ช่วยโลกด้วยธรรมด้วยวินัย
วันที่ 19 มิถุนายน 2542
สถานที่ : วัดเจดีย์หลวง เชียงใหม่
| |
ดาวน์โหลดเพื่อเก็บไว้ในเครื่อง
ให้คลิกขวาแล้วเลือก Save target as .. จาก link ต่อไปนี้ :

ค้นหา :

เทศน์อบรมพระและฆราวาส ณ วัดเจดีย์หลวง เชียงใหม่

เมื่อวันที่ ๑๙ มิถุนายน พุทธศักราช ๒๕๔๒

ช่วยโลกด้วยธรรมด้วยวินัย

หลวงตา มาจากวัดไหน

พระ อยู่วัดนี้ครับหลวงปู่

หลวงตา นี่อะไรต่ออะไร เอาวางนี่เลย

พระ ปัจจัยครับ

หลวงตา ปัจจัยทำไมถือมาล่ะ พระถือปัจจัยใช้ไม่ได้ เดี๋ยวแตกกันอีกนะพระ เป็นสังฆเภทไปอีกนะ พระถือเงินถือทอง

พระ ที่นี่จะมีแบบนี้ละครับ เขาจะใส่ซองถวายแบบนี้ครับ

หลวงตา ไม่เอา เราไม่เล่นด้วย พระพุทธเจ้าไม่พาเล่นไม่เล่นด้วย เราไม่เห็นคุณค่าอะไรยิ่งกว่าธรรม สิ่งเหล่านี้ไม่ได้มีคุณค่า ถ้าทำมาแบบนี้เป็นการทำลาย ใช้ไม่ได้ พระต้องมีหลักธรรมหลักวินัยเป็นชีวิต เป็นเพศของพระ สิ่งเหล่านี้ไม่ใช่ของสำคัญ แต่สำคัญที่ทำลายพระ อย่าทำกันนะ เดี๋ยวพระสงฆ์แตกจากกันนะ ถ้าเป็นอย่างนี้แล้วจะแยกเป็นนิกายหนึ่งขึ้นมาอีกนะ อย่าทำ ผมไม่เห็นด้วย พระพุทธเจ้าไม่พาเห็นด้วยไม่เห็นด้วย นี้ไม่ได้เหมือนอะไรนะ

เรามาช่วยโลกเรามาด้วยธรรมด้วยวินัยทุกอย่าง เราไม่ให้เคลื่อนคลาดเลย อะไรบกพร่องต่อธรรมวินัยเตือนกันอย่างนี้ ผิดพระวินัยก็ต้องบอกว่าผิด ศาสดาองค์เดียวกัน อย่าหละหลวมนะพระวินัย ข้อนี้สำคัญมากเวลานี้ นี่ละพระจะแตกเป็นนิกายอีกนิกายหนึ่งขึ้นมา รังเกียจกันซี พวกหนึ่งสะอาด พวกหนึ่งสกปรก เข้ากันไม่ได้ แตกกันอีก แล้วแยกเป็นนิกายขึ้นมาอีกละ มันเป็นอย่างนี้ เพราะธรรมวินัยไม่สม่ำเสมอกัน รังเกียจกัน ผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบกับผู้ปฏิบัติสกปรกโสมมนี้เข้ากันไม่ได้ นั่นละแตกกันตรงนั้น ที่แยกเป็นนิกายนั้นนิกายนี้ เพราะการย่อหย่อนของการปฏิบัติธรรมวินัยไม่เหมือนกันทั้งที่เป็นพระเหมือนกัน เสียตรงนี้ อย่าทำนะเราไม่เห็นด้วยเลย

เราพูดจริง ๆ ศาสดาไม่เห็นด้วยเราก็ไม่เห็นด้วย จะเทวทัตมากี่หมื่นกี่แสนกี่ล้านคน ก็เป็นเทวทัตทั้งนั้น ศาสดามีเพียงองค์เดียว เป็นแบบเป็นฉบับของโลก ให้ความร่มเย็นแก่โลกด้วยหลักธรรมหลักวินัยของพระ นอกจากนั้นเป็นไม่ได้นะ

เราไม่ได้มาหาผลประโยชน์จากพี่น้องชาวไทยของเราเข้าสู่ชาติไทยด้วยการทำลายศาสนานะ เรามาเชิดชูศาสนา เชิดบ้านเชิดเมืองต่างหาก ทุกสิ่งทุกอย่างถ้าอะไรมันขัดข้องต่อหลักธรรมหลักวินัยจะไม่เล่นด้วย ว่างั้นเลย อะไรเราก็ไม่เอา ถ้าลงไปทำลายศาสดาองค์เอกแล้วเราไม่เห็นด้วยทั้งนั้น เพราะศาสดาองค์เอกให้ความร่มเย็นแก่โลกทั้งสามมานานแสนนานแล้ว สิ่งเหล่านี้เป็นการทำลายทั้งนั้น ทำลายศาสนา

ถ้าเป็นเช็คเป็นตั๋วไปรษณีย์เหล่านี้ก็เป็นใบปวารณาไปขึ้นเงินได้ แต่เอาเงินมาให้โดยตรงนี้พระรับไม่ได้ตามหลักธรรมหลักวินัย นิสฺสคฺคิยํ ต้องเสียสละในท่ามกลางสงฆ์ ๔ องค์ขึ้นไป เสียสละแล้วท่านยังบอกในพระวินัยอีกด้วยว่า การเสียสละนี่ตั้งกรรมการสงฆ์ขึ้นมา พระองค์นี้ไปจับต้องเงินทองมา พระองค์นี้มาประกาศโทษของตน แล้วสิ่งที่จับมาคือเงินนั้น ให้สมมุติพระองค์ใดองค์หนึ่ง ในสงฆ์นั่นสมมุติ ให้ไปปาเข้าป่า ห้ามไม่ให้กำหนดที่ตกฟังซิน่ะ ถ้ากำหนดที่ตกของเงินเหล่านี้เป็นความเสียดายอยู่ ปรับโทษอีกทันที เมื่อสละเรียบร้อยแล้วค่อยมาแสดงอาบัติ ประกาศโทษของตนให้สงฆ์ทราบ สงฆ์ก็ให้อภัย ต่อนี้ต่อไปให้สำรวมระวัง อย่าทำอย่างนี้อีก นั่นท่านบอกขนาดนั้นนะ พระวินัยนะนี่นะ

เรียนมาเหมือนกันนี่ วันนี้เอามหาออกล่ะซี ทุกวันมีแต่หลวงตาบัวออก ควรเอามหาออกเอาออกทันที คัมภีร์เต็มในหัวใจนี้แล้ว จากนั้นมาก็แสดงอาบัติฟังซิน่ะ ท่านห้ามไม่ให้จับให้ต้อง สิ่งที่สำเร็จรูปเป็นเงินเป็นกระดาษก็ตาม เมื่อเขาสมมุติว่าเป็นเงินเป็นแร่ธาตุต่าง ๆ แม้เป็นหินก็ตามถ้าเขาสมมุติว่าเป็นเงินแล้ว หินก้อนนี้ก็เป็นเงินตามสมมุติ จะไปจับต้องเหมือนหินก้อนอื่น ๆ ไม่ได้ กระดาษชิ้นนี้เขาสมมุติว่าเป็นเงิน ต้องเป็นเงินเต็มตัวตามสมมุติ สังคมยอมรับแล้ว จะไปถือกระดาษเหล่านี้เหมือนกระดาษทั้งหลายไม่ได้ นี่ละหลักธรรมหลักวินัยท่านสอนมาอย่างนี้ พระพุทธเจ้าสอนมา นี่เราพูดตามหลักธรรมหลักวินัย

คิดดูซิเป็นเรื่องเล็กน้อยเมื่อไร พระองค์ใดก็ตามไปถือเงินถือทองมานี้ ปรับอาบัติทันที แล้วให้เสียสละในท่ามกลางสงฆ์ด้วยนะไม่ใช่ธรรมดา เมื่อยอมรับว่าเป็นโทษเรียบร้อยแล้ว ก็ให้สงฆ์สมมุติพระองค์ใดองค์หนึ่งนำเงินที่จับมานี้ถือมานี้ ให้ไปปาเข้าป่า ห้ามไม่ให้กำหนดที่ตกด้วยนะ นู่นน่ะฟังซิพระวินัย ถ้ายังกำหนดที่ตกอยู่แสดงว่ามีความอาลัยเสียดายอยู่ ยังไม่พ้นโทษ ต้องสละขนาดนั้น แล้วยอมโทษตนมาแสดงอาบัติ พระท่านก็รับขมาโทษให้แล้ว แล้วองค์นั้นก็สำรวมต่อไป นี่พระวินัยเป็นอย่างนั้นว่าไง

จะมาทำสุ่มสี่สุ่มห้าเหยียบหัวพระพุทธเจ้าได้เหรอ เราไม่เล่นด้วยเลย คอขาด ๆ ไปเลย แต่หลักธรรมหลักวินัยของศาสนาที่เป็นเครื่องเทิดทูนพระพุทธเจ้านี้ไม่ยอมขาด คอขาดไม่เสียดาย หลักธรรมวินัยขาดไปไม่ได้

ขอให้พี่น้องทั้งหลายทราบว่า หลวงตาที่มานำพี่น้องทั้งหลายนี้ ไม่ได้นำเพื่อการทำลายชาติบ้านเมืองศาสนานะ เรามาเพื่อเชิดชูทั้งสองด้าน อะไรผิดเราบอกว่าผิดทันที อะไรถูกเราบอกว่าถูก นี่ละหลักธรรมหลักวินัย หลักศาสนา หลักของพระของเณรสมบูรณ์แบบ นอกจากถ้าเป็นโกโรโกโสไปแล้วพระขาดบาทขาดตาเต็งไปแล้ว เป็นพระ ๕๐ สตางค์ ๗๐ สตางค์ ๓๐ สตางค์ไปแล้วนะ ต่อไปก็ขาดจากพระ ไม่มีความหมาย มีแต่ผ้าเหลืองคลุมหัวโล้น ใช้ไม่ได้เลย ผ้าเหลืองเต็มตลาดไม่เห็นเกิดประโยชน์อะไร ถ้าไม่มีเครื่องปฏิบัติตามหลักธรรมวินัยเป็นเครื่องรับรองยืนยันเพศของพระแล้ว เป็นพระไปไม่ได้นะ

นี่เราอุตส่าห์พยายามนำพี่น้องทั้งหลายมา เพื่อความเชิดชูชาติบ้านเมืองเราและศาสนา เราไม่ได้มาทำลายศาสนา เราไม่ได้เห็นอะไรมีคุณค่ายิ่งกว่าคุณธรรมประจำคนประจำพระนะ นอกนั้นเป็นเครื่องอาศัยชั่วกาลชั่วเวลา ถ้าใช้ไม่ถูกมันก็เป็นฟืนเป็นไฟเผาไหม้ตัวเอง ดังที่เห็นอยู่นี่ นี่ละไฟเผาไหม้พระ เราจึงไม่เห็นด้วย

ตุ๊เจ้าหลวงเป็นหลวงตาบัวอยู่ที่นี่แต่ก่อนนะ พ.ศ.๒๔๘๒-๘๓ อยู่ที่นี่ หลังจากนั้นแล้วก็เข้าป่าเข้าเขาไปละ หยุดจากเรียนนี้ออกเลย ออกจากวัดเจดีย์หลวงแล้วเข้ากรุงเทพฯ ผู้ใหญ่จะให้อยู่กรุงเทพฯ ไม่ยอมอยู่ เข้าป่าเข้าเขาเลยตั้งแต่บัดนั้นเรื่อยมา ทีนี้ก็มาสร้างวัดป่าบ้านตาดและได้มาสอนพี่น้องประชาชนทั้งหลายเวลานี้ ออกมาจากป่าละ ธรรมที่เรียนมาในปริยัติก็เข้าในใจ ธรรมที่ปฏิบัติทางภาคปฏิบัติก็เข้าในใจ เพราะฉะนั้นเวลาพูดจึงพูดได้ทั้งสองด้านเลย ถ้าว่าปริยัติก็ยกมหาขึ้นทันที ถ้าว่าธรรมะป่ากรรมฐานก็ยกหลวงตาบัวตุ๊เจ้าหลวงขึ้นทันที ถ้าเป็นทางด้านปริยัติก็ยกคัมภีร์ขึ้นทันที เป็นมหาขึ้นทันที เพราะบรรจุไว้แล้วทั้งสองอยู่ในนี้ พูดได้เพราะได้เรียนมาเรียบร้อยแล้ว นอกจากไม่พูด พูดได้ ทางภาคปฏิบัติก็เหมือนกัน

เราไม่อยากเห็นพระเณรเราเลอะ ๆ เทอะ ๆ พระเณรเราเป็นผู้นำของศาสนา เป็นผู้นำประชาชน ต้องเป็นผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบด้วยศีล ด้วยสมาธิ ด้วยปัญญา มีความชุ่มเย็นเป็นสุขด้วยศีลด้วยธรรม นั้นนำประชาชนให้เป็นความร่มเย็นได้ แต่ถ้าเราเป็นฟืนเป็นไฟไปเผาไหม้ตัวเองในการฝ่าฝืนล่วงเกินธรรมวินัยแล้ว จะไปนำใครก็ไม่ได้ เพราะนำตัวเองก็ไม่ได้ เป็นไฟเผาตัวตลอดเวลา เอาความเย็นไปนำโลกได้ที่ไหน เป็นไปไม่ได้ว่างั้นเลย

หลวงตาไม่มีเวลาว่างนะ การสงเคราะห์โลกหลวงตาหนักมาก ยอมรับว่าหนัก เราหนักด้วยความเมตตา เราไม่หนักด้วยความโลภโลเล ไม่มี เราพอทุกอย่างแล้วในการปฏิบัติธรรม ชำระกิเลสตัวใดเราก็ไม่ปรากฏว่ากิเลสมาให้เราชำระ ให้เราฆ่ามาเป็นเวลา ๔๙ ปีนี้แล้ว กิเลสไม่เคยผ่านหัวใจ มีแต่บรมสุขเต็มหัวใจ ธรรมกับใจเป็นอันเดียวกันมาเป็นเวลา ๔๙ ปีนี้แล้ว ฆ่ากิเลสฆ่าอยู่ ๙ ปี อยู่ในป่าในเขาในถ้ำเงื้อมผา ที่ไหนรกชัฏ ที่ไหนเป็นที่สงบสงัด เข้าที่นั่น ทรมานตนอยู่ที่นั่น หนักมากที่สุดในชีวิตของพระด้วยการฆ่ากิเลสนี้เป็นเวลา ๙ ปีเต็ม จากนั้นมาเป็นที่แน่ใจว่าหัวใจนี้ไม่มีอะไรบรรจุอีกแล้ว เป็นธรรมล้วน ๆ แล้ว จึงได้ออกมาช่วยโลกช่วยสงสารตั้งแต่เริ่มสร้างวัดป่าบ้านตาดมา

การสงเคราะห์สงหาโลกนี้ไม่มีประมาณ เงินในวัดไม่มีเก็บ ไม่เคยเก็บเงินนะ ได้มามากน้อยช่วยสงเคราะห์สงหาคนทุกข์คนจนโรงร่ำโรงเรียน สถานสงเคราะห์ ที่ราชการต่าง ๆ เข้าสู่โรงพยาบาล เวลานี้ที่หนักมากก็คือโรงพยาบาล ที่เราช่วยตลอดมานี้ได้ร้อยกว่าโรงแล้วนะ โรงหนึ่ง ๆ เป็นล้าน ๆ ๆ ขึ้นไป โรงละหมื่นละแสนไม่เห็นปรากฏมีนะ มีแต่ล้าน ๆ ๆ ขึ้นไปตลอดมาจนกระทั่งบัดนี้ แล้วก็มาเห็นชาติบ้านเมืองค่อนข้างจะเป็นอันตรายแก่ชาติของเรา จะล่มจมจนได้แหละ ถ้าปล่อยให้แต่เพียงบ้านเมืองช่วยกันหนุนกันมันไม่แน่ใจ กำลังไม่พอ ต้องเอากำลังศาสนาออกมา เท่ากับมีแขนซ้ายไม่พอใช้ ต้องมีแขนขวาคือศาสนาเข้าช่วยอีกทีหนึ่ง แขนซ้ายคือชาติบ้านเมืองช่วยกัน แขนขวาคือศาสนาหนุนเข้าไปช่วยกัน

นี่ละหลวงตาที่มานี้ก็มาในนามของแขนข้างหนึ่งมาช่วยพี่น้องชาวไทยเรา จึงได้อุตส่าห์พยายามช่วยตลอดมา หนักก็ยอมรับว่าหนัก นี่เวลานี้อายุหลวงตาก็ ๘๕ ปีเต็มแล้วนะ ๘๖ ย่างเข้าไปแปดเดือนเก้าเดือนแล้ว ยังอุตส่าห์ตะเกียกตะกายขึ้นเวทีบั้นแก่ เทศน์ หนักมาก เราก็ไม่เคยคาดเคยฝันจะได้ขึ้นเทศน์ตอนบั้นปลายแห่งชีวิตนี้ ก็ได้เทศน์เสียแล้วคราวนี้ ไปเทศน์ไม่หยุดไม่ถอย เทศน์สงเคราะห์โลกนั่นแหละเราไม่ได้สงเคราะห์เรา เราพอทุกอย่างแล้ว

ประกาศเปิดหัวอกให้พี่น้องทั้งหลายทราบอย่างไม่สะทกสะท้าน เราประจักษ์หัวใจของเราในธรรมทั้งหลาย บรรจุที่ใจดวงเดียวนี้มาได้ ๔๙ ปีนี้แล้ว เราไม่หาอะไรอีก ว่าบำเพ็ญกุศลเพื่ออะไร เพื่ออะไรเราก็ไม่เห็น นอกจากเพื่อโลกเท่านั้น แต่เพื่อเรา ๆ ไม่มี เราอิ่มพอทุกอย่างแล้ว อยากไปสวรรค์เราก็ไม่อยากเราอิ่มแล้ว อยากไปนิพพานเราก็ไม่อยากเราอิ่มแล้วเราพอแล้ว เราจึงไม่อยากอะไรเราพอทุกอย่างแล้ว ช่วยโลกด้วยความพอในหัวใจของเราและด้วยความเมตตาต่อโลกเท่านั้น ที่เราอุตส่าห์พยายามตะเกียกตะกายอยู่เวลานี้ ขอให้พี่น้องทั้งหลายทราบตามนี้ เราไม่มีอะไรกับโลกเลย

เงินทุกบาททุกสตางค์ที่พี่น้องทั้งหลายบริจาคมานี้ เราเป็นผู้รับผิดชอบทั้งหมดทุกบาททุกสตางค์ เราไม่เคยเกี่ยวข้องกับการเงินดังที่กล่าวมาตะกี้นี้ แต่เราเป็นผู้รับผิดชอบในการเงิน ถือบัญชีเพื่อความปลอดภัยในเงินทุกบาททุกสตางค์ ดอลลาร์ ทองคำ เราเป็นผู้รับผิดชอบแต่ผู้เดียว เป็นผู้สั่งเก็บสั่งจ่าย เพราะบัญชีเงินทั้งหมดมาอยู่กับเรา แต่เราไม่เคยไปยุ่งเหยิงจับต้องเงินเหล่านี้นะ เราไม่ไปยุ่ง ผู้ทำหน้าที่แทนเรามี เราเป็นคนสั่งเก็บสั่งจ่ายแต่ผู้เดียวเท่านั้น เพราะฉะนั้นเงินทุกบาททุกสตางค์ที่พี่น้องทั้งหลายบริจาคนี้ ขอให้ตายใจได้เถิดว่าจะไม่รั่วไหลไปไหน

เพราะเราทำต่อชาติไทยของเราด้วยความเมตตาล้วน ๆ ไม่มีที่จะแบ่งสันปันส่วนแม้เม็ดหินเม็ดทรายจากพี่น้องทั้งหลายที่บริจาคมา เรานำเข้าสู่คลังหลวง ๆ คำว่าเข้าสู่คลังหลวงก็คือว่าเราได้พิจารณาเรียบร้อย เชิญนักกฎหมายหัวกะทิมานู่น ไม่ใช่เล่น ๆ นะ สมบัติที่พี่น้องทั้งหลายบริจาคมานี้ได้มากน้อยแล้ว เวลาจะเข้าคลังหลวงแต่ละครั้ง ๆ เช่น ทองคำ ดอลลาร์หรือเงินสด เราจะเข้าสู่คลังหลวงแต่ละครั้ง ๆ นี้ไปเชิญนักกฎหมายหัวกะทิมาปรึกษาหารือกัน ในการที่จะมอบเงินเข้าสู่ชาติไทยของเรานี้ มอบในจุดไหนช่องใดที่จะเป็นความปลอดภัยแก่ชาติของเราตลอดไป เมื่อได้รับการปรึกษาหารือกันกับนักกฎหมายแล้ว ลงในจุดเดียวกัน ว่าลงจุดนั้น

นักกฎหมายไม่มีท่านใดที่จะค้านกันเลยว่าผิด ลงจุดเดียวกัน ว่าลงจุดนี้เป็นความปลอดภัยแก่ชาติของเราตลอดไป ไม่มีใครมาแบ่งสันปันส่วนไปได้เลยแม้สตางค์หนึ่ง เป็นที่ยอมรับเรียบร้อยแล้วในสังคมแห่งนักกฎหมายหัวกะทิ เราก็ลงใจ เอา มอบ นั่นฟังซิ เมื่อลงใจแล้วก็มอบ อย่างทองคำนี้ก็มอบ มอบด้วยความลงใจ ทางกฎหมายรับรองเรียบร้อยแล้วด้วยความปลอดภัย เราก็มอบแล้ว เวลานี้ได้มอบทองคำไป ๑,๐๓๗ กิโลครึ่ง เข้าสู่คลังหลวงเรียบร้อยแล้ว ถ้าจะเรียกว่าตันก็ ๑ ตันกับ ๓๗ กิโลครึ่ง

ดอลลาร์มอบสองครั้ง ครั้งที่หนึ่ง ๑,๒๗๘,๐๐๐ ดอลฯ นี่มอบครั้งแรก มอบครั้งที่สองพร้อมกับมอบทองคำนี้ เป็นเงิน ๓ ล้าน รวมแล้วเป็นเงิน ๔,๒๗๘,๐๐๐ ดอลลาร์ ลงในช่องแห่งความปลอดภัยด้วยกัน ใครมายุ่งเราไม่ได้ ไม่มีใครใหญ่ยิ่งกว่าชาติไทยของเรา เราถืออำนาจแห่งชาติไทยของเราปฏิบัติเพื่อชาติไทยของเราด้วยความปลอดภัยแต่ผู้เดียว ใครมายุ่งไม่ได้ เพราะฉะนั้นขอให้พี่น้องทั้งหลายได้ตายใจ

จะมีเรื่องซุบซิบ ๆ ว่าเงินนี้เป็นเงินไม่บริสุทธิ์ยุติธรรม คณะกรรมการไม่บริสุทธิ์ คณะกรรมการไม่เป็นธรรม อย่าฟังเสียงปากสกปรกนะ มันอมขี้มาพูดเข้าใจไหม ถ้าอมอรรถอมธรรมมาพูดมันจะพูดโดยอรรถโดยธรรม พูดตามเหตุตามผล แต่นี้มันอมขี้มาพูด พูดสกปรก หาทำลายผู้ทำความดิบความดีเต็มหัวใจ ว่าเป็นผู้ไม่บริสุทธิ์ มันก็จะประกาศตนที่มันกำลังอมขี้อยู่นั้นออกมาด้วยฝีปากอมขี้ของมันว่า พวกนี้ไม่บริสุทธิ์ ก็คือว่ามันเป็นผู้บริสุทธิ์ถ่ายเดียว นี่พวกทำลายชาติให้ฟังนะว่ามันออกมาแง่ไหน ให้ทราบว่านี้คือพวกอมขี้มาทำลายชาติ ไม่ใช่พวกช่วยชาติ พวกนี้พวกทำลายชาติ พี่น้องทั้งหลายให้พากันจำเอาไว้

เงินทุกบาททุกสตางค์คณะกรรมการที่เรานำมานี้ เป็นหัวใจของเราเอง คณะกรรมการที่ติดตามเรามานับเงินนับทองนี้ เป็นหัวใจของหลวงตาบัวเอง เป็นผู้เชื่อถือได้เต็มสัดเต็มส่วนเรียบร้อยแล้วว่า ไม่เป็นที่รั่วไหลแตกซึมไปไหน เรานำมาเป็นผู้ทำหน้าที่แทนเราด้วยความบริสุทธิ์ยุติธรรมอย่างยิ่ง เพราะฉะนั้นใครมาพูดยังไง ๆ จึงขอให้พี่น้องทั้งหลายทราบในเวลานี้ด้วย กรรมการทุกท่านที่เรานำมานี้เป็นผู้บริสุทธิ์ ทำหน้าที่แทนเราได้ร้อยเปอร์เซ็นต์เลย เราเป็นหัวหน้า

ใครจะพูดว่ายังไงก็ตามอย่าไปฟังเสียงง่าย ๆ นะ พวกข้าศึกศัตรูต่อชาติต่อศาสนามันแทรกมันซึมอยู่ทุกแห่งทุกหน มันจะหาอุบายวิธีการโจมตีต่าง ๆ นานาที่จะให้ชาติไทยของเราเสียหาย อย่างน้อยก็ให้พี่น้องชาวไทยของเราหมดกำลังใจที่จะบริจาคเพื่อหนุนชาติของตนด้วยความสกปรก การทำลายของพวกเปรตพวกผีนี้ มีได้ไม่สงสัย ให้พากันทำความเข้าใจเอาไว้ มันเป็นไปได้

อยู่ดี ๆ นั่นแหละมันหาเรื่องปั้นขึ้นมา ความสกปรก เลอะ ปาไปที่ไหนเลอะที่นั่น ขี้ มันสกปรกไปหมด ขี้เพียงก้อนเดียวกำเดียวนี้ปาเข้าไปนี่ สังคมเรานี้แตกฮือเลย ขี้เพียงกำมือเดียวเท่านี้ปาเข้าไปแตกฮือเลยสังคมที่สะอาด ๆ คนทำลายเพียงปากเดียวเท่านั้นมันทำลายได้หมดนะ ใจที่สะอาดล้มเหลวไปตาม ๆ กันหมด ตัวปากขี้นี่มันทำลาย พากันจำเอานะ วันนี้พูดเพียงเท่านี้แหละ ให้พากันเข้าอกเข้าใจไปตามนี้ก็แล้วกัน

เราตัดคอรองเพื่อชาติของเราทุกสิ่งทุกอย่างแล้ว จนกระทั่งวาระสุดท้าย คือเวลาหลวงตาบัวตาย เราได้ประกาศไว้อย่างเด็ดขาดแล้วจะเป็นอย่างอื่นไปไม่ได้ คือเวลานี้กำลังมีชีวิตอยู่ เราก็ช่วยชาติบ้านเมืองตามกำลังความสามารถ ดังที่พี่น้องทั้งหลายเห็นนี่แหละ ไปช่วยทางโน้นทางนี้ ทีนี้บทเวลาวาระสุดท้ายธาตุขันธ์เป็นไปไม่ได้แล้ว เรียกว่าหลวงตาบัวตายลงไป ในงานศพที่ท่านผู้บริจาคด้วยความยินดี บูชาคุณพระพุทธเจ้า พระธรรม พระสงฆ์ หรือบูชาคุณหลวงตาบัวที่ทำประโยชน์แก่ชาติบ้านเมือง นำเงินมาบริจาคในการเผาศพหลวงตาบัว

เงินทุกบาททุกสตางค์นี้เราจะสั่งเสียไว้เรียบร้อยว่า ให้คณะกรรมการที่บริสุทธิ์ยุติธรรมมาเป็นผู้ควบคุมเงินทั้งหมดทุกบาททุกสตางค์ จะไม่ให้รั่วไหลไปที่ไหนเลย แม้ที่สุดจะนำเงินบาทนี้ไปเผาศพหลวงตาบัว ก็ไม่ยอมให้นำออกไปจากเงินก้อนใหญ่นี้ เงินก้อนนี้เมื่อคณะกรรมการพิจารณานับเรียบร้อยแล้ว เป็นที่พร้อมกันทุกอย่างแล้วว่าปลอดภัย เราจะยกเงินจำนวนนี้ทั้งหมดเข้าสู่คลังหลวงทุกบาททุกสตางค์ นี้เป็นวาระสุดท้ายของเราที่ช่วยโลก ช่วยถึงขนาดที่ว่าขันธ์แตก การบริจาคช่วยโลกไม่แตก ช่วยสุดขีด นี่เป็นความจริงนะนี่จะไม่ให้เป็นอื่น ขอให้พี่น้องทราบเอาไว้ว่า เวลาเราตายแล้วเงินทุกบาททุกสตางค์จะเข้าคลังหลวง เพื่อการช่วยชาติในวาระสุดท้ายของหลวงตาบัวที่ตายไป

ส่วนการเผาศพหลวงตาบัวไม่เห็นยากอะไร เขาเผากบเผาเขียดอยู่ในครัวไฟของเขาเห็นไหม เขาไปหาเงินหาทองที่ไหนมาเผา ได้ไก่มาเผา ไก่ในครัวเรือน ในห้องครัวนั้นแหละ ได้เป็ดเผาเป็ด ได้ปลาเผาปลา ได้อะไรมาเผา เขาไม่เห็นเอาเงินไปเผาศพ หลวงตาบัวตายก็ไม่เห็นผิดแปลกอะไรกับกบกับเขียด หาเงินไปเผาอะไร เราจะเผาเราด้วยไฟด้วยถ่านด้วยฟืน เราจะไม่เผาด้วยเงิน เงินนี้เราจะยกเข้าคลังหลวงทั้งหมดเป็นวาระสุดท้ายของเรา ให้สมใจที่เราช่วยโลกด้วยความเมตตาล้วน ๆ ขอให้พี่น้องทั้งหลายทราบตามนี้ก็แล้วกัน

เอาเพียงแค่นี้ละวันนี้


** ท่านผู้เข้าชมทุกท่านโปรดทราบ
    เนื่องจากกัณฑ์เทศน์บางกัณฑ์มีความยาวค่อนข้างมาก ซึ่งจะส่งผลต่อความเร็วในการเปิดเว็บไซต์ ขอแนะนำให้ทุกท่านได้อ่านเนื้อหากัณฑ์เทศน์บางส่วนจากเว็บไซต์ และให้ทำการดาวน์โหลดไฟล์กัณฑ์เทศน์ที่มีนามสกุล .pdf ไปเก็บไว้ในเครื่องของท่านแทนการอ่านเนื้อหาทั้งหมดจากเว็บไซต์

<< BACK

หน้าแรก