เมตตาธรรมค้ำจุนหนุนชาติไทย
วันที่ 4 พฤษภาคม 2542
สถานที่ : ธนาคารแห่งประเทศไทย
| |
ดาวน์โหลดเพื่อเก็บไว้ในเครื่อง
ให้คลิกขวาแล้วเลือก Save target as .. จาก link ต่อไปนี้ :

ค้นหา :

เทศน์อบรมฆราวาส ณ ธนาคารแห่งประเทศไทย

เมื่อวันที่ ๔ พฤษภาคม พุทธศักราช ๒๕๔๒

เมตตาธรรมค้ำจุนหนุนชาติไทย

หลวงตา พี่น้องทั้งหลายให้ดู นี่คือกำลังแห่งความรักชาติไทยของเรา กำลังแห่งความเสียสละของพี่น้องชาวไทยเราทั่วหน้ากัน มาแสดงเป็นสักขีพยานเพื่อการอุ้มชูชาติไทยของเราขึ้น ด้วยกำลังแห่งความรักชาติ ความเสียสละ ความพร้อมเพรียงสามัคคีของพี่น้องทั้งชาติ มารวมกันเป็นทองเหลืองอร่าม นี่เห็นไหมดูเอา อันนี้เป็นเครื่องที่จะเชิดชูชาติไทยของเราโดยตรง คือยกอุ้มชาติไทยของเราให้ขึ้นจากหล่มลึก ด้วยความเสียสละ ด้วยความรักชาติของพี่น้องชาวไทยทั่วหน้ากัน จึงเป็นพลังสำคัญมาก

ขอให้คำนึงถึงความบกพร่องที่เราจะต้องหนุนด้วยกันทุกคน ๆ นี้เป็นสำคัญยิ่งกว่าไปคำนึงถึงเรื่องความเสียหายสิ้นเปลืองไปมากน้อยเท่าไร เมืองไทยของเราล่มจมไปเพราะเหตุผลกลไกอะไร เพราะผู้ใดมาทำให้ล่มจม อย่างนี้อย่าไปคำนึง อันนั้นเป็นเนื้อร้าย เนื้อร้ายมันติดเพียงนิ้วมือเราเท่านี้ ดูเอานี่ เนื้อร้ายมันติดเพียงนิ้วมือเราเท่านี้ ต้องรีบตัดออกแล้วหายามาใส่ ส่วนที่ดีซึ่งมีจำนวนมากในร่างกายของเรา ส่วนเนื้อร้ายให้ตัดออกไปอย่าไปคำนึงถึงมันว่า มันมาทำความเสียหายแก่อวัยวะส่วนใหญ่ของเราอย่างนั้นอย่างนี้ ไปฟ้องร้องไปโจมตีเนื้อร้าย ไม่เกิดผลเกิดประโยชน์อะไร เสียลมปากไปเปล่า ๆ เราต้องรีบหาหยูกหายาเข้ามาพอกมารักษา ส่วนแผลของเราที่ตัดออกจากเนื้อร้ายนี้ให้หายให้สมบูรณ์ขึ้นมา เพื่อรักษาส่วนใหญ่ให้ดีขึ้น เนื้อร้ายมันจะตกไปนรกอเวจีที่ไหนอย่าไปคำนึงกับมัน เป็นความเสียหายเพิ่มเติมขึ้นอีก

เพราะฉะนั้นจึงขอให้พี่น้องทั้งหลาย ได้คำนึงถึงส่วนดีแห่งชาติของเรา ทั้งประเทศไทยนี้เป็นส่วนดีทั้งนั้น ใครก็ตามมาทำให้เสียนั้นคือเนื้อร้าย ให้รีบตัดออก ๆ อย่ามาเป็นกังวลและอย่าถือเป็นตัวอย่างของเนื้อร้ายนั้น มันจะมากัดตัวเองให้เสียไปอีก กัดทั้งชาติด้วย ให้เราคำนึงถึงส่วนที่เราจะซ่อมแซม ที่เราจะรักษาเนื้อดีของเราที่เกิดจากเนื้อร้ายกัดกินนั้นให้หายขึ้นโดยลำดับ นี้เรียกว่าควรแก่เหตุแก่ผล ดังพี่น้องชาวไทยทั้งหลายต่างคนต่างบริจาคช่วยเหลือกันเวลานี้ คือต่างคนต่างหายามาพอก ส่วนที่บกพร่องไปเท่ากับแผลอันหนึ่งที่เกิดจากเนื้อร้าย แล้วก็ให้พยายามรักษาบำรุงทุกคน ๆ แล้วส่วนดีก็จะสมบูรณ์พูนผลทำประโยชน์ได้อีกต่อไป ส่วนเสียก็ให้เสียไป อย่าไปคำนึงกังวลกับมัน จะเป็นความเสียหายต่อเราอีก ที่ไปเกี่ยวข้องกับของเสียเหล่านั้น เราจะเสียไปด้วย

นี่ได้เตือนให้พี่น้องทั้งหลายได้ทราบ และให้ต่างคนต่างพยายามรักษาทุกคน ๆ ชาติไทยเป็นชาติที่รักเต็มหัวใจของเราทุกคน ไม่ยอมให้ชาติใดมาดูถูกเหยียดหยามชาติไทยของเรา แม้จะเป็นชาติเพียงเล็กน้อยเช่นหนูตัวหนึ่งก็ตาม ชาติไทยของเราเป็นชาติเล็กน้อยเท่ากับหนูตัวหนึ่ง แต่ก็เป็นหนูเต็มตัว ไม่ใช่หนูขาดบาทขาดตาเต็ง ไม่ใช่เป็นชาติไทยห้าสิบสตางค์ เป็นชาติไทยเต็มร้อยเต็มบาท นี่ก็เหมือนกันชาติไทยของเราเป็นอย่างนั้นเต็มเหนี่ยวเลย ให้ต่างคนต่างเข้มงวดกวดขันรักษาชาติไทยของตน ด้วยการประพฤติเนื้อประพฤติตัวทุกอย่าง ให้ปรับเนื้อปรับตัว

เวลาที่เป็นมานี้ชาติไทยของเรารู้สึกจะเหลวไหล หลวงตาบัวนี้เป็นหัวหน้าแห่งความเหลวไหลก็ได้ เหลวไหลอะไร การอยู่การกินการใช้การสอยสุรุ่ยสุร่ายไม่ค่อยรู้จักประมาณ เมืองไทยของเราเกิดในอู่ข้าวอู่น้ำ ไม่เคยเห็นภัยในสิ่งเหล่านี้เลย แต่เวลาเหตุการณ์มันมากระทบโดยไม่รู้เนื้อรู้ตัวนี้ก็ปรับตัวไม่ทัน เพราะฉะนั้นเวลานี้ทราบแล้วว่าเหตุการณ์เหล่านี้เป็นเหตุการณ์เลวร้ายที่มากระทบกระเทือนเมืองไทยเรา ถึงให้เกิดความเอนเอียงจะล่มจมไปได้ นี้คือเหตุการณ์ที่กระทบกระเทือนทางความเสียหาย ให้พากันพยายามปรับเนื้อปรับตัว

การอยู่การกินการใช้การสอยทุก ๆ ท่าน ทุกครอบครัวในเมืองไทยของเรา ๖๒ ล้านคนเป็นอย่างน้อย ต่างคนต่างปรับปรุงตัวเอง แก้ไขตัวเองทุกคน แล้วเมืองไทยของเราจะกระเตื้องขึ้นมาโดยลำดับ สูงขึ้นมา ๆ หนาแน่นขึ้นมา เพราะการประหยัดมัธยัสถ์ รายจ่ายก็ทุ่น ทุ่นรายจ่ายเป็นลำดับ เพราะความประหยัดหักห้ามเอาไว้ ความสุรุ่ยสุร่ายเป็นการทำลาย ให้ต่างคนต่างประหยัดมัธยัสถ์ทุกคน การอยู่ให้อยู่พอเหมาะพอดีพอประมาณ การใช้การสอยการกินก็เหมือนกันให้พอประมาณ อย่าสุรุ่ยสุร่าย อย่างที่เห็นกันอยู่เวลานี้เมืองไทยของเรานั่นแหละ เลี้ยงโต๊ะกันนี้ โถ โต๊ะหนึ่งเป็นแสน ๆ เป็นล้าน ๆ มันเป็นบ้ากันทั้งประเทศเหรอเราอยากว่าอย่างนี้นะ หรือว่าแล้วก็ไม่ทราบ

หลวงตาบัวก็เป็นคนชาติไทย เป็นคนไทย เกี่ยวเนื่องกันทั้งหมด ถ้าเสียหลวงตาบัวก็ต้องเสียไปด้วย ทั้ง ๆ ที่หลวงตาบัวเกิดมาแต่โคตรพ่อโคตรแม่ พ่อแม่ไม่เคยเลี้ยงหลวงตาบัวด้วยโต๊ะละล้าน ๆ อันนี้มันเป็นบ้ากันนะเมืองไทยเรา เราอยากว่าอย่างนั้น หรือว่าแล้วก็ไม่ทราบ ต้องขออภัยถ้าว่าไปแล้วก็ดี หากผิดไป ถ้าไม่ผิดให้ท่านทั้งหลายนำไปเป็นคตินะ นี่คือความสุรุ่ยสุร่าย เป็นการทำลายตัวเอง ทำลายสังคม ตลอดลูกหลานจะถือเป็นตัวอย่างอันเลวร้ายไปใช้ เหลวแหลกไปหมดนะ ให้ต่างคนต่างประหยัดมัธยัสถ์ทุกอย่าง

การอยู่การกินพ่อแม่เราเลี้ยงมายังไง เราจะแซงหน้าพ่อแม่ไปแล้ว แซงเพื่อความล่มจมนะไม่ใช่ของดี สิ่งเหล่านี้จะพาให้ล่มจมทั้งนั้น ให้พากันตั้งใจระมัดระวังรักษา นี่ในนามของหลวงตาเป็นผู้นำ จึงต้องนำทุกด้าน นำทางอย่างนี้ก็เห็นนี่ นำทางด้านวัตถุ เพราะเห็นว่าชาติไทยของเรานี้ขาดแคลนทางด้านวัตถุ การอยู่การกินการใช้การสอยขาดแคลน นี่คือด้านวัตถุ แล้วด้านวัตถุที่ขาดแคลนมาจากอะไร ก็ต้องมาจากจิตใจ จิตใจที่ขาดศีลขาดธรรมย่อมเป็นจิตใจที่เหลวไหลโลเล หาประมาณไม่ได้ การอยู่การกินการใช้การสอยให้กิเลสฉุดลากไป ความโลภไม่มีประมาณ ความโกรธไม่มีประมาณ ราคะตัณหาเป็นบ้ากันทั้งบ้านทั้งเมือง นี่คือสิ่งทำลาย ออกไปจากจิตใจที่ไม่มีธรรมเป็นเครื่องยึดเหนี่ยวเอาไว้ ไม่มีธรรมเป็นเครื่องยับยั้งก็เหลวแหลกไปได้ เพราะฉะนั้นจิตใจกับธรรมต้องให้ควบคู่กันไป ให้มีธรรมเป็นเครื่องปกครองเสมอ แล้วจะเป็นคนประหยัดมัธยัสถ์ เป็นคนรู้เนื้อรู้ตัวไปโดยลำดับ

วันนี้พูดก่อนเวลาเล็กน้อย แล้วต่อไปนี้จะมีการถ่ายอะไร ๆ เราต้องการให้ถ่ายให้พี่น้องชาวไทยได้เห็นผลของงานแห่งการเสียสละของเรา ที่ออกมาจากความรักชาติ วันนี้ปรากฏเป็นทองขึ้นมาแล้ว ๘๓ แท่ง ๆ ละ ๑๒.๕ กิโล นำมาให้พี่น้องชาวไทยเราได้เห็นทั่วหน้ากัน นี้ผลแห่งงานของเราที่เกิดจากความรักชาติและความเสียสละ แล้วให้ต่างคนต่างพยายาม เรายังจะช่วยชาติของเรานี้ต่อไปอีก เหมือนกับการรับประทาน รับประทานจนอิ่ม ไม่อิ่มรับประทานจนอิ่ม อันนี้อย่างน้อยให้ทรงตัวได้เมืองไทยของเรา มากกว่านั้นให้สมบูรณ์พูนผลด้วยความรักชาติ ด้วยความเสียสละของเราทุก ๆ คน อย่างนี้ผลเห็นแล้วนี่ความเสียสละเป็นอย่างนี้ ความรักชาติเป็นอย่างนี้ ให้เห็น นี่เรียกว่ายกขึ้นไม่ใช่เหยียบลง ดูเอาผลแห่งความรักชาติ ความเสียสละของเรา ปรากฏขึ้นมาให้เป็นการยกชาติไทยของเราขึ้นมา นี้เป็นอันดับแรก เรียกว่าเป็นปฐมฤกษ์

แล้วที่หลวงตามีความแป้วใจ(เสียใจ)อยู่อย่างหนึ่ง ไม่สนิทใจนักก็คือว่า เราอยากได้เงินสด ๓ ล้านดอลลาร์มาวางกองพะเนินให้พี่น้องชาวไทยของเราได้เห็นต่อหน้าต่อตากัน เหมือนกับทองคำที่วางอยู่เวลานี้ แต่ก็ขัดด้วยเหตุผลกลไกต่าง ๆ ซึ่งเป็นเหตุผลที่ฟังขึ้น ดีกว่าที่เราจะยกเงินดอลลาร์ทั้งหมดมาวางไว้นี้ อันนี้เสี่ยงทุกอย่าง พะรุงพะรังยุ่งเหยิงวุ่นวายการโยกการย้ายต่าง ๆ ตลอดถึงความปลอดภัยก็ไม่แน่ เป็นภาระไปหมด นำมาเพียงเช็ค ๓ ล้านดอลลาร์มาประกาศ ซึ่งเป็นจำนวนเงินดอลลาร์เท่ากันกับที่เราเก็บไว้ในคลัง ก็สมบูรณ์เหมือนกัน

เพราะฉะนั้นวันนี้จึงจำต้องเอาดอลลาร์ ๓ ล้านมาประกาศให้พี่น้องทั้งหลายทราบ แทนการวางเงินสดดอลลาร์ ๓ ล้านในวันนี้ กรุณาพี่น้องทั้งหลายได้ทราบ ด้วยเหตุผลอย่างนี้ สำหรับใจหลวงตาเองนั้นอยากได้กองดอลลาร์นี้มาเต็มให้พี่น้องทั้งหลายได้เห็น แต่เหตุผลไม่อำนวย เหตุผลอำนวยทางด้านนำเช็คมานี้ปลอดภัยกว่า ไม่ยุ่งเหยิงวุ่นวาย พิจารณาแล้วเรายอมรับ เมื่อเรายอมรับแล้วก็ปฏิบัติตามนั้น จำต้องเอาเช็คมาประกาศให้พี่น้องทั้งหลายทราบแทนดอลลาร์ ๓ ล้านนั้นในวันนี้ สำหรับทองคำก็ได้เห็นทั่วหน้ากันแล้ว ดอลลาร์ให้ดูเช็คแทนเอานะ เช็ค ๓ ล้านดอลลาร์นี้แลคือเงินสด ๓ ล้านดอลลาร์ในคลังหลวงของเรา มาแทนกันเท่านั้นละ สมบูรณ์แบบ จำนวนเท่ากัน เราตัดความยุ่งยากวุ่นวาย ความเสี่ยงต่าง ๆ นั้นออกหมด เอาเช็คมาประกันไว้เลยเทียว เป็นความบริสุทธิ์เท่ากัน

พิธีกร ต่อไปนี้จะอ่านคำที่หลวงตาเจริญพรไปถึงท่านผู้ว่าการนะครับ

เจริญพร ท่านผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย

ตามที่หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน วัดป่าบ้านตาด อ.เมือง จ.อุดรธานี เป็นผู้นำเชิญชวนบริจาคเงินดอลลาร์ เงินสกุลต่างประเทศ ทองคำและเงินบาท เพื่อนำเข้าโครงการช่วยชาติโดยหลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน ช่วยกอบกู้สถานภาพของประเทศไทย ที่กำลังประสบภาวะเศรษฐกิจและสังคมตกต่ำในปัจจุบันให้ผ่านพ้นไปด้วยดี โดยเริ่มต้นเปิดโครงการมาตั้งแต่วันที่ ๑๒ เมษายน พ.ศ. ๒๕๔๑ โดยทำความตกลงกับธนาคารแห่งประเทศไทย จะนำเงินดอลลาร์ให้ธนาคารแห่งประเทศไทย นำเข้าบัญชีประเทศไทย เป็นทุนสำรองระหว่างประเทศ Federal Reserve Bank (FRB) นิวยอร์ค ประเทศสหรัฐอเมริกา โดยได้มอบเงินดอลลาร์ เงินสกุลต่างประเทศงวดแรกให้ธนาคารแห่งประเทศไทยนำเข้าบัญชีดังกล่าว จำนวนเงิน ๑,๒๗๘,๐๐๐ ดอลลาร์สหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ ๖ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๔๑ แล้วนั้น ในโอกาสนี้ท่านอาจารย์ขอมอบเงินดอลลาร์ในส่วนที่รับบริจาคเพิ่มจำนวนประมาณ ๓ ล้านดอลลาร์สหรัฐอเมริกา ให้ธนาคารแห่งประเทศไทยนำเข้าบัญชีประเทศไทย เป็นทุนสำรองระหว่างประเทศ Federal Reserve Bank (FRB) นิวยอร์ค ประเทศสหรัฐอเมริกา งวดที่สอง พร้อมกับมอบทองคำแท่งขนาดตามมาตรฐานสากล น้ำหนัก ๑๒.๕ กิโลกรัม ทองคำความบริสุทธิ์ ๙๙.๙๙ % จำนวน ๘๓ แท่ง จำนวนประมาณ ๑,๐๓๗.๗๘๕๕๐ กิโลกรัม เป็นทุนสำรองทางการงวดที่หนึ่ง จึงขอให้ธนาคารแห่งประเทศไทยรับมอบเงินดอลลาร์และทองคำแท่งครั้งนี้ และโปรดดำเนินการให้ตามนี้ด้วย

เจริญพรในธรรมถึงท่านผู้ว่าการพร้อมนี้

พระมหาบัว ญาณสัมปันโน

เจ้าอาวาสวัดป่าบ้านตาด

ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย กล่าวตอบรับ

นมัสการพระคุณท่านพระราชญาณวิสุทธิโสภณ

ตามที่พระคุณท่านได้เมตตาเสียสละ เป็นผู้นำรณรงค์เชิญชวนให้ประชาชนคนไทยทั่วประเทศได้มีส่วนร่วมบริจาคทรัพย์ช่วยชาติ ในยามที่ประเทศชาติประสบภาวะวิกฤตเศรษฐกิจ โดยจัดตั้งโครงการช่วยชาติโดยหลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน ขึ้นมา และดำเนินการอย่างต่อเนื่องมาตั้งแต่วันที่ ๑๒ เมษายน ๒๕๔๑ จนถึงปัจจุบัน เป็นเวลา ๑ ปี ๒๒ วัน ปรากฏว่าได้มีผู้จิตศรัทธาบริจาคทรัพย์ทั้งในรูปเงินบาท เงินตราต่างประเทศ ทั้งที่เป็นดอลลาร์สหรัฐอเมริกา และเงินตราต่างประเทศสกุลอื่น และในรูปทองคำเป็นจำนวนมาก ยากที่จะมีผู้ใดสามารถกระทำได้เช่นพระคุณท่าน ในส่วนที่เป็นเงินดอลลาร์สหรัฐอเมริกา พระคุณท่านได้เมตตามอบให้ธนาคารแห่งประเทศไทยแล้วครั้งหนึ่งเมื่อวันที่ ๖ กรกฎาคม ๒๕๔๑ จำนวน ๑,๒๗๘,๐๐๐ ดอลลาร์ ซึ่งธนาคารก็ได้นำเข้าสมทบเป็นทุนสำรองระหว่างประเทศของทางการเรียบร้อยแล้ว และในวันนี้พระคุณท่านก็ได้เมตตามอบให้อีกเป็นงวดที่สอง จำนวน ๓ ล้านดอลลาร์สหรัฐอเมริกา และพร้อมนี้ก็ได้มอบทองคำแท่งจำนวน ๘๓ แท่ง น้ำหนักรวม ๑,๐๓๗.๗๘๕๕๐ กิโลกรัม เพื่อนำเข้าสมทบเป็นเงินทุนสำรองระหว่างประเทศของทางการเช่นเดียวกัน กระผมในนามของธนาคารแห่งประเทศไทย รู้สึกซาบซึ้งในเมตตาธรรมของพระคุณท่านเป็นอย่างยิ่ง และจะได้นำเงินดอลลาร์สหรัฐอเมริกาและทองคำที่ได้รับมอบในวันนี้ทั้งหมด เข้าเป็นเงินทุนสำรองระหว่างประเทศของทางการ ตามความประสงค์ของพระคุณท่าน

ในโอกาสนี้ธนาคารแห่งประเทศไทยขอน้อมถวายเกียรติคุณบัตรแก่พระคุณท่าน เพื่อเป็นเครื่องหมายแห่งการรับมอบ และแสดงออกซึ่งความขอบคุณอย่างสูงต่อพระคุณท่าน ณ โอกาสนี้

หลวงตา วันนี้จะไม่พูดอะไรมากนัก เพราะเริ่มต้นก็ได้พูดให้พี่น้องชาวไทยของเราทั้งหลายทราบเรียบร้อยแล้วเป็นระยะ ๆ มา นี่เราทั้งหลายก็ได้เห็นแล้วต่อหน้าต่อตา กองทองคำดังที่ได้บรรยายไว้เรียบร้อยแล้วกับดอลลาร์ ก็ได้เข้าสู่คลังหลวงแห่งประเทศไทยของเราอย่างเรียบร้อยแล้ว ต่อไปนี้จึงขอขอบคุณและอนุโมทนาแก่พี่น้องชาวไทยเราทั้งชาติได้มีกำลังใจ เพราะได้เห็นสักขีพยานการเสียสละด้วยความรักชาติของตน ได้เข้ามาสู่ธนาคารแห่งชาติ คือเป็นทองคำและดอลลาร์ให้เห็นชัดเจนแล้วในวันนี้ นี่เป็นผลแห่งความรักชาติ แห่งความเสียสละของพี่น้องชาวไทยเราทุกคน ได้แสดงขึ้นมาเป็นการอุ้มชาติบ้านเมืองให้เห็นประจักษ์

แล้วต่อนี้ไปก็ขอทุกท่านได้ทำความอุตส่าห์พยายาม บำรุงรักษาชาติไทยของเรา ด้วยสมบัติเงินทองดังที่เคยทำมาแล้วนี้ด้วย และขอให้นำธรรมะเข้าสู่จิตใจ เป็นเครื่องปรับปรุงต้นเหตุแห่งการรักชาติบำรุงชาติของเราต่อไป เพราะวัตถุที่ได้นำมาเพื่อหนุนชาติของเราเวลานี้ เป็นเรื่องเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ส่วนใหญ่ขึ้นอยู่กับจิตใจของคนไทยทั้งชาติ จะตั้งตัวได้หรือจะล้มเหลวไปด้วยเหตุผลกลไกอะไรนี้ ขึ้นอยู่กับเราที่จะต้องได้รับการอบรมศีลธรรม อันเป็นเครื่องยืนยันความปลอดภัย และความสงบร่มเย็นแห่งชาติไทยของเรา นับตั้งแต่ตัวของเรา ก้าวเข้าสู่ครอบครัวสังคมต่าง ๆ จนกระทั่งทั่วประเทศไทย ให้มีความประพฤติหน้าที่การงานด้วยความสะอาดสะอ้าน อย่าสร้างความสกปรกโสมมเข้าในตัวเอง นี่ท่านเรียกว่าการสร้างบาป

บาปนั้นเป็นผลให้เกิดความทุกข์ความทรมาน ทำในตัวเองไม่เกี่ยวข้องกับใครก็เป็นความทุกข์ในตัวเอง ถ้าเกี่ยวข้องกับสังคมครอบครัวก็เป็นทุกข์ในครอบครัวและสังคม กระเทือนไปถึงชาติบ้านเมืองเรา เพราะความสกปรกนี้นำมาแห่งความฉิบหายและความประพฤติ เพราะการประพฤติตัวเหลวแหลกแหวกแนว เนื่องจากใจไม่ได้รับการอบรมธรรมที่ถูกต้องดีงาม จึงมีสิ่งหนึ่งในภาษาของศาสนาท่านเรียกว่ากิเลส กิเลสนั้นคือความสกปรก เข้าสู่ที่ไหนสกปรกที่นั่น สถานที่อยู่ของกิเลสความสกปรกนี้อยู่ที่ใจของสัตวโลกทั่ว ๆ ไป ไม่ได้อยู่ดินฟ้าอากาศ ไม่ได้อยู่ตึกรามบ้านช่องสถานที่แห่งใดในน้ำบนบก กิเลสความสกปรกนี้ไม่ไปอยู่ แต่อยู่ที่จิตใจของสัตวโลก

เฉพาะอย่างยิ่งเราเป็นชาวพุทธ กิเลสความสกปรกนี้มักจะมาอยู่กับชาวพุทธนี้มากกว่าที่อื่น ๆ เพราะฉะนั้นเราจงกำจัดความสกปรกคือกิเลสตัวนี้ มันแสดงออกเป็นความโลภ เป็นความโกรธ เป็นราคะตัณหา เหล่านี้ล้วนแล้วตั้งแต่ความสกปรก สร้างความชั่วช้าลามก แล้วก็สร้างความทุกข์ให้ไม่มีประมาณจากความไม่พอแห่งกิเลสนี้แลฉุดลากไปตลอด จึงขอให้พี่น้องทั้งหลายยึดหลักธรรม ดังที่กล่าวมาสักครู่นี้ก็คือการประหยัดมัธยัสถ์ ขอให้ต่างคนต่างประหยัด มีสติธรรมเป็นเครื่องระลึกรู้ตัว ฐานะของตัว ขั้นภูมิของตัวเป็นอย่างไร ให้ปฏิบัติตนตามขั้นตามภูมิ อัตตัญญุตา รู้จักตน กาลัญญุตา รู้จักกาลเวล่ำเวลา ปริสัญญุตา รู้จักสังคมที่ควรจะประพฤติต่อกันอย่างไรอันเป็นเหตุจะให้เกิดมงคล ให้เรานำธรรมะนี้เข้าไปปฏิบัติ เรียกว่าสติธรรม มีความระลึกรู้ตัวอยู่เสมอ

คนมีสติย่อมผิดกันกับคนหาสติไม่ได้ มีสติย่อมระลึกรู้ตัว แล้วก็ฐานะของตัวเป็นยังไง สิ่งใดที่เกี่ยวข้องกับตัวในการจับจ่ายใช้สอยการเป็นอยู่ปูวายอย่างไรบ้าง พินิจพิจารณาเรียบร้อยแล้วค่อยทำลงไป นี่เรียกว่าผู้มีสติ ปัญญาครอบอยู่ในนั้นด้วย ใช้ความพินิจพิจารณา อย่าปล่อยเนื้อปล่อยตัวจนเกินเหตุเกินผลไม่ดีเลย นี่ท่านเรียกว่าความสกปรกอยู่ในใจ ขอให้นำธรรมซึ่งเป็นน้ำที่สะอาดนี้เข้าไปชะล้างสิ่งสกปรกภายในใจของเราที่เรียกว่ากิเลส อย่างอื่นชะล้างไม่ได้ กิเลสกลัวแต่ธรรมอย่างเดียว อย่างอื่นไม่กลัว ไม่มีสิ่งใดในสามแดนโลกธาตุนี้ เพราะอยู่ใต้อำนาจของกิเลสครอบไว้หมด กิเลสจึงไม่กลัวอันใดทั้งนั้น กลัวแต่ธรรมอย่างเดียว ธรรมเข้าจุดไหนกิเลสแตกกระจัดกระจายไปที่นั่น ๆ เพราะฉะนั้นจงเอาธรรมเข้าสู่ตัว

ความสุรุ่ยสุร่ายในการอยู่การกินการใช้การสอยนี้เป็นเรื่องของกิเลส ฟังแต่ว่าสุรุ่ยสุร่าย คือเกินเหตุเกินผลเกินความพอดี เป็นเรื่องของกิเลสฉุดลากไปทั้งนั้น ให้นำความรู้จักประมาณ นำสติธรรม ปัญญาธรรม เข้าไประมัดระวังรักษาคัดเลือกก่อนที่จะเคลื่อนไหวกายวาจาใจ และการทำการพูดทุกอย่างให้มีสติธรรมเป็นเครื่องรักษาอยู่เสมอ นี่เรียกว่าธรรมเข้าไปกำจัดสิ่งสกปรกทั้งหลายเหล่านั้น นั่นละท่านเรียกว่าธรรม คำว่าธรรมจึงเป็นธรรมชาติที่สัตวโลกตายใจได้ทั่วแดนโลกธาตุ ขอให้นำธรรมนี้เข้ามาปฏิบัติ การอยู่การกินการใช้การสอยให้มีสติธรรม ปัญญาธรรม บังคับตนเองเสมอ เรียกว่าผู้มีธรรมในใจ บ้านเมืองของเราเป็นส่วนรวมก็จะมีความแน่นหนามั่นคงขึ้น จากชาวไทยของเราแต่ละคน ๆ รู้จักประมาณการเป็นอยู่ปูวายทุกอย่าง แล้วหนุนชาติของเราขึ้นมา นี่เรียกว่าช่วยชาติไทยโดยทางเหตุ เรียกว่าต้นเหตุ ช่วยอย่างนี้

ปลายเหตุดังที่เห็นอยู่นี้แหละ คือเงินทองข้าวของที่นำมานี้มาเจือจุนอุดหนุนสิ่งที่บกพร่องให้หนุนตัวขึ้นมา แต่ส่วนต้นเหตุคือความประพฤติของชาติไทยเรานี้ ต้องมีความหนักแน่นเสมอ อย่าปล่อยตัว แล้วชาติไทยของเราก็จะค่อยเจริญรุ่งเรืองขึ้นมา เพราะการอุดหนุนของเราด้วยความประพฤติ ให้มีธรรมเป็นขอบเขตแล้วจะอยู่เย็นเป็นสุข วันนี้จะไม่พูดอะไรมากนักแหละ เพราะได้พูดมามากต่อมากแล้ว

ระยะนี้หลวงตาก็อายุได้ ๘๕ ปีกับ ๘ เดือนแล้ว การเทศนาว่าการนั้นงดมา ๕ ปีแล้ว ไม่เคยสั่งสอนที่ใด ๆ เขานิมนต์ไปในงานไหนไม่ไปเลย แม้ที่สุดพระในวัดก็ไม่ให้การอบรมตามที่เคยปฏิบัติมา เวลานี้ก็เห็นชาติบ้านเมืองของเรา รู้สึกว่าคลอนแคลนเอนเอียงไปมาก จึงต้องได้อุตส่าห์พยายามตะเกียกตะกาย แบกร่างอันเฒ่าแก่นี้มาช่วยชาติบ้านเมืองของเรา ด้วยการแนะนำสั่งสอน การชักชวน การบิณฑบาต ทั้งวัตถุได้แก่เงินทอง ดอลลาร์ ทั้งด้านนามธรรมได้แก่ศีลธรรมให้แก่พี่น้องทั้งหลายยึดไปปฏิบัติ จะเป็นความมั่นคงภายในอันสำคัญ

ภายในสำคัญนี้คือใจ ให้มีศีลธรรมเป็นเครื่องระงับดับความสกปรกเหล่านี้ คือกิเลส อย่าโลภมากจนเกินไป เราอย่าเข้าใจว่าความโลภมากจะพาคนเป็นเศรษฐี จะพาคนถึงความสุขความเจริญจนกระทั่งถึงบรมสุขได้ ความโลภมากนี้คือกิเลส เป็นสิ่งที่ราวี เป็นสิ่งที่ทำลายโลกให้เสียหายไปโดยลำดับ ใครโลภมากเท่าไรคนนั้นยิ่งมีความทุกข์มาก เพราะดีดดิ้นมาก เมื่อไม่สมหวังแล้วก็จม ๆ จึงขอให้ทราบไว้ว่าความโลภมากนี้เป็นทางแห่งความล่มจม ไม่ใช่เป็นทางแห่งความเจริญรุ่งเรือง ความรู้จักประมาณต่างหาก พระพุทธเจ้าท่านสอนให้รู้จักประมาณ ความอยากนั้นอยากทั้งคนมีคนจน ทุกเพศทุกวัยอยากด้วยกัน เพราะไม่ใช่คนตาย แต่ความอยากอยู่ในขอบเขตแห่งศีลแห่งธรรมนี้ไม่มีความเสียหายแต่อย่างไร ส่วนความอยากที่เป็นกิเลสซึ่งเป็นข้าศึกของธรรมนั้น เป็นอันตรายโดยแท้ จึงพากันระมัดระวังอย่าโลภมาก

อย่าอยากนอกรีตนอกรอยจากศาสนารับรอง เป็นเรื่องของกิเลสนำไปถลุงเสียทั้งนั้นแหละ อยากมากเท่าไรยิ่งดีดยิ่งดิ้นมาก ขวนขวายมาก ความทุกข์หมุนติ้วภายในใจหาความสงบไม่ได้ เพราะความอยากความทะเยอทะยาน ความดีดความดิ้นรบกวนภายในใจ นอนก็ไม่หลับเพราะความอยากมาก สุดท้ายเมื่อไม่สมหวังแล้วความทุกข์มหันตทุกข์ก็กองอยู่กับคนคนนั้น นี่โทษแห่งความโลภมากทำคนให้เสียหายและล่มจมไปได้

แล้วราคะตัณหาก็ขอให้พี่น้องทั้งหลายเอามันให้อยู่นะ ราคะตัณหาเวลานี้กำลังออกสนามตีตลาดทั่วประเทศไทยแดนแห่งชาวพุทธของเรา คำว่าชาวพุทธ ๆ รู้สึกว่าจะตกทะเลไป ๆ มีแต่กามกิเลสกามราคะนี้ครองบ้านครองเมือง ไปที่ไหนเดือดร้อนวุ่นวายไปที่นั่น เข้ามาในบ้านในเรือนก็มาทะเลาะเบาะแว้งกับผัวกับเมียกันนั้นแหละ เพราะราคะตัณหากินไม่อิ่มกินไม่พอ ความหน้าด้านอยู่กับตัวนี้หมด ให้เท่าไรไม่พอ ๆ เหมือนไฟได้เชื้อ ไสเชื้อเข้าไปมากเท่าไรไฟยิ่งแสดงเปลวหนักขึ้น ๆ นี่เราหาเชื้อไฟเข้ามาพอกพูนราคะตัณหานี้ก็เหมือนกับไฟได้เชื้อนั่นเอง มันจะลุกลามมากไป ๆ

จึงขอให้พากันอยู่โดยมีขอบเขต อย่าแบบลามปาม ลามปามนั้นมันเป็นไฟได้เชื้อ จะเผาโลกให้ฉิบหายทั้งเป็นไปได้ ให้พากันระมัดระวัง ศีลข้อที่สามพระพุทธเจ้าบังคับไว้แล้วให้ฆราวาสชาวพุทธของเราอยู่ด้วยกันเป็นผาสุก คือให้ต่างคนต่างมีขอบเขต มีผัวแล้วให้ทราบว่าตนมีผัวแล้ว อย่าไปยุ่งเหยิงวุ่นวายกับชายอื่นซึ่งเป็นข้าศึกอย่างมากมาย และสร้างกรรมอันหนักต่อหัวอกของผัวเราเอง ผัวก็เหมือนกันมีเมียแล้วให้ทราบว่ามีเมียแล้ว มีฝั่งมีฝามีผู้ประกันไว้แล้ว อย่าแส่หาผู้หญิงนอกบ้านนอกเมือง ผู้หญิงกาฝากจะมากัดตับกัดปอดเราให้แหลกเหลวไปหมด

นี่ละราคะตัณหาไปที่ไหนมันลุกลามไปหมด เพราะฉะนั้นจึงต้องมีศีลข้อที่สามนี้บังคับเอาไว้ ให้ครอบครัวเหย้าเรือนหนึ่ง ๆ อยู่ด้วยกันเป็นผาสุก ท่านเรียกว่ากามคุณ กามเป็นคุณ คือเป็นคุณโดยที่มีธรรมเป็นเครื่องกำกับรักษาเอาไว้ไม่ให้ลุกลาม ผัวเดียวเมียเดียวเท่านั้นเป็นสุขมากที่สุดแล้ว อย่าพากันเสาะแสวงหาหลายผัวหลายเมียซึ่งเป็นไฟลามทุ่ง นอกขอบเขตแห่งธรรมที่สอนไว้แล้วเป็นไฟทั้งนั้น ที่เป็นคุณก็คือปฏิบัติตามขอบเขตมีผัวเดียวเมียเดียว อย่ายุ่งอย่าเหยิงกับหญิงกับชายใด ๆ สิ่งเหล่านั้นให้ถือเป็นข้าศึกอย่างยิ่งต่อตัวและครอบครัวของเรา บั่นทอนและทำลายครอบครัวได้ ทำลายความสุขความสงบเย็นภายในใจได้ไม่มีอะไรเกินราคะตัณหา เมื่อถูกมันฉุดลากไปหรือคล้อยตามมันแล้วจะเป็นอย่างนั้น

จงพากันนำศีลข้อที่สามนี้บังคับให้แน่นหนามั่นคง เพราะกิเลสตัวนี้เป็นกองทัพใหญ่ จะต้องใช้กองทัพธรรมอย่างหนักต้านทานกัน ไม่อย่างนั้นไม่อยู่ อย่างอื่นกิเลสไม่กลัว กลัวแต่ธรรม เฉพาะอย่างยิ่ง กาเมราคะตัณหามันกลัวธรรมข้อนี้มาก จงพากันนำไปปฏิบัติ ผัวเมียจะมีความยิ้มแย้มแจ่มใส อยู่เป็นผาสุก ฝากเป็นฝากตายกันได้ ไม่มีสมบัติใดจะให้ความสุขยิ่งกว่าความมักน้อย มีความยินดีในผัวเดียวเมียเดียวนี้ เงินหมื่นเงินแสนต้องมาเป็นเครื่องมือให้ผู้มีศีลธรรมนี้ ได้รับความสะดวกสบายไปโดยลำดับ แต่ถ้าขาดศีลข้อนี้ธรรมข้อนี้แล้ว จะเป็นเงินล้าน ๆ ก็กลายมาเป็นกองไฟเผาไหม้คนไม่มีศีลธรรมให้แหลกเหลวไปได้หมด จึงขอให้พี่น้องทั้งหลายได้ยึดศีลข้อนี้ไว้ให้ดี

เวลานี้กำลังลุกลามมากทีเดียวน่าอิดหนาระอาใจ เพราะต่างคนต่างเสริมไม่รู้เนื้อรู้ตัว ธรรมตกไปฟากห้าทวีป ๆ เพราะกามกิเลสมันลุกลาม ฉะนั้นให้พากันระงับดับมันด้วยกองทัพธรรม มีศีลข้อที่สามเป็นสำคัญ บีบบังคับเอาไว้ กิเลสตัวนี้จะไม่ลุกลาม สามีภรรยาลูกเต้าหลานเหลน จะพากันอยู่เป็นผาสุกร่มเย็นด้วยกัน วันนี้พูดธรรมะเพียงย่อ ๆ เท่านี้แหละ และต่อไปนี้จะมีหน้าที่อะไรก็ให้พากันทำ ขอความสวัสดีจงมีแก่พี่น้องทั้งหลายโดยทั่วกันเทอญ

พิธีกร อันดับต่อไปก็จะทำพิธีทอดผ้าป่านะครับ ขอเรียนเชิญทุกท่านตั้งใจกล่าวคำถวายผ้าป่า โดยเบื้องต้นนี้ขอให้ตั้ง นโม สามจบพร้อมกันไปเลยนะครับ

หลวงตา ขอเผดียงให้พี่น้องทั้งหลายทราบอีกครั้งหนึ่งว่า เวลานี้เงินสดของเราที่อยู่ในธนาคาร เงินสดไทยเราที่อยู่ในธนาคารเวลานี้มีประมาณ ๘๕๑ ล้านบาท ได้เก็บไว้ในธนาคาร ยังไม่ได้จับจ่ายไปที่ไหน ต้องได้พิจารณาเรียบร้อยก่อนที่จะโยกย้ายสมบัติของชาติไทยเราออกมาช่วยชาติของเราแต่ละครั้ง ๆ หลวงตาได้พิจารณาเต็มกำลังความสามารถทุกด้านทุกทางไป ก็ขอให้พี่น้องทั้งหลายไว้วางใจได้เลยว่า เราช่วยชาติคราวนี้เราช่วยด้วยความเมตตาล้วน ๆ ไม่มีอะไรเคลือบแฝง มลทินจึงไม่มี เพราะความเมตตาครอบไปหมด แล้วเงินที่เก็บไว้นี้ก็เรียนให้ทราบว่า เก็บไว้ยังไม่จ่าย ต้องได้พิจารณาเรียบร้อยก่อน สมควรที่จะโยกย้ายเงินเหล่านี้ไปทำประโยชน์แก่ชาติไทยของเรามากน้อยเพียงไร สถานที่ใดบ้าง จะพิจารณากันทีหลัง และจับจ่ายไปตามที่เห็นสมควรแล้วทุกแห่งไป กรุณาทราบตามนี้ด้วย

(หันมาพูดกับลูกศิษย์) ความเชื่อถือความลงใจสำคัญมาก นี่เขาก็เห็นการดำเนินของเราสะอาดมาตลอดใช่ไหมล่ะ ไม่มีมลทินด่างพร้อยอะไรเข้ามาเคลือบมาแฝงเลย ราบรื่นตลอดมา เพราะเราทำด้วยความเป็นธรรมล้วน ๆ เราจึงบอกว่าอย่าฟังเสียงใครนะ ให้ฟังเสียงเราคนเดียวเราบอกอย่างนั้น เราเป็นผู้ดำเนิน ใครที่พูดซุบ ๆ ซิบ ๆ ปากสกปรกมันพูดได้ทั่วไปนั่นแหละ อย่าไปฟังเราว่าอย่างนี้เลย มันไม่ทำงานอะไรนะพวกนี้ มีแต่ทำให้สกปรก เราผู้ทำงานแทบเป็นแทบตาย ให้ฟังผู้นี้นะ

ให้พี่น้องชาวไทยของเราดำเนินก้าวเดินไปตามนี้นะ นี่เป็นช่วยปฐมฤกษ์ครั้งแรก เป็นปฐมฤกษ์แห่งการช่วยชาติไทยของเรา แล้วต่อไปเราก็เสาะแสวงหามาอีกอย่างนี้แหละ ได้มากน้อยช่วยกันไปลำดับลำดาอย่างนี้ ต่อมาก็จะเป็นกอบเป็นกำอย่างนี้ให้เห็น เมื่อมากพอสมควรแล้วก็จะเข้าคลังหลวง ๆ ไม่ไปไหนแหละ เข้าที่นี้หมด

วันนี้ทองคำยังไม่ได้ ดอลลาร์ เงินสดยังไม่ได้ใครอย่าด่วนออกประตูนะ รีบไปปิดประตูไว้ก่อน ไล่เบี้ยเอาเงินดอลลาร์เอาทองคำหมดแล้วค่อยเปิดประตู ไล่ออกเลยนะ เวลานี้ยังไม่ให้ออก ให้รอไว้ก่อน รอกวาดเอาดอลลาร์เอาทองคำ ใครอยากออกประตูให้เอาทองคำมาแล้วออกได้ที่นี่ นั่นมาแล้ว กำลังเริ่มเข้ามาอีกแล้ว จะหนุนกันเป็นก้อนอย่างนี้แหละ หนุนมาเรื่อย ๆ อย่างนี้

หลวงตาได้พยายามที่สุดที่จะช่วยชาติบ้านเมืองของเราให้กระเตื้องขึ้นมาโดยลำดับ ด้วยน้ำใจที่เต็มไปด้วยเมตตาล้วน ๆ เรื่องปัจจัยเงินทองอะไรก็ดีที่ได้บริจาคมานี้ขอพี่น้องทั้งหลายตายใจได้เลยว่า หลวงตาเป็นผู้รับผิดชอบในทองคำ ดอลลาร์ เงินสด แต่ผู้เดียว หลวงตาเป็นผู้ถือบัญชีเป็นผู้ทั้งเก็บทั้งจ่าย หลวงตาเป็นผู้ควบคุมเงินแต่ผู้เดียว จึงไม่มีคำว่ารั่วไหล ไม่มีคำว่าไปไหนเลย ขอพี่น้องทั้งหลายตายใจได้เลย

มาใครยังไม่ให้ทองคำ ดอลลาร์ เงินสดมาให้ อย่าด่วนออกประตูนะ หาตำรวจไปกั้นประตูไว้อย่าด่วนให้ออก ต้องตรวจตราเสียก่อนได้ให้แล้วยัง ถ้าให้แล้วไล่ออกเลยอย่าให้อยู่ ถ้ายังไม่ได้ไม่ให้ออก ปิดไว้ก่อน นี่เรียกว่าโฆษกเข้าใจไหม โฆษกต้องเป็นอย่างนี้

เอ้า ช่วยกันให้เต็มเหนี่ยว วันนี้เป็นวันปฐมฤกษ์ของเราอย่างยิ่งแล้ว เป็นวันยิ่งใหญ่แห่งชาติไทยของเรา ทองคำมาเรื่อย ต่อไปก็จะเป็นกองอย่างนี้แหละทองคำนี่ อะไร ๆ ก็ได้พูดกับพี่น้องทั้งหลายแล้ว กรุณานำธรรมะเข้าไปปฏิบัติตัวเอง เพื่อความฟื้นฟูจิตใจของเราและชาติไทยของเราขึ้น

ทองถอดจากคอครับผม เออ เอามา เก่งมาก ถอดจากคอมาเลยทีเดียว หลวงตารู้สึกน้อยใจไม่มีทองคำบนคอ ถ้ามีทองคำบนคอแล้วจะถอดแข่งกันเลยทันที เท่านี้ก็พอใจกับลูกศิษย์แล้วแหละ หลวงตาไม่มีทองคำมีแต่น้ำใจ มีแต่ธรรมกับน้ำใจ วันนี้พี่น้องทั้งหลายต่างท่านต่างรวมกันมาดูผลแห่งงานของตนที่บริจาคเรื่อยมา ตั้งแต่เริ่มงานช่วยชาติบ้านเมืองของเราจนกระทั่งถึงวันนี้ เป็นอุดมมหามงคลอย่างยิ่งแก่ชาติไทยของเรา และพี่น้องทั้งหลายก็ได้เห็นกันทั่วหน้า ทั้งทองคำ ๑,๐๓๗ ก.ก. นี่ได้เห็นแล้ว ส่วนเงินสดนั้นไม่ได้นำออกมาให้พี่น้องทั้งหลายเห็น เพราะยุ่งยากในการเคลื่อนย้ายต่าง ๆ ดังที่เรียนให้ทราบแล้ว ได้นำแต่เช็คจำนวน ๓ ล้านดอลลาร์มาให้พี่น้องทั้งหลายได้เห็น นี่เป็นอันว่าสำเร็จลุล่วงไปแล้วด้วยน้ำใจของชาติไทยเรา รวมกันคราวนี้เป็นปฐมฤกษ์อันยิ่งใหญ่

ขอให้พี่น้องทั้งหลายได้ทราบว่านี้คือน้ำใจของคนไทยเรา ทำอย่างจริงอย่างจังเพื่อช่วยชาติของตน ใครจะมาดูถูกเหยียดหยามไม่ได้ เพราะชาติไทยของเราต่างคนต่างเสียสละ ต่างคนต่างรักษา ต่างคนต่างบำรุง ให้พากันอุตส่าห์พยายามอย่างนี้ต่อไป หลวงตาก็จะพยายามเป็นผู้นำพี่น้องทั้งหลายอย่างนี้เรื่อย ๆ ไปจนกว่าสังขารร่างกายและเหตุการณ์มาบังคับ ที่จะต้องลดหย่อนผ่อนผันหรือหยุดไปเมื่อไรนั้น แล้วแต่เหตุการณ์ เวลานี้ยังพอเป็นพอไป ก็ได้พยายามตะเกียกตะกายมานำพี่น้องทั้งหลาย ด้วยน้ำใจที่เต็มไปด้วยเมตตาล้วน ๆ

หลวงตาไม่มีอะไรติดใจแล้ว จึงได้ประกาศความบริสุทธิ์แห่งใจของตน พร้อมทั้งเป็นธรรมทั้งแท่งภายในใจนี้ ให้พี่น้องทั้งหลายได้ทราบว่า การมานำพี่น้องทั้งหลายคราวนี้ ไม่ได้มานำด้วยความหิวโหยโรยแรง เรามานำด้วยความเมตตาล้วน ๆ เราอิ่มพอทุกอย่างแล้วเรื่องอรรถเรื่องธรรม เราไม่เสาะแสวงหาธรรมอันใดอีกแล้ว ธรรมกับใจเป็นอันเดียวกันแล้ว ถ้าพูดถึงว่าที่บรรจุของธรรมในหัวใจมีขนาดไหน มีขนาดเท่าท้องฟ้ามหาสมุทรครอบโลกธาตุ คือหัวใจกับธรรมเป็นอันเดียวกัน กลายเป็นมหาสมุทรทะเลหลวงไปแล้ว

มหาสมุทรทะเลหลวงยังมีเป็นจุด เช่นมหาสมุทรกว้างอย่างนี้ก็ไม่ได้ครอบท้องฟ้าอากาศทั่วแดนโลกธาตุ แต่ธรรมนี้ครอบไปหมดเลย ธรรมในหัวใจพระพุทธเจ้าและพระอรหันต์นั้นครอบโลกธาตุ นี้ละท่านเรียกว่าธรรมมีอยู่ ธรรมอันนี้เองที่ให้ความร่มเย็นเป็นสุขแก่โลกทั้งหลายซึ่งพึ่งพิงธรรม โลกที่ไม่เกี่ยวข้องกับธรรมนั้นเป็นโลกนรกอเวจี อย่านำเข้ามาให้ใกล้ชิดติดพันกับตัวของเรา ด้วยการกระทำสกปรกโสมม พระพุทธเจ้าทรงแสดงไว้แล้วอย่างไรขอให้ยึดเป็นหลักเป็นเกณฑ์

พระพุทธเจ้าเป็นศาสดาองค์เอก ว่าบาปมีไม่เป็นอื่น มีจริง ๆ เกิดที่หัวใจ ทรงทราบในขณะที่บาปเกิดบุญเกิดในหัวใจ ว่านรกมี สวรรค์มี พรหมโลกมี นิพพานมี เปรต ผี สัตว์ประเภทต่าง ๆ เต็มท้องฟ้ามหาสมุทร เต็มทั่วแดนโลกธาตุ มี นี่คือพระญาณหยั่งทราบของพระพุทธเจ้า สมกับเป็นศาสดาเอก สอนสัตวโลกไม่มีเคลื่อนคลาดแต่อย่างใด แม้จะปรินิพพานไปแล้วก็ตาม สวากขาตธรรมที่ตรัสไว้ชอบ คือความถูกต้องดีงามแห่งการสอนนั้นถูกต้องเรียบร้อยแล้ว ขอให้พากันยึดนี้เป็นหลักใจนำไปปฏิบัติ เราจะมีหลักฐานมั่นคงขึ้นภายในใจของเรา

คนกลัวบาปย่อมไม่ทำความชั่วช้าลามก คนเสาะแสวงหาบุญย่อมทำแต่คุณงามความดี ให้เรายึดอันนี้ไว้เป็นหลักใจของเรา สมกับศาสดาองค์เอกสอนโลกด้วยความเมตตาล้วน ๆ ไม่ได้โกหกหลอกลวง เราเป็นลูกชาวพุทธขอให้ตั้งใจปฏิบัติตัวเอง ฝืนนะฝืนกิเลส กิเลสเป็นตัวข้าศึกต่อธรรม คือความสงบสุขร่มเย็นของใจเรา กิเลสจะมาตีมาต้อนมาก่อกวนตลอดเวลา อย่างที่พูดตะกี้นี้ ความโลภ ความโกรธ ราคะตัณหา นี้เป็นข้าศึกเป็นภัยอย่างยิ่งต่อจิตใจของเรา ให้นำธรรมเข้าไปต่อต้านกันแล้วจะพอมีความสงบเย็นใจ

ที่หลวงตาได้มานำพี่น้องทั้งหลายตลอดมาจนกระทั่งวันนี้ ได้นำด้วยความเมตตาล้วน ๆ เราไม่มีอะไรบกพร่องแล้วในหัวใจของเรา ปี ๒๕๔๑ กับ ๒๕๔๒ นี้เป็นปีที่หลวงตาได้เปิดหัวอกแห่งการปฏิบัติของตน คือทั้งฝ่ายเหตุได้ปฏิบัติดำเนินมาอย่างไรบ้าง ทั้งฝ่ายผลได้รับประโยชน์มากน้อยเพียงไรบ้าง ได้มาเปิดให้พี่น้องทั้งหลายฟังในสองปีนี้แล แต่ก่อนไม่เคยเปิด การแนะนำสั่งสอนโลกสอนตามแง่หนักเบาแห่งผู้มาเกี่ยวข้องมากน้อยเพียงไร แต่ปีนี้เกี่ยวข้องกับชาติไทยของเรา เราจึงต้องได้มาเปิดหัวอกในความเป็นผู้นำของพี่น้องทั้งหลายนี้ นำมาด้วยเหตุผลกลไกอะไร แบบหัวชนฝามานำหรือมานำด้วยเหตุผลกลไกอะไร นี้ละเป็นต้นเหตุที่ให้เราได้เปิดหัวอกให้พี่น้องทั้งหลายฟังทั่วถึงกัน

การปฏิบัติของหลวงตานี้พูดยันได้เลยว่า เอาชีวิตเข้าแลกกับการฆ่ากิเลส ในชีวิตนี้เราไม่เห็นข้าศึกอันใดที่หนักแน่นยิ่งกว่าข้าศึกคือกิเลสในหัวใจ การฟาดฟันหั่นแหลกจึงต้องเอาชีวิตเข้าแลกกันเลย ตั้งแต่ขึ้นเวทีคือออกปฏิบัติ อยู่ในป่าในเขานี้ล้วนแล้วตั้งแต่ขึ้นเวที ฟัดกันอย่างเต็มเหนี่ยวไม่รู้จักเป็นจักตาย ไปบางแห่งเขาตีเกราะประชุม เขานึกว่าหลวงตาบัวตายแล้วเพราะไม่ฉันจังหัน การไม่ฉันจังหันอดอาหารนี้อดเพื่อเร่งความเพียร ไม่ใช่อดเพื่อความตรัสรู้ด้วยการอดอาหาร แต่การอดอาหารนี้เป็นเครื่องสนับสนุนในการประกอบความเพียรให้เป็นความสะดวก นิสัยวาสนาของเราหยาบมันเป็นไปในทางที่ดีเพราะการอดอาหาร เราก็ต้องพยายามอด

สุดท้ายไปอยู่ที่ไหนมีแต่อดแต่ทรมานตนอย่างนั้น แล้วธรรมก็ก้าวหน้าขึ้นเป็นลำดับลำดา เห็นประจักษ์ด้วยการปฏิบัติโดยทางอดอาหาร เราทำอยู่ทั่วไป แต่ในสถานที่เช่นนั้นคงจะสะดุดใจชาวบ้านเขามาก เพราะเราไปอยู่เป็นเวลาหลาย ๆ เดือน หกวันเจ็ดวันจะออกมาบิณฑบาตสักทีหนึ่ง เจ็ดวันแปดวันออกมาบิณฑบาตสักทีหนึ่ง เรียกว่าจะตายจริง ๆ ก็ออกมา ตะเกียกตะกายออกมาจากในป่าในเขา พอบิณฑบาตฉันเรียบร้อยแล้ว พยุงได้แล้วหยุดเลย ทีนี้การภาวนาเร่งไม่มีถอย

อดอาหารนานไปเท่าไร ร่างกายอ่อนเท่าไรจิตยิ่งดีดขึ้นโดยลำดับ ละเอียดลออสง่าผ่าเผยจนอัศจรรย์ในตัวเอง ฟังนะพี่น้องทั้งหลาย ผลแห่งการต่อสู้กับกิเลสหนักขนาดนั้น เขาก็ตีเกราะประชุมลูกบ้าน เวลาลูกบ้านมาประชุมแล้ว ผู้ใหญ่บ้านเขาก็ประกาศขึ้นว่า พี่น้องทั้งหลายเห็นเป็นยังไง พระองค์นี้มาอยู่กับเราเป็นเวลาหลายเดือนแล้ว นาน ๆ เห็นมาบิณฑบาตทีหนึ่ง ๆ จนกระทั่งบัดนี้ นี่ก็หยุดไปหลายวันแล้ว ท่านไม่ตายแล้วเหรอ พวกเรารับประทานกันวันละสองมื้อสามมื้อยังทะเลาะกันได้ นี้ท่านไม่ทราบกี่วัน มาอยู่นี้ตั้งแต่เริ่มมาอยู่ ไม่ทราบกี่วันมาบิณฑบาตทีหนึ่ง ๆ ให้พากันไปดูซิ ท่านไม่ตายแล้วเหรอ ถ้าท่านไม่ตายท่านไม่โมโหโทโสอยู่เหรอ ให้พากันไปดู

แล้วเขาก็หลั่งไหลออกไปดูเรา เวลาก่อนจะไปดูผู้ใหญ่บ้านเขาก็สั่ง ให้ระวังตัวหน่อย เวลาไปหาท่านให้ระวังตัวหน่อย พระองค์นี้ไม่ใช่พระธรรมดาเป็นพระมหานะ เดี๋ยวดีไม่ดีไปหาเดี๋ยวท่านจะสับเขกเอาหลงทิศมา ให้ระวังตัวหน่อย เขาก็หลั่งไหลกันออกมา แห่กันออกมาจริง ๆ มาเต็มไปหมด นี่จะมาอะไรกัน จะมาแห่พระเวสสันดรเข้าเมืองเหรอ เราไม่ใช่พระเวสฯ นะ เขาก็บอกว่าไม่ใช่อย่างนั้น เขาก็มาเล่าเรื่องราวให้ฟังตามผู้ใหญ่บ้านสั่งเสียประกาศ พอเสร็จเรียบร้อยแล้วเราก็ไล่เขากลับเลยไม่ถึงสิบนาที

นี่คือการต่อสู้กับกิเลส เราได้ทำหนักขนาดนั้น เอาชีวิตเข้าแลก ขออภัยนั่งจนก้นแตกนั่งภาวนาหามรุ่งหามค่ำ นั่งตั้งแต่ยังไม่มืดบางวันถึงตลอดสว่าง ไม่มีข้อแม้ไม่ว่าปวดหนักปวดเบาให้ทะลักออกมาเลย ถ้าหากว่ามีข้อแม้คือเว้นแต่ปวดหนักปวดเบา เวลามันจะตายจริง ๆ มันจะหาทางออก โอ๊ย ปวดเบา เดี๋ยวปวดหนัก คือทางออกของกิเลสฉุดลากออกไป ไม่ให้มันออก เอาปวดหนักก็เอาเลย ปวดเบาเอาเลย ตั้งแต่เป็นเด็กมันขี้ใส่ตักแม่มากี่ครั้งกี่หนแล้ว แม่ทำไมเอาไปซักได้ ทีนี้ตัวขนาดเป็นพระมาแล้วขี้ใส่ผ้าตัวเองเอาไปซักไม่ได้ เอาไปฆ่าทิ้งเสีย หนักศาสนา นั่นจึงไม่มีข้อแม้ ซัดกันตลอดรุ่ง ๆ จนกระทั่งก้นแตก เพราะไม่นั่งเพียงคืนหนึ่งคืนเดียวนั่งภาวนาฆ่ากิเลส ฆ่ายากขนาดนั้นนะ

ทางสติปัญญาศรัทธาความเพียรไม่มีถอย หมุนกันติ้ว ๆ ตลอดเลย นี่ละการขึ้นเวทีไม่มีการให้น้ำ ไม่มีกรรมการแยก ระหว่างกิเลสกับธรรมซัดกันบนหัวใจคือเวที ซัดกันขนาดนั้นเรื่อยมา แล้วก็ขอสรุปความลงในภาคปฏิบัติของตน เอาชีวิตเข้าแลกจนขนาดถึงที่ว่าก้นแตก เพราะนั่งไม่ทราบว่ากี่คืน เก้าคืนสิบคืน เว้นคืนหนึ่งสองคืนนั่งตลอดรุ่ง ๆ จนกระทั่งก้นแตกเลอะหมดเลย กลางวันนี้ต้องนุ่งผ้าอาบน้ำ นุ่งผ้าสบงไม่ได้เลอะหมด นี่ละการต่อสู้กับกิเลสเป็นยังไงบ้างพี่น้องทั้งหลายทราบซิ ก่อนที่จะมาเป็นผู้นำพี่น้องทั้งหลายเป็นมาอย่างนั้นก่อน จนกระทั่งได้ถึงจุดหมายปลายทาง

การฆ่ากิเลสเอาเต็มเหนี่ยวเป็นเวลา ๙ ปีเต็ม ๆ ไม่มีหยุดมียั้งกันเลย ไม่มีกรรมการแยกตลอด จนกระทั่งถึงเวลา ๙ ปี หนักไหม กิเลสเก่งไหม สติปัญญาธรรมซัดกันเข้าไปถึง ๙ ปีถึงเอากันลงได้ เอากันลงได้ก็บอกได้เลย เวล่ำเวลานาทีประจักษ์ขึ้นในหัวใจ คือ วันที่ ๑๕ พฤษภาคม ๒๔๙๓ เวลา ๕ ทุ่มพอดี อยู่บนหลังภูเขาวัดดอยธรรมเจดีย์ จังหวัดสกลนคร เวลาดึกสงัดนั้นแลเป็นเวลากิเลสขาดสะบั้นลงจากจิตใจ ประหนึ่งว่าฟ้าดินถล่ม ซึ่งเราเกิดมาเราก็ไม่คาดไม่หมายว่าจะเป็นได้อย่างนั้น แต่เวลากิเลสขาดสะบั้นลงจากจิตใจแล้วจิตใจสว่างจ้าขึ้นมา อัศจรรย์ความรู้ความเห็นของตัวเองที่เกิดขึ้นมาในขณะนั้นโดยไม่คาดไม่ฝัน น้ำตาไม่ต้องเรียกหานะพังเลยทันที

น้ำตาร่วงอัศจรรย์ธรรมของพระพุทธเจ้า ซึ่งไม่เคยคาดเคยหมายว่าจะได้รู้ได้เห็นอย่างนี้ ความมืดบอดเราเป็นมากี่กัปกี่กัลป์แล้ว เราก็ไม่เคยคาดเคยหมายว่า จะเกิดความสว่างกระจ่างแจ้งขึ้นมา อย่างผิดคาดผิดหมายดังที่ปรากฏอยู่เวลานี้ นี่ก็เกิดความอัศจรรย์ น้ำตาร่วง ๆ อัศจรรย์พระพุทธเจ้าตรัสรู้ พระพุทธเจ้าไม่มีใครสั่งสอนท่าน ท่านเป็นสยัมภู ทุก ๆ พระองค์ของพระพุทธเจ้าตรัสรู้ด้วยสยัมภู คือทรงเสาะแสวงหาเอง ทรงบรรลุหรือตรัสรู้ธรรมเองโดยไม่มีใครแนะนำสั่งสอน แต่เรานั้นท่านแนะนำสั่งสอนโดยทางอรรถทางธรรม คัมภีร์ใบลานเป็นคัมภีร์ธรรมแก้กิเลส เราเข้ามาทุ่มกิเลสแทบเป็นแทบตายถึงได้ปรากฏขึ้นมา เป็นผลอัศจรรย์ขึ้นมาถึงขนาดที่ว่า หือ พระพุทธเจ้าตรัสรู้ตรัสรู้อย่างนี้เหรอ ธรรมแท้เป็นอย่างนี้เหรอ พระสงฆ์แท้เป็นอย่างนี้เหรอ เป็นอย่างที่หัวใจสว่างกระจ่างแจ้งอัศจรรย์อยู่เวลานั้น เป็นอย่างนี้หรือ

คือเป็นอย่างหัวใจเราเวลานี้เหรอ อ๋อ พระพุทธเจ้า พระธรรม พระสงฆ์ ซึ่งเราเคยบริกรรมถือเป็นจิตเป็นใจมาไม่เคยคิดเป็นอย่างอื่นได้เลย ทำไมพระพุทธเจ้า พระธรรม พระสงฆ์ จึงมาเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันได้ในหัวใจที่เป็นธรรมทั้งแท่งนี้ พระพุทธเจ้า พระธรรม พระสงฆ์ ได้มาเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันได้อย่างไร ๆ นี่มันเห็นประจักษ์แล้ว นี่เรียกว่าจิตก้าวเข้าสู่มหาวิมุตติมหานิพพานหรือธรรมธาตุ เช่นเดียวกับจิตของท่านผู้บำเพ็ญทั้งหลาย ซึ่งเปรียบเป็นเหมือนกับแม่น้ำสายต่าง ๆ ไหลลงไปสู่ทะเลหลวงนั้นแล ผู้ใดบำเพ็ญมากน้อยก็ไหลเข้าไปใกล้ทะเลหลวง ผู้มีอุปนิสัยวาสนาแก่กล้าก็ไหลใกล้เข้าไป ๆ เมื่อวาสนาบารมีเต็มที่แล้ว เท่ากับแม่น้ำไหลเข้าถึงทะเลหลวง

เมื่อแม่น้ำสายต่าง ๆ เข้าถึงทะเลหลวงแล้ว เป็นแม่น้ำมหาสมุทรทะเลอันเดียวกัน คำว่าแม่น้ำสายนั้นสายนี้ไม่มี เป็นแม่น้ำมหาสมุทรทะเลหลวงอันเดียวกันเท่านั้น นี่ฉันใดก็เหมือนกัน พระพุทธเจ้า พระธรรม พระสงฆ์ รวมกัน จิตของผู้บริสุทธิ์ทั้งหลายรวมกันเป็นมหาวิมุตติมหานิพพาน ซึ่งเทียบกับมหาสมุทรทะเลหลวง เป็นอันเดียวกันประจักษ์กับหัวใจ จึงกล้าพูดขึ้นมา อุทานขึ้นมาในเวลานั้นว่า พระพุทธเจ้า พระธรรม พระสงฆ์ มาเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันได้อย่างไร ๆ เกิดความอัศจรรย์

ในขณะที่จิตกับกิเลสขาดสะบั้นลงจากกันนั้นประหนึ่งว่าฟ้าดินถล่ม เป็นอยู่ในนี้ แต่ฟ้าดินก็อยู่ของเขา แต่หากเป็นอยู่ในกายกับจิต กายไหวเลยทันที ฟ้าดินถล่ม น้ำตาพัง น้ำตานี้คือกิริยาของสมมุติแสดงตัวออกจากความอัศจรรย์ของจิตที่บริสุทธิ์ล้วน ๆ แล้วนั้น เกิดความอัศจรรย์ น้ำตาร่วง น้ำตาร่วงด้วยความอัศจรรย์พระพุทธเจ้าหนึ่ง น้ำตาร่วงด้วยความอัศจรรย์แห่งธรรมที่ตนได้รู้ได้เห็น อย่างไม่คาดไม่หมายและอย่างเต็มหัวใจนั้นหนึ่ง น้ำตาร่วงเพราะความสงสารโลกทั่ว ๆ ไปซึ่งเคยฝังจมมาด้วยกันกับเรา เราได้ผ่านพ้นขึ้นมาแล้วกลับมองในโลกนั้นแล้วเกิดความสลดสังเวชว่า จะสอนกันได้อย่างไร ธรรมถึงขนาดนี้แล้วสอนกันได้อย่างไร มันสุดวิสัยของโลกที่จะรู้ได้เห็นได้ อยู่ไปกินไปในวันหนึ่ง ๆ พอถึงวันตายเท่านั้นพอแล้ว

นี้ทำความขวนขวายน้อย เพราะท้อใจที่จะสั่งสอนโลกต่อไป เพราะโลกนี้มันมืดมิดปิดตา ประหนึ่งว่าจะไม่มีสาระอะไรอยู่ในโลกอันนี้เลย เป็นโลกส้วมโลกถานไปตาม ๆ กันหมด แต่เมื่อพินิจพิจารณาไปหลายแง่หลายทางก็ทราบได้เป็นข้อเทียบเคียงว่า เหมือนภูเขาลูกนี้แม้จะเต็มไปด้วยดงหนาป่าทึบ พวกหินพวกทรายอิฐปูนเต็มอยู่ในนั้นก็ตาม ว่าไม่มีสาระอะไรเลย แต่สิ่งที่เป็นสาระยังมีแทรกอยู่ในภูเขาลูกนี้ แม้ไม่มากก็ยังมี ไม่ใช่จะไร้สาระในภูเขาหมดทั้งลูก สิ่งที่เป็นสาระ เช่น แร่ธาตุต่าง ๆ อย่างเช่นแร่ทองคำ เป็นต้น ยังมีแทรกอยู่ในภูเขาลูกนี้ เพราะฉะนั้นจึงต้องหาหยิบเอาตามที่ต่าง ๆ ซึ่งเป็นสาระของแร่ธาตุต่าง ๆ นั้นมาทำประโยชน์ นี่เมื่อพิจารณาถึงโลกแล้ว โลกนี้ถึงจะมืดบอดขนาดไหนก็ตาม สารประโยชน์ของสัตวโลกที่มีอุปนิสัยต่างกันยังมี เท่ากับแร่ธาตุที่เป็นสารประโยชน์

พระพุทธเจ้าตรัสรู้แล้วทรงท้อพระทัย เพราะมองทีแรกมืดอย่างนั้น ทีนี้เวลาทรงพิจารณาด้วยญาณ ก็ทรงเห็นแร่ธาตุต่าง ๆ ที่เป็นสาระฝังแทรกกันอยู่กับสิ่งที่ไร้สาระนั้น จึงมีแก่พระทัยที่จะสั่งสอนสัตวโลก ทีนี้ก็คลี่คลายออกไปอย่างนั้น มาพิจารณาแล้ว อ๋อ ก็เมื่อว่าธรรมนี้เป็นของเลิศเลอเกินความคาดความหมายความรู้ของสัตวโลก ไม่มีใครรู้ได้แล้ว เราเป็นเทวดามาจากไหน เราทำไมถึงรู้ได้ในธรรมประเภทอัศจรรย์นี้ รู้ได้เพราะเหตุใด มันก็ต้องวิ่งใส่ปฏิปทาเครื่องดำเนิน คือทางเดินเข้ามาจนได้ แล้วก็พิจารณาถึงธรรม ท่านสอนอย่างนั้น ๆ เราดำเนินมาด้วยวิธีการอย่างนี้ อ๋อ พอได้ นั่นละจึงมีแก่ใจต่อการแนะนำสั่งสอนเพื่อนฝูงเรื่อยมาจนกระทั่งทุกวันนี้ ถึงกับมาได้อุ้มชาติบ้านเมืองของเรา

แต่ก่อนเราก็ทำตามอัธยาศัย จตุปัจจัยมีมากมีน้อยเท่าไรที่เขาบริจาคมาเราไม่เคยเก็บ มีเท่าไรทุ่มออกไปช่วยโลกทั้งนั้น ตั้งแต่สงเคราะห์คนทุกข์คนจนหาประมาณไม่ได้ทั่วประเทศไทย แล้วจากนั้นก็สร้างสถานที่สงเคราะห์ สถานที่ราชการ โรงร่ำโรงเรียน จนกระทั่งถึงโรงพยาบาล เวลานี้ก็ร้อยกว่าโรงแล้ว มีเท่าไรทุ่มออกไป ๆ จากนั้นก็มาประสบเหตุการณ์อันใหญ่หลวงแห่งชาติไทยของเรา จึงได้คิดหาทางออกเพื่อพี่น้องทั้งหลาย คิดไปที่ไหน ๆ มันก็ไม่แน่ใจ ๆ สุดท้ายก็หมุนเข้ามาหาหลวงตาบัวเป็นผู้นำของพี่น้องทั้งหลาย เพราะเชื่อตัวเองว่าปลอดภัย แม้จะเป็นช่องเล็ก ๆ ที่ไหลลงไปสู่ความปลอดภัย เล็กก็ตามแต่ถึงความปลอดภัยทั้งนั้น เราจึงได้เป็นผู้นำของพี่น้องทั้งหลายเรื่อยมาดังที่เห็นนี้แล

เราไม่ได้นำมาแบบหัวชนฝา การที่มาเป็นผู้นำเราตะเกียกตะกายมาเต็มกำลังความสามารถ พูดถึงเรื่องกิเลสก็ขาดสะบั้นไปจากหัวใจแล้วตั้งแต่ปี ๒๔๙๓ เราอยู่ด้วยความอิ่มพอทุกอย่าง เราไม่เสาะแสวงหา สวรรค์เราก็ไม่หา นิพพานเราก็ไม่หา เป็นธรรมชาติอันเดียวกันแล้วหาอะไร มีอยู่แต่คำว่าพอเท่านั้นกับความเมตตาครอบโลกธาตุ นี่ละเรามานำพี่น้องทั้งหลายเรามานำด้วยความเมตตา เราไม่ได้หวังส่วนได้ส่วนเสียอะไรจากพี่น้องทั้งหลายเลย เรานำด้วยความเมตตา

เพราะฉะนั้นสมบัติเงินทองข้าวของที่พี่น้องทั้งหลายนำมาบริจาคนี้ เราจึงประกาศได้เต็มหัวอกเลยว่า ขอให้ตายใจ สมบัติที่นำมาบริจาคนับแต่ทองคำ ดอลลาร์ เงินสดลงไป เราเป็นผู้ถือบัญชีสมบัติเหล่านี้แต่ผู้เดียว ทั้ง ๆ ที่แต่ก่อนเราไม่เคยสนใจกับเงินกับทองนะ ไม่สนใจเลย แต่เวลาเหตุคับขันจำเป็นเข้ามาเราจึงต้องมาถือบัญชี เป็นผู้ควบคุมการเงินการทอง ดอลลาร์ทุกประเภทแต่ผู้เดียว เป็นผู้สั่งเก็บสั่งจ่ายเรื่อยมาจนกระทั่งบัดนี้ นี่ละจึงว่าขอให้พี่น้องทั้งหลายเชื่อเถิดว่า เรานำโลกด้วยความเมตตาล้วน ๆ สิ่งมัวหมองจึงไม่เข้ามาแฝงได้ เพราะความเมตตามีอำนาจมากกว่าทุกอย่างแล้ว ขอให้พี่น้องทั้งหลายได้มีแก่จิตแก่ใจ ที่นำมานี้นำด้วยความเมตตาให้พี่น้องทั้งหลายได้เห็นทั่วหน้ากัน

และต่อไปขอให้พี่น้องทั้งหลายได้ก้าวเดินตามผู้นำ ผู้นำนี้แน่ใจว่าจะไม่นำพี่น้องทั้งหลายเข้าสู่ความล่มจม จะนำเพื่อเทิดทูนชาติไทยของเราขึ้นไปโดยลำดับ พร้อมกับการนำทางด้านจิตใจให้มีความเจริญรุ่งเรืองด้วยศีลด้วยธรรม จึงขอให้นำศีลนำธรรมนี้เป็นหลักใหญ่แห่งการรักษาชาติบ้านเมืองของเรา ไปปฏิบัติด้วยกันทุกคนดังที่แสดงแล้ว ด้วยความประหยัดมัธยัสถ์ทุกด้านทุกทาง เราจะมีความแน่นหนามั่นคงยิ่งขึ้น แล้วสมบัติเหล่านี้เราก็ช่วยกันเป็นลำดับลำดาไป วันนี้การเทศนาว่าการก็เห็นสมควร ขึ้นธรรมาสน์เทศน์ไม่รู้กี่ครั้งกี่หนแล้ว ขอความสวัสดีและอนุโมทนากับพี่น้องทั้งหลายที่ได้ช่วยกันมาเต็มเม็ดเต็มหน่วยจนกระทั่งบัดนี้

วันนี้ก็มีท่านผู้ว่าการธนาคารชาติมาเป็นร่มโพธิ์ร่มไทร เป็นสักขีพยานให้พี่น้องชาวไทยทั้งหลายได้เห็นทั่วหน้ากันในวันนี้ และหลวงตาเป็นผู้นำทางฝ่ายศาสนา นี่คือศาสนาเป็นผู้นำ โลกนำเพียงถ่ายเดียวเท่ากับเรามีแขนเดียว ต้องเอาศาสนามาเป็นแขนอีกข้างหนึ่งหนุนกันไป ชาติไทยของเราจะแน่นหนามั่นคงและสะอาดสะอ้านขึ้นเป็นลำดับ ถ้ามีแต่โลกล้วน ๆ ก็มีแขนเดียวยกไม่ขึ้น ต้องมีธรรมเข้าเป็นสองแขนสองมือหนุนกันเข้า จึงต้องมีนำด้วยศาสนา ดังเวลานี้หลวงตานำศาสนามาชะล้างสิ่งที่ขาดตกบกพร่อง สิ่งที่สกปรกโสมมให้สะอาดสะอ้าน หนุนกันขึ้นมาด้วยอำนาจแห่งศาสนาเป็นผู้นำ ขอให้พี่น้องทั้งหลายได้พยายามดำเนินตามนี้ แล้วความสุขสวัสดีจะมีแก่พี่น้องทั้งหลายโดยทั่วกัน และขอยุติเพียงเท่านี้ ไม่ต้องเอวังเพราะไม่ได้ตั้งนโม เอาละพอ

ต่อไปนี้จะอนุโมทนาให้พร

ถาม ขณะนี้กำลังมีการวิพากษ์วิจารณ์ว่าศาสนาพุทธเรากำลังมีภัย ขอให้หลวงตาช่วยชี้ทางออกให้ด้วยเจ้าค่ะ

ตอบ อ๋อ ศาสนามีภัยมาตั้งกัปตั้งกัลป์แล้ว การต่อสู้กับศาสนาก็ต่อสู้เรื่อยมาตั้งกัปตั้งกัลป์แล้วไม่น่าสงสัย ศาสนาไม่มีภัยยังไง กิเลสความโลภ ความโกรธ ความหลง คือภัยของศาสนา มีอยู่กับหัวใจทุกคน เพราะฉะนั้นจึงว่าศาสนามีภัย เราต้องแก้ด้วยธรรมดังที่อธิบายตะกี้นี้แล้ว นอกจากขี้เกียจไม่แก้เท่านั้นเอง

ถาม พระแท้ พระปลอม เป็นอย่างไรเจ้าคะ

ตอบ พระแท้ก็คือพระพุทธเจ้าพระอรหันต์ท่าน พระปลอมก็คือพวกเรานี่แหละ


** ท่านผู้เข้าชมทุกท่านโปรดทราบ
    เนื่องจากกัณฑ์เทศน์บางกัณฑ์มีความยาวค่อนข้างมาก ซึ่งจะส่งผลต่อความเร็วในการเปิดเว็บไซต์ ขอแนะนำให้ทุกท่านได้อ่านเนื้อหากัณฑ์เทศน์บางส่วนจากเว็บไซต์ และให้ทำการดาวน์โหลดไฟล์กัณฑ์เทศน์ที่มีนามสกุล .pdf ไปเก็บไว้ในเครื่องของท่านแทนการอ่านเนื้อหาทั้งหมดจากเว็บไซต์

<< BACK

หน้าแรก