|
/body onLoad="MM_preloadImages('../images/link_2_6_a.gif')">
/SCRIPT LANGUAGE="javascript1.1" page="dhamma_online";
/SCRIPT LANGUAGE="javascript1.1" src="http://truehits1.gits.net.th/data/e0008481.js">
|
|
|
แก่นศาสนาอยู่ที่กรรม |
|
วันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2545
สถานที่ : วัดป่าบ้านตาด |
| | ดาวน์โหลดเพื่อเก็บไว้ในเครื่อง ให้คลิกขวาแล้วเลือก Save target as .. จาก link ต่อไปนี้ :
| |
ค้นหา :
แก่นศาสนาอยู่ที่กรรม
ธรรมลี ผาแดง นี่เก่งมาตลอดนะ วันนี้ได้ทองคำมาให้ ๑ กิโล ๙ บาท ดอลลาร์ ๑,๗๓๑ ดอลล์ เงินสดตั้ง ๗๔๘,๔๑๙ บาท นู่นน่ะธรรมลี ของเล่นเมื่อไร มาเรื่อยธรรมลี ผาแดง กับภูสังโฆ ผ้าป่าที่ อ.เจริญศิลป์ ทองคำได้ ๒๓ บาท ๑๓ สตางค์ ดอลลาร์ได้ ๘๑๕ ดอลล์ เงินสดได้ ๖๒๖,๑๗๐ บาท ที่ไปเมื่อวานนี้นะ
(ผู้ว่า-งบประมาณน้ำท่วมท่านนายกเห็นชอบให้นำเงิน ๖๗๔ ล้านมาแก้ไขปัญหาน้ำท่วม ขณะนี้หน่วยงานต่าง ๆ กำลังทำรายละเอียดขอเงินไป คาดว่าอีกสองอาทิตย์เงินจะมาทั้งหมดครับ) ได้เยอะนะตั้ง ๖๐๐-๗๐๐ ที่จะมากั้นน้ำไม่ให้ท่วมเมืองอุดร เวลานี้เริ่มทำไปแล้วก็มี เราก็พิจารณาถึงเรื่องสายน้ำที่จะผ่านมาทางภาคอีสานเรา พอได้มีน้ำมีท่าปลูกพืชผลต่าง ๆ ในหน้าแล้งบ้างก็กำลังพิจารณา มันออกลำบากนะน้ำ แม่น้ำชี ส่วนแม่น้ำพองก็ไม่ได้เรื่องมากนัก แต่แม่น้ำชีนี้จะพอได้อยู่ หากพอแยกออกทางนั้นทางนี้ได้ แต่ลำบากนะ ถ้าแยกก็ไปกระทบกระเทือนเอกชนพวกไร่พวกนาเขา ลำบากเหมือนกัน เราคิดมานานแล้วเรื่องเหล่านี้ คือมันก็ไม่มีทางออกจนกระทั่งป่านนี้ พิจารณาถึงเรื่องน้ำที่จะผ่านเข้ามาทางภาคอีสานเรานี้ พอได้มีที่ทำอยู่ทำกินบ้างในหน้าแล้ง เราคิดมานานแล้ว คิดไปถึงแม่น้ำโขงที่จะเอาเข้ามานี้ มันก็เกี่ยวข้องกับหลายประเทศ แม่น้ำโขงเรียกว่าสมบัติของโลก มันก็ประเทศนั้นประเทศนี้เกี่ยวโยงกัน สมมุติว่าเมืองไทยเราขอแยกแม่น้ำโขงผ่านมาทางนี้ ก็ต้องติดต่อหลายประเทศ เขาจะยินยอมไม่ยินยอมมันก็ขึ้นอยู่นั้นอีก อันนี้เราจึงไม่คิดมากแหละเพราะเกี่ยวกับเป็นสมบัติของโลกทั่วไป
ทางราชการเขาคงคิดมานานแล้วแหละ คิดจะได้ตรงนี้จะเสียตรงนั้น สุดท้ายมันก็หด ก้าวไปไม่ได้ แต่เราเองยังหดนี่วะ สมมุติว่าอยากแยกน้ำไปทางนั้นทางนี้ จะมีส่วนได้ส่วนเสียอะไรบ้าง ผู้ได้-ได้ ผู้เสีย-เสีย แน่ะ มันก็ลำบากเหมือนกัน โห ทางภาคอีสานรู้สึกว่าแห้งแล้งมากทีเดียว เท่าที่เราผ่านมาทุกภาคนะ คือมันเป็นโดยหลักธรรมชาติของมันเอง ไม่ถูกกดขี่บังคับเอารัดเอาเปรียบอะไรเลย เป็นหลักธรรมชาติของมัน ทีนี้จะตำหนิใครได้ลงคอ ตำหนิไม่ได้ ภาคอื่นเป็นความสะดวกโดยหลักธรรมชาติ เช่นอย่างภาคเหนือนี่เป็นที่ไหลลงแห่งน้ำ
น้ำนี่สำคัญมากทีเดียว ไปอยู่ที่ไหน ๆ ไม่มีน้ำอยู่ไม่ได้ แม้แต่เที่ยวกรรมฐานอย่างนี้ ไปไหนที่นี่เหมาะสม ๆ น้ำไม่มีก็อยู่ไม่ได้ สำคัญอยู่ ตั้งแต่เที่ยวกรรมฐานยังถือน้ำเป็นสำคัญ บางทีอยู่บนภูเขาลงมาเอาน้ำทางเป็นกิโล ๆ ก็ต้องอุตส่าห์ลงมา นี่น้ำเป็นสำคัญ เช่น อดอาหารกี่วันถึงฉันก็ได้ไม่เห็นลำบาก แต่น้ำไม่ได้นะ เป็นปรกติ เวลาลงมาอาบเหงื่อลงมามาอาบน้ำ ขึ้นไปก็อาบเหงื่อขึ้นไป เท่ากับไม่ได้อาบน้ำ มันไกลขนาดนั้นก็มี ลงไปเอาน้ำลึก ๆ นู้น ที่อื่นที่ใดมันไม่มี มันลำบากอย่างนั้นนะ น้ำจึงจำเป็นมากในที่ทุกสถานนั่นแหละ คิดดูตั้งแต่พระกรรมฐานไปเที่ยวอยู่ในป่าในเขา อยากจะอยู่ที่สะดวกสบาย ไม่มีน้ำก็อยู่ไม่ได้ เราเคยโดนมาแล้วถึงได้มาพูดล่ะซิ บางทำเล โอ๊ย เหมาะสมเหลือเกิน แต่น้ำไม่มีก็ต้องผ่านไป อยู่ไม่ได้ แน่ะ
ทางภาคอีสานแห้งแล้งกันทั้งภาคเลย เพราะไม่มีที่ไหลมาของน้ำ ภูเขามากมันก็มีที่ไหลมา ฝนตก เช่น น้ำตกน้ำอะไรนี้สะดวกมาก อย่างภาคเหนือน้ำมีอยู่ทั่วไป ไหลรินออกมาทุกแห่งทุกหน คัดไปที่ไหนก็ได้ทั้งนั้น แล้วภาคกลางก็เป็นที่รวมของน้ำ เมื่อน้ำลงมาแล้วคัดไปที่ไหนก็ได้หมด มันเป็นความสะดวกในหลักธรรมชาติของมันเอง แต่ทางภาคอีสานน้ำที่ไหนมาพอจะให้คัดมันไม่มี ดีไม่ดีน้ำจะกินก็ยังไม่มี มันของเล่นเมื่อไร มันอดอยาก จะหาน้ำที่ไหนพอจะคัดมาใส่ไร่ใส่นา ตั้งแต่คัดใส่ท้องมันยังไม่พอกิน น้ำอดอยาก นี่เรียกว่าหลักธรรมชาติของมันไม่อำนวย ผู้อยู่ในสถานที่เช่นนั้นก็ลำบาก ๆ เขื่อนเล็ก ๆ น้อย ๆ มันก็ไม่มาก พอใช้
เช่นอย่างเขื่อนห้วยหลวงนี้ก็ปล่อยเข้ามาเฉพาะเมืองอุดร ผ่านเข้ามาหนองประจักษ์ สำหรับใช้ทั่วจังหวัดอุดรเท่านั้นก็พอแล้ว เขื่อนเรากั้นไว้เองไม่ใช่หลักธรรมชาติของน้ำที่มันไหลมา มันก็ไม่ได้มาก ถ้าเขื่อนใหญ่ ๆ อย่างภาคเหนือเขาก็มีหลักธรรมชาติของเขาอีกที่จะทำเขื่อนได้ แน่ะ กักน้ำไว้สำหรับใช้ทั่วไปได้หมด ของเราไม่มีที่กักน้ำซี ได้เล็ก ๆ น้อย ๆ เขื่อนนั้นเขื่อนนี้นิดหน่อยเอามาใช้ เท่ากำปั้นนี่หมดแล้ว อย่างเขื่อนห้วยหลวงก็คัดเข้ามาเมืองอุดร มาใช้อยู่ที่เมืองอุดรเรา ที่หนองประจักษ์ทุกวันนี้พอมีอยู่ก็เพราะเขื่อนห้วยหลวงเปิดเข้ามาไขเข้ามา จะไปใช้อย่างอื่นก็ไม่พอ เวลาท่วมมันก็ท่วมพิลึกกึกกือ ฟาดเสียจนจะเอาให้ท่วมหมดเมืองอุดร เวลามันมากนะ เวลามันแห้งหากินก็ไม่ได้กิน ทุกขัง
เรายิ่งหนักมากนะเกี่ยวกับเรื่องศาสนา ที่จะวุ่นกันทั้งประเทศนี่ ก็เราอยู่จุดศูนย์กลางสนาม ไปไหนประเทศไทยเราพระเณรทั้งหลายดึงเข้ามาตรงนี้หมดเลย ตลอดประชาชน ตกลงเราก็ต้องเป็นหัวหน้าอยู่โดยดีที่จะพินิจพิจารณาถึงเรื่องศาสนาจะจมหรือจะฟื้น มีอยู่ ๒ อย่าง จะจมหรือจะฟื้น หนักมากอยู่นะไม่ใช่เล่น ๆ คราวนี้หนักมากมาหนักเราคนเดียว รวมเข้ามาจุดนี้หมดเลยจึงว่าหนักมากอยู่ เราก็ทนเอาเพื่อชาติบ้านเมือง ลำพังเราไม่มีอะไรแหละ ถ้าไม่อุตส่าห์พยายามช่วยรักษาให้ก็จะไม่มีอะไรเหลือ พวกโจรพวกมารจะกลืนไปแหลกหมดเลยไม่มีเหลือ พอคิดพออ่านบ้างก็คิดไป จะได้แค่ไหน ๆ ก็แล้วแต่บุญแต่กรรมเท่านั้นเอง เพราะเราเชื่อบุญเชื่อกรรม
หลักกรรมนี้คือหลักพุทธศาสนา ไม่มีอะไรเหนือหลักกรรมไปได้เลย พุทธศาสนาของเราลงที่หลักกรรม เป็นความถูกต้องแม่นยำหาที่ค้านไม่ได้เลย หลักกรรมก็อยู่ที่หลักใจ แน่ะ มโนปุพฺพงฺคมา ธมฺมา นี้คือหัวใจของพุทธศาสนา ได้แก่ใจ กิริยาที่แสดงออกก็เรียกว่ากรรม ความเคลื่อนไหวของใจก็เรียกว่ากรรม กรรมดีกรรมชั่ว เคลื่อนไหวทางใจก็เรียกว่ามโนกรรม ทางวาจาก็เรียกว่าวจีกรรม ทางกายก็เรียกว่ากายกรรม ทั้งดีทั้งชั่วออกจากนี้ทั้งนั้น
พุทธศาสนาท่านสอนแม่นยำ ไม่มีอะไรละ เท่าที่เราปฏิบัติมานี้จนเต็มความสามารถทุกด้านทุกทาง หายสงสัยทุกอย่าง ไม่มีแง่ใดที่จะได้สงสัยพระพุทธเจ้าว่าตรัสพอให้เกิดความสงสัยแก่เราผู้ปฏิบัติตาม ไม่มีเลย พุ่ง ๆ ตลอด แต่การไปของพุทธบริษัทมันแหวกโน้นแหวกนี้ตกเหวตกบ่อ ไม่ยอมไปตามทางเท่านั้นเอง ถ้าเป็นตามทางแล้วสงบร่มเย็นทั่วหน้ากัน อย่างฆราวาสก็ให้มีศีลมีธรรมประจำหน้าที่การงานในครอบครัวของตน ๆ ทุกคนก็พอเป็นความผาสุกได้ ถ้าไม่มีธรรมเลยนี้ปล่อยให้กิเลสลากไสแหลกตลอดนะ
ใครจะโฆษณาว่าการว่าเจริญเลิศเลอที่ไหน ๆ ก็ตาม มีแต่ลมปากไม่ได้มีความจริงถ้าธรรมไม่มี ถ้าธรรมมีแล้วมีทั้งนั้น ไม่พูดก็มี อยู่ในป่าในเขาท่านพูดที่ไหน ท่านทรงความสุขไว้ด้วยความสงบเย็นใจตลอดเวลา ใครจะเป็นผู้มีอรรถมีธรรมยิ่งกว่าผู้มุ่งปฏิบัติเช่นพระกรรมฐาน ท่านตั้งใจประพฤติปฏิบัติตัวของท่านอยู่ในป่าในเขา ท่านชมความร่มเย็นของท่านตลอดเวลา และรักษาส่งเสริมตลอดไปด้วย ท่านมีความสุข นี่ผู้มีความสุข ความสุขอยู่ที่ใจนะ เราอย่าเข้าใจว่าอยู่ต้นไม้ภูเขา อยู่ที่ทรัพย์สินเงินทองข้าวของ อยู่ที่ตึกรามบ้านช่องเครื่องใช้ไม้สอยหรูหรา ว่าความสุขจะอยู่ที่นั่น ไม่ได้อยู่นะ ความสุขจะอยู่ที่ใจ ความทุกข์จะอยู่ที่ใจ ไม่อยู่ที่ไหน
เพราะฉะนั้นพระพุทธเจ้าสอนธรรมจึงให้ปรับตัวที่ใจ ไม่ให้ปรับที่อื่นให้ปรับที่ใจ ตัวนี้เป็นตัวรับสุขรับทุกข์ ทุกอย่างรวมอยู่ที่ใจ เพราะใจเป็นตัวเคลื่อนไหวหาดีหาชั่วหาสุขหาทุกข์ตลอดเวลา จึงต้องสอนลงที่นี่ ถ้าไม่ได้ปรับตัวนี้ มีแต่วิ่งตามกระแสของจิตที่อำนาจของกิเลสผลักดันออกไปแล้ว เป็นตายด้วยกันนั่นแหละ ใครจะว่ามีความสุขความเจริญ มีแต่ลมปากกิเลสหลอกลวง หาความจริงไม่ได้ ถ้าผู้ได้ธรรมภายในใจ มีธรรมประจำใจแล้ว พออยู่พอกินพอเป็นพอไป ไม่ค่อยทุกข์มากเหมือนคนไม่มีธรรม
คนไม่มีธรรมนี้ โถ พิลึกนะ เรามองแต่เผิน ๆ ธรรมท่านไม่มองเผิน ธรรมมองตามความจริง ความจริงอยู่ที่ไหนท่านเห็นหมด ๆ นำเอาความจริงออกมาสอน ให้ปฏิบัติตามนั้นทั้งฝ่ายดีฝ่ายชั่ว ควรละให้ละ ควรบำเพ็ญให้บำเพ็ญ แล้วจะราบรื่นสม่ำเสมอไป ความสุขจะมีจุดนั้นนะ ไม่ได้มีอยู่ตามความเตลิดเปิดเปิงที่กิเลสลากถูไป ใครก็ตามไปก็ตื่นเป็นบ้ากัน ไปเมืองนั้นเมืองนี้ มาคุยโม้ เราอยากหัวเราะจะตายแล้วมันหมั่นไส้ พวกบ้าอยากว่างั้น มันไม่ดูหัวใจมัน มันดูเป็นบ้าอยู่นู่น โห น่าทุเรศนะ ความโง่ของสัตว์ ความมืดของสัตว์ มันไม่ยอมดูที่ธรรมให้ดู มันไปหาดูที่จะนับแต่วันมืดบอดไปโดยลำดับ แล้วสร้างทุกข์ขึ้นมาภายในใจส่วนมาก โลกจึงมีแต่ความรุ่มร้อน
ท่านสอนอรรถสอนธรรมเข้าสู่ใจมันไม่ยอมฟัง เรื่องของกิเลสนี้ดีดตลอดเวลา นอนหลับนอนฝันก็ละเมอเพ้อฝันไปตามกิเลส ที่จะให้ละเมอไปตามธรรมนี้ไม่ค่อยมีกัน ธรรมมีในใจมันสงบเย็นนี่นะ ถ้ามีแต่กิเลสภายในใจหาความสุขไม่ได้นะคนเรา อย่าไปหาความสุขด้วยอำนาจของกิเลส ให้กิเลสพาหาความสุขอย่าหวังนะ จะจมกันทั้งโลกทั้งสงสารตั้งกัปตั้งกัลป์ไปอย่างนี้ละ ให้ธรรมพาหาความสุขพอเป็นไป ๆ มีชีวิตอยู่ เคลื่อนจากนี้ไปแล้วก็เป็นความสุข มีความสุขมากผึงดีดเลย ข้ามได้ นั่นละธรรมเป็นอย่างนั้น แต่กิเลสมีแต่จมได้ตลอด ๆ
ที่พระพุทธเจ้าท่านสอนเรื่องกรรมนี้ แหม แม่นยำ นี่ละแก่นศาสนาอยู่ที่กรรม กรรมดีกรรมชั่ว ทำลงไปปั๊บเคลื่อนปั๊บ ทำแล้วนั่น เรียกทำกรรมแล้ว เจ้าของทำเองผลจะไปจากไหนไม่ไปจากเหตุ คือการทำเองผลก็มาเอง ไม่มีใครมาแบ่งสันปันส่วนได้ ทั้งดีทั้งชั่วเป็นสมบัติของผู้ทำด้วยกันทั้งนั้น ท่านจึงสอนแล้วสอนเล่าเรื่องกรรม นอกจากนี้ยังสอนเรื่องกรรมจำแนกแจกสัตว์อีกให้เป็นต่าง ๆ กัน เพราะฉะนั้น โลกไม่ว่าสัตว์ประเภทใด หรือบุคคลทั่วโลกดินแดนจะเหมือนกันไม่ได้ เพราะกิริยาแห่งการทำไม่เหมือนกันผลจะให้เหมือนกันได้ยังไง นั่น.มันบอกอยู่ในเหตุนั้นทุกอย่าง ผลิตเป็นผลขึ้นมา เพราะเหตุทำอย่างนี้ผลจึงเป็นอย่างนั้น เหตุทำอย่างนี้ผลจึงเป็นอย่างนี้ ใครจะไปตกแต่งได้ ไม่มีใครตกแต่ง เจ้าของทำเองตกแต่งตัวเอง ทั้งดีและชั่ว ถ้าตกแต่งทางที่ดีก็ดีขึ้นไป ตกแต่งทางที่ชั่วมันก็ชั่วไปเรื่อยๆ ทวีรุนแรง สุดท้ายก็จะไม่มีโลกอยู่นั่นแหละ ความทุกข์มันเผาหัวใจ
กิเลสมันไม่ให้มองดูธรรม มันให้มองดูแต่เรื่องของกิเลส บืนตามกิเลส โลกทั้งหลายจึงไม่ได้จืดจางว่างเปล่าจากความทุกข์ เต็มหัวใจ ๆ เอาแต่สิ่งภายนอกมาหลอกกัน อันนั้นก็ดีอันนี้ก็ดี ธรรมท่านหมั่นไส้จะตายถ้าพูดแบบโลกนะ ธรรมท่านหมั่นไส้จะตายไป กิเลสพูดโฆษณาป้าง ๆ อันนั้นดีอันนี้ดี ไอ้พวกตาบอดหูหนวก ทั้งวิ่งทั้งเผ่นทั้งขาหักแขนหัก บืนไปตามมัน เขาเรียกว่า กระต่ายตื่นตูมท่านว่า ในนิทานอีสป อันนี้ก็มาจากชาดกเหมือนกันนะ
แต่ก่อนเราเรียนหนังสือนิทานอีสป ที่ว่ากระต่ายตื่นตูม คือตื่นกันแบบไม่มีเหตุมีผล ท่านก็ยกนิทานกระต่ายตื่นตูมมา กระต่ายมันไปนอนอยู่ใต้ต้นตาล กำลังนอนละเมอเพ้อฝัน อยู่ ๆ ลูกตาลก็หล่นลงมาใส่ก้านตาล ตูมตาม ๆ เปรี้ยงลงมา มันนึกว่าฟ้าถล่ม มันก็วิ่งเลยเทียว วิ่งไม่มองหน้ามองหลัง พวกสัตว์ทั้งหลายเห็นกระต่ายวิ่ง วิ่งอะไร ว่าฟ้าถล่มแล้วก็ไปอีก ทางนั้นก็ไม่ได้ฟังเสียงอะไร พอว่าฟ้าถล่มก็วิ่งตามกันเลย ทีนี้วิ่งไปมันมากเข้าซิ เพราะคนพวกหลงก็หลงอยู่แล้ว รอที่จะหลงเพิ่มมันมีเต็มแผ่นดิน วิ่งไปไหนก็ เป็นอะไรวิ่งอะไร ฟ้าถล่ม พวกนี้ก็วิ่งตามกันเลย เลยหมดโลกวิ่งตามกระต่าย ฟ้าถล่ม เข้าใจไหม นี่เรื่องของกิเลสหลอกสัตวโลก มันดึงมันลากไปไม่ได้เหตุได้ผลอะไร
อันนั้นเขาว่าดีก็ดีตามเขา นี่ละฟ้าถล่มเข้าใจไหม อะไรก็ดีตามเขาไม่คิดเหตุคิดผล ถามเป็นยังไง โอ๊ย.อันนั้นดีอย่างนั้นอย่างนี้ ฟ้าถล่มแล้วไปกับเขาอีก วิ่งไปขาหักก็หักไป อะไรยังเหลือก็ลากกันไป อะไรขาดก็ขาดไป ฟ้าถล่มคือวิ่งตามฟ้าถล่ม ไปก็ไปเจอพญาราชสีห์ วิ่งอะไร พญาราชสีห์ขู่ข้างหน้า วิ่งอะไรกันมานี้? ฟ้าถล่ม ยังจะวิ่งต่อ อย่าด่วนไปมันเรื่องอะไรกัน กลัวราชสีห์ละซิ ถ้าจะวิ่งผ่านราชสีห์ไปก็กลัวตายอีกแหละ เพราะกลัวฟ้าถล่มหนีตายมา ไปเจอราชสีห์อีก
พญาราชสีห์ : จะไปไหนกัน วิ่งอะไรกัน?
สัตว์ทั้งหลาย ฟ้าถล่มก็จะวิ่งต่อไปอีก
พญาราชสีห์ : อย่าด่วนไป ฟ้าถล่มยังไง?
ถ้าจะวิ่งฝืนราชสีห์ก็กลัวตายอีก เพราะกลัวตายมาขั้นหนึ่งแล้วขั้นฟ้าถล่ม ขั้นที่สองคือพญาราชสีห์ มาฝืนพญาราชสีห์ก็จะตายอีก เลยต้องหมอบฟัง
ราชสีห์ : มันฟ้าถล่มยังไง?
แล้วถามใครก็ไม่ได้เรื่อง ใคร ๆ ก็ถามว่าฟ้าถล่ม ถล่มยังไง ถามไม่ได้เรื่องได้ราว ถามใครก็มีแต่ฟ้าถล่ม ตื่นฟ้าถล่ม หาตัวจริงที่ผู้มาพูด หาจนจะแทบเป็นแทบตาย ก็ไปเจอกระต่ายนั่นแหละ
กระต่าย บอกว่าฟ้าถล่ม
ราชสีห์ : ไหนพาไปดูซิ มันถล่มยังไงฟ้านี่ ไป กลับคืนไปดู
ไปดูที่ไหนได้ มันต้นตาลอยู่ข้างบน กระต่ายมันนอนอยู่ใต้ร่มไม้นี้ ลูกตาลมันหล่นลงมาถูกก้านตาลเปรี้ยงป้างตูมลงมานี้ กระต่ายนึกว่าฟ้าถล่มก็วิ่งเลย ไปดูแล้วเห็นมะตูมลูกเดียว มันวางอยู่นี้ อ๋อ.ฟ้ากระต่ายฟ้าถล่มอย่างนี้เอง พญาราชสีห์ก็สอน พิจารณาเสียก่อนอะไรก็ดี อะไรเอะอะตื่นเขา ๆ ตื่นแบบจนฟ้าถล่ม ตื่นไปจนเป็นบ้ากันทั้งโลก ไม่ดีเลย ให้มีเหตุมีผล พญาราชสีห์ก็สอน อันนี้ก็มะตูม มันฟ้าอะไรนี่ มองกันเห็นอยู่นี่ ไปตื่นกันอะไรนักหนา สอนให้มีเหตุผล อันนี้หมายถึงธรรม เข้าใจไหม พญาราชสีห์ คือธรรมของพระพุทธเจ้า พระพุทธเจ้าสอน นักปราชญ์สอนให้มีเหตุมีผล อย่าตื่นแบบกระต่ายตื่นตูม พวกเรามันกระต่ายตื่นตูมนะ กิเลสบอกว่าฟ้าถล่ม หมดโลกหาตัวจริงใครว่าฟ้าถล่มก็ไม่เจอ มีแต่วิ่งกันเป็นบ้าอยู่อย่างนี้ละโลก ทั่วโลกดินแดนมีแต่พวกกระต่ายตื่นตูมทั้งนั้นแหละ ฟ้าถล่ม ๆ หาตัวจริงใครเป็นคนมาโกหกก็เลยไม่ได้นะ
อันนั้นยังจับกระต่ายได้นะ กระต่ายตัวพาตื่นพาเป็นบ้า อันนี้หาจับใครก็ไม่ได้ ถามใครก็มีแต่ฟ้าถล่มไปด้วยกันหมด เมืองนั้นก็ดี เมืองนี้ก็ดี อันนั้นก็ดี อันนี้ก็ดี ก็ฟ้าถล่มไปเลย ไม่รู้จักเป็นจักตาย ตายเปล่า ๆ ไม่เกิดประโยชน์อะไร นี่ละพวกฟ้าถล่มไม่มีเหตุมีผลเลย ถ้าผู้มีเหตุมีผลตื่นอะไรประสามะตูม แน่ะ. ตื่นอะไรสิ่งต่าง ๆ อาศัยกันไปชั่วกาลเวลาเท่านั้น ก็รู้กันอยู่แล้ว ฟังแต่ว่าสิ่งอาศัย สิ่งที่จะเป็นสารประโยชน์แก่ตนคือศีลคือธรรม นั่น.ให้พยายามบังคับตนใส่ในจุดนี้ ๆ ก็จะยับยั้งตนได้ไม่เป็นบ้าฟ้าถล่มเหมือนกระต่าย ต้องอย่างนั้นซิ ให้มีหลักมีเกณฑ์ นี่ธรรมท่านประกาศ ธรรมก็คือราชสีห์นั่นเอง ธรรมท่านประกาศป้าง ๆ ให้รู้เรื่องรู้ราวบ้างอย่าตื่นจนเกินเหตุเกินผล เคราะห์กรรมมันอยู่กับเราผู้ตื่นนั่นแหละ มันไม่อยู่กับฟ้าถล่มนะ มันอยู่กับเรา
ฟ้าถล่มนั้นเป็นสิ่งที่ทำโลกที่โง่แล้วให้โง่หนักมากขึ้น เสียงอะไรมันก็มีเป็นธรรมดา จะบอกว่าฟ้าถล่มก็ได้ เรียกมะตูมลูกหนึ่งหล่นลงมานี้ว่าฟ้าถล่มก็ได้ แต่มะตูมเขาเอาไปต้มกินอยู่ทุกวันนี้ มันถล่มที่ไหนนอกจากมันถล่มเข้าปากคนเท่านั้น ถ้ารู้จักใช้มะตูมมันก็มาเข้าปากคนกินได้สบาย ฟ้าถล่มที่ไหนก็ไม่เห็นมี แต่กระต่ายฟ้าถล่มทั้งนั้นแหละ ตื่นเข้าใจไหม ให้พากันพินิจพิจารณาบ้างพวกเรา ไม่งั้นจะจมไปกันทั้งโลกทั้งสงสารนะ
เวลานี้เราหนักมากอยู่นะ พิจารณาถึงเรื่องศาสนาที่คลุกเคล้าไปด้วยสิ่งสกปรกโสมม เป็นภัยมหาภัยต่อศาสนาของเรา หนักใจเหมือนกันจะทำยังไง มันก็ต้องได้ทนเราก็ดี ทั้ง ๆ ที่ไม่มีอะไรกับโลกนี้เลย ต้องได้มาเกี่ยวข้องอยู่จนได้นั่นแหละ วันนี้ก็จะไม่พูดอะไรมากนัก พูดเรื่องฟ้าถล่มก็พอเป็นคติเครื่องเตือนใจ เบื้องต้นก็เทศน์ถึงเรื่องกรรม พระพุทธเจ้าสอนไว้ทุกบททุกบาทแม่นยำไปหมด ไม่มีอะไรผิดพลาดไปเลย ให้นำมาปฏิบัติตัว ทีนี้จะให้พร
เปิดดูข้อมูล วันต่อวัน ทันต่อเหตุการณ์ หลวงตาเทศน์ถึงเรื่องอะไร ทาง internet
www.luangta.com |
** ท่านผู้เข้าชมทุกท่านโปรดทราบ
เนื่องจากกัณฑ์เทศน์บางกัณฑ์มีความยาวค่อนข้างมาก
ซึ่งจะส่งผลต่อความเร็วในการเปิดเว็บไซต์ ขอแนะนำให้ทุกท่านได้อ่านเนื้อหากัณฑ์เทศน์บางส่วนจากเว็บไซต์
และให้ทำการดาวน์โหลดไฟล์กัณฑ์เทศน์ที่มีนามสกุล .pdf ไปเก็บไว้ในเครื่องของท่านแทนการอ่านเนื้อหาทั้งหมดจากเว็บไซต์
|
|
|
|