ธรรมจากหลักธรรมชาติ
วันที่ 10 กรกฎาคม. 2542 เวลา 13:00 น.
สถานที่ : วัดป่าภูริทัตตปฏิปทาราม จังหวัดปทุมธานี
| |
ดาวน์โหลดเพื่อเก็บไว้ในเครื่อง
ให้คลิกขวาแล้วเลือก Save target as .. จาก link ต่อไปนี้ :

ค้นหา :

เทศน์อบรมพระและฆราวาส ณ วัดป่าภูริทัตตปฏิปทาราม จ.ปทุมธานี

เมื่อวันที่ ๑๐ กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๕๔๒

ธรรมจากหลักธรรมชาติ

 

        งานของหลวงตาเป็นงานที่หนักมาก ไม่ใช่งานธรรมดา มาคราวนี้ก็เริ่มตั้งแต่บัดนี้จนกระทั่งวันที่ ๒๖ เดือนนี้ถึงจะได้กลับอุดรฯ ช่วงระยะเวลาที่มานี้ไม่มีเวลาว่างเลย ติดกันเลย รู้สึกหนักมากสำหรับคนแก่รับภาระ เฉพาะอย่างยิ่งขึ้นเวทีเทศน์ มีองค์ไหนไปหามาแข่งสักหน่อยซิในประเทศไทยนี้ ขึ้นเวทีเทศน์บั้นแก่ ก็มีแต่หลวงตาองค์เดียวนี้ขึ้นเวทีเทศน์บั้นแก่ องค์เหล่านั้นท่านสบาย ๆ เราขึ้นเวทีเทศน์บั้นแก่ด้วย เทศน์มากด้วย บั้นแก่นี้รู้สึกจะทั่วประเทศไทยเสียแล้วแหละ

        มาวันนี้จึงมองหน้ามองหลังนะ เพราะเทศน์ที่ไหน ๆ ก็เอาความรู้นี่ออกเทศน์ ๆ สิ่งต่าง ๆ เมื่อใช้ไปมาก ๆ มันก็หมดไป ๆ ทีนี้หลวงตาบัวเทศน์ก็ออกจากพุงเท่ากำปั้นนี่ จะได้อรรถได้ธรรมมาจากไหนพอที่จะเทศน์ให้พี่น้องทั้งหลายฟังได้ วันนี้จึงไม่แน่นอนนักว่าจะได้ธรรมะที่ไหนมาเทศน์ให้พี่น้องชาวปทุมธานีเราฟัง เพราะเทศน์ไม่หยุดไม่ถอยก็หมดไป

        ภูมิของผู้เทศน์นี้ก็เป็นหลวงตา ป.๓ เรียนจบแค่ประถม ๓ แล้วก็ออก คือแต่ก่อนไม่มี ป.๔ มีแต่ประถม ๓ สมัยหลวงตาเรียน หลังจากนั้นเขาก็ตั้งประถม ๔ ประถม ๕ ขึ้นเรื่อย ๆ แหละ หลังจากเราผ่านไปแล้วนะ จึงเรียกได้ว่าหลวงตา ป.๓ เรียนจบแค่ ป.๓ เท่านั้น จะได้ความรู้ที่ไหนมาสอน อยู่นี้ก็ดอกเตอร์ปริญญามีมากน้อยเพียงไร มีน้อยเมื่อไร เอาหลวงตา ป.๓ มาสอนดอกเตอร์มีอย่างเหรอ ก็ยังเหลืออย่างเดียวที่เราไปได้มาจากมหาวิทยาลัยขอนแก่น ดอกเตอร์หลวงตาบัว ป.๓ เราอาจจะงัดเอานั้นมาสู้ก็ได้ เพราะเราก็มีดอกเตอร์เหมือนกัน ไปที่ไหนไม่ได้แล้วเราก็งัดดอกเตอร์มหาวิทยาลัยขอนแก่นเอามาสู้ซิ นี่ก็ดอกเตอร์ ป.๓ เหมือนกันเห็นไหมล่ะ

        ไปเทศน์มหาวิทยาลัยขอนแก่น เขาให้ปริญญาดอกเตอร์ นี่ถ้าแปลภาษาของเราโดยตรง เขาว่าดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ ดุษฎีก็แปลว่าเหมือนหัวตอ ไม่มีความรู้อะไรเลย คือนิ่งอยู่งั้นละ ขึ้นธรรมาสน์แล้วก็ไม่มีอะไรจะเทศน์ ดุษฎีแปลว่านิ่ง สงบนิ่ง กิตติมศักดิ์ก็สักแต่ว่ามีสักแต่ว่าได้ สักแต่ว่าได้บัณฑิต ดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ สักแต่ว่าได้บัณฑิตแบบจนตรอก คือนิ่งอยู่อย่างนั้นแหละ ไม่มีความรู้ ทางมหาวิทยาลัยขอนแก่นเขาให้ดุษฎีบัณฑิต

ต่อไปนี้ก็น่ากลัวเหมือนกันนะ เราขู่เอาไว้พูดตรง ๆ นะ เราไม่ต้องการ มีหลายที่หลายทางที่จะมาให้ดอกเตอร์เรา เราบอกเราไม่เอาเราว่าอย่างนี้เลย เราไม่ได้มาหาดอกเตอร์นี่วะ เรามาหาทองคำหาดอลลาร์หาเงินต่างหาก เอามาให้เรา ๆ เอาหมด ไอ้ดอกเตอร์นี่เราไม่เอา พูดตรง ๆ อย่างนี้นะ เรามาหาทองคำมาหาดอลลาร์เงินสดอุ้มชาติไทยของเรา ดอกเตอร์มันอุ้มไม่ได้หรอก ดอกเตอร์มันอุ้มชาติไทยไม่ได้ ดีไม่ดีได้ดอกเตอร์มาแล้ว ได้ความรู้มาก ๆ ถลุงชาติบ้านเมืองก็ได้นี่นะ ถ้าดอกเตอร์เลวทรามเป็นอย่างนั้นนะ

ถ้าดอกเตอร์เลว ใจหยาบใจทราม ได้ความรู้มามาก ๆ แล้วเป็นเครื่องมือถลุงชาติตัวเองด้วยความสกปรก โดยอาศัยวิชาดอกเตอร์มาก็มี ไม่ใช่เราหาเรื่อง ผู้ดีเราไม่ว่านะ เราว่าผู้เลว มีเยอะอยู่นะ จึงสลดสังเวชนะเราพูดจริง ๆ เรียนความรู้วิชามาแทนที่จะมาทำประโยชน์ให้โลก กลับเอาความรู้นี้มาเผาโลกเผาชาติไทยของเรามีน้อยเมื่อไร ความรู้สกปรกมีเยอะนะ

        นี่ละภาษาธรรมให้พี่น้องทั้งหลายฟังเอา เราไม่ได้ดูถูกเหยียดหยามผู้หนึ่งผู้ใด ธรรมมีบอกว่ามี ไม่มีบอกว่าไม่มี ดีบอกว่าดี ชั่วบอกว่าชั่ว จึงเรียกว่าธรรม ไม่ลำเอียง ธรรมนี้เหนือโลกจึงนำมาสั่งสอนโลกได้ ผิดถูกดีชั่วประการใดธรรมสอนได้ทั้งนั้น นี่เรานำศาสนามาสอนพี่น้องทั้งหลายนี้ ไม่ใช่ตัวหลวงตาบัววิเศษวิโสมาจากไหน นำธรรมพระพุทธเจ้าต่างหากมาสอนพี่น้องทั้งหลาย ใครที่ชั่วที่เลวทรามดังที่กล่าวมานี้ ให้รีบปรับเนื้อปรับตัวถ้าไม่อยากให้ชาติไทยล่มจม นี่เป็นภัยต่อชาติของเราอย่างมาก เรียนความรู้วิชามามาก ๆ แทนที่จะมาทำประโยชน์ให้ชาติไทย กลับมาเป็นฟืนเป็นไฟเผาไหม้ชาติไทยของเรามีอย่างเหรอ

        เราเกิดมาในชาติไทย พ่อแม่ของเราเป็นไทย ทำไมเราจึงเป็นยักษ์เป็นผีทำลายชาติไทยของเรา เท่ากับทำลายพ่อแม่ของเราโดยตรงนั่นเอง ให้พากันพินิจพิจารณานะพี่น้องทั้งหลาย เราเป็นชาวไทยให้รักชาติไทย อย่ารักพุงของเจ้าของ อย่ารักความชั่วช้าลามกซึ่งเป็นฟืนเป็นไฟเผาไหม้ชาติไทยของเรา พร้อมกับพ่อแม่ของเราเป็นคนไทย เผาไหม้ไปหมด นี่ลูกอกตัญญู ลูกไม่เห็นบุญเห็นคุณของชาติตัวเอง ไม่เห็นบุญเห็นคุณของพ่อแม่ซึ่งเป็นชาวไทย ไปเรียนความรู้มาแทนที่จะมาทะนุถนอมบำรุงชาติไทยและพ่อแม่ของตนซึ่งเป็นชาวไทย กลับมาเผาไหม้พ่อแม่ของตนเองโดยไม่รู้สึกตัว แล้วภูมิใจด้วยคนประเภทนี้นะ มีหรือไม่มีให้ไปพิจารณาเอง

        ธรรมพระพุทธเจ้าท่านสอนอย่างนี้ ท่านไม่ได้สอนแบบลูบ ๆ คลำ ๆ ลูบหน้าปะจมูก อย่างนั้นไม่ใช่ธรรม ธรรมต้องสอนอย่างตรงไปตรงมา ไม่มีที่ว่าลูบ ๆ คลำ ๆ หรือลูบหน้าปะจมูก ไม่ใช่ธรรม ธรรมต้องเหนือทุกอย่าง สิ่งไหนผิดบอกว่าผิด สิ่งไหนถูกบอกว่าถูก พวกเราทั้งหลายเป็นชาวพุทธด้วยกัน ขออย่าเป็นชาวผีมาทำลายพระพุทธเจ้าและชาติไทยของเราซึ่งเป็นชาติแห่งชาวพุทธ ถ้าหากว่ามีแต่คนประเภทนี้แล้วเมืองไทยเราจมได้จริง ๆ จะไม่มีเหลือเลย

ต้องมีคนดี เรียนมาแล้วให้นำวิชาความรู้นั้นมาปฏิบัติต่อหน้าที่การงานของตน ที่จะเป็นผลเป็นประโยชน์แก่ชาติบ้านเมืองของตนเป็นลำดับ ๆ ไป ต่างคนต่างเรียนมา ต่างคนต่างนำความรู้วิชานั้นมาเป็นประโยชน์แก่ชาติบ้านเมืองของเรา สมชื่อว่าเรียนมาเพื่อจะเป็นหลักเป็นเกณฑ์ เป็นเนื้อเป็นหนังต่อชาติไทยของเราจริง ๆ ไม่ใช่มาเป็นเปรตเป็นผีกัดตับกัดปอดประชาชนพี่น้องชาวไทยของเรา กลายเป็นอาหารว่างของพวกเปรตพวกผีนี้เสียจนได้ ใช้ไม่ได้นะ ขอให้พิจารณาแก้ตัวเอง นี่ละภาษาธรรม ธรรมออกสนามพี่น้องทั้งหลายให้ฟังเอา

กิเลสออกสนามมันกำลังเป็นฟืนเป็นไฟ บ้านเมืองไทยของเรากำลังจะล่มจม นี้คือกิเลสออกสนาม ความสกปรกรกรุงรัง ความไม่มีละอายต่อบาปต่อกรรม นี่คือกิเลสออกสนาม ไปที่ไหนแตกกระจัดกระจายไปหมด แล้วก็จะล่มจมได้ชาติไทยของเรา ถ้าให้กิเลสออกสนามอย่างนี้ไปเรื่อย ๆ จะไม่มีอะไรเหลือ เหลือแต่ชื่อชาติไทย ความล่มจมฉิบหายจมไปหมดทั้งชาติเป็นของดีแล้วเหรอ ให้พากันพิจารณานะ

        เราเป็นลูกชาวพุทธควรคำนึงถึงพระพุทธเจ้า พระธรรม พระสงฆ์ อันเป็นหลักชีวิตจิตใจของเราชาวพุทธบ้าง อย่าให้แต่กิเลสล้อมหน้าล้อมหลัง กัดตับกัดปอดตัวเองและส่วนรวมโดยไม่รู้ตัว ที่ไปกว้านไปโกยเอาของเขามากินนั้น นั่นละคือไฟบรรลัยกัลป์ นั้นคือทองแดงเข้ามาเผาพุงของเจ้าของ ตายแล้วจมลงในนรกเผาในนรกไม่มีวันสิ้นวันสุด ใครไม่เชื่อพระพุทธเจ้า ก็ให้สั่งสมขึ้นให้มากนะ อย่าท้าทายพระพุทธเจ้า พระพุทธเจ้าคือศาสดาองค์เอก ตรัสรู้แล้วด้วยความบริสุทธิ์พระทัย สั่งสอนโลกด้วยความเมตตา

        มีบอกว่ามี จริงบอกว่าจริง ดีบอกว่าดี ชั่วบอกว่าชั่ว จึงเรียกว่าธรรม ไม่มีคำว่าลำเอียง คำว่าลำเอียงไม่มี มีแต่ของจริงล้วน ๆ ทั้งนั้นมาสอนพวกเราชาวไทย จึงขอให้ต่างคนต่างนำธรรมะมาปฏิบัติตัวเอง หากผิดถูกประการใดที่เรายังไม่รู้สึกตัว หรือมันเคยดื้อมาบ้างแล้ว ก็ให้นำธรรมะเข้าไประงับดับความดื้อด้านของตน จะเป็นความสะอาดสะอ้านขึ้นมา หน้าที่การงานที่เราทำลงไปด้วยหลักวิชาที่เราเรียนมา ก็จะเป็นประโยชน์แก่ตัวเอง สงบร่มเย็นทั่วชาติบ้านเมืองของเรา

อย่าพากันหาแต่เรื่องกอบเรื่องโกย เรื่องเหล่านี้มันเป็นเรื่องเปรตเรื่องผี เรื่องโจรเรื่องมารทำลายชาติของเรา อย่านำมาใช้ถ้าไม่อยากให้บ้านเมืองล่มจม อย่าตีหน้าเฉยนะ บาปไม่ได้ตีหน้าเฉย นรกไม่ได้ตีหน้าเฉย คนทั้งเมืองไทยไม่ได้ตีหน้าเฉย ทุกข์ก็ทราบว่าทุกข์ ร้อนก็ทราบว่าร้อน เพราะมีหัวใจด้วยกัน ไม่ใช่มีหัวใจแต่เราผู้กอบโกยกัดตับกัดปอดเขาอย่างเดียวนะ เขาก็มีหัวใจเหมือนกันกับเรา นอกจากเขาไม่พูดเท่านั้น นี้จึงได้นำธรรมะมาพูดให้พี่น้องทั้งหลายทราบ ตามที่นำธรรมะมาออกสนามให้ทราบทั่วกัน

เวลานี้บอกว่าธรรมออกสนาม กิเลสออกสนามเราเห็นทั่วดินแดนแล้วเป็นยังไงบ้าง ไปที่ไหนมีแต่ฟืนแต่ไฟเดือดร้อนไปทั่วทุกหย่อมหญ้า ไว้ใจกันไม่ได้นะ เรื่องกิเลสออกสนามไว้ใจกันไม่ได้ ตัวเองก็ไม่มีทางที่จะเชื่อตัวเองได้ในทางที่ถูกที่ดี นอกจากรอลมหายใจหยุดเท่านั้นเอง พอลมหายใจขาดสะบั้นก็ปึ๋งลงในนรก กิเลสมันหลอกนะว่านรกไม่มี แล้วกิเลสมันไม่ไปรับเคราะห์รับกรรมในนรก ผู้ทำกรรมชั่วนั้นแหละเป็นผู้ที่จะรับเคราะห์รับกรรมในนรก ไม่ใช่ผู้อื่นผู้ใด อย่าท้าทายพระพุทธเจ้า อย่าท้าทายธรรม

ธรรมนี้เป็นธรรมชาติที่ให้ความร่มเย็นแก่โลกมานานแสนนานแล้ว ไม่ใช่เป็นเครื่องหลอกลวงโลก เป็นธรรมที่ให้ความร่มเย็นแก่โลกมานาน บาปมี บุญมี นรกสวรรค์มี มากี่กัปกี่กัลป์ไม่มีใครนับได้เลยเพราะนานแสนนาน แล้วใครจะเป็นผู้สามารถอาจหาญไปลบล้างบาปไม่ให้มี บุญไม่ให้มี นรกสวรรค์ไม่ให้มี แล้วสนุกทำบาปทำกรรม โกยเอาไฟนรกมาเผาตัวเองสด ๆ ร้อน ๆ ทั้งที่ยังไม่ตายนี้มันสมควรแล้วเหรอ ให้พิจารณาถ้าเราเป็นมนุษยชาติแห่งชาวพุทธแล้ว ให้ระลึกรู้ตัว ไม่รู้จมจริง ๆ

อย่าท้าทายพระพุทธเจ้านะ สิ่งของเงินทองที่ได้มามากน้อยด้วยความกอบความโกยทุจริตนั้น เขาไม่รู้แต่เรารู้ เราเป็นผู้ทำเราเป็นผู้รู้ กรรมเป็นของเราไม่ใช่เป็นของผู้อื่นผู้ใดเลย กรรมนั้นแหละจะเผาเราผู้ที่เก่ง ๆ ใครเก่งทางไหนเจอทางนั้น ๆ เพราะดีมีอยู่ในโลก ชั่วมีอยู่ในโลก เป็นประจำมาตั้งแต่กาลไหน ๆ หลังจากนี้แล้วก็นรกมีอยู่ในโลกมาประจำตั้งแต่กาลไหน ๆ นรกมีกี่หลุมใครชี้แจงได้ ไม่มีใครรู้ ตากิเลสมันไม่รู้ มันรู้แต่ความอยากความทะเยอทะยานความดีดความดิ้น ได้ไม่พอกินไม่พอ อะไรไม่พอทั้งนั้น มันไม่ได้เห็นเรื่องบาปเรื่องบุญเรื่องนรกสวรรค์ ดังพระพุทธเจ้าท่านทรงเห็นทรงรู้มาแล้วด้วยโลกวิทู คือรู้แจ้งโลกอย่างชัดเจน ไม่มีอะไรปิดบังลี้ลับ

แล้วเราคนไหนไปเห็นนรก ท่านแสดงไว้ว่านรกมีถึง ๒๕ หลุม คนตาบอดเห็นได้ยังไง นอกจากจะไปลบล้างนรกว่าไม่มีเท่านั้น คนตาดีคือศาสดาองค์เอก ทรงโลกวิทู รู้แจ้งเห็นจริงโลกทุกสัดทุกส่วนมาแล้ว จึงนำมาสอนโลกด้วยความเมตตา เราทำไมจึงจะดื้อด้านหาญต่อสู้พระพุทธเจ้า ถ้าไม่อยากจมทั้งเป็นให้รีบแก้ไขตัวเองนะ ศาสดาเป็นศาสดา พระพุทธศาสนานี้เป็นศาสนาที่เลิศเลอสุดยอดแล้ว ใครเกิดมาไม่ได้พบพระพุทธศาสนา หรือพบแต่ไม่ยอมรับนับถือ นั้นเรียกว่าเศษมนุษย์เท่านั้นเอง ถึงจะเสกสรรปั้นยอตัวเองว่าเป็นอินทร์เป็นพรหมสูงขนาดไหนก็ตามก็มีแต่ลมปาก ความจริงไม่ได้อำนวย

เราจึงต้องปฏิบัติให้ตรงกับความจริงที่พระพุทธเจ้าทรงสั่งสอนไว้แล้ว ด้วยความสัตย์ความจริงทุกอย่าง นี่ถึงจะถูกต้อง นรก ๒๕ หลุมฟังซิน่ะ ใครอาจหาญว่านรกไม่มี ศาสดาองค์เอกโลกวิทู รู้แจ้งเห็นจริงแล้วจึงมาสอน ยกตัวอย่างเพียงศาลาหลังนี้ ต่างคนต่างมาเห็นด้วยกันนี้ ปฏิเสธได้ไหมว่าศาลาหลังนี้ไม่มี เพียงเท่านี้เราก็พอเป็นตัวอย่างได้แล้ว ทีนี้คำว่านรก ๒๕ หลุมนี้ พระพุทธเจ้าทุก ๆ พระองค์สอนแบบเดียวกัน รู้แบบเดียวกัน เห็นแบบเดียวกันหมด พระพุทธเจ้ามีจำนวนน้อยเมื่อไรที่ได้มาตรัสรู้ในโลกของเรานี้ ตั้งกี่กัปกี่กัลป์ ตรัสรู้องค์นี้ตรัสรู้แล้วก็มารู้สิ่งที่มีที่เป็น บาป บุญ นรก สวรรค์ พรหมโลก นิพพาน เปรต สัตว์ประเภทต่าง ๆ เต็มท้องฟ้ามหาสมุทร เห็นอย่างเดียวกันนี้หมด แล้วนำมาสั่งสอนโลกแบบเดียวกัน

ไม่มีพระพุทธเจ้าพระองค์ใดที่สอนแหวกแนวกันไม่เคยมี เพราะเห็นอย่างเดียวกันจะให้สอนอย่างอื่นได้ยังไง รู้อย่างเดียวกันจะให้สอนอย่างอื่นได้ยังไง ต้องสอนแบบเดียวกันเพราะเห็นแบบเดียวกัน รู้แบบเดียวกัน ด้วยความเมตตาสัตว์โลกนั้นเอง การสั่งสอนไม่ใช่สอนเพื่อโอ้เพื่ออวด พระพุทธเจ้าท่านพอทุกพระองค์แล้ว ท่านไม่หวังเอาอะไร ใครจะชมเชยสรรเสริญยกยอท่านว่า พุทฺธํ ธมฺมํ สรณํ คจฺฉามิ ก็ตาม นี่เป็นผลประโยชน์สำหรับผู้กล่าวถึง ผู้ยึดผู้เกาะพระพุทธเจ้า สำหรับพระองค์พอทุกอย่างแล้ว สิ่งเหล่านี้เป็นส่วนเกินทั้งหมด พระพุทธเจ้าไม่เอาเพราะพอแล้ว นิพพานคือความพอเมืองพอนั่นเอง พออยู่ภายในจิตในใจไม่พออยู่สถานที่ใด

ธรรมเหล่านี้พระพุทธเจ้าแสดงไว้มากี่กัปกี่กัลป์แล้วนะ เราอย่าเข้าใจว่ามาแสดงเพียงพระพุทธเจ้าของเราพระองค์เดียวว่า บาปมี บุญมี นรกมี สวรรค์มี พรหมโลก นิพพานมี เปรตผีสัตว์ประเภทต่าง ๆ ทั่วแดนโลกธาตุนี้มี นี้สอนอย่างเดียวกันหมด เพราะสิ่งเหล่านี้มีมาอย่างนั้นดั้งเดิม ถ่ายทอดกันมาเรื่อย ๆ เหมือนกับเรือนจำ เอ้า เรือนจำนี้นักโทษคนนี้ออกคนนั้นเข้า ๆ นักโทษไม่เคยร้าง เพราะสัตว์โลกทำกรรมอยู่ตลอดเวลา ต้องถูกจับถูกไสเข้าเป็นนักโทษอยู่ตลอดมาอย่างนี้

อันนี้นรกก็เหมือนกัน ยิ่งผู้ที่จะไหลเข้าสู่นรกเวลานี้ยิ่งมากนะ เพราะมีความสมัครทำความชั่วช้าลามก ด้วยความอยากความทะเยอทะยาน ความลืมเนื้อลืมตัว ความกินไม่อิ่มพอ นี่ละมันลากมันจูงสัตว์ทั้งหลายให้ลงนรก ต่างคนก็ต่างดีดต่างดิ้นแบบเดียวกัน ก็ดิ้นเพื่อลงนรกนั่นเองจะดิ้นไปที่ไหน ถ้าดิ้นหาคุณงามความดี เอ้อ นั่นดิ้นเพื่อไปสวรรค์ ไปได้ ๆ ไม่สงสัย เช่นเดียวกับเขาทำความชั่วแล้วไปนรก ผู้ทำความดีเพื่อไปสวรรค์ก็เป็นแบบเดียวกัน ไม่มีอะไรผิดแปลกจากกันแม้นิดหนึ่งเลย

นี่ละศาสดาองค์เอก ท่านสอนอย่างนี้ เฉพาะอย่างยิ่งพระสมณโคดมของเรานี้ท่านสอนไว้เป็นปัจจุบัน องค์ที่ผ่านมาแล้วกี่กัปกี่กัลป์ เราไม่ต้องพูดว่าพระพุทธเจ้ามาตรัสรู้นี้เป็นล้าน ๆ ๆ ให้เรานับตั้งแต่วันเกิดมา จนกระทั่งถึงวันเราตายไปว่า พระพุทธเจ้าหนึ่งองค์สององค์นี้ตายทิ้งเปล่า ๆ ไม่ครบพระพุทธเจ้านะ นานไหม พระพุทธเจ้าตรัสรู้มากี่กัปกี่กัลป์ ตรัสรู้มาเรื่อย ๆ จนกระทั่งบัดนี้ แล้วต่อนี้ไปยังจะตรัสรู้ต่อไปอีก เช่น ภัทรกัปนี้ก็มีพระพุทธเจ้า ๕ พระองค์ ท่านก็บอกไว้โดยถูกต้อง องค์ที่สี่คือพระสมณโคดมเรา องค์ที่ห้าคือพระอริยเมตไตรย จะมาต่อในภัทรกัปนี้ แต่ละกัป ๆ มีพระพุทธเจ้ามาประจำ ๆ กัปนั้น ๆ มีมากมีน้อย ถ้าเป็นภัทรกัปก็มีพระพุทธเจ้าหลายพระองค์หน่อย ถ้าเป็นกัปธรรมดาก็มีองค์หนึ่งสององค์มาตรัสรู้

เวลามาตรัสรู้ก็มาตรัสรู้สิ่งที่มีอยู่ในโลกธาตุนี่แหละ ในโลกธาตุแดนสมมุตินี้คืออะไร ตั้งแต่นรกขึ้นมาถึงพรหมโลก จากนั้นก็เรียกนิพพาน อันนั้นแดนวิมุตติ พ้นไปแล้วท่านก็ให้ชื่อให้นามเอาไว้ องค์ไหนมาตรัสรู้ก็มารู้สิ่งเหล่านี้ทั้งหมด จะให้ท่านสอนว่ายังไง ถ้าสอนอย่างอื่นก็ไม่ใช่พระพุทธเจ้า ต้องสอนตามหลักความเป็นจริงที่ทรงรู้ทรงเห็นอย่างไร และทรงรู้ทรงเห็นแบบเดียวกันก็มาสอนแบบเดียวกัน บาปอย่าทำก็มาสอนอย่างเดียวกัน

อย่างท่านแสดงไว้เป็นหลักเป็นกฎเกณฑ์ก็ว่า สพฺพปาปสฺส อกรณํ การไม่ทำบาปหนึ่ง กุสลสฺสูปสมฺปทา การยังกุศลคือความเฉลียวฉลาดในทางอรรถทางธรรมทั้งหลายให้ถึงพร้อมหนึ่ง สจิตฺตปริโยทปนํ การทำจิตของตนให้ผ่องใสจนกระทั่งถึงความบริสุทธิ์หนึ่ง เอตํ พุทฺธานสาสนํ นี่เป็นคำสอนของพระพุทธเจ้าทั้งหลาย เรียกว่าทุก ๆ พระองค์สอนแบบเดียวกันหมด ไม่มีคำว่าการทำบาปแล้วได้บุญ การทำบุญแล้วได้บาป การไม่สนใจชำระจิตใจของตนแล้วไปนิพพาน อย่างนี้ไม่เคยมี ต้องละบาปแล้วบำเพ็ญบุญก็ได้บุญขึ้นมา แล้วชำระจิตใจของตนด้วยจิตตภาวนา ชำระสะสางจิตที่เต็มไปด้วยความโลภก็ให้ชำระมันลงไป

อย่าให้มันโลภมาก โลภจนจะเป็นจะตาย โลภจนไม่มีป่าช้า นี่โลภเผาตัวเอง ความโลภมากนี้แหละทำโลกให้จม ทำเจ้าของให้จม โลภเท่าไรก็ยิ่งดีดยิ่งดิ้นตามความโลภ โลภมากเท่าไรยิ่งดีดยิ่งดิ้น กิเลสสร้างความหวังหลอกไว้ข้างหน้า หวังจะเป็นอย่างนั้น หวังจะเป็นอย่างนี้ เอ้า ได้เท่าไรมาไม่พอ สร้างตึกสร้างร้านสร้างโรงหอโรงแรมต่าง ๆ ทุกสิ่งทุกอย่างมีแต่จะเอา ๆ ส่วนที่จะจมไม่คิด สร้างความหวังหลอกไป ๆ เวลาทำลงไปแล้ว มันไม่เป็นไปตามความโลภความอยากความทะเยอทะยานนั่นซี เมื่อผิดหวังแล้วเป็นยังไง จม ๆ นี่เห็นไหมความโลภพาคนให้ล่มจมมามากต่อมากแล้ว พระพุทธเจ้าก็สอนอย่างนี้

ถ้าเราไม่เชื่อ เอ้า ให้พากันโลภให้มาก ๆ นะ กลับไปนี้ผู้หญิงคนหนึ่งให้ไปหาผัวสัก ๓๐ คน ผู้ชายก็ไปหาเมียสัก ๕๐ คนเอามาแข่งพระพุทธเจ้า พระพุทธเจ้าสอนว่าให้มีผัวคนเดียวเมียคนเดียว อปฺปิจฺฉตา ให้มีความมักน้อย ให้มีเพียงผัวเดียวเมียเดียวเท่านี้จะมีความสงบร่มเย็นเป็นสุข ฝากเป็นฝากตายต่อกันได้ ซื่อสัตย์สุจริตต่อกัน เป็นที่อบอุ่น เป็นฝั่งเป็นฝา เป็นหลักเป็นเกณฑ์ นี่พระพุทธเจ้าสอนว่าอย่างนั้น เอาแข่งพระพุทธเจ้าซิ เอาความโลภนี้ไปแข่งพระพุทธเจ้าถ้าว่ามันเก่งจริง ๆ

กลับไปบ้านนี้ผู้หญิงก็ไปหาผัวสัก ๓๐ คน ไม่ต้องเอามากเป็นขั้นทดลองก่อน กลับไปบ้านนี้ให้ไปหาผู้ชายมาเป็นผัวสัก ๓๐ คน ผู้หญิงก็ไม่ต้องเอามากละ เป็นขั้นทดลองดูเสียก่อนเอามาแข่งพระพุทธเจ้า แล้วผู้ชายไปหาเมียมาสัก ๓๐ คนเอามาแข่งเมียที่ติดแนบอยู่ข้างหลัง ไปเอาหญิง ๓๐-๔๐ คนมาแข่งเมียจะเป็นยังไง แล้วเมียนั้นก็ให้ไปเอาผัวมาสัก ๓๐ คนเท่านั้นละ ฟังให้ดีนะ ๓๐ คน ๓๐ ควย ผู้ชายก็ให้ไปหาเมียมา ๓๐ หี เมียเรามีหีเดียวสู้เขาไม่ได้ ไปเอามา ๓๐ หี แต่ละคน ๆ มันก็มีหีเดียว ๆ แล้วมาแข่งเมียเราทำไม มันมีมากมีมายยิ่งกว่าเมียเราไปไหน

เอามาแข่งถ้าว่าเก่งจริง ๆ ว่าธรรมะพระพุทธเจ้าไม่เป็นของจริง ให้เอามาแข่ง ในคืนวันนี้จะเห็นกันวันนี้ ไฟบรรลัยกัลป์จะเผาในบ้านในเรือน ทุกบ้านทุกเรือนแหลกไปหมดในคืนวันนี้เอง นี่เห็นไหมประจักษ์ไหม พระพุทธเจ้าสอนว่าให้มีผัวเดียวเมียเดียว มีความสงบร่มเย็นขนาดไหน ท่านไม่ได้สอนว่าให้ละให้ถอดให้ถอนให้หมด กามกิเลสครองบ้านครองเรือนอย่าให้มี พระพุทธเจ้าไม่ได้สอนอย่างนั้น เราอยู่ในฐานะที่จะปฏิบัติไปตามกำลังความสามารถของเรา ต้องมีครอบครัวเหย้าเรือนมีผัวมีเมีย พระพุทธเจ้าก็ไม่ห้าม ให้มี แต่ให้มีผัวเดียวเมียเดียว ถ้ามีมากกว่านั้นเป็นไฟ หญิงกาฝาก ชายกาฝาก เผาบ้านเผาเรือนครอบครัวไม่มีเหลือ ลูกเล็กเด็กแดงถูกเผาไหม้ไปหมด ต่างคนต่างไปหาสองผัวสามเมียเข้ามาแล้วเป็นอย่างนั้น

ท่านเห็นว่าเหล่านี้เป็นฟืนเป็นไฟ ท่านจึงตัดออกไม่ให้เข้ามายุ่ง ให้มีเฉพาะหลักธรรมชาติอย่างเดียว ธรรมชาติคือมีผัวเดียวเมียเดียวเท่านั้น อยู่จนกระทั่งวันตายก็หาความทุกข์ไม่ได้ มีแต่ความสุข ฝากเป็นฝากตาย มีความอบอุ่นเป็นฝั่งเป็นฝา พึ่งเป็นพึ่งตายกันได้ นี่ละธรรมพระพุทธเจ้าท่านสอนท่านสอนไว้อย่างนี้ ถ้าปฏิบัติตามนี้แล้วไม่ต้องเดือดร้อนวุ่นวาย ไม่มีการระแคะระคายกันระหว่างผัวกับเมีย หาสมบัติเงินทองข้าวของมาได้มากน้อยเป็นอวัยวะเดียวกัน ฝากเป็นฝากตาย ได้มาเฉลี่ยเผื่อแผ่เลี้ยงกันทั้งครอบครัวลูกเต้าหลานเหลน ด้วยความเป็นอรรถเป็นธรรมด้วยกัน เย็น ถ้าปฏิบัติตามพระพุทธเจ้าสอนแล้วจะเย็นไปหมด

ครอบครัวไหนก็ให้มีอย่างนั้น อย่ายุ่งผู้หญิงคนอื่น ผู้ชายคนอื่นอย่าเอามายุ่ง นั้นคือฟืนคือไฟพระพุทธเจ้าสอนไว้ เราปฏิบัติตามนั้นก็ไม่มีฟืนมีไฟมาเผาเรา ถ้าฝืนอันนี้ไปลองดูซิ ที่ว่านี่เอามาทดลองดู เอามาแข่งพระพุทธเจ้าถ้าว่าธรรมพระพุทธเจ้าไม่เป็นของจริง แล้วให้ไปหามาอย่างนี้ซิ แหลกทันทีเลย นี่ยกตัวอย่างให้พี่น้องทั้งหลายทราบ เรื่องกามกิเลสคือความโลภ ตัวนี้เป็นตัวสำคัญมาก มันให้โลภสิ่งนั้นสิ่งนี้ ออกไปจากกามกิเลสได้ไม่พอนั้นเอง ได้เข้าไป ๆ เผาแหลกเข้าไป ๆ หาความสุขไม่ได้จนตาย

นี่ละความโลภทำลายคน มันทำลายไปทุกแง่ทุกมุมหลายสันพันคม ออกจากราคะตัณหาที่ไม่มีเมืองพอตัวเดียวนี้แหละเป็นสำคัญ โลภก็โลภมาเพื่อราคะตัณหา ได้อะไรมาก็เพื่อราคะตัณหา ทุกสิ่งทุกอย่างเพื่อราคะตัณหา มันเผาอยู่ในหัวใจตลอดเวลา คนมีเมีย ๑๐ เมีย คนมีผัว ๑๐ ผัว เข้าใจว่าเขาสร้างหอวิมานแข่งพระพุทธเจ้าได้เหรอ นั้นละคือสร้างไฟเผาหัวอกตัวเอง ชีวิตจิตใจยังมีอยู่ก็ตามเผาได้ทั้งนั้น นี่ละธรรมพระพุทธเจ้าท่านเป็นอย่างนี้

เราเป็นลูกชาวพุทธขอให้เชื่อธรรมพระพุทธเจ้า ตรัสรู้มากี่พระองค์ ๆ สอนแบบเดียวกันหมด ท่านสอนไว้อย่างนี้ ท่านไม่ได้สอนไว้แบบที่การ์ตูนเขาเขียน จะยกนิทานการ์ตูนมาให้ฟัง เขาออกทางหนังสือพิมพ์ ไม่ได้แหวกแนวอย่างนี้นะ การ์ตูนเขาเขียนแหวกแนวเป็นข้อคิดให้พวกเราทั้งหลายได้ยินได้ฟัง คือมันมีศาลพระภูมิอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่ ร่มไม้ใหญ่เขาทำศาลพระภูมิไว้ที่นั่น แล้วมีกระถางธูปอยู่ใต้ศาลพระภูมิ ทีนี้ก็มีรูปบุรุษคนหนึ่งกำลังจุดธูปจะปักเสียบ จะขอคำวิงวอนอะไรก็ไม่ทราบ ทีนี้ปู่ใหญ่ที่อยู่บนศาลพระภูมินั้นก็ถามลงมาทีเดียว คือปู่ใหญ่ที่เขาไปกราบไหว้วิงวอนขออะไรก็ไม่ทราบ ทางนั้นก็ถาม

ทำอะไร ปู่ใหญ่ที่อยู่บนศาลพระภูมิถามลงมาว่าทำอะไร ทำท่าเป็นขู่ ๆ นะ

อ๋อ ลูกช้างนี้มีความทุกข์มาก ไอ้คนที่จุดธูปบูชาอยู่นี้น่ะ ลูกช้างมีความทุกข์มาก

เป็นทุกข์เพราะอะไร อยู่บนศาลพระภูมิถามลงมา

เป็นทุกข์เพราะปฏิบัติตามปู่นั้นแหละ

ปู่สอนว่ายังไงถึงได้เป็นทุกข์

ปู่สอนว่าให้มีความปรารถนาน้อย

แล้วเธอไปทำยังไงล่ะ

ไปมีเมียน้อย

เห็นไหมล่ะ ปู่ก็หมดท่า มันแหวกแนวไปอย่างนั้นละ นี่เป็นเครื่องสาธกเห็นไหม ปู่ก็หมายถึงธรรมอันใหญ่หลวงนั่นเอง ครอบโลกครอบสงสาร ธรรมให้ความร่มเย็นแก่โลก เทียบกับปู่ที่อยู่บนศาลพระภูมินั่นแหละ อันนี้พวกจุดธูปจุดเทียนก็พวกเรานี่แหละ พวกนั่งแถวนี้รอบ ๆ ด้านนี่ คนนี้ก็จุดธูปเทียนอยากได้ผัวน้อย คนนั้นก็จุดธูปเทียนอยากได้เมียน้อย ครั้นได้มาแล้วมันมาเผาแล้วก็มาจุดธูปเทียนแก้บน อยากได้เมียใหญ่ เมียน้อยมันเป็นทุกข์ เมียใหญ่ก็ติดแนบอยู่กับหลังมันแล้วมันไม่สนใจ นี่ละความโลภไม่พอมันเป็นอย่างนี้ ให้ท่านทั้งหลายพิจารณาเอา เขาเขียนนั้นเป็นคติเตือนใจได้มากนะ เราจึงได้นำมาสอนพี่น้องทั้งหลาย

ใครก็ตามถ้าไม่เชื่อธรรมของพระพุทธเจ้าแล้วจะต้องล่มจม ในชีวิตนี้ก็เห็นประจักษ์ ยกตัวอย่างเช่นอย่างกล่าวมาตะกี้นี้ กลับไปบ้านให้ไปหาผัวกาฝากมา ไปหาเมียกาฝากมา ให้เห็นในคืนวันนี้เอง ถ้าฝืนพระพุทธเจ้าแล้วเป็นอย่างนั้น ถ้าปฏิบัติตามพระพุทธเจ้าแล้วชุ่มเย็นด้วยกัน ฝากเป็นฝากตาย ทุกสิ่งทุกอย่าง ไม่มีอะไรอบอุ่นยิ่งกว่าครอบครัวผัวเมียที่มีความซื่อสัตย์สุจริตฝากเป็นฝากตายกันได้ ความอบอุ่นอยู่นั้นหมด ความสุขก็อยู่ที่นั่น ไม่ได้อยู่ที่กองเงินกองทองกองเท่าภูเขานะ อันนั้นเอามาเผาคนได้ถ้าคนปฏิบัติตัวไม่ดี สิ่งเหล่านั้นเป็นเครื่องเสริมไฟได้สบาย ถ้าเราปฏิบัติตัวดีสมบัติเงินทองข้าวของมีมากน้อย ก็มาเป็นเครื่องสนับสนุนให้เราสร้างตัวให้ดีให้แน่นหนามั่นคง ก็มีความสุขมากขึ้น

เพราะฉะนั้นท่านจึงกล่าวไว้ในธรรมว่า กามคุณ กามโทษ กามโทษได้แก่อย่างที่กล่าวนี้แหละ ไปหาเมียน้อยผัวน้อยมาเต็มบ้านเต็มเมืองเผาตัวเอง นี่เรียกว่ากามโทษกามโหด ทีนี้กามคุณคือยังไง กามนี้เราละมันไม่ได้ แต่เราปฏิบัติให้ถูกต้องตามแถวธรรม มีธรรมเป็นเครื่องควบคุมรักษาระหว่างผัวเมียแล้ว เมื่อได้ตกลงตัดสินใจร่วมหอร่วมโรงกันแล้ว ให้ต่างคนต่างฝากเป็นฝากตาย ชีวิตจิตใจไว้กับเมีย ชีวิตจิตใจไว้กับผัวคนเดียวนี้เท่านั้น ไม่เห็นผู้อื่นใดว่าจะมาเป็นมิตรเป็นคู่ฝากเป็นฝากตายได้ยิ่งกว่าผัวและเมียของตนเอง นี่เป็นความสุข อยู่ไหนสบาย อดอิ่มก็ไม่เดือดร้อนวุ่นวาย

ความอดความอิ่มมีไปทั่วโลกดินแดน ไม่ได้มีแต่เราคนเดียว มีอดมีอิ่ม เพราะโลกนี้เป็นโลกอนิจจัง ย่อมมีได้มีเสียมีมากมีน้อยเป็นธรรมดา แต่ไม่ได้สร้างฟืนสร้างไฟมาเผาตัวเองเหมือนที่ว่ากามโทษนี้เท่านั้น ก็เป็นที่พอใจแล้ว นี่เรียกว่ากามคุณ มีเท่าไรก็มาแจกมาแบ่งกันกิน เป็นประหนึ่งว่าอวัยวะเดียวกัน ผัวเมียคู่ครอบครัวของเราเป็นอวัยวะเดียวกัน ชีวิตจิตใจอยู่ด้วยกันทั้งนั้น ต่างคนต่างปฏิบัติต่อกันนี้เรียกว่าเป็นกามคุณ กามเป็นคุณแปลแล้วนะ ผู้ครองเรือนมีศีลธรรมอย่างนี้เป็นคุณ มีความร่มเย็นต่อกัน ให้พากันตั้งใจปฏิบัตินะ

วันนี้ได้พูดถึงเรื่องศาสนาพระพุทธเจ้าที่มาสั่งสอนสัตว์โลกนี้ สด ๆ ร้อน ๆ ไม่ได้เป็นลม ๆ แล้ง ๆ เป็นนิทานเป็นอะไรอย่างนั้นไม่มีนะ พระพุทธเจ้าทุก ๆ พระองค์ เป็นศาสดาองค์เอก ๆ เหมือนกันหมด ความรู้แจ้งแทงทะลุในความจริงที่มีอยู่ในสามแดนโลกธาตุนี้ รู้อย่างเดียวกันหมด การแนะนำสั่งสอนสัตว์โลกจึงสั่งสอนแบบเดียวกันหมด ไม่ผิดไม่เพี้ยนต่างกันไปเลย

ท่านสอนเรื่องบาปก็ดี บุญก็ดี นรกก็ดี สวรรค์ก็ดี นรกท่านก็บอกว่ามีถึง ๒๕ หลุม หลุมที่หนักมากกรรมมากมหันตทุกข์มากที่สุด เป็นนรกหลุมที่หนึ่ง ท่านก็บอกไว้ประเภทที่จะไปลงนรกหลุมที่หนึ่งที่เป็นมหันตทุกข์ ท่านก็บอกไว้ว่า ฆ่าบิดาหนึ่ง นี่เรียกว่าโทษหนักที่สุด ฆ่ามารดาหนึ่ง ฆ่าพระอรหันต์หนึ่ง ทำลายพระพุทธเจ้าแม้ไม่ตายก็ตามหนึ่ง สังฆเภท ยุยงให้สงฆ์ที่มีความพร้อมเพรียงสามัคคีกันด้วยหลักธรรมหลักวินัย ให้แตกแยกจากกันหนึ่ง

ในกรรม ๕ ประการนี้ หากพอยังมีสติสตังระลึกได้อยู่บ้างแล้วอย่าทำเป็นอันขาด ท่านสอนถึงขนาดนั้นนะ เพราะเป็นกรรมที่หนักมากที่สุด ตกนรกนี้ไม่ทราบว่ากี่กัปกี่กัลป์กว่าจะได้พ้นขึ้นมา พ้นจากนรกหลุมมหันตทุกข์นี้แล้วก็เลื่อนมานรกหลุมที่สองหลุมที่สาม ไม่ใช่พ้นไปเฉย ๆ เลื่อนขึ้นมาตามอำนาจแห่งกรรมที่ลดลงไป ๆ นรกที่เป็นสถานเบาก็ค่อยเบาลงไปเรื่อย ๆ จากนั้นขึ้นมาก็มาเป็นเปรตอีก ไม่ใช่พ้นจากนรกแล้วขึ้นมาเลย ยังมาเป็นเปรตเป็นผีอีก

เปรตก็มีถึง ๑๓ จำพวก อันดับหนึ่งคือว่าเป็นเบากว่านรกหลุมสุดท้าย มาก็มาเป็นเปรตประเภทที่ว่าหนัก แต่ยังเบากว่านรกหลุมสุดท้าย จากนั้นมาก็มาเป็นปรทัตตูปชีวีเปรต ประเภทที่รอรับเครื่องไทยทานของพ่อของแม่ญาติมิตรทั้งหลาย ทำบุญอุทิศไปให้ พวกนี้ได้รับบุญกุศลนี้ สามารถไปสวรรค์ได้เลย นี่เรียกว่าสิ้นกรรม มาถึงเปรตประเภทปรทัตตูปชีวีเปรต เป็นเปรตที่จะสามารถรับทักขิณาทานที่ญาติมิตรทั้งหลายทำบุญอุทิศให้ ดังพวกเราทั้งหลายทำบุญอุทิศให้ผู้ตาย ๆ คือเปรตประเภทนี้เองที่จะรับได้ ๑๒ ประเภทนั้นไม่มีทางรับได้ ให้พากันทราบเสียว่าเปรตมีถึง ๑๓ จำพวก จำพวกเดียวนี้เท่านั้นที่จะรับทักขิณาทานที่ญาติทั้งหลายอุทิศให้ได้ เหล่านี้พระพุทธเจ้าก็สอนไว้หมดแล้ว นี่ละมาเป็นเปรต นรก

สวรรค์ก็บอกไว้ว่า สวรรค์ ๖ ชั้น ตั้งแต่ชั้นจาตุมฯ ขึ้นไป ตามอำนาจแห่งบุญกรรมของผู้สร้างความดีไว้มีแง่หนักเบาต่างกัน ตั้งแต่ชั้นจาตุมฯ ขึ้นไปถึงปรนิมมิตวสวัตดี สวรรค์ ๖ ชั้น ผู้มีบุญขั้นใดภูมิใดควรจะไปสวรรค์ชั้นไหนก็ไปชั้นนั้น ๆ จากนั้นก็พรหมโลก ๑๖ ชั้น พรหมโลก ๑๖ ชั้นก็สูงกว่าสวรรค์ขึ้นไปอีกโดยลำดับลำดา สุดท้ายก็คือนิพพาน นี่พระพุทธเจ้าทุก ๆ พระองค์สอนไว้แบบเดียวกันหมด ไม่มีคลาดเคลื่อนต่างกัน สอนอย่างนี้มาตั้งกัปตั้งกัลป์ เพราะสิ่งเหล่านี้มีมากี่กัปกี่กัลป์แล้ว แล้วเราคนไหนจะไปสามารถอาจหาญท้าทายพระพุทธเจ้าว่าสิ่งเหล่านี้ไม่มี แล้วสนุกทำบาปทำกรรมและเหมามหันตทุกข์เผาตัวเองตั้งแต่ยังไม่ตายนี้สมควรแล้วเหรอ เราเป็นลูกชาวพุทธขอให้พากันระลึกเสียตั้งแต่บัดนี้นะ

เราอย่าเข้าใจว่าศาสนาพุทธของเรานี้เป็นตุ๊กตาเครื่องเล่นของเด็ก เป็นทองคำตั้งแต่กิเลสความโลภ ความโกรธ ความหลง ราคะตัณหาอย่างเดียว ให้พิจารณาให้ดี ความโลภเป็นไฟ ความโกรธเป็นไฟ ราคะตัณหาถ้าเลยเถิดแล้วเป็นไฟ ท่านบอกไว้อย่างนี้ นี่ละศาสนาท่านสอนท่านสอนอย่างนี้ให้พากันจดกันจำเอา เราเป็นลูกชาวพุทธอย่าสักแต่ว่าฟัง การทำทำลงไปด้วยความจงใจเป็นบาปเต็มหัวใจ ๆ จากการกระทำด้วยกัน ใครจะปฏิเสธขนาดไหนว่าบาปไม่มีบุญไม่มีก็ตาม ไม่มีความหมายนะอันนั้น เมื่อเรายังทำอยู่มันจะมีความหมายอะไรว่าการทำบาปไม่ได้ผล

เช่น เอามือจี้เข้าไฟอย่างนี้ เอาจี้เข้าไปซิน่ะ ไฟไม่ร้อนลองจี้เข้าไปถ้าเราเก่งจริง ท่านบอกว่าไฟร้อนอย่างนี้ เราปฏิเสธว่าไฟไม่ร้อน เอาจี้ลงไป มันเผาหมดทั้งกระดูกคนคนนั้น ถ้ามันเก่งจริงมันก็เผาหมดทั้งกระดูก ให้ไฟไม่ร้อนไม่มี ไปลบล้างความร้อนของไฟลบไม่ได้ นอกจากเราจะหลบหลีกไฟนั้นเท่านั้น นี่บาปกรรมทั้งหลายให้หลบหลีกด้วยการสร้างคุณงามความดี อย่าอาจหาญชาญชัยในเวลามีชีวิตอยู่นี้ ฟุ้งเฟ้อเห่อเหิมรื่นเริงบันเทิงประหนึ่งว่าจะไม่มีป่าช้า จะไม่ตาย และบาปกรรมทั้งหลายที่เจ้าของสร้างเอาไว้นั้น จะถูกลบล้างไปด้วยความเข้าใจของตัวเอง อย่าหวังนะให้จำเสียตั้งแต่บัดนี้

นี้อาจหาญมากการสั่งสอนสัตว์โลก บางทียังพูดหยอกเล่นกับลูกศิษย์ก็มี เวลาไปเทศนาว่าการในสถานที่ต่าง ๆ บางทีก็พูดหยอกเล่นกับลูกศิษย์ลูกหาบ้าง เป็นยังไงล่ะเวลาหลวงตาขึ้นธรรมาสน์แล้ว ไม่นั่งตัวสั่นเหมือนหนูกลัวแมวนี้เหรอ เราถามหยอกเล่นกับลูกศิษย์ ไม่ตัวสั่นว่างั้น แต่เราไม่ได้บอกว่า ถ้าตัวสั่น สั่นกลัวจะไม่ได้ฟัดหัวกิเลสอยู่บนหัวใจคน ให้สั่นกลัวคนกลัวสัตว์กลัวชาติชั้นวรรณะใดเราไม่เคยมีในหัวใจเรา ถ้าเราสั่นก็สั่นตั้งแต่จะไม่ได้ฟัดหัวกิเลสในหัวใจคนให้ขาดสะบั้นลงไปสมใจเจ้าของที่กำลังสั่นเท่านั้นละ นี้จึงพูดอย่างอาจหาญ ศาสนาพระพุทธเจ้านี้เอก เอามาครองที่หัวใจซิ

อย่าอ่านเพียงตำรับตำราเฉย ๆ อ่านบาปอ่านบุญ สงสัยบาปสงสัยบุญ อ่านไปเท่าไรเรียนไปเท่าไรสงสัยไปตลอด อ่านนรกสงสัยนรก เรียนจำนรกสงสัยนรก จนกระทั่งถึงนรกกี่หลุมสงสัยไปหมด สวรรค์มีกี่ชั้น ๆ สงสัยไปหมด จนกระทั่งนิพพานสงสัยถึงนิพพาน นี่เพียงความจำเฉย ๆ ไม่ได้เป็นสัตย์เป็นจริงอะไร เอาเป็นหลักเป็นเกณฑ์ไม่ได้ถ้าไม่ได้ออกมาปฏิบัติ ต้องนำธรรมนั้นมาปฏิบัติแล้วเราจะเห็น

ธรรมที่เราเรียนมามากน้อยในพระไตรปิฎกนั้น เหมือนแบบแปลนแผนผังของเราที่นายช่างเขาทำไว้เรียบร้อยแล้ว แปลนนี้สำหรับบ้านขนาดนี้ แปลนนั้นสำหรับบ้านขนาดนั้น ๆ เขาทำไว้เรียบร้อยแล้ว ถ้าเราเอาแต่แปลนมากองไว้ในห้องเฉย ๆ ก็มีแต่แปลน ไม่ได้ปรากฏเป็นรูปร่างของบ้านของเรือนขึ้นมา เราเรียนจบพระไตรปิฎกก็คือแปลนแห่งอรรถแห่งธรรม แปลนแห่งบาปแห่งบุญ แห่งนรก สวรรค์ พรหมโลก นิพพานเท่านั้น ไม่ใช่บาป บุญ นรก สวรรค์ อันนั้นแปลน เราเรียนแปลนนั้นได้แล้วเราไม่ปฏิบัติ เราก็จำได้แต่แปลนเท่านั้น ก็มีแต่แปลนเต็มหัวใจ คือความจำเต็มหัวใจ

พระไตรปิฎกจะถูกขนาดไหนก็ถูกสำหรับพระไตรปิฎก ไม่ได้ผิด แต่มันผิดที่ตัวของเราเรียนมาได้แต่ความจำ ไม่ได้นำมาปฏิบัติ ดีไม่ดีทำลายความที่เราเรียนมาอีก ทำลายตัวเอง เช่นว่าท่านให้มีศีล ๒๒๗ ยกตัวอย่างเช่นพระนะ ในพระวินัยปิฎกท่านสอนเรื่องศีลเรื่องวินัยของพระ อันนั้นข้อนั้นห้าม ๆ อย่างนั้น ห้ามไม่ให้ทำอย่างนั้น เราไปทำเสีย เช่น ปาราชิก ๔ ท่านห้ามไม่ให้ทำแต่เราไปทำเสีย เรียกว่าเราทำลายวินัยปิฎกไหมนั่น นี่เราจำได้เฉย ๆ ยังไม่แล้ว เราไม่ปฏิบัติตามพระวินัยแล้วยังทำลายพระวินัย จนเจ้าของขาดสะบั้นไป ขาดจากพระภิกษุไปได้ เพราะการทำลายพระวินัยที่เรียนจำมานั้น มันผิดที่ตัวของเราไม่ได้ผิดที่พระไตรปิฎก

ท่านพูดถึงเรื่องสมาธิ ปัญญา ตลอดถึงมรรคผลนิพพาน นี้เป็นแปลน ท่านแสดงไว้ในธรรมทั้งหลายมีอภิธรรมเป็นสำคัญ สมถธรรม วิปัสสนาธรรม เราเรียนจำได้ขนาดไหนก็จำ ศีลก็จำได้แต่ศีล แต่ไม่ปฏิบัติตามศีลก็ไม่เกิดประโยชน์อะไร ดีไม่ดีมีแต่หัวโล้นก็ได้ถ้าเป็นพระก็ดี ศีลไม่มีสักตัวทำลายหมดสังหารศีลของตัวหมดเลยก็ได้ เพียงความจำไม่ได้ประโยชน์อะไร นอกจากสร้างโทษแก่ตัวเองด้วยความอลัชชี ไม่มีความละอายต่อบาปทำโทษตนได้

พูดถึงเรื่องสมาธิ ท่านสอนเรื่องสมาธิ เราไม่ได้นำออกมาปฏิบัติ เหมือนแปลนบ้านแปลนเรือนของเราขนาดต่าง ๆ ถ้าเราเอามาปฏิบัติแล้ว แปลนนี้บอกไว้ยังไงชี้บอกไว้ยังไง ทำตามแปลนตามขนาดของบ้านเรือนตึกรามบ้านช่องต่าง ๆ ที่แปลนบอกไว้ ก็สำเร็จเป็นรูปเป็นร่างเป็นบ้านเป็นเรือนขึ้นมาจนสมบูรณ์แบบ นั่น นี่ธรรมของพระพุทธเจ้า พระไตรปิฎกทั้งสามนั้นคือแบบแปลนแผนผังของศีลของธรรมของบาปของบุญของนรกสวรรค์นิพพาน ถ้าเราไม่มาปฏิบัติตามก็มีแต่แปลนคือความจำเต็มหัวใจเรา ไม่เกิดผลเกิดประโยชน์อะไร

ศีลก็ไม่มีเสียเราไม่ปฏิบัติ เป็นสูญไปเสีย สมาธิเราไม่บำเพ็ญจิตใจของเราให้มีความสงบร่มเย็น ให้เป็นรูปร่างแห่งสมาธิขึ้นมาที่ใจจากภาคปฏิบัติ มันก็ไม่มีเสีย ถ้าพูดถึงเรื่องปัญญา เฉลียวฉลาดขนาดไหนก็มีแต่ความจำ ว่าเฉลียวฉลาดอย่างนั้น ๆ เราไม่ได้เอาปัญญามาปฏิบัติ ร่างของปัญญาที่เกิดจากภาคปฏิบัติก็ไม่มี มันก็มีแต่ชื่อ ตลอดวิมุตติหลุดพ้น นรก สวรรค์ ไม่มีความหมายอะไรเลย จำได้เฉย ๆ ถ้าเราไม่ปฏิบัติตามแบบแปลนแผนผังคือตำรับตำราที่เราเรียนมา

ถ้าเราปฏิบัติตามนั้นแล้ว ว่านรกให้ละให้เว้น เราก็เว้น นี่เรียกว่าภาคปฏิบัติ ให้ละบาปเราก็ละ นี่เรียกว่าภาคปฏิบัติ บำเพ็ญบุญเราก็บำเพ็ญ นี่เรียกว่าภาคปฏิบัติ เมื่อมีภาคปฏิบัติแล้วผลจะแสดงขึ้นมาทันที ๆ ไม่ว่าบาปว่าบุญ ถ้าบาปพลิกไปทางผิดก็เป็นบาปขึ้นทันที ท่านสอนไม่ให้ทำบาปเราไปทำเสีย มันก็สร้างไฟเผาตัวเองขึ้นมา ท่านสอนให้ทำความดีเราทำความดีก็เป็นความดีขึ้นมา ตั้งแต่เริ่มต้นทำจิตให้สงบร่มเย็นจนเป็นสมาธิ เป็นปัญญา เป็นวิมุตติหลุดพ้นขึ้นมาในหัวใจของเรา มันก็เป็นขึ้นมา

พระพุทธเจ้าตรัสรู้แล้วจึงมาสอนโลก พระทัยพระพุทธเจ้าเต็มไปด้วยธรรมครอบโลกธาตุ ฟังซิโลกธาตุ กว้างแคบขนาดไหน ธรรมของพระพุทธเจ้าครอบโลกธาตุ คือเต็มหัวใจพระพุทธเจ้ามาครอบโลกธาตุนี้เป็นของเล่นเมื่อไร นี่ละธรรม ที่ว่าธรรม ๆ อาจหาญไหมพระพุทธเจ้า ตรัสรู้เพียงพระองค์เดียวเท่านั้นไม่ต้องไปถามใคร ไม่ต้องหาใครมาเป็นสักขีพยานว่าจริงหรือไม่จริง สอนโลกทันทีเลย เพราะรู้จริงเห็นจริง อาจหาญชาญชัยไม่มีใครเกินผู้สิ้นกิเลสแล้ว เป็นผู้ทรงธรรมในจิตทั้งดวงนั้นเลย ใจกับธรรมเป็นอันเดียวกันทั้งดวงแล้ว ความรู้ความสว่างกระจ่างแจ้งครอบท้องฟ้ามหาสมุทรสุดสาคร ขอบเขตจักรวาลครอบหมด คือความรู้ของท่านผู้บริสุทธิ์ เป็นอย่างนั้นนะ

นี่ละศาสดาแต่ละองค์ ๆ ท่านทรงธรรมประเภทนี้มาสั่งสอนสัตว์โลก แล้วเหตุใดเราเป็นชาวพุทธจะเห็นสิ่งเหล่านี้เป็นขี้หมูราขี้หมาแห้งไปได้ แล้วเสกสรรปั้นยอขี้หมูราขี้หมาแห้ง คือกิเลสทั้งหลายซึ่งเป็นของจอมปลอมนี้ว่าเป็นทองทั้งแท่งขึ้นมา ๆ ต่างคนต่างดีดต่างดิ้นไปตามมัน แล้วก็ไฟเผาตลอดเวลา ไปที่ไหนบ้านใดเรือนใดเราไม่เคยเห็นไม่เคยได้ยินว่า เรามีความสุขความสบายเพราะมีเงินมาก ไม่เคยมี มีสมบัติเงินทองข้าวของมากก็ไม่เคยมี มีแต่เรื่องความทุกข์ มาหามีแต่เรื่องความทุกข์มาบ่น ไม่ทุกข์ยังไงก็เจ้าของหาแต่เรื่องความทุกข์ ผลจะให้เป็นสุขได้ยังไง

ก็เพราะความดีดความดิ้น ความทะเยอทะยานนั้นแหละมันพาให้เป็นบ้า แล้วความทุกข์ก็กอบโกยเข้ามาหาตัวเอง สิ่งที่ปรารถนาก็ลม ๆ แล้ง ๆ ไปไม่เกิดผลประโยชน์อะไร ให้ปฏิบัติตามธรรมซิ ให้มีความขยันหมั่นเพียร สิ่งใดที่พระพุทธเจ้าทรงสั่งสอนไว้แล้วว่าไม่ดีให้ละ จึงเรียกว่าเราเป็นลูกศิษย์มีครู สิ่งใดที่ดีแล้วให้พากันบำเพ็ญ นี่ละธรรมพระพุทธเจ้า ศาสดาองค์เอกแต่ละพระองค์มาสอนอย่างนี้นะ ธรรมเต็มหัวใจ

เราพูดอย่างอาจหาญชาญชัย ในสามแดนโลกธาตุนี้เราไม่เคยกล้ากับสิ่งใด เราไม่เคยกลัวกับสิ่งใดในสามแดนโลกธาตุ โลกธาตุคืออะไร กามโลก รูปโลก อรูปโลก เป็นแดนแห่งสมมุติทั้งนั้น ใจนี้ได้หลุดพ้นจากสมมุติโดยประการทั้งปวงแล้ว จึงไม่มีความสะทกสะท้านว่าจะกลัวสิ่งเหล่านี้ จะกล้ากับสิ่งเหล่านั้น เราไม่มี เป็นธรรมล้วน ๆ สมควรที่จะแนะนำสั่งสอนหนักเบามากน้อย ที่เห็นว่าจะเป็นประโยชน์แก่ผู้ฟังมากน้อยเพียงไรก็นำแสดงออก ตามขั้นตามภูมิของผู้มาฟังจะได้รับ ถ้าหากว่าไม่เกิดประโยชน์อะไรก็จะสอนไปหาอะไร ธรรมก็เป็นอย่างนั้น ไม่มีคำว่าโอ้ว่าอวด เต็มหัวใจก็ไม่มีความหิวความโหย เรียกว่าธรรม เป็นที่ตายใจของสัตว์โลกได้นี้เรียกว่าธรรม

นี่ก็ได้ปฏิบัติมาเต็มความสามารถของตน จึงได้มาประกาศสอนพี่น้องทั้งหลาย โดยเอาศาสนามาเป็นผู้นำของพี่น้องทั้งหลาย และนำอย่างอาจหาญเสียด้วย ไม่ใช่เอาแต่เพียงลมปาก เรียนตามตำรับตำรามาสอนพี่น้องทั้งหลาย เอาในหัวใจนี้ด้วยมาสอน ส่วนมากมักจะเอาในหัวใจ ความจดความจำที่เรียนมาจากคัมภีร์นั้นคัมภีร์นี้ ยกภาษิตมาบ้างเป็นเล็ก ๆ น้อย ๆ แต่หลักธรรมชาติสด ๆ ร้อน ๆ แห่งธรรมซึ่งเป็นความจริงเต็มโลกธาตุนี้จ้าอยู่ในหัวใจนี้ จะไปคว้าที่ไหน ก็เอาขึ้นจากหัวใจน่ะซิ ผิดว่าผิด ถูกว่าถูก อาจหาญชาญชัยในสิ่งที่มีที่เป็นทั้งหลาย จึงไม่เคยสะทกสะท้านกับการสั่งสอนสัตว์โลกทั่ว ๆ ไป ควรจะสั่งสอนหนักเบามากน้อยเพียงไรเราสอนได้ ว่างั้นเลย ถ้าไม่ควรสอนสอนไปทำไมก็มีเท่านั้น

ขอให้พี่น้องทั้งหลายจดจำเอาธรรมเหล่านี้ นี้เราพูดอย่างไม่สะทกสะท้าน เราทรงไว้หมดธรรมประเภทที่กล่าวนี้ จากการปฏิบัติของเราเต็มเม็ดเต็มหน่วยถึงขั้นจะเป็นจะตาย เราพอแล้ว ถ้าหากว่าจะเอาทีวีไปถ่ายก็จะเห็นเวลาหลวงตาบัวจะตายอยู่ในเขานู่น ไม่ทราบว่าจะกี่ครั้งกี่หน ตั้งแต่เวลาบำเพ็ญตะเกียกตะกายฆ่ากิเลสตัวสำคัญ ๆ ที่เป็นเสนียดจัญไรต่อหัวใจเรานี้มา เป็นเวลานานเท่าไรตะเกียกตะกายมา กว่าจะได้ผลอย่างนี้มาสอนพี่น้องทั้งหลาย เอามาด้วยความรอดเป็นรอดตายนะ ไม่ได้เอาออกมาด้วยความลูบ ๆ คลำ ๆ แล้วมาสอนพี่น้องทั้งหลายแบบลูบ ๆ คลำ ๆ นะ เราไม่ลูบคลำ

ดังที่สอนมาเดี๋ยวนี้ก็ดี บาป บุญ นรก สวรรค์ เราไม่สงสัย มันจ้าอยู่ในหัวใจแล้วจะมาลบได้ยังไง พระพุทธเจ้าองค์ไหนก็ไม่เห็นมาลบสิ่งเหล่านี้ได้ แล้วเราตัวเท่าหนูก็เห็นอย่างเดียวกันแล้วจะไปลบได้ยังไง นอกจากยอมรับพระพุทธเจ้าเท่านั้น เราทั้งหลายเป็นชาวพุทธถ้าเชื่อพระพุทธเจ้าว่าเป็นศาสดาองค์เอก เชื่อกิเลสว่าเป็นภัยแล้ว ก็ให้พยายามระมัดระวังรักษาตัวเอง แล้วผลประโยชน์จะเกิดขึ้นแก่พี่น้องทั้งหลาย

วันนี้ก็ได้พูดธรรมะพอเบาะ ๆ ไม่ค่อยมากมายอะไรนัก ให้นำไปปฏิบัตินะ เวลาปฏิบัติให้ปฏิบัติแบบเบาะ ๆ นะ ไปถึงบ้าน โอ๊ย วันนี้เหนื่อยมากพักผ่อนเสียก่อน ฟังเสียงดังครอก ๆ ไม่เห็นมันเบาะนะเสียงกรน ดังเสียงครอก ๆ ไม่เห็นมันเบาะนะ วันนี้ก็พูดเป็นกันเองกับพี่น้องทั้งหลายฟัง หลวงตาอาจหาญจริง ๆ นะไม่ใช่ธรรมดา หัวใจทรงไว้หมดธรรมประเภทที่กล่าวนี้ไม่ได้ธรรมดา เพราะฉะนั้นจึงกล้าพูดว่า ใครว่ามรรคผลนิพพานไม่มี บาปไม่มี บุญไม่มี นรกไม่มี สวรรค์ไม่มี กิเลสออกมาจากปากใครให้มา เราจะฟาดปากมันหงายหมดทั้งโคตรทั้งแซ่มันลงทะเลเลย

เราทรงไว้หมดแล้วสิ่งเหล่านี้มาหลอกเราได้เหรอ กิเลสจะหลอกได้แต่คนหลับตา นี้เราไม่ได้หลับตานะ มันจ้าอยู่ในหัวใจเรานี้อย่ามาหลอกถ้าไม่อยากหงายว่างั้นเลย กิเลสตัวไหนเก่งให้มา ว่าบาป บุญ นรก สวรรค์ ไม่มี พรหมโลก นิพพานไม่มี เอ้ามา เราครองไว้หมดแล้วธรรมเหล่านี้มาโกหกเราได้เหรอ จะฟาดปากเอาเลยนะ ต้องขออภัยนะไม่พูดอย่างนั้นไม่ถึงใจ เพราะกิเลสมันหยาบโลนมาก เวลากิเลสหยาบโลนธรรมะไม่หนักแก้กันไม่ตก ดีไม่ดีไปกราบกิเลสเสียก่อนแล้วขึ้นเทศน์ โอ๋ย กิเลสหัวเราะเลย นี่ไม่กราบเวลาจะขึ้นธรรมาสน์

ยังดีนะวันนี้ไม่ได้ไปหาตีกิเลสเสียก่อน ตีกิเลสมันก็จะตีอยู่ตามหัวคนนี่แหละแล้วมาขึ้นธรรมาสน์ นี่ขึ้นเลยแล้วค่อยตีทีหลัง กิเลสอยู่ที่ไหนก็ให้เอาไปพิจารณาเจ้าของนะ วันนี้เทศน์เพียงเท่านี้ เบาะ ๆ พอสมควรแล้ว ขอยุติเพียงเท่านี้แหละ เอาละไม่ต้องเอวัง เพราะไม่ได้ตั้งนโม

**********

 


** ท่านผู้เข้าชมทุกท่านโปรดทราบ
    เนื่องจากกัณฑ์เทศน์บางกัณฑ์มีความยาวค่อนข้างมาก ซึ่งจะส่งผลต่อความเร็วในการเปิดเว็บไซต์ ขอแนะนำให้ทุกท่านได้อ่านเนื้อหากัณฑ์เทศน์บางส่วนจากเว็บไซต์ และให้ทำการดาวน์โหลดไฟล์กัณฑ์เทศน์ที่มีนามสกุล .pdf ไปเก็บไว้ในเครื่องของท่านแทนการอ่านเนื้อหาทั้งหมดจากเว็บไซต์

<< BACK

หน้าแรก