ให้ช่างภาพมาทางนี้ อันนี้เป็นสิริมงคลอย่างยิ่ง ควรเปิดโอกาสให้ถ่ายได้ตามสบาย ดูให้ทั่วถึงหมดทั้งทองคำทั้งดอลลาร์ ถ่ายให้เห็นหมด ที่ถ่ายนี้เพื่อให้โลกเมืองไทยเราทั้งประเทศให้ได้เห็น เพราะฉะนั้นจึงต้องทำให้เปิดเผยให้เห็นชัดเจน เพราะเมืองไทยเราไม่ใช่เมืองลี้ลับ เป็นเมืองที่เปิดเผยสง่างามมานานแล้ว จึงต้องเปิดความสง่างามให้เมืองไทยเราได้เห็นทั่วหน้ากัน เวลาถ่ายข้างบนแล้วถ่ายข้างล่างให้เห็นด้วย ให้มองเห็นข้างล่างด้วย ถาดทองคำอยู่ข้างล่าง ต้นทองคำอยู่ข้างบน ถ่ายให้เห็นหมด วันนี้เป็นวันเปิดเผยอกของชาติไทยเราให้โลกเขาได้เห็น เราเปิดอกชาติไทยเราให้คนต่างชาติเขาได้เห็น ว่าเมืองไทยมีความพร้อมเพรียงรักชาติสามัคคีกันขนาดไหนให้โลกได้เห็น เอาให้เต็มเหนี่ยว
นี่ละหัวอกชาติไทยเราพี่น้องทั้งหลายพากันดูซิ ดูหัวใจชาติไทยเรานี่ เพราะฉะนั้นจึงถ่ายให้หมด หัวใจชาติไทยมีความกลมกลืนสามัคคีรักชาติกันขนาดไหน ให้พี่น้องทั้งหลายได้ดู ต่างชาติเขาได้ดู เมืองไทยเราเป็นเมืองสง่างามมานานแล้ว เปิดความสง่างามให้โลกเขาได้เห็นบ้างซี นี่ละคือความพร้อมเพรียง ความรักชาติ ความสามัคคี เป็นพลังอันใหญ่โตให้เห็นอยู่ชัดเจนต่อหน้านี้ เมืองไทยเราจะไปรอดด้วยอำนาจแห่งความสามัคคี ความรักชาติทั้งหลายเหล่านี้ อย่างอื่นไม่มี
เราอย่าไปหวังพึ่งภายนอกเขา ชาติไหนภาษาใดก็ตามเราอย่าไปหวังพึ่ง มีคนไทยเราเท่านั้น ต่างคนจะอยู่ที่ไหนก็ตาม ในป่าในเขาในถ้ำเงื้อมผาที่ไหน ในเมืองในนา เป็นคนไทยด้วยกันทั้งชาติร้อยเปอร์เซ็นต์ ๆ จึงเปิดอกออกมาช่วยกันให้เต็มเหนี่ยวนะ เมืองไทยเราคราวนี้เป็นคราวสำคัญมาก จึงบอกให้พี่น้องทั้งหลายทราบ วันนี้หลวงตาเริ่มออกสนามแล้ว ให้พากันอัดให้เรียบร้อย และคำพูดทั้งหมดนี้ไม่ต้องตัดออก เอาให้เต็มเหนี่ยว สมกับว่าหลวงตานี้ออกสนามอย่างกล้าหาญชาญชัย ไม่สะทกสะท้านในสามแดนโลกธาตุนี้ หลวงตาไม่เคยสะทกสะท้านกับสิ่งใด กราบไหว้พระพุทธเจ้า พระธรรม พระสงฆ์ หลักใหญ่อยู่ตรงนั้น ทีนี้ก็มาทำประโยชน์ให้ชาติไทยของเราด้วยความเสียสละทุกสิ่งทุกอย่างแล้ว
วันนี้เราขอเปิดอกให้พี่น้องทั้งหลายทราบว่า การมาช่วยชาติไทยคราวนี้เราไม่ได้มาช่วยธรรมดา เราสละชีวิตจิตใจทุกสิ่งทุกอย่างมาช่วยเต็มกำลังความสามารถ ตั้งแต่เราเสาะแสวงหาธรรมมา เอ้า เริ่มต้นย่อ ๆ ให้ฟังจากเรียน เรียนหนังสืออยู่ ๗ ปี ออกจากนั้นก็ขึ้นเวทีต่อกรกับกิเลส ฟัดกันถึง ๙ ปีเต็ม ไม่มีกรรมการแยก ใครดีให้อยู่ ใครไม่ดีให้ตกเวที แล้วไม่มีการให้น้ำกันด้วย เอาขนาดนั้นนะ กองทุกข์ของเราคือฆ่ากิเลสนี้ เราทุกข์แสนสาหัส ในชีวิตของเรานี้มีอันเดียวคือการฆ่ากิเลส วันนี้ได้เปิดอกให้พี่น้องทั้งหลายได้ทราบเสียว่า การฆ่ากิเลสฆ่ายากไหม จะข้ามกิเลสลงให้อยู่ใต้มหาวิมุตติข้ามยากไหม ขนาดนั้นละ ฟาดเสียจน ๙ ปีเต็ม
ยกตัวอย่างขึ้นมาเลย ปี ๒๔๙๓ แรม ๑๔ ค่ำ เดือนหกเพ็ญ มีท่าน..นี่ไปด้วย อยู่วัดดอยธรรมเจดีย์ คืนวันนั้นห้าทุ่มเป๋งพอดี ฟัดกันกับกิเลส กิเลสหงาย เผาศพกิเลสในคืนวันนั้นเวลาห้าทุ่มเป๋งพอดี อยู่วัดดอยธรรมเจดีย์ จังหวัดสกลนคร ปี ๒๔๙๓ จากนั้นมายังไม่ได้ลงเวที หมู่เพื่อนเกาะพรึบตั้งแต่บัดนั้นมาจนกระทั่งบัดนี้ไม่มีเวลาว่างเลย นี่เราเสาะแสวงหาธรรมเต็มกำลังความสามารถ เอาชีวิตเข้าแลกประกันไม่มีอะไรเหลือเลย คิดดูถ้าเป็นนักมวยไม่มีกรรมการแยก ไม่มีการให้น้ำ ใครเก่งให้อยู่บนเวที ใครไม่เก่งให้ตกเวที เราได้ทำมาอย่างนั้นเต็มหัวอกของเราเต็มชีวิตของเรา
เราจึงเปิดให้พี่น้องทั้งหลายทราบว่า การมาเป็นผู้นำของพี่น้องทั้งหลาย ไม่ได้มาเป็นผู้นำอย่างธรรมดานะ เรามาเป็นผู้นำด้วยความเสียสละทุกสิ่งทุกอย่างแล้ว ถึงผลแห่งความอิ่มพอภายในใจของเรา ใจของเรานี้เต็มแล้วด้วยธรรมทั้งหลาย เราไม่เสาะแสวงหาธรรมอีกแล้ว เพราะธรรมกับใจเป็นอันเดียวกันแล้วมาตั้งแต่ปี ๒๔๙๓ เราครองธรรมประเภทนี้มาได้ ๔๙ ปีนี้แล้ว เราได้เปิดอกสอนโดยลำดับลำดา แต่ไม่เคยเปิดตัวพยานออกมาเท่านั้นว่า เราได้รู้อย่างนั้น เราได้เห็นอย่างนี้ ปี ๒๕๔๐-๔๑ นี้เราได้เปิดเสียแล้วว่าเรารู้อย่างนั้นจริง ๆ ดังที่สอนเทศน์ในเทปก็ดี ในหนังสือก็ดี เราได้พูด เราได้เห็นอย่างนั้น เราได้รู้อย่างนั้น เราได้เทศน์อย่างนั้นจริง ๆ ปีนี้เป็นปีเปิดเผยแล้ว เพราะจวนตายแล้วเก็บไว้หาประโยชน์อะไร
พระพุทธเจ้าสอนธรรมเพื่อรู้ธรรม สอนมรรคผลนิพพานเพื่อรู้มรรคผลนิพพาน สาวกทั้งหลาย พุทธบริษัททั้งหลายปฏิบัติตามพระพุทธเจ้าเพื่อมรรคผลนิพพาน เมื่อรู้แล้วเห็นแล้วเรื่องมรรคผลนิพพาน เอามรรคผลนิพพานมาพูดไม่ได้เหรอ จะให้กิเลสเย็บปากกันหมดเหรอ เย็บปากกิเลสให้มันแหลกเป็นไร พระพุทธเจ้า พระสาวกอรหันต์ท่านเย็บปากกิเลสทั้งนั้นแหละ
พวกเรามีแต่พวกกิเลสเย็บปาก พอว่าได้พูดถึงเรื่องอรรถเรื่องธรรมเล็กน้อยนี้หัวเราะแยะ ๆ คือกิเลสมันดูถูกเหยียดหยามเราเรารู้ไหม นี่ให้กิเลสมา กิเลสตัวไหนเก่งให้มา ในสามแดนโลกธาตุให้กิเลสตัวไหนมา หลวงตาจะฟาดปากมันแหลกหมดเลย เพราะหลวงตาได้เหยียบมันมาได้ ๔๙ ปีนี้แล้ว ไม่มีซากกิเลสเหลืออยู่ภายในใจ ครองบรมสุขตั้งแต่บัดนั้นมาจนกระทั่งป่านนี้ เป็นแต่เพียงไม่บอกว่าครองบรมสุขเท่านั้น
ทุกข์ในหัวใจเราขาดสะบั้นไปตั้งแต่บัดนั้นจนกระทั่งป่านนี้ ไม่มีทุกข์ตัวใดที่เกิดจากอำนาจของกิเลสที่จะมาแสลงแทงใจเราให้เห็น นอกจากทุกข์ตามธาตุตามขันธ์ เป็นธรรมดาของโลกสงสารเขามีได้ด้วยกันนั้นแหละอันนี้ พระพุทธเจ้าก็มีได้ สาวกก็มีได้ แต่ไม่สามารถที่จะเข้ากระเทือนจิตใจของท่าน
เมื่อได้เสาะแสวงหาธรรมเต็มเม็ดเต็มหน่วยจนกระทั่งว่าพอแล้วกับความต้องการทุกสิ่งทุกอย่าง ลงมาจากเวทีแล้วด้วยความอาจหาญชาญชัย ด้วยความสง่างาม ด้วยความภูมิใจ เพราะไม่มีอะไรบกพร่องอีกแล้วในหัวใจของเรา จึงได้หันหน้ามาสอนโลกสงสารเรื่อยมา จนกระทั่งปีนี้เป็นปีสุดท้าย เป็นปีสำคัญของเรา ได้มาเสียสละชีวิตทุกสิ่งทุกอย่าง เพื่อช่วยพี่น้องทั้งหลายชาวไทยเรา ที่เห็นว่าอยู่ในขั้นวิกฤตการณ์ ขั้นที่จะเข้าขั้นแห่งความล่มจมได้
มองไปไหนก็มองไม่เห็น ใครจะเป็นผู้นำชาติไทยของเรานี้ให้ขึ้นจากหล่มลึก มองไปที่ไหนก็มีแต่ตีบตันอั้นตู้ ๆ ใครจะเป็นผู้สามารถยกได้ มองไปไหนก็ไม่เห็น ๆ สุดท้ายก็มาโดนเอาหลวงตาบัว หลวงตาบัวมีช่องแคบ ๆ เท่านี้ มองดูเอาช่องแคบ ๆ เท่านี้แหละ วาสนาน้อยไม่ได้กว้างขวางอะไร ช่องแคบ ๆ แต่ช่องนี้เป็นช่องแห่งความปลอดภัย มีเท่าไรไหลเข้าสู่คลังหลวงทั้งหมด ไม่มีตกค้างตรงไหนเลย
ไอ้ช่องกว้าง ๆ มันลงทะเลหลวง ลงพุงหลวงไปเสียมากต่อมาก แล้วเมืองไทยเรานี้เป็นยังไง เนื้อหนังมังสังสมบัติเงินทองข้าวของเราขนเข้าเมืองไทยแล้วมันไหลไปไหนหมด ถ้าไม่ไหลลงทะเลหลวงมันไปไหนหมด นี่จึงติดประกันเอาไว้ไม่ให้มันไหลลงพุงหลวง ไหลลงทะเลหลวง จะให้เข้าคลังหลวงโดยถ่ายเดียวเท่านั้น จึงต้องได้พิถีพิถันเอาชีวิตเข้าแลกในการรักษาสมบัติพี่น้องทั้งหลายบริจาคมานี้
ทุกบาททุกสตางค์ทุกดอลลาร์จะอยู่ในความรับผิดชอบของเรา บัญชีเงินเราเป็นผู้ถือเอง เงินก็ดี ทองก็ดี เราเป็นผู้รับผิดชอบเป็นผู้ชี้ขาดในการเก็บการจ่ายทั้งหมด ไม่ให้มีใครมายุ่งเราเลย เพื่อรักษาความปลอดภัย เพื่อรักษาความรั่วไหลแตกซึมต่าง ๆ ที่เคยเห็นมาแล้วเข็ดหลาบ จนประเทศไทยของเราจะล่มจมก็เพราะอันนี้ละ จนเกิดความเข็ดหลาบ เราจึงได้ระมัดระวังรักษาอย่างนั้นเรื่อยมา
นี่ก็ได้มาประกาศตนให้พี่น้องทั้งหลายทราบแล้วว่า เราช่วยชาติไทยของเราคราวนี้ เราช่วยด้วยความอิ่มพอ อิ่มพอทั้งทางอรรถทางธรรม จตุปัจจัยไทยทานภายนอกเราทำประโยชน์ให้โลกหมด ตั้งแต่สร้างวัดป่าบ้านตาดมานี้ได้ ๔๓ ปี เงินทองข้าวของมีมากขนาดไหนเราไม่เคยเก็บ แม้นิดหนึ่งไม่เคยเก็บเลย สละออกเพื่อทำบุญให้ทานทั่วโลกเมืองไทยเรา ไม่ว่าภาคไหนเราช่วยทั้งนั้น ๆ
เริ่มต้นตั้งแต่ช่วยสงเคราะห์คนทุกข์คนจน โรงร่ำโรงเรียนสร้างให้เป็นหลัง ๆ จากนั้นก้าวเข้าสู่โรงพยาบาล แม้ที่สุดในเรือนจำก็ยังมี เราไปสร้างให้ตึกใหญ่ ๆ ในเรือนจำ เช่นอย่างลาดยาวอย่างนี้ อย่างอุดรฯ นี้เราก็ไปสร้างให้ อย่างนี้ละสงเคราะห์โลกเรื่อยมาจนกระทั่งบัดนี้เป็นเวลา ๔๓ ปี ถ้าคิดเป็นเงินจะประมาณสักเท่าไร ว่าหลายร้อยล้านเราไม่อยากพูด ถ้าว่าหลายพันล้านเราเต็มใจที่จะพูดด้วย ที่นำเงินจากวัดป่าบ้านตาดนี้ไปสงเคราะห์โลกทั้งหลาย เราไม่เคยเก็บ นี้เราก็ยังไม่จุใจเรา คราวนี้เป็นคราวที่เราทำอย่างเต็มเหนี่ยว เรียกว่าเอาให้เต็มใจ เอาให้จุใจ ขอให้พี่น้องทั้งหลายได้ทำความจุใจทุกท่านนะ
เราได้สละชีวิตเลือดเนื้อทุกสิ่งทุกอย่างมาแล้วเพื่อชาติไทยของเรา ชีวิตจิตใจเวลานี้อยู่กับชาติไทยทั้งนั้น สำหรับเจ้าของจะตายเมื่อไร ความเป็นกับความตายไม่มีน้ำหนักต่างกันเลย จะตายเมื่อไรเราพร้อมแล้ว จะเป็นอยู่เราก็อยู่อย่างนี้ละ แง่หนักแง่เบาในความเป็นความตายของเราไม่มี แต่แง่หนักในความห่วงใยชาติบ้านเมืองของเรานี้เต็มหัวอก ครอบโลกธาตุแล้วด้วยความเมตตา ยังมาครอบเมืองไทยอีก เต็มเมืองไทยเรานี้ มีแต่ความเมตตาหลวงตาบัวซ่านไปหมด
เราพูดให้เต็มเหนี่ยวเพราะหัวใจเราเป็นอย่างนั้นจริง ๆ เราไม่มีอะไร มีแต่ความเมตตาต่อโลกเท่านั้น อย่างอื่นที่เป็นพิษเป็นภัยในหัวใจเราได้บรรลัยลงไปแล้วตั้งแต่ปี ๒๔๙๓ ไม่มีอะไรเหลือแล้ว เวลานี้เหลือแต่คุณธรรม มีมากมีน้อยก็จะทำประโยชน์ให้โลกเต็มกำลังความสามารถของตน แล้วคราวนี้เป็นคราวสำคัญของพี่น้องทั้งหลายชาวไทยเราด้วยนะ ขอให้ต่างคนต่างตื่นเนื้อตื่นตัว
คราวนี้เป็นคราวสำคัญ ถ้าหากว่าผ่านคราวนี้ไปไม่ได้แล้ว ตั้งเนื้อตั้งตัวไม่ได้แล้วจะไม่มีหวังนะ ต่อไปนี้ใครที่จะเป็นผู้ที่มานำอีก แล้วจะเป็นแบบอย่างนี้อีกต่อไป จะเป็นไปได้ยากนะ ดีไม่ดีเมืองไทยเราจะจมด้วยความเฉื่อยชา เพราะฉะนั้นขอให้ตั้งเนื้อตั้งตัวตื่นเนื้อตื่นตัวทุกคน
ใครอยู่ที่ไหนก็ตามเราเป็นคนไทย มีบาทหนึ่งสองบาทก็ตาม เรามีบาทหนึ่งให้สองสลึง มีสองบาทให้หนึ่งบาท คนทุกข์คนจนเราอย่าเอาเศรษฐีมาเปรียบมาเทียบนะ เศรษฐีมีเงินเป็นกี่ล้านก็ตาม เขาไม่มาสละให้ทานไม่เกิดประโยชน์อะไร เศรษฐีคนนั้นสู้คนจนมีเงินสองบาทมาทานบาทหนึ่งไม่ได้ เราเอาตรงนี้นะ คุณค่าอยู่กับการเสียสละ คุณค่าไม่ได้อยู่กับความตระหนี่ถี่เหนียว
ความตระหนี่ถี่เหนียวนี้ไปไหนร้อนเป็นฟืนเป็นไฟไปหมดนั่นแหละ ตัวเศรษฐีเองผู้มีเงินเป็นล้าน ๆ หลาย ๆ ล้านด้วยความตระหนี่ถี่เหนียวจะหาความสุขไม่ได้ คนที่มีธรรมในใจ มีความเสียสละ มีความจงรักภักดี มีความเมตตาสงสารนั้น มีมากมีน้อย(เงิน)เป็นความสุขได้ทั้งนั้น ครอบครัวนั้นมีความสุขถ้าครอบครัวไหนมีธรรม ถ้าไม่มีธรรมแล้วมีเท่าไรไม่มีความสำคัญอะไรมาก
ประสากระดาษ ประสาแร่ธาตุต่าง ๆ เอามาเสกสรรปั้นยอว่า นี่เงินเท่านั้นบาท นี้เงินเท่านั้นสองสลึง นี้เงินเท่านั้นดอลลาร์ อันนั้นทองคำ เสกกันไปแล้วก็มาตื่นเงาตัวเอง ตื่นลมตื่นแล้งตัวเองว่า เรามีเท่านั้น เรามีเท่านี้ เวลาตายไปแล้วกระดูกไม่เห็นติดเนื้อติดตัวไปมันคิดบ้างไหม มีอะไรติดเนื้อติดตัวไป มีแต่ลมแต่แล้งเท่านั้นเองไม่เกิดประโยชน์อะไร เพราะฉะนั้นเสียสละซี เพื่อให้เป็นประโยชน์แก่ตนเอง
พระพุทธเจ้าทุก ๆ พระองค์ทรงชมเชยเรื่องการเสียสละ ทำบุญให้ทานทุกสิ่งทุกอย่าง พระเมตตาธรรมอยู่กับพระพุทธเจ้าทั้งหมด ไม่เคยสอนใครให้มีความตระหนี่ถี่เหนียว เพราะมันเป็นภัยต่อโลก เป็นภัยต่อผู้เป็นเจ้าของมามากต่อมากนานแสนนานแล้ว ให้เห็นภัยต่อมัน นี่คือคำสอนของพระพุทธเจ้าทุก ๆ พระองค์ท่านสอนอย่างนี้ แล้วสอนคุณค่าแห่งการเสียสละ แห่งความเมตตาซึ่งกันและกัน แห่งความไว้วางใจ แห่งความให้อภัยกัน
มนุษย์เราอยู่ร่วมกันต้องให้อภัยกัน อย่าถือสีถือสากันอย่างง่ายดาย ไม่ดีไม่ถูก นี่พระพุทธเจ้าสอนอย่างนี้ ความเสียสละเพื่อชาติของเรานี่ยิ่งเป็นของสำคัญ การให้ทานเพื่อชาตินี้มีอานิสงส์อันยิ่งใหญ่ทีเดียว เรียกว่ามหาทาน เราให้ทานคนนั้นคนนี้ ให้ทานมามากมาน้อยเพียงไรก็ตาม เรียกว่าเป็นทานธรรมดา ๆ แต่ทานนี้เราทานเพื่อชาติจึงกลายเป็นมหาทาน มีมากมีน้อยมีอานิสงส์มากที่สุด
เราเกิดมาเรายังไม่เคยทำมหาทานต่อชาติของเรา คราวนี้เป็นคราวสำคัญของเราแล้ว ให้ทำให้เป็นมหาทานมหากุศลนะ เราอย่าเสียดายในสิ่งที่ให้ไปเพื่อเป็นกุศล ให้เราเสียดายที่ความตระหนี่ถี่เหนียวมันเก็บไว้นั้นน่ะ เสียดายให้เอาออกมาทาน เราอย่าเสียดายในสิ่งที่เราเสียสละแล้วจะเป็นสิริมงคลแก่เราทั้งชาตินี้และชาติหน้า
อันความตระหนี่ถี่เหนียวนั้นไม่ได้ทำประโยชน์ให้ใครนะ ให้เสียดายที่ความตระหนี่กวาดต้อนไว้นั้น ให้ลากออกมา ๆ อย่างนี้เป็นมงคล ให้พี่น้องทั้งหลายจำไว้นะ ความตระหนี่ถี่เหนียวนี้มันล้นโลกล้นสงสาร โลกทั้งหลายถึงได้ร้อน เพราะความตระหนี่ถี่เหนียว โลกไม่ได้ร้อนเพราะความเสียสละซึ่งกันและกัน ความเมตตา ความให้อภัยซึ่งกันและกัน เพราะความเห็นแก่ตัว ความคดความโกง ความรีดความไถนี่ออกมาจากความโลภไม่มีวันพอนี้แหละ มันเป็นตัวสำคัญ นี่ละมันทำลายโลกมานานแสนนาน พระพุทธเจ้าสอนกังวานมานี้ได้ ๒,๕๐๐ ปีนี้แล้ว พวกเราตื่นตัวแล้วยัง ให้พากันตื่น เอา ๆ ให้เต็มที่
เวลานี้สักขีพยานของเราคือชาติไทยของเรา กำลังอยู่ในวิกฤตการณ์ ใครจะช่วยวิธีไหนให้ช่วยนะ เอาให้เต็มสติกำลังความสามารถ อย่าให้ชาติเพื่อนบ้านเขามีชี้หน้าด่าทอเสียเกียรติอย่างที่สุดเลย แม้แต่หน้าเด็ก เด็กก็มีคุณค่าเด็กมีราคา ไปชี้หน้าเด็กด้วยการด่าทออย่างนี้ เด็กจะร้องไห้ทันทีเลย ทีนี้หน้าคนไทยเรามีหน้าทุกคน ๆ คนไทยทั้งประเทศมีหน้าด้วยกันทุกคน ให้เขามาชี้หน้ามันเสียเกียรติที่สุดเลย เมืองไทยมีหรือไม่มีก็ไม่มีความหมายถ้าลงเขาได้ชี้หน้าแล้ว
เพราะฉะนั้นจงเอาให้เต็มเหนี่ยว อย่าให้เขาชี้หน้า เขามาดูเมืองไทยเราเวลานี้เขามาดูด้วยความก้มนะ เขาดูถูกเหยียดหยามว่าเมืองไทยนี้ต่ำต้อยน้อยหน้า เป็นเมืองคนทุกข์คนจน เขาดูด้วยวิธีก้มหน้า ให้เราพลิกตัวของเราให้เต็มเหนี่ยว แล้วให้เขามามองดูเมืองไทยเราแล้วแหงนหน้าขึ้นนี้ เพราะเมืองไทยเรามันสูงนี่ แหงนขึ้นฟาดเสียจนคอหักเป็นไรพวกมามองดูเมืองไทยเรา ทีแรกเขาดูต่ำ ๆ เมืองไทยเราสูงขึ้นเรื่อย ๆ ต้องแหงนขึ้นเรื่อย ๆ แหงนสุดท้ายคอมันหัก เอาให้เมืองนอกเขาคอหักบ้างซิ จำให้ดีนะคำนี้ เอาให้จริงให้จัง
นี่เราได้มาประกาศให้พี่น้องทั้งหลายทราบว่า เวลานี้หลวงตาบัวได้ออกแนวรบแล้ว รบกับอะไร รบกับความจนของประเทศไทยเรา เราไม่รบกับผู้ใดแหละ เรารบกับความจนของประเทศไทยเราให้ฟื้นฟูขึ้นมา อย่างน้อยให้ตั้งตัวได้ มากกว่านั้นให้สมบูรณ์พูนผล ด้วยความเสียสละทุกสิ่งทุกอย่าง เวลานี้มอบหมดแล้ว
แล้วใครจะมาว่าอะไรก็ตามเราไม่สนใจ ความแพ้ความชนะของเราไม่มี เราจะทำเป็นคู่แข่งขันกับใครเราก็ไม่เคยทำ เราไม่เคยมีในหัวใจ มีแต่ความเมตตาล้วน ๆ ครอบโลกธาตุอยู่นี้ ความแพ้ความชนะ ความแข่งขันแข่งดีแข่งเด่นของเราไม่มี ใครอย่าเอามาแข่งเราไม่มีความหมายละ ความแข่งอันนั้นไม่มีความหมาย เพราะธรรมไม่เคยสนใจกับเรื่องโจรเรื่องมารความแข่งความขันอย่างนั้นใช้ไม่ได้ ให้ต่างคนต่างแข่งขันกันในทางความดี แข่งขันกันในทางความเสียสละ เพื่อชาติบ้านเมืองของเราอยู่คงเส้นคงวา นี้เป็นความเสียสละ เป็นความแข่งขันอันเป็นมงคล อย่างอื่นไม่เป็น วันนี้พูดเพียงเท่านี้ก็เห็นว่าพี่น้องทั้งหลายจะพอเข้าใจกัน
แล้วนี่เป็นครั้งปฐมฤกษ์ของเรานะ อย่าเข้าใจว่าทำครั้งนี้แล้วจะแล้วนะ เหมือนกับเรารับประทาน เรารับประทานนั้นน่ะ เราอย่าเอาความอิ่มมาตั้งเป็นขีดขั้นเอาไว้นะ ให้เราเอาการรับประทาน ดูไปสังเกตไป มีความเปรี้ยวหวานเผ็ดเค็มอะไร เราจะรู้ในปากในท้องในลิ้นของเรานั่นละ อิ่มมากน้อยเพียงไรเราจะรู้ พออิ่มเต็มที่แล้วเราก็รู้เอง
นี่เมืองไทยของเราอย่าว่าเมื่อไรจะสำเร็จ เมื่อไรจะดี เราอย่าไปคำนึง หาอาหารคือเหล่านี้แหละ ตั้งอยู่นี้ พวกทองคำ พวกดอลลาร์เหล่านี้คืออาหารของประเทศไทยของเรา หามาหนุน ๆ เมื่อเต็มคลังหลวงของประเทศไทยแล้วเรียกว่าอิ่ม เอาละหยุดได้ ไม่หยุดหลวงตาบัวจะขอร้องให้หยุด แต่เวลานี้ขอร้องให้ช่วย ยังไม่หยุด เอาให้เต็มเหนี่ยวนะ
ตะกี้นี้ได้พูดถึงเรื่องว่ากาลนี้เป็นกาลเริ่มต้นนะ เมื่อยังไม่พอต้องช่วยกันไปเรื่อย ๆ อย่างนี้ อย่าเข้าใจว่ามาทำครั้งนี้แล้ว แล้วแล้วนะ เหมือนกับเรารับประทานเมื่อไม่อิ่มแล้วหยุดไม่ได้ อันนี้เมื่อเมืองไทยเราไม่เพียงพอกับความต้องการพอทรงตัวได้แล้ว เราก็หยุดไม่ได้เหมือนกัน ให้ต่างคนต่างขวนขวาย อันนี้เป็นการดำเนินของเราเพื่อชาติ
วันนี้บรรดาพี่น้องพระเณรทั้งหลายก็มา ส่วนมากมักจะเป็นสายหลวงปู่มั่นนะที่มานี่ ลูกศิษย์ลูกหาเรานี้ส่วนมากเป็นสายหลวงปู่มั่นมา กรรมฐานวัดต่าง ๆ ประกาศกันให้รู้ข่าวรู้คราวแห่งกาลมหากุศลของชาวไทยเรา ท่านก็เป็นคนไทยท่านก็ต้องได้มาช่วยเต็มกำลัง อยู่ในป่าในเขาท่านยังอุตส่าห์มา เราอยู่ในบ้านในเมืองใกล้กับเงินกับทองทำไมจะไม่ได้มีอย่างเหรอ ขายขี้หน้า อย่าให้ขายขี้หน้าในตลาดเงินนะ
เมืองไทยเราความสามัคคีเป็นสำคัญมากนะ หมดทั้งเมืองไทยเราถ้าต่างคนต่างช่วยเหลือกันทุกแห่งแล้ว เมืองไทยจะฟื้นขึ้นอย่างได้เร็วนะ อย่างรวดเร็วที่สุด อย่าเห็นว่านั้นเป็นพวกนั้น นี้เป็นพวกนี้ นี้คือพวกทำลายชาติ พวกเดียวกันนั่นแหละคนไทย เพื่อจะยกชาติไทยอย่างเดียวกัน นี้เป็นความแน่นหนามั่นคง
ผ้าป่าทองคำวัดสาขาฯ ทอดเมื่อ ๑๗ พ.ค. ๔๑
ทองคำแท่ง ๒๐ ก.ก ๖๘ กรัม ทองเส้น ๓๑๔ บาท รวมแล้วน้ำหนัก ๒๕ ก.ก.กว่า คิดน้ำหนักบาทได้ ๑,๘๔๕ บาท ดอลลาร์ ๑๘,๐๑๒ ดอลลาร์ เงินไทย ๕๓๙,๔๘๐ บาท
เราไม่ได้คิดเล็ก ๆ น้อย ๆ นะ เราคิดว่ายกชาติไทยของเราคราวนี้ ทองคำนี้ต้องเป็นตัน ๆ ขึ้นไปเลย เราไม่ได้คิดเป็นร้อย เราต้องคิดเป็นตันขึ้นไปเลย เป็นตัน ๆ ขึ้นไปเลย อันนี้ยังไม่รวมที่เก็บไว้ในตู้นิรภัยสองแห่ง ทางกรุงเทพ ฯ ทางอุดรฯ ยังไม่ได้รวมกันเลย มาหลายครั้งหลายหนมันขึ้นของมันเอง ขึ้นเรื่อย ๆ เวลานี้ขึ้นเรื่อย ๆ ดอลลาร์นี้เรากะไว้แล้วว่าไม่ต่ำกว่าล้าน รวมทุกแห่งไม่ต่ำกว่าล้าน เวลานี้ตั้งล้านไว้เลย คิดว่าล้านแล้ว ตอนที่มาจากกรุงเทพยังไม่ถึงล้านนะ รวมทั้งทางนี้ทางโน้นถึงล้าน แต่กลับมานี้ก็นานแล้วยอดน่าจะเป็นล้านดอลลาร์
อย่างไรก็ตามเมื่อเราเห็นสมควรจะมอบเมื่อไร เราก็มอบเอง แน่ใจแล้วเราถึงจะมอบ มอบเมื่อไรก็ได้นี่ ของมีเพื่อจะมอบอยู่แล้ว มอบเมื่อไรก็ไม่สำคัญ ทองเราก็เหมือนกัน เราจะต้องไปหลอมให้เป็นแท่ง ๆ ให้เรียบร้อยทุกอย่างแล้วก็จะเข้านะ ไม่ใช่จะเอาเข้าสุ่มสี่สุ่มห้านะทอง ต้องเป็นทองแท่ง ๆ มาตรฐาน เข้าเลย นี่เราก็ต้องเก็บไว้ที่ตู้นิรภัย เมื่อถึงกาลเวลาจะออกแล้วออกเอง มันพร้อมอยู่ที่เรานี่ เมื่อเราเห็นพร้อมแล้วก็ออกได้เลย
เงินนี้เป็นเงินพระนะ ไม่ได้เหมือนเงินธรรมดาของคนทั่ว ๆ ไป นี้รวมเข้ามามาให้เราแล้ว กลายเป็นเงินพระไปแล้ว เป็นเงินสงฆ์ด้วย ไม่ใช่เงินพระธรรมดาเป็นเงินสงฆ์ พระพุทธเจ้าเป็นเจ้าของสมบัตินี้ด้วย เพราะฉะนั้นใครจึงมาทำสุ่มสี่สุ่มห้าไม่ได้ ตกนรกไม่มีวันขึ้นเลย เรื่องนี้กรรมหนักนะ เพราะมหากุศลของชาตินี่นะ จะทำเล่น ๆ ได้เหรอ จมอย่างไม่มีวันฟื้นเลย หมดทางเลยว่างั้นเถอะน่า ถ้าใครมาแตะมายุ่งกับเงินเหล่านี้ เพราะมันเป็นบาปหนัก กรรมหนักจริง ๆ ไม่ใช่ธรรมดา ไม่ได้เหมือนเงินทั่ว ๆ ไป สงฆ์ยกให้เพื่อชาติ นั่นมีแต่เรื่องใหญ่ ๆ ทั้งนั้น ฉะนั้นจึงได้เตือนไว้ให้ทราบทุกคน อย่ามาทำสุ่มสี่สุ่มห้าไม่ได้นะ
๑๗ พ.ค. ๔๑