เวทีกรรมฐาน
วันที่ 11 มกราคม 2541
สถานที่ : วัดป่าบ้านตาด
| |
ดาวน์โหลดเพื่อเก็บไว้ในเครื่อง
ให้คลิกขวาแล้วเลือก Save target as .. จาก link ต่อไปนี้ :

ค้นหา :

เทศน์อบรมฆราวาส ณ วัดป่าบ้านตาด

เมื่อวันที่ ๑๑ มกราคม พุทธศักราช ๒๕๔๑

เวทีกรรมฐาน

พระไปไหนกับโยมแห่กันไปดูไม่ได้นะ กรรมฐานแห่กับญาติกับโยมนี้ดูไม่ได้ ไม่มีในหลักธรรมวินัย ไปไหนแห่กันไป หรือมาองค์เดียว หรือแห่กันมา ไปไหนเหมือนว่ามีศักดานุภาพ มีบุญวาสนามาก ไปไหนแห่กับโยมไป ไปเน่าเฟะ ๆ ดูไม่ได้นะ กรรมฐานแห่แบบนี้ใช้ไม่ได้ ไม่ใช่ทางของพระพุทธเจ้า ไปที่ไหนเงียบ ๆ พระพุทธเจ้าเสด็จออกทรงผนวชบอกใคร พระสาวกทั้งหลายออกไปบอกใคร เข้าอยู่ในป่าในเขา ๆ บรรลุธรรมปึ๋งปั๋ง ๆ เหล่านี้ไปไหนแห่กันไป ๆ มีแต่ปลาเน่าแหละแห่อย่างนั้น ดูไม่ได้

พูดจริง ๆ เราพูดตามหลักธรรมหลักวินัย เราไม่ได้พูดสะทกสะท้านกับเหตุผลกลไกอันใดที่นอกจากเหตุผลของธรรม เหตุผลกิเลสมันอ้างได้ทุกอย่างนั่นแหละ เหตุผลของธรรมนี้ต้องตรงเป๋ง ๆ เลย เคยเห็นนี่พระกรรมฐานไปไหนแห่ไป ๆ แล้วไปเน่าเฟะ ๆ กรรมฐานแห่มีอย่างเหรอ กรรมฐานพระพุทธเจ้าพระสาวกท่านเป็นยังไง นั่นละแบบฉบับ สรณํ คจฺฉามิ ของพวกเราท่านเป็นอย่างนั้น อันนี้เห็นแต่เน่าเฟะ ๆ เอามาเป็น สรณํ คจฺฉามิ ได้ยังไง เอาไม่ได้

ทำอะไรต้องมีเหตุมีผลมีหลักมีเกณฑ์ซิ พระยิ่งเป็นแบบฉบับอันสำคัญมากที่สุดด้วยนะ เป็นแบบฉบับของประชาชนญาติโยม นำเขาแบบไหนถึงจะถูกต้องดีงามกับหลักธรรมหลักวินัย นำแบบเน่าเฟะนั้นเหรอ นั่น ดูไม่ได้อย่างนี้นะ ไปไหนแห่ไป ๆ เราไม่ค่อยลงมาต้อนรับนะ ถ้าเห็นพระแห่มาอย่างนั้นไม่ลงมา มาเต็มศาลาเราก็ไม่ลงมา เราไม่ส่งเสริมอย่างนั้น ลงมาอย่างนั้นเหมือนกับมาส่งเสริมกัน คราวหลังก็เอามามากกว่าเก่า เน่าเฟะ ๆ

พระพุทธเจ้าเสด็จออกทรงผนวชบอกใคร เห็นไหมในตำรา เป็นพระเจ้าแผ่นดินเสด็จออกทรงผนวช ขโมยออกเลย นี่เป็นแบบฉบับอันดับหนึ่ง อันดับสอง พระสงฆ์สาวกออกมาจากพระราชามหากษัตริย์ พ่อค้า ประชาชน ที่ออกมาแล้วออกไปเงียบ ๆ เข้าอยู่ในป่าในเขา ๆ บรรลุธรรมปึ๋งปั๋ง ๆ ออกมา เป็น สรณํ คจฺฉามิ ของพวกเรา ท่านดำเนินอย่างนั้นนี่นะ ท่านไม่ได้ดำเนินแบบขายก่อนซื้อ แบบสุกก่อนห่าม แบบเน่าเฟะ ๆ

เห็นเขานับถือว่าอาจารย์นั้นดี อาจารย์นี้ดี โอ๋ย เป็นบ้ากันไปเลย นี่เรียกว่าบ้า บ้าลมปาก เขายกยอยังไงก็เป็นบ้าไปตามเขา ไม่ได้ดูเหตุดูผลดูหลักธรรมหลักวินัย ซึ่งสมควรเป็นสรณะของโลกได้เลย แล้วจะเป็นสรณะของเจ้าของได้ยังไง เมื่อเจ้าของก็ไม่ได้ปฏิบัติตามหลักธรรมหลักวินัย

พูดเท่านั้นละ มาแล้วขึ้นเวทีเลย ทีนี้มีอะไรพูดกันได้ละ นี่ละเวทีกรรมฐาน เวทีของธรรม ภาษาของธรรมเป็นอย่างนี้ ภาษาของกิเลสละอ้อมแอ้ม ๆ กลัวจะผิดอกผิดใจซึ่งกันละกัน นั่นภาษาสกปรก ภาษาของกิเลส ภาษาของธรรมนี้ฉะลงไปเลย ตรงไหนสกปรกชะล้างลงไป ๆ นั้นแลคือภาษาของธรรม พระพุทธเจ้าบริสุทธิ์ ธรรมบริสุทธิ์ ออกมาจากใจที่บริสุทธิ์ แสดงออกไปบริสุทธิ์ เหมือนกับน้ำที่สะอาดชะล้างสิ่งสกปรกนั่นเอง

กิเลสมันสกปรกมาก เพราะฉะนั้นกิริยาที่แสดงออกจากกิเลสจึงสกปรกมาก ไม่ว่าเขาว่าเราต่างคนต่างสกปรก มาประจบประแจงซึ่งกันและกัน ประดับร้านสวยงามอย่างนั้นอย่างนี้ หัวใจเป็นไฟดูไม่ได้เลย นี่เป็นยกที่สองแล้ว ยกที่สามก็ไม่แน่นะถ้ามีเหตุการณ์อีกขึ้นอีกได้นะ นักมวยเขายังขึ้นยกหนึ่ง ยกสอง ยกสาม

วันนี้ก็ไปธุระเพิ่งกลับมา รีบไป ไปพักอยู่ ๓-๔ นาทีแล้วกลับมาเลย บึ่งเลย เราทำประโยชน์ให้โลกไม่มีเวลายับยั้งนะ ไม่ยับยั้ง วันหนึ่ง ๆ ไป ๆ ทั้งใช้ให้เขาช่วย ทั้งเราช่วย จวนตายเท่าไรยิ่งสงสารโลกมาก เพราะฉะนั้นการดุด่าว่ากล่าวนี้ ไม่ใช่ดุด่าว่ากล่าวด้วยอำนาจของกิเลสนะ ดุด่าว่ากล่าวด้วยอำนาจแห่งธรรม ด้วยอำนาจแห่งความเมตตาต่างหาก แต่กิริยาออกมาจากธาตุขันธ์ซึ่งเป็นเครื่องมือของกิเลสอย่างเดียวกัน กิริยาจึงคล้ายคลึงกัน แต่กิเลสกับธรรมต่างกัน

ที่แสดงออกมานี้เป็นเรื่องของธรรมล้วน ๆ แล้วไม่มีความโกรธความแค้นกับผู้ใดแหละ แต่เหตุผลขัดกับธรรมตรงไหน ฉะกันตรงนั้น ๆ ล้างกันตรงนั้น มันสกปรกตรงนั้นใส่ตรงนั้นให้สะอาด ความหมายว่าอย่างนั้น นี่เป็นยกที่สามย่อย ๆ

ทางโรงพยาบาลละเป็นที่หนึ่งที่ไปช่วยเต็มกำลังความสามารถ ปีนี้ยิ่งเป็นปีที่หนักเป็นกรณีพิเศษอีก คือโรงพยาบาลต่าง ๆ วิ่งมาขอเงินไปใช้หนี้ ว่างบประมาณไม่มี ปีนี้งบประมาณไม่มี ทางรัฐบาลสั่งมาให้ซื้อของในวงเงินเท่านั้น ๆ แล้วจะส่งเงินมา ทีนี้รัฐบาลไม่ได้ส่งมาให้ เลยติดหนี้เขา วิ่งเข้ามาหาวัด ๆ เราช่วยแทบเป็นแทบตาย ช่วยเป็นล้าน ๆ แต่ละโรง ๆ ติดหนี้เขา แล้วจะทำยังไง มีเท่าไรก็ทุ่มกันลง ๆ บางทีถึงกับบอกว่าจ่ายไม่หมดนะ ให้จ่ายเป็นงวด ๆ งวดที่สองที่สามมีมาแล้วค่อยจ่ายอีก เราว่าอย่างนั้น คือมันไม่ไหว มันมากจริง ๆ ปีนี้เป็นอย่างนั้น

ทุกปีมีแต่มาขอเครื่องมือ เราก็ช่วยเครื่องมืออะไรต่ออะไร ปีนี้กลับมาขอใช้หนี้แล้ว มันเป็นยังไงรัฐบาลเราจะไม่จมแล้วเหรอ ปกครองบ้านเมืองกันยังไงถึงจะปล่อยให้บ้านเมืองจม แม้แต่โรงพยาบาลซึ่งเป็นหัวใจของชาติจริง ๆ ก็ยังจะล้มไปนี้ จะทำยังไงกัน เราว่าอย่างนั้น เราก็ออกลายบ้างซิ แต่เสือยังมีลาย คนทำไมไม่มีลาย แต้มเอาก็ได้นี่

วิตกวิจารณ์ ถึงกับปรารภ เขาออกหนังสือพิมพ์ที่ว่า เราจะบิณฑบาตเงินประชาชนราษฎรลูกศิษย์ลูกหาเรานี้มาช่วยชาติ เราปรารภ พอดีหนังสือพิมพ์เขามาเขาจดเขาก็ออกเลย เขาออกทางหนังสือพิมพ์ลั่นไปหมดแหละ ออกก็ออกเถอะ เพราะเป็นคำปรารภอย่างนั้นจริง ๆ ออกจากหัวใจที่มีความเมตตาเป็นห่วงใยต่อประเทศชาติบ้านเมืองเราจริง ๆ เราทำเต็มกำลังความสามารถของเรามันไม่ไหว เมื่อเป็นเช่นนี้ใครจะช่วยได้ก็ต้องปรารภกัน ว่างั้น ก็เป็นอย่างนั้นจริง ๆ

โถ สงสารจริง ๆ ไม่ใช่ธรรมดานะ พอตื่นขึ้นมานี้จิตมันจะครอบแล้ว อำนาจแห่งความสงสารครอบแล้ว ๆ แทนที่จะมาสงสารตัวเองนี้ไม่นะ จะไปเมื่อไรทางนี้พอแล้วพร้อมแล้วว่างั้นเลย คำว่าพอแล้วพร้อมแล้วเป็นยังไง เราพอทุกอย่างแล้ว เราบำเพ็ญมาตั้งแต่วันบวชจนกระทั่งถึงป่านนี้ได้ ๖๕ ปี มีแต่ทำความดีล้วน ๆ ความชั่วปัด ๆ อย่างเด็ดขาด อย่างที่พูดนี้แหละเรียกว่าเด็ดขาด ฆ่ากิเลสก็ฆ่าแบบนี้เอง อย่างเด็ดขาด ๆ กิเลสมาตอแยไม่ได้ ใส่เปรี้ยง ๆ เลย ฆ่ากิเลสฆ่าอย่างนั้น แล้วทำมาจนกระทั่งป่านนี้ จนกระทั่งถึงพอใจภูมิใจแล้ว

เราพอแล้วทุกอย่าง ในชาตินี้เราเกิดมาเราจะตายเพียงชาติเดียวนี้เท่านั้น ต่อไปนี้เราจะไม่มาตายซ้ำ ๆ ซาก ๆ ตายทับตายถมกันอีกต่อไป ชาตินี้เป็นชาติสุดท้ายของเรา เราทำให้เต็มเม็ดเต็มหน่วย

พูดได้ ธรรมะของพระพุทธเจ้าเอามาแสดงไม่ได้มีเหรอ ของจริงเอาออกแสดงไม่ได้มีเหรอ ของปลอมมันตีตลาดเต็มบ้านเต็มเมือง ทำไมไม่เห็นมีความสยดสยองกันบ้าง แต่ธรรมะออกมาอย่างนี้ จะหาว่าหลวงตานี้โอ้อวดไปละนะ กิเลสมันต้านทานธรรมเร็วนะ รวดเร็วที่สุด มันไม่ยอมเชื่อ กิเลสต้องเป็นข้าศึกต่อธรรมเสมอไป ถ้าเป็นของจริงไม่ยอมรับ ถ้าเป็นของปลอมคว้าวันยังค่ำคืนยังรุ่ง ตายก็ตาย ถึงไหนถึงกันถ้าเป็นเรื่องของกิเลส ถ้าเป็นเรื่องของธรรมไม่ยอมรับ อย่างนี้ละกิเลสกับธรรมเป็นข้าศึกกัน ให้พิจารณาเอาท่านทั้งหลาย

นี่เราก็พูดตามหลักความจริง เราได้ปฏิบัติมายังไง โง่ขนาดไหนก็ได้โง่พอแล้ว สู้กิเลสไม่ได้น้ำตาร่วงเราก็เคยแล้ว ได้พูดให้หมู่เพื่อนฟัง สู้กิเลสไม่ได้ ฟัดกันทีไร ๆ สู้กิเลสไม่ได้ เราสู้เสือด้วยกำปั้น เสือมันลวดลายขนาดไหน ทุกสิ่งทุกอย่างเป็นอาวุธหมด เรามีแต่กำปั้นสู้เสือได้เหรอ เสือคือกิเลส สู้มันไม่ได้ น้ำตาร่วง

ทีนี้พอได้ที่แล้วก็ซัดกันเลย เอาเลย ต้องขออภัย ก้นแตกเลอะหมด นั่งภาวนาหามรุ่งหามค่ำ บางคืนตลอดรุ่ง ๆ จนครูบาอาจารย์หลวงปู่มั่นได้กระตุกเอาไว้ นี่กิเลสมันไม่อยู่กับกายนะ มันอยู่กับใจนะ ม้าตัวไหนที่คึกคะนองมาก มันผาดมันโผนโจนทะยานมาก เขาฝึกอย่างเต็มที่ ไม่ควรให้กินน้ำไม่ให้กิน ไม่ให้กินหญ้าไม่ให้กินน้ำ ฝึกทรมานกันอย่างเต็มที่ จนกระทั่งหายพยศ ลดพยศลงไป เขาก็อ่อนลงไปในการฝึกฝนทรมาน นี่ก็ดูม้าซิ เขาฝึกม้าซิ ท่านว่าอย่างนั้นนะ

เราฝึกเราก็ต้องดูวิธีเขาฝึกม้าซิ เวลานี้จิตของเราเป็นยังไง มันผาดโผนโจนทะยานไหมพอที่จะฟัดกันจนกระทั่งก้นแตก เดี๋ยวหัวแตกนะ กิเลสไม่อยู่กับกายนะ มันอยู่กับใจนะ ซัดใจให้ได้นะ เราไม่ลืมท่านดุ นี่ละทำมาขนาดนี้ ขออภัยนี่ละภาษาธรรมพูดอย่างตรงไปตรงมา ก้นแตกเลอะหมดเลย นุ่งสบงไม่ได้ นุ่งผ้าอาบน้ำ

เพราะอะไร ทีแรกมันออกร้อนหมดทั้งก้น เพราะนั่งตลอดรุ่ง ต้องขออภัย ไม่มีคำว่าขี้ว่าเยี่ยวว่างั้นเถอะ เอ้า ปวดออกเลย ตั้งแต่เป็นเด็กอยู่กับแม่ ขี้ใส่ตักแม่มาไม่รู้กี่ครั้งกี่หนแล้ว โตขนาดนี้แล้วขี้ใส่จีวรเจ้าของ ซักไม่ได้ เอาไปฆ่าเสียอย่าให้หนักศาสนาเลย เอา ไม่ต้องมีข้อแม้ เอ้า ปวดหนักออกเลย ปวดเบาออกเลย ยังไงก็ถอยไม่ได้ ถ้าไม่สว่างเป็นวันใหม่แล้วเราจะถอยไม่ได้ ซัดกันเลย ๆ

หลายคืนต่อหลายคืนก้นก็พอง จากก้นพองก้นแตกเลอะหมดเลย เอาขนาดนั้น พอถึงเวลาขึ้นเวทีแล้วไม่สนใจกับก้นนะ พอถึงเวลาขึ้นเวที เอานะคำเดียวเท่านั้นชี้ขาดเลย ทะลุไปเลย เอาให้กิเลสหัวแตก เราก้นแตกเอากิเลสหัวแตกก็พอ ฟัดกันซิ

จนกระทั่งมาบัดนี้จึงได้พูดด้วยความภาคภูมิใจของเจ้าของ ในความเพียรของเจ้าของที่ทำมานั้น เอาตายเข้าว่าเลย แล้วก็ได้ผลเป็นที่พึงพอใจ มาถึงขั้นที่ว่าพอแล้ว ทีนี้เราพอทุกอย่างแล้ว เราไม่หวังอะไรอีกแล้วในโลกนี้ เราทำวุ่น ๆ อยู่นี้ทำเพื่อประโยชน์ให้โลกต่างหาก สงสารโลกเราทำเพื่อโลก เราไม่ได้ทำเพื่อเรา เราพอแล้ว เราพร้อมแล้วยังไม่สนิทเท่าไร ถ้าว่าพอแล้วนี่สนิท

เพราะฉะนั้นจึงพูดว่าพอแล้วให้เต็มหัวใจเราที่ได้ทำมา เราไม่หวังอะไรในโลกนี้ ตายแล้วเราจะไม่กลับมาเกิดอีกแล้ว นี้เป็นชาติสุดท้ายของเรา เราประจักษ์ในหัวใจเรามาได้ ๔๙ ปีนี้แล้ว ตั้งแต่ปี พ.ศ. ๒๔๙๓ นั้นละปีเวทีกิเลสกับเราพังกัน พังปีนั้นละปี ๒๔๙๓ รักษาคำพูดชนิดนี้ไว้ได้ ๔๙ ปี ปีนี้มาเปิดแล้ว ที่ว่าตายแล้วจะไม่มาเกิดอีก ไม่เคยพูดนะ ปีนี้ออกพูดแล้ว เพราะมันจะตายแล้วนี่ ก็พูดให้ฟังเสียบ้าง

การเทศนาว่าการนี้เทศน์ให้เต็มเม็ดเต็มหน่วย หมดไส้หมดพุงหมดตับหมดปอดแล้วให้โลกฟัง แต่เราไม่เคยพูดว่าเราได้รู้อย่างนั้นเราได้เห็นอย่างนั้น ตายแล้วเราจะไม่กลับมาเกิดอีก ไม่เคยพูด แต่ปี ๔๐ นี้พูดแล้ว ออกแล้ว ออกก็มีแต่หนังละ เพราะเนื้ออะไรเขาเอาไปกินหมดแล้ว เราแจกหมดแล้วไม่มีอะไรเหลือ เหลือแต่หนัง เปิดออกมาก็มีแต่หนัง เราพอแล้วอย่างนี้ เราจึงไม่สะทกสะท้านกับสิ่งใดในสามแดนโลกธาตุนี้

ธรรมะพระพุทธเจ้าเหนือทุกอย่าง โลกุตรธรรม แปลว่า ธรรมเหนือโลก เหนือสมมุติ เหนือกิเลส เหนือตัณหาทุกอย่าง พ้นแล้วทุกอย่าง ถ้าใครครองธรรมประเภทนั้นเรียกว่า ผู้พ้นแล้ว ผู้เหนือโลกแล้ว พิจารณาเอา วันนี้เปิดให้ท่านทั้งหลายได้ฟังเสียแล้ว มีต้นเหตุก็คือว่าพระแห่กันมานี้ มีต้นเหตุอันนี้ ต้นเหตุอันนี้จะได้ฟังธรรมอย่างเด็ดเสียบ้างวันนี้นะ ว่าศาสนาของพระพุทธเจ้าเป็นศาสนาประเภทใดเราคิดดูซิ เวลานี้พวกชาวพุทธเรานี้เห็นศาสนานี้เป็นตุ๊กตาเครื่องเล่นของเด็ก

(เสียงหมาเห่า) หมาตั้ง ๑๐ ตัว เรารักหมาเพราะฉะนั้นจึงเลี้ยงไว้ เขาเอามาปล่อยให้ก็เลี้ยงไว้ ๆ เรารักมันสงสารมัน หมาตั้ง ๑๐ กว่าตัว เราเลยยกฐานะขึ้น วัดนี้สมควรที่จะยกฐานะแล้วนะ จะยกฐานะว่ายังไง แต่ก่อนเป็นวัดป่าบ้านตาด บัดนี้ยกขึ้นเป็นวัดหมา เราว่างั้นเลย บอกว่าเป็นวัดหมา ก็หมายั้วเยี้ยเต็มวัด จะไม่เรียกว่าวัดหมาได้ยังไง มันน่าสงสารนะ

ไม่ทราบว่าขึ้นกี่ยกแล้ว ตั้งแต่มาถึงทีแรกขึ้นเวทีแล้วก็ต่อยเลย เลยไม่ได้ยกครูนะ เราพูดถึงเรื่องศาสนา โลกเราเห็นศาสนาเป็นคัมภีร์ใบลานไปแล้วนะเวลานี้ ไม่เห็นศาสนาเป็นทองทั้งแท่ง กิเลสกลายเป็นทองทั้งแท่งขึ้นมาแล้วเวลานี้ ถ้าเป็นเรื่องของกิเลสนี้ แหม จริงจังทุกอย่าง สนใจ ไม่ว่าชนิดไหนถ้าเป็นเรื่องของกิเลสนี้จริงทุกอย่าง ถ้าเป็นเรื่องของธรรมนี้เหลาะ ๆ แหละ ๆ ใช้ไม่ได้ เลอะเทอะไปหมดแล้วเวลานี้

ศาสนาจะมีแต่ชื่อในคัมภีร์ใบลาน หมดแล้วเรื่องมรรคเรื่องผล สวรรค์นิพพานหมดแล้ว บาปบุญอะไรหมดแล้ว กิเลสกลืนไปหมดแล้ว กิเลสจะหาแต่ความสุขรื่นเริงให้สัตวโลกเป็นบ้าเท่านั้นละ ที่เป็นไฟอยู่ทุกวันนี้เป็นเพราะอะไร ไม่ใช่เพราะอำนาจของกิเลสจะเพราะอะไร ธรรมท่านไม่มีที่จะทำโลกให้เสียหาย มีแต่กิเลสทั้งนั้น

ตัวนี้เห่าดีมาก มาเขาต้อนรับ พอเห็นมานี้วิ่งใส่ ปีนขึ้นรถเรื่อย น่าสงสาร นี่ละจิตวิญญาณดวงหนึ่ง ๆ อยู่ในตัวของสัตว์ ของหมา ของคนของอะไร ๆ ก็ตาม จิตดวงนี้แหละพาให้เวียนว่ายตายเกิดไม่หยุดไม่ถอย คือจิตดวงนี้ไม่ตาย แต่มีเชื้อของวัฏวนให้พาเกิดแก่เจ็บตายอยู่ในตัวของใจนั้น ใจจึงต้องเวียนว่ายตายเกิดไม่หยุดไม่ถอย นี้ตายมากี่กัปกี่กัลป์ไม่นับนะ ถ้าแก้ไม่ตกด้วยอำนาจของธรรมแล้ว จะตายกันไป เกิดกันไปอยู่อย่างนี้ ทับถมกันไปอยู่อย่างนี้เป็นกัปเป็นกัลป์

ถ้าแก้ตกก็แก้ด้วยธรรม แก้ด้วยบุญด้วยกุศล นอกจากนั้นไม่มีทางแก้ กิเลสไม่กลัว ถ้าธรรมแล้วกิเลสกลัว ตาข่ายของกิเลสนี้ขาดสะบั้นไปเลยถ้าเป็นธรรมแล้ว ถ้าเป็นบุญเป็นกุศลแล้ว ถ้าเป็นเรื่องของกิเลสแล้วกิเลสชอบมากทีเดียว ยิ่งสร้างตาข่ายหนาแน่นขึ้นเรื่อยให้กิเลสพันเอา ๆ เกิดมาจนตายไม่เคยทำบุญทำกุศลกับเขาก็มีเยอะคนเรา มันหนาหรือไม่หนามนุษย์เรา เกิดมาตั้งแต่วันเกิดจนกระทั่งถึงวันตาย ไม่เคยสนใจกับบุญกับกุศล ไม่เคยเชื่อบุญเชื่อบาปเลยนี้มีเยอะนะ เวลานี้ยิ่งหนาแน่นขึ้น เอา มีอะไรก็ว่ากันไปที่นี่ เอาละพักแล้ว เต็มยกแล้ว ได้สี่ห้ายกแล้ว

ได้ทราบว่าหลวงพ่อป่วยเป็นอะไรไม่สบาย

ป่วยก็ป่วยแต่ร่างกาย ใจไม่ได้ป่วย ใจเราสบาย เราไม่มีอะไรจริง ๆ นะ เพราะฉะนั้นเราถึงดุคน คนที่มายุ่งกับเรา เป็นยังไงหลวงพ่อ ๆ เป็นยังไงเราว่า ดุคนจะตายคนมายุ่งเรา โรคไม่ได้มายุ่งเรานะ มันเป็นอยู่ตามโรคของมัน เราอยู่ตามเรื่องของเราไม่ได้ยุ่งกัน แต่คนมาถามเรานี่ยุ่งตลอด โรคถามข่าวมันโรคยุ่ง โรคของเราจริง ๆ ไม่เห็นมีอะไร สบาย ตายเราก็จะตายแบบนี้ ตายแบบสอนโลกนั่นแหละ เราสอนอย่างเด็ด ตายเราก็ตายอย่างเด็ด เราไม่ได้ตายแบบอ่อนแอ เพราะฉะนั้นจึงกล้าสอนทุกอย่างละซิ ความกล้ามีอยู่ในใจพูดออกเสียบ้าง ความกล้ามีอยู่ในใจ เปิดออกเสียทีหนึ่ง ความกล้ามีอยู่ในใจนี่ ไม่สะทกสะท้าน

ไปกรุงเทพคราวที่แล้วนี้ไปเกี่ยวกับหมาอีกเหมือนกัน ปกติเราก็ช่วยหมาอยู่แล้วที่ปากเกร็ด หมาตั้งสามสี่ร้อยตัว เขาออกทางหนังสือพิมพ์ เราเห็นในหนังสือพิมพ์ก็ตามไปดู ไปดู โอ้โห มีแต่หมาพิการ ยั้วเยี้ย ๆ ไปดูสภาพของมัน แล้วเป็นยังไง ถามสภาพความเป็นอยู่ของเจ้าของที่เลี้ยงหมา ถามทุกสิ่งทุกอย่างจนกระทั่งถึงค่าน้ำค่าไฟ ค่าบริการต่าง ๆ รอบด้าน เกี่ยวกับหมานี้เดือนหนึ่งหมดเท่าไร

เขาว่าถ้าธรรมดาแล้วก็เดือนละแสน แต่นี้มันไม่มีเงินแสนซิที่จะเลี้ยงหมา บางวันเครียดเสียจนกระทั่งนอนไม่หลับ เป็นยังไงถึงเครียด โอ๊ย หมาก็ร้องพอหมา คนก็ทุกข์พอคน หมาร้องหิวโหย ไม่มีอะไรจะให้กิน เจ้าของก็หมดไม่มีอะไรจะกิน เพียงเป็นครูเท่านั้น เมื่อเห็นหมาก็สงสาร เอามาเลี้ยง ๆ พอเห็นเราเลี้ยงหมาตัวหนึ่ง เขาก็เอามาทิ้งไว้ที่หน้าบ้าน ๆ แล้วก็เลี้ยงเรื่อย ๆ มาจนกระทั่งป่านนี้แหละ

บางวันเครียดเสียจนนอนไม่หลับ หมาก็ร้องพอหมา คนก็ทุกข์พอคน ว่างั้น เราก็เลยถามถึงเรื่องราวต่าง ๆ เขาบอกว่าหมดเดือนละแสน เราเลยให้เดือนละหนึ่งแสนเลย ตั้งแต่บัดนั้นมาหลายปีแล้วนะให้เดือนละหนึ่งแสน ๆ ถ้าหากว่าขัดข้องอะไร จำเป็นอะไร ให้บอกอีกนะ รถเราก็จะให้ เขาบอกเขาไม่เอารถ เราให้มอเตอร์ไซก์คันหนึ่ง เขาบอกว่าอาศัยรถเพื่อนฝูงได้อยู่ไม่เป็นไร

ทีนี้ไปกรุงเทพคราวนี้อีก เขาก็เขียนจดหมายมาหาเรา เพราะจดหมายเราเบื่อพอแล้วนะ มันจดหมายอะไร จดยุ่งนี่นะ เอามาอ่านใจอ่อนทันที เขาพูดถึงเลี้ยงหมา ไม่มีเงิน ติดหนี้ติดสินเขาพะรุงพะรังเพราะความเลี้ยงหมานั่นเอง สงสารหมา ไม่รู้จะทำยังไงก็ไปกู้ยืมเพื่อนฝูงมา ซื้ออาหารให้หมากิน เจ้าของก็จนตรอกจนมุม เวลานี้ติดหนี้ท่วมหัว หมาบางวันก็อิ่ม บางวันก็หิวจะตาย ร้องครวญครางจะตาย แต่เจ้าของก็จะตายไม่ทราบจะทำยังไง ถ้าท่านจะเมตตาได้ก็จะเป็นพระเดชพระคุณอย่างยิ่ง เขาเขียนจดหมายมา

พอเห็นเท่านั้นเราให้พระตามไปเลยนะวันหลัง เขาบอกบ้านเลขที่ไว้เรียบร้อยที่กรุงเทพ ตามไปดูก็ยั้วเยี้ย ๆ บอกถามเขาให้ชัดเจนนะ ทุกสิ่งทุกอย่างถามให้ชัดเจน พอถามเสร็จแล้วก็มา เจ้าของเขาก็ตามมา มาเราก็ถามกับเจ้าของเขาให้เต็มเม็ดเต็มหน่วยเลย เขาบอกว่าติดหนี้อยู่ ๕ แสน สำหรับเลี้ยงหมาติดหนี้ ๕ แสน เลี้ยงหมานี้เดือนหนึ่งหมดประมาณเท่าไร หมดประมาณหมื่นห้าว่างั้น เดือนหนึ่งให้พอเหมาะพอดีประมาณหมื่นห้า เวลานี้ติดหนี้เขาเท่าไร ติดหนี้เขา ๕ แสน หนี้ทั้งหมดนั้นหามาเลี้ยงหมานะ เราเห็นใจ

แล้วที่นี้ไม่ใช่ที่ของตัวเอง เป็นที่ของพี่สาวเขา แต่ลูกเอาไปจำนองเลยไปติดหนี้ทางธนาคารอีก ตกลงเลยพะรุงพะรังพันกันไปหมดไม่รู้จะทำยังไง นอนไม่หลับกินไม่ได้แล้วเดี๋ยวนี้ เราก็เลยยกเมฆให้เลย เอา ห้าแสนบาทเราจะใช้ให้ เดี๋ยวนี้ส่งไปแล้ว พอมาถึงปั๊บก็ส่งปุ๊บเลย ห้าแสนกับสามหมื่น เดือนละหมื่นห้านั้นเราให้เป็นเดือนละสามหมื่น ประจำทุกเดือนไปเลย ให้เป็นเดือนละสามหมื่น เรียกว่าทบครึ่ง เผื่อเอาไว้ครึ่งหนึ่ง แล้วห้าแสนบาทเราก็ให้พร้อมไปเลย ส่วนธนาคารนั้นให้ไปตกลงกับธนาคาร กู้ยืมเขามาเท่าไร ๆ เขาจะเอาเท่าไรให้บอกมา เราจะจัดการให้ และเอาที่คืน เดี๋ยวนี้กำลังให้ติดต่อทางโน้น คอยฟังแต่เรื่องทางธนาคารเขาจะตกลงให้ยังไง เราก็จะจ่ายให้ตามนั้นหมดเลย

อย่างหมาปากเกร็ดก็เหมือนกัน ซื้อที่ให้ อันนั้นเขาไม่ได้ติดหนี้ ซื้อที่ให้หนึ่งไร่เลย แต่ก่อนเขามีอยู่หนึ่งไร่ เราซื้อให้อีกหนึ่งไร่แล้วสร้างตึกให้อีกหนึ่งหลัง สบายทุกวันนี้ หมาปากเกร็ดสบาย แต่หมาที่สวนแสงธรรมกำลังทุกข์ เราจึงช่วยทุกข์ พออ่านจดหมายว่าหมา ใจอ่อนเลยนะ เลยคำว่าวุ่น จดหมายวุ่นนี่มายังไงกัน เลยหมดเลยคำว่าวุ่น อ่อนทันทีเลย ให้ตามไปดูในวันหลัง ได้ความมาอย่างนั้นละ

ก็เป็นอันว่าเปลื้องแล้วหนี้ เดี๋ยวนี้ก็รอที่จะเปลื้อง พอธนาคารตกลงจำนวนเท่าไร ๆ แล้ว เราจะจ่ายให้เต็มเม็ดเต็มหน่วย แล้วเอาที่นั้นคืนมาให้เป็นของคนนี้เสีย พี่สาวเขาก็บอกว่าจะให้คนนี้ทั้งหมด เราก็จะให้คนนี้เลย ให้เขาอยู่เลี้ยงหมา ที่ไร่หนึ่งนั้นให้เลี้ยงหมาหมดเลย บุญของเขา บุญของหมา

นั่นมาอีกแล้ว มาเรื่อย ๆ วัดนี้เป็นตลาดคน เดี๋ยวนี้กลายเป็นตลาดคนแล้ว วัดหมากลายเป็นตลาดคน เดี๋ยวนี้เป็นอย่างนั้น ยั้วเยี้ย ๆ วันหนึ่ง ๆ เราจะตายจริง ๆ

วันนี้เอาเงินไปให้ทางฝั่งลาวเขา ฝั่งลาวเขาโรงเรียนไม่มี เขามาขอโรงเรียน เราเลยให้เขา นี่ให้งวดที่สองเป็นงวดสุดท้ายจะให้หมดเลย เขาขอมางวดแรกเราก็ให้งวดแรกทั้งหมด บอกว่าไม่พอเท่าไรให้ขอมาอีก เราก็ให้อีก คราวนี้ไปให้อีก ไปทางบ้านแพง ให้เขาข้ามมาเอา เรามอบไว้กับพระ เขาก็มารับกับพระไป

เฉพาะประเทศลาวนี้ไปหลายล้านนะ ยี่สิบกว่าล้านประเทศลาว สร้างตึกสร้างโรงพยาบาลให้ เครื่องมือแพทย์อย่างทันสมัย ๆ ส่งไปให้เยอะ รวมแล้วยี่สิบล้านกว่า เขาก็ชุ่มเย็น คราวนี้ก็เอาเงินไปให้เขา เราก็รีบกลับมา พอไปถึงสามสี่นาทีเท่านั้นกลับเลย เพราะเราไปสาย ๆ แขกเต็มเมื่อเช้านี้ เต็มหมดเลย ต้องคุยกับแขก เทศนาว่าการกับแขกเสร็จเรียบร้อยแล้วกว่าจะไปเก้าโมงกว่า ถึงออกจากนี้ไป ไปถึงโน้นเที่ยง พอเที่ยงครึ่งก็ออกเดินทางกลับ มาถึงนี้พอดีบ่ายสามโมงสิบนาที ไม่มีเวลาละวันหนึ่ง ๆ ช่วยโลก

ดีแล้วทุกท่านได้มาเสาะแสวงหาบุญหากุศล นี้ละทางออกจากทุกข์ของเรา คือบุญคือกุศล ให้พากันจำเอาไว้นะ ทางออกจากทุกข์คือบุญคือกุศล ทางอื่นไม่มี มีแต่ทางปิดตันของกิเลสทั้งนั้น ทางออกจากทุกข์คือทางบุญทางกุศล มีทางเดียว ถ้าใครหนักแน่นในทางนี้คนนั้นมีทางที่จะหลุดพ้นจากทุกข์ได้ ใครหนักแน่นกับกิเลสตัณหา จนกระทั่งวันตายไม่มีวันจืดจางแล้ว นั้นละจะจม ประเภทนั้นจะจม

แล้วมีอะไรอีกไหม ไม่มีอะไรก็จะให้พร (จะถวายผ้าป่า) ผ้าป่าก็ต้องวางไว้อย่างนั้น เรียกว่าผ้าป่า ถ้า สงฺฆสฺส โอโณชยาม นั้นเรียก สังฆทาน อย่างนี้เรียกว่าผ้าป่า ไม่ต้องถวายต่อมือ เรียกว่าผ้าป่า ถ้าถวายต่อมือเรียกว่าสังฆทาน มีอยู่ ๒ ประเภท อันไหนก็เป็นบุญเหมือนกันนั่นแหละเรื่องเป็น แต่ว่าประเภทไหนก็ให้เป็นไปตามประเภทนั้นเท่านั้นเอง


** ท่านผู้เข้าชมทุกท่านโปรดทราบ
    เนื่องจากกัณฑ์เทศน์บางกัณฑ์มีความยาวค่อนข้างมาก ซึ่งจะส่งผลต่อความเร็วในการเปิดเว็บไซต์ ขอแนะนำให้ทุกท่านได้อ่านเนื้อหากัณฑ์เทศน์บางส่วนจากเว็บไซต์ และให้ทำการดาวน์โหลดไฟล์กัณฑ์เทศน์ที่มีนามสกุล .pdf ไปเก็บไว้ในเครื่องของท่านแทนการอ่านเนื้อหาทั้งหมดจากเว็บไซต์

<< BACK

หน้าแรก