เทศน์อบรมฆราวาส ณ วัดป่าบ้านตาด
เมื่อวันที่ ๒๙ พฤษภาคม พุทธศักราช ๒๕๔๑(เย็น)
วิหารธรรมของพระอริยเจ้า
กระผมขออนุญาตบันทึกวิดีโอไว้ด้วยขอรับ เพื่อจะใช้ออกอากาศตามสถานีโทรทัศน์ช่อง ๕ ในวันอาทิตย์ที่ ๒๘ มิถุนายน ขอรับ มีคำถามประมาณห้าหกข้อที่จะกราบเรียนถามหลวงตาเพื่อออกอากาศด้วยตอนเช้า ขอหลวงตาได้โปรดอนุญาตด้วยขอรับ
ถาม หลังจากที่เกล้ากระผมได้ทำงานด้านประชาสัมพันธ์ออกไปสู่มหาชนแล้ว มีเสียงถามกลับมาว่า ได้ฟังธรรมะที่หลวงตาเมตตาแสดงออกว่า หลวงตาได้ปฏิเสธหรือว่าไม่ยุ่งเกี่ยวกับโลกสงสาร หรือว่าละโลกสงสารแล้ว แต่ในคราวนี้เหตุใดหลวงตาจึงเมตตาเป็นผู้นำในการช่วยชาติขอรับ
หลวงตา อ๋อ นี่เพราะเหตุว่าโลกสงสารยังยุ่งอยู่ เราถึงจะพ้นจากโลกสงสารไปแล้วก็ตาม แต่เราอยู่ในโลกสงสารในเมืองไทยของเรา เมื่อเห็นโลกสงสารกำลังยุ่งยากปากหมองนี้ ต้องได้ช่วยกัน เพราะฉะนั้นจึงต้องได้ออกมาจากป่าจากเขามาสู่เมืองไทยของเราเพื่อช่วยชาติ จึงได้ขวนขวายมาตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป
ถาม ในมหาชนนี่นะครับ ได้ฟังธรรมะจากหลวงตาแล้วก็พอที่จะมีความหวังบ้างขอรับ แต่ก็ต่างพากันกล่าวว่า วิธีการครั้งนี้หลวงตาได้โปรดเมตตาให้กำลังใจว่าจะผ่านได้ แต่ว่ามหาชนนั้นต่างก็ถามว่า เอ๊ะ จะผ่านได้อย่างไรขอรับ
หลวงตา มหาชนผู้ที่ว่าผ่านไม่ได้คือเขาไม่บริจาค เขาไม่ทำ มีแต่พูดปากเปล่าเฉย ๆ พวกนี้พวกลมปากไม่ช่วยอะไรกับใครแหละ ผู้ที่จะเอาจริง ๆ ต้องเป็นผู้ที่ต่อสู้ไปเลย ปากไม่ปาก พูดไม่พูดไม่สำคัญ มีเท่าไรสละมาเลย พวกนี้เป็นพวกที่จะยกชาติบ้านเมืองขึ้นให้ออกจากหล่มลึกขึ้นได้โดยไม่สงสัย แต่พวกที่วิพากษ์วิจารณ์ไปเฉย ๆ โดยไม่ได้ทำการทำงานอะไร ถ้าเป็นนักมวยก็ยอมแพ้ตั้งแต่ยังไม่ขึ้นเวที พวกนี้พวกใช้ไม่ได้ คนที่เขาไปชมมวยเขาจะไล่โห่เอาหลงทิศไปละ คนประเภทนี้นะ คนประเภทนี้ถูกโห่ทั้งนั้นละ
แต่คนประเภทที่ขึ้นต่อยแล้วแพ้ชนะรู้กันบนเวทีนั้น เป็นประเภทที่เอาจริงเอาจัง เหมือนอย่างพวกเราทั้งหลายนี้พวกเอาจริงเอาจัง หลวงตาซึ่งเป็นหัวหน้านี้ เรียกว่าหัวหน้าแบบเอาชีวิต เอาคอเข้าแลกเมืองไทยเลย ได้สละมาแล้วทุกสิ่งทุกอย่าง เราไม่ได้เสียดายอะไรในโลกนี้ สามแดนโลกธาตุนี้ไม่มีอะไรมาติดมาข้องในหัวใจของเรา
สิ่งที่ติดข้องก็คือความห่วงใยประชาชนชาวไทยของเรา ซึ่งกำลังอยู่ในที่หล่มลึกก็ว่าได้ จึงต้องได้ตะเกียกตะกายออกมาช่วยเหลืออย่างนี้ โดยเอาคอตัดเข้าไปเลย ถ้าหากว่าเมืองไทยยังฟื้นไม่ได้ ยังขึ้นไม่ได้ ด้วยกำลังความสามารถของเราและประชาชนที่ร่วมกันแล้ว หลวงตาบัวนี้ต้องคอขาด ถ้าท่านผู้ใดเสียดายคอหลวงตาบัวแล้วให้ต่างคนต่างเสียสละทุกคน เพื่อสงวนคอหลวงตาบัวไว้
ถาม ทีนี้การดิ้นรนช่วยชาติครั้งนี้ หลวงตาได้เมตตาเทศน์ว่า ไม่ใช่ดิ้นรนช่วยชาติแบบลูกกำพร้า หรือว่าลูกไม่มีพ่อ หมายความว่าอย่างไรขอรับ
หลวงตา หมายความว่าเรามีพ่อมีแม่มีพี่มีน้องช่วยกัน พ่อแม่ของเราก็คือศาสนาหนึ่ง ก็หลวงตาบัวเป็นผู้นำ พระมหากษัตริย์ พระญาติพระวงศ์ต่างก็ทรงอนุโมทนา เสด็จมาเป็นประธานในงานนี้ จึงเรียกว่าเป็นมหาอุดมมงคลอย่างยิ่งต่องานโครงการช่วยชาติของเราตั้งแต่เริ่มต้น มีความสมบูรณ์พูนผลอุดมสมบูรณ์ เราไม่ได้ทำอะไรมีแต่ลูกกำพร้า คือมีตั้งแต่ประชาชนราษฎร ส่วนเจ้านายที่เป็นพี่หรือว่าเป็นพ่อเป็นแม่ เช่น พระมหากษัตริย์ ศาสนาไม่เข้ามาเกี่ยวข้องเลยนั้น เรียกว่าพวกเราเป็นลูกกำพร้า หาทำตั้งแต่พวกเราคนเดียวอย่างนี้ไม่เกิดประโยชน์อะไร ไม่มีศักดิ์ศรีดีงาม
แต่นี้เราพร้อมแล้ว ทั้งศาสนา ทั้งพระมหากษัตริย์ ที่ช่วยเรา พระพุทธเจ้าก็ทรงพระเมตตาส่งหลวงตาบัวมาแทนพระองค์ แล้วมีพระมหากษัตริย์ สมเด็จพระนางเจ้า เจ้าฟ้าหญิงฯ นี้เป็นพระญาติพระวงศ์ เสด็จมาโปรดในงานนี้ เพื่อเป็นกำลังใจของเรา เพื่อให้ความอบอุ่น เพื่อแสดงพระองค์ด้วยว่าเป็นผู้นำในการช่วยชาติคราวนี้เต็มพระทัยพระองค์ พวกเราจึงมีความอบอุ่นมีกำลังใจ เพราะท่านมาให้กำลังใจ มาให้ความอบอุ่น มาให้ความร่มเย็นแก่พวกเราทั้งหลาย งานนี้จึงเป็นงานสมบูรณ์พูนผล ด้วยมีทั้งพ่อทั้งแม่ มีทั้งลูกทั้งหลาน มีทั้งประชาชนราษฎรพร้อมเพรียงกัน เราจึงแน่ใจว่างานนี้ต้องผ่านได้ไม่สงสัย
ผู้ที่ว่าผ่านไม่ได้คือเขาไม่ทำ ผู้ที่ทำนั้นแหละผู้ที่จะผ่านได้ ผู้ที่ว่ายนั้นแหละผู้ที่จะพ้นได้ ผู้ที่จะนอนจมน้ำตายเฉย ๆ ไม่ว่าย อันนั้นเป็นไปไม่ได้แหละ อย่างไรต้องจมน้ำแน่ ๆ ผู้ที่มีแต่คำพูดมีแต่ลมปากเฉย ๆ ว่าจะเป็นไปไม่ได้อย่างนั้นอย่างนี้ พวกนี้อย่าไปเชื่อ ลมปากอันนี้ลมปากล้มเหลว ลมปากทำลายชาติไทยของเรา
ต้องเอาลมปากที่เอาจริงเอาจัง อย่างที่พูดเวลานี้ พูดด้วยความจริงจัง พูดถอดออกมาจากหัวใจโดยแท้ ที่จะช่วยพี่น้องชาวไทยทั้งหลายให้เต็มเม็ดเต็มหน่วย เอาจนกระทั่งถึงคอหลวงตาบัวขาดดิ้นก็ไม่ถอย เพราะฉะนั้นขอให้พี่น้องทั้งหลายจงช่วยสงวนคอของหลวงตาบัวไว้ อย่าให้ขาดไปเฉย ๆ แต่ลำพังหลวงตาบัวคนเดียว ถ้าขาดให้ขาดพร้อมกันหมดทั้งชาติไทยของเรา จะมีชื่อเสียงมีกิตติศัพท์กิตติคุณ มีศักดิ์ศรีดีงาม ว่าชาติไทยเป็นชาติที่พลีชีพจริง ๆ คอไม่เสียดาย เอาละเพียงแค่นี้ก่อน
ถาม มีอยู่บ้างที่ต่างพากันวิพากษ์วิจารณ์ตามประสาของมนุษย์ปุถุชนนะครับว่า เอ๊ เรื่องอย่างนี้จะใช่กิจของสงฆ์ไหมขอรับ
หลวงตา พระพุทธเจ้าทรงแสดงว่า มหาการุณิโก นาโถ หิตาย สพฺพปาณินํ นี้แปลว่ายังไง คนที่พูดนั้นพูดไม่ได้แปลหนังสือ ไม่ได้ดูศาสนา ไม่ได้เห็นศาสนา พูดป่า ๆ เถื่อน ๆ อันนี้นำเรื่องศาสนา นำหัวใจของพระพุทธเจ้ามาแสดงให้โลกทั้งหลายได้เห็น แปลในใจความที่ว่า มหาการุณิโก นาโถ หิตาย สพฺพปาณินํ พระพุทธเจ้าทรงมีพระกรุณา มีความเมตตามหากรุณาธิคุณแก่โลก และทำประโยชน์แก่โลกอย่างยิ่งใหญ่ ไม่มีใครเป็นคู่แข่งเลย เรียกว่าหาประมาณไม่ได้ นี้คือศาสดาองค์เอกที่นำโลก ท่านเกี่ยวข้องกับศาสนาหรือไม่ มีเมตตาต่อโลกสงสารตลอดถึงสามไตรโลกธาตุ พระพุทธเจ้าทรงช่วยเหลือหมด
นี่เราช่วยเหลือเมืองไทยอย่างนี้เพื่อตามเสด็จพระพุทธเจ้าจะผิดที่ตรงไหน นอกจากผิดที่ปากของบุคคลที่หาเรื่องหาราวกุเข้ามา ทำงานของเราทั้งหลายที่กำลังช่วยชาติอยู่เวลานี้ให้ล้มเหลวไปเท่านั้น
นี่ละงานของสงฆ์โดยตรง เข้าใจหรือเปล่า ให้รู้เสีย นี่ละงานของสงฆ์ พระพุทธเจ้าช่วยโลกไม่ได้ไม่มี ธรรมช่วยโลกไม่ได้ไม่มี พระสงฆ์ช่วยโลกไม่ได้ไม่มี พระพุทธเจ้าเป็นนักเสียสละ เพราะธรรมเป็นธรรมสง่างามด้วยความเสียสละ เมตตาคุณเต็มอยู่ในธรรมนั้นหมด พระสงฆ์เป็นนักเสียสละ เป็นนักเมตตาอย่างยิ่ง คือพระพุทธเจ้า พระสงฆ์สาวกของศาสดา ถ้าท่านเหล่านี้ไม่มีเมตตาแล้วประชาชนจะหาความร่มเย็นมาจากไหน ขาดที่พึ่ง ไม่มีที่พึ่ง
ถ้าศาสนาไม่มาเกี่ยวกับโลกเสียอย่างเดียว โลกนี้หาความหมายไม่ได้เลย เหมือนกับสัตว์ตัวหนึ่งที่ตายกองกันอยู่ หายใจแขม่ว ๆ เท่านั้น ไม่มีคุณค่าไม่มีราคาในลมหายใจเลย นี่พวกเราทั้งหลายได้รับความร่มเย็นจากพุทธศาสนาเรื่อยมา เพราะความเมตตาสงสารของพระพุทธเจ้า ที่ประทานโอวาทให้พวกเราทั้งหลายได้นำมาประพฤติปฏิบัติ และกำจัดสิ่งที่มัวหมองทั้งหลายซึ่งเป็นภัยต่อศาสนาและต่อตัวของเรา พระพุทธเจ้าจึงเป็นเอกของโลกในการทำประโยชน์ให้แก่โลกแก่สงสาร พระสงฆ์เป็นประโยชน์แก่โลกอย่างมากมายที่สุด คำพูดเหล่านั้นให้กลับไปดูคัมภีร์เสียก่อนนะ แล้วค่อยมาโต้หลวงตาบัวใหม่ ทางนี้เปิดอกให้โต้นะ ให้ไปดูคัมภีร์เสียก่อน คัมภีร์ว่ายังไง ตั้งแต่เกิดมานั้นเคยได้เห็นศาสนาหรือยัง ศาสนาท่านสอนว่ายังไง เท่านี้ละพอ
ถาม หลวงตาเหนื่อยหรือยังขอรับ
หลวงตา ถามมา กำลังต่อยไม่ถอย
ถาม มีเรื่องที่พูดกันมากนะขอรับ คือว่าทำไมหลวงตาถึงไม่ทำวัตถุมงคล ไม่งั้นงานนี้จะมีผู้เข้าร่วมอีกมากทีเดียวนะขอรับ
หลวงตา พวกที่เข้าร่วมมากนั้นแหละที่จะแฝงกันมาเข้าทำลายมากที่สุด การทำวัตถุมงคลออกไปนี้ พอหลวงตาบัวทำวัตถุมงคลออกไป คนนั้นก็วัตถุมงคลหลวงตาบัว คนนี้ก็วัตถุมงคลหลวงตาบัว หารายได้เต็มบ้านเต็มเมือง สุดท้ายเงินไม่ได้เข้าคลังหลวง ออกไปเข้ากระเป๋าของพวกวัตถุมงคลหลวงตาบัวทั้งนั้นแหละ ไม่เกิดประโยชน์อะไร นี้คือการทำลายอย่างยิ่งเราจึงไม่ทำ เพราะเป็นทางที่จะทำลายชาติไทยเรา ซึ่งเวลานี้กำลังช่วยเหลืออยู่อย่างเต็มที่ ให้เสียไปอย่างป่นปี้ เราจึงไม่ทำสิ่งเหล่านี้ เพราะจะเป็นการทำลายการช่วยชาติของเราให้เสียไปโดยไม่มีปัญหาอะไรเลย
การทำวัตถุมงคลนั้นเป็นช่องหาเงินของคน เมื่อทำลงไป สมมุติว่าหลวงตาบัวให้ทำวัตถุมงคลอันนี้แล้วนะ คนนั้นก็วัตถุมงคลของหลวงตาบัว คนนี้ก็วัตถุมงคลของหลวงตาบัว หมดทั้งชาติไทยเลยมีแต่วัตถุมงคลของหลวงตาบัว ผู้ที่ขนเงินเข้าคลังหลวงเลยไม่มี มีแต่คนขนเงินเข้ากระเป๋าด้วยวัตถุมงคลหลวงตาบัวทั้งนั้น ๆ เพราะฉะนั้นเราจึงไม่ทำ เพื่อกันสิ่งเหล่านี้ไม่ให้มาทำลายการช่วยชาติของเรา เพื่อให้การช่วยชาตินี้เป็นการสมบูรณ์พูนผล
การที่พาพี่น้องทั้งหลายทำอย่างนี้เป็นมงคลอันสูงสุดแล้ว เราจะหามงคลที่ไหนอีก หลวงตาบัวจะมีมงคลวิเศษวิโสมาจากไหน นอกจากนำธรรมของพระพุทธเจ้ามาชี้แจงให้พี่น้องทั้งหลายทราบ เพื่อเป็นมงคลอันสูงสุดในหัวใจ แล้วต่างคนต่างตะเกียกตะกายเพื่อช่วยชาติของตนเท่านั้น อันวัตถุมงคลไม่เกิดประโยชน์อะไร เวลานี้มีแต่วัตถุมงคลเต็มบ้านเต็มเมืองแล้วเป็นยังไง วัดไหน หลวงตาองค์ไหน พระองค์ไหน ที่มีวัตถุมงคลมาก ๆ นั้นเป็นผู้ได้มีอิทธิพลทางด้านจิตใจ ในทางธรรมะให้ความร่มเย็นแก่โลกได้มากน้อยเพียงไร
พระพุทธเจ้าไม่จำเป็นจะต้องมีวัตถุมงคล แต่ พุทฺธํ สรณํ คจฺฉามิ ถึงใจของทุกคนชาวพุทธ ธมฺมํ สงฺฆํ สรณํ คจฺฉามิ นี้ถึงใจของทุกคนชาวพุทธเรา นี้คือมงคลอันวิเศษอย่างยิ่ง ไม่มีอะไรเกินมงคลอันนี้แหละ ให้พากันเข้าใจอย่างนั้นนะ ถ้าหลวงตาบัวพูดนี้ยังไม่ลงใจแล้ว ก็ไปหาเอาหินที่ทิ้งอยู่ตามถนนหนทางมาเสกเป่ากัน นี้วัตถุมงคล ๆ ไปที่ไหนให้มีแต่หินแขวนคอคนเต็มไปหมด เอาละพอ เอ้า ถามมา เวลานี้จะตอบ
ถาม มีคนในวงการฝากให้เกล้ากระผมมากราบถามด้วยความเคารพว่า พระอริยเจ้านั้นมีวิหารธรรมเป็นเครื่องอยู่นะขอรับ แล้วการช่วยชาตินี่เราจะถือเป็นวิหารธรรมได้หรือไม่ขอรับ
หลวงตา นี่ละมหาเมตตาใหญ่อยู่ตรงนี้ วิหารธรรม แปลว่า ธรรมเป็นเครื่องอยู่ของท่าน ท่านอยู่กับโลกด้วยความเมตตา เราขอเปิดอกทันที เราอยู่กับโลกเวลานี้เราอยู่ด้วยความเมตตาทั้งนั้น เพียงธาตุขันธ์ของเราเราปล่อยเมื่อไรก็ได้ไม่เสียดาย เพราะนี้เป็นเครื่องมือที่เราใช้เพื่อเป็นประโยชน์แก่โลกเท่านั้น เราหมดอาลัยตายอยากทุกสิ่งทุกอย่าง ด้วยความเสียสละ ตัดกิเลสออกจากหัวใจสิ้นสุดลงมาตั้งแต่ปี ๒๔๙๓ จนกระทั่งบัดนี้ ไม่มีปรากฏว่ากิเลสตัวใดได้มาผ่านหัวใจเราเลย
เราครองบรมสุขมาตั้งแต่ปี ๒๔๙๓ เอ้า พูดตลอดวันเวลาด้วย วันแรม ๑๔ ค่ำเดือน ๖ เวลา ๕ ทุ่มเป๋ง อยู่วัดดอยธรรมเจดีย์ เป็นเวลาที่เราฟัดกับกิเลสตกเวที เราเผาศพกิเลสให้ม้วนเสื่อลงไป ทุกข์หมด ม้วนเสื่อลงไปตาม ๆ กันตั้งแต่ขณะนั้น เราครองบรมสุขตั้งแต่บัดนั้นมาจนกระทั่งถึงป่านนี้
ความเมตตาธรรมต่อโลกนี้เป็นวิหารธรรมของพระพุทธเจ้า พระอรหันต์ท่านทั้งนั้น ปราศจากไม่ได้ ความบริสุทธิ์นี้จิตใจอ่อนนิ่มไปทั่วโลกดินแดนครอบโลกธาตุ ด้วยอำนาจแห่งความเมตตาธรรมนี้ จึงสงสารไปหมดทุกหย่อมหญ้า อย่าว่าแต่สงสารมนุษย์ เฉพาะอย่างยิ่งเมืองไทยนี้เลย สามแดนโลกธาตุนี่ท่านสงสารไปหมด ท่านอยู่ด้วยวิหารธรรมอย่างนี้แล อยู่กับโลก ท่านไม่ได้ห่วงใยอะไรกับโลก นอกจากสงสารสัตว์ทั้งหลาย แล้วก็สงเคราะห์สงหาไปตามกำลังความสามารถที่จะเป็นไปได้ ตามอำนาจวาสนาของผู้ใดที่จะเป็นไปได้มากน้อยเพียงไรเท่านั้น
นี่เรียกว่าวิหารธรรมของพระอรหันต์ ท่านอยู่ด้วยการสงเคราะห์โลก ท่านไม่ได้อยู่ด้วยการพยายามสงเคราะห์ขันธ์ ขันธ์ของท่านไม่มีความหมายอะไร ทิ้งเมื่อไรก็ได้เพราะเป็นถังขยะเท่านั้น ท่านพิจารณารอบคอบหมดแล้ว ปล่อยหมดแล้วไม่มีอะไรเหลือ จึงอยู่ด้วยนั้น นี่ก็อยู่ด้วยความห่วงใย ความเมตตาสงสารโลกเท่านั้น เราไม่ได้อยู่ด้วยความห่วงใยอิฐปูนหินทราย ดินฟ้าอากาศอะไรทั้งนั้น กับผู้หนึ่งผู้ใดก็ตาม เราไม่เคยเป็นห่วงเป็นใยอะไรกับใครทั้งนั้น มีแต่ความเป็นห่วงโลกสงสาร ให้อยู่กันด้วยความสงบสุขเท่านั้น เป็นที่พอใจแล้วยัง ถ้ายังไม่เป็นที่พอใจ เอ้า ถามมาอีกจะตอบอีก
ถาม เมืองไทยจะรอดด้วยธรรมะข้อใดครับหลวงตา
หลวงตา รอดด้วยธรรมะข้อสู้ไม่ถอย นี่ละเมืองไทยรอดจริง ๆ หลวงตามานี่เพื่อเป็นผู้นำด้วยการสู้ไม่ถอย เราจึงมีความหวัง เมืองไทยเราจะไปรอด ไม่รอดไม่ออกมาสู้ สู้จนคอขาด เอ้า ถ้าหากว่าคอจะขาดให้ขาดไป แต่การสู้สู้ไม่ถอย สู้จนคอขาด อย่างไรก็รอดเมืองไทยเรา ขอให้พี่น้องทั้งหลายต่างคนต่างช่วยกันก็แล้วกัน ถ้าต่างคนต่างพูดต่างวิพากษ์วิจารณ์กันนี้ ลมปากนี้คือลมปากทำลายเมืองไทยของเรา ให้เอาจริงเอาจังทุกคน
เมืองไทยเรานี้ใครทำให้ฉิบหายล่มจมลงไป คนในชาติของเรานี้ไม่ใช่เหรอ แล้วคนไทยทั้งชาติรวมหัวกันยกเมืองไทยขึ้นทั้งประเทศทำไมจะไม่ได้ เมืองไทยเราไม่ใช่เป็นเมืองอ่อนแอท้อแท้เหลวไหล เป็นเมืองที่เด็ดเดี่ยวอาจหาญ มีจิตใจอันกว้างขวางเป็นนักเสียสละด้วยกันทั้งนั้น ต้องสู้ และแน่ใจว่าพ้นทีเดียวเป็นอื่นไปไม่ได้ ให้ต่างคนต่างช่วยกันเถอะ เอ้า มีห้า บริจาคมาสิบ หลวงตายิ่งยินดี ถ้ามีห้าแบ่งสองสลึงนี้ยังไม่ยินดี มีห้าบาทแบ่งมาสิบบาทยิ่งพอใจ นี้รอดได้ง่ายที่สุดเลย
ถาม หลวงตาได้โปรดกรุณาเมตตาแสดงอานิสงส์ของผู้ที่เข้าร่วมกันช่วยแก้วิกฤตการณ์บ้านเมืองครั้งนี้ด้วยเถิดขอรับ
หลวงตา ยกตัวอย่างย่อ ๆ อานิสงส์นี้คือความผาสุกร่มเย็น ความอิ่มอกอิ่มใจ ความแน่นหนามั่นคง ความอบอุ่นของใจเรา นี้คืออานิสงส์แห่งการเสียสละมหากุศลในครั้งนี้ด้วยกันทุกคน ไม่มีกุศลใดที่จะเสมอเหมือนในมหากุศลนี้ นี่เราสร้างมหากุศลเพื่อชาติของเรา สร้างอย่างอื่นยังไม่เรียกว่ามหากุศลสมบูรณ์แบบ สร้างที่ไหน สร้างกับบุคคลผู้ใด ให้ทานแก่บุคคลผู้ใด เสียสละแก่บุคคลผู้ใดก็ตาม เป็นเรื่องของบุคคล ๆ ไป
นี่เราสร้างเพื่อชาติ ศาสนาก็รวมอยู่ในนี้ สร้างหมดทั้งชาติ สร้างหมดทั้งศาสนา จึงเรียกว่าเราสร้างมหากุศลอันใหญ่หลวง อานิสงส์ของเราก็คือประเทศชาติบ้านเมืองของเรา มีความอยู่เย็นเป็นสุข ใครชี้หน้าไม่ได้ง่าย ๆ หน้าตาผึ่งผาย ไปด้วยความองอาจกล้าหาญชาญชัยไม่มีใครดูถูกเหยียดหยามได้ นี่คืออานิสงส์แห่งการเสียสละ แห่งการช่วยชาติของเรา
เอ้า ใครจะถามปัญหาก็ถามมา เราจะเปิดหัวอกให้ฟังทั่วประเทศไทย เวลานี้เราออกสนามแล้วเพื่อประเทศไทยของเรา เราจึงไม่มีการสะทกสะท้านอะไรทั้งนั้น เราเพื่อชาติ กำลังหัวใจนี้เพื่อชาตินั้นมีกำลังมาก ไม่มีถอยอะไรทั้งนั้น อะไรมาสู้หมด ถ้าอะไรจะมาต่อต้านเมืองไทยเราเป็นคอขาดเลย หลวงตาบัวเอาให้คอขาด ไม่อย่างนั้นจะเรียกว่าเป็นนักสู้เหรอ จะเรียกว่าเป็นผู้นำได้เหรอ ผู้นำมีลักษณะเช่นไร กิริยาท่าทางยังไง มีความแน่นหนามั่นคงยังไงบ้าง ต้องนำปูมหลังผู้นำมาซิ เป็นยังไง นี่ได้ชี้แจงปูมหลังให้พวกท่านทั้งหลายฟังแล้ว เป็นยังไงเป็นที่พอใจไหม
เราพอใจในเราเต็มที่แล้วเราจึงได้ออกมาสนามรบความจนทั้งหลาย เพื่อประเทศไทยของเรา เรานี้แน่ใจเรานี้เต็มเหนี่ยวถึงได้ออกสนาม เราแน่ใจในวิชาหมัดมวยของเราเราแล้วเราจึงก้าวขึ้นเวที เราไม่แน่ใจเราไม่ขึ้น ใครเก่งก็มา แชมเปี้ยนเก่งก็มา ปู่แชมเปี้ยนก็มาเราไม่ถอยต่อยทั้งนั้น เอาให้หงายหมดเลย
ถาม มีคำถามจากหน่วยงานที่ทำงานประชาสัมพันธ์ว่า อยากจะขอความกรุณาจากหลวงตาได้โปรดแนะหลักธรรมที่ช่วยให้คนไทยจิตใจสงบ เพราะปัจจุบันนี้หลายฝ่ายเห็นกันว่า คนไทยเกิดวิกฤตการณ์ทางจิตใจด้วย และขณะนี้ก็ฆ่าตัวตายกันเยอะขอรับ
หลวงตา อันนี้เป็นเพราะกิเลสเข้ารุมจิตใจ มีราคะตัณหาเป็นสำคัญ ราคะตัณหานี้ได้เท่าไรไม่พอ มีเมียหนึ่งคนไม่พอ สองคนไม่พอ มีสิบเมียไม่พอ มีสิบผัวไม่พอ เท่าไรไม่พอ นี้คือกามกิเลส กามกิเลสนี้มันหนุนให้คนเกิดความโลภมาก โลภมาเพื่อกิเลสอันนี้แหละ โลภมาเพื่อราคะตัณหานี้ โลภเท่าไรไม่พอได้เท่าไรไม่พอ ได้เท่าไรยิ่งอยาก ความอยากนั้นแลคือความทุกข์ สมบัติเงินทองข้าวของที่หามาได้มากน้อยไม่ใช่ความทุกข์นะ เงินไม่เป็นทุกข์ สมบัติต่าง ๆ ไม่เป็นทุกข์ เป็นทุกข์ที่ผู้หิวโหยความอยากบีบคั้นภายในหัวใจ ให้ดีดให้ดิ้น ความทุกข์อยู่ตรงนี้ โลกทั้งหลายจึงได้ดีดได้ดิ้นยุ่งกันไปหมด เพราะความอยากความหิวนี้มันดันให้วิ่งเต้นขวนขวาย ได้สมใจก็พอทำเนา ไม่สมใจนี้มากต่อมาก จมไป ๆ บางคนฆ่าตัวตายดังที่พูดนี้ เพราะอำนาจของกิเลสตัณหา
เพราะฉะนั้นจึงอย่าพอกพูนมันให้มากจนเกินไป ผู้หญิงก็ดี ผู้ชายก็ดี ขอให้ต่างคนต่างมีขอบเขตมีหลักมีเกณฑ์ มีผัวหนึ่งแล้วมีเมียหนึ่งแล้วอย่ายุ่งกับใคร ผัวเมียซึ่งเป็นคู่เคียงกันนั้นเป็นคู่บารมี เป็นคู่พึ่งเป็นพึ่งตายกัน ผัวเมียคนที่สองนั้นคือผัวเมียกาฝาก พวกนี้พวกกัดพวกกินให้แหลกเหลวหมดตับปอดไม่มี ใครมีผัวมีเมียสองคนสามคน นั้นละคือกองไฟนรกเผาคนทั้งเป็นอยู่ในครอบครัวนั้น นี่ละความทุกข์สร้างขึ้นเพราะความได้แล้วไม่พอ
ให้ระงับสิ่งเหล่านี้ให้พอดี ให้มีศีลธรรมของพระพุทธเจ้าเข้าบังคับการประพฤติตัวของเราบ้างซิ ศีลธรรมสำคัญก็คือ กาเมสุ มิจฉาจาร ศีลข้อที่สามนี้แลเป็นเครื่องเด็ดขาดจากกิเลสตัวนี้ได้ไม่สงสัย แต่นี้ไม่นำมาปราบ มีแต่ให้กิเลสกาเม ตัวราคะตัณหามันปราบเรา ๆ เพราะฉะนั้นจึงดิ้นกันทั่วโลกดินแดน หาเกาะใดดอนใดเป็นความสุขไม่มีเลย เพราะราคะตัณหาเป็นตัวสำคัญ ความโลภที่ราคะตัณหาดันออกไปให้โลภให้อยาก ความอยากความหิวเป็นความทุกข์ จึงทุกข์เรื่อยไป ดีดเรื่อยไปดิ้นเรื่อยไป ได้เท่าไรไม่พอ เอาจนตาย
ไม่พอ
เรื่องความอยากเราอย่าเข้าใจว่ามันจะพอนะ เหมือนไฟได้เชื้อ เชื้อมีเท่าไรไฟจะลุกลามไปหมดไม่มีเหลือเลย ให้ไฟอิ่มเชื้อนี้ไม่มีทาง เรื่องความโลภให้มันอิ่มตัวของมันไม่มีทาง ได้มาเท่าไรมันก็ลุกลามไปเรื่อย ๆ เพราะฉะนั้นจึงให้ระงับดับมันให้อยู่ในความพอดี เช่นอย่างไฟในเตาของเราสำหรับใช้หุงต้มแกง เป็นประโยชน์ไฟในเตา ถ้านอกเตาไปแล้วลุกลามไหม้ไปหมด นี่ความโลภอยากได้ อยากได้มาเลี้ยงการทำมาหาเลี้ยงชีพพอดิบพอดีนี้คนเราไม่ทุกข์มากนะ ความโลภที่จะเกิดความหิวได้ไม่พอนี้สร้างความทุกข์ให้คน ท่านเรียกว่ากิเลส
ความอยากธรรมดา คนไม่ตายมันก็ต้องอยาก อันนี้ไม่ใช่กิเลส แต่ความอยากที่ได้เท่าไรไม่พอนี้ต่างหากเป็นกิเลส มันสร้างความทุกข์เดือดร้อนให้ทั้งบ้านนอกในเมือง ยิ่งในเมืองยิ่งร้อนใหญ่ยิ่งกว่าบ้านนอกนะ ตาสีตาสาที่เขาไถไร่ไถนาอยู่ตามท้องไร่ท้องนา เขาไม่ได้มีความทุกข์มากนะ ความทุกข์มากคือพวกอยู่ในบ้านในเมืองว่ามีกิจการงานอันนั้นมากอันนี้มาก มันกิจการมากอะไร มันเอาไฟเผาตัวมาก ทุกคนต่างหาไฟมาเผาตัว ๆ ได้เท่าไรไม่พอ อยากมีหน้ามีตา อยากมีชื่อมีเสียงกิตติศัพท์กิตติคุณ ให้เขาได้มองดูหน้าสักครู่หนึ่งก็เอา อันนี้ละตัวสร้างความทุกข์ให้คน พากันเข้าใจนะ
ถาม วิธีนั่งสมาธิจะให้จับจุดตรงไหนคะ
หลวงตา ให้จับจุด พุทโธ นะ ให้เอาพุทโธ คือความอยากของจิตมันจะไม่หยุดไม่ถอย มันมีอันหนึ่งอยู่ในจิตนั้นน่ะ ภาษาศาสนาท่านเรียกว่ากิเลส กิเลสตัวนี้ละตัวพิษภัยใหญ่ มันหุ้มห่อจิตมันดันจิตออกมาให้คิดเรื่องนั้นให้คิดเรื่องนี้ ความคิดความปรุงของโลกจึงไม่มีสิ้นสุด เฉพาะอย่างยิ่งมนุษย์เราคิดไม่หยุดไม่ถอย อยู่เฉย ๆ ไม่ได้ ต้องคิดต้องปรุง อันนี้ละมันสร้างความวุ่นวายให้เรา สร้างความทุกข์ให้เรา เพราะฉะนั้นถึงเวลาที่เราควรจะสงบสิ่งก่อกวนทั้งหลายคือความคิดเหล่านี้ เราให้สงบด้วยพุทโธ
พุทโธก็เป็นความคิดเหมือนกันแต่เป็นความคิดเพื่อระงับ เป็นน้ำดับไฟ ไม่ใช่ความคิดแบบไฟลามทุ่ง ให้ระลึกพุทโธ ๆ มันอยากคิดอะไรก็ตามอย่าคิด เราคิดมาแล้วตั้งแต่วันเกิดไม่เห็นเกิดประโยชน์อะไร เราจะคิดแต่พุทโธ ๆ ให้อยู่กับพุทโธ พอจิตสงบแน่วลงไปแล้ว จะเห็นโทษแห่งความวุ่นวายทันที มันมีคู่แข่งแล้ว ความไม่คิดไม่วุ่นเป็นความสุขสงบเย็นใจ นี่เห็นคุณค่าแล้ว ทีนี้ก็เห็นโทษแห่งความวุ่นวายทั้งหลายซึ่งเกิดจากความคิดนี้ประจักษ์ใจ เพราะฉะนั้นท่านผู้บำเพ็ญธรรมทั้งหลายท่านจึงก้าวหน้าเรื่อย เพราะมีคู่แข่งกัน
ดีกับชั่วเป็นคู่แข่งกัน คำว่าดี คำว่าชั่ว ใครจะต้องการชั่ว แต่ก่อนไม่เห็นความชั่วก็ถือว่าความชั่วเป็นของดิบของดี ว่าเป็นเราเป็นของเราไปเสียหมด ทีนี้พอเห็นของดีขึ้นมาเป็นคู่แข่ง อ๋อ นี่ดีกว่าอันนี้มันก็ปล่อยอันนี้ แล้วปล่อยเรื่อยไป ๆ แล้วอย่าลืมนะพุทโธ ครั้นไปแล้วไปหาทะเลาะกับพ่อบ้านไม่ได้นะ ส่วนมากพวกนี้ไปมันไปทะเลาะกับพ่อบ้าน พ่อบ้านเลยรำคาญจะตาย นาน ๆ ก็ว๊ากเสียทีหนึ่งเพราะโมโห |