กำลังสำคัญของศาสนา
วันที่ 6 กรกฎาคม. 2542
สถานที่ : วัดป่าบ้านตาด
| |
ดาวน์โหลดเพื่อเก็บไว้ในเครื่อง
ให้คลิกขวาแล้วเลือก Save target as .. จาก link ต่อไปนี้ :

ค้นหา :

เทศน์อบรมฆราวาส ณ วัดป่าบ้านตาด

เมื่อวันที่ ๖ กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๕๔๒

กำลังสำคัญของศาสนา

ต่อไปนี้ท่านวันชัยละจะเป็นกำลังของศาสนาองค์หนึ่ง เราพูดชี้นิ้วไม่มีสองถ้าลงได้พูดแล้วนะ มาแป้วใจอยู่อันหนึ่ง คือมันกรรมอะไรก็ไม่รู้ ไปแบกภูเขาภูสังโฆทั้งลูก เอวกำลังจะพังเห็นไหม วิ่งเข้าโรงพยาบาลเป็นบ้าอยู่เวลานี้ นี่อันหนึ่งเป็นการตัดทอนการทำประโยชน์ให้โลก ทางด้านจิตใจท่านดีมีหลักร้อยเปอร์เซ็นต์เลย มาเสียตรงนี้ซิ มันกรรมอะไรนา เราก็โมโหเราอยากจะให้ไปแบกภูเขาลูกฟากจังหวัดหนองบัวอีก ถ้ายังไม่พอการแบก ไปบอกท่านวันชัยด้วยนะ ถ้าลูกเดียวไม่พอให้ไปแบกลูกนั้นอีก บอกว่าหลวงตาท่านสั่งให้แบกลูกที่ฟากจังหวัดหนองบัวทางโน้นอีก ให้บอกอย่างนั้น

วัดป่าภูสังโฆ ทองคำ ๒ กิโล ๒๖ บาท ๖๗ สตางค์ เงินไทยสองหมื่นบาท เงินดอลลาร์ ๔๒๐ ดอลลาร์ เงินฝรั่งเศส ๑,๐๐๐ ฟรังค์ เงินอังกฤษ ๑๐ ปอนด์ เงินอังกฤษมันเก่งนะมาเหยียบหัวเรา หน้าไหนมา ตีนไหนมา ๆ มาเหยียบหัวเมืองไทยเรา เราเจ็บแสบนะ เจ็บแสบแทนพี่น้องทั้งหลายชาวไทยเรา เพราะฉะนั้นมันถึงได้เผ็ดร้อนล่ะซิ พวกเงินเหรียญเข้ามาที่ไหน ๆ มาเหยียบเมืองไทยไปทั้งนั้น เงินนั้นเหยียบเมืองไทยไปทั้งนั้น ที่ไหน ๆ มามาเหยียบแต่หัวเมืองไทย ทำไมหัวเมืองไทยถึงต่ำเอานักหนานะ ไม่มีแก่ใจบ้างเหรอ เงยหัวขึ้นดูมันซิ ฟัดให้มันหงายหมาลงทะเลนู่น ทำไมมันตีนสูงนัก เรามีหัวใจเราต้องฟัดกันอย่างนั้นซิ ฟิตตัวขึ้น เงินมาที่ไหน ๆ มีสูงกว่าเราทั้งนั้น ๆ มันน่าเจ็บใจ พิจารณาให้ดีพี่น้องชาวไทย อย่าอยู่แบบจืด ๆ จาง ๆ เฉื่อย ๆ ชา ๆ นะ

เมืองไทยเราเป็นเมืองพุทธ ใครจะฉลาดแหลมคมเข้มแข็งยิ่งกว่าพระพุทธเจ้าต่อเหตุการณ์ต่าง ๆ นี้ ทำไมเราถึงเซ่อซ่า ๆ มันเป็นลูกศิษย์พระพุทธเจ้า เป็นชาวพุทธได้ยังไง น่าคิดมากนะเวลานี้น่ะชาวไทยเรา เรารู้ไหมว่าเวลานี้ชาติไทยเรากำลังฟื้นฟูขึ้นด้วยศาสนา สมกับนามที่ว่าเราเป็นชาวพุทธ จำให้ดีตรงนี้ อย่าเย่อหยิ่งจองหอง อย่าพองตัว อย่าอวดกล้ามใส่เมืองไทย ด้วยกิเลสตัวเก่ง ๆ ที่มันทำลายชาติไทยเราเรื่อยมาเวลานี้ เอาไปพิจารณาซิตรงนี้น่ะ

นี้การนำชาติเห็นไหมนี่ ด้วยศาสนานะ เรามานำนี้เราเอาศาสนามานำ เราไม่ได้มาเป็นคนขอทานผู้ใดนะ เรามานำด้วยความเมตตาสงสารเต็มที่ เอาศาสนาพระพุทธเจ้ามา ทูนศาสนาท่านมาประกาศสอนพวกเราซึ่งเป็นชาวพุทธ ให้ต่างรู้เนื้อรู้ตัว อย่าขัดอย่าแย้งอย่ากีดอย่ากันกันลูกชาวพุทธ เมืองไทยทั้งชาติเป็นสมบัติของเราทุกคน อะไรที่จะมาแตะต้อง อะไรก็ตามมาขัดมาขวางเมืองไทยเรา ให้ต่างคนต่างปัดออกทันที ๆ นั้นเรียกว่าลูกชาติไทยลูกชาวพุทธนะ มาเตะมาถีบมายันกันนี้ใช้ไม่ได้เลย เด็กอมมือเขาก็ไม่ทำ เราเป็นผู้ใหญ่ เฉพาะอย่างยิ่งการปกครองบ้านเมือง วงราชการงานเมือง ให้ระวังอันนี้ให้มาก เสียมากจริง ๆ เป็นอันตรายอย่างใหญ่หลวงคือภัยประเภทนี้ วิธีการอย่างนี้ว่างั้นเลย อย่าให้มีในเมืองไทยของเรานะ

ให้ต่างคนต่างตะล่อมเข้ามาซิ คิดดูซิเราจะทำแกงหม้อหนึ่ง ผักอยู่โน้น หญ้าอยู่โน้น ปลาอยู่โน้น พริกอยู่นี้ แล้วมันเป็นแกงได้ยังไงพิจารณาซิ ครั้นจะเก็บเข้ามาเป็นแกง คนนี้จับถีบออกไปข้างนอก คนนั้นจับโยนออกไปข้างนอก สุดท้ายไม่มีแกง มีแต่เน่าเฟะเปล่า ๆ สิ่งเหล่านั้น ทีนี้เมืองไทยเรากำลังเก็บหอมรอมริบ กำลังความสามารถความเสียสละเข้ามารวมตัวกัน ๆ ความเห็นความรักชาติเป็นอันเดียวกัน รวมเข้ามา ๆ เพื่อให้เป็นแกงสำเร็จรูปขึ้นมาโดยสมบูรณ์ รับประทานได้โดยสะดวก เราต้องรวบรวมกันอย่างนั้นซิ ต่างคนต่างเตะต่างถีบ ต่างคนต่างยันกันนี้ เหมือนกับว่าอาหารที่จะมาทำครัว ถูกจับโยนไปโน้นไปนี้ ไม่เป็นประโยชน์ สุดท้ายเน่าเฟะไม่เกิดประโยชน์นะ

นี่อันใดที่เป็นข้าศึกต่อชาติไทยของเรา ให้พากันพิจารณาให้มาก เรียนมาสูงเท่าไรต้องพิจารณาด้วยเหตุด้วยผลตามภูมิที่เราเรียนมาสูง นี่เวลานี้กำลังรวบรวมกำลังของชาติไทยเราทุกด้านทุกทาง เริ่มแต่ความรักชาติ ความสงวนตัว หนูมันยังรักชาติของมันเห็นไหมล่ะ พอสู้มันสู้นะหนู ไม่พอสู้มันเผ่น เวลานี้เรากำลังพอสู้อยู่เต็มที่แล้ว เราเป็นลูกชาวพุทธ ด้วยความรักชาติของเรา เราเป็นหนูเต็มตัว ชาติไทยเต็มตัว รักชาติเต็มตัว ใครมายุ่งไม่ได้นะ อะไรที่จะเป็นการทำลายชาติแล้วให้พากันปัดออกทันที ๆ อย่ากีดอย่าขวางอย่าขัดอย่าถ่วงกัน ชาติไทยของเราจะจมได้นะ อย่าอวดดิบอวดดี เหล่านี้มีแต่ความเลวร้ายทั้งนั้น อันไหนไม่ดีให้พังมันลงไป อันไหนดีให้รวมกันเข้ามา

ความรักชาติเป็นหลักสำคัญมาก หนูเขาก็รักชาติหนูเขา มดง่ามเขารักชาติของเขา พิจารณาซิ ไต่ยั้วเยี้ย ๆ รุมกันไปด้วยความสามัคคี มดง่ามดูเอาซิ เขาสามัคคีกันไหมมดง่าม เดินรวมตัวกัน พวกที่ขนของไปท่ามกลาง เราไปดูนะ พวกขนอาหารไปตรงกลาง พวกที่รักษาเหตุการณ์นี้อยู่ข้างนอก พวกนี้รักษาเหตุการณ์ พวกขนอาหารขนไปตรงกลาง ๆ เรียกว่าไปด้วยความปลอดภัยไม่ต้องระมัดระวังอะไร เพราะพวกรักษาการของเขามีอยู่แล้ว มดง่ามอยู่สองฟากนี่รักษาตลอด พวกนี้ขนอาหารไปเรื่อย ๆ ถึงรู ๆ เขา เราตามดูขนาดนั้นนะ อ๋อ นี่สัตว์เขาก็รักชาติของเขาอย่างนี้ สมบัติของเขาที่กำลังขนกันไปเพื่อส่วนรวมนี้เขาระวังสองด้าน นั่นพิจารณาซิ

เมืองไทยของเราเป็นยังไง มันสู้มดง่ามไม่ได้นะเวลานี้น่ะ เขารักชาติของเขา อันใดที่เป็นสมบัติส่วนกลางเขาต่างคนต่างรักต่างสงวน แล้วพวกที่รักษาเหตุการณ์ต่าง ๆ ที่จะมาทำลายสมบัติของชาติบ้านเมืองนี้ ก็เหมือนมดง่ามที่อยู่สองฟาก เขาระมัดระวังรักษา เป็นยังไง เอามาเป็นคติธรรมสอนเราบ้างซิ ถ้าจะเป็นชาวพุทธอย่างที่ว่า อย่ามาพูดแต่ปากนะ มันน่าคิดเอามากนะ นี่ละดูเอาเรื่องมดง่าม เอามาเทียบกับการรักษาชาติไทยของเรา ชาติไทยของเราเทียบกับมดง่ามทั้งฝูงเต็มประเทศไทยของเรานี้ สมบัติเงินทองข้าวของทุกสิ่ง คืออาหารของชาติไทยเรา ให้ต่างคนต่างระมัดระวัง ต่างคนต่างรักษา ต่างคนต่างขวนขวายมาช่วยกัน อย่าต่างคนต่างขนออก ต่างคนต่างทำลาย จะฉิบหายนะ มดง่ามเขาไม่ได้ทำอย่างนั้น ขนลงไปในรู นั่นละที่รวมของเขา พวกเราก็ต้องเป็นอย่างนั้นซิ

อยู่กับโลกก็ต้องเป็นโลกโดยศีลธรรมเข้าเคลือบแฝงตลอด ๆ ถ้ามีแต่โลกล้วน ๆ พัง เรายังมีโลกอยู่ในหัวใจกิเลสอยู่ในหัวใจ ต้องมีธรรมเป็นเครื่องเยียวยารักษา รักชาตินี่คือธรรมประเภทหนึ่ง เราไม่ใช่สัตว์ แม้แต่สัตว์เขายังรักชาติของเขา เราอยู่ในโลกอันนี้ซึ่งเหมือนกันกับสัตว์ทั้งหลาย เราก็ต้องทำตัวของเราเป็นเหมือนอย่างนั้นซี เขารักชาติเราต้องรักชาติ เขาสงวนสมบัติของชาติ เราต้องสงวนสมบัติของชาติ อย่าทำลายสมบัติของชาติ นั่นมันถึงถูก นี่ละประเพณีของโลกของคนมีกิเลสต้องปฏิบัติกันอย่างนี้ และต้องมีธรรมเคลือบแฝง ๆ ไปในตัว

นี่เราสอนโลกเราก็สอนอย่างนี้แหละ เพราะเราอยู่กับโลกจะว่ายังไง พ่อแม่ของเราก็เป็นโลก เกิดมาในโลกและเกิดมาในเมืองไทย ก็เป็นคนไทยด้วยกันเต็มโลกเต็มสงสาร แล้วทำไมคนไทยจะไม่รักษากัน มีใครจะมารักษาให้มีไหม ไม่มีนะ อย่าหวังพึ่งเขานะ เราต้องเป็นตัวของเราทุกคน ๆ ให้ช่วยกัน ต่างคนต่างเป็นหูเป็นตาอย่าทำลาย อย่าจืดจางนะจิตใจ ให้ต่างคนต่างสงวนต่างรักษา เมื่อเป็นเช่นนั้นแล้วชาติไทยของเราแข็งแกร่งไม่ต้องสงสัย ศาสนาเอาขึ้นไม่ได้ไม่มีใครเอาขึ้นได้แหละ ฟื้นจากสิ่งที่เลวทรามต่ำช้า ศาสนาเอาขึ้นไม่ได้ไม่มีในโลกนี้ ให้พากันนำเอามาใช้นะ

เวลานี้กำลังเอาศาสนาออกประกาศสอนโลก ชะล้างสิ่งที่สกปรกทั้งหลาย เราถึงบอกว่าเวลานี้กำลังธรรมออกสนาม บอกแล้วนี่นะ ห้ามไม่ให้ตัด ทีวี ทุกกิริยาท่าทางที่แสดงออกซุ่มเสียงต่าง ๆ อย่าตัด บอกตรง ๆ เลย นี้คือกิริยาของธรรมล้วน ๆ กิเลสแม้เม็ดหินเม็ดทรายจะไม่มีเข้าแทรกเลย มีแต่พลังของธรรม พลังของจิต พลังของเมตตาธรรมล้วน ๆ ออกมาช่วยชาติไทยของเราเวลานี้ ใครจะตื่นเนื้อตื่นตัวให้ตื่นนะ นี่ละเราปฏิบัติต่อโลกด้วยความเมตตาเราทำอย่างนี้

สำหรับตัวของเราเองเราบอกแล้ว เราไม่มีอะไรแล้วในโลกนี้เราพอแล้ว เต็มหัวใจมาได้ ๔๙ ปีได้ประกาศป้าง ๆ มาแล้วนี่ เราไม่เคยสนใจกับเรื่องสมมุติ สามแดนโลกธาตุนี้เราปล่อยหมดแล้ว สิ่งที่โลกไม่เห็นที่เราวิตกวิจารณ์เวลานี้จนขนาดถึงว่า มีแต่เราดูหัวใจโลก เปิดออกหมด จวนจะตายแล้วนะ แต่ก่อนเราเปิดที่ไหน ไม่เคยเปิดนะ เพราะไม่เคยหิวโหย ธรรมไม่หิวโหย นี้เหตุการณ์ที่จะควรเปิดให้เป็นประโยชน์แก่โลกของเรา ชาวพุทธของเรา เราก็เปิดออกมาเพื่อให้เป็นประโยชน์ จึงเปิด เราพอมาแล้วเป็นเวลาตั้ง ๔๙ ปีเราเปิดที่ไหน ไม่เคยมี ก็พึ่งมาออกปี ๔๑-๔๒ นี่เพื่อประโยชน์แก่ชาติไทยของเรา เปิดออกหมดเลยไม่ใช่ธรรมดา ยิ่งจวนตายเท่าไรยิ่งเร่งเครื่อง ดีไม่ดีนิวเคลียร์นิวตรอนลงปึ๋งเลยจะว่าไง เอาสุดขีด นิวเคลียร์นิวตรอนก็เพื่อกู้ชาติไม่ใช่เพื่ออะไรนะ นิวเคลียร์นิวตรอนเขาเพื่อทำลาย ของเราเพื่อกู้ มันต่างกันนะ

นิวเคลียร์นิวตรอนของธรรมกับนิวเคลียร์นิวตรอนของโลกพินาศมันต่างกันนะ เข้มแข็งเท่าไร ดุดันเท่าไร ยิ่งหนุนขึ้น ๆ ให้พากันเข้าใจนะ อย่านอนใจทุกคน ชาติไทยของเราไม่ใช่ชาติจืดจางว่างเปล่า ชาติเป็นชาติศาสนาแก่นอยู่นี้ละ ทั่วโลกนี้ไม่มีใครนับถือศาสนาพุทธยิ่งกว่าชาติไทยของเราซึ่งเป็นศาสนาเลิศเลอที่สุด ไม่มีวาสนาเกิดมาพบแล้วมันก็ไม่สนใจ เหมือนหนอนนั่น มันก็ปีนป่ายอยู่กับกองมูตรกองคูถ ทองคำทั้งแท่งที่จะไปซื้อเอามูตรเอาคูถมาถมหัวมันเพียงเล็บมือเดียวเท่านี้ ได้ทองคำเล็บมือเดียวไปซื้อเอามูตรเอาคูถมาถมหัวหนอนก็ได้ แต่หนอนมันไม่เห็นสำคัญยิ่งกว่าที่มันปีนป่ายอยู่นั้น อันนั้นมันว่าสำคัญมาก มันไม่เห็นทองคำที่จะเอามาพอกพูนหัวมันให้เป็นประโยชน์แก่มันอะไรนักนะ

นี่ละอย่าให้จิตใจเป็นมูตรเป็นคูถ อย่าปีนป่ายกับความตระหนี่ถี่เหนียวความเห็นแก่ตัว ความกีดความกันความเป็นก๊กเป็นเหล่าเป็นนั้นเป็นนี้ใช้ไม่ได้นะ ทำลายชาติทั้งนั้นสิ่งเหล่านี้ ไม่ใช่ของดี ให้กลมกลืนกันเข้าเป็นสามัคคีซิ เราเป็นชาติไทยนี่นะ อะไรจะดียิ่งกว่าความสามัคคี หญ้าเส้นหนึ่งเด็ดขาดทันที สองเส้นเข้ามาเด็ดขาดยาก สามเส้นเข้ามาเด็ดยากเข้าไป ฟัดเข้ามาเป็นมัด เอ้า เด็ดซิเด็ดไม่ขาด นี่เหมือนกัน คนนั้นก็สามัคคี คนนี้ก็รักชาติ รวมกันเข้า ๆ เป็นหญ้าเส้นหนึ่งสองเส้นเข้ามา ใครมาทำลายไม่ได้นะไปพิจารณาซิ นี่ละความสามัคคีแข็งแกร่งอย่างนั้นละให้ดูเอา เทียบให้เห็นแล้วว่า หญ้าเส้นหนึ่งเด็ดขาดปึ๊งทันทีเลย สองเส้นเด็ดขาดยากเข้าไป ๆ มัดเข้ามาเป็นมัดแล้วเด็ดไม่ขาด

นี่ของเราก็เหมือนกัน ต่างคนต่างรักชาติ ต่างคนต่างเสียสละเพื่อชาติของตน ๆ ต่างคนต่างมีแก่ใจต่อกันเมตตากัน เห็นอกเห็นใจกัน แล้วอยู่ด้วยกันได้ทั้งนั้นละชาติไทยของเราซึ่งเป็นชาวพุทธ ท่านสอนอย่างนี้นะ นี่เอาธรรมพระพุทธเจ้ามาสอนให้พากันเข้าใจเอานะ นอกจากนั้นเป็นภัยทั้งนั้น มันเป็นภัยต่อโลกเรามานานเท่าไร เมืองไทยจะจมอยู่นี้เพราะอะไร พิจารณาซิ เพราะสิ่งเลวร้ายทั้งหลาย เวลานี้กำลังตำหนิสิ่งเลวร้าย ชะล้างสิ่งเลวร้ายอย่าให้มีในประเทศไทยของเรา ใครอยู่จุดไหน ๆ ให้ทำงานเพื่อส่วนรวม ๆ อย่าทำลายส่วนรวม มันผิด มันจะทำลายชาติของเรานะ ให้ต่างคนต่างระมัดระวังให้มากทุกคน ระวังทุกคน

ไม่ว่าส่วนบุคคล ไม่ว่าส่วนรวม ไม่ว่าวงราชการงานเมือง เพื่อชาติไทยทั้งนั้น ให้ต่างคนต่างระมัดระวัง ต่างคนต่างเข้มงวดกวดขัน กวาดสมบัติเงินทองเข้ามาหนุนชาติไทยของเรานี้ถึงถูกต้องนะ เงินทองของเราไม่สำคัญยิ่งกว่าชาติของเรา มีในกระเป๋าก็มีเถอะน่า ถ้าลงชาติไทยจมแล้วเงินในกระเป๋าไม่มีความหมาย ถ้าชาติไทยของเรายังแน่นหนามั่นคง ไม่มีก็ซุกหัวนอนที่ไหนได้ทั้งนั้นในชาติไทยของเรา ไปที่ไหนขอกินกันได้เป็นไรไป ชาติไทยของเราเป็นชาติชาวพุทธ ไม่พากันอดตายละนะ ให้กันกินจนได้นั่นแหละ จำเอาดี ๆ นะทุกคน ๆ

เราเป็นห่วงมากจริง ๆ นะไม่ใช่ธรรมดา คิดดูซิธรรมเปิดออกเรื่อย ๆ จวนตายเท่าไรยิ่งเปิดออก ๆ เปิดเพื่อโลกเพื่อสงสารนะ เราไม่ได้เปิดเพื่อเรา เราพอทุกอย่างแล้วเราไม่เปิด ไปเมื่อไรความเป็นความตายสำหรับเรานี้น้ำหนักเท่ากัน เป็นก็เท่ากัน ตายก็เท่ากัน ที่มีน้ำหนักมากกว่าคือความเป็นอยู่เวลานี้ก็เพื่อประโยชน์แก่ชาติบ้านเมืองนั่นเอง ที่เราตะเกียกตะกายเวลานี้ ขอให้พี่น้องทั้งหลายทราบนะ เราไม่ได้ตะเกียกตะกายเพื่อเรา

อย่าเข้าใจว่าเราเป็นคนขอทาน ว่าเป็นหนูตัวหนึ่งอึ่งตัวหนึ่งไปหาขอทาน แล้วพวกกิเลสตัณหากองทัพใหญ่ ๆ มันเย่อหยิ่งจองหอง มันมาเหยียบธรรมเป็นของขอทานไปนะ นี่พวกนี้พวกจะทำลายชาติ พวกเย่อหยิ่งจองหองนี่น่ะ พวกเก่ง ๆ นี่พวกจะทำลายชาติเวลานี้ มันอยู่ในหัวใจใดให้พิจารณาหัวใจเจ้าของ อยู่ในบุคคลใดให้รีบกำจัดมันออก อยู่ในวงการใดให้รีบกำจัดออก เอาออกให้หมดแล้วชาติไทยของเราจะสง่างามขึ้นมา ไม่ต้องไปหาความเจริญมาจากไหน เพราะชาติไทยของเราเองเป็นคนทำความเสื่อมแก่ชาติไทยของเรา เราเป็นคนอุ้มชูขึ้นมาเองด้วยการแก้ไขดัดแปลงตัวเอง ทำไมจะเป็นไปไม่ได้ พอเข้าใจแล้วนะ พูดแล้วมันโมโห ได้ทองมาสองสามกิโลก็เลยลืมไป วันนี้เลยลืมสองสามกิโลไปละวันนี้

ให้พากันเข้มแข็งต่อไป อย่าอ่อนนะ ชาติไทยของเราจะขึ้นได้โดยศาสนา พูดอย่างเด็ดเลย อย่างอื่นขึ้นไม่ได้ เด็ด ตรงนี้เด็ดมากทีเดียว เราได้พยายามสละชีวิตออกมาเพื่อชาติของเรา เราจึงต้องเอาให้เต็มเหนี่ยว เปิดให้เต็มพุงทีเดียวทุกสิ่งทุกอย่าง เพื่อจะช่วยชาติบ้านเมืองของเรา เราเปิดหมดไม่มีเก็บไว้เลย เปิดออกเรื่อย ๆ ให้เข้มแข็งนะ เวลานี้เราก็เห็นผลแล้วนี่นะ ทุกสิ่งทุกอย่างรอบบ้านรอบเมืองของเรารู้สึกว่าหย่อนยานลง ๆ คลี่คลายกันออก ผ่อนผันสั้นยาวเขาก็ผ่อนผันสั้นยาวให้พวกเรา เพราะเขาหวังรายได้จากเรา

เวลานี้เรากำลังช่วยชาติเขาก็มีหวัง เขาก็ต้องผ่อนผันสั้นยาวให้เรา แต่ก่อนมัดคอ ๆ เลยจนจะกระดิกไม่ได้ เวลานี้ค่อยคลี่คลายออกไป เราทราบมาจากวงการเรียบร้อยแล้ว ทุกอย่างค่อยคลี่คลายออกไป นี่เห็นผลอยู่อย่างนี้จะว่าไง นี่ละผลของศาสนา ความรวบรวมความสามัคคี ความรักชาติ ความเสียสละ นี้ละเป็นสิ่งที่จะทำชาติไทยของเราให้คลี่คลายออกทุกอย่าง ๆ แน่นหนามั่นคงขึ้นได้ ให้พี่น้องทั้งหลายจำไว้ทุกคน

เราพูดถึงเรื่องท่านวันชัย ท่านวันชัยแต่เดิมจริง ๆ ท่านเถลไถลไปตามประสีประสา ไปอยู่ที่พิพิธภัณฑ์หลวงปู่มั่นนั่นนะ เผอิญเราตกลงกับหมอจีนเขาตรวจโรคของเรา เราเลยไป ไปก็ไปพบท่านวันชัยอยู่ที่นั่น ถามเหตุถามผลถามอะไร ๆ ไม่ได้เรื่องได้ราว ไปแบบว่าวเชือกขาดบนอากาศ มีแต่จะหัวปักท่าเดียว ถามเหตุถามผลต้นสายปลายเหตุอะไร จะไปยังไงมายังไงก็ไม่ได้เรื่องได้ราว เราก็เลยว่า ถ้าอย่างนั้นก็ให้ไปอยู่วัดป่าบ้านตาดเสีย เราเคยบอกใครเมื่อไรอย่างนี้ คำนี้เราไม่เคยบอกใครนะ มีแต่ปัดออก ๆ เราให้เข้ามามีเมื่อไร ก็มีแต่ท่านวันชัย ถ้าอย่างนั้นก็ไปอยู่วัดป่าบ้านตาดเสีย ท่านก็ตามมาอยู่กับเรา จึงเรื่อยมาจนกระทั่งป่านนี้ เป็นบ้าอะไรไปแบกภูเขาลูกหนึ่งจนหลังหัก เราบอกว่า ถ้ายังไม่พอให้ไปแบกอีกฟากจังหวัดหนองบัว ว่างั้นซี มันหักตายนู่น เราก็หวังว่าจะพึ่งท่านวันชัยนี่องค์หนึ่ง แต่ก่อนเราก็หวังท่านสิงห์ทองพอที่จะทำประโยชน์ให้ส่วนรวมได้

เรื่องนิสัยวาสนามันต่างกันนะคนเรา เพราะฉะนั้นในครั้งพุทธกาลท่านจึงตั้งเอตทัคคะ คือเลิศไปคนละทาง ๆ ความบริสุทธิ์นั้นเหมือนกัน แต่อำนาจวาสนาบุญญาภิสมภารที่ทำความปรารถนามานั้นต่างกัน คนนี้หนักไปทางนั้น คนนั้นหนักไปทางนั้น เวลาความปรารถนาสมบูรณ์แล้วก็ต้องเด่นกันคนละทาง ๆ ไป นี่ละสาวกที่พระพุทธเจ้าทรงตั้งเองเป็นเอตทัคคะให้เลิศคนละทาง ๆ ไป ก็ต้องเป็นแบบเดียวกัน ก็ต้องมาตามรอยกัน ใครก็ต้องมีวาสนาบารมีต่างกัน ๆ มาตามความปรารถนาของตน ๆ นั่นแหละ เวลาสำเร็จประโยชน์คือจุดสุดยอดแล้ว กิ่งก้านสาขาดอกใบมันจึงต่างกัน กิ่งก้านสาขาดอกใบไม่เหมือนกัน ต้นเป็นต้นใหญ่คือความบริสุทธิ์ หมายถึงต้นใหญ่ กิ่งก้านสาขาอำนาจวาสนาบุญญาภิสมภารกว้างแคบหนาบางขนาดไหนมากน้อยเพียงไรนั้น จะขึ้นอยู่กับวาสนา เรียกว่ากิ่งก้านของต้นใหญ่ เพราะฉะนั้นคนเราจึงไม่เหมือนกัน

อันนี้เราก็ได้พูดกับท่านสิงห์ทองด้วยนะ เอ้อ สิงห์ทอง นี่เวลาผมตายให้ท่านเผาศพผมนะ ถ้าหากว่าท่านตายผมจะเผาศพท่าน บอกอย่างนี้นะ เราก็วางใจว่าท่านสิงห์ทองจะพอทำประโยชน์ให้โลกพอสมควร แล้วสุดท้ายท่านสิงห์ทองตายเราเลยไปเผาศพท่านสิงห์ทอง ขาดกำลังที่จะทำประโยชน์แก่โลกไปทางหนึ่งนะ ชี้ตรงไหนมันผิดที่ไหนว่ะ ถ้าลงได้ชี้แล้ว พิจารณาเต็มหัวใจแล้วค่อยชี้ออกมานี่วะ ไม่ได้พูดสุ่มสี่สุ่มห้า ไม่ว่าทางดีทางชั่วพิจารณาเรียบร้อยแล้วค่อยชี้ออกมา ๆ

การทำประโยชน์ให้โลกมันก็ตามนิสัยวาสนา ในครั้งพุทธกาลก็พระสารีบุตร พระโมคคัลลาน์ อัครสาวกข้างซ้ายข้างขวา เป็นเอกในการทำประโยชน์ให้โลก จากนั้นก็เลิศไปคนละทาง ๆ แต่ทั้งสององค์นี้เลิศกว่าเพื่อน เด่นมาก แล้วก็เป็นอัครสาวกข้างซ้ายข้างขวาด้วย เป็นมาอย่างนั้นจะว่าไง อย่างพระอัญญาโกณฑัญญะ พระพุทธเจ้าก็ทรงตั้งเอตทัคคะให้เลิศในทางหนึ่ง พระอัญญาโกณฑัญญะเป็นปฐมสาวกที่ได้รู้ธรรมเห็นธรรมก่อนใครในพุทธศาสนาของเรา ทีนี้เวลาท่านบรรลุธรรมแล้ว ท่านเป็นรัตตัญญู คือรู้ราตรีนาน ผ่านโลกผ่านธรรมมานาน แปลออกแล้ว เห็นเหตุการณ์มานาน ได้รับเอตทัคคะว่าเป็นรัตตัญญู

ทีนี้เวลาท่านสำเร็จพระอรหันต์เป็นปฐมสาวกของพระพุทธเจ้าแล้ว ท่านไม่ได้ไปทำประโยชน์ให้ใครนะ ดูว่ามีหลานคนหนึ่งพระปุณณมันตานีบุตร เป็นเอตทัคคะทางธรรมกถึก เป็นนักเทศน์ ดูเหมือนมีหลานคนเดียวเท่านั้น สำหรับองค์ท่านเองไปอยู่ในป่าในเขาตลอด แล้วไปอยู่กับช้าง ๑๒ ปี ช้างอุปถัมภ์อุปัฏฐากตลอดเวลา จนกระทั่งถึงเวลาที่จะปรินิพพานแล้วก็มาทูลลาพระพุทธเจ้า อยู่ในป่าในเขาจะเอาอะไรมาย้อมผ้า ก็มีแต่ดินแดงมาย้อมผ้าล่ะซิ ไม่มีอะไรย้อมผ้าก็เอาดินแดงมาย้อมผ้า

เวลามาทูลลาพระพุทธเจ้า พระหนุ่มเณรน้อยทั้งหลายเห็นก็รุมมาดู หลวงตานี่มาจากไหน ดูสีผ้าเหมือนสียักษ์ สีแดง มาทูลลาพระพุทธเจ้าจะปรินิพพาน ได้เวลาแล้วถึงกาลแล้ว ท่านไม่ทำประโยชน์อย่างอื่นมากมาย แต่ทำประโยชน์กับสัตว์ในป่า เป็นคนละทางกัน ทีนี้พอท่านมาทูลลาพระพุทธเจ้าเสร็จเรียบร้อย ลงไปแล้ว พระเณรก็มารุมพระพุทธเจ้า นี่หลวงตามาจากไหนดูสีผ้าเหมือนดังสียักษ์ พระพุทธเจ้ารับสั่งว่าอย่าพูดอย่างนั้นซี ถ้าเป็นอย่างหลวงตาบัวนี่ฟาดปากเลยจึงจะบอก แต่พระพุทธเจ้าท่านไม่ฟาด ถ้าเป็นหลวงตาบัวนี่ปัวะเลย เป็นบ้าหรือปากนี้ เอาไปตัดเสียไปหาปากใหม่มา ปากนี้ใช้ไม่ได้ ตัดปากออกแล้วไปหาปากใหม่มาแล้วค่อยมาพูดใหม่ จะว่าอย่างนั้นนะ

แต่พระพุทธเจ้าท่านไม่ว่าอย่างนั้น อย่าพูดอย่างนั้นนะ นี่พี่ชายใหญ่ของเธอทั้งหลาย นี่เป็นปฐมสาวกตั้งแต่เริ่มแรกที่เราตรัสรู้ธรรมขึ้นมา ได้บรรลุธรรมเป็นองค์แรกในเบญจวัคคีย์ทั้งห้า นี่พี่ชายใหญ่ของเธอ อย่าไปพูดอย่างนั้นซี พวกพระเณรเหล่านั้นก็เลยอ้าปากฟัง ป่านนี้ไปหาดูซิมันยังอ้าปากอยู่หรือยังไงพวกนั้นน่ะ มันอ้าปากฟังอยู่นี่มันงับหรือยัง ไปหาดูซิน่ะ ดูปากเขาแล้วให้ดูปากเราด้วย เดี๋ยวไปดูเขาก็จะอ้าปากอีกนะ มันหลายชั้น พวกบ้านี่บ้าหลายชั้น นี่หมายถึงเอตทัคคะ

นี่ก็หวังท่านวันชัยนี้ละองค์หนึ่ง แต่ธาตุขันธ์เครื่องมือใช้มันก็ไม่อำนวยเสียซิ ธาตุขันธ์นี่เป็นเครื่องมือ ธาตุขันธ์นี่มีวัย ใจ ธรรม ไม่มีวัย แต่อาศัยธาตุขันธ์ที่มีวัยเป็นเครื่องมือมันก็ต้องชำรุดไปตาม ๆ กัน เมื่อธาตุขันธ์แสดงออกไม่ได้เต็มเม็ดเต็มหน่วยแล้วธรรมก็ออกไม่ได้ ธาตุขันธ์ไปไม่ได้ธรรมก็ออกไม่ได้ อยู่เท่านั้นเอง นี่ธาตุขันธ์ก็ไม่อำนวย เลยลำบากลำบน

ผู้ที่รู้ผู้ที่เป็นอย่างนั้นก็มี แต่อำนาจวาสนาของคนเรามันต่างกัน อย่างที่กล่าวแล้วตะกี้นี้ ที่จะทำประโยชน์ต่อส่วนรวมสมมุติทั้งหลายมากมากน้อยมันต่างกัน ถึงความบริสุทธิ์จะเหมือนกันก็ตาม แต่นิสัยวาสนาไม่เหมือนกัน นิสัยวาสนาเกี่ยวกับโลก ควรจะนำออกได้มากน้อยเพียงไรก็ขึ้นอยู่กับนิสัยวาสนา อย่างเราเองก็ไม่ทราบว่าวาสนาแบบไหนละ วาสนาตีปากคน อย่างอื่นไม่มี ถ้าตีปากคนนี้เร็วยิ่งกว่าแมว ดูซิตั้งแต่พระหนุ่มเณรน้อยไปทูลพระพุทธเจ้ายังคันมือแล้ว ยังจะฟาดปากเอาแล้ว พระพุทธเจ้าท่านไม่เห็นฟาด เรายังเป็นบ้าจะฟาดปากพระเณร ไปหาปากใหม่มาพูดใหม่ดูซิน่ะ ปากนี้ใช้ไม่ได้

ก็เป็นมาอย่างนี้ละให้ได้ทำอย่างนี้ ไม่ได้คิดนะ กาลเดิมมันก็เป็นพื้นเพอยู่แล้ว พูดให้มันเต็มศัพท์ก็คือว่า ตั้งแต่ลงจากเวทีมา ๒๔๙๓ เป็นปีที่หลวงปู่มั่นมรณภาพพอดี หมู่เพื่อนเกาะเรานี้พรึบเลยทันที ไม่มีปี่มีขลุ่ยนะ พรึบเลยทันที ไม่ทราบว่าจ้อง ๆ มอง ๆ มาดูเราอยู่ตั้งแต่เมื่อไร ทั้ง ๆ ที่เราไม่เคยสนใจกับใคร คิดดูซิออกเที่ยวก็องค์เดียว ๆ ตลอด ใครจะมาเขียนประวัติเราไม่ได้นะ นอกจากที่เราเล่าให้ฟังจุดนั้นจุดนี้แล้วก็มาเขียนติดเขียนต่อ ที่จะให้รู้เรื่องเราว่าคราวนั้นองค์นั้นอยู่กับท่าน คราวนั้นองค์นั้นอยู่กับเรา ๆ ไม่มี เด็ดขนาดนั้นละ พี่น้องทั้งหลายฟังเอานะ องค์เดียว ๆ ประกอบกับหลวงปู่มั่นเสริมเสียด้วย ถ้าว่าไป ไปกี่องค์ ไปองค์เดียว เอ้อ ขึ้นทันทีนะ ท่านมหาไปองค์เดียวนะ ใครอย่าไปยุ่งท่านนะ ชี้นิ้วด้วยนะ

พวกพระเณรนั่งฟังอยู่นั่น ใครจะไป ร่มโพธิ์ร่มไทรใหญ่อยู่นั่นแล้ว แล้วเราก็ไม่เคยสนใจกับใครด้วย มาทราบเอาตอนพ่อแม่ครูอาจารย์มั่นมรณภาพ โถ พรึบเลยทันที ถ้าเป็นมวยก็ไม่ได้ยกครู ถูกเขาต่อยแล้ว ถึงขนาดนั้น แล้วก็เรื่อยมาจนกระทั่งป่านนี้ พูดถึงวาระมันที่ว่าลงจากเวทีนั้นก็หมายความว่า ลงจากเวทีเผาศพกิเลส นั่นลงจากเวที แต่ไม่ได้ออกจากป่า อยู่ในป่า พระเณรรุมตลอด ก็สงเคราะห์พระเณรอยู่ในป่าในเขาเรื่อยมา ต่อมาก็ขยายตัวออกมา จนกระทั่งมาเอาโยมแม่บวช นี่เหตุที่จะเกาะติดหมด พอโยมแม่บวชใครที่ไหนก็เกาะติด แต่ก่อนเกาะไม่ติด เราอยู่ในป่าในเขา พอโยมแม่บวชก็เกาะติดพรึบตั้งแต่บัดนั้น

ตั้งแต่เริ่มสร้างวัดป่าบ้านตาดมา การทำประโยชน์ให้โลกเราไม่เคยละ นี้ทำตามอัธยาศัยด้วยความเมตตาของเราเอง มีมาเท่าไรมากน้อยตลอดมาจนกระทั่งป่านนี้ ไม่เคยเก็บ มีเท่าไรทำมาเรื่อย ๆ ที่โครงการอย่างช่วยที่เห็นอยู่นี้ไม่มีในโครงการช่วยชาตินะ อยู่ในเรื่องของเราตามอัธยาศัยของเราคนเดียวตลอดมา ไม่ว่าจะสงเคราะห์สงหาคนทุกข์คนจน ที่ราชการงานเมือง สถานสงเคราะห์ต่าง ๆ โรงร่ำโรงเรียน ก้าวเข้าสู่โรงพยาบาล มีแต่ตามอัธยาศัยของเราทั้งนั้น ใครมาบริจาคมากน้อยเพียงไร ได้มาแล้วก็เอาออก ๆ ไม่มีคำว่าเก็บตลอดมา จนกระทั่งมาเจอเอาชาติไทยของเราจะล่มจะจมต่อหน้าต่อตา ทั้ง ๆ ที่เราก็เป็นชาวไทยเหมือนกันมันก็อยู่ไม่ได้ เรื่องมันถึงได้ออกมาอย่างนี้เอง ก่อนจะออกนี้พิจารณาเสียจนอกจะแตกจะว่าไง

ตอนนั้นก็หัวเลี้ยวหัวต่อ โรคภัยภายในท้องมันก็จะไปของมัน เราก็มองหน้ามองหลังด้วยความเป็นห่วง ยังไง้ยังไง เวลานี้ชาติไทยของเรากำลังเป็นอย่างนี้ ทำยังไง้ยังไง พิจารณาหาช่องทางออก หารอบมันก็ไม่เจอ หาด้วยการพิจารณา ครั้นไปโล่งช่องนี้มันก็ปิดตรงนั้นเสีย โล่งช่องนี้มันก็ปิดตันช่องนั้น โล่งช่องไหนรอบตัวปิดตันรอบตัว เอ๊ จะทำยังไง มันไม่บริสุทธิ์ มันจะรั่วไหลแตกซึม ที่ว่าปิดตันคือรั่วไหลแตกซึม ออกไปนี้ปั๊บไปถูกปิดตันรั่วไหลแตกซึมตรงนั้น ๆ เอ๊ ทำยังไง หมุนไปหมุนมา เมื่อไม่มีทางไปจริง ๆ แล้วมันก็หมุนเข้ามาหาตัว นั่นเรื่องมัน พอหมุนหาตัวนี้ช่องโล่งเลย ถึงช่องไม่กว้างก็ตาม แต่มันโล่งทะลุถึงจุดหมาย เอ้า เอาช่องนี้แหละ ถึงจะแคบก็ตามถึงความปลอดภัยเป็นใช้ได้ทั้งนั้น มันจะกว้างเอง ก็ว่าอย่างนั้นละ เมื่อไหลทะลุ ๆ ไปเรื่อยมันจะกว้างเอง จึงได้นำตนออกมาเป็นผู้นำเรื่องมัน

แล้วก็เผอิญกับโรคนั้น หมอเทวดาคือหมอเติ้ง เราไม่อยากพูดว่าหมอธรรมดานะ นี่หมอชะตาของชาติไทยเราจริง ๆ เราอยากพูดอย่างนี้ มันไม่ได้หวังแล้วนะ ถ้าเป็นเครื่องบินก็ลง ๘๐ % แล้ว หัวมันจ่อสนามแล้ว แล้วอยู่ ๆ หมอเติ้งมาใส่ยาปั๊บดีดผึงทันทีเลย พอดีดผึงเราก็ขึ้นเวทีฟัดเลยตั้งแต่นั้นมาจนกระทั่งป่านนี้ แล้วมิหนำซ้ำยังไม่เชื่อหมอเสียด้วยนะทีแรก ยังไม่ค่อยเชื่อหมอ โรคเรานี่เป็นมาเท่าไร ตั้งแต่พรรษาสิบจนกระทั่งปี ๔๑ นานไหมท้อง เป็นมาตั้ง ๕๐ กว่าปี มันก็มาหนักเอาปีนี้ปีที่ช่วยชาตินี่ แล้วก็มาถูกกับยาหมอเติ้ง เรียกว่ายาหมอเทวดา พอหายแล้วเราก็ยังไม่เชื่อหมอ

ทีแรกไม่เชื่อนะ เพราะมันเป็นมาเสียพอแล้วจนหมดหวังแล้ว ทีนี้มันมาดีดขึ้นมานี้ จึงต้องถามหมอ มันหายจริง ๆ เงียบ ๆ เอ๊ มันยังไง จึงถามหมอ อ้าวนี่มันจะหายจริง ๆ เหรอหมอ โรคนี้มันเป็นมาเท่าไรกี่สิบปีแล้วนี่ มันจะมาหายวันหายคืนอย่างนี้เป็นไปได้เหรอ เป็นไปได้ หาย เขาว่า เพราะอะไรว่ามา โรคชนิดนี้ผมเคยรักษามาเป็นร้อยคนแล้วหายทั้งนั้น เราก็งง เออ โรคเรานี่มันจะเป็นโรคเทวทัตมาจากไหนนา โรคเขาเป็นอย่างเดียวกันทุกกระเบียด เวลาเขามาเล่าให้ฟังนะ เป็นแบบเดียวกันหมด

เพราะฉะนั้นเราถึงยอมรับ เอ้า รักษาหมอนี้ หมอนี้เป็นคนสุดท้ายของเรา ถ้ารักษาหมอนี้หายไม่หายก็ปัดทันทีเลย ไม่ว่ายาว่าหมอปัดทั้งนั้น เราจะทำหน้าที่ตายอย่างเดียว เราจึงรักษาหมอนี้ มันก็ฟื้นขึ้นมาทันทีนะ หมอรับรองว่าหายแน่ เราก็ค่อยเบาใจขึ้นเรื่อย ๆ มันก็ไม่เคยดีดเคยดิ้นนะจนกระทั่งป่านนี้ จนปรกติ หายเงียบหมดเลย ถึงว่าเป็นฤทธาศักดานุภาพแห่งดวงชะตาของชาติไทยเราจริง ๆ ไม่งั้นเรานำชาติไม่ได้แล้ว จึงได้ดีดขึ้นมาจนกระทั่งบัดนี้

นี่ก็เป็นดวงชะตาอันหนึ่ง เป็นปาฏิหาริย์นะ เราเรียกหมอนี้ว่าหมอเทวดาหมอปาฏิหาริย์ โรคเราก็เลยกลายเป็นโรคปาฏิหาริย์ไปด้วย ก็ได้หมอดี เราเองก็เลยเป็นคนปาฏิหาริย์ไปด้วย นี่ละเดี๋ยวนี้มันจึงไปปาฏิหาริย์ตีโน้นตีนี้ล่ะซิ มันได้ปาฏิหาริย์มาแล้ว เรื่องมันเป็นอย่างนั้นนะที่เราจะเปิดให้พี่น้องชาวไทยฟัง เราไม่ได้เปิดแบบโลกแบบสงสาร เราเปิดด้วยอรรถด้วยธรรมล้วน ๆ ออกช่องไหนมีแต่ความเมตตา ๆ เอาไปพิจารณาให้เป็นกำลังใจเพื่อชาติไทยของเรา ๆ เราจึงได้อุตส่าห์พยายาม

นิวเคลียร์นิวตรอนก็มีแต่นิวเคลียร์นิวตรอนของธรรมทั้งนั้น ไม่ใช่นิวเคลียร์นิวตรอนทำโลกพินาศนะ นิวเคลียร์นิวตรอนของธรรมฟาดกิเลสพังต่างหากนี่นะ ข้าศึกคือกิเลสคือความทุกข์ความจน เอานิวเคลียร์นิวตรอนฟัดลง ต่างคนต่างพร้อมเพรียงสามัคคีรักชาติ เสียสละด้วยกัน นี้คือนิวเคลียร์นิวตรอนของชาติไทยเรา ให้จำเอานะ อันนี้ละมันจะลงฟาดความจนให้ลงทะเลหลวงได้ คือนิวเคลียร์นิวตรอนแห่งการเสียสละ แห่งความรักชาติของเราทุกคน ๆ

เอาละวันนี้เทศน์เพียงเท่านั้นละ


** ท่านผู้เข้าชมทุกท่านโปรดทราบ
    เนื่องจากกัณฑ์เทศน์บางกัณฑ์มีความยาวค่อนข้างมาก ซึ่งจะส่งผลต่อความเร็วในการเปิดเว็บไซต์ ขอแนะนำให้ทุกท่านได้อ่านเนื้อหากัณฑ์เทศน์บางส่วนจากเว็บไซต์ และให้ทำการดาวน์โหลดไฟล์กัณฑ์เทศน์ที่มีนามสกุล .pdf ไปเก็บไว้ในเครื่องของท่านแทนการอ่านเนื้อหาทั้งหมดจากเว็บไซต์

<< BACK

หน้าแรก