วันนี้คนก็มาก ถ่ายบาตรดูเหมือน ๑๓๐ หรือ ๑๔๐ บาตร เมื่อเช้านี้ ของมากทุกวัน ๆ วัตถุทานที่ท่านทั้งหลายบริจาคมามากน้อยเป็นบุญของท่านทั้งหลายเต็มหัวใจทุก ๆ ท่าน ส่วนวัตถุทานมีมากน้อยที่เราให้มานั้น เราให้แล้วด้วยความเสียสละ ให้แล้วด้วยการหวังบุญหวังกุศล อันนี้เป็นเครื่องหมายของบุญเรา ทานที่เราให้มานั้นไม่ใช่บุญ เป็นเครื่องหมายของการขุดค้นหาบุญ เหมือนจอบเหมือนเสียมนั้นแล จอบเสียมขุดค้นหาน้ำ น้ำไม่ใช่จอบไม่ใช่เสียม จอบเสียมไม่ใช่น้ำ นี่วัตถุทานต่าง ๆ ไม่ใช่บุญ บุญไม่ใช่วัตถุทานนี้ แต่เกิดขึ้นจากวัตถุทานขุดค้นขึ้นมาเช่นเดียวกับจอบเสียมที่ขุดค้นน้ำขึ้นมา ให้เราได้อาบดื่มใช้สอยตามสะดวกสบายนั้นแล
ท่านจะฉันให้ได้มากน้อยนั่นมันเป็นเรื่องของท่าน การให้ทานเป็นเรื่องของเรา ได้ให้แล้วด้วยความเสียสละและด้วยความเต็มใจของเรา บุญกุศลเต็มหัวอกของท่านทุกคนที่บริจาคมา เราไม่หึงไม่หวง ไม่ห่วงไม่ใย เวลาให้ทานไปแล้วท่านจะเอาไปอะไรนั้นเป็นวัตถุที่เศษเดนจากบุญของเราไปแล้ว บุญของเราได้แล้วในเวลาที่บริจาคตั้งแต่ขณะที่คิด ดำริขึ้นมาเป็นบุญเป็นกุศลทุกขณะจิตที่คิดนี่คือบุญของเรา จนกระทั่งได้ทำการบริจาคสมบูรณ์บริบูรณ์ก็ยิ่งได้บุญกุศลเต็มที่เต็มฐาน ส่วนวัตถุไทยทานมีมากมีน้อยท่านจะเฉลี่ยเผื่อแผ่เจือจานไปทางไหนนั้น มันเป็นเรื่องเศษบุญของเรา วัตถุทานนั้นเป็นสิ่งที่เศษเหลือไปแล้ว ส่วนบุญส่วนกุศลเราได้แล้วทุกคน
บางท่านบางคนก็จะไม่เข้าใจและสงสัยว่าของวัตถุไทยทานมีมากมีน้อยท่านจะฉันให้หมดเหรอ ถ้าฉันไม่หมดแล้วเป็นยังไง เวลามาทำบุญให้ทานก็จะไม่ได้บุญได้กุศล ไม่ใช่อย่างนั้น มันเป็นคนละอย่าง การทำบุญให้ทานเป็นเรื่องของเรา ของที่จะตกไปจากการเสียสละแล้วนั้นน่ะ ท่านจะเอาไปทำประโยชน์อะไรก็เป็นเรื่องของท่าน มันเป็นเศษเป็นเดนเป็นเหลือไปแล้วนั่น ส่วนบุญอันเป็นเนื้อหนังจริง ๆ เราได้แล้วจากการบริจาคของเรา ให้พากันทำความเข้าใจอย่างนี้
บางท่านก็จะห่วงวัตถุทานของตน ว่าบริจาคแล้วกลัวท่านจะไม่ขบไม่ฉันไม่ใช้สอยให้ แล้วบริจาคไปแล้วก็ยังหึงยังหวงยังห่วงยังใย อย่างนี้ไม่ได้บุญกุศลเต็มเม็ดเต็มหน่วย สละไปแล้วต้องเป็นเสียสละ บุญกุศลได้แล้วเต็มหัวใจ วัตถุไทยทานนั้นจะออกไปตามดินฟ้าอากาศ ไปที่ไหนมันเป็นเรื่องของสิ่งเหล่านั้น ไม่ใช่เรื่องของบุญ บุญอยู่กับหัวใจของเรา อันนี้เป็นของสำคัญมาก ขอให้พี่น้องทั้งหลายจำเอาไว้
แล้ววัตถุไทยทานต่าง ๆ ที่ท่านทั้งหลายบริจาคไม่ว่าอาหารการบิณฑบาต ไม่ว่าเงินทองข้าวของที่บริจาคนี้เพื่อประโยชน์แก่โลก หลวงตาก็ได้ทำให้เป็นประโยชน์แก่โลกเต็มกำลังความสามารถด้วยความเมตตา เมตตาจริง ๆ เมตตาโลกไม่ใช่เมตตาธรรมดา เมตตาล้นพ้นครอบฟ้าดินแดนเลยเทียว เพราะฉะนั้นเราไปที่ไหนเราจึงไม่ได้ไปเพื่อโลกามิสใด ๆ ทั้งสิ้น นอกจากไปเพื่อหัวใจคนเท่านั้น
หัวใจคนนี้เป็นสิ่งสำคัญมาก เพราะหัวใจนี้จะเป็นผู้สืบต่อภพชาติ ต่ำสูงดีชั่วต่าง ๆ นี้จะขึ้นอยู่กับใจ ใจขึ้นอยู่กับบาปกับบุญ ถ้าใครมีบาปมากก็กดลงให้ไปทางต่ำได้รับความทุกข์ความทรมานมาก ใครมีบุญมีกุศลที่สร้างไว้แล้วผู้นั้นก็มีเครื่องหนุนให้ไปสู่สุคติ คือคติที่ดีงาม คติที่มีความสุขความเจริญ คติที่สมหวังเป็นลำดับไป จนกระทั่งถึงพระนิพพาน เพราะอำนาจแห่งบุญแห่งกุศลนี้เท่านั้นเป็นของสำคัญ นอกนั้นช่วยไม่ได้ วัตถุดินฟ้าอากาศ ฟ้าแดดดินลมกว้างแคบขนาดไหนไม่มีความหมาย สำหรับที่จะมาหนุนใจหรือเหยียบย่ำใจของเราให้ได้รับความสุขและความทุกข์ มีบุญกับบาปนี่เท่านั้นเป็นของสำคัญ เราจึงต้องให้ระวัง
เรื่องบาปให้พากันระวังให้มาก ให้เชื่อพระพุทธเจ้า ถ้าไม่เชื่อพระพุทธเจ้าแล้วจะเป็นคนดื้อด้านหาญทำ เวลาผลตกลงมาแล้วจะมีแต่บาปแต่กรรม หาบกันอยู่ตลอดกัปตลอดกัลป์ ไม่มีเสร็จสิ้นลงได้ อย่างนี้เรียกว่าคนดื้อด้าน ถ้าเชื่อพระพุทธเจ้าท่านสอนว่าอย่างไรก็ให้พยายามปฏิบัติอย่างนั้น แล้วก็เป็นลูกศิษย์ที่มีครู เดินตามหลังครูคือพระพุทธเจ้าของเรา ท่านเป็นผู้วิเศษเลิศโลก เราก็เดินตามทางแห่งความวิเศษของท่าน ก็จะถึงความพิเศษเลิศเลอเหมือนกันกับท่านนั้นแล นี่เป็นของสำคัญ
วัตถุทานที่ท่านทั้งหลายบริจาคมาอย่างปัจจัยเหล่านี้ ที่ถวายหลวงพ่อไปนี้ จึงขอเรียนให้ท่านทั้งหลายทราบ โดยที่เคยทำอย่างนี้ตลอดมาตั้งแต่สร้างวัดป่าบ้านตาด มีการบริจาคตลอด แต่ไม่ค่อยได้พูดค่อยโฆษณาแหละ โฆษณาหาอะไร ความจนเวลาเกิดขึ้นในแต่ละบุคคลไม่เห็นมันโฆษณา มันก็จนได้มันก็ทุกข์ได้ ความดีเราทำลงไปนี้ไม่เห็นโฆษณาก็เป็นความดีได้ เป็นความสุขได้ เป็นความสะดวกได้ เพราะฉะนั้นจึงไม่จำเป็นต้องโฆษณา เราได้นำวัตถุทานที่ท่านทั้งหลายบริจาคนี้แลไปช่วยโลกสงสารเวลานี้ ช่วยทุกแห่งทุกหน ช่วยหลายด้านหลายทางรอบด้านเลย
อันดับหนึ่งก็คือโรงพยาบาล เวลานี้ก็จวนจะถึงร้อยโรงแล้ว แต่ละโรงนี้เป็นล้าน ๆ ล้าน ๆ, ที่ช่วยเพราะโรงพยาบาลเป็นจุดจำเป็นมากของชีวิตสัตวโลกนี้อยู่ที่โรงพยาบาล โรงพยาบาลก็อยู่กับหมอ หมอก็อยู่กับเครื่องมือ ถ้าไม่มีเครื่องมือหมอก็ก้าวไม่ออก คนไข้ก็ผิดหวัง เพราะฉะนั้นจึงต้องช่วยทางเครื่องมือ ไม่ว่าจะเป็นเครื่องมือชนิดใดก็ตาม เมื่อเห็นความจำเป็นแล้วก็นำสิ่งนั้นเข้ามา ๆ ตลอดถึงตึก ไม่มีที่อยู่คับแคบก็ปลูกให้สร้างให้เต็มกำลังความสามารถของตน จากนั้นก็โรงร่ำโรงเรียน สถานสงเคราะห์ สถานที่ทำการทำงานวงราชการต่าง ๆ ที่ไหนมีความบกพร่องต้องการมาติดต่อเรา เราก็ให้เป็นลำดับลำดาเรื่อยมา
ปัจจัยทุกบาททุกสตางค์จึงตกไปเพื่อโลกเพื่อสงสารทั้งนั้น ให้สมกับความที่ว่า ธรรมของพระพุทธเจ้าเป็นธรรมที่เต็มไปด้วยเมตตาต่อโลก เราดำเนินตามหลักธรรมของพระพุทธเจ้า เราก็ดำเนินอย่างนั้นด้วยความเมตตาต่อโลกเช่นเดียวกัน เพราะฉะนั้นของมีมากมีน้อยสำหรับวัดเราจึงไม่มีอะไรเก็บไว้เลย ไม่เก็บ ฟังแต่ว่าไม่เก็บไว้เลย มีเท่าไรเป็นหมดถึงไหนถึงกันเฉลี่ยเผื่อแผ่ ที่ไหนต่ำก็เฉลี่ยลงไป เกลี่ยลงไป ถ้าเป็นดินก็เกลี่ยลงไปที่ต่ำให้สม่ำเสมอกันขึ้นมาหรือตื้นขึ้นมาบ้าง ทุกข์มีมากก็ให้มีน้อยขึ้นมา ถ้ามีน้อยก็ให้หมดไป ๆ เพราะความช่วยเหลือนั้นแล
มนุษย์เราอยู่ร่วมกันนี้ต้องอาศัยการเสียสละ การเห็นแก่เนื้อแก่ตัว เห็นแก่ได้แก่เอาอย่างนี้ไม่ใช่เรื่องของมนุษย์ เป็นเรื่องของสัตว์กัดฉีกกันกิน เห็นแก่ตัว กอบโกย รีดไถ ได้ท่าใดเอาท่านั้นอย่างนี้ใช้ไม่ได้ เป็นมนุษย์ที่จืดชืดมากที่สุดหาคุณค่าไม่ได้ สังคมก็เป็นสังคมที่หาคุณค่าไม่ได้ มนุษย์ที่มีคุณค่าก็เพราะมีธรรมเข้าเจือปนแทรกแซงอยู่ภายในนั้น จึงมีการเสียสละการเมตตาสงสาร การสงเคราะห์ซึ่งกันและกัน การให้อภัยกัน นี่คือมนุษย์ สังคมมนุษย์อยู่ร่วมกันย่อมอยู่ด้วยกันเป็นสุข
ไม่มีละเรื่องชาติชั้นวรรณะ นั้นตั้งขึ้นเฉย ๆ นั่นแหละ มันเกิดขึ้นมาด้วยบุญด้วยกรรมเหมือนกันหมด ทุกสัตว์ทุกบุคคลไม่มีเลือกเว้นแม้แต่รายเดียว เกิดขึ้นมาด้วยอำนาจแห่งกรรม กรรมดีกรรมชั่วพาให้เกิดขึ้นมาเป็นสัตว์เป็นบุคคล เป็นมนุษย์มนาเทวดาอินทร์พรหมทั้งหลาย ล้วนแล้วตั้งแต่กรรมพาให้เกิดให้เป็นทั้งนั้น ไม่ใช่ชาติชั้นวรรณะพาให้เกิดพาให้เป็น พาให้ดีพาให้ชั่ว มันเป็นเรื่องความดีความชั่วของคนที่ทำขึ้นจากเจ้าของนี้แล มาทำลายเจ้าของก็คือความชั่วที่เจ้าของสร้างขึ้นมาเอง มาทำดีมีความสุขแก่เจ้าของหนุนเจ้าของให้มีความสุขความเจริญ ก็คือความดีที่เจ้าของสร้างขึ้นมาเอง ไม่ใช่ชาติชั้นวรรณะเป็นผู้สร้าง ให้พากันเข้าใจ
เรื่องชาติชั้นวรรณะนั้นตั้งไว้เป็นธรรมดา แม้แต่ไก่เขาก็มีชื่อ นี่ก็ต้องตั้งมีชื่อเป็นธรรมดา แต่เราอย่าไปยึดถือจนกระทั่งเกิดทิฐิมานะดูถูกเหยียดหยามกัน ว่าชั้นนั้นชั้นนี้ วรรณะนั้นวรรณะนี้ อย่างนั้นใช้ไม่ได้เลย ไม่ถูกทางของพระพุทธเจ้า ไม่ถูกทางของมนุษย์ที่เกิดมาด้วยกรรมเหมือนกัน มนุษย์นี้เกิดขึ้นมาจากกรรม กรรมดีกรรมชั่วตกแต่งพาให้เกิด เช่นอย่างเราเกิดมาอยู่นี้ เราก็ไม่ทราบว่าเรามาจากภพใดชาติใด หากแน่นอนในเรื่องการเกิด เกิดมาจากภพชาติก่อน และเวลาตายไปแล้วเราจะไปเกิดเป็นอะไร ๆ นี้เราก็ไม่แน่นอน
การสร้างความแน่นอนให้ตน ด้วยการสร้างบุญสร้างกุศลนี้แหละเป็นสิ่งที่แน่นอนมากที่สุด พระพุทธเจ้าสร้างความแน่นอนให้โลกได้แก่การแนะนำสั่งสอนให้รู้จักดีจักชั่ว และพยายามละความชั่วและทำความดีอยู่โดยสม่ำเสมอ ไม่ละไม่ปล่อยวาง
ใจเป็นของสำคัญมากนะ ไม่มีอะไรยิ่งกว่าใจ สมบัติเงินทองข้าวของเป็นบริษัทบริวารของใจ ถ้าใจมีบุญมีกุศล ใจมีอรรถมีธรรม สมบัติเงินทองข้าวของก็มาเป็นเครื่องสนับสนุน ให้ได้รับความสะดวกในการสร้างตัวเองให้เป็นคนดี สมบัติเหล่านั้นก็มาสนับสนุนให้คนเป็นคนดี เป็นความสุขได้ ถ้าเราไม่มีธรรมเสียอย่างเดียว มีแต่กิเลสเข้าไปขยำย่ำยีแล้ว ได้มาเท่าไรก็ให้กิเลสเอาไปกลืนกินหมด ๆ สุดท้ายเจ้าของตายแล้วไม่มีอะไร
ดังที่พูดเมื่อวานนี้ หรือวานซืนวันไหนก็ไม่รู้ น่าจะเป็นเมื่อวานนี้ เงินทองข้าวของกองเท่าภูเขานี้ก็ไม่ได้เรื่องได้ราวอะไร ฝังไว้ในดินมันก็อยู่ในดินเสีย เอาไปมอบไว้ที่ไหน เก็บไว้ที่ไหน มันก็อยู่ที่นั่นเสีย มันไม่ไปสวรรค์นิพพานกับเจ้าของ และไม่ส่งเจ้าของไปสวรรค์นิพพาน นี่ความตระหนี่ถี่เหนียวมันทำโทษเจ้าของดังที่แสดงเมื่อวานนี้
เรื่องนิทานไอ้หมาดำ เศรษฐีขี้ถี่ขี้เหนียว ได้อะไรมามีแต่เก็บหอมรอมริบ เก็บได้มาก ๆ แล้วขโมยไปฝังไว้ที่นั่นที่นี่ ไม่ให้ลูกให้หลานทราบเลย ใส่ไหกระเทียมหรืออะไร คอรัด ๆ นั่น เงินแต่ก่อนเป็นเงินเหรียญ เต็มไหแล้วก็ไปฝังไว้ ๆ ทีนี้เวลาตายแล้วเลยมาเป็นหมาดำ ก็ยังดีนะเป็นหมาดำ เพราะแกไม่ได้สร้างความชั่วช้าลามกอย่างอื่น เป็นแต่ความตระหนี่ถี่เหนียวดัดสันดานแกเท่านั้นจึงให้มาเป็นหมาดำ ถ้าแกสร้างความชั่วด้วยแล้วก็ยิ่งจะเป็นเปรตเป็นผี ดีไม่ดีตกนรกไม่ได้ขึ้นจนกระทั่งป่านนี้ก็ได้ แต่นี้แกไม่ไปตกนรก แกมาเป็นหมาดำ มาเกิดเป็นหมาดำบุญก็ช่วยแก มาเกิดในสกุลลูกเจ้าของเอง
พระพุทธเจ้าเสด็จไปบิณฑบาตทรงพบเข้า โอ๋ ! ตายนี่อานนท์ เศรษฐีที่ร่ำลือในความตระหนี่ถี่เหนียวนั้น ตายแล้วแทนที่แกจะไปสวรรค์นิพพาน เพราะความเป็นเศรษฐีของแก กลับมาเป็นหมาดำ นี่เห็นไหม นอนอยู่นี่ ชี้พระหัตถ์ให้พระอานนท์ดู นี่ละหมาดำตัวนี้แหละ เป็นนันทเศรษฐี มาเกิดกับสกุลลูกของตัวเอง แล้วพระอานนท์ก็ทูลถามว่าจะปฏิบัติอย่างไรต่อไปกับหมาดำตัวนี้ ถึงจะได้รับผลประโยชน์ ก็ต้องให้ลูกของนันทเศรษฐีนั้นแล ทำตัวเป็นลูกของหมาดำตัวนี้ ต้องประจบประแจง
เพราะหมาดำตัวนี้รู้ภาษีภาษามนุษย์ได้ดี เนื่องจากแต่ก่อนแกเป็นเศรษฐี แกเป็นมนุษย์ ภาษามนุษย์ยังไม่เลือนรางจางไปจากจิตใจ แกจำได้ทุกคำนั้นแหละ แล้วก็ให้ประจบประแจงแก ปฏิบัติอุปัฏฐากหมาดำตัวนั้นเป็นเหมือนกับนันทเศรษฐี อะไรก็ให้เรียกว่าพ่อทั้งนั้น ว่าคุณพ่อ ๆ ถ้าออกชื่อก็คุณพ่อดำว่างั้น อะไรก็คุณพ่อ ๆ ประจบประแจงอุปถัมภ์อุปัฏฐากเหมือนกับอุปถัมภ์ปัฏฐากดูแลพ่อของตัว คือนันทเศรษฐีนั้นแล ทีนี้หมาดำตัวนี้เห็นใจ
แล้วก็มาประจบประแจงขอเงินขอทองจากหมาดำตัวนี้ ว่าคุณพ่อเอาเงินไปไว้ที่ไหน ลูกทุกข์จนมากเวลานี้ไม่มีเงินมีทองใช้สอยเลย แล้วคุณพ่อเอาไปเก็บไว้ที่ไหนบ้าง ขอให้คุณพ่อบอกลูก จะได้นำเงินนั้นมาทำเป็นประโยชน์ หมาดำตัวนั้นก็พาไป ไปก็ตะกุยดินปุ๊บ ๆ ตรงนั้น ขุดลงไปนี้ ไหกระเทียมเท่านี้ ๆ หมาดำตัวนั้นตะกุยที่ตรงไหน ขุดลงตรงนั้นมีแต่เงินอยู่ในไหกระเทียมนั่นแหละ ไหกระเทียมหรือไหอะไรเราก็จำชื่อไม่ได้ แต่ท่านเรียกในหนังสือนั้นดูว่าเป็นไหกระเทียมนะ คอรัด ๆ น่ะ เงินเต็มอยู่ในนั้น พอไปตะกุยที่ไหนขุดขึ้นมาก็มีแต่เงิน มีแต่ไหเงิน ๆ รอบบ้าน
แกไม่บอกให้ใครทราบสักคนเดียวเลยนะ แกขโมยไปฝังไว้ นั้นแหละเวลาแกตายแกจึงเป็นหมาดำ แต่แกก็มีวาสนามาเกิดกับสกุลลูก ทีนี้ลูกก็ไปขุดเอา ๆ ได้มาก็ทำบุญกุศลอุทิศให้คุณพ่อดำ คุณพ่อดำตัวนั้นแหละตัวนันทเศรษฐีนั้น ให้ได้บุญได้กุศล มีส่วนแห่งกุศลที่ตนได้เป็นเจ้าของเงินเหล่านี้ไว้ เก็บเงินเหล่านี้ไว้แล้วลูกนำมาทำประโยชน์ พระพุทธเจ้าว่าใจไม่ใช่เป็นของตาย ไม่ว่าสัตว์ว่าบุคคลรับกองบุญกองกุศลได้ทั้งนั้นแหละ ให้ทำความดีต่อกัน พวกลูกทั้งหลายในสกุลนั้นก็ทำบุญให้ทานอุทิศส่วนกุศลให้หมาดำตัวนั้น ต่อจากนั้นไปท่านไม่อธิบายต่อว่าหมาดำตัวนั้นตายแล้วไปที่ไหนอีก เราก็เลยไม่ได้พูด
อันนี้ท่านพูดถึงเรื่องโทษแห่งความตระหนี่ของคน จนไปเกิดเป็นหมาดำเป็นอย่างน้อย มากกว่านั้นไปเกิดเป็นเปรตเป็นผี เป็นงูเป็นตุ๊กแก เป็นอะไรมาเฝ้าทรัพย์สมบัติอยู่นั้น มีมากนะ นี่ละความตระหนี่มันเคยดัดสันดานคนมามากต่อมากแล้วให้พากันระมัดระวัง พระพุทธเจ้าสอนไว้แล้วไม่เป็นอย่างอื่น ต้องเป็นอย่างนั้นแน่นอน ใจนี้เป็นของสำคัญ จะพาเป็นเปรตเป็นผี เป็นหมาดำหมาขาวก็ตัวนี้แหละ ไม่ใช่ตัวไหนนะ
สมบัติเงินทองร่างกายนี้แตกลงไปแล้วก็สลายเป็นดินเป็นน้ำเป็นลมเป็นไฟไป แต่ใจนี้ไม่สลาย ออกจากภพนี้ไปสู่ภพนั้น ออกจากภพนั้นไปสู่ภพนั้น ด้วยอำนาจแห่งบุญแห่งกรรมดีชั่วของตน เราจึงต้องได้พยายามประคับประคองจิตใจของเราให้ดีให้มีหลัก อยู่ในบ้านในเรือน ครอบครัวเหย้าเรือนของเรา ครอบครัวหนึ่ง ๆ เราเป็นลูกชาวพุทธ อย่าลืมพุทโธ ฝังไว้ภายในใจเสมอ ไปประกอบหน้าที่การงานที่ไหน ๆ ก็ตาม ให้พยายามนึกพุทโธ ๆอยู่ในใจนี้แหละ เราจะชุ่มเย็นภายในจิตใจของเรา นี่เรียกว่า ใจมีหลัก มีหลักยึด
อย่าให้ใจเลื่อนลอย ถ้าใจเลื่อนลอยแล้วตายไปแล้วมันไปจม ไม่ใช่ของดี ตายผิดตายพลาด เกิดที่ไหนก็เกิดผิดเกิดพลาด ไม่ใช่ของดี ความผิดพลาดนำมาซึ่งความทุกข์ทั้งนั้นแหละ ให้เกิดถูกต้องดีงาม เกิดสถานที่ดีคติที่เหมาะสม เรียกว่าถูกต้องดีงาม แล้วก็มีความสุขความเจริญ ขอให้พี่น้องทั้งหลายจำเอาไว้แล้วไปปฏิบัติ
หลวงตาก็นาน ๆ ได้มาทีหนึ่ง นาน ๆ ได้มาทีหนึ่ง อยู่ที่ไหนไม่ว่างแหละ สงเคราะห์โลกนั้นเอง เราสงเคราะห์ด้วยความเมตตาจริง ๆ เราพูดได้เต็มปาก ถอดออกมาจากหัวใจมาพูด ความเมตตาต่อโลกนี้ เหลือล้นพ้นประมาณครอบโลกธาตุ เพราะฉะนั้นจึงมีอะไรมีไม่ได้ ขอให้มีเงินกองเท่าภูเขาสักสามกองสี่กองนี้ก็ไม่น่าจะถึง ๕ วันหมดเลยแหละ กวาดทีเดียว ที่ไหนต่ำ ๆ คือที่มีทุกข์มากทุกข์น้อยเรียกว่าที่ต่ำมากต่ำน้อย กวาดเงินกองเท่าภูเขานั้น เฉลี่ยลงไป ๆ ถมกันลงไป เหมือนกับเขาถมดินที่ต่ำให้สูงขึ้น ๆ ใครมีทุกข์มากก็ให้เฉลี่ยเผื่อแผ่ให้กัน มีทุกข์น้อยขึ้นมา เรียกว่าเกลี่ยดินลงไป ถมดินลงไปเรื่อย ๆ อย่างนั้นแหละ
นี่เราก็เกลี่ยเงินเกลี่ยทองลงไปช่วยเหลือซึ่งกันและกัน มีเท่าไรเป็นหมด ๆ เพราะอำนาจแห่งความเมตตานี้รุนแรง วัตถุสิ่งของเงินทองมีมากเท่าไร ความเมตตานี้จะกวาดให้สม่ำเสมอไปหมด ไม่เหมือนความตระหนี่ที่มีมากเท่าไรยิ่งพอกพูนขึ้นโดยลำดับ ตายแล้วจะไปเป็นหมาดำหมาขาวไม่สนใจ ขอให้ได้ตระหนี่ก็พออย่างนี้ใช้ไม่ได้ ยกตัวอย่างวันนี้ได้ยกตัวอย่างหมาดำมาให้เราทั้งหลายฟัง ใครอยากเป็นหมาดำก็ให้ตระหนี่มาก ๆ ใครอยากเป็นเทวบุตรเทวดาอินทร์พรหมก็ให้มีความเสียสละ แย่งความตระหนี่ถี่เหนียวนั้นออกไปทำบุญให้ทาน
การสร้างคุณงามความดีทุกประเภท ขอให้พี่น้องทั้งหลายจำไว้ว่าต้องมีอุปสรรค มีสิ่งที่มากีดขวางทุกแง่ทุกมุมไม่มีเว้นแม้ชิ้นเดียวเลย ขึ้นชื่อว่าจะทำความดีแล้ว ก็คือกิเลสนั้นแหละ มันกลัวเราจะออกจากอำนาจของมัน เพราะการสร้างคุณงามความดีนี้เป็นทางเดินที่จะออกจากอำนาจความปกครองการกดขี่บังคับของกิเลสให้หลุดพ้นไปได้ กิเลสจึงหึงหวงจึงกีดกันไม่ให้เราทำในกิจการงานที่ถูกที่ดี เพราะฉะนั้นเราจึงต้องรบกับมัน ไม่อยากให้ทานก็ให้ มันไม่อยากให้ เราให้ มันอยากให้น้อย เราให้มาก ไม่อยากไปก็ไป ไปทำความดี ไม่อยากอยู่ก็อยู่ อยู่เพื่อทำความดี
ฝืนกันอยู่ตลอดเวลานี้เรียกว่า ผู้รบกับข้าศึก คือกิเลสอันเป็นข้าศึกแก่ตัวของเราเอง เราก็รบข้าศึกที่มีอยู่ในตัวของเราเองให้เบาบางลงไป ต่อไปความเคยชินของเรามีทางดีงามของเราก็เบิกกว้างออกไป ๆ ทีนี้เราจะทำคุณงามความดีประเภทใด ใจมันลื่นไปเลยทีเดียว นี่เพราะความเคยชินให้พากันจำเอาไว้แล้วให้ไปทำ
ทุกข์ก็ตามเถอะ เราอย่าเอาความทุกข์มาอวดมาอ้าง มากีดมากันการสร้างความดีของเรา นี้ก็คือกลอุบายของกิเลส เวลามันจะสร้างความชั่วช้าลามก มันไม่เห็นว่ามีว่าจน มันทำได้ทั้งนั้น ทำได้ด้วยความอยาก ทำด้วยความเต็มใจถ้ากิเลสพาทำ ทำด้วยความเต็มใจทุกอย่าง ถ้าให้ธรรมพาทำ กิเลสมากีดมาขวางไม่ให้เต็มใจทำ นี่ก็คือกิเลสมันกีดมันขวางให้จำข้อนี้เอาไว้นะ
เราต้องได้รบได้รากับกิเลสทุกประเภทนั่นแหละ กิเลสมีมากหนามาก ไม่อยากทำเลยขึ้นชื่อว่าความดี ไม่เชื่อเลย ขึ้นชื่อว่าบุญบาปนรกสวรรค์ ไม่เชื่อเลยนี่เรียกว่าบาปมันหนามากที่สุด ทีนี้เวลาเราสร้างความดีเข้าไป สิ่งนี้จะค่อยเปิดทางให้เรา ๆ เรื่อย ๆ ความเชื่อบุญเชื่อกรรมก็มีหนักขึ้น ๆ ต่อไปจิตใจมีแต่จะไปดีท่าเดียว มีแต่จะทำบุญทำกุศลอย่างเดียว ไหลไปเลย ๆ นี่ละทางเดินของธรรมเมื่อชำระกิเลสออกมากน้อยแล้วจะเป็นความราบรื่นดีงาม
กิเลสนี้จะต้องติดสอยห้อยตามกีดขวางอยู่ตลอดเวลา จนกระทั่งถึงที่สุดวิมุตติพระนิพพานเสียเมื่อไรแล้ว กิเลสจึงเข้าไปเกี่ยวข้องไม่ได้เลย นั่นหมดวิสัยของกิเลส นอกจากนั้นกิเลสกีดขวางทั้งนั้น ส่วนหยาบก็กีดขวางหนัก ส่วนกลางก็กีดขวางอย่างกลาง ส่วนละเอียดก็กีดขวางอย่างละเอียดอยู่นั้นตลอดไป จนกระทั่งไม่มีกิเลสตัวใดตกค้างอยู่ภายในจิตใจเลย นั้นแหละโล่งไปหมด เมื่อโล่งไปหมดแล้วจิตใจของท่านผู้สิ้นกิเลสมีความตระหนี่ถี่เหนียวกิเลสตัณหานี้เป็นสำคัญ ออกหมดจากใจแล้ว ใจโล่งไปหมดเลย
ที่ใจตีบตันอั้นตู้เพราะกิเลสบีบบังคับ พอลากกิเลสลงเผา เผาศพของกิเลสหมดแล้วไม่มีอะไรปิดบังลี้ลับภายในจิตใจ ไม่มีอะไรบีบบังคับจิตใจ กลายเป็นจิตใจที่โล่งโถงไปหมด นั่นแหละใจพระพุทธเจ้าเป็นใจที่โล่งโถง ใจพระสาวกท่านเป็นใจที่โล่งโถง ที่เรียกว่า นิพฺพานํ ปรมํ สุขํ ก็คือใจที่โล่งโถงที่สุดหาความทุกข์ไม่มีแม้แต่นิดเดียว นี่แหละทางเดินของจอมปราชญ์ท่านเดินอย่างนี้ เราเป็นลูกศิษย์ของพระพุทธเจ้าให้พากันพยายาม
การสร้างความดี อย่าลืมว่าเราจะสร้างอะไรก็ตาม ให้สังเกตดูจิตของเรา มันจะมีสิ่งกีดขวางจนได้แหละ ที่ให้ทำอย่างสะดวกสบายนั้นไม่มี ต้องมีสิ่งกีดขวางมากน้อย ขึ้นชื่อว่าจะทำความดี ความคิดของเรานั้นแหละมันแทรกขึ้นมา คือกิเลสแทรกธรรม อย่างวันนี้เราจะไปวัด ไปได้เหรอวันนี้มีธุระจะไปนั่นไปนี่ จะไปนั่นไปนี่คือไปงานของกิเลส งานของธรรมมันไม่ให้ไปทำ ถ้าจะไปทำบุญให้ทาน เดี๋ยวทานมาก ๆ มันหมดนะ มันจะหมดจากปากกิเลสนั่นแหละ กิเลสมันหวงไม่อยากให้หมดจากปากมัน มันก็ไม่ให้เราให้ทาน
ทีนี้ให้แย่งมัน แย่งมันดังที่พูดเมื่อ ๒-๓ วันนี้ สมมุติว่าเราจะให้เงินไปทานสัก ๑ บาท กิเลสมันกำเอาไว้ ๆ จนกระทั่งเงินกระดาษสมัยทุกวันนี้เปื่อยไปหมดเพราะเหงื่อ กำแล้วกำเล่า จนเปียกไปหมดไม่ได้ทาน กิเลสเลยไม่ได้กินเพราะกระดาษนั้นมันเปื่อยแล้ว กิเลสจะเอาไปกินก็ไม่ได้ จะเอาไปทำบุญให้ทานก็ไม่ได้
เพื่อความถูกต้องดีงาม เราอยากจะให้ทานเท่าไรให้ทานเท่านั้น เสียสละไปเท่านั้น กิเลสมาหึงมาหวงมาห่วงมาใยมากีดมากันไม่ยอมมัน เอาวันนี้จะให้ทานหนึ่งบาท กิเลสมันว่ามันจะหมด เอาให้ทานสองบาท เอ้า กิเลสมันว่ามันจะหมดจริง ๆ ก็ฟาดให้ทานสี่บาทขึ้นไปเรื่อย ๆ กิเลสหมอบเลย หลายครั้งหลายหนกิเลสหมอบ นั่น เราไม่หมอบไม่จน
การทำบุญให้ทานไม่จน คนเราไม่มีทางจน หากมีอยู่ในนั้นเพราะฉะนั้นจึงว่าโลกุตรธรรม แปลว่าธรรมเหนือโลก ผิดคาดผิดหมายผิดความด้นเดาของโลกทั้งนั้นแหละ เรื่องธรรมเหนือโลกแล้วใครไปคาดไปเดาไม่ได้นะ เป็นสิ่งที่สุดวิสัยของโลกที่จะคิดจะอ่านได้ บุญกุศลนี้ช่วยโลกช่วยอย่างนั้นแหละ
วันนี้แสดงธรรมให้พี่น้องทั้งหลายฟังพอเป็นคติเครื่องเตือนใจ ขอได้นำไปประพฤติปฏิบัติในบ้านในเรือน ในจิตใจของตน และขอความสุขความสวัสดีจงมีแก่พี่น้องทั้งหลายโดยทั่วกันเทอญ
ไปไหนอย่าลืมพุทโธนะ ไปนี่ไปบ้านอย่าลืมพุทโธ เดี๋ยวไอ้ดำมันจะติดตามไปให้พุทโธหายนะ ถ้าไอ้ดำติดตามแล้วพุทโธหายทั้งนั้นแหละ ระวังไอ้ดำมันจะไปกัดพุทโธขาดหมดนะ
ต่อไปนี้จะให้พร