ทำทำด้วยการพิจารณาทุกสิ่งทุกอย่างแล้ว จึงได้มาบอกมาประกาศให้พี่น้องทั้งหลายว่ามาเป็นผู้นำ ไม่ใช่สุ่มสี่สุ่มห้าหัวชนฝาไปอย่างนั้นนะ เรื่องธรรมต้องคิดละเอียดลออทุกสิ่งทุกอย่าง ฟังเสียให้ดีวันนี้ ก่อนที่มาเป็นผู้นำนี้เราคิดเต็มหัวอก คิดหมดจริงๆ เต็มความสามารถ หาทางออกไม่ได้จึงได้ยกตนออกมาประกาศเป็นเครื่องยืนยันความไว้วางใจความเชื่อถือ สำหรับความสามารถที่จะออกแง่ไหนๆ เราจะออกเต็มกำลังของเราเพื่อช่วยชาติบ้านเมืองของเรา จึงทำเล่นๆ ไม่เป็น
กิริยาท่าทางที่แสดงออก นี้แหละคือกิริยาท่าทางเป็นการบำรุงรักษา เป็นมหาคุณอุ้มชูชาติบ้านเมืองของเรา พี่น้องทั้งหลายไม่เคยเห็นกิริยาของธรรมออกแสดงให้ดูเสียในเวลานี้ ที่หลวงตานำธรรมออกมาสนามเพื่อรบความสกปรกโสมมในชาติไทยของเรา รบความจน ความจนออกมาจากความสกปรกโสมมแห่งการกระทำของคน แล้วเอาธรรมเข้าชะเข้าล้าง ให้รีบแก้ไขสิ่งใดไม่ดี ให้ปรับปรุงตัวเองทุกคน เรียกว่าเป็นผู้บำรุงรักษาชาติบ้านเมืองของเรา
ถ้าต่างคนต่างฟุ้งเฟ้อเห่อเหิมอย่างเป็นบ้าดังทุกวันนี้ไม่ได้นะ จะจมจริงๆ นะ เรื่องราวทั้งหลายมันรอบด้าน เห็นไหมมีแต่สิ่งที่เป็นภัยทั้งนั้น เราไม่คัดค้านต้านทานไว้ด้วยอุบายวิธีการรักษาของเราไม่ได้จริงๆ นะ จมได้นะ ปล่อยเลยตามเลยๆ เขาเหมือนเรา เราเหมือนเขา ต่างคนต่างฟุ้งต่างเฟ้อต่างเห่อต่างเหิม มีแต่เรื่องการทำลายชาติของตนๆ ตลอดไปทั่วดินแดนเมืองไทย ทำไมเมืองไทยจะจมไม่ได้ถ้าเป็นอย่างนั้นด้วยกันแล้ว จมได้ไม่สงสัย เพราะฉะนั้นจึงให้ต่างคนต่างฟื้นฟู ให้ถือเป็นความจำเป็นของทุกคนๆ
นี่คิดเสียจนอกจะแตกกว่าจะมาเป็นผู้นำพี่น้องทั้งหลาย คิดเล่นๆ เหรอ นี่ได้พูดเป็นบางครั้งว่าเราดูหัวใจโลก ว่างี้เลยนะ มันเปิดจริงๆ จะให้ว่ายังไง นี่จวนจะตายแล้วเปิดให้พี่น้องทั้งหลายฟังว่าผลของศาสนา ธรรมอันเลิศของพระพุทธเจ้ามีหรือไม่มีทุกวันนี้ มีไหม มีผู้ปฏิบัติตามเพื่อเข้าถึงธรรมประเภทนี้ไหม ไม่มีใครสนใจ มีแต่กิเลสเหยียบหัวๆ ตลอด แล้วจะเชื่อได้ยังไงเชื่อถืออรรถถือธรรม มีแต่เชื่อกิเลสเต็มบ้านเต็มเมืองเวลานี้ มันถือศาสนาพุทธอะไร ถือผีมันยังไม่รู้ ผีโลภ ผีโกรธ ผีราคะตัณหา ผีความฟุ้งเฟ้อเห่อเหิมเต็มเมืองไทยเราเวลานี้ ยังไม่ทราบหรือว่าเราถือผีเหล่านี้ เรายังมาออกร้านอยู่เหรอว่าถือศาสนาพุทธ พุทธท่านสอนอย่างนี้เหรอ ท่านให้ทำอย่างนี้เหรอ
ท่านให้รู้เนื้อรู้ตัว ทุกสิ่งทุกอย่างมี มตฺตญฺญุตา สทา สาธุ มีความรู้จักประมาณๆ ความพอดีติดตามไปเสมอ ไม่ว่าแต่ความเคลื่อนไหวไปมาอะไรก็ตาม ให้รู้จักประมาณ อย่าเลยเถิด อย่าเลยขีดเลยแดน ไม่ใช่เรื่องศาสนา ไม่ใช่เรื่องของธรรมของชาวพุทธเรา ให้ต่างคนต่างรักษา นี่จะจมได้จริงๆ เพราะฉะนั้นเราจึงได้มาฟื้น จวนตายแล้ว คราวนี้เป็นคราวที่ฟื้น เปิดอกหมดเลยให้พี่น้องทั้งหลายทราบ ว่าธรรมเลิศเลอของพระพุทธเจ้า ที่สาวกทั้งหลายท่านครอง เราครองเต็มหมดแล้วเวลานี้ เต็มหัวใจเรา เราไม่สงสัย จึงกล้ามาพูดอย่างไม่สะทกสะท้าน ในสามแดนโลกธาตุนี้เราไม่เคยกลัวเคยกล้ากับสิ่งใด เพราะธรรมอันนั้นเลิศเลอเหนือหมดแล้ว
มาสอนโลกนี้สอนด้วยความเมตตา ให้พี่น้องทั้งหลายทราบ มานำพี่น้องทั้งหลายนี้นำด้วยความอิ่มพอ นำด้วยความเมตตา ไม่ได้มานำด้วยความหิวโหยโรยแรง พอจะเป็นคนขอทานพี่น้องทั้งหลายมาช่วยชาติ หลวงตาบัวกลายเป็นคนขอทานอย่างนั้นอย่ามาคิด เดี๋ยวจมนะอย่าว่าไม่บอก นี้คือมหาคุณที่จะยกพี่น้องชาวไทยทั้งหลายขึ้นจากหล่มลึกยังไม่รู้อยู่เหรอ กิริยาเหล่านี้น่ะเห็นไหม เคยมีไหมในเมืองไทยเรา แล้วมีพระองค์ไหนมาแสดง เปิดให้ฟังเสียชัดๆ วันนี้ เราเปิดเต็มหัวอก เราบรรจุธรรมอันนี้มาได้ ๔๘๔๙ ปีนี้แล้ว
เราทำประโยชน์ให้โลกเรื่อยมา เราบอกชัดเจนแล้วว่าไม่มีอะไรติดเนื้อติดตัวของเรา เพราะอำนาจแห่งความเมตตากวาดต้อนออกหมด มีเท่าไรกวาดต้อนออกๆ กวาดต้อนออกเพื่อช่วยชาติบ้านเมือง คนทุกข์คนจนที่ไหนๆ กวาดต้อนช่วยเหลือกันไปเต็มกำลังความสามารถด้วยความเมตตาล้วนๆ ตามอัธยาศัยของตัวเอง
ทีนี้โลกมันกว้างซิ เมืองไทยของเราคนตั้ง ๖๒ ล้าน ต่างคนต่างรุ่มร้อนทั่วถึงกันหมด แล้วจะอยู่ได้ยังไง ก็ต้องแสดงตัวออกมาเพื่อช่วยเหลือชาติบ้านเมือง จึงใช้กิริยาอย่างนี้ด้วยความเข้มแข็ง ด้วยความเอาจริงเอาจัง เพื่อยกชาติบ้านเมืองของเราจริงๆ พี่น้องทั้งหลายอย่ามาเห็นกิริยาอย่างนี้ว่าเป็นภัยนะ นี้ละมหาคุณให้พี่น้องทั้งหลายดูเสีย คราวนี้ธรรมออกสนามให้รู้เสีย เพื่อชะล้างความสกปรกโสมมที่เกิดจากความประพฤติของชาติไทยเรานี้แหละ
ให้กลับเนื้อกลับตัว ตั้งแต่บัดนี้ต่อไปให้ประหยัด ความประหยัดเป็นสำคัญมาก นี่ละชาติไทยเราจะคงเส้นคงวาหนาแน่นขึ้นได้ด้วยต่างคนต่างเสียสละ อย่าลืมเนื้อลืมตัว การอยู่การกินให้รู้จักประมาณ อย่าฟุ้งเฟ้อเห่อเหิม อยู่ก็ให้อยู่พอเหมาะพอดี นกเขาทำรังพออยู่เท่านั้น เขาไม่ได้สร้างตึกสร้างร้านตั้งยี่สิบ สามสิบ ร้อยชั้น พันชั้น แล้วจมไปเลยๆ ดังที่เห็นอยู่เวลานี้เห็นไหม นี้ละความฟุ้งเฟ้อเห่อเหิมลืมเนื้อลืมตัว สุดท้ายก็จมทั้งบ้านทั้งเมืองทั้งประเทศนั่นแหละ เพราะกิเลสตัณหามันเอาเมืองพอมาให้ใครที่ไหน มีแต่พาให้จมทั้งนั้น ลากไปๆ สร้างความหวังขึ้น หวังอย่างนั้น หวังอย่างนี้ หวังเท่าไรก็ดิ้นตายไป แล้วมันไม่สมหวังละซี เมื่อผิดหวังแล้วเป็นยังไง มากระเทือนใคร ก็กระเทือนคนผู้นั้นผู้นี้ แล้วเต็มบ้านเต็มเมืองมีแต่คนหวังอย่างเดียวกันหมด ก็จมไปได้ซิเมืองไทยเรา หวังเพื่อความฉิบหายนี่ไม่ได้หวังเพื่อความเจริญ
ถ้าความรู้จักประมาณเข้าไปตรงไหนจะพอดีทุกอย่าง การอยู่ก็พอดี อย่าฟุ้งเฟ้อเห่อเหิมในการก่อการสร้างหรูหราเหลือเฟือ ดูไม่ได้นะ ตึกรามบ้านช่องเห็นไหม เดินไปตามถนนหนทางไม่ใช่คนตาบอดมันเห็นนี่ สร้างตึกไว้นี้ยาวเหยียดเป็นกิโลๆ สร้างเสร็จแล้วปิดตายไว้ไม่มีใครเข้าไปอยู่ แล้วเป็นยังไงที่สร้างเหล่านั้น หมดเงินไปเท่าไร เงินนี้ได้มาจากไหนบ้าง ส่วนมากก็ไปกู้ยืมธนาคารเขามา ทีนี้ได้มาแล้วสร้างขึ้นมาแล้วปิดตันเอาไว้ไม่มีใครเข้าอยู่ จะได้เงินมาจากไหนไปเสียค่าดอกเบี้ยให้เขา เสียค่าหนี้ค่าสิน ไม่จมไปเหรออย่างนี้ พิจารณาซิ
แล้วดูซิตามบ้านตามเมืองที่ไหน มันเหมือนๆ กันหมดเวลานี้ คือความฟุ้งเฟ้อเห่อเหิมของเมืองไทยเรา ไม่รู้จักประมาณ ให้เห็นเสียนะ มันเป็นอย่างนั้นเวลานี้ เต็มไปหมด มีแต่บ้าเต็มบ้านเต็มเมือง ไม่มีคนดีคนมีศีลมีธรรมพอคิดอ่านไตร่ตรองให้รู้จักดีจักชั่ว รู้จักได้จักเสียบ้าง มีแต่จะเอาๆ แล้วมันได้ไหมล่ะ มีแต่จะเอาๆ ก็มีแต่จะจมๆ ทั้งนั้นแหละ
ไปที่ไหนเห็นแต่อย่างนั้น โห เป็นบ้ากันแท้ๆ ได้ชื่อได้เสียงเพียงลมปากก็เป็นบ้า เพียงเขายกยอ ทั้งๆ ที่ทุกข์จนจนจะตาย หาข้าวจะมากรอกหม้อก็ไม่มี พอเขามายกยอ คนนี้เขาดีนะ เขามีตึกมีร้าน แล้วตึกร้านมันกู้ยืมมาจากไหน จมอยู่แล้วนั่นเห็นไหม เขายอเท่านั้นก็เป็นบ้าเลย พวกบ้ายอ บ้าลมปาก ธรรมพระพุทธเจ้าไม่ได้หลงนะ ความรู้จักประมาณไม่มีอะไรเกินธรรม รู้หมด ใครจะชมก็ตาม ใครจะติก็ตาม ให้ดูหลักความจริง เสื่อม-เจริญอยู่กับตัวของคนทุกคนๆ ใจของเราร้อนหรือไม่ร้อน เขาจะเสกสรรปั้นยอว่าเราเป็นเศรษฐี เรามียศถาบรรดาศักดิ์สูงๆ หัวใจของเราเป็นยังไง เป็นน้ำเป็นท่าหรือเป็นฟืนเป็นไฟเผาไหม้อยู่ในหัวอกเวลานี้ หัวอกไหนก็เป็นไฟไปหมดเห็นไหม
จึงได้พูดล่ะซี ใครจะว่าบ้าก็ให้ว่ามา เราไม่เป็นบ้าเสียคนเดียวเราอยู่ได้สบาย พวกที่ว่าบ้ามันยิ่งจะเป็นบ้าหนักเข้าไป ดูแล้วมันเหมือนฟืนเหมือนไฟเผาไหม้ทั่วโลกดินแดน เฉพาะอย่างยิ่งชาวพุทธเรา กองไฟใหญ่อยู่กับชาวพุทธเรา เพราะกิเลสเข้าไปทำงานแทนธรรมล่ะซี มันก็เผาบ้านเผาเมืองเผาผู้เผาคน ไปที่ไหนมีแต่คนทุกข์คนจน พูดขึ้นมาคำไหนมีแต่เรื่องความทุกข์ความจน ความสุขความเจริญความสมหวังไม่มีสักปากเดียว หูเราฟังมานานแล้ว ฟังปากไหนก็แบบเดียวกันหมด
แล้วหาตั้งแต่ความสุข ตื่นขึ้นมาหาความสุขจนกระทั่งยันค่ำๆ หาตั้งแต่วันเกิดจนกระทั่งวันตายหาความสุขไม่มี มีแต่ฟืนแต่ไฟเผาไหม้ จากนี้ไปแล้วก็ไม่รู้จักบาปจักกรรม หิริโอตตัปปะความกลัวบาปกลัวกรรมไม่มี ก็จมลงนรกอีก ไม่มีสิ้นสุดเรื่องความทุกข์ เผาไหม้หัวใจของคนลืมตัว
โธ่ มันจะเป็นบ้ากันทั้งเมืองละนะเมืองไทยเราเวลานี้ ยังไม่รู้อยู่เหรอ นี่ดู โห สลดสังเวชนะดู ดูคนเดียว เราจึงได้กล้าพูดล่ะซิ มีแต่เราดูหัวใจโลก มันเปิดจ้าออกแล้วจะไม่รู้ได้ยังไง เมื่อเวลาปิดมันก็ไม่รู้ เหมือนคนหลับตามันไม่เห็น อะไรก็ไม่เห็น เวลาลืมตาขึ้นมาทำไมจะไม่เห็นสิ่งมีอยู่ นี่ละธรรมพระพุทธเจ้าท่านดูโลกท่านดูอย่างนั้น ไม่ดูด้วยหลับตาเหมือนเราดูนะ ท่านลืมตาภายใน สว่างกระจ่างแจ้งโลกวิทู ญาณํ อุทปาทิ สว่างกระจ่างแจ้งภายในพระจิตของท่าน อาโลโก อุทปาทิ ไม่มีคำว่ากลางวันกลางคืน สว่างจ้าตลอดเวลา
นั่นละคือญาณออกจากธรรม เป็นอย่างนั้น มันต่างกันนะหัวใจท่านกับหัวใจเรา ผิดกันอย่างนั้น ให้พากันฟังนะ อย่ามาฟังเฉยๆ เล่นๆ มาวัดมาวาก็มาหน้าดื้อหน้าด้าน ลืมศีลลืมธรรมลืมเนื้อลืมตัว เลยมาสั่งสมกิเลสกับวัดกับวานี้มากต่อมาก ว่าไม่รู้เหรอ ดูอยู่ทุกวันไม่รู้ได้ยังไง ทุกเวลา ไม่เห็นได้ยังไงของมีอยู่นั้น นอกจากไม่พูดเฉยๆ แบบหูหนวกตาบอดไปอย่างนั้น เวลาพูดก็พูดบ้างซิ ผู้ที่จะรู้เนื้อรู้ตัวให้ได้คิดบ้าง ผู้ที่หลับไปเสียเลยก็ปล่อยไป อย่าไป กุสลา ให้มันคนประเภทนั้น กุสลา เท่าไรไม่มีความหมายแหละ
คนผู้ดีไม่ต้องกุสลาอีกเหมือนกันก็ได้ พอแล้ว ความดีอยู่ในใจพอแล้ว นี่พูดตรงๆ หลวงตาบัวตายอย่านิมนต์พระ ไปกวนพระมากุสลานะ พอทุกอย่างแล้ว ดีดทีเดียวเท่านั้นผึงเลย ทิ้งแล้วถังขยะนี้ นี่แบกถังขยะไว้เพื่อช่วยบ้านช่วยเมืองเท่านั้นเอง ไม่ได้มีอะไรไม่ได้ห่วงอะไร ปล่อยหมดสามแดนโลกธาตุนี้ไม่มีอะไรติดหัวใจเลย เราช่วยโลกด้วยความอิ่มพอ ด้วยความเมตตาสงสารล้วนๆ จึงขอให้ทราบเอาไว้
เห็นเราประกาศอย่างนั้น ประกาศอย่างนี้ คนนั้นเท่านั้นห้า คนนี้เท่านี้สิบ อย่าเข้าใจว่าหลวงตาบัวเป็นคนขอทานนะ นี้คือความเมตตา รวมของพี่น้องทั้งหลายเข้ามารวมเป็นพลังกำลังใจอันเดียวกัน กำลังชาติบ้านเมืองของเรา เพื่อความร่มเย็นเป็นสุขทั่วชาติบ้านเมืองของเราต่างหาก เราไม่ได้เป็นคนขอทาน
นี่ดูเสียพอแล้วจะว่ายังไง มีแต่ธรรม ไม่ได้หิวโหยนะธรรม รู้เหมือนไม่รู้ เห็นเหมือนไม่เห็น พอหูหนวกตาบอดก็บอดก็หนวกไปเสีย ไม่รู้ไม่ชี้ตาสีตาสาไป สมควรที่จะสงเคราะห์หนักเบามากน้อยก็ออกๆ ถ้าหากว่าจะควรเอาให้ได้แบบฟ้าดินถล่ม ฟัดวัฏจิตวัฏจักรให้ขาดสะบั้นจากหัวใจก็ เอ้า มา จะสอนว่างั้นเลย พูดตรงๆ ไม่จนตรอกการสอน ฆ่ากิเลสให้ม้วนเสื่อลงไม่มีอะไรเหลือสักตัวแล้ว วิชชานี้เต็มหัวใจแล้ว เราไม่จนตรอก เราจึงได้ฆ่ากิเลสเรียบวุธลงจากหัวใจมา วิชชานี้แลจะสอนคนให้ฆ่ากิเลสได้ด้วยกัน
เราไม่สงสัยในวิธีการสอนทุกอย่าง ไม่ว่าเทศน์ขั้นใดๆ ภูมิใดเราไม่เคยสงสัยในคำเทศน์ของเราว่าจะผิดไปแม้นิดหนึ่ง ไม่มี เราถึงกล้าพูดซิ พูดออกมาจากความจริงที่เต็มอยู่ในหัวอกนี่จะผิดไปไหน พระพุทธเจ้าตรัสรู้เพียงพระองค์เดียว ประกาศธรรมสอนโลกได้สามแดนโลกธาตุ พระองค์ไปถามใคร ความจริงเต็มหัวใจแล้วไม่ต้องถามใคร เต็มหัวใจใครก็เหมือนกันนั่นแหละ
ให้พากันตั้งเนื้อตั้งตัว อย่าลืมเนื้อลืมตัว ให้ต่างคนต่างสละ เวลานี้ชาติไทยของเรากำลังล่อแหลมมากที่สุดนะ หลวงตาเป็นผู้เตือนเอง ให้พิจารณาให้ดีคำนี้ก็ดี ไม่ใช่ตาสีตาสามาเตือน หลวงตาจะโง่หรือฉลาดก็เต็มหัวอกของหลวงตาที่มาสอนประชาชนชาติไทยของเรา ด้วยความเมตตาสงสารล้วนๆ ให้ตื่นเนื้อตื่นตัว ให้ต่างคนต่างช่วยเหลือกัน อย่าเห็นว่านั้นเป็นของคนนั้น นี้เป็นของคนนี้ เป็นของทุกคน จำเป็นทุกคน ความทุกข์แบกอยู่กับทุกคน เมื่อมีความสุขพอจะรับได้จากการกระทำความดีของเราด้วยการช่วยเหลือกันก็ต้องได้ด้วยกัน
ให้ต่างคนต่างกระตือรือร้น ให้รีบเร่งขวนขวายอย่านอนใจ นี่เราก็พยายามช่วย จากนี้แล้วเราจะไม่มาช่วยอีกนะ เพราะฉะนั้นคราวนี้จึงช่วยเต็มกำลังความสามารถ มีเท่าไรทุ่มลงหมด เพื่อช่วยโลก ออกจากนี้แล้ว เห็นไหมเราก็อายุขนาดนี้แล้ว ดูเอาซิ บวชมาตั้งแต่อายุ ๒๐ ปี หนุ่มไหมคน ๒๐ ปีบวช แล้วเวลานี้อายุ ๘๕ ปีแก่ไหม ดูซิคนคนเดียวกันนี้ แล้วจะเก่งไปไหน ไม่มีป่าช้ามีเหรอ โลกเขามีป่าช้า เราจะวิเศษวิโสไปจากไหนไม่มีป่าช้าเหมือนโลกเขา จะไม่ตาย มันจะตาย เพราะฉะนั้นจึงรีบช่วยเสียเวลานี้ แก่เข้าไปๆ สุดท้ายทนไม่ไหวแล้วก็สลัดปัวะถังขยะนี้ไปเท่านั้นเอง ไม่มาช่วยอีกแล้วช่วยแบบนี้ ให้รีบเสียตั้งแต่บัดนี้
เมืองไทยของเราให้รีบตื่นเนื้อตื่นตัวกันนะ อย่ามานอนใจโลเลโลกเลกอยู่เหมือนบ้า หาหลักหาเกณฑ์ไม่ได้ หลักลอย เอาศาสนาเข้าจับปุ๊บมันรู้ทันทีๆ ความเหลวแหลกของชาวพุทธเราเวลานี้ ในเมืองไทยของเรานี้แหละ ต้องหาหลักยึดนะ เอาศีลเอาธรรมเข้ายึด ให้รู้จักประมาณทุกอย่าง การกินก็ให้รู้จักประมาณอย่าฟุ้งเฟ้อเห่อเหิม โต๊ะละร้อยละพันละหมื่นละแสน ละล้านๆ พวกบ้าเป็นอย่างนี้รู้ไหม บ้าสดๆ บ้าร้อนๆ คือบ้าเห่อ บ้าลืมตัว อยากให้เขายกยอว่ามีหน้ามีตา มียศถาบรรดาศักดิ์สูง มีเงินทองมาก ขี้หมาว่างั้นเลย นี่ละธรรมะเข้าตอบ เข้าใจไหม นี่ภาษาธรรม อันนั้นเขาตื่นกัน กิเลสมันตื่นกัน
ตื่นยศ ตื่นลาภ ตื่นสรรเสริญเยินยอ ธรรมะชะล้างเข้าไป ตื่นพ่อตื่นแม่กันอะไรว่างั้น ยังไม่รู้จักว่าพวกนี้เป็นกองฟืนกองไฟเผาหัวมันเหรอ นี้ละภาษาธรรมฟังให้ดี ชะล้างสิ่งสกปรก มันเลวยิ่งกว่านี้ ภาษานี่เป็นภาษาที่ชำระ เสียหายไปไหน ภาษาที่ชำระสิ่งเลวร้ายทั้งหลายเป็นความเสียหายแล้วเหรอ ถ้าอย่างนั้นศาสนาไม่มีในโลกนี้ ธรรมะออกชะล้างสิ่งสกปรกไม่ได้แล้วศาสนาจม ไม่มีเหลือ นี่คือภาษาของธรรม ภาษาของศาสนา พูดอย่างตรงไปตรงมา เชื่อถือได้ ถ้าปฏิบัติตามที่เราสอนนี้ไม่จม มีแต่ฟื้นฟูโดยถ่ายเดียว ถ้าปฏิบัติตามความเป็นบ้ากันทั้งโลกทั้งสงสารนี้ โต๊ะละล้านละหมื่นละแสนละล้านละพัน นั้นจมทั้งเมือง เมืองไทยเรามีอีกสิบเมืองไทยก็มาจมหมดด้วยกัน แบบนี้นะ ถ้าแบบประหยัดแล้วไม่จม
อยู่อยู่ไป พออยู่อยู่ได้ นกเขามีรวงมีรัง เราขนาดไหนสมควรแก่มนุษย์เรา เอ้า อยู่ นั่นละความพอเหมาะพอดี แล้วไม่สร้างความยุ่งยากวุ่นวายให้แก่เรา ซึ่งเป็นการสร้างกองทุกข์ขึ้นในตัวนั้นอีกเหมือนดังที่เป็นมาเวลานี้ นี่ละการอยู่ก็ให้อยู่อย่างนั้น ให้รู้จักประมาณ อย่าฟุ้งเฟ้อเห่อเหิมเกินเนื้อเกินตัว การกินก็ให้รู้จักประมาณ พออยู่พอกินพอเป็นพอไป เอ้า อยู่ไปกินไปจะไม่สร้างความทุกข์ให้มากมายเหมือนความฟุ้งเฟ้อ
ความฟุ้งเฟ้อในการอยู่การกินการใช้การสอย สร้างกองทุกข์ทั้งนั้น สร้างความวุ่นวาย ให้พากันประหยัดเข้ามาย่นเข้ามา ความทุกข์ทั้งหลายจะย่นเข้ามา ความกังวลจะย่นเข้ามา ความทุกข์จะย่นเข้ามา ต่างคนต่างทรงตัวได้ๆ เมืองไทยของเราขึ้นได้ไม่สงสัย
นี่เราก็ไม่เคยคิดเคยคาดว่าเราจะได้มาช่วยโลก และจะได้มาแสดงเวทีแบบนี้ ขึ้นสนามแบบนี้ให้พี่น้องทั้งหลายฟัง มันจำเป็นก็ต้องได้ออกมา เพราะข้าศึกมันรอบบ้านรอบเมือง เต็มบ้านเต็มเมือง เครื่องปราบปรามไม่มีไม่ได้นะ ต้องเครื่องปราบปรามมี กิเลสมันหนักธรรมะต้องหนัก กิเลสโหดร้ายธรรมะโหดดีฟัดกันไปเลย มันเด็ดเราเด็ด ความชั่วเด็ดความดีต้องเด็ดไม่งั้นแก้กันไม่ตก ใครที่มีความอยากความทะเยอทะยานมากๆ เอาธรรมฟาดเข้าไป ความรู้จักประมาณนั้นแลคือธรรม บังคับมันอย่าให้มันเป็นบ้าดิ้นนัก มันก็สงบได้
เอาละพอ |