เวลานี้กิเลสกำลังเผาธรรม
วันที่ 5 มิถุนายน 2542
สถานที่ : วัดป่าบ้านตาด
| |
ดาวน์โหลดเพื่อเก็บไว้ในเครื่อง
ให้คลิกขวาแล้วเลือก Save target as .. จาก link ต่อไปนี้ :

ค้นหา :

เทศน์อบรมฆราวาส ณ วัดป่าบ้านตาด

เมื่อวันที่ ๕ มิถุนายน พุทธศักราช ๒๕๔๒

เวลานี้กิเลสกำลังเผาธรรม

หลวงตา จะกลับแล้วเหรอ ไปแล้วไปหากว้านเอาทองเอาดอลลาร์แถวนั้นมานะ ดอลลาร์มันชุมอยู่แถวนั้น ไปกว้านเอามาให้หมด

ลูกศิษย์ กราบนิมนต์หลวงตาไปกว้านนะเจ้าคะ

หลวงตา อ๋อ ให้ลูกศิษย์เรากว้านก็พอแล้ว ถ้าเราไปกว้านมันจมหมดเมืองนั้นไม่เหลือ เดี๋ยวฮาวายจมให้เราไปกว้าน ไปหากว้านมาก็แล้วกัน

คนมีธรรมอยู่ที่ไหนที่นั่นจะเย็น แต่เวลานี้กิเลสกำลังเผาธรรม จนจะไม่มีธรรมให้กิเลสเผานะเวลานี้ ไม่ใช่ธรรมเผากิเลส สมัยนี้เป็นสมัยกิเลสเผาธรรม เผาหมดไม่เลือกไม่ว่าสถานที่ใด เวลานี้กิเลสกำลังเข้าเผาธรรม ไม่เว้นแม้ในวัดในวาในพระในเณร เผาแหลกไปหมดเวลานี้ พี่น้องทั้งหลายคิดนะ นี่คิดมาพอแล้ว พึ่งจะมาพูดเดี๋ยวนี้เหมือนไม่คิด คิดมาพอแล้ว เวลานี้กิเลสกำลังเผาธรรมไม่มีเหลือ ภายในหัวใจมีแต่ไฟเผาอยู่ที่หัวอก ๆ แล้วเอามาประดับร้านกันว่าอันนั้นเจริญอันนี้เจริญ อันนั้นสวยอันนี้งาม

ไฟเผาอยู่ที่หัวอกไม่ได้ดู กิเลสไม่ให้ดูตรงนี้ มันถึงสนุกก่อไฟขึ้นเผาคน ส่งออกไปยึดอันนั้น ไปหมายอันนี้ ไปเกาะอันนั้นไปเกาะอันนี้ กิเลสมันลากออกไปเพลินกับสิ่งนั้นเพลินกับสิ่งนี้ พอมองเข้ามาภายในใจนี้เป็นไฟมองไม่ได้ เพราะกองไฟใหญ่อยู่ที่นี่ เห็นไหมกิเลส ไม่เห็นนะ วันนี้พูดให้ฟังเสียบ้าง มองดูหัวใจทุกคน เราอย่าไปมองดูนั้นเจริญนี้เจริญ หัวใจเราเจริญไหม ตรงนี้เป็นที่อยู่ของความสุขความทุกข์ อยู่ที่หัวใจ ไม่อยู่ที่สิ่งนั้นสิ่งนี้ อย่าพากันตื่นบ้าจนเกินไป ไฟจะเผาหัวอกตาย จมลงนรกอีก ไม่ใช่จมเพียงอยู่นี้ ลงนรกอีก

อย่าอวดพระพุทธเจ้าว่านรกไม่มี เวลานี้กำลังกิเลสท้าทายนรก กิเลสท้าทายธรรม อันใดที่พระพุทธเจ้าทรงแสดงไว้โดยถูกต้อง พระพุทธเจ้าทุกพระองค์แสดงโดยถูกต้องไม่มีผิด แม้กระเบียดหนึ่งไม่มีผิด แล้วกิเลสจะตามลบล้างหมดไม่ให้เหลือนะ ว่าบาป บุญ นรก สวรรค์ พรหมโลก นิพพาน เปรตผีสัตว์ประเภทต่าง ๆ เต็มท้องฟ้ามหาสมุทร เต็มโลกธาตุนี้ มันจะลบหมดว่าไม่มี มีแต่ตัวของพวกเราที่เป็นคลังกิเลสเผาอยู่ในหัวอกนี้ ให้ดูตรงนี้อย่าไปดูภายนอก

หาความเจริญหาที่ไหนถ้าไม่หาที่หัวใจ หาจนวันตายก็ไม่เจอ ยังจะไปเจอความเจริญของไฟในนรกอีกโน่น ให้กิเลสพาหาหาอย่างนั้นนะ มันไม่มีเกาะใดดอนใดที่เราพอจะซุกหัวนอนได้ ให้ดูเข้ามาในใจเจ้าของก็ไม่ยอมดูเสีย ปล่อยให้กิเลสเผาอยู่อย่างนั้นทั้งวันทั้งคืน มันส่งออกไปให้คิดเพลินกับภายนอก ทางภายในมันสนุกเผาอยู่นี่ คิดเข้ามาที่นี่ไม่ได้

ฟังให้ดี จุดความสุขความทุกข์ของสัตวโลกอยู่ที่หัวใจทุกคน ๆ ไม่ได้อยู่ที่สิ่งเหล่านั้น อดอิ่มอะไรก็ตามเถอะ ถ้าใจสบายเสียอย่างเดียวอยู่ได้สบายทั้งนั้น ถ้าใจร้อนเสียอย่างเดียว ท้องฟ้ามหาสมุทรมาเป็นสมบัติของผู้เดียวหมดก็หาความสุขไม่ได้

พอพูดอย่างนี้แล้วเราก็ระลึกถึงฝรั่งคนหนึ่ง เป็นคตินะ แกคงจะมีธรรมอยู่ในใจแต่แกไม่รู้ว่าธรรม จะว่ามหาเศรษฐีก็รู้สึกจะเลยมหาเศรษฐีไปเสียฝรั่งคนนี้นะ เงินนี้ไม่ทราบจะเก็บไว้ที่ไหน มันมากขนาดนั้น แจกจ่ายไปที่ไหนก็แจกจ่าย แจกจ่ายตลอด แล้วก็มาพิจารณาดูว่าเรามีเงินมาก ๆ รู้สึกว่าจะเป็นอันดับหนึ่งเสียด้วย ไม่ด้อยกว่าใคร แล้วมาพิจารณาดูความสุขความทุกข์ เขากับเราก็ไม่เห็นแปลกต่างกัน นี่น่าคิดไหม สิ่งเหล่านี้เวลาเรามีชีวิตอยู่ก็ว่ามีว่าอะไร แต่ความทุกข์ในตัวของเราในใจของเราก็ไม่เห็นจืดจางไป สำคัญอยู่นะ นี่ละธรรมในหลักธรรมชาติ ทีนี้เวลาเราตายไปแล้วสิ่งเหล่านี้ก็เกลื่อนอยู่อย่างนี้ เราตายไป ร่างกายของเราก็เหมือนกับสิ่งเหล่านี้ไม่เห็นได้อะไร คิดดูหาที่ยึดที่เกาะไม่ได้โลกนี้ เกาะยึดเหล่านี้ก็อย่างนั้นแหละ โห น่าคิดนะ นี่ละเขาเรียกธรรมในหลักธรรมชาติ

สุดท้ายก็ต้องคิดอย่างที่พระสารีบุตร พระโมคคัลลาน์หาทางออกนั่นแหละ สมบัติเงินทองข้าวของมีก็ไม่เห็นให้ความสุขอะไรเลย คิดดูแล้วเขากับเราก็เหมือน ๆ กัน ปรึกษากันเป็นเพื่อนกัน เราออกเสาะแสวงหาความสุขทางด้านจิตใจ หาความสงบ เพราะใจนี้หาความสงบไม่ได้ ไปเกาะกับอะไรก็ระงับอันนี้ให้สงบไม่ได้ มีแต่ความฟุ้งเฟ้อ เลยพากันออกบวช ไปบำเพ็ญกับพวกฤาษีดาบส พวกเดียรถีย์นิครนถ์

คือสิ่งทั้งหลายมันไม่ให้ความสุข อาศัยไปอย่างนั้น ๆ หาความสุขไม่มี จะเกาะตรงไหนพอตายใจได้ก็ไม่มี ก็คิดเห็นแต่ทางความสงบที่พวกศาสนาต่าง ๆ เขาบำเพ็ญกันอยู่ในป่า จึงพากันไปอยู่กับพวกเดียรถีย์นิครนถ์ เขาก็ถือสะเปะสะปะไปอย่างนั้นแหละ เขาไม่มีหลักเกณฑ์ทางศาสนา ก็เพราะความไขว่คว้าหาความสุขนั่นแหละ จึงไปบำเพ็ญอยู่กับพวกฤาษีดาบส เขาจะบำเพ็ญท่าไหนก็ตามแต่เขาหาความสุขต่างจากสิ่งทั้งหลายเหล่านี้ ก็คงบำเพ็ญตปธรรมวิธีการต่าง ๆ ที่จะให้ความสุขเกิดนั้นแหละ เช่น นอนอยู่บนขวากบนหนามย่างฟืนย่างไฟอย่างเขาทำกัน ก็เพราะหาความสุขไม่ได้

วันนั้นบันดลบันดาล พระอัสสชิในเบญจวัคคีย์ทั้งห้า พระอัญญาโกณฑัญญะ วัปปะ ภัททิยะ มหานามะ อัสสชิ พระอัสสชิท่านเป็นพระอรหันต์ท่านบิณฑบาตในหมู่บ้าน พระสารีบุตรเดิมชื่ออุปดิส พระโมคคัลลาน์ก็สกุลโมคคัลลาน์ วันนั้นอุปดิสปริพาชกเดินเข้าไปในหมู่บ้านไปเห็นพระอัสสชิท่านกำลังเข้ามาบิณฑบาต ดูกิริยาท่าทางเหลือบซ้ายมองขวาเป็นที่น่าเคารพน่าเลื่อมใส การทอดสายตาอะไรทุกอย่างความสำรวม รู้สึกว่างามตาทุกอย่าง เอ้อ สมณะองค์นี้แปลกอยู่ ท่านบิณฑบาตไป นี่ก็ตามไป พอท่านพ้นจากหมู่บ้านแล้วก็ตามไปถาม ท่านบวชในสำนักใด ใครเป็นครูเป็นอาจารย์ของท่าน แล้วอาจารย์ของท่านสอนว่ายังไง ดูอากัปกิริยาทุกอย่างความเคลื่อนไหวไปมาของท่านน่าเลื่อมใสมาก

พระสารีบุตรเป็นมหาปัญญาว่าไง ได้รับยกย่องว่าเลิศในทางปัญญาความเฉลียวฉลาด พระอัสสชิเป็นพระอรหันต์ พอถามท่านท่านก็บอกว่า ท่านบวชมาในศาสนาไม่นาน ท่านพึ่งบวช ไม่มีความรู้อันกว้างขวาง จะแสดงให้ท่านฟังย่อ ๆ อุปดิสนี้ก็คอยฟัง ท่านแสดงว่า เย ธัมมา เหตุปปภวา เตสัง เหตุง ตถาคโต เตสัญจ โย นิโรโธ จ เอวัง วาที มหาสมโณ ธรรมทั้งหลายเกิดจากเหตุคือหัวใจ ไม่ว่าดีชั่วเกิดจากหัวใจ เวลาดับ ไม่ว่าดีว่าชั่วดับที่หัวใจทั้งนั้น หัวใจเป็นตัวเหตุสร้างความดีความชั่ว ความสุขความทุกข์ขึ้นมา มหาสมณะท่านสอนอย่างนี้ ท่านสอนให้ดูใจอย่าไปดูที่อื่น เอวัง วาที มหาสมโณ มหาสมณะคือพระพุทธเจ้าทรงแสดงอย่างนี้

พอพระสารีบุตรได้ฟังเท่านั้นสำเร็จเป็นพระโสดาขึ้นทันที ธรรมทั้งหลายเกิดจากเหตุ เหตุอยู่ที่จิตใจ ใจเป็นตัวสร้างเหตุดีชั่วสุขทุกข์สร้างขึ้นที่นั่น ให้ดูที่นั่น ตัวนี้เป็นมหาเหตุ เลยบรรลุพระโสดาทันที พอกลับไปถึงสำนักก็ไปเล่าให้เพื่อนฟัง พระโมคคัลลาน์ พอเล่าเพื่อนก็เลยสำเร็จขึ้นด้วยกัน สำเร็จขึ้นจากพระสารีบุตรนั่นแหละ เวลาถามอาจารย์ของท่านคือใคร บอกพระสมณโคดม เวลานี้อยู่ตรงนั้น ๆ ก็ไปเล่าเรื่องให้เพื่อนฝูงในสำนักฟัง เขาเกิดความเลื่อมใสก็เลยติดตามไปด้วย ๒๕๐ คน ไปลาอาจารย์สญชัย อาจารย์สญชัยไม่ยอมไป เล่าให้ฟังไม่ยอมฟังเสียง พวกนี้ก็เลยลาอาจารย์สญชัยไป ๒๕๐ คน ไปฟังธรรมพระพุทธเจ้าที่ทรงแสดงให้ฟัง

พระโมคคัลลาน์บำเพ็ญอยู่ ๗ วันได้สำเร็จเป็นพระอรหันต์ขึ้นมา พระสารีบุตร ๑๕ วันก็สำเร็จเป็นพระอรหันต์ขึ้นมา ส่วนบริษัทบริวาร ๒๕๐ คนนั้นสำเร็จก่อนหมดเลย ท่านเหล่านี้สำเร็จเป็นพระอรหันต์ก่อนอาจารย์ อาจารย์เป็นผู้พินิจพิจารณาใคร่ครวญจนกว่าจะลงตัวได้พระสารีบุตร ๑๕ วัน

นั่นละที่นี่ธรรม เย็นที่นั่น มหาเหตุระงับหมด มหาเหตุที่เป็นฟืนเป็นไฟเกิดจากกิเลสตัณหาสร้างมหาเหตุ คือฟืนคือไฟขึ้นมาเผาโลก สร้างมหาเหตุคือธรรมเข้าระงับดับกันที่ตรงนั้น ระงับดับแล้วทุกข์หายไปจากจิตใจโดยสิ้นเชิงไม่มีอะไรเหลือเลย ตั้งแต่ขณะกิเลสตัวสร้างกองทุกข์ขึ้นมาดับลงไปแล้วภายในใจ นั่นละที่สงบที่เย็นที่เจริญอยู่ตรงนั้น นอกนั้นไม่มีอะไรเจริญ ดูเอา ใครเกิดมาก็เห็นกันอยู่อย่างนี้ ตายไปเขาก็มีอย่างนี้ เขาก็เกิดก็ดับของเขาในสภาพหนึ่ง เราก็เกิดก็ดับของเราไปสภาพหนึ่ง ต่างคนต่างเกิดต่างดับ แต่จิตใจเป็นผู้ก่อเรื่อง อันนั้นเป็นนั้น อันนี้เป็นนี้ สิ่งเหล่านั้นเขาไม่ได้เป็นอะไร แต่ใจเป็นมหาเหตุหาเรื่องหาราว ท่านจึงให้ระงับดับที่ใจ

เวลานี้กิเลสกำลังตีตลาด กำลังตีธรรมเผาธรรมภายในใจของชาวพุทธเรา ไม่เลือกนะ เวลานี้แทบจะพูดได้ว่าจะไม่มีเกาะมีดอนแห่งธรรม ภาษาโลกของเราเรียกว่าแห่งธรรมที่จะได้ซุกหัวนอนบ้างนะ ธรรมจะไม่มีที่หลับที่นอน ถูกกิเลสขับไล่ไสส่งเผาแหลกเหลวไปหมด ไม่มีที่พักที่อยู่นะเวลานี้ ประชาชนญาติโยมวิ่งเข้าหาพระ แทนที่พระจะให้ความร่มเย็นเป็นสุขแก่ประชาชนญาติโยม พระก็วิ่งเข้าหากิเลสตัณหา หาฟืนหาไฟ หาเงินหาทองหาข้าวหาของ หาสมบัติบริษัทบริวาร หายศถาบรรดาศักดิ์ไปเสีย พระก็พาหาอย่างนั้น หาไปหามาก็ได้แต่ไฟมาเผากัน นี้คือกิเลสเผาธรรมเข้าใจไหมล่ะ แล้วตรงไหนที่จะให้ธรรมซุกหัวนอนได้ ถ้าไม่มีสติธรรมปัญญาธรรมยับยั้งจิตใจตัวเองให้ดีภายในใจ

ไม่มีที่ยึดก็ให้เกาะพุทโธ สติอยู่กับพุทโธ พุทโธเป็นองค์รู้ เป็นธรรมชาติที่รู้ สติจับเข้าไปนั้นอีก ผู้รู้นี้จะเด่นจะกระจายตัวเองออกไป สัมปชัญญะออกเป็นปัญญากระจายออกไป ทีนี้เริ่มเป็นน้ำดับไฟละ ไฟกิเลสมันเผาธรรม ธรรมมีสติธรรมปัญญาธรรมจะเริ่มเป็นน้ำดับไฟเหล่านี้ให้สงบตัวลงไป ๆ เย็นลงไป ๆ จนกระทั่งดับได้หมด ไม่มีไฟแม้นิดหนึ่งติดในหัวใจแล้วนั้นแลคือไม่มีทุกข์ในหัวใจ มหาเหตุได้สิ้นสุดยุติลงไปแล้ว ความทุกข์ความทรมานทั้งหลายจึงไม่มีในใจของท่านผู้สิ้นไฟคือกิเลสแล้ว

พากันเอาไปพิจารณา เวลานี้กิเลสกำลังเผาธรรมนะ เผาจริง ๆ ไม่ใช่ธรรมดา หมด ไม่มีเกาะมีดอนนะเวลานี้ เผาหมด หาที่เกาะที่ยึดไม่ได้ ถ้าใครมีภาวนาผู้นั้นจะมีที่เกาะที่ยึด มีภาวนาแล้วจะมีที่ยับยั้งจิตใจที่กำลังลุกลามเป็นไฟเผาตัวเองให้สงบลงได้ มันไม่ให้เห็นมันไม่ให้ดูนะใจ กิเลสนี่พูดง่าย ๆ ก็คือว่า ความเด็ดขาดของมันไม่ให้ดูเลยดูใจที่เป็นตัวก่อเหตุ ซึ่งมันผู้ก่อเหตุอยู่ในนั้น มันไม่ให้มองไม่ให้ดู มันไล่ออกข้างนอก ไล่ออก ๆ คนเราจึงไปหาเอาดีข้างนอก ไม่ได้หาเอาดีข้างในใจของตัวเอง เพราะข้างในใจนี้มาหาไม่ได้มาดูไม่ได้ กิเลสมันเผา มันตีออกตกห้าทวีป มันไม่ยอมให้เข้ามาดู ถ้าดูตรงนี้จะเป็นน้ำดับไฟ

กิเลสคือไฟ ธรรมคือน้ำ จะดับกันที่ตรงนี้ มันไม่ยอมให้ดู มันไล่ออกข้างนอก ให้ไปเอาดีกับโน้นกับนี้ไปหมด มันไม่ให้สนใจให้เอาดีกับตัวเอง มันให้เอาดีกับสิ่งนั้นสิ่งนี้ ให้เอาดีกับเงินกับทองกับข้าวกับของ กับบริษัทบริวารที่อยู่ที่อาศัย ที่หลับที่นอนหมอนมุ้ง อันนี้ก็ดีอันนั้นก็ดี ดีไปหมด ให้เพลินกับสิ่งเหล่านั้น ตัวไฟไม่ให้ดู มันให้ไปดีกับสิ่งเหล่านั้น

ชื่อเสียงอะไร ๆ นั่นละของดีที่กิเลสหลอกเอาไว้ ๆ ตั้งยศถาบรรดาศักดิ์กันขึ้น เป็นเจ้าขุนมูลนาย เป็นเจ้าฟ้าเจ้าคุณ สมเด็จ พระราชาอะไรก็แล้วแต่เถอะ กิเลสจะไปหาตั้งไว้หมดให้ไปเที่ยวเกาะเที่ยวยึดอยู่นั้น ไม่ให้เข้ามาอยู่ที่ใจ มันก็สนุกก่อไฟเผา แล้วลุกลามไปเรื่อย ความได้เหล่านี้ไม่พอนะ ได้นี้แล้วอยากได้นั้น ๆ เรื่อยไปเลย นี่ละกิเลสมันไสออก ๆ พวกเราจึงเป็นพวกบ้าลม ตื่นเงา กิเลสหลอกก็ตื่นเงา ตะครุบเงาไปเรื่อย ๆ หาความสุขไม่เจอจนกระทั่งวันตาย ไม่มีคำว่าเจอสุข

ทีนี้ชื่อก็เหมือนกัน เห็นไหมเดี๋ยวนี้ ตั้งชื่อกัน ดูซิชื่อทุกวันนี้พิสดารไหม จรวดดาวเทียมตามไม่ทันนะตั้งชื่อ เจ้าของจมอยู่ก้นนรกชื่อไปอยู่โน้นก็เอา ดีอยู่โน้นช่างมัน เจ้าของลงนรกก็ยอมลงขอให้ชื่อมันดีอยู่โน้น อยู่จรวดดาวเทียม ฟาดจรวดดาวเทียมอวกาศไปโน้น ชื่อแต่ละคน ๆ นี้ โถ พิสดารนะตั้งชื่อกันทุกวันนี้ ฟังแล้วแหม เราฟังคนเดียวคิดคนเดียว เหมือนกับว่าบ้าคนเดียวในท่ามกลางแห่งคนดีทั่วโลกว่างั้นเถอะนะ เราคิด ทีนี้เขาไม่มองเห็นเราน่ะซิ ก็มีบ้าเราคนเดียวนี่นะ เขาทั้งโลกเขาจะมามองดูอะไรบ้าคนเดียว บ้าคนเดียวก็ยิ่งสนุกคิดสนุกพิจารณาล่ะซิ

พูดแล้วเราสลดสังเวชนะ แหม ความแหลมคมของกิเลสแหลมจริง ๆ คมมาก ไม่ยอมให้ดูจุดนี้เลย นี่ละศาสดาองค์เอกสอนลงจุดนี้ ที่ว่า เย ธัมมา เหตุปปภวา ให้ดูจุดนี้ พอพระอัสสชิสอนเสร็จเรียบร้อยแล้ว พระสารีบุตร พระโมคคัลลาน์ ก็ไปปรึกษาหารือกันเล่าเรื่องให้ฟังแล้วมีความเลื่อมใส ก็พากันไปเฝ้าพระพุทธเจ้า ๒๕๐ คน สำเร็จเป็นพระอรหันต์ขึ้นมาหมดเลย พระอัสสชิท่านไม่ได้พูดนะ เวลาพระสารีบุตรไปถามท่าน ว่าท่านบวชในสำนักใด ใครเป็นครูเป็นอาจารย์ของท่าน ครูอาจารย์ของท่านสอนว่ายังไง ท่านก็บอกแต่เรื่องสอน แต่ท่านไม่บอกว่าท่านเป็นพระอรหันต์ เสร็จแล้วท่านก็ไปเลยไม่บอก

พระสารีบุตรนี้ไม่ว่าจะหลับจะนอนจะอยู่ทางทิศใดก็ตาม ได้ทราบว่าพระอัสสชิอยู่ทางทิศใด พระสารีบุตรจะยกมือไหว้ไปทางทิศนั้น ๆ ก่อนหลับก่อนนอนเพราะท่านเห็นบุญเห็นคุณของพระอัสสชิ เป็นเอง นี่ละน้ำดับไฟดับที่ตรงนี้ อย่าพากันตื่นเกินเหตุเกินผล การหาอยู่หากินสัตว์เขาก็หาเหมือนกันกับคน ไม่ใช่คนตายสัตว์ตาย ต้องดีดต้องดิ้นเพื่อปากเพื่อท้องเป็นธรรมดา อันนี้ธรรมท่านไม่ตำหนิ ที่ท่านตำหนิก็คือว่ามันเลยเถิดออกไปนั้นเป็นกิเลส นั้นเป็นฟืนเป็นไฟเผาไหม้ตัวเอง อย่าให้เลยขอบเขตของธรรมไป

หาอยู่หากินการใช้การสอย เป็นเครื่องเยียวยาธาตุขันธ์พออยู่กันไป ไม่ว่าสัตว์ว่าบุคคลเป็นไปได้ด้วยกันทั้งนั้น พระพุทธเจ้าไม่ปฏิเสธ แต่ที่ทำเสียจนเลยเถิดนั่นซี เลยเถิดเกินเหตุเกินผล ได้เท่าไรไม่พอ ๆ อะไรไม่มีคำว่าพอ ๆ เผาจนแหลกก็ไม่พอ อันนี้มันเลยเถิด พระพุทธเจ้าสอนไม่ใช่สิ่งที่นำความสุขมาให้ เป็นไฟทั้งนั้น ท่านสอนว่าอย่างนั้น

พวกเราทั้งหลายให้พากันฟังบ้างนะ อย่าปล่อยให้กิเลสมันเผาเสียหมด จะไม่มีเกาะมีดอนนะเวลานี้ เกาะดอนจะไม่มี เกาะดอนของธรรมที่จะซุกหัวนอนสักงีบหนึ่งจะไม่มี จะถูกกิเลสเผาแหลกหมด เพราะฉะนั้นจงรักษาจุดคือเกาะดอนของเราได้แก่ใจไว้ด้วยความสงบ มีพุทโธ ธัมโม สังโฆ สติธรรม ปัญญาธรรม ระลึกถึงธรรมภายในใจเสมอ นี้ละเรียกว่าเกาะ เป็นที่ฝากเป็นฝากตายได้ ซุกหัวนอนได้ตรงนี้ นอกนั้นอย่าไปหวัง กว้างขนาดไหนก็มีจิตดวงนี้ละไปหาหมายเอาว่า อันนั้นกว้าง อันนี้แคบ อันนั้นดี อันนี้ดี มีแต่ตัวนี้ไปหาหมายก่อเรื่องหลอกตัวเอง แล้วก็เอาไฟมาเผาตัวเองในขณะเดียวกัน ให้พากันจำเอา

การสอนโลกนี้เราสอนเพียงพอประมาณเท่านั้น ถ้าเลยกว่านี้แล้วโลกจะฟังไม่ได้ เพียงแต่พูดเท่านี้โลกยังฟังไม่ได้ ทั้ง ๆ ที่เราก็พยายามถอดออกมาที่ควรแก่โลกจะรับได้ฟังได้ พอเข้าใจได้ พอเชื่อถือยึดมาเป็นประโยชน์ได้ ทีนี้ที่มันแทรกอยู่ด้วยกัน โลกที่มันหนายิ่งกว่านั้นมันก็หาว่า นั่นฟังซิหาว่า เพียงเท่านั้นเข้าใจแล้วไม่ใช่เหรอ คือมันอยู่ด้วยกันนั่นละ แทรกอยู่ด้วยกัน หัวใจของแต่ละคน ๆ ไม่เหมือนกัน หัวใจดวงนี้คิดอย่างนี้ ๆ หัวใจอย่างนั้นคิดอย่างนั้น หัวใจที่เป็นธรรมก็คิดไปตามธรรม ท่านว่ายังไงคอยฟังไปตามธรรม ๆ ยอมรับไปตามธรรม เป็นประโยชน์ไปตามนั้น แต่อีกหัวใจอันหนึ่งไม่เป็นอย่างนั้น มันขัดมันแย้งมันกีดมันขวาง หัวใจประเภทนี้ธรรมโปรดไม่ได้ นี่เราตัวเพียงเท่าหนูมันก็เป็น

การเทศนาว่าการนี้เราไม่ได้เทศน์ตามภูมิอรรถภูมิธรรมที่มีอยู่ในใจ เราเทศน์ตามภูมิของผู้มาสดับตรับฟัง จะได้รับผลประโยชน์มากน้อย จะได้รับความเข้าใจมากน้อยเพียงไร ธรรมะจึงออกตามระยะ ๆ ที่พอเหมาะพอดี ทีนี้พวกที่มันหยาบกว่านั้น เช่นอย่างเขาว่า โอ๋ย เทศน์ดุเทศน์หยาบโลน นั่นเห็นไหมประเภทหนึ่งมันเป็นอย่างนั้น ประเภทหนึ่ง แหม ถึงใจ คือผู้นี้จะแก้ พูดตามความจริงสิ่งเหล่านี้เป็นภัยมันผาดโผนโจนทะยานอย่างนั้น ๆ มันทำความทุกข์ความทรมานให้โลกอย่างนั้น ๆ ท่านแสดงโทษของมัน พวกนี้มันเอาโทษกลับมาเป็นคุณ เอาคุณกลับไปเป็นโทษเสียเลย ประโยชน์มากน้อยเพียงไรก็เทศน์ไปตามนั้นที่ควรจะได้มากน้อย อันใดที่สุดวิสัยของโลกนี้จะฟังได้ มีเท่าไรก็ออกไม่ได้

เอา ขั้นนี้มาเทศน์ขั้นนี้ ๆ เทวบุตรเทวดาอินทร์พรหมมาเทศน์ขั้นเทวบุตรเทวดาอินทร์พรหม เอ้า ผู้ที่จะบรรลุธรรมขั้นต่าง ๆ ขึ้นมาศึกษาธรรมะ เอ้า เทศน์ตามขั้น ๆ ฟาดทะลุถึงนิพพานเลย เทศน์ถึงฟ้าดินถล่มก็เป็นไปได้ถึงฟ้าดินถล่มตามที่ผู้มารับหนักเบามากน้อย นั่นละธรรมจึงไม่มีประมาณ เราอย่ามาพูดท้องฟ้ามหาสมุทร ยังมีขอบเขต มหาวิมุตติมหานิพพานไม่มีขอบเขต เลยสมมุติโดยประการทั้งปวง ธรรมประเภทเหล่านั้นแหละที่มาสอนโลก แยกออกมาสอนพอโลกจะรับได้เท่านั้น ไม่มีใครสามารถจะรับได้ในธรรมที่ว่าธรรมธาตุอันนั้นไม่มีใครรับได้ เป็นความพอเหมาะพอดีกับท่านผู้ทรงธรรมประเภทนั้นเท่านั้นเวลายังครองขันธ์อยู่ พอขันธ์สลายลงไปแล้วก็เป็นธรรมธาตุอย่างนั้น

พากันเข้าใจบ้างไม่ใช่หรือวันนี้เทศน์ให้ฟัง ธรรมะนี้พูดจริง ๆ ในหัวใจดวงนี้ หากจะนำมาเทศน์หมดทั้งหัวใจดวงนี้ โลกนี้พังแตกทลาย เพราะเป็นโลกของกิเลส สุดวิสัยที่จะฟังจะเชื่อถือได้ทั้ง ๆ ที่ธรรมชาตินั้นเป็นความจริงร้อยเปอร์เซ็นต์ อันนี้ปลอมร้อยเปอร์เซ็นต์มันเข้ากันไม่ได้ เมื่อเป็นเช่นนั้นเทศน์หาประโยชน์อะไร มันก็เท่านั้นเอง ถ้าควรจะได้รับประโยชน์มากน้อยก็แสดงออกเท่าที่ผู้มารับจะได้ประโยชน์ อันใดที่ไม่เป็นประโยชน์ก็เหมือนไม่มี ๆ ไปเสีย สิ่งที่ท่านรู้ที่เป็นอยู่นั้นปิดไม่อยู่ ผู้มาเกี่ยวข้องต่างหากมีประมาณ จะเอาขนาดไหน ๆ ก็พูดให้ได้ยินได้ฟังเท่านั้นเอง

เรายังพูดเราไม่ลืมนะ อย่างเทศนาว่าการเวลานี้อยากเรียกว่า เราเทศน์นี้สอนทั่วประเทศไทยแล้วใช่ไหม ออกกระจายทั่วประเทศไทย ดีไม่ดีเมืองนอกก็ได้ยิน ที่เขาฟังกัน พอฟังแล้วบางคนตื่นเต้น บางคนทั้งกัดทั้งข่วนกัน ทั้งหัวเราะทั้งร้องไห้ พอได้ยินเสียงเทศน์เท่านั้นมันตื่นเต้นมันอะไรกันประเภทต่าง ๆ นั่นแหละ พวกบ้าว่างั้นเถอะนะ มันก็เข้ามานี้จนได้นั่นละ ว่าเทศน์อย่างนั้นอย่างนี้บ้างอะไรบ้าง หึย ประสาสะเก็ดนิวเคลียร์เท่านั้นก็ตื่นบ้าแล้วพวกนี้น่ะ กว่านิวเคลียร์นิวตรอนลงจะเป็นยังไง

เป็นยังไงนิวเคลียร์นิวตรอนขนาดไหนฟังซิ ที่จะหย่อนลงแต่ละลูก ๆ ต้องคำนวณถึงผลประโยชน์ นิวเคลียร์มีคุณค่าขนาดไหน หย่อนลงไปนี้ผลประโยชน์จะรับกันได้หรือไม่ประการใด ไม่เช่นนั้นนิวเคลียร์นิวตรอนเขาไม่ลง ถ้าเป็นโลกถึงขั้นจะพินาศแล้วลงทันที เพราะนิวเคลียร์นิวตรอนทำให้โลกพินาศ แต่นิวเคลียร์นิวตรอนของธรรมทำให้โลกชุ่มเย็น แต่ไม่มีใครสามารถที่จะทำตัวให้ร่มเย็นได้ด้วยนิวเคลียร์นิวตรอนแห่งธรรมประเภทนั้น ก็เอาไว้อย่างนั้นแหละ ถ้ามันไปไม่รอดจริง ๆ ก็เสริมเสียวันนี้เหนื่อยมากไหม รู้สึกเหนื่อยวันนี้ไปพักนอนเสียก่อนนะ จะว่าให้ไปเดินจงกรมภาวนาเสียก่อนไม่บอก ต้องผ่อน นี่ไปนอนเสียก่อนนะ

ให้พากันฟังนะ ธรรมพระพุทธเจ้าอัศจรรย์ขนาดนั้นละ เกินกว่าที่พวกเราทั้งหลายคลังกิเลสนี้จะรับได้ เหนือขนาดนั้น น้ำหนักไม่มีอะไรเกินธรรมประเภทนี้ ถ้าพูดถึงน้ำหนักแห่งคุณค่านะ ไม่มีอะไรเกิน เพราะอันนี้คำว่าโลกุตระ หมายความว่าสูงหมด ธรรมเป็นธรรมที่เหนือโลกสมมุติโดยประการทั้งปวง น้ำหนักคุณค่าเกินกันเกินคาดเกินหมายไปเลย นั่นละที่พระพุทธเจ้าท้อพระทัยที่จะนำมาแจกแจงให้สัตวโลกทั้งหลายได้รับความเข้าใจ เอาได้แค่ไหนก็เอาอย่างว่านั่นแหละ สอนลงไปอย่างนั้นอย่างนี้ ที่จะให้ไปหาส่วนใหญ่ยากมาก เอ้า สอนลงไป ต่อไปตั้งแต่เล็กก็จะใหญ่เอง หนึ่งไปก็ต้องไปหาสอง สองแล้วก็ต้องไปหาสาม ถึงล้านก็ต้องไปจากสอง อันนี้ของใหญ่ก็ไปจากของเล็กน้อยนี่แหละ ผสมผเสเข้าไปแล้วใหญ่เอง ให้พากันอุตส่าห์พยายามนะ

อย่าฟังเสียงกิเลสนะ กิเลสจะไม่ยอมให้ทำความดี ขึ้นชื่อว่าความดีแล้วกิเลสเป็นไม่ยอมเด็ดขาด เพราะฉะนั้นที่ว่าหนา ๆ คือหนากิเลสนั่นเองไม่ใช่อะไร พอพูดอย่างนี้เราก็ยังระลึกได้ถึงโยมจีน คนบางตะเก๊า พูดมาเป็นคติตัวอย่างแก่พวกเรา แกตำหนิแกเวลาแกเป็นฆราวาสอยู่ พวกเพื่อนเขานั่นแหละ ก็เป็นเพื่อนกัน แกว่าอย่างนั้นนะ คือแกยกโทษแก แกเห็นคุณค่าของเขา แกมายกโทษแกทีหลังเมื่อแกภาวนาจิตแกเป็นไปแล้ว จนกระทั่งมองเห็นจิตคนอื่นจะว่าไง เราไปนั่งอยู่นั้นแกยังมาชี้ตับเรา แต่เราก็เฉย แกไม่รู้ว่าเราชี้ตับแกหรือเปล่า มีแต่แกมาชี้ตับเรา เราก็เฉยเสียให้แกชี้

แกพูดถึงเรื่องภาวนาว่า มันเห็นจริง ๆ จิตใคร ๆ เป็นยังไงเห็นหมด แม้แต่จิตท่านอาจารย์ก็เห็น แกบรรยายจิตของเราเราก็เฉยเสีย หือ มาดูตับเรา เราดูตับแกแกรู้หรือไม่รู้ก็ไม่ทราบ เราก็เฉยเสีย จนกระทั่งป่านนี้ยังไม่ได้บอกว่าเราดูตับแกนะ มีแต่แกดูตับเรา ทีนี้พอถึงขั้นนี้แล้วจิตลงแล้ว แกมาพิจารณาถึงตัวเอง เอ๊ จิตดวงเดียวทำไมเป็นอย่างนี้ แต่ก่อนเห็นวัดเห็นวาเห็นอะไร ๆ นี้เป็นภัยไปหมด เห็นความสนุกสนานรื่นเริงตามนิสัยของตัวเองแล้วเป็นของดิบของดีไปหมด ทีนี้เวลาเพื่อนเขามาชวนไปวัดยังดุเขาด้วยนะ สูจะไปสูก็ไปซีมาชวนกูทำไม เขาก็ไม่ว่าอะไรเขาก็ผ่านไป ยังเคียดแค้นให้เขาแกว่างั้นนะ

มันสมบัติอะไรมันมาชวนเราไปวัด แกโกรธแกแค้นให้เขา ถ้าเป็นเรื่องอย่างอื่นแล้วตามฆ่าเลยแกว่างั้น แต่นี้เขาชวนไปวัดยังเคียดแค้นให้เขา แต่ก็ไม่มีอะไรมากกว่านั้นเพราะเขาชวนเราไปวัด ถ้าชวนไปทางอื่นเราเคียดให้เขาอย่างนี้แล้วตามฆ่าเลย แกว่างั้น นี่เวลามันหยาบ แกพูดอย่างนั้นนะ มันหยาบขนาดนั้นจิต มาตำหนิเจ้าของ เลยน่าชมเชยบูชาเขา คือเขามาชวนเราไปวัดเป็นของดิบของดีอย่างยิ่งแล้ว ยังจะไปตามฆ่าเขา แหม หยาบขนาดนั้น แกว่างั้นนะ แกพูดอย่างถึงใจด้วย แกมีนิสัยจริงจังมาก เวลานี้กลับเห็นคุณค่าเขามาเห็นโทษของตัวเอง นั่นเห็นไหมจิตดวงเดียวนี่ แต่ก่อนแกเห็นคุณค่าของความชั่ว บัดนี้เห็นคุณค่าของความดีแล้วไปตำหนิความชั่วของตัวเอง นี่ละจิตดวงนี้เวลามันเปลี่ยนมันเปลี่ยนอย่างนั้น

เรื่องของจิตเป็นอย่างนั้น กิเลสถ้าลงได้มัดตรงไหนแล้วติดมัน ๆ ทั้งนั้น อย่าเข้าใจว่าจะเห็นโทษของมัน ติดพันเท่าไร ๆ ไม่มีทางที่จะเห็นโทษของมันได้ ต้องธรรมเข้าคลี่คลาย ต้องธรรมเข้าจับ อย่างที่โยมจีนแกว่านั่นแหละ แกมีธรรมแล้วแกจับเรื่องของแกได้หมด ตำหนิเจ้าของ โอ้โห เวลามันโหดมันโหดขนาดนั้นเชียวนา บอกว่าเวลามันโหดแกว่างั้นนะ มันโหดขนาดนั้นเชียวนา เขาชวนไปวัดยังเคียดยังแค้นให้เขา ถ้าเป็นอย่างอื่นเคียดให้เขาอย่างนั้นแล้วตามฆ่าเลย แต่นี้เขาชวนไปวัด เคียดก็เคียดไปอย่างนั้นแหละ มันเป็นอย่างนั้นนะเวลามันโหด แกว่างั้น แกบอกว่ามันโหด มันเลยหยาบไปแล้วเรียกว่าโหด ทีนี้เวลาจิตมาพลิกอย่างนี้แล้วมันเข้ากันไม่ได้เลยในบุคคลคนเดียวนั้นแหละ มันกล่อมตรงไหนแล้วอยู่นะ กิเลสกล่อมตรงไหนแล้วอยู่หมัดว่างั้นเลย ไม่มีทางกระดิกได้ถ้าไม่เอาธรรมเข้าสอดไม่เห็น

เวลานี้เรากำลังช่วยชาติ อย่าเบามือนะ ให้พากันช่วย เวลานี้รู้สึกว่าจะซบเซาลงชาวไทยของเราในการช่วยชาติ ก็ทำให้เราเริ่มไหวความคิดเหมือนกัน ถ้าอ่อนไป ๆ เราก็ปล่อยเลย เพราะเราก็พยายามเต็มความสามารถทุกด้านทุกทางแล้ว หากเป็นไปไม่ได้ก็ปล่อย ปล่อยแล้วก็มีแต่ไฟของกิเลส ไฟความโลภ ไฟความสกปรก ซึ่งมีอยู่เต็มบ้านเต็มเมืองในวงการต่าง ๆ ไม่เลือก กองไฟใหญ่เท่านั้นที่จะเผาบ้านเผาเมืองของเราให้จมได้ มันจะลุกขึ้น ไฟกองนี้จะขึ้นเมื่อน้ำดับไฟเบาลง ๆ ซาลงไป อันนี้มันจะขึ้นของมัน ให้พยายามดีดดิ้น

การปรับเนื้อปรับตัวนี้พูดเน้นหนักมากนะ นี่ละทรัพย์ของชาติคือการปรับเนื้อปรับตัวของคนในชาติแต่ละคน ๆ นี้คือทรัพย์ของชาติหลักของชาติแก่นของชาติอยู่ตรงนี้ไม่อยู่ที่อื่น สมบัติเงินทองข้าวของทุกอย่างที่จะมาเป็นความแน่นหนามั่นคง ขึ้นมาจากใจที่เป็นแก่นของชาตินี้นะ แล้วก็มาปรับเนื้อปรับตัวการอยู่การกินการใช้การสอย ความเคลื่อนไหวไปมาทุกอย่างอย่าลืมเนื้อลืมตัว นี้คือคนปรับตัวเองเพื่อเข้าสู่ชาติ ปรับชาติของเราด้วยความสามัคคีทุกคน แล้วชาติของเราจะมีความแน่นหนามั่นคง ให้ต่างคนต่างอย่าลืมเนื้อลืมตัว

ทองคำถ้าได้มากเมื่อไร พอถึงพันกิโลไปแล้วเราก็จะเข้ามอบไม่กำหนด ควรที่จะมอบเรื่อย ๆ นั่นแหละดี ให้เป็นความสง่างามแก่ชาติไทยของเรา ไม่ควรอ่อนไม่ควรเฉื่อยชา ควรเข้มแข็งขึ้นเรื่อย ๆ เสมอ ๆ

ความสกปรกมันมากอยู่ในบ้านเมืองของเรามันจึงได้หนักเวลานี้ การจะช่วยเหมือนยกภูเขาทั้งลูก แต่การจะเหยียบลงให้จมนี้ ตีนใครก็มีเหยียบได้ทุกคน ความสกปรกซึ่งเป็นของต่ำเหมือนตีนเหมือนเท้ามันเหยียบได้ด้วยกัน อันนี้ลงง่าย แต่จะยกขึ้นยากนะ มันไม่อยากยกอย่างว่านั่นแหละ ถ้าเหยียบลงแล้วเร็ว

เมืองไทยถึงจะว่าเป็นเมืองคนโง่คนหนาก็ตาม แต่เป็นคนบางด้วยอำนาจของธรรม มีต่างกันตรงนี้ ที่อื่น ๆ เขาต้องคิดว่าเมืองไทยเราเป็นเมืองโง่ เขาเป็นเมืองฉลาดกว่า เขาจึงเหยียบหัวเราไปเรื่อย ๆ เอาอะไรมาล่อ ทางนี้ก็คว้ามับ ๆ เราโง่กว่าเขา แต่สิ่งที่ฉลาดกว่าเขาคือธรรมในใจ ตรงนี้สำคัญมาก การปรับเนื้อปรับตัวเรานี้คือธรรมในใจของเรา ให้ต่างคนต่างดีดต่างคนต่างปรับเนื้อปรับตัว ความฉลาดอันนี้จะทำใจของเราให้ชุ่มเย็นด้วยธรรมด้วย ด้วยสิ่งของที่เราอาศัยในชาติของเราด้วย จำให้ดีนะ

ให้พร


** ท่านผู้เข้าชมทุกท่านโปรดทราบ
    เนื่องจากกัณฑ์เทศน์บางกัณฑ์มีความยาวค่อนข้างมาก ซึ่งจะส่งผลต่อความเร็วในการเปิดเว็บไซต์ ขอแนะนำให้ทุกท่านได้อ่านเนื้อหากัณฑ์เทศน์บางส่วนจากเว็บไซต์ และให้ทำการดาวน์โหลดไฟล์กัณฑ์เทศน์ที่มีนามสกุล .pdf ไปเก็บไว้ในเครื่องของท่านแทนการอ่านเนื้อหาทั้งหมดจากเว็บไซต์

<< BACK

หน้าแรก