ความดีทำเสียแต่บัดนี้
วันที่ 11 เมษายน 2542
สถานที่ : รายการ Twilight Show ทาง ทีวี สีช่อง ๓
| |
ดาวน์โหลดเพื่อเก็บไว้ในเครื่อง
ให้คลิกขวาแล้วเลือก Save target as .. จาก link ต่อไปนี้ :

ค้นหา :

ตอบปัญหาธรรมรายการ Twilight Show ทาง ทีวี สีช่อง ๓

เมื่อวันที่ ๑๑ เมษายน พุทธศักราช ๒๕๔๒

ความดีทำเสียแต่บัดนี้

ผู้ถาม นี่ก็คือช่วง Talk Show ของ Twilight Show ซึ่งช่วง Talk Show ของเราในวันนี้เป็นเรื่องราวพิเศษเป็นมหามงคลอีกครั้งหนึ่ง ซึ่งปวงชนชาวไทยจะได้รับทราบเรื่องราวของข้อวัตรปฏิบัติอันงดงามของพระรูปหนึ่ง ซึ่งท่านได้กรุณากับปวงชนชาวไทยกับประเทศชาติเป็นอย่างยิ่ง อย่างที่เราได้ทราบกันมาแล้วว่า ภาวะเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นในบ้านเมืองเรา เมื่อสองปีที่ผ่านมานี้ตั้งแต่ปีที่แล้วจนมาถึงปีนี้ย่ำแย่มาก ๆ หรือที่เราเรียกกันว่าภาวะ IMF นั่นเอง แต่มีพระป่ารูปหนึ่งได้ลุกขึ้นมาเรียกร้องให้ปวงชนชาวไทยทั้งมวลร่วมกันสามัคคีช่วยชาติ ร่วมกันทำงานเพื่อชาติ ซึ่งถือเป็นงานอันยิ่งใหญ่และเป็นหน้าที่ของปวงชนชาวไทย

แต่ดั้งแต่เดิมนั้นเรารู้จักกันในเรื่องของการทำบุญทำกุศลกันในแบบหนึ่ง แต่ในอีกแบบหนึ่งซึ่งแบบนี้ ในครั้งนี้ในชีวิตของเราได้รู้จักว่า นี้เป็นบุญเป็นกุศลอันยิ่งใหญ่ เป็นมหากุศล ซึ่งหลวงตาท่านได้กรุณากับเรา งานที่หลวงตาได้ทำขึ้นมานี้เราเรียกงานนี้ว่า โครงการช่วยชาติ โดยพระราชญาณวิสุทธิโสภณ หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน ท่านได้เริ่มงานนี้ตั้งแต่วันที่ ๑๒ เมษายน ปี ๒๕๔๑ จนมาถึงวันนี้ ในวันพรุ่งนี้ก็จะครบรอบหนึ่งปีเต็มทีเดียว งานที่ท่านได้ทำในโครงการนี้ขึ้นมาก็คือ โครงการที่จะให้ทุก ๆ คนได้ร่วมกันช่วยชาติ ได้เงินมาทั้งสิ้นเป็นเงินไทยจำนวนทั้งสิ้นถึง ๘๔๘ ล้านบาท เงินสกุลต่างประเทศซึ่งเป็นเงินสหรัฐอเมริกาถึง ๔,๑๗๘,๐๐๐ ดอลลาร์สหรัฐ และทองคำนับรวมจนถึงตอนนี้ ๙๐๐ ก.ก.มูลค่ารวมทั้งสิ้นของทองคำตอนนี้ คือ ๓๐๗ ล้านบาท รวมเงินและทองคำที่ได้รับการบริจาคจากประชาชนทั้งสิ้นคือ ๑,๓๒๘ ล้านบาทโดยประมาณ ซึ่งในวันพรุ่งนี้จะเป็นวันครบรอบ

แต่น่าเสียใจอยู่นิดหนึ่งที่หลวงตาได้เคยพูดกับพวกเราว่า จริง ๆ ทองคำอยากให้ได้สักหนึ่งตัน แต่มาถึงวันนี้แล้วยังไม่ถึง แค่ ๙๐๐ ก.ก. และเรื่องราวต่าง ๆ ที่หลวงตาได้กรุณาทำนั้นมากมายหลายอย่าง เหน็ดเหนื่อยเหลือประมาณ เดินทางในประเทศนี้แทบจะทั่วไปหมดแล้วก็ยังทำ และไม่ได้ทำเพื่อตนเอง แต่ทำเพื่อประเทศชาติ วันนี้หลวงตาได้กรุณากับรายการของเราอีกครั้ง ได้กรุณากับประชาชนเพื่อที่จะมาเทศน์สั่งสอนและให้ข้ออบรม นอกจากนั้นจะได้มาพูดคุยถึงเรื่องโครงการนี้ให้เราได้ฟังกัน

นมัสการขอรับหลวงตา กระผมเองรู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่หลวงตาได้กรุณามาที่รายการนี้อีกครั้งหนึ่ง และให้ประชาชนพี่น้องของเราได้รับทราบข้อวัตรปฏิบัติ เรื่องราวต่าง ๆ ที่ทำเกี่ยวกับเรื่องโครงการช่วยชาติ แต่วันนี้ทองคำได้มา ๙๐๐ ก.ก. เท่านั้นเอง ยังขาดอีก ๑๐๐ ก.ก. จะทำยังไงดีขอรับ

หลวงตา อันนี้ก็ต้องเป็นหน้าที่ของพี่น้องชาวไทยเราทุก ๆ ท่านจะร่วมมือร่วมใจกันเต็มความสามารถ ที่จะให้ได้มาตามกำหนดทองคำที่ว่าหนึ่งพันกิโลหรือว่าหนึ่งตัน ถ้าได้มาครบคราวนี้จะเป็นสง่าราศีแก่ชาติไทยของเราเป็นอย่างมาก จึงขอเชิญชวนพี่น้องทั้งหลายร่วมมือร่วมใจกันให้ได้เต็มเม็ดเต็มหน่วย ตามที่กำหนดไว้ในคราวนี้ด้วย หลวงตาก็จะเป็นที่ยินดีและยิ้มแย้มแจ่มใส อาจจะหัวเราะไปเรื่อย ๆ จนกระทั่งถึงวัดป่าบ้านตาดไม่หุบปากก็อาจเป็นได้ วันนี้พูดเพียงแค่นี้แล้วมีอะไรอีกล่ะ

ผู้ถาม อย่างนี้เรียกว่าสามัคคีคือพลังสร้างชาติใช่ไหมขอรับ

หลวงตา ใช่ ความสามัคคีเป็นของสำคัญมาก ถ้าขาดความสามัคคีเสียอย่างเดียวเท่านั้นอะไรเป็นไปไม่ได้ ล้มเหลวไปหมด เช่น หญ้าเส้นหนึ่งเราเด็ดขาดได้ง่ายดาย พอเพิ่มกันเข้าไปรวมพลังเป็นมัดหญ้าแล้ว ไม่มีใครสามารถจะเด็ดได้ อันนี้ความสามัคคีของเราเพียงคนเดียวไม่เรียกว่าสามัคคี สองคนสามคนรวมกันเข้ามา จนกระทั่งคนทั้งชาติรวมกันเป็นความสามัคคี เป็นพลังอันหนึ่งอันเดียวกันแล้ว เรียกว่ามีความแน่นหนามั่นคง สามารถที่จะยกชาติไทยของเราทั้งประเทศให้ขึ้นได้อย่างสมมักสมหมาย นี่เพราะอำนาจแห่งความสามัคคี ทำประโยชน์ให้แก่โลก หรือทำความยิ้มแย้มแจ่มใสภูมิใจแก่คนไทยทั้งชาติได้ ด้วยอำนาจแห่งความสามัคคี จึงขอให้พี่น้องทั้งหลายซึ่งมีความรักชาติด้วยกันแล้วมีความสามัคคี ต่างคนต่างเสียสละเพื่อชาติของเรา ชาติของเราก็จะมีความแน่นหนามั่นคงยิ่งขึ้น อย่างน้อยทรงตัวได้ มากกว่านั้นก็มีความแน่นหนามั่นคงยิ่งขึ้นโดยลำดับ และความทุกข์ทั้งหลายที่เคยเป็นมากับความจนนี้ก็จะค่อยจางหายไป ๆ เราทั้งหลายก็จะมีความสงบสุข แล้วบำเพ็ญศีลธรรมเข้าสู่ใจ

ผู้ถาม ทำตัวเองให้ดีเสียก่อนแล้วเดี๋ยวชาติดีเอง ทีนี้พอทำตรงนี้เสร็จเรียบร้อย ขอพูดถึงเรื่องบุญกุศลนิดหนึ่งขอรับ คนที่เชื่อบุญกุศลก็เชื่อไป จะได้ดีได้อะไรว่ากันไป แต่บางคนไม่เชื่อ บอกว่าบุญกุศลมีจริงเหรอ บุญบาปตัวนี้มีจริงหรือขอรับ มีคนไม่เชื่อเหมือนกัน

หลวงตา ถ้าบุญบาปไม่มีจริง โลกก็ไม่ควรจะมีความสุขความทุกข์ติดเนื้อติดตัว เพราะความสุขนี้ก็มาจากการทำดี ความทุกข์มาจากการทำชั่ว การทำดีทำชั่วเป็นต้นเหตุแห่งสุขและทุกข์ มีอยู่กับทุกคน ถ้าเราปฏิเสธว่าบาปไม่มีเราก็ไม่ควรมีทุกข์ติดตัวติดใจของเรา ถ้าเรายังยอมรับว่าเรามีความทุกข์ความสุขเหมือนโลกเขาแล้ว ธรรมนี้มีมาดั้งเดิมก่อนที่เราเกิดนี้เป็นไหน ๆ เราก็ควรจะพิจารณาบ้างในตัวของเรา เราจะรู้ว่าตัวของเราคือตัวบาปตัวบุญ ตัวสร้างบาปก็คือตัวเราเอง สร้างบุญก็คือตัวเราเอง

ผู้ถาม อย่างนี้ก็แสดงว่าจะเชื่อหรือไม่เชื่อ มันมีจริงอยู่แล้วตามธรรมชาติ

หลวงตา ใช่ หลักธรรมชาติมีจริงมาดั้งเดิม

ผู้ถาม เป็นกฎแห่งกรรมใช่ไหมขอรับพระคุณเจ้า

หลวงตา เป็นกฎแห่งกรรม ศาสนาพระพุทธเจ้าของเราทุก ๆ พระองค์สอนลงที่กรรมทั้งนั้น เพราะสัตว์ทั้งหลายนี้ทำกรรมด้วยกัน ไม่ว่าสัตว์เดรัจฉาน ไม่ว่าบุคคล ไม่ว่าสัตว์ประเภทใด ทำกรรม ๆ ด้วยกัน การกระทำนั้นแลท่านเรียกว่ากรรม ทำดีทำชั่วก็เป็นผลขึ้นมา เป็นวิบากกรรม สุขทุกข์ให้เกิดขึ้นกับสัตว์ตัวนั้น

ผู้ถาม พูดถึงเรื่องกรรม เราเอาศพของคนคนหนึ่งสมมุติชื่อนายไตรภพ เอาศพของนายไตรภพสิ้นไปแล้วกี่ชาติ ๆ กว่าจะมาเป็นนายไตรภพในชาตินี้อีกครั้ง เอามากองรวมกันแล้ว ประเทศไทยก็ยังไม่พอจะกองรวมคนคนเดียวนี้ มันเป็นยังไงขอรับ

หลวงตา นี่เราหมายถึงว่า ภพของคนคนหนึ่งตายแล้วเก็บศพนี้ไว้ คือวางศพนี้ไว้ในพื้นแผ่นดินเมืองไทยของเรานี้ แล้วไปเกิดอีกภพใหม่ ไม่ทราบว่ากี่กัปกี่กัลป์ ศพของเราไม่ให้เปื่อยให้พังไปที่ไหน ศพไหนก็ตามตายแล้วให้กองไว้ ๆ รวมแล้วเมืองไทยเรานี้ไม่พอ เพียงศพคนคนเดียวเท่านั้นก็ไม่มีที่เก็บแล้ว เพราะตายเกิด ๆ อย่างนี้ตลอดมา กี่กัปกี่กัลป์นับไม่ถ้วน แล้วยังจะตายเกิด ๆ ต่อไปอีกถ้าไม่มีสิ่งที่มาตัดทอนความเกิดนี้ให้น้อยลงและสิ้นสุดไปด้วยศีลด้วยธรรม มีศีลมีธรรมเท่านั้นเป็นเครื่องสกัดลัดกั้นความเกิดความตายของสัตว์ให้ย่นเข้ามา ๆ และขาดสะบั้นออกไปได้พ้นจากทุกข์ ไม่ต้องมาเกิดมาตายกองกันอยู่อีกดังที่เคยเป็นมากี่กัปกี่กัลป์นี้แล้ว

ผู้ถาม จะตัดการเกิดการตายต้องใช้วิธีนี้อย่างเดียวหรือขอรับ

หลวงตา ใช่ ต้องใช้วิธีนี้อย่างเดียว

ผู้ถาม ไม่มีวิธีอื่น และธรรมเท่านั้นที่เป็นอมตะ อย่างอื่นไม่มีอมตะเลย

หลวงตา ไม่มี มีแต่มตะ ตายเกลื่อนเต็มโลกเต็มสงสาร โลกนี้โลกตายเกลื่อนเกิดเกลื่อนทุกข์เกลื่อนเต็มโลกเต็มสงสาร สุขเกลื่อนไม่มี

ผู้ถาม ตรงนี้ท่านผู้ชมอาจจะสงสัยว่า ถ้าเกิดเป็นอย่างนั้นจริง ๆ แล้ว วิญญาณมีไหม วิญญาณไปไหน บางคนบอกตายแล้วสูญ ตายแล้วจบ ตายแล้วไม่จบครับ ในศาสนาพุทธเราตายแล้วไปไหน จะไปลงนรกไหม จะไปขึ้นสวรรค์ไหม หรือไปแดนพระนิพพาน อีกสักครู่หนึ่งพระคุณเจ้าจะเล่าให้พวกเราฟัง

เปิดต่อรายการ Twilight Show ครับ และนี่คือช่วง Talk Show ของเรา ซึ่งในวันนี้เราได้รับเกียรติเป็นอย่างยิ่งจากท่านหลวงตามหาบัว ท่านกรุณามาเทศน์สั่งสอนให้พวกเราได้ทราบความเป็นจริงของชีวิต ที่เราเข้าใจกันว่าชีวิตของเราจริง ๆ นั้นแค่เกิดตายสัก ๘๐ ปี ๙๐ ปี ๑๐๐ ปี แล้วจบจริง ๆ ไม่ใช่ อย่างยกตัวอย่างเมื่อสักครู่นี้ว่า นายไตรภพคนนี้ที่เกิดมานี้ไม่รู้เกิดมาแล้วกี่ชาติ ชาติก่อนเป็นหมา เป็นปลาโลมา เป็นแมว เป็นพ่อค้าวาณิช เป็นโจร เป็นผู้ดีอะไรก็เป็นมาแล้ว และต่อไปจะเป็นหมาเป็นลิงเป็นอะไรอีกก็ไม่รู้ แต่ถ้าเกิดยังอยากจะเป็นอย่างนั้นอยู่ก็ทำกรรมชั่วเข้าไปเดี๋ยวมันเป็นเอง ไปตกนรกหมกไหม้ ไปขึ้นสวรรค์ มันก็เป็นของมันไปเอง แต่ถ้าไม่อยากอย่างนั้น อยากจะตัดรอนตัวนี้ ต้องตัดรอนที่กรรม ต้องทำกรรมดี ต้องมีสติอยู่ตลอดเวลา ทุกเรื่องต้องมีศีลมีสัตย์ ต้องรู้จักในการที่จะหลุดพ้นให้ถึงวิมุตติให้ได้ ต้องเข้าถึงสัจธรรมของพระศาสนาให้ได้ ทีนี้บางคนไม่เชื่อ บอกว่าตายไปแล้วก็จบ วิญญาณจะมีจริงเหรอ วิญญาณนี้ตายไหมพระคุณเจ้า จิตวิญญาณเรานี้ตายไหมขอรับ

หลวงตา ต้องตอบคนที่เขาไม่เชื่อว่าเขาจบเหรอ นั่นละเรียกว่าเขาจบเรื่องจะพ้นจากทุกข์ เขาจะเหมาตั้งแต่กองทุกข์อย่างเดียวเต็มหัวอกของเขาตลอดไป อันนี้เขาไม่มีจบ ความทุกข์นี้เขาจะไม่มีจบ ถ้าเขาไม่ถอนความเชื่ออันนี้ คือเขาไม่เชื่อธรรม ธรรมเป็นเครื่องฉุดลากออกจากภพจากชาติจากกองทุกข์ทั้งหลาย ธรรมมีแต่ขนออกรื้อออกเท่านั้น ความไม่เชื่อธรรมเหล่านี้เป็นการสมัครตัวเกิดตาย ๆ อยู่นี้ตลอดกัปตลอดกัลป์ เรียกว่า อนมตคฺโค ตามภาษาบาลี ไม่มีเงื่อนต้นเงื่อนปลายแห่งการเกิดการตายของสัตว์ สูงต่ำไม่มีเงื่อนต้นเงื่อนปลาย เป็นอยู่อย่างนี้ตลอดกัปตลอดกัลป์ ถ้าเชื่อกิเลสตัวหลอกลวงสัตวโลกซึ่งเคยหลอกลวงมานานนี้ ไม่ยอมเห็นโทษของมันเมื่อไรแล้ว ก็เรียกว่าสมัครเกิดตาย สมัครรับเหมากองทุกข์ตลอดไป

ผู้ถาม รับเหมาไปเรื่อย ๆ

หลวงตา รับเหมาไปเรื่อย ๆ ทุกข์ไปเรื่อย ๆ เกิดที่ไหน ๆ มีแต่เกิดเพื่อกองทุกข์ตามความเห็นประเภทนี้ ถ้าเชื่อตามธรรมพระพุทธเจ้าแล้วก็เท่ากับว่าหาทางออก มีธรรมเท่านั้นที่จะฉุดลากสัตวโลกนี้ออกได้ อย่างอื่นไม่มี

ผู้ถาม ทีนี้บางคนเขาบอกว่าเขานี่ทำดีมาตลอด ตลอดชีวิตก็ทำแต่กรรมดีไม่เห็นได้ดีเลย ไอ้คนทำชั่วทำแล้วทำอีกเห็นมันได้มันดีมันร่ำมันรวย มันดีเอา ๆ อย่างนี้จะตอบเขายังไงดีขอรับ

หลวงตา อ๋อ นั่นความเห็นเขาเป็นแบบกิเลสซึ่งสั่งสมให้คนทำชั่วขึ้นมาก ๆ แล้วก็เอาความดีเงินทองข้าวของที่ได้มาจากความทุจริตนั้นมาเป็นเครื่องประดับร้าน ว่าเขาเป็นคนมั่งคนมี เขามียศถาบรรดาศักดิ์ ด้วยความสกปรกของเขา ตามหลักธรรมชาติของธรรมเป็นความสกปรกทั้งนั้น ขึ้นชื่อว่าความชั่วถึงจะเสกสรรว่าดีเท่าไรก็ไม่มีทางดี เพราะเป็นหลักธรรมชาติอย่างนั้น เช่น ขี้หมาเราจะเสกสรรปั้นยอให้เป็นทองคำก็เป็นไปไม่ได้ ต้องเป็นอย่างนั้น คนประเภทนั้นแลคือคนจะสั่งสมความชั่ว ความสกปรกให้หนาแน่น และความทุกข์ให้หนาแน่นมากขึ้นไม่มีวันอิ่มพอ เกิดตายเท่าไรก็เกิดตายอยู่อย่างนั้น ทุกข์อยู่อย่างนั้นไม่มีเข็ดหลาบ

ผู้ถาม ฉะนั้นหมายถึงว่าถ้าเกิดเราทำดีอยู่แล้ว เราเป็นคนดี เราเร่งทำความดีไป ไม่ต้องไปสนใจว่าใครจะทำชั่ว ใครจะทำอะไรเขาจะได้อะไรยังไง ไม่ต้องไปสนใจ สนใจแต่ตัวเรา

หลวงตา นี้ละถูกต้อง สนใจตัวเรา เพราะเราเป็นผู้จะรับเคราะห์รับกรรมทั้งดีทั้งชั่วอยู่กับเรา คนอื่นเขาไม่มารับให้เรา เราต้องปรับปรุงตัวของเราให้ไปตามแนวทางคือธรรมที่ถูกต้องนี่เท่านั้น อันนี้เป็นความถูกต้อง

ผู้ถาม สมมุติว่าทำดีในชาตินี้แล้วยังไม่ได้ดีไม่ร่ำไม่รวย ชาติหน้าจะได้ดีไหมพระคุณเจ้า

หลวงตา ถ้าชาติหน้าทำชั่วอีกก็ได้ชั่วอีก อย่าว่าแต่ทำดีเลย ถ้าทำดีชาตินี้เดี๋ยวนี้ก็ได้ดี

ผู้ถาม ชาตินี้เดี๋ยวนี้ทำดีปุ๊บไม่เห็นรวยเลยพระคุณเจ้า

หลวงตา ก็เราไม่ได้ทำเพื่อรวยอย่างโลก ๆ แบบกิเลสหลอกนี่นะ เราทำเพื่อรวยภายในจิตใจของเรา คือธรรมความสงบเย็นใจนี้ต่างหากเป็นสมบัติอันล้นค่าของเรา สิ่งของเงินทองยศถาบรรดาศักดิ์นั้นเป็นเครื่องประดับร้านของกิเลสหลอกคนโง่ต่างหาก ธรรมแท้ท่านไม่หลอก ท่านสง่างามอยู่ภายในจิตใจนี้

ผู้ถาม รวยจริงต้องรวยในใจ

หลวงตา รวยในใจ ภายนอกจะเกิดจะมีมากน้อยเป็นเรื่องสิ่งอาศัยทั้งนั้น หลักที่ประกันตัวเองจริง ๆ คือคุณธรรม นี้ประกันได้ ไปที่ไหนไป คนทุกข์คนจนก็ตามหัวใจไม่จนธรรมเสียอย่างเดียวอยู่ได้หมด สบายหมด

ผู้ถาม ไม่ใช่ทำดีแล้วอยากจะได้ไอ้โน่น อยากจะได้ไอ้นี่ มันไม่ถูก มันต้องให้ได้ที่ใจ

หลวงตา อันนั้นดีของกิเลสหลอกคน เพราะฉะนั้นเวลานี้คนจึงชอบเอาความดีไปทิ้งไว้ตามเงินตามทองตามข้าวตามของตามยศถาบรรดาศักดิ์ แม้ที่สุดพระเณรเราก็ตาม หลวงตาบัวนี้ก็เหมือนกัน ได้รับการแต่งตั้งว่าเป็นพระครูอย่างนั้น เป็นเจ้าคุณอย่างนี้ หลวงตาบัวเลยดีไปกับเจ้าคุณเจ้าฟ้าพระราชญาณวิสุทธิโสภณ แต่หลวงตาบัวไม่สนใจสร้างความดีแก่ตัวเอง ไม่ชำระสะสางสิ่งสกปรกของตัวเอง หลวงตาบัวนี้ก็จมอยู่ในนรกภายในใจนี้แล ชื่อเสียงไม่เห็นมีความหมายอะไร เวลานี้กิเลสมันกำลังหลอกสัตวโลก ให้ไปดีอยู่ข้างนอกหมด ไปดีอยู่กับเงินกับทองกับข้าวกับของกับชื่อกับเสียง แม้ที่สุดเด็กเกิดมานี้ตั้งชื่อฟาดขึ้นจรวดดาวเทียม ตัวมันจมอยู่ในนรก ได้แต่ชื่อก็เอา ความดีจะเป็นยังไงก็ตามตกนรกยอมมัน ขอให้ชื่อดี ๆ ก็พอ เห็นไหมกิเลสหลอกคนมันหลอกอย่างนี้ แต่ธรรมท่านไม่หลอกนะ ท่านจะสนใจพิจารณาแก้ไขแต่สิ่งที่ไม่ดี เพราะความไม่ดีจะเป็นภัยต่อท่านเอง ความดีจะเป็นน้ำเป็นท่าเป็นน้ำดับไฟต่อท่านเอง ท่านจึงขวนขวายแก้ไขในจุดนี้ พระพุทธเจ้าสอนให้ดูจุดนี้ ใครจะว่าบาปไม่มีบุญไม่มีก็ตาม ความคิดมันคิดอยู่นี่ คิดเรื่องบาปต้องเป็นบาป คิดเรื่องบุญต้องเป็นบุญอยู่ตลอดเวลา

ผู้ถาม เพราะฉะนั้นให้บุญไปแทรกในใจ ให้ความดีไปแทรกในใจ ไม่ใช่ให้ออกมาเป็นวัตถุเป็นรูปร่าง อย่าไปคิดแบบนั้น ถ้าคิดแบบนั้นมันผิด เผาตัวเอง เพราะฉะนั้นเท่าที่ตายอยู่ทุกวันนี้ อย่างที่ตะกี้นี้พระคุณเจ้าได้กรุณาเทศน์สั่งสอน ที่ตายอยู่ทุกวันนี้มันตายแต่ร่างตายแต่ตัว เดี๋ยวจิตมันก็ไปอีก หาที่ไป ไปชาติโน้นภพนี้ ไปอยู่เรื่อย ๆ

หลวงตา ไปอยู่อย่างนั้นแหละ

ผู้ถาม เพราะฉะนั้นจริง ๆ แล้วจิตไม่มีตายซิขอรับ

หลวงตา ไม่ตาย จิตไม่มีตาย เรียนให้ถึงหลักธรรมชาติตามพระพุทธเจ้าสอนซิ พระพุทธเจ้าทรงเป็นศาสดานี้ ท่านเรียนจบเรื่องภพชาตินี้ คือร่องรอยของความเกิดตาย ๆ มาตลอดเวลา นี้คือเชื้อของภพของชาติได้แก่อวิชชา นั้นละรากฐานสำคัญพาให้เกิดให้ตายอยู่ตลอดเวลา

ผู้ถาม ที่สำคัญที่จะต้องเร่งให้มันตายเร็วที่สุดก็อวิชชานี่ใช่ไหมขอรับ

หลวงตา ใช่ ตายแล้วจิตไม่ได้ตาย ถึงจะไปตกนรกหมกไหม้จิตก็ไม่เคยตาย ทุกข์ยอมรับว่าทุกข์ ทุกข์แสนสาหัสกี่กัปกี่กัลป์ในนรกหลุมนั้น ๆ จิตก็ไม่เคยฉิบหาย เสวยทุกข์อยู่ตลอดจนกระทั่งสิ้นกรรมนั้นแล้วถึงจะพ้นขึ้นมา ก็เป็นจิตดวงนั้น ไปสวรรค์ พรหมโลก ก็จิตดวงนั้น ทีนี้ผลสุดท้ายพ้นจากทุกข์นี้แล้วไปนิพพานก็คือจิตดวงนี้ แต่จิตดวงนี้เป็นจิตที่บริสุทธิ์แล้วไม่ตายอีกเหมือนกัน จึงขอเทียบข้อนี้ให้พี่น้องทั้งหลายทราบว่า จิตที่บริสุทธิ์แล้วสูญไหม จุดแห่งความสูญสิ้นของจิตนี้อยู่ที่ตรงไหน เราจะแยกให้ฟังตั้งแต่ภพชาติของสัตว์ที่เกิดตาย ๆ นี้ไม่มีสูญ เกิดตายเรื่อยมาอย่างนี้ นี้เป็นวัฏวนเป็นเครื่องดำเนินของกิเลสพาสัตวโลกให้เกิดตาย ๆ ไม่ได้เคยพาสัตวโลกให้ไปสูญ ทีนี้พอพ้นจากนี้แล้วถึงวิมุตติพระนิพพาน ด้วยการชำระสะสางเชื้อที่พาให้เกิดให้ตายนี้ ออกจากจิตใจไม่มีอะไรเหลือแล้ว จิตนี้หลุดพ้นออกไปก็ถึงพระนิพพาน ท่านเรียกว่าแดนพระนิพพาน แดนพระนิพพานนั้นเทียบกับว่า แดนสมมุตินี้คือน้ำมหาสมุทรทะเลหลวง

ผู้ถาม พระคุณเจ้าว่าเป็นแดนสมมุติ แดนสมมุติเป็นแบบวัง เป็นปราสาทอะไรอย่างนั้นหรือเปล่าพระคุณเจ้า

หลวงตา เรายังไม่พูดโน้น เราจะเทียบถึงจิตดวงนี้มันไม่ตาย เช่นเดียวกับแม่น้ำสายต่าง ๆ ไหลลงไปสู่มหาสมุทร แม่น้ำสายต่าง ๆ นั้นก็หมดความหมายไปทันทีเมื่อน้ำได้ถึงมหาสมุทรแล้ว เรียกคำเดียวว่ามหาสมุทรคำเดียวเท่านั้น แล้วมหาสมุทรสูญไหม นี่ละเรื่องสัตว์ทั้งหลายเกิดตาย ๆ จมอยู่กี่กัปกี่กัลป์ก็เป็นอย่างนี้ ไม่มีคำว่าสูญ ทีนี้เวลาจิตหลุดพ้นถึงพระนิพพานแล้ว พระนิพพานนั้นก็เหมือนกันกับแม่น้ำมหาสมุทรนี้แล แต่เรียกว่ามหาวิมุตติมหานิพพาน พอจิตพ้นจากนี้แล้วก็เข้าสู่มหาวิมุตติมหานิพพาน นั่นก็ไม่สูญเช่นเดียวกันกับแม่น้ำมหาสมุทรทะเลหลวง

ผู้ถาม หมายถึงว่าจริง ๆ พอวิมุตติหลุดพ้นจากกิเลสตัวนี้แล้ว จะไม่มีกลับมาเกิดมาตายอีก จะบริสุทธิ์สดใสอยู่เช่นนั้นตลอด

หลวงตา คำว่าสดใสนี้ก็เป็นแดนสมมุติอันหนึ่ง เรียกว่าธรรมธาตุหรือมหาวิมุตติมหานิพพานนั้นเหมาะแล้ว นี่ละที่ว่าครอบโลกธาตุอยู่เวลานี้คือธรรมธาตุนี้เอง ที่ว่าธรรมมีอยู่ ๆ คือธรรมธาตุนี้เอง

ผู้ถาม แล้วก็เป็นที่จิตไม่ได้เป็นที่อื่น ที่จะต้องมีสวรรค์วิมานมีอะไรพิเศษ เป็นที่จิตใช่ไหมขอรับ

หลวงตา เป็นที่จิต ขั้นสมมุติของจิตที่มีความดีตามขั้นต่าง ๆ แล้วไปเกิดในชั้นนั้น ๆ เช่นเดียวกับทางลงนรก นรกนี้ก็มีหลายหลุม ท่านแสดงไว้มีถึง ๒๕ หลุมในมหาวิบาก อ้างคัมภีร์มาเลย แล้วแต่ละหลุม ๆ มีความทุกข์หนักเบามากน้อยต่างกันเป็นลำดับจนกระทั่งถึงนรกหลุมสุดท้าย

ผู้ถาม เช่น อย่างฆ่าพ่อฆ่าแม่ ครูบาอาจารย์

หลวงตา เออ นั่นละ แล้วตกนรกหลุมนั้น ๆ เป็นลำดับลำดา นี้เป็นส่วนชั่ว ทีนี้ส่วนดีผู้ทำความดีทั้งหลายอย่างน้อยก็มาเกิดเป็นมนุษย์ ผู้มีอำนาจวาสนาบุญญาภิสมภาร จากนั้นก็ไปสวรรค์ สวรรค์ก็มี ๖ ชั้น แน่ะท่านบอกไว้แล้วสำหรับคนดี สวรรค์ ๖ ชั้น พรหมโลก ๑๖ ชั้น นี้เป็นแดนสมมุติ แต่เป็นแดนสมมุติในทางฝ่ายดี ทีนี้พอพ้นจากนี้แล้วเรียกว่าไปแดนนิพพาน แดนนิพพานนั้นเรียกว่าเป็นธรรมทั้งแท่งแล้ว หรือเป็นธรรมธาตุ เป็นมหาวิมุตติมหานิพพาน ไม่สูญ เช่นเดียวกับแม่น้ำมหาสมุทรเป็นที่รวมแห่งแม่น้ำทั้งหลาย ไม่สูญเช่นเดียวกัน

ผู้ถาม ทีนี้อยากจะไปอย่างนั้นบ้าง อยากจะทำจิตให้สงบ ยึดเหนี่ยวอะไรดี พระคุณเจ้า ยึดเหนี่ยวอะไร ทำตัวอย่างไรให้ไปสู่ทางนั้นได้

หลวงตา เราก็ไม่อยากฟังนะไอ้ที่ว่าอยากไปอย่างนั้น อยากเป็นอย่างนั้นบ้าง ไอ้บ้างนี่มันเข้าไปแทรกทันทีนะ ถ้าว่าจะทำความชั่วช้าลามก ความเพลิดความเพลิน บ้างไม่มีเหลือ ถ้าจะทำความดีแล้ว อยากทำความดีบ้าง โลกอันนี้มีแต่โลกความดีบ้าง มันไม่เป็นท่านะ สู้กิเลสไม่ได้ ไปที่ไหนให้กิเลสฉุดลากไป ถ้าจะทำความดีให้กิเลสฉุดลากไปว่า บ้าง ๆ

ผู้ถาม มัวแต่บ้าง ๆ เดี๋ยวชาติหน้าก็เกิดเป็นหมาอีกใช่ไหมขอรับ

หลวงตา มันก็ไปไม่ได้ละ มีแต่กิเลสลากไปเลย พอกิเลสลากไปแล้วไม่มีบ้างนะ เพราะฉะนั้นจึงให้ระวัง

ผู้ถาม ต้องกำหนดรู้ทุกเวลา ทำดีตลอด

หลวงตา ใช่ ตามขั้นภูมิของเรา ฆราวาสก็ให้มีสติสตังคิดอ่านไตร่ตรองความดีความชั่วของตัวเสมอ ถ้ามันจะทำความชั่วให้หักห้ามเอาไว้ ถ้าไม่ห้ามไปจริง ๆ เป็นจริง ๆ นี่หลักธรรมชาตินะ ต้องห้ามเอาไว้คือธรรม

ผู้ถาม หมายถึงว่าในความดี อย่าขี้สงสัยนัก เวลาจะทำดีให้ทำไปเลยไม่ต้องสงสัย

หลวงตา ไม่สงสัย ทำบาปเราไม่เห็นสงสัยมันยังเป็นบาปได้

ผู้ถาม พวกขี้สงสัยควรสงสัยในบาปไม่ใช่สงสัยในความดี ดีนี้ทำไปเลย

หลวงตา คือกิเลสมันหลอกคนให้สงสัย ถ้าทำดีแล้วมันให้สงสัย แต่ถ้าทำชั่ว สมมุติว่าเรามีเมียห้าคน อย่างนี้ไม่สงสัยนะ อยากได้สิบคน ยี่สิบคนก็ไม่สงสัย ยังอยากได้มากกว่านี้อีก อย่างนี้มันไม่สงสัยนะ ถ้าเรื่องของกิเลสแล้วไม่สงสัย แต่ถ้าเรื่องธรรมละสงสัย

ผู้ถาม ถ้ามีคนเดียวสงสัยจัง พวกนี้มันใช้ไม่ได้

หลวงตา ใช้ไม่ได้แต่เขาชอบใช้นะ ชอบใช้กันทั้งนั้นแหละ

ผู้ถาม จริง ๆ แล้วเรื่องความดีต้องเร่งทำอย่าสงสัยนัก เห็นคนดี เห็นสิ่งดี เขาพูดดี เขาทำดี อย่าสงสัยเขา ให้ทำให้ประพฤติ ให้จิตรู้ว่าเราทำดีหรือเปล่า

หลวงตา นี่ละคือศาสดาองค์เอกทุก ๆ พระองค์มาสอนนี้ เรียกว่าสวากขาตธรรม ตรัสไว้ชอบทุกอย่างแล้วไม่มีเคลื่อนคลาด ให้ปฏิบัติตามนั้น เราอย่าปฏิบัติตามกิเลสความสกปรกโสมม จะทำให้เราสกปรกโสมมพร้อมกับกองทุกข์ไปด้วยกัน ให้เราทำความดีงาม

ผู้ถาม แล้วความดีงามจะไปแทรกในจิตของเราเอง

หลวงตา อย่างนั้นละ เราทำไป ๆ ทีแรกก็หนาแน่น เพราะกิเลสมันหนาแน่นมันต้องต่อสู้กับเรา เราจะทำความดีนี้กิเลสยกทัพมาเลย ห้ามไม่ให้ทำ ถ้ามันห้ามไม่ได้จริง ๆ มันก็บอกว่าให้ทำเสียบ้าง ถ้าทำความดีให้ทำบ้าง มันมาแบ่งกินจนได้ละกิเลส ถ้าไปทางมันแล้วบ้างไม่มีเลย ถึงไหนถึงกัน นี่ละกิเลสมันเอาเปรียบมนุษย์เรามันเอาอย่างนี้ละ ถ้าเชื่อพระพุทธเจ้าแล้วไม่เป็นอื่น ไม่มีแง่งอนสำหรับธรรมพระพุทธเจ้า แต่กิเลสนี้ร้อยสันพันคม

ผู้ถาม แต่มันชอบมายั่วยุ ชอบมาลากไปดึงไป สักเดี๋ยวมันก็มาลากไปดึงไป จะทำยังไงดี พระคุณเจ้า เบื้องฐานเบื้องต้น

หลวงตา มันชอบมายั่วยุ ถ้าเรามีธรรมบ้างก็ยั่วมันบ้างซิจะว่าอะไร จะให้แต่มันยั่วเราอย่างเดียว เอาธรรมหลอกมันบ้างซิ

ผู้ถาม เอาธรรมยั่วมันบ้าง

หลวงตา ยั่วมันบ้าง สมมุติมันขี้เกียจก็ให้ขยันเสียบ้างนะ ว่างั้นซิ สมมุติว่านั่งภาวนาแทนที่จะได้ ๑๐ นาทีฟาดเสีย ๓๐ นาที นี่เรียกว่ายั่วมันหลอกมัน คือทำภาวนาอย่างพุทโธ ๆ เราไม่ถอยต่อไปมันก็เกิดความสงบเย็นใจขึ้นมา ความสงบเย็นใจนี้แลเป็นพลังที่จะต้านทานกิเลสได้ ความขี้เกียจขี้คร้านอ่อนลง ๆ เพราะความแปลกประหลาดในจิตนี้เป็นเครื่องดึงดูดจิตใจ

ผู้ถาม เอาธรรมยั่วยุมันบ้าง เช่น เมื่อก่อนเคยนั่งได้สมมุติว่า ๑๐ นาที วันนี้บอกว่าขอ ๒๐ เราก็ชนะมันตอนหนึ่งแล้ว แล้วเป็น ๓๐ ไปเรื่อย ๆ สู้กับมันอย่างนี้

หลวงตา เราต้องสู้อย่างนั้น มีแต่หมอบราบ ๆ เอาหมอนรองใช้ไม่ได้นะ

ผู้ถาม แล้วที่บอกว่าเอาความดีใส่เข้าไปในจิตเยอะ ๆ ความชั่วมันก็ค่อยหายไปเอง พระคุณเจ้าเคยบอกว่าเอาน้ำดีไล่น้ำเสีย

หลวงตา อย่างนั้นละถูกต้อง

ผู้ถาม วันนี้เป็นบุญเป็นกุศลของพวกผมเหลือเกิน ได้รับคำเทศน์ ได้รับความแจ่มแจ้งอย่างน้อยข้อหนึ่งที่คนชอบพูดกันเหลือเกินว่า ทำดีไม่ได้ดี เพราะจริง ๆ แล้วคนแปรเปลี่ยนความดีเป็นทรัพย์สินเป็นเงินทองเป็นสิ่งต่าง ๆ เขาไม่ได้คิดว่าดีนั้นต้องเข้าไปอยู่ในใจ เมื่อดีมาก ๆ แล้วดีตัวนี้จะพาไปสู่ที่ดีภพดี

หลวงตา ใช่

ผู้ถาม มีพวกนอกรีตพวกอัญญเดียรถีย์พูดว่า เวลาจะตายค่อยทำดี ตอนนี้ทำชั่วทำเลวอะไรทำไปก่อน พอเวลาจะตายค่อยมานอนพุทโธ ๆ เดี๋ยวก็ไปดีเองจะจริงหรือ พระคุณเจ้า ไม่ยุติธรรมนี่

หลวงตา มันจริงของเขา แต่ไม่จริงของธรรม จริงของกิเลสไม่ได้จริงตามธรรม ตามธรรมแล้วทำไป อชฺเชว กิจฺจมาตปฺปํ โก ชญฺญา มรณํ สุเว เรื่องความดีแล้วให้ทำเสียตั้งแต่บัดนี้ อย่าไปรอวันพรุ่งนี้ จะตายเปล่า ๆ ไม่เกิดประโยชน์ ท่านสอนไว้อย่างนี้

ผู้ถาม เพราะฉะนั้นถ้ามันทำชั่วมาตลอด แต่พอวันจะตายขึ้นมาจะมานอนพุทโธ จิตมันไม่คิดพุทโธใช่ไหมพระคุณเจ้า

หลวงตา มันไม่ได้มาอยู่กับพุทโธแหละคนเช่นนั้น มันพูดเฉย ๆ มันจะอยู่แต่กับกองทุกข์หาสติสตังไม่ได้ ตกเตียงไปนู้นน่ะ ยังไม่ตายมันก็ตกเตียงก่อนแล้ว มันมีสติสตังอะไรคนประเภทนั้น อย่าเอามาเป็นครูซิ พุทฺธํ ธมฺมํ สงฺฆํ สรณํ คจฺฉามิ นี้เป็นครูอย่างเอกทำไมไม่สนใจ สนใจกับคนเวลาจะตายถึงมาพุทโธ ๆ ใช้ไม่ได้ พวกนี้พวกตกเตียง อย่าเอามาเป็นสรณะ เดี๋ยวจะตกเตียงไปตามเขาจะว่าไม่บอก

ผู้ถาม ไม่เอาขอรับ อีกสองวันจะเป็นวันสงกรานต์แล้ว วันสงกรานต์ถือเป็นวันปีใหม่แบบไทย ๆ อยากให้พระคุณเจ้าช่วยกรุณาให้ศีลให้พรอวยพรชาวไทยหน่อยครับ

หลวงตา ปีใหม่นี้ได้เคยเตือนพี่น้องชาวไทยทั้งหลายของเราอยู่แล้วว่า ปีใหม่นี้ก็ต้องการความเพลิดความเพลิน แต่ความเพลิดความเพลินก็ให้มีศีลธรรมเป็นเบรกห้ามล้อเอาไว้ อย่าปล่อยให้กิเลสมันลากมันไถไปเสียโดยถ่ายเดียว อันนี้มันเพลิดเพลินเพื่อกิเลสเพื่อกองทุกข์ ไม่ได้เพลิดเพลินด้วยศีลด้วยธรรมแทรกเข้าไป ไม่ดีเลย เช่น เวลาสงกรานต์เช่นนี้มักจะกินเหล้าเมาสุรายาเสพย์ติดประเภทต่าง ๆ เข้ามาทำลายตัวเองในวันเช่นนี้เสียมากต่อมาก เฉพาะอย่างยิ่งเรื่องยาเสพย์ติดนี้เป็นสิ่งสำคัญมาก เป็นมหาภัยต่อชาติไทยของเรา เริ่มตั้งแต่เป็นเด็กขึ้นมา เด็กนี้จะก้าวหน้าสู่ความสุขความเจริญเป็นอนาคตเป็นหลักของชาติไทยเรา ถ้าลงยาเสพย์ติดนี้ได้เข้าแทรกตรงไหนแล้วหมดคุณค่าหมดราคาในเวลานั้นเลย จึงขอให้พี่น้องชาวไทยได้เตือนลูกเตือนหลาน สถานที่เกิดที่อยู่ของยาเสพย์ติดนี้มาได้ทุกแห่งทุกหน แม้ที่สุดในเรือนจำก็มี เราอย่าว่าแต่โรงร่ำโรงเรียน สถานที่ต่าง ๆ นะ ในเรือนจำก็มียาเสพย์ติด ให้ระมัดระวังมากทีเดียว อันนี้เป็นภัยอย่างมาก ขอให้พี่น้องทั้งหลายได้คิดจุดนี้ให้มาก

แล้ววันปีใหม่นี้ที่ถูกที่ดีก็คือว่า วันปีใหม่เป็นวันที่จะมีความสนุกรื่นเริงในทางโลกทางสงสาร ส่วนธรรมก็ควรจะมีความรื่นเริง เป็นโอกาสอันดีแก่พี่น้องชาวไทยเราได้ประกอบศีลธรรม ธรรมติดใจให้มีความสงบเยือกเย็นบ้างในวันเช่นนั้น จะไม่เสียไปโดยถ่ายเดียวกับความเพลิดเพลินของกิเลส การปล่อยเนื้อปล่อยตัวนั้นเราเคยปล่อยมานานแล้ว ทำเราให้ได้รับความทุกข์ความร้อนมานาน จึงควรมีธรรมเป็นเบรกห้ามล้อ ให้อยู่ในความพอเหมาะพอดี วันว่างเช่นนี้ควรจะเสาะแสวงหาศีลหาธรรมเข้าสู่ใจของเรา นี้เรียกว่าเราเป็นชาวพุทธ เหมาะสมกับความเป็นชาวพุทธของเรา

วันนี้พูดถึงเรื่องให้ศีลให้พรปีใหม่นี้ก็เคยให้มาทุกปี ๆ แล้ว วันนี้ก็จะไม่ให้มากอะไรนะ ให้พากันปรับปรุงตัวเอง คนเก่าไปสู่ปีใหม่ ให้ปรับปรุงแก้ไขความประพฤติของตนให้เป็นคนใหม่ขึ้นมาในบุคคลคนเก่านั้นเหมาะสมมาก แล้วคนคนเก่านี้ปีกลายนี้ก็ให้กิเลสเอาไปถลุงเสีย แล้วปีใหม่ก็คนคนเก่านั้นแหละ ให้กิเลสเอาไปถลุงอีกอย่างนี้ใช้ไม่ได้นะ

ผู้ถาม ไม่ใช้แล้วพระคุณเจ้า ต่อไปนี้พอกิเลสมาล่อหลอกมาดึง ใช้ธรรมสู้มันเล่นงานมันบ้าง

หลวงตา ต้องอย่างนั้นถึงถูกต้อง จิตเรามีเจ้าของ สติปัญญาเป็นเจ้าของของจิต

ผู้ถาม ครับ ใช้ธรรมเป็นห้ามล้อ ไม่ใช่เหยียบแต่คันเร่ง กิเลสเหยียบคันเร่ง เราใช้ธรรมเป็นห้ามล้อ

หลวงตา นั่นละถูกต้อง

ผู้ถาม ขอรับ แล้ววันที่ ๑๘ นี้พระคุณเจ้าจะไปที่สวนลุมพินี กรุงเทพมหานครเขาจัดงานใหญ่ที่สวนลุมพินี ผมขออนุญาตเชิญชวนพี่น้องชาวไทยทั้งหลายให้ไปกัน วันที่ ๑๘ ยังอยู่ในเทศกาลสงกรานต์ ทางกรุงเทพมหานครได้จัดงานขึ้นที่สวนลุมพินี ตั้งแต่เวลาประมาณ ๕ โมงเย็น หลวงตาจะไปที่นั่น แล้วก็จะมีการเทศน์เตือนสั่งสอนพี่น้องทั้งข้ออรรถข้อธรรม เรื่องราวต่าง ๆ มากมาย และอย่างที่พูดเมื่อสักครู่นี้ว่าทองคำตอนนี้ได้มาแล้ว ๙๐๐ ก.ก. ยังขาดอีก ๑๐๐ ก.ก. จะครบ ๑ ตัน เรามาร่วมมือกัน ให้สามัคคีร่วมพลังให้กับชาติสร้างชาติ ตรงนี้แหละครับอยากจะเชิญชวนพี่น้องทั้งหลายไป ให้สมกับปฏิปทา ให้สมกับแนวทางปฏิบัติที่หลวงตากรุณาลำบากเดือดร้อนเพื่อชนชาวไทยทั้งมวล ผมบอกตรง ๆ นะครับหลวงตาเดินทางนี้ครบทุกจังหวัดนะครับ เดี๋ยววันนี้ไปโน่น เดี๋ยววันนั้นมา หลวงตาไม่เหนื่อยบ้างหรือขอรับ ไปจนทั่วหมดเลย

หลวงตา มันก็เหนื่อย ไม่ใช่คนตาย ถ้าคนตายไปทิ้งที่ไหนมันก็ไม่เหนื่อย อันนี้เหนื่อยแต่ทนเอา ด้วยอำนาจแห่งความห่วงใยชาติไทยของเรา อุตส่าห์พยายามตะเกียกตะกายไป เพราะเมตตาสงสารนั่นเอง สำหรับหลวงตาเองก็เคยได้เรียนให้ทราบแล้ว หลวงตาพอทุกอย่างไม่มีอะไรบกพร่องแล้ว ภูมิใจที่สุดในภาคปฏิบัติของเราที่เคยต่อสู้ฟัดเหวี่ยงกับกิเลสมา กิเลสชนิดที่หนักมากก็หนักมาก เราก็เคยต่อสู้ผ่านมันมาแล้ว ด้วยอำนาจแห่งธรรมความพากเพียร

ผู้ถาม วันที่ ๑๘ นี้หลวงตาต้องไปสั่งสอนพวกเราที่สวนลุมฯ อีกนะขอรับ

หลวงตา สอนตอนนี้ไม่ฟังเหรอ

ผู้ถาม ฟังขอรับ บังเอิญบางคนเขาไม่ได้ฟังน่ะขอรับ อยากเชิญชวนเขาไปฟัง

หลวงตา เอาไว้วันหลังจะไปรอฟังที่สวนลุมฯ ใช้ไม่ได้นะ

ผู้ถาม มิได้ขอรับ เรายังขาดทองอยู่อีกตั้งร้อยกิโล เชิญชวนเขาไปช่วยชาติ

หลวงตา เราเชื่อน้ำใจของพี่น้องชาวไทยเรา อย่างไรต้องได้แน่ ๆ คือคราวนี้ถ้าไม่ได้ เรามีหมัดเด็ดสองครั้งมาแล้ว หมัดเด็ดครั้งหนึ่ง ๘๔,๐๐๐ กอง ต้องเอาให้ได้ ไม่ได้คอหลวงตาต้องขาดก่อนคอพี่น้องชาวไทยทั้งหลาย อันดับที่สอง ทองคำให้ได้ ๔๐๐ กิโล อันนี้หมัดเด็ดลงไปต้องคอขาดอีกเช่นเดียวกัน หลวงตาบัวคอขาดเพื่อพี่น้องชาวไทยทั้งหลายมาสองครั้งแล้ว ครั้งที่สามนี้ถ้าทองคำขาดเท่าไร ๆ สั่งทางโรงหลอมเขาเลยว่าให้หามาให้พอพันกิโล แล้วขาดเท่าไรทางนี้จะใช้ให้ทั้งหมด แล้วคำว่าใช้ให้ทั้งหมดนี้ เราจะกว้านเอาคอชาวไทยเราทั้งประเทศนี้มารวมกันไว้ที่นี่ เป็นเครื่องประกันเงินที่จะใช้ให้เขา ส่วนเราเองเผ่นเลย คอของเราเหลือ คอของพี่น้องชาวไทยขาดไปเลยถ้าใช้หนี้เขาไม่ได้ เราเด็ดไปแบบนั้นคราวนี้

ผู้ถาม อันนี้ถือเป็นธรรมสูงสุดจริง ๆ นะครับ ถ้าฟังแล้วจับใจความได้จริง ๆ จะเห็นว่า ท่านทำจนสุดความสามารถที่ท่านจะทำได้ ท่านพยายามสุด ๆ เพื่อพวกเรา ถึงเวลาที่พวกเราจะต้องทำบ้างแล้วไม่ทำ บางคนบอกว่าช่วยอย่างนี้ไม่มีผล จิตเป็นกุศลนิดหนึ่ง จิตเป็นบุญนิดหนึ่ง จิตรู้จักคำว่าสามัคคีนิดหนึ่ง จิตสอนตัวเองนิดหนึ่ง มีสติสักนิดหนึ่ง แล้วท่านจะรู้ว่าความสามัคคีหรือสิ่งที่หลวงตาได้ออกมาทำตรงนี้เพื่อใคร เพื่อสอนเราไม่ใช่เหรอ เพื่อให้เรารู้จักไม่ใช่เหรอว่าสามัคคีคือพลัง เพื่อให้เรารู้จักไม่ใช่เหรอว่าเมตตาธรรมค้ำจุนโลก เพื่อให้เรารู้จักสละตัวตนอันมหาศาลของเราออกไปไม่ใช่เหรอ วันนี้พวกผมเองทั้งหมดเลย ในห้องส่งนี้และประชาชนที่ฟังอยู่ได้มีความสำนึกในพระคุณของหลวงตาเป็นอย่างยิ่ง และข้ออรรถธรรมที่สั่งสอนพวกผมในวันนี้ก็แสนจะสุดซึ้ง แต่จะสุดซึ้งยิ่งกว่านี้อีก เดี๋ยววันที่ ๑๘ เอาอีก หมายถึงถามใหม่พระคุณเจ้า วันนี้สุดซึ้งเลยขอรับ

หลวงตา รีบปิดป้องไว้ก่อน

ผู้ถาม วันนี้ก็ต้องขอกราบนมัสการขอบพระคุณหลวงตาเป็นอย่างสูงขอรับ

หลวงตา เป็นอันว่าจบรายการนะ ต่อไปนี้จะให้พรพี่น้องทั้งหลาย หลวงตาไม่มีอะไรพูดมาก เพราะพูดมามากต่อมากแล้ว ทีนี้ให้พรนะ


** ท่านผู้เข้าชมทุกท่านโปรดทราบ
    เนื่องจากกัณฑ์เทศน์บางกัณฑ์มีความยาวค่อนข้างมาก ซึ่งจะส่งผลต่อความเร็วในการเปิดเว็บไซต์ ขอแนะนำให้ทุกท่านได้อ่านเนื้อหากัณฑ์เทศน์บางส่วนจากเว็บไซต์ และให้ทำการดาวน์โหลดไฟล์กัณฑ์เทศน์ที่มีนามสกุล .pdf ไปเก็บไว้ในเครื่องของท่านแทนการอ่านเนื้อหาทั้งหมดจากเว็บไซต์

<< BACK

หน้าแรก