เผาศพกิเลส
วันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2542
สถานที่ : ศาลาริมแม่น้ำปิง หน้า ส.น.ง.เทศบาล จังหวัดตาก
| |
ดาวน์โหลดเพื่อเก็บไว้ในเครื่อง
ให้คลิกขวาแล้วเลือก Save target as .. จาก link ต่อไปนี้ :

ค้นหา :

เทศน์อบรมฆราวาส ณ ศาลาริมแม่น้ำปิง หน้า ส.น.ง.เทศบาล จังหวัดตาก

เมื่อวันที่ ๒๓ กุมภาพันธ์ พุทธศักราช ๒๕๔๒(บ่าย)

เผาศพกิเลส

ขอความกรุณาช่างภาพที่ได้เผดียงบ้างแล้วเมื่อสักครู่นี้ ในขณะที่เทศน์กรุณาอย่าถ่ายภาพและใช้เสียงรบกวนใด ๆ จะเป็นอันตรายต่อการเทศน์ ทั้งผู้เทศน์และผู้ฟังจะไม่ค่อยได้รับผลประโยชน์เท่าที่ควร จึงได้เรียนให้ท่านทั้งหลายได้ทราบสำหรับช่างภาพ ในเวลาเทศนาว่าการต้องการความสงัด ผู้เทศน์ก็เทศน์ด้วยความจงใจเต็มไปด้วยเมตตาต่อพี่น้องชาวไทย เฉพาะอย่างยิ่งชาวจังหวัดตากของเรา เป็นความมุ่งหมายอย่างยิ่งที่จะให้พี่น้องทั้งหลายได้ซาบซึ้งถึงธรรม และความจำเป็นแห่งชาติของเราซึ่งกำลังเผชิญอยู่เวลานี้ การเทศน์จึงเทศน์ด้วยความจงใจและเป็นกันเองกับพี่น้องทั้งหลาย และพี่น้องทั้งหลายผู้ฟังก็จะได้รับฟังเต็มเม็ดเต็มหน่วยแห่งธรรมทั้งหลายที่แสดงออกไป ด้วยเหตุนี้จึงสงวนความสงบสงัดมากในขณะที่เทศน์

วันนี้หลวงตามหาบัวได้มาเยี่ยมพี่น้องทั้งหลาย ที่ต่างท่านต่างมีความรักชาติของตน ๆ พร้อมกับท่านรองผู้ว่าราชการจังหวัด ตลอดทางฝ่ายผู้กำกับการตำรวจ วันนี้รู้สึกว่าท่านผู้ทรงเกียรติทั้งหลายมีรองผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นต้น และพระสงฆ์มีท่านเจ้าคณะจังหวัด และพระสงฆ์จำนวนมากที่มารวมอยู่เวลานี้ มาอนุโมทนาสาธุการและมาเป็นผู้นำ เป็นร่มโพธิ์ร่มไทรของพี่น้องชาวไทยทั้งหลาย ให้ได้ดำเนินการงานเพื่อช่วยชาตินี้ด้วยความยิ้มแย้มแจ่มใสชุ่มเย็นทั่วหน้ากัน และต่อไปนี้หลวงตาก็จะได้แสดงอนุโมทนากับพี่น้องทั้งหลายในการช่วยชาติคราวนี้

เพราะหลวงตาที่อุตส่าห์พยายามมา ไปที่นั่นที่นี่ตั้งแต่เริ่มต้นวันที่ ๑๒ เมษายน ๒๕๔๑ มาจนกระทั่งบัดนี้ ความเคลื่อนไหวไปมา การเทศนาว่าการไม่มีเวลาหยุดหย่อนเลย เทศน์ทั่วประเทศไทยของเรา ที่มีความจำเป็น ซึ่งท่านผู้มีศรัทธารักชาติและรักศาสนาทั้งหลายเข้ามาเกี่ยวข้องนิมนต์ เราก็เป็นผู้มีความเมตตาเต็มหัวใจอยู่แล้ว ตั้งแต่เริ่มแรกที่จะมาเป็นผู้นำของพี่น้องทั้งหลาย จึงพอใจเคลื่อนไหวไปมา ทุกข์ยากลำบาก สังขารร่างกายไม่อำนวยก็ตาม แต่จิตใจเต็มไปด้วยความเมตตาอย่างแข็งแกร่ง ไม่มีอะไรลดลงบ้างเลย จึงได้อุตส่าห์พยายามไปที่นั่นที่นี่ เพื่อชี้แจงขอบิณฑบาตสมบัติเงินทองของพี่น้องทั้งหลายมาช่วยชาติของเรา ซึ่งเวลานี้กำลังตกอยู่ในภาวะคับขันทั่วประเทศ จึงจำเป็นต้องได้นำตัวออกมาเป็นผู้นำ

การเป็นผู้นำ พี่น้องทั้งหลายก็ต้องอยากทราบว่า ผู้นำนั้นเป็นพระประเภทใด ถ้าเป็นบุคคลก็เป็นบุคคลประเภทใด จึงอยู่ ๆ ก็มานำพี่น้องชาวไทยทั้งประเทศ ทั้ง ๆ ที่ไม่เคยเห็นหน้าเห็นตากันเลยก็มาเป็นผู้นำ ด้วยเหตุนี้ในปี ๒๕๔๑ นี้เป็นปีที่หลวงตาได้เปิดปูมหลังให้พี่น้องทั้งหลายทราบ เกี่ยวกับการนำพี่น้องทั้งหลาย จึงได้เปิดปูมหลังมาเป็นลำดับลำดา ซึ่งแต่ก่อนไม่เคยมีไม่เคยเปิด การปฏิบัติศีลธรรมมากน้อย ตั้งแต่วันอุปสมบทมาจนกระทั่งถึง ๒๕๓๘–๓๙–๔๐ ไม่เคยแสดงความรู้ความเห็นความเป็น การบำเพ็ญตลอดถึงผลของการบำเพ็ญได้มากน้อย ไม่เคยแสดงให้ท่านผู้ใดทราบว่า เราบำเพ็ญตัวมาอย่างนั้น เราได้รู้ได้เห็นธรรมอย่างนั้นอย่างนี้ไม่เคยมี

แต่พอตกมาปี ๒๕๔๑ นี้เป็นความจำเป็นอย่างยิ่งที่จะเปิดเผยตัวเองให้พี่น้องทั้งหลายได้ทราบ เพราะเป็นผู้นำ ดังนั้นจึงได้เปิดปูมหลังให้ทราบโดยลำดับมา วันนี้ก็จะขอเปิดแต่เพียงสังเขปโดยย่อพอประมาณ เพราะเคยเปิดมามากต่อมากแล้ว แต่สำหรับพี่น้องชาวจังหวัดตากของเรา ยังไม่เคยได้ยินได้ฟังเรื่องของหลวงตาบัวซึ่งเป็นผู้นำอยู่เวลานี้ จึงขอเรียนให้พี่น้องทั้งหลายทราบโดยย่อว่า

หลวงตาบัวเป็นสกุลชาวนา พ่อแม่ทำไร่ทำนามาประจำ จากนั้นก็ออกบวชอุปสมบทเป็นพระ ศึกษาเล่าเรียนได้ตามความมุ่งหมายที่ตั้งใจไว้แล้ว ก็ออกปฏิบัติบำเพ็ญคุณงามความดี นับแต่ศีล สมาธิ ปัญญา จนกระทั่งถึงธรรมที่เลิศเลอซึ่งพระพุทธเจ้าทรงประทานไว้แล้ว ได้ตะเกียกตะกายปฏิบัติตนเรื่อยมา จนเต็มกำลังความสามารถในความปรารถนาทั้งหลายที่เราเรียนมานั้น เป็นความปรารถนาที่ว่าสูงสุดหรือว่าเกินภูมิแห่งวาสนาหรือรูปร่างของตัวซึ่งเป็นลูกชาวนาก็ได้ ว่าปรารถนาอย่างสูงสุด คือ บวชในคราวนี้ต้องการเป็นพระอรหันต์เท่านั้น

ธรรมของพระพุทธเจ้าทรงแสดงไว้คงเส้นคงวาเพื่อมรรคผลนิพพานล้วน ๆ ผู้ปฏิบัติตามศาสนานี้มีมากน้อยเพียงไรเราไม่สนใจ สำหรับเราเองนั้นมีความมุ่งมั่นที่จะได้ปฏิบัติตนให้ถึงที่สุดจุดหมายปลายทางคือความสิ้นทุกข์โดยถ่ายเดียวในชาตินี้ จึงได้อุตส่าห์พยายามเสาะแสวงหาครูหาอาจารย์ ก็ไปเจอกับหลวงปู่มั่นซึ่งมีชื่อเสียงโด่งดังทั่วประเทศไทยมานานแสนนาน เมื่อเข้าไปถึงท่าน ท่านก็ประกาศธรรมคือมรรคผลนิพพานออกมาสด ๆ ร้อน ๆ ถอดออกมาจากจิตใจของท่านโดยตรง ทำให้เราเกิดความซาบซึ้งถึงใจขนาดที่ว่าตั้งแต่บัดนี้ต่อไป เรื่องมรรคผลนิพพานท่านก็เป็นผู้นำออกมาชี้แจง แสดงต่อเราเต็มเม็ดเต็มหน่วยแล้ว หากว่าท่านไม่รู้ไม่เห็นในธรรมที่แสดงนี้ ท่านจะแสดงออกมาไม่ได้ จึงเป็นความซาบซึ้งถึงใจ

จากนั้นมาก็ตั้งหน้าปฏิบัติเต็มเม็ดเต็มหน่วย สละเป็นสละตายในการปฏิบัติเรื่อยมา โดยไม่สนใจกับผู้หนึ่งผู้ใดจะยินดีหรือไม่ยินดี สนใจกับเราหรือไม่สนใจ แต่เราสนใจต่อการปฏิบัติเพื่อมรรคผลนิพพานที่พระองค์ทรงแสดงไว้แล้วอย่างสด ๆ ร้อน ๆ โดยถ่ายเดียวเท่านั้น จึงตั้งหน้าตั้งตาปฏิบัติ ศีลเป็นที่แน่ใจตั้งแต่วันอุปสมบทมา ไม่เคยด่างพร้อย มีความชุ่มเย็นอบอุ่นจากศีลของตนตลอดมา ตั้งแต่การศึกษาเล่าเรียนอยู่ จนกระทั่งก้าวเข้าสู่เวที เวทีนั้นคือสนามรบกับกิเลส ได้แก่ ในป่าในเขา ตามถ้ำเงื้อมผา ป่าช้าป่ารกชัฏเรื่อยมา

ไปอยู่อาศัยบ้านใดเมืองใด เพียงแต่ขออยู่ในเขตบ้านนั้นเมืองนั้น จังหวัดนั้นเท่านั้น แต่ที่อยู่จริง ๆ คือในป่าในเขาในถ้ำเงื้อมผาเรื่อยมา สละเป็นสละตายเพื่อมรรคผลนิพพานเท่านั้น ผลที่ปรากฏขึ้นโดยลำดับก็คือ สมาธิ จิตที่ไม่มีสมาธิเป็นจิตที่ว้าวุ่นขุ่นมัวไขว่คว้าในสิ่งต่าง ๆ ซึ่งมีแต่ฟืนแต่ไฟเผาไหม้ภายในใจ สร้างความทุกข์ให้เกิดขึ้นด้วยอารมณ์นั้นอารมณ์นี้ ซึ่งมีแต่อารมณ์เป็นพิษเป็นภัย เช่น อารมณ์เกิดขึ้นจากความโลภ โลภไม่มีประมาณก็ก่อไฟเผาตัว ความรัก ความชัง ราคะตัณหา เกิดขึ้นไม่มีประมาณภายในจิตใจ ท่วมท้นตลอดเวลาก็เป็นเรื่องก่อไฟเผาตน ๆ

กิเลสเหล่านี้ถ้าไม่มีธรรมเป็นน้ำดับไฟเป็นเครื่องระงับ จิตจะมีความว้าวุ่นขุ่นมัว หาบหามแต่กองทุกข์ตลอดเวลา ไม่ว่าชาติชั้นวรรณะฐานะสูงต่ำประการใดก็ตาม เพราะสิ่งนี้คือฟืนคือไฟ คือกิเลสก่อฟืนก่อไฟเผาหัวใจโลกไม่มีกลัวใครทั้งนั้น กลัวแต่ธรรมโดยถ่ายเดียว เราก็ได้พยายามบำเพ็ญจิตตภาวนาของเรา เพื่อกำจัดปัดเป่าฟืนไฟทั้งหลายมี ความโลภ ราคะตัณหา ความฉุนเฉียวขุ่นมัวภายในใจนี้ออกด้วยจิตตภาวนา ทำใจให้สงบเย็น สิ่งเหล่านั้นก็ค่อยจางไป ๆ

ความสงบเย็นใจ หลักของใจเริ่มปรากฏขึ้นเป็นความชุ่มเย็นขั้นที่สอง ขั้นแรกคือความอบอุ่นภายในศีลของตน ขั้นที่สองคือสมาธิ ความร่มเย็น ความผาสุกภายในใจ มีหลักใจมีความสงบคือสมถธรรม เป็นที่อยู่ที่อาศัยของใจ ใจมีความผาสุกสบายอยู่ นี้เรียกว่าถ้าหากว่าการค้าขายก็เริ่มมีต้นทุนขึ้นมาแล้ว จากนั้นก็ก้าวเข้าสู่วิปัสสนา คือสติปัญญาพิจารณารู้แจ้งเป็นลำดับลำดาไปในสภาวธรรมทั้งหลาย ซึ่งจิตใจไปเที่ยวเกาะเที่ยวผูกพันให้ปล่อยตัวเข้ามา ด้วยอำนาจแห่งสติปัญญากำจัดปัดเป่า แล้วสติปัญญาก็ค่อยแก่กล้าสามารถขึ้นมาเป็นลำดับ ประจักษ์ในหัวใจของเรา

ขอสรุปความเลยว่า สติปัญญาเมื่อแก่กล้าสามารถแล้ว ย่อมปล่อยทุกข์ไปเป็นลำดับลำดา ตั้งแต่ทุกข์ขั้นหยาบ ๆ เป็นฟืนเป็นไฟเผาไหม้ตัวเอง ด้วยความว้าวุ่นขุ่นมัวแห่งความคิดของใจ จนกระทั่งถึงกิเลสอย่างกลาง อย่างละเอียด ซึ่งเป็นภัยต่อจิตใจ สติปัญญาได้กำจัดปัดเป่าชะล้างออกไปจนสิ้นสุด โดยไม่มีสิ่งใดเหลือภายในใจนี้เลย เรียกว่าได้เผาศพกิเลส ซึ่งเป็นตัวสร้างกองทุกข์ให้แก่สัตวโลกทั้งหลาย ได้เผาที่หัวใจของเราเอง ไม่ปรากฏว่ามีกิเลสตัวใดแสดงตัวออกมาในนั้น เป็นใจที่บริสุทธิ์หลุดพ้นตั้งแต่วันที่ ๑๕ พฤษภาคม ๒๔๙๓ บนหลังเขาวัดดอยธรรมเจดีย์ จ.ว. สกลนคร วันนั้นปรากฏประหนึ่งว่าฟ้าดินถล่มทั่วแดนโลกธาตุ ในขณะที่กิเลสบีบบังคับครองหัวใจเรามาเป็นความหนักหน่วงถ่วงจิตอย่างมากมาย ได้ขาดสะบั้นลงในคืนวันนั้น เวลา ๕ ทุ่มพอดี นั่นเป็นวันเผาศพกิเลสให้สิ้นซากไปโดยสิ้นเชิง

จากนั้นมาก็บำเพ็ญประโยชน์แก่โลกเรื่อยมา การแนะนำสั่งสอนก็เริ่มสั่งสอนตั้งแต่บัดนั้นเรื่อยมา แต่ไม่เคยได้พูดว่าตัวรู้ตัวเห็น การทำประโยชน์ให้โลกนับตั้งแต่การสงเคราะห์คนทุกข์คนจน เป็นลำดับขึ้นไปถึงการสร้างโรงร่ำโรงเรียน สถานสงเคราะห์ ที่ราชการต่าง ๆ ที่มีความจำเป็นเข้ามาเกี่ยวข้องกับเรา ช่วยเหลือกันไปเป็นลำดับ จนก้าวเข้าสู่โรงพยาบาล เวลานี้โรงพยาบาลที่ทางวัดได้สงเคราะห์มาแล้วรวมทั้งประเทศลาวกับประเทศไทยด้วยกันแล้วราวร้อยกว่าโรง นี่คือความเมตตาสงสารสงเคราะห์โลกเรื่อยมา ด้วยจตุปัจจัยไทยทานที่พี่น้องทั้งหลายบริจาคมามากน้อย ไม่เคยเก็บไว้เลยแม้แต่นิด มีแต่เสียสละด้วยความเมตตาเรื่อยมา

จนกระทั่งมาถึงวาระคือบ้านเมืองของเราเกิดภาวะเศรษฐกิจตกต่ำหาที่ออกไม่ได้ เราจึงได้หันหน้าเข้ามาช่วยเหลือเต็มกำลังความสามารถของเรา ก่อนที่จะนำตัวออกมาเป็นผู้นำพี่น้องทั้งหลายนี้ จึงได้เปิดปูมหลังของตัวเองให้พี่น้องทั้งหลายได้ทราบว่า ผู้นำของท่านทั้งหลายที่นำอยู่เวลานี้ เป็นพระประเภทหัวชนฝาออกมาช่วย หรือเป็นพระประเภทใด เมื่อได้เปิดปูมหลังให้ฟังแห่งความเป็นมาของตัวเองแล้ว เราก็หายสงสัย สำหรับผู้ฟังจะเชื่อหรือไม่เชื่อนั้นเป็นตามจริตนิสัยของใครของเรา

หากว่าเชื่อว่าพระพุทธเจ้าเป็นพระพุทธเจ้าจริง พระธรรมเป็นพระธรรมจริง พระสงฆ์เป็นพระสงฆ์จริง มรรคผลนิพพานมีจริง เราก็ได้นำมรรคผลนิพพานอันสุดยอด ได้แก่ความที่เราปรารถนาถึงขั้นพระอรหันต์ เราได้สุดความปรารถนาแล้ว เราไม่ต้องการเป็นพระอรหันต์พิเศษอย่างใดอีกยิ่งกว่าที่พระพุทธเจ้าทรงแสดงไว้ นี่หากว่าถ้าชาวพุทธของเราเป็นผู้ยอมรับความจริงแล้ว เราก็นำความจริงที่ได้รู้ได้เห็นจากการปฏิบัติของเรามากน้อย ตั้งแต่สมาธิ ปัญญา วิมุตติหลุดพ้นเต็มหัวใจนี้ มาแสดงแก่พี่น้องทั้งหลายเวลานี้

ท่านผู้ฟังผู้ใดถ้ายอมรับว่าศาสนาพระพุทธเจ้า เป็นศาสนาที่เอกเลิศเลอ พระพุทธเจ้าเป็นศาสดาที่เลิศเลอ แล้วมรรคผลนิพพานก็เกี่ยวเนื่องกับพระพุทธเจ้าเป็นผู้แสดงเสียเอง และผู้ปฏิบัติคือเราเองเราก็ปฏิบัติตามนั้น ได้ปรากฏความจริงตามนั้นอย่างสด ๆ ร้อน ๆ ภายในหัวใจเป็นปัจจุบันอยู่ตลอดเวลา คือใจนี้บริสุทธิ์พุทโธ พอแล้วทุกอย่าง ตั้งแต่ขณะเผาศพกิเลสอยู่บนวัดดอยธรรมเจดีย์เวลา ๕ ทุ่มมาจนกระทั่งบัดนี้ ไม่มีความเคลื่อนคลาดทำให้ระแวงแคลงใจแต่อย่างใดเลยว่า กิเลสนี้เราได้เผาศพมันเรียบร้อยแล้วตั้งแต่เวลานั้นวันนั้นเดือนนั้นปีนั้น เหตุใดจึงมาแสดงฤทธิ์เดชขึ้นให้เราเห็นอีกในขณะนี้ ไม่เคยมี มีแต่ความประจักษ์ใจว่าถึงแล้วแห่งแดนสมหวังที่เราปรารถนาไว้แล้วนั้น เพียงเท่านี้เต็มหัวใจ

จึงไม่มีอดีต ที่เราเป็นมาอย่างไรผ่านมาหมดแล้ว ไม่ไปกังวลกับมัน อนาคตต่อไปข้างหน้านี้ เมื่อตายแล้วเราจะไปเกิดในภพใดภูมิใด เราก็หมดปัญหา เพราะเราพอทุกอย่างแล้ว ปัจจุบันในหัวใจของเรานี้คือความพอในธรรมทั้งหลาย ธรรมกับใจเป็นอันเดียวกันแล้วไม่มีอดีตอนาคต มีแต่ความบริสุทธิ์พุทโธสว่างกระจ่างแจ้งครอบโลกธาตุ ตั้งแต่ขณะที่เผาศพกิเลสขาดสะบั้นลงไป จึงได้เห็นโทษของกิเลสในขณะนั้นว่า บาปมีมาตั้งแต่กาลไหน ๆ บุญ นรก สวรรค์ นิพพาน มีมาตั้งแต่กาลไหน ๆ

เหตุใดสัตวโลกจึงไม่เชื่อ เพราะกิเลสปิดบังความจริงทั้งหลายเหล่านี้ไว้ แต่ได้ปรากฏขึ้นที่ใจของเราทุกสัดทุกส่วนแล้วว่า บาป บุญ นรก สวรรค์ นี้พระพุทธเจ้าทรงแสดงไว้อย่างสด ๆ ร้อน ๆ เป็นอกาลิโก ไม่มีคำว่าครึว่าล้าสมัยดังที่กิเลสเสกสรรปั้นยอตัวของมันขึ้นว่าเป็นของจริง แล้วลบล้างความจริงคือมรรคผลนิพพาน บาป บุญ นรก สวรรค์ นี้ลงไปไม่ให้มีเหลือ ศาสนาของพระพุทธเจ้าเป็นความจริงอย่างนี้ ได้ประจักษ์แล้วในใจ

บาปเราก็ไม่สงสัย บุญไม่สงสัย นรกทุกหลุมไม่สงสัย สวรรค์กี่ชั้นไม่สงสัย นิพพานไม่สงสัย ตลอดภพภูมิต่าง ๆ พวกเปรตพวกผี เทวบุตรเทวดา อินทร์ พรหม ที่อยู่สวรรค์ชั้นนั้น ๆ พรหมโลกชั้นนั้น ๆ ตลอดพวกเปรตพวกผีที่อยู่ตามกำเนิดตามภพชาติของตน ที่เสวยกรรมตามลำดับลำดามา เราก็ไม่สงสัย ได้ประจักษ์แล้วในหัวใจนี้ แม้พระพุทธเจ้าจะประทับอยู่ข้างหน้านี้เราก็ไม่ทูลถาม เพราะเป็นของอันเดียวกัน รู้อย่างเดียวกัน เห็นอย่างเดียวกัน ไม่มีสองพอที่จะนำแง่ใดมาวัดมาเหวี่ยงเทียบเคียงซึ่งกันและกัน เพราะมีอันเดียว คือรู้แจ้งเห็นจริงตามสิ่งที่มีอยู่ทั้งหลายอย่างเดียวกันแล้วก็ไม่ต้องถามกัน

นี่ละพุทธศาสนาของพระพุทธเจ้าของเรา เป็นศาสนาที่แสดงความจริงอย่างสด ๆ ร้อน ๆ แก่พี่น้องชาวพุทธเรา ขอให้มีสติสตังระลึกตนรู้ตนอยู่เสมอว่า เวลานี้เราได้เกิดเป็นชาวพุทธ คือเกิดเป็นมนุษย์มาแล้ว ยังได้นับถือพระพุทธศาสนา ได้ประพฤติปฏิบัติตามนี้เรียกว่า เรามีวาสนาเต็มหัวใจของเราแล้ว อย่าได้ประมาทนอนใจ ให้พากันสร้างบุญสร้างกุศล แล้วละบาปบำเพ็ญบุญ อย่าได้เชื่อกิเลสที่มันหลอกลวงว่าบาปไม่มี ตัวผู้สร้างบาปจริง ๆ คือเรา ตัวที่จะขนความทุกข์ความเดือดร้อนจากผลแห่งการสร้างบาปนั้นก็คือเรา มาแผดเผาเราในภพต่าง ๆ ที่เราจะเคลื่อนย้ายจากอัตภาพแห่งความเป็นมนุษย์นี้ไป

เราทำความดีจะไปเกิดสวรรค์ชั้นพรหมที่ไหนนั้น ไม่ต้องมีคนบอกกรุยหมายป้ายทาง บาปจะพาไปเองในนรก บาปเป็นที่แน่นอนต่อทางต่ำทั้งหลาย ตั้งแต่พื้น ๆ จนกระทั่งถึงนรกอเวจี นี่เป็นสายทางแห่งคนสร้างบาปจะไปโดยถ่ายเดียวเท่านั้น โดยไม่มีผู้ใดฉุดลากเอาไว้ ไม่มีผู้ใดบอกทางก็ตาม บาปของตัวเองนั้นแลจะเป็นผู้ฉุดลาก หรือเป็นธรรมชาติที่ฉุดลากผู้ทำบาปกรรมลามกนั้น ให้ถึงจุดแห่งกรรมของตนที่จะเสวยในสถานที่นั้น ๆ คำว่าสถานที่นั้น ๆ นั้นหมายถึงนรก มีหลายหลุมหลายบ่อ กระเทือนทั่วแดนโลกธาตุมานานที่พระพุทธเจ้าทุก ๆ พระองค์ทรงแสดงไว้ ว่านรกมีถึง ๒๕ หลุม นี่คือศาสดาองค์เอกทุก ๆ พระองค์แสดงไว้เป็นแบบเดียวกัน ไม่มีคลาดเคลื่อนต่างกันเลย เพราะธรรมชาตินี้มีอย่างนั้นมาดั้งเดิม

พระพุทธเจ้าองค์ใดมาตรัสรู้ ก็มาเห็นสิ่งที่มีอยู่ดั้งเดิมนี้เหมือนกัน การแนะนำสั่งสอนสัตวโลกจึงสั่งสอนแยกแยะให้แปลกต่างกันไปไม่ได้ นี่คือเรื่องของบาป ผู้สร้างบาปจะสร้างด้วยเหตุผลกลไกอะไรก็ตาม ในที่แจ้งที่ลับ คดโกงรีดไถกลมายาต่าง ๆ ที่โลกเขาไม่เห็นก็ตาม แต่ตัวผู้ทำนั้นแลเป็นผู้เห็นเป็นผู้รู้เป็นผู้สร้างบาปขึ้นมา แล้วกรรมของผู้ทำนั้นแลจะเป็นผู้ฉุดลากผู้ทำลงไป โดยไม่มีที่แจ้งที่ลับ โดยไม่มีใครมาเป็นสักขีพยาน แต่บาปแต่กรรมของตนนั้น หากเป็นเครื่องฉุดเครื่องลากตนลงไปเองโดยไม่ต้องไปถามใคร ใครสร้างบาปมากน้อยเพียงไร ผลแห่งบาปนั้นจะให้ได้รับความทุกข์ความทรมานตามอำนาจแห่งกรรมชั่วของตนเป็นลำดับลำดา

ผู้ทำกรรมอันหนักมากก็ต้องไปตกนรกหลุมมหันตทุกข์ ท่านเรียกว่าถ้าจำไม่ผิด เรียกว่า โลกันตรนรก เพราะเราก็อ่านมาหลายปีแล้วจำไม่ค่อยได้ แต่ความจริงที่มีอยู่เป็นอยู่เหล่านี้เราไม่สงสัย เพราะมีชื่อมีนามก็เห็นอยู่รู้อยู่แล้ว จำเป็นอะไรจะต้องไปหาชื่อหานาม เช่นความทุกข์ความร้อนไม่ต้องมีชื่อมีนาม ก็ประจักษ์อยู่ในหัวใจของเราทุกคน ความสุขความสบายไม่ต้องมีชื่อมีนามก็ประจักษ์อยู่ในหัวใจของคน บุญบาปที่เราสร้างเอาไว้ที่จะไปแผดเผาเราให้เป็นความทุกข์ความทรมาน เราก็ประจักษ์อยู่ในตัวของเรา เพราะกรรมเป็นของเรา การสร้างคุณงามความดีก็ประจักษ์อยู่กับตัวของเรา จึงไม่จำเป็นจะต้องไปถามชื่อถามนามมันก็ได้ บาปสร้างลงไปไม่ต้องถามชื่อถามนามถามโคตรถามแซ่มัน มันเป็นบาปต่อบุคคลผู้ทำอยู่นั้นแล จึงให้พากันระมัดระวัง

นรกมีหลายหลุมมีหลายขั้นหลายภูมิ ตามอำนาจแห่งกรรมหนักเบามากน้อยต่างกัน นี่พระพุทธเจ้าทุก ๆ พระองค์ทรงแสดงไว้อย่างนี้ เราเป็นชาวพุทธให้ระมัดระวัง ให้เชื่อพระพุทธเจ้า ทุก ๆ พระองค์ทรงสอนแบบเดียวกันนี้ ไม่มีคำว่าโกหกหลอกลวงเหมือนกิเลสที่มันกำลังต้มตุ๋นโลกเรื่อยมา เช่น พระพุทธเจ้าสอนว่าบาปมี บุญมี นรกมี สวรรค์มี พรหมโลก นิพพานมีอย่างนี้ กิเลสจะลบล้างทั้งหมดว่าสิ่งเหล่านี้ไม่มี ๆ ทั้ง ๆ ที่สิ่งเหล่านั้นลบไม่ได้ แต่มันก็มาลบหัวใจของสัตวโลกให้เชื่อตามมันว่าบาปบุญนรกสวรรค์ไม่มีจนได้นั้นแล ให้เราระวังความโกหกมายาที่กิเลสมันหลอกลวงพวกเรา เราเป็นชาวพุทธอย่าเชื่ออะไรง่าย ๆ ให้มีเหตุมีผล แล้วสำรวมปฏิบัติตนตามแถวทางแห่งธรรมที่ท่านทรงสั่งสอนไว้

เราเกิดมาในชาตินี้เป็นชาติที่เหมาะสมแล้ว ได้เกิดเป็นมนุษย์และได้พบพระพุทธศาสนา ได้นับถือพุทธศาสนา แล้วให้เทิดทูนพระพุทธเจ้า พระธรรม พระสงฆ์ ยิ่งกว่าการเทิดทูนกิเลสโดยความเชื่อตามกิเลสดังที่เคยเป็นมา เพราะกิเลส คำว่ากิเลส ๆ นั้นคือความปิดบังอันมืดตื้อภายในใจของสัตว์ มันไม่ให้มองเห็นอะไร สิ่งเหล่านั้นจะมีอยู่มากน้อยเพียงไรมันไม่ยอมให้เห็น เช่นเดียวกับคนตาบอด วัตถุสิ่งของที่ควรแก่สายตาจะเห็นนั้น คนตาบอดมองเห็นไม่ได้ กิเลสปิดตาอย่างเดียวใจของเราก็มืดบอดไปหมด นรก สวรรค์ พรหมโลก นิพพาน มีมาตั้งกัปตั้งกัลป์ มันก็ลบล้างว่าไม่มีอย่างนี้จนได้ นี่คือความมืดตื้อที่กิเลสมาปิดบังหัวใจของเรา ให้ระมัดระวัง ให้เอาความสว่างกระจ่างแจ้งแห่งธรรมของพระพุทธเจ้ามาเป็นเครื่องกำจัดสิ่งเหล่านี้

พระพุทธเจ้าแสดงว่า บาปมี บุญมี นรกมี สวรรค์มี นิพพานมี นี่คือท่านทรงไว้แล้วในธรรมเหล่านี้ ไม่ได้มาโกหกโลก นำธรรมที่ทรงไว้แล้ว รู้แล้วเห็นแล้วนี้มาสั่งสอนสัตวโลก เราผู้เป็นคนหูหนวกตาบอดขอให้เชื่อผู้หูดีตาดีคือพระพุทธเจ้า ลงที่ทรงพระนามว่าโลกวิทู รู้แจ้งเห็นจริงโลกโดยประการทั้งปวง ไม่มีสิ่งใดปิดบังลี้ลับพระญาณหยั่งทราบของพระองค์เลย นี่ละนำธรรมที่ทรงรู้แจ้งเห็นจริงนี้มาสั่งสอนสัตวโลกให้ดำเนินตามท่าน ว่าบาปมีอย่าให้กิเลสมาหลอกว่าบาปไม่มี บุญมีอย่าให้กิเลสมาหลอกว่าบุญไม่มี ทำบาปเป็นบาป ทำบุญเป็นบุญ อย่าให้กิเลสมาหลอกว่าทำบาปไม่เป็นบาป ทำบุญไม่เป็นบุญ นรกมีกิเลสมาหลอกว่านรกไม่มีอย่างนี้ อย่าให้เป็นไปตามกิเลส ให้เป็นไปตามธรรมที่พระพุทธเจ้าทรงสอนในสิ่งเหล่านี้ทั้งดีทั้งชั่ว มีสมบูรณ์แบบมากี่กัปกี่กัลป์แล้ว ไม่เคยเคลื่อนไหวไปที่ไหนเลย

เช่น คำว่านรก มีมากี่กัปกี่กัลป์นับไม่ได้เลย พระพุทธเจ้าตรัสรู้มาองค์ใดก็มาเห็นนรกอย่างเดียวกันหมด เพราะมีมาก่อนพระพุทธเจ้าตรัสรู้แล้ว ว่าสวรรค์มีกี่ชั้น ท่านแสดงไว้ถึง ๖ ชั้น ก็มีมาดั้งเดิมแล้วไม่มีใครลบล้างสวรรค์ได้ พรหมโลก นิพพาน ก็มีมากี่กัปกี่กัลป์แล้วไม่มีใครลบล้างได้ นี่พระพุทธเจ้าทุก ๆ พระองค์ท่านทรงสอนไว้อย่างนี้ เป็นสิ่งที่มีมาดั้งเดิม อย่าให้กิเลสตัวมืดบอดมันลบล้างได้ว่าสิ่งเหล่านี้ไม่มี แล้วสอนความกล้าหาญชาญชัย ความคึกความคะนอง ความลืมเนื้อลืมตัว ใส่หัวใจเรา ให้ประพฤติตนแบบเหลวแหลกแหวกแนว ทำความชั่วช้าลามกแก่ตนตลอดไป แล้วจะสร้างความล่มจมในขณะเดียวกันเป็นลำดับไป ผลที่ได้รับเป็นความทุกข์ความทรมาน กิเลสมันไม่มารับ เราเองผู้เชื่อตามกิเลสหลงกลของกิเลสนี้ต่างหาก เป็นผู้ที่จะรับผลแห่งกรรมชั่วของตน จึงขอให้พากันระมัดระวังให้ดี

เฉพาะอย่างยิ่งที่หลวงตามาเป็นผู้นำของพี่น้องทั้งหลายเวลานี้ ทางด้านวัตถุเราก็วางเป็นพื้นฐานเพื่อช่วยชาติของเรา ในทางปลายเหตุคือซ่อมแซมสิ่งที่บกพร่อง เช่น ทองคำ เงินสด ดอลลาร์ เหล่านี้ เพื่อช่วยเหลืออุดหนุนสิ่งที่บกพร่อง แต่สำคัญที่เราจะช่วยในทางตรงคือต้นเหตุนั้น ได้แก่การประพฤติเนื้อประพฤติตัวของเรา ขอให้ต่างคนต่างรู้เนื้อรู้ตัวตั้งแต่บัดนี้ต่อไปว่า ที่บ้านเมืองของเราโยกคลอนหวั่นไหวถึงขั้นจะล่มจะจมไปนั้น เพราะเราลืมตัวฟุ้งเฟ้อเห่อเหิมสุรุ่ยสุร่ายในการอยู่การกินการใช้การสอยไม่มีประมาณ แล้วก็ทำลายตัวเองและชาติไทยของเรา จากความสุรุ่ยสุร่ายของเรา ซึ่งแต่ละคน ๆ ก็ทำแบบเดียวกัน ทีนี้ให้ปรับตัวเสียใหม่ เป็นคนประหยัดมัธยัสถ์

ประหยัดมัธยัสถ์ คือไม่ให้ลืมเนื้อลืมตัว การอยู่ก็อยู่พอเหมาะพอดีอยู่พอประมาณ อย่าสร้างเสียจนล้นโลกล้นสงสาร สร้างหอปราสาทราชมณเฑียรตึกแถวยาวเหยียดเป็นกิโล ๆ สร้างไว้เพราะอำนาจของกิเลส ความโลภมันดึงไปให้ได้มาก ๆ สร้างมาก ๆ ความหวังก็หวังร่ำหวังรวย เวลาสร้างลงไปมาก ๆ แล้วกิเลสมันจะวาดภาพหลอกเราไปว่า เวลาสร้างเสร็จเรียบร้อยแล้วคนจะเข้าไปอยู่อาศัย เก็บค่าเช่าห้องนั้นเท่านั้นๆ ทีนี้เมื่อเวลาสร้างเสร็จลงไปแล้ว สองสามคนก็ไม่เข้าอยู่ในห้องของเราที่สร้างเป็นจำนวนเงินหลาย ๆ ล้านบาท

แล้วเงินจำนวนนี้ที่เราหามานี่ หามาด้วยทรัพย์สมบัติที่มีอยู่ของเราก็ยังดี ยังไปกู้ยืมธนาคารเขามาก่อมาสร้างหรูหราฟู่ฟ่า เพราะกิเลสความโลภมากความหวังมากนั้นจูงไปลากไป โดยไม่คำนึงถึงความทุกข์ร้อนที่จะเกิดขึ้นมาแก่ตัวในภายหลังเลย เมื่อไม่สมหวังแล้วความทุกข์ทั้งหลายเหล่านี้ก็ท่วมท้นเข้ามาสู่จิตใจของเรา เป็นความทุกข์ความทรมานอย่างยิ่ง นี่เรียกว่าความสุรุ่ยสุร่าย ความฟุ้งเฟ้อเห่อเหิม ความทะเยอทะยาน ความไม่รู้เนื้อรู้ตัว อยากให้เขาชมเชยสรรเสริญว่าเป็นผู้มั่งผู้มี มีหน้ามีตา ครั้นแล้วหน้าตามันก็อยู่อย่างนั้นแหละ แต่หัวใจมันเป็นฟืนเป็นไฟเผาไหม้เพราะความไม่สมหวังนี้มีมากต่อมาก เพราะความไม่รู้จักประมาณ

เพราะฉะนั้นจงให้มีความรู้จักประมาณ ให้มีความประหยัดมัธยัสถ์ อย่าฟุ้งเฟ้อเห่อเหิมดังที่กิเลสหลอกมาแล้วเห็นประจักษ์อยู่อย่างนี้ ไปที่ไหน ๆ เห็นแต่คนหมดหวัง ๆ เพราะสร้างความหวังสร้างความโลภไว้แล้ว ไม่เป็นไปตามความอยากความทะเยอทะยาน ความหวังนั้นกลายเป็นความผิดหวัง ความผิดหวังกับความทุกข์มาด้วยกัน ก็เกิดความทุกข์ความทรมาน นี่ประการหนึ่งที่ให้ต่างคนต่างประหยัด อย่าลืมเนื้อลืมตัว ซึ่งเป็นการเชิดชูเมืองไทยของเราขึ้นทุกแห่งทุกหน ของทุกผู้ทุกคนที่ช่วยกันประหยัด

การกินก็ให้รู้จักประมาณ อย่ากินแบบจิ๊บ ๆ จั๊บ ๆ กินไม่หยุดไม่ถอยกินตลอดเวลา อันนั้นก็ดีอันนี้ก็ดี มีแต่ของดีทั้งหมด เงินในกระเป๋าหมดไปเท่าไรเพราะความฟุ้งเฟ้อเห่อคะนองของตัวไม่รู้ นี่ก็ทำลายเศรษฐกิจชาติบ้านเมืองของเรา ให้เอนเอียงและล่มจมไปได้ เมื่อคนไทยทั้งชาติมีนิสัยแบบเดียวกันแล้วเป็นการทำลายไปด้วยกัน

การใช้การสอยก็เหมือนกัน ให้รู้จักความพอเหมาะพอดี การแต่งเนื้อแต่งตัวเครื่องใช้ไม้สอย รถรา เครื่องใช้ต่าง ๆ ให้ประหยัดมัธยัสถ์ พออยู่พอใช้พอสอย เป็นความเหมาะสมแล้วไม่สุรุ่ยสุร่าย ทำลายตัวเองและทำลายชาติของตัวเองไปโดยลำดับเช่นเดียวกัน สามประการนี้เป็นประการสำคัญที่เราจะปรับเนื้อปรับตัวของเราสู่ความพอเหมาะพอดีกับเราเป็นชาวพุทธ

ชาวพุทธไม่ใช่ชาวฟุ้งเฟ้อเห่อเหิม ความรู้จักประมาณคือชาวพุทธ คนรู้จักประมาณ อยู่รู้จักประมาณ กินรู้จักประมาณ ใช้สอยรู้จักประมาณ ย่อมนำความสุขความสงบเย็นใจมาให้เรา แต่เลยประมาณนี้แล้วเป็นเรื่องเลยเถิดเตลิดเปิดเปิง ทำความทุกข์ให้แก่เราด้วยกันทั้งนั้น นี่เป็นจุดสำคัญ

จุดที่สี่คือการคบค้าสมาคมกับเพื่อนฝูง เพราะมนุษย์เราขี้ขลาดอยู่คนเดียวไม่ได้ ต้องคบค้าสมาคมกับเพื่อนฝูงตลอดไปทั่วไปประเทศไทยและทั่วโลกดินแดน เมื่อเป็นเช่นนั้นจึงต้องได้เลือกเฟ้นบุคคลที่ควรคบหรือไม่ควรคบ พวกเป็นคนพาลสันดานหยาบ พวกยาเสพย์ติดนี้ยิ่งแล้ว ให้ระวังยาเสพย์ติด อันนี้ทำลายได้ทั้งนั้น เฉพาะเด็กนักเรียนนักศึกษา ตั้งแต่ประถมขึ้นไปถึงมัธยมนี้ยิ่งรวดเร็วที่สุดกับฟืนกับไฟกองยาเสพย์ติดนี้ ถ้าใครได้ลงติดไปแล้วนั้นแก้ไม่ออก เขียนใบตายให้เลยทั้ง ๆ ที่ชีวิตยังอยู่ แต่คนนั้นหมดความหมายไปแล้ว ขอให้ลูกหลานทั้งหลายได้ระมัดระวัง ยาเสพย์ติดนี้เป็นภัยอย่างร้ายแรง เรียกว่ามหาภัยต่อชาติไทยของเรา

เด็กมีจำนวนเท่าไรถ้าลงติดยาเสพย์ติดนี้แล้ว เด็กเหล่านี้เป็นป่าช้าผีดิบ หมดคุณค่าหมดราคา ทำลายชาติบ้านเมืองโดยถ่ายเดียว ที่จะมีหวังเชิดชูชาติบ้านเมืองเพราะยาเสพย์ติดนี้ไม่มี นักศึกษาทั้งหญิงทั้งชายก็เหมือนกันให้พากันระมัดระวังให้มาก ให้ถือว่ายาเสพย์ติดนี้เป็นมหาภัย ไม่มีชิ้นดีแม้แต่น้อย เราอย่าไปหาทางระบายออกจากทุกข์ด้วยการกินยาเสพย์ติด ยิ่งเพิ่มโทษหนักเข้าไป ความทุกข์ร้อนมีด้วยกันทุกคน สัตว์เดรัจฉานเขาก็มีความทุกข์ มนุษย์เราก็มีความทุกข์ แต่อย่าไปหาระบายความทุกข์ก่อความทุกข์ด้วยการกินยาเสพย์ติด นี่เพิ่มโทษเข้าไปถึงขั้นหมดความหมายอย่างร้ายแรงต่อตัวบุคคลแต่ละคน ๆ นี่เป็นมหาภัยต่อชาติไทยของเรา

ขอให้พี่น้องทั้งหลายมีลูกหลานเป็นสำคัญ ซึ่งกำลังจะก้าวหน้าเชิดชูชาติบ้านเมืองต่อไป อย่าให้ขาดสะบั้นและเป็นการทำลายชาติบ้านเมืองลงในขณะเดียวกันที่ยาเสพย์ติดเข้าถึงตัว ให้ระวังตอนนี้ให้มาก เวลานี้กระเทือนทั่วประเทศไทย วงราชการงานเมืองก็ปกครองไม่หวาดไม่ไหว สอดส่องดูแลไม่ไหว เพราะอันนี้เข้ามาทุกซอกทุกมุม แม้ที่สุดโรงร่ำโรงเรียนมันก็เข้าได้ เรือนจำมันก็ยังเข้าได้ พิจารณาซิ เรือนจำเป็นที่กักขังนรกทั้งเป็นอยู่แล้ว ยาเสพย์ติดยังแทรกเข้าไปได้ มันเก่งไหม เพราะฉะนั้นเราจึงต้องระวังให้มาก

เราไม่ใช่เป็นนักโทษในเรือนจำ เหตุใดจะให้ยาเสพย์ติดนี้เข้ามาเกี่ยวพันทำลายตัวของเรา ไม่สมควรอย่างยิ่ง ให้ระมัดระวังให้มากทุก ๆ คน อันนี้เป็นสำคัญมากต่อชาติไทยของเรา นี่เป็นสิ่งที่น่าวิตกวิจารณ์มาก หลวงตาจึงได้มาประกาศสอนลูกหลานพี่น้องทั้งหลายให้ทราบว่า นี้คือมหาภัยต่อชาติไทยของเรา อย่าแตะต้อง อย่าคุ้นเคย ให้เห็นเป็นยาพิษอันร้ายแรงที่สุดต่อชาติบ้านเมืองของเรา ให้พยายามกำจัดปัดเป่า อย่าคุ้นอย่าสนิท

คนที่มียาเสพย์ติดติดตัวนั้น เขาหวังจะมาสังหารทำลายชาติไทยของเรา รายใดก้าวเข้ามานั้นคือเพชฌฆาตทำลายชาติไทยของเราด้วยยาเสพย์ติด อย่าคุ้นอย่าสนิท อย่าไปซื้อเป็นอันขาด แม้เขาจะให้เฉย ๆ ก็อย่าถือมาติดตัว เพราะนั้นเป็นยาพิษ สลัดปัดทิ้งทันที นี้คือยาพิษ ให้เข้าใจอย่างนั้น เราอย่าไปคุ้นกับมัน มันมาหลายด้านหลายทางมาทุกซอกทุกมุมระวังไม่หวาดไม่ไหว เจ้าหน้าที่ก็อกจะแตกอกจะระเบิด เพราะยาเสพย์ติดนี้สำคัญมากที่สุด เป็นการทำลายชาติไทยของเราร้อยเปอร์เซ็นต์ไม่ผิด ให้ลูกหลานทั้งหลายพากันระมัดระวังให้มาก นี้อันหนึ่งที่เป็นภัยต่อชาติไทยของเรา วันนี้ได้พูดมาหลายแง่หลายกระทงเพื่อให้พี่น้องทั้งหลายได้ทราบ

อันดับต่อไปให้สร้างเรือนใจ ไปที่ไหนเราไม่เคยปล่อยวางในการแนะนำสั่งสอนธรรมเข้าสู่ใจเพื่อเป็นสรณะของใจแก่พี่น้องชาวพุทธเราเลย ต้องแสดงเสมอ เพราะนี้เป็นหลักสำคัญมากทีเดียวกับจิตใจของเราทุก ๆ คน คือธรรม คำว่าธรรมนั้น คือ ธรรมชาติที่ให้ความอบอุ่นตายใจ พึ่งเป็นพึ่งตายได้กับจิตของผู้มีธรรม เช่น เราระลึกพุทโธก็ดี ธัมโมก็ดี สังโฆก็ดี คือเราระลึกถึงธรรมอันอบอุ่นเข้าสู่ภายในใจของเรา นี้คือเรือนของใจที่พึ่งของใจ พึ่งได้ทั้งเป็นทั้งตายทุกที่ทุกสถานทุกภพทุกชาติ อาศัยธรรมเป็นเครื่องเชิดชู เป็นเครื่องชักจูง เป็นเครื่องพาดำเนินไป แล้วเราจะไปสู่สถานที่ดีคติที่เหมาะสม จึงขอให้สร้างความดีคือธรรมนี้เข้าภายในใจ

วันหนึ่งคืนหนึ่งการให้ทานการเสียสละตามนิสัยของชาวพุทธเรา อย่าได้ปล่อยได้วาง การให้ทานวันหนึ่งสร้างความอบอุ่นแก่จิตใจของเราได้มากมาย เป็นนิสัยฝังใจ กลายเป็นคนใจบุญติดตัวอยู่ตลอดเวลา แม้เราจะทุกข์จนข้นแค้นขนาดไหน ขออย่าให้ทุกข์ด้วยขาดธรรมภายในใจ ธรรมภายในใจนี้เป็นเครื่องชุ่มเย็นแก่จิตใจของผู้มีธรรม สมบัติเงินทองข้าวของจะมีมากน้อยนั้นเป็นเครื่องอาศัยทางร่างกาย แต่ธรรมคือบุญคือกุศลนี้เป็นเครื่องอาศัยและอบอุ่นภายในจิตใจ ขอให้พากันสร้างเสมอ ให้ยึดหลักนี้ไว้ให้ดี

ไปที่ไหนอย่าปล่อยอย่าวางพุทโธ หรือธัมโม หรือสังโฆ ระลึกรู้อยู่ภายในใจเสมอ แล้วมีสติธรรม สติ ความระลึกรู้ตัว คนระลึกรู้ตัวได้ย่อมจะระลึกได้ทั้งบาปทั้งบุญ การกระทำดีชั่วสติมีย่อมระลึกได้ งดเว้นได้ในสิ่งที่ไม่ดี ทำได้ในสิ่งที่ดีทั้งหลายด้วยความมีสติ ปัญญาธรรม ให้พิจารณาไตร่ตรองเสียก่อนก่อนที่จะประกอบหน้าที่การงาน คบค้าสมาคมกับเพื่อนกับฝูงหรือกับใครก็ตาม ให้ใช้ปัญญาพินิจพิจารณาก่อนว่าควรคบหรือไม่ควรคบ ควรทำหรือไม่ควรทำในสิ่งต่าง ๆ อย่าทำแบบพรวดพราด แบบความทะเยอทะยาน แบบความอยาก มีแต่อยากทำแต่ไม่คำนึงถึงความดีชั่วไม่เป็นของดีเลย ไม่ใช่ชาวพุทธ

ชาวพุทธต้องมีสติธรรม ปัญญาธรรม คอยกำกับความเคลื่อนไหวแห่งการกระทำของตนทุกด้าน นี่เรียกว่าผู้มีธรรมในใจ แล้วไปที่ไหนให้ระลึกพุทโธ ธัมโมหรือสังโฆอยู่เสมอภายในใจ นี่เรียกว่าสร้างหลักใจ เพราะใจนี้เป็นผู้จะพาให้เกิดให้ตายในภพชาติต่าง ๆ สำหรับร่างกายนี้เขาจะหมดความหมายในเวลาสิ้นลมไปแล้ว พอสิ้นลมไปแล้วหมดความหมายทันที เขาเรียกว่าคนตาย แต่ใจนี้ไม่ตาย ต้องแหวกว่ายไปตามบุญตามกรรมของตน ใครมีกรรมชั่วก็ไปตามกรรมของตน เสวยความทุกข์ความเดือดร้อน ผู้มีกรรมชั่วมากเท่าไรกรรมนั้นยิ่งมัดคนนั้นให้ได้รับความทุกข์ความทรมาน จนกว่าจะสิ้นกรรมเมื่อใดแล้วถึงจะพ้นจากทุกข์ออกมาได้โดยลำดับ

บุญเมื่อเราสร้างไว้ดีแล้วก็เป็นเครื่องส่งเสริมเราให้ไปสู่สถานที่ดีในภพชาติต่าง ๆ มีแต่บุญมีแต่ธรรมทั้งนั้นพาเราไป เพราะใจไม่เคยตาย ท่านจึงเรียกว่าใจนี้คือนักท่องเที่ยว จะเที่ยวไปเกิดในภพนั้นภพนี้ พวกกบ พวกเขียด หมู หมา เป็ด ไก่ เกิดได้หมด ตลอดเป็นเปรตเป็นผีลงนรกอเวจี คือใจดวงเดียวนี้แลเป็นผู้พาไป เพราะอำนาจแห่งกรรมดีชั่วพาให้ไป จึงต้องได้เลือกเฟ้นในกรรมที่จะทำ อย่าทำความชั่วช้าลามกจะเป็นภัยเผาตัวเอง เป็นข้าศึกศัตรูต่อตัวเราเอง ให้สร้างคุณงามความดีซึ่งจะเป็นที่ฝากเป็นฝากตายของเราได้ นี่เรียกว่าชาวพุทธ เป็นผู้มีธรรมภายในใจ ให้มีธรรม พุทโธ ธัมโม สังโฆ และสติธรรม ปัญญาธรรม ติดตัวอยู่เสมอ เราจะรู้ผิดถูกดีชั่วต่าง ๆ แล้วจะดำเนินตนไปด้วยความปลอดภัยในหน้าที่การงานทั้งหลาย ไม่ล่อแหลมต่ออันตราย

วันนี้ได้พูดธรรมะให้พี่น้องทั้งหลายได้ฟังทั่วถึงกัน โดยเน้นหนักทางด้านจิตใจเป็นสำคัญ เพราะนี้สำคัญมากที่สุดยิ่งกว่าวัตถุต่าง ๆ เช่น เรานำวัตถุมาช่วยชาติเหล่านี้ ก็เป็นสิริมงคลแก่ชาติไทยของเรา แต่สำคัญก็คือนำธรรมเข้าสู่จิตใจ เพื่อจะให้ใจเป็นรากฐานสำคัญ แล้วรักษาชาติบ้านเมืองและทะนุบำรุงชาติบ้านเมืองของเรา ให้สมบูรณ์พูนผลขึ้นเป็นลำดับ เพราะอำนาจแห่งธรรมเกื้อหนุนด้วยการทำที่ถูกที่ดี บ้านเมืองของเราจะได้รุ่งเรือง เพราะหัวใจของชาวพุทธแต่ละดวงมีหลักธรรมเป็นเครื่องประกันตัว ความประพฤติหน้าที่การงานต่าง ๆ ให้มีธรรมคือความถูกต้องดีงาม สติธรรม ปัญญาธรรม เป็นเครื่องกำกับเสมอ เราจะมีความแคล้วคลาดปลอดภัยไปโดยลำดับที่เกี่ยวกับชาติบ้านเมือง ชาติของเราก็จะเจริญรุ่งเรืองเป็นลำดับไป

เพราะเวลานี้เรากำลังช่วยชาติของเรา ดังพี่น้องชาวจังหวัดตากและแถวใกล้เคียงได้มาร่วมมือร่วมใจบริจาคกันคราวนี้ ก็เพื่อการช่วยเหลือหนุนชาติของเราให้กระเตื้องขึ้นมาเป็นลำดับ เพราะการเสียสละของพี่น้องชาวไทยทั้งหลายนั้นแล หลวงตาจึงขอขอบคุณและอนุโมทนากับพี่น้องทั้งหลายอย่างถึงใจกับทุก ๆ ท่านด้วย

สำหรับหลวงตาเองนั้นก็ดังที่ได้เรียนให้ทราบแล้วว่า เราไม่หวังสิ่งใดในสามแดนโลกธาตุนี้ เราพอหมดทุกสิ่งทุกอย่าง ปล่อยวางหมดแล้ว เหลือแต่ใจที่บริสุทธิ์หลุดพ้น ธรรมเต็มหัวใจ ธรรมดวงพอแล้วเต็มหัวใจเท่านั้น มีแต่ความเมตตาครอบโลกธาตุ จึงได้หันหน้าเข้ามาช่วยชาติไทยของเราด้วยความเมตตาล้วน ๆ หนักเบามากน้อยที่ไหนก็ตะเกียกตะกายไป เคลื่อนไหวไปที่ไหนก็เพื่ออุ้มชาติบ้านเมืองของเรา เราไม่ได้เพื่ออุ้มหลวงตาบัวนะ อุ้มพี่น้องชาวไทยของเราให้ขึ้นจากหล่มลึก ด้วยการเชื้อเชิญ ด้วยการบิณฑบาต ด้วยการแนะนำสั่งสอนต่าง ๆ ที่จะเป็นสิริมงคลเกื้อหนุนชาติไทยของเรา ให้มีความเจริญและแน่นหนามั่นคงขึ้นเป็นลำดับ

จึงขอให้พี่น้องทั้งหลายได้ทราบว่า ความเคลื่อนไหวของหลวงตาบัวเวลานี้กระเทือนทั่วประเทศไทย ออกทางทีวี หนังสือพิมพ์ วิทยุ ว่าช่วยบ้านช่วยเมือง เราช่วยจริง ๆ ทุกสิ่งทุกอย่างไม่มีปิดบังลี้ลับ สมบัติเงินทองที่มีมามากน้อยนี้ เรายืนยันรับรองความบริสุทธิ์แห่งสมบัติที่พี่น้องทั้งหลายบริจาคผ่านมา ให้เข้าสู่จุดหมายปลายทางที่ปลอดภัยทั้งนั้น ไม่มีคำว่ารั่วไหลแตกซึม เวลานี้ทองคำของเราที่จะได้ในกลางเดือนเมษาฯ นี้จะไม่น้อยกว่า ๘๐๐ กิโล ทั้งหลอมเก่าหลอมใหม่รวมกันแล้วจะไม่น้อยกว่า ๘๐๐ กิโล และดอลลาร์เวลานี้มีอยู่แล้วสามล้านกว่า เงินสดมีอยู่แล้วเวลานี้ ๗๐๐ ล้าน ในความควบคุมของหลวงตาบัวเป็นผู้รับผิดชอบแต่ผู้เดียว

จึงขอให้พี่น้องทั้งหลายตายใจได้ว่า หลวงตาซึ่งเป็นผู้นำของพี่น้องทั้งหลายนี้ไม่ได้นำพี่น้องทั้งหลายเพื่อความล่มจม แต่จะนำไปเพื่อความแคล้วคลาดปลอดภัยทั้งประเทศ สมบัติทุกชิ้นทุกอันเรานำเข้าสู่จุดหมายปลายทางที่ปลอดภัยด้วยกันทั้งนั้น จะพยายามอย่างนี้ตลอดไปเต็มความสามารถ แม้จะเฒ่าแก่ชราแล้วก็ตาม ความเมตตาสงสารนี้ครอบโลกธาตุ พูดอย่างเปิดหัวใจ ใจเราเป็นอย่างนั้นจริง ๆ แต่ก่อนไม่เคยเป็น

เวลากิเลสครอบงำหัวใจนี้ ใจตีบตันอั้นตู้ มองหาอะไรก็ไม่เห็น เหมือนคนตาบอด แต่พอกิเลสเปิดออกจากหัวใจ เผาศพกิเลสเรียบร้อยแล้ว ความสว่างจ้าปรากฏขึ้นแทนที่จนเป็นที่อัศจรรย์ตัวเอง เพราะไม่เคยคาดเคยคิดว่าจะรู้จะเห็นจะเป็นอย่างนี้ แต่ก็ได้มาเป็นเต็มหัวใจประจักษ์ใจเราแล้วในเวลานี้ เกิดความอัศจรรย์น้ำตาร่วงอยู่บนภูเขาวัดดอยธรรมเจดีย์ ไม่นอนทั้งคืน เพราะอัศจรรย์ธรรมประเภทที่รู้ที่เห็นขึ้นมาในขณะนั้นด้วย อัศจรรย์พระพุทธเจ้าที่เป็นผู้โปรดเมตตาแนะนำสั่งสอนด้วย อัศจรรย์ธรรมที่ว่าเป็นธรรมธาตุครอบโลกธาตุนี้ด้วย แล้วสงสารโลก

ซึ่งเราก็เคยเกิดมากับโลกสกปรกโสมม เกิดขึ้นมาด้วยอำนาจของกิเลสตัณหาสกปรกโสมม แล้วจิตได้ผ่านพ้นจากสิ่งเหล่านี้มาที่เคยปิดบังเรามานาน ได้ผ่านพ้นขึ้นมาหมดแล้ว สว่างจ้าขึ้นมาในจิตใจของเรา จึงเกิดความอัศจรรย์ น้ำตาร่วงด้วยความอัศจรรย์แห่งธรรมที่ปรากฏขึ้นในขณะนั้นด้วย น้ำตาร่วงเพราะอัศจรรย์พระพุทธเจ้าและธรรมธาตุที่ครอบโลกธาตุนี้ด้วย น้ำตาร่วงเพราะสงสารโลกทั้งหลายซึ่งเคยเป็นมาด้วยกัน บัดนี้จิตใจของเราได้พ้นไปหมดแล้วในภาวะแห่งความทุกข์ยากลำบากทรมานแสนสาหัส เป็นมากี่กัปกี่กัลป์ ได้หลุดพ้นไปแล้ว แต่โลกทั้งหลายยังจมกันอยู่ในกองมูตรกองคูถทั่วหน้ากันหมดในสามแดนโลกธาตุนี้

เราจมอยู่ในกองมูตรกองคูถ คือความโลภ ความโกรธ ราคะตัณหานี้เหมือนกองมูตรกองคูถ ซึ่งสัตว์ทั้งหลายก็ยินดีกันมาก ถ้าสอนให้ออกจากกองมูตรกองคูถนี้ไม่ยอมไป มันอยากเข้าสู่กองมูตรกองคูถ ได้เท่าไรไม่พอ ตายก็ตายขอให้ได้ก็แล้วกัน ทั้ง ๆ ที่ไม่ได้ตายเปล่า ๆ ก็ไม่ยอมถอยในความอยากได้ ราคะตัณหาก็เหมือนกันได้เท่าไร ๆ ก็ไม่พอ ราคะ แปลว่า ความกำหนัดยินดีในหญิงในชาย ทั้งสัตว์ทั้งบุคคลยินดีด้วยกันทั้งนั้น ธรรมชาตินี้ไม่มีใครศึกษาเล่าเรียนจากที่ไหน โรงร่ำโรงเรียนสอนราคะตัณหานี้ไม่มี มันมีอยู่กับหัวใจของทุกสัตว์ทุกบุคคลโดยหลักธรรมชาติของมัน แล้วเสพสมกันไปโดยไม่ต้องมีครูมีอาจารย์เขาก็เป็นไปอย่างนั้นเรื่อยมา

ตัวนี้เป็นตัวสำคัญมากที่ทำโลกมนุษย์เราเฉพาะอย่างยิ่งชาวพุทธเราให้เลยขอบเขต เป็นน้ำล้นฝั่ง สั่งสมตั้งแต่ราคะตัณหาเต็มบ้านเต็มเมืองเต็มหญิงเต็มชาย มีแต่การตกแต่งส่งเสริมกองมูตรกองคูถนี้ ถือว่าเป็นของดี ๆ โดยไม่รู้เนื้อรู้ตัว ผลที่สุดผู้มีผัวแล้วผู้มีเมียแล้วก็ไม่พอ อยากได้ผัวอยากได้เมียด้วยกันเต็มโลกเต็มสงสาร เอามนุษย์มนาเต็มประเทศไทยของเรานี้ นี่หญิงทั้งประเทศ นี่ชายทั้งประเทศ ให้หญิงทั้งประเทศนี้ให้เป็นภรรยาของชายคนนี้ นั้นชายทั้งประเทศให้มาเป็นผัวของหญิงคนนี้ หญิงคนนี้ยังจะหากวาดหาต้อนเอาอีก ว่าไม่พอกับความต้องการ

ผัวก็กวาดต้อนหาหญิงว่าไม่พอกับความต้องการ เมียก็กวาดต้อนหาผัวใหม่ว่าไม่พอกับความต้องการ คว้าอยู่ตลอดเวลา ถ้าหากว่าเป็นไปได้ก็จะไปแย่งเอาเทวดาบนสวรรค์ชั้นพรหมมาเป็นผัวมาเป็นเมียกันอีก ยังหาไม่ได้จริง ๆ เหรอ ไปคว้าเอาหมาทั้งตัวผู้ตัวเมียมาเป็นผัวเป็นเมียกันก็ยังได้ เพราะกิเลสตัวนี้กล่อมลึกมาก ไม่ให้สัตว์ทั้งหลายรู้เนื้อรู้ตัวเลยว่าเป็นสัตว์ต่ำสัตว์สูง ว่าเป็นความพอเหมาะพอดี สวมได้สวมใส่ไปหมดเพราะความพอใจที่ฝังอยู่ภายในใจ ทำจิตใจให้มืดมิดปิดตาไปหมด ถ้าไม่มีธรรมเป็นเครื่องกำจัด ไม่มีธรรมเป็นเครื่องห้ามล้อ ไม่มีธรรมเป็นเครื่องบังคับบัญชาแล้ว หญิงชายเฉพาะมนุษย์เราทั่วโลกนี้จะกัดกันแหลกเหลวไปหมด ยิ่งกว่าหมาทั้งประเทศไทยเราสู้ไม่ได้ เพราะอำนาจแห่งราคะตัณหาไม่มีเบรกห้ามล้อ

เพราะฉะนั้นท่านจึงสอนให้มีเบรกห้ามล้อด้วย กาเมสุ มิจฉาจาร ให้ยินดีในผัวในเมียนี่เท่านั้น ห้ามเด็ดขาดไปยุ่งกับหญิงอื่นชายใด เอาศีลเข้าครอบเอาศีลเข้าบังคับให้ผัวเมียอยู่ร่วมกันเป็นสุขสบาย ตายใจกันได้ ฝากเป็นฝากตายกันได้ พึ่งเป็นพึ่งตายกันได้ รักสนิทกันตั้งแต่วันแต่งงานกันจนกระทั่งถึงวันตายไม่จืดจางห่างเหินเลย เพราะอำนาจแห่งศีลธรรมนี้ครอบเอาไว้ นี่ละศีลท่านครอบเอาไว้อย่างนี้ให้มนุษย์เรามีขอบเขต

ใครมีผัวแล้วให้ทราบว่าตนมีผัว มีข้อบังคับไว้แล้ว จะไปหาผัวอื่นชายใดมาแทรกไม่ได้ ผู้มีเมียก็ให้ทราบว่ามีเมียแล้วไปหาหญิงอื่นหญิงใดมาแทรกไม่ได้ เป็นภัยต่อครอบครัวของเรา หญิงหาผัวอื่นมาก็มาทำลายผัวตัวเอง ชายไปหาเมียไหนมาก็มาทำลายเมียตัวเอง ท่านจึงเอาศีลกั้นเอาไว้ห้ามไม่ให้เลยขอบเขตของศีลของธรรม ผัวเมียนั้นก็อยู่เย็นเป็นสุขสบาย ลูกเต้าหลานเหลนเกิดขึ้นมาในของผัวของเมียนั้นก็มีแบบพิมพ์อันดีงาม ได้ศึกษามีขอบมีเขตมีฝั่งมีฝาต่อไป ก็กลายเป็นเด็กมีฝั่งมีฝามีขนบประเพณีมีศีลธรรมครอบงำ ก็มีความสงบร่มเย็น นี่เพราะศีลธรรมเป็นเครื่องบังคับไว้

ขอให้พี่น้องทั้งหลายจำไว้ว่าศีลธรรมเป็นของสำคัญมากนะ ขาดศีลธรรมเสียอย่างเดียวผัวกับเมียไว้ใจกันไม่ได้เลย อย่างน้อยทะเลาะกัน ไปที่ไหนลับสายตาไม่ได้ ผัวก็ดีเมียก็ดีลิงร้อยตัวสู้ไม่ได้ มันรวดเร็วที่จะทำความชั่วช้าลามกต่อกามกิเลสอันนี้ จึงต้องได้เอาศีลเข้ากำกับมัดมันไว้ตลอดเวลาให้เข้มแข็ง อย่าอ่อนแอในศีลข้อนี้

ถ้าท่านทั้งหลายอยากมีความสงบร่มเย็นต่อกันระหว่างสามีภรรยา และเป็นคติตัวอย่างอันดีงามแก่กุลบุตรสุดท้ายภายหลัง ขอให้นำศีลนี้มามัดไว้ให้ดีอย่าให้มันกระดิกพลิกแพลงไปไหน ให้อยู่กับกรอบ ผัวให้อยู่กับเมีย เมียให้อยู่กับผัวเท่านั้น อย่าฝากเป็นฝากตายฝากฟืนฝากไฟไว้กับใคร มันจะมาเผาตัวของเราเอง นี่เป็นเรื่องสำคัญที่พี่น้องทั้งหลายซึ่งเป็นชาวพุทธ จะได้นำศีลข้อนี้มากำกับเป็นเข้มแข็งที่สุดภายในตัวของเราแล้ว เราจะมีความสงบร่มเย็นทั่วหน้ากัน

วันนี้การแสดงธรรมก็เห็นสมควรแก่เวลา หากว่าผิดพลาดประการใด หรือว่าสูงไปต่ำไป ก็ขออภัยพี่น้องทั้งหลายด้วย แต่ผู้แสดงนี้แน่ใจว่าไม่ผิดไม่สูงไปไม่ต่ำไป เพราะกิเลสเหยียบย่ำหัวใจมนุษย์ ทำมนุษย์ให้เสียหายนั้นมาก มีระดับสูงยิ่งกว่าธรรมแสดงเวลานี้ด้วยซ้ำ ถ้าหากว่าเราจะนำธรรมมาแสดงให้ถึงเหตุถึงผลถึงพริกถึงขิงถึงตัวกิเลส ให้กิเลสหมอบราบไปแล้ว โลกสกปรกของเรานี้จะฟังไม่ได้ เพราะฉะนั้นจึงเอาพอเบาะ ๆ เพียงขนาดนี้ก็คิดว่าจะพอปฏิบัติกันได้ ถ้าเทศน์ขนาดเพียงเท่านี้ยังปฏิบัติไม่ได้แล้วก็สุดวิสัยแห่งชาวพุทธเราที่จะก้าวเดินไปได้ จะมีแต่ขวากแต่หนามเต็มบ้านเต็มเมือง

การแสดงธรรมวันนี้ก็เห็นว่าสมควรแก่เวลา เทศน์ไปเทศน์มาคนแก่ขึ้นเวทีเหนื่อยลง ๆ ลมปากก็หมด ร่างกายก็อ่อนเพลีย จึงขอความสวัสดีและขอขอบคุณพี่น้องที่รักชาติทั้งหลาย ที่ได้มาร่วมมือร่วมใจกันสละสมบัติเงินทองข้าวของเพื่อหนุนชาติของเราโดยทั่วกันเทอญ


** ท่านผู้เข้าชมทุกท่านโปรดทราบ
    เนื่องจากกัณฑ์เทศน์บางกัณฑ์มีความยาวค่อนข้างมาก ซึ่งจะส่งผลต่อความเร็วในการเปิดเว็บไซต์ ขอแนะนำให้ทุกท่านได้อ่านเนื้อหากัณฑ์เทศน์บางส่วนจากเว็บไซต์ และให้ทำการดาวน์โหลดไฟล์กัณฑ์เทศน์ที่มีนามสกุล .pdf ไปเก็บไว้ในเครื่องของท่านแทนการอ่านเนื้อหาทั้งหมดจากเว็บไซต์

<< BACK

หน้าแรก