หมอคู่ชีวิต
วันที่ 18 มกราคม 2541
สถานที่ : วัดป่าบ้านตาด
| |
ดาวน์โหลดเพื่อเก็บไว้ในเครื่อง
ให้คลิกขวาแล้วเลือก Save target as .. จาก link ต่อไปนี้ :

ค้นหา :

เทศน์อบรมฆราวาส ณ วัดป่าบ้านตาด

เมื่อวันที่ ๑๘ มกราคม พุทธศักราช ๒๕๔๑

หมอคู่ชีวิต

เมื่อเช้านี้กับเมื่อวานนี้ถ่ายบาตรพอ ๆ กัน ๑๗๕-๑๗๖ บาตรเหมือนกันเมื่อวานนี้ และวันนี้กับเมื่อวานนี้พอ ๆ กัน รับบาตรได้ไม่วิงเวียน รับได้ตลอดสายเมื่อเช้านี้ กับเมื่อเช้าวานนี้รับได้ตลอดสายเลยรับบาตร ถ้าธรรมดาไม่ได้ พอไปแล้วมันจะวิงเวียนมันจะบอก เราต้องรีบหนี แต่เมื่อเช้านี้กับเมื่อเช้าวานนี้แข็งแรงดีอยู่ รู้สึกว่าแข็งแรงขึ้นทุกวัน สังเกตเอากำลังสำคัญกว่าอย่างอื่น สังเกตเอากำลัง กำลังมันแข็งแรงขึ้นไปเรื่อย ๆ วิงเวียนก็ไม่มี สองวันสามวันนี้ไม่ปรากฏวิงเวียน คงจะหายดีแล้ว

นี่ละหมอใหญ่ หมอเอาชีวิตหลวงตาไว้ได้ ยืนขึ้น ๆ ให้เขาเห็นหน่อยซิ นี่ละหมอใหญ่ที่เอาชีวิตของหลวงตาไว้ได้ ไม่งั้นหลวงตาจะไปไม่นาน เพราะมันอ่อนลง ๆ นี่เอาไว้ได้ จึงว่าหมอคนนี้เป็นหมอสำคัญ หมอคู่ชีวิตของหลวงตาแหละ ไม่งั้นไม่อยู่จริง ๆ เพราะไม่สนใจกับยาอะไรเลย ฉันยาลงไป ๆ นี้เฉย ถ่ายลงไปเรื่อย ๆ อ่อนลง ๆ คิดดูซิเดินมาจากกุฏิมาศาลานี้ก็จะไม่ถึงแล้ว อ่อน โซซัดโซเซไป พอฉันยานี้มาได้สิบกว่าวันก็ค่อยปรากฏในระยะนี้เด่นขึ้น ๆ ชัดเจน แน่ใจว่าหาย ถ้ายังจะตายอยู่ก็ไม่ต้องกุสลาให้นะ ถึงขนาดนี้มันยังจะตายอยู่ ไม่ต้องกุสลาให้ มันอยากไปให้ไปเลยบอกอย่างนั้น

โรคอันนี้เป็นโรคสำคัญมาก ไปหมอไหน ๆ นี่เถ้าแก่ใหญ่นี่ไปหมอไหน ๆ เขาไล่ออกจากโรงพยาบาล คือไม่มีสาเหตุอะไร ตรวจอะไรไม่พบ ๆ แต่คนจะตายลงไปทุกวัน ๆ แบบเดียวกับเรา ไปหมอไหน ๆ เขาก็ไล่หนีจากโรงพยาบาล เขาเอายาให้สักเม็ดหนึ่งสองเม็ดแล้วก็ไล่ออก ๆ

เราก็เหมือนกันไปตรวจที่ไหนก็ไม่ได้เรื่อง ไม่ได้มีสาเหตุอะไรเลย เงียบ ๆ แต่คนนั้นถ่ายตลอด ถ่ายแล้วอ่อนลง ถ่ายเมื่อไรอ่อนเมื่อนั้น อ่อนลง ๆ จนจะก้าวขาไม่ออก คิดดูเดินจากกุฏิมาศาลาเท่านั้นนอกนั้นไม่ไป ครัวก็ไม่ไป ไม่ไปครัวมาหลายเดือนแล้วนะ บางทีก็เดินเข้าไปครัวไปดูนั้นดูนี้ ๆ แล้วก็ผ่านออกมา จากนั้นมาหลายเดือนไม่ไปเลย ไม่มีกำลังที่จะไป เดี๋ยวนี้ไปได้ แข็งแรงขึ้นแล้ว รู้สึกมีกำลังเจ้าของเอง เดินจงกรมนี่กึ๊ก ๆ เดินสบายเต็มก้าว เดินจงกรมในป่า

ทางจงกรมในป่าว่าจะได้รื้อทิ้งแล้ว เหมือนว่าจะได้ลาโลกเร็ว ๆ นี้แหละ จะไม่ทันออกพรรษา กำหนดไว้แล้วว่าถ้าโรคนี้ไม่หาย จะไม่ทันออกพรรษา อย่างมากในพรรษาจะไปแล้ว แล้วทีนี้หมอใหญ่ก็มาดึงขึ้นพ้นจากความตายตรงนี้ ผ่านไปได้ เพราะฉะนั้นขอให้พี่น้องทั้งหลายระลึกไว้ หมอคนนี้เป็นหมอคู่ชีวิตของหลวงตา เมื่อหลวงตายังอยู่ก็จะทำประโยชน์ไปอีกไม่น้อย จนกระทั่งถึงวันตายดังที่เราพูดเมื่อวานนี้ เราตั้งใจทำประโยชน์ให้โลกเต็มกำลังความสามารถของเราในชาตินี้ เราบอกตรง ๆ เลย

เราอาจหาญในการที่จะพูดทุกอย่าง ธรรมะของพระพุทธเจ้าเป็นของจริงพูดไม่ได้มีเหรอ ของปลอมมันเกลื่อนเต็มตลาดทำไมไม่เห็นขัดข้องในหัวใจ พอพูดธรรมะเป็นของจริงขึ้นมา กิเลสมันต้านทานแล้ว ๆ แสลงแล้ว ๆ เป็นคู่เดือดคู่แค้นกัน กิเลสกับธรรมเป็นคู่เดือดคู่แค้นกันมาแต่ดั้งเดิม เพราะฉะนั้นธรรมจึงต้องมีไม่มีไม่ได้โลกอันนี้ ถ้าไม่มีธรรมแล้วฉิบหายหมด โลกไม่มีเหลือ

เราจะยกตัวอย่างให้ดูนะ คำว่ากิเลสกับธรรมเป็นยังไง ธรรมท่านตรงไปตรงมา กระโถนนี้มี ธรรมบอกว่ามี ศาลามีธรรมบอกว่ามี กิเลสบอกว่าไม่มีทั้งนั้น กิเลสตามลบตามล้างตลอด อะไรมีกิเลสจะลบล้างไม่ให้มี ๆ บุญไม่ให้มี บาปไม่ให้มี ให้สัตว์ทั้งหลายได้อาจหาญการทำความชั่วช้าลามกต่าง ๆ ไปได้ทุกอย่างไม่มีขัดข้องเลย กิเลสตามลบล้างตามรอย สวมรอย ๆ ตลอด นี่ละท่านเรียกว่ากิเลสเป็นข้าศึกของธรรม

ธรรมจึงต้องมีในโลก ไม่มีไม่ได้ คือกิเลสจะลบล้างไปหมด นรกมีมันก็บอกว่าไม่มี สวรรค์มีมันก็บอกไม่มีไม่ต้องขึ้น นรกมีมันก็บอกว่าไม่มีไม่ต้องตกนรก แล้วอยากจะทำอะไรก็ทำ ความอยากนั้นกิเลสเปิดทางไว้แล้วให้ทำตามทางของมัน นี่ละเรียกว่ากิเลส ให้พากันเข้าใจ กิเลสมันปิดตา เรียกว่ากิเลส ตาใสแจ๋วนี้แต่ไม่มองเห็นบาปเห็นบุญเห็นคุณเห็นโทษอะไรเลย นั่นเรียกว่ากิเลส

เรายกตัวอย่างให้เห็นอย่างนี้ละ อย่างที่ว่ากระโถนนี้มี กิเลสจะบอกว่าไม่มี ทั้ง ๆ ที่มีอยู่นี่เห็นอยู่นี่ กิเลสก็ลบล้างบอกว่าไม่มี ๆ นี่เรียกว่ากิเลสลบล้างธรรม อะไรมีมันบอกไม่มี อะไรดีมันบอกไม่ดี อะไรชั่วมันบอกไม่ชั่ว มันพลิกตาลปัตร ๆ อย่างนี้ เรียกว่ากิเลส อันนี้ละเป็นคู่เดือดคู่แค้นของธรรม ถ้าเป็นคนเราก็เรียกว่าเป็นคู่กรรมคู่เวรกัน

แต่นี้ธรรมกับโลก มืดกับแจ้ง เป็นของคู่กัน ไม่มีสว่างไม่ได้ ต้องมีแจ้งมีมืดเป็นคู่กันไปอย่างนี้ กิเลสเป็นความมืด ธรรมเป็นความแจ้งสว่าง เปิดหูเปิดตาให้เห็นตามความจริง ดังพระพุทธเจ้าท่านไปเห็นมาแล้ว เอากิเลสม้วนเสื่อลงหมดแล้ว เปิดโล่งไปหมด โลกวิทู รู้แจ้งโลก เห็นโลกชัดเจน เห็นอะไรเห็นหมด เห็นนรก เห็นบาปเห็นบุญ เห็นคุณเห็นโทษ เห็นสวรรค์นิพพาน ประจักษ์ในพระทัยหมดแล้ว นำมาสอนโลก กิเลสมันตามลบล้างว่าสิ่งเหล่านี้ไม่มี ไม่มีทั้งนั้น นี่ละถ้าใครเชื่อกิเลสตามกิเลสแล้วจะจมนะ

ให้พากันจำเอาไว้นะ ธรรมท่านพูดตามความจริง ๆ ตรงไปตรงมา ภาษาธรรมเป็นภาษาที่สะอาด ธรรมเป็นของสะอาด กิเลสเป็นของสกปรก ภาษาของมันกิริยาของมันที่แสดงออกมาสกปรกทั้งนั้น มอมแมมไปหมด โลกนี่ล่มจมเพราะกิเลสนี้มากต่อมากแล้วเรายังไม่เข็ดหลาบอีกเหรอ ให้พากันเข็ดหลาบ เชื่อธรรมนะ ธรรมบอกไว้ยังไง นั้นละเป็นความจริงแน่นอน ๆ กิเลสบอกตรงไหนนั้นละเป็นความจอมปลอม เป็นความโกหกแน่นอน ให้พากันจำเอาไว้

นี่หลวงตาก็ได้เอาของจริงออกมาพูดให้เห็นชัด ๆ นี่ละ อย่างที่พูดนี้ ทำให้เต็มความสามารถในเวลามีชีวิตอยู่นี้ เราทำเพื่อโลกเราไม่ได้ทำเพื่อเรา เราบอกตรง ๆ เลย เราพอทุกอย่างแล้ว ไม่มีอะไรบกพร่องแล้ว ในหัวใจนี้เต็มเปี่ยมแล้ว นี่ละพระพุทธเจ้าก็เต็มแบบนี้ พระสงฆ์สาวกทั้งหลาย พระพุทธเจ้าทุก ๆ พระองค์เต็มแบบเดียวกัน ไม่ต้องถามกัน รู้ในหัวใจทุกคน สนฺทิฏฺฐิโก ประกาศป้างขึ้นในหัวใจแล้วไม่ต้องทูลถามพระพุทธเจ้า เป็นแบบเดียวกัน รู้อย่างเดียวกัน เห็นอย่างเดียวกัน ไม่ต้องถามกัน ถามกันหาอะไร ต่างคนต่างรู้ ต่างคนต่างเห็นอยู่แล้ว อย่างเดียวกัน

นี่เราก็ไม่สงสัย ได้สร้างความดีมาเต็มเม็ดเต็มหน่วยเต็มสติกำลังความสามารถ เป็นที่ภูมิใจในการเสียสละชีวิต การประกอบความพากความเพียรฆ่ากิเลสนี่ฆ่ายากที่สุด เอาชีวิตเข้าแลกเลย เราจะเป็นจะตายในภูเขาไม่รู้กี่ครั้งมาแล้ว จนเขาตีเกราะประชุมไปดูเรา เขาว่าเราตายแล้ว นี่ละเอาความจริงออกมาพูด นี่ไม่ใช่ความปลอมนะ กิเลสมันจะหลอกว่าโกหก กิเลสมันจะเข้าสวมรอยทันที บอกว่านี่ไม่จริง

ไม่จริงยังไงก็เราเป็นคนทำเอง มาพูดเองผิดไปไหน กิเลสจะบอกว่าไม่จริง มันอยู่ในหัวใจคนนะกิเลสนะ ถ้าธรรมะเป็นของจริงพูดอะไรกิเลสจะไม่ยอมเชื่อ ๆ กิเลสจะปัดออก ๆ ทีนี้เราก็เชื่อไปตามทางกิเลสแล้วก็จมไป ๆ นี่ก็ได้พูดให้ฟัง การทำความดีเราทำมาเต็มเม็ดเต็มหน่วย เต็มสติกำลัง เสียสละชีวิต งานการอะไรในโลกนี้เราเคยทำมา หนักก็รู้ว่าหนัก เบารู้ว่าเบา แต่ไม่เคยสละชีวิตเพื่อมันนะ เพื่ออะไรทั้งนั้นละ เพื่องานเหล่านั้นไม่มีสละชีวิต แต่ทำความเพียรนี้สละตายเพื่อธรรมเท่านั้น สละไม่รู้กี่ครั้งกี่หน

จนเขาตีเกราะประชุมไปดูเรา เขาว่าเราตายแล้ว แตกบ้านแตกเมืองไป ฮือ ๆ ไป รุมไปดูเรา เขาว่าเราตายแล้วเพราะไม่ออกมาฉันจังหันนี่ ฟัดกันกับกิเลสอยู่ตลอด ถ้าฉันจังหันแล้วมันเหมือนกับรถบรรทุกของหนัก มันอืดอาดเนือยนายไม่คล่องตัว พอหยุดจังหันไม่ฉันจังหัน ร่างกายอ่อนลงเท่าไรจิตใจยิ่งดีดขึ้น ๆ จะเหาะเหินเดินฟ้านู่น ไม่ใช่ธรรมดานะ เพราะฉะนั้นเวลาจะฉันจังหันมันจึงทะเลาะกัน

ทะเลาะกันยังไง ธาตุขันธ์มันบอกว่าจะอดไปให้ตายเหรอ นี่จะอดข้าวเพื่อฆ่ากิเลสให้ตาย กิเลสยังไม่ตายเจ้าของจะตายก่อนรู้ไหม นั่นกิเลสมันขึ้น ทางนี้ก็ขึ้นแก้กันปุ๊บเลย ก็เคยกินมาแล้วตั้งแต่วันเกิดไม่เห็นวิเศษวิโสอะไร อดเท่านี้จะตายหรือ เอ้า ตายก็ตาย นั่นเห็นไหมมันแก้กัน นี่ละกิเลสกับธรรมแก้กัน แก้กันอย่างนี้ละ สุดท้ายก็มาเป็นหลวงตาบัวนี่ ได้ประกาศธรรมสอนโลกมาเต็มสติกำลังความสามารถ เพราะสละตายนั่นเองมาไม่รู้กี่ครั้งกี่หนแล้ว

เคยได้พูดให้ท่านทั้งหลายฟัง นั่งนี่ต้องขออภัย นั่งนี่ก้นแตก ฟังซินั่งภาวนาตั้งแต่หัวค่ำจนกระทั่งสว่าง ๆ ไม่รู้กี่คืน สุดท้ายก้นแตกเลอะหมดเลย กลางวันนุ่งสบงไม่ได้ ต้องนุ่งผ้าอาบน้ำ ก้นเลอะ พอถึงเวลาจะขึ้นเวทีแล้วไม่สนใจเลยกับก้นแตก ซัดกันกับกิเลสเลย นี่ละสละชีวิตมาเพื่อโลกเพื่อสงสารเพื่อตัวเองเป็นอันดับหนึ่ง และเพื่อโลกเพื่อสงสารเป็นอันดับต่อไป ได้สั่งสอนโลกมา เพราะฉะนั้นจึงอาจหาญไม่มีคำว่าสะทกสะท้าน

ใครไม่เห็นก็ตามในโลกอันนี้ เราเห็นคนเดียวพอแล้ว ใครไม่รู้ก็ตาม เรารู้คนเดียวพอแล้ว เราไม่สงสัยที่จะไปถามใครอีกแล้ว นั่นเป็นอย่างนั้น เรียกว่าของจริงพูดได้ พระพุทธเจ้าตรัสรู้เพียงพระองค์เดียว ประกาศธรรมสอนโลกได้สามแดนโลกธาตุไม่มีสะทกสะท้าน นั่นละของจริงเอาออกโชว์ได้สบาย ๆ แต่ของปลอมมันด้อม ๆ มอง ๆ หลบ ๆ หลีก ๆ หลอก ๆ ลวง ๆ นะ กิเลสมันหลอกลวง นี่เราก็ให้ทำเต็มสติกำลัง

ขอให้พี่น้องทั้งหลายอย่าลืมนะ คำที่ว่ากิเลสตามลบล้างธรรมเป็นอย่างนี้แหละ ดังที่ว่ากระโถนมี กิเลสจะบอกไม่มีทั้งนั้น ทั้ง ๆ ที่เห็นอยู่นี้แหละ กิเลสมันก็หลอกอยู่สด ๆ ร้อน ๆ บอกว่ากระโถนไม่มี ธรรมบอกว่ามี นรก บาป บุญ ก็เหมือนกันนี้ พระพุทธเจ้าว่าอะไรมีมันจะบอกไม่มี สิ่งที่พระพุทธเจ้าว่าไม่มีมันบอกว่ามี มันลบล้างกันอย่างนี้ให้พากันจำเอา นี้ละเป็นคู่กันกับธรรม

เพราะฉะนั้นธรรมจึงต้องมีในโลก ไม่มีไม่ได้ พระพุทธเจ้าองค์นี้ตรัสรู้ผ่านไปแล้ว องค์นั้นต้องมาแทนกัน แก้ความล่มจมของสัตวโลกที่กิเลสจะทำลาย เอามาแก้กันตรงนี้ ๆ เรื่อย ๆ เรื่อยไป ถ้าไม่มีอันนี้ไม่มีหวัง โลกมีหวังเพราะธรรม โลกมีหวังเพราะบุญเพราะกุศล นอกนั้นไม่มีหวัง เพราะฉะนั้นจึงต้องให้สร้างบุญสร้างกุศลเพื่อต้านทานสิ่งชั่วช้าลามก ที่จะทำลายเรา ให้มีความหนาแน่นมั่นคงขึ้นภายในจิตใจ มีหลักมีเกณฑ์เป็นที่ยึดที่เกาะ ตายแล้วดีดผึงเลย ไม่ต้องนิมนต์พระมากุสลาก็ได้ ขอให้ทำให้เต็มเม็ดเต็มหน่วยเถอะ หัวใจนี้

นี่พูดตรง ๆ หลวงตาบัวตายไม่ต้องนิมนต์พระมา กุสลา ธมฺมา ให้ลำบากนะ หลวงตาบัวจะไปเอง ดีดผึงด้วย อย่างอาจหาญด้วย ตายก็ตายอาจหาญไม่ได้สะทกสะท้าน เพราะความตายกับความเป็นอยู่เท่ากัน มีน้ำหนักเท่ากัน ไม่สะทกสะท้านกับความเป็นความตาย ที่รักษาธาตุขันธ์ไว้นี้รักษาเพื่อโลกเท่านั้นเอง ถ้าเพื่อเราแล้วทิ้งไปนานแล้วนะ เอาไว้ทำไมประสาถังขยะเฉย ๆ หวงมันไว้ทำไมกระดูก กองกระดูกที่ไหนก็มี เพราะฉะนั้นจงพากันสร้างบุญสร้างกุศลให้เป็นที่แน่ใจในตัวเอง

แน่ใจ สร้างบุญสร้างกุศลแล้วมีความพอ สร้างบุญสร้างกุศลนี้เมื่อเต็มหัวใจแล้วพอ วุสิตํ พฺรหฺมจริยํ กตํ กรณียํ นาปรํ อิตฺถตฺตายาติ ปชานาติ แปลว่ายังไง แปลว่า พรหมจรรย์ได้อยู่จบแล้ว การประพฤติปฏิบัติเกี่ยวกับโลกกับสงสาร การเกิดการตายนี้แก้กันตกในเวลานี้แล้ว เสร็จสิ้นแล้วในกิจ งานการที่ควรจะทำทำเสร็จแล้ว กิจอื่นที่จะทำให้ยิ่งกว่านี้ไปไม่มีแล้ว นั่นคือเมืองพอ นั่นละธรรมะพอ

ถ้ากิเลสไม่มีพอ ทำเท่าไรไม่พอ ได้เท่าไรไม่พอ ได้เท่าไรไม่หายอยาก นอนมากไม่รู้ตื่น ได้เท่าไรไม่หายอยากคือความโลภนั่นละ เอ้า นอนมากไม่รู้ตื่น หลับอยู่อย่างนั้น หลงอยู่อย่างนั้น หลงทั้งวันทั้งคืน ทั้งยืนทั้งเดินทั้งนั่งทั้งนอน หลงตลอด นี่เรียกว่าหลับไม่รู้ตื่น รักคนอื่นยิ่งกว่าตัว เป็นยังไง รักเขาจนลืมตัวเอง สมมุติว่าผู้ชายไปรักผู้สาว ผู้สาวไปรักผู้ชายนี่ก็ลืมตัว ๆ เป็นบ้าไปหมด นี่รักคนอื่นยิ่งกว่าตัว พากันเข้าใจ สิ่งที่ควรกลัวกลับกล้า เช่นอย่างบาปกรรมน่ากลัวกลับกล้าหาญนะ

วันนี้พูดธรรมะเพียงเท่านี้ละ

เมื่อวานนี้ก็จังหวัดอุบลฯ มาทั้งจังหวัดเลย เต็มศาลานี่ คนในราวสัก ๕๐๐ คนกระมัง ทั้งพระทั้งเณรเต็มไปหมด เราก็ไม่ได้ลงมารับนะ เมื่อวานนี้ไม่ได้ลงมารับแหละ เราเหนื่อยมากลงรับไม่ได้ มาคิดดูเหตุผลแล้วก็มันไม่สมดุลกัน มาก็มาดูหน้าเฉย ๆ ไม่เห็นเกิดประโยชน์อะไร ต่างคนต่างมีหน้าแล้วมาดูหน้ากัน ไม่เกิดประโยชน์ เลยไม่ลงมา ไม่เห็นเกิดประโยชน์อะไร

พิลึกนะดูหน้านี่ โน่นน่ะ ยืนดูก็มี นั่งดูก็มี เอ้า ยืนขึ้นถ้าดูไม่ถนัดแล้วขึ้นไปบนหลังคาดู ขึ้นไปบนหลังคาแล้วค่อยดูลงมา โน่น ยืนดู คุกเข่าดู


** ท่านผู้เข้าชมทุกท่านโปรดทราบ
    เนื่องจากกัณฑ์เทศน์บางกัณฑ์มีความยาวค่อนข้างมาก ซึ่งจะส่งผลต่อความเร็วในการเปิดเว็บไซต์ ขอแนะนำให้ทุกท่านได้อ่านเนื้อหากัณฑ์เทศน์บางส่วนจากเว็บไซต์ และให้ทำการดาวน์โหลดไฟล์กัณฑ์เทศน์ที่มีนามสกุล .pdf ไปเก็บไว้ในเครื่องของท่านแทนการอ่านเนื้อหาทั้งหมดจากเว็บไซต์

<< BACK

หน้าแรก