การเจ็บไข้ได้ป่วยพวกเรามีแต่พึ่งหมออย่างเดียว ไม่เป็นตัวของตัวเลยนี่ใช้ไม่ได้ ถ้ามีธรรมแทรกเข้าภายในจิตใจแล้วจะเป็นตัวของตัวด้วยอาศัยคนอื่นด้วย นี่อาศัยคนอื่นเป็นกำลัง ตัวของตัวไม่มีลมหายใจ จมูกมีแต่ไม่มีลมหายใจใช้ไม่ได้นะ กำลังใจเป็นสำคัญมาก ทางด้านจิตโรคภัยไข้เจ็บนี้ใจไม่ได้เป็นโรคเป็นภัย แต่กลับกลายเป็นโรคภัยไข้เจ็บมากยิ่งกว่าทางร่างกายเสียอีก เพราะใจยุ่งวุ่นวาย เจ็บท้อง ปวดศีรษะ เจ็บนั้นปวดนี้เล็ก ๆ น้อย ๆ ใจก็ไปเป็นอารมณ์เกาะเกี่ยวอยู่กับอาการไม่ดีนั้น ๆ แล้วก็สร้างโรคขึ้นมา โรคเสียใจโรคเป็นทุกข์เกิดขึ้นมาที่ใจ เลยกลายเป็นโรคสองชั้นไป นี่แหละเพราะไม่เป็นตัวของตัว เพราะไม่มีธรรมในใจ เอะอะก็วิ่งแต่หมอ ช่วยตัวเองไม่ได้ คนไทยเรามากต่อมากเป็นอย่างนั้นนะ
ทีนี้เวลาพระกรรมฐานท่านมาสอนก็จะเชื่อท่านไม่ได้อีกแหละ มันลำบากนะจะสอน สอนก็เชื่อไม่ลง เพราะไม่เคยรู้เคยเห็น ไม่เคยเป็นไม่เคยทำก็ไม่รู้ พระพุทธเจ้าท่านสอนว่าธรรมโอสถ ธรรมโอสถเป็นยังไง นี่พระพุทธเจ้าทรงทำมาแล้วจนประกาศออกเป็นศาสนธรรมให้เราทั้งหลายได้ทราบทั่วกันตลอดมาว่า สกฺกตฺวา ธมฺมรตนํ โอสถํ อุตฺตมํ วรํ ปริฬาหูปสมนํ ธมฺมเตเชน โสตฺถินา นั่นท่านบอกว่าธรรมโอสถนี้เป็นยาระงับดับโรคภัยได้เป็นอย่างดี นอกจากนั้นยังดับกิเลสอีก ไม่ใช่ดับแต่เพียงโรคภัย คนใจไม่วุ่นวายใจมีอรรถมีธรรมนี้ถึงโรคจะเกิดขึ้นภายในร่างกายก็ไม่ค่อยเป็นทุกข์มากนัก นี่สำคัญ
โรคเกิดขึ้นภายในร่างกาย มันเข้าไปกระเทือนถึงใจได้อย่างง่าย เพราะใจเปิดรับอยู่ตลอดเวลาในอารมณ์ที่ไม่ดี เช่นเจ็บนั้นปวดนี้ก็มาสร้างอารมณ์ขึ้นเสีย สร้างอารมณ์ การสร้างอารมณ์ขึ้นนั่นแหละ คือการสร้างโรคประเภทหนึ่งขึ้นเป็นความวุ่นวายภายในจิตใจ เลยกลายเป็นโรคสองชั้นไปนี่ไม่ดี มันเจ็บท้องปวดศีรษะ เจ็บตรงไหนก็เอาพุทโธนึกพุทโธเข้าไปใส่ในนั้นซิ หมอก็อาศัยเรื่องหมอ พึ่งหมอก็พึ่งพึ่งตัวเองก็พึ่ง พึ่งพุทโธก็พึ่ง ถ้าพึ่งพุทโธได้ดีแล้วข้างนอกก็เป็นผิวเผิน อย่างโรคภัยไข้เจ็บมันจะเจ็บปวดหนักมากน้อยเพียงไร ก็เป็นอยู่เพียงภายในร่างกายเท่านั้น ไม่สามารถเข้าแทรกภายในจิตใจ ใจก็สบาย นี่ท่านเรียกว่าธรรมโอสถรักษาใจ ไม่ให้สิ่งนั้นเข้ามายุ่งเหยิงวุ่นวายก็ไม่เป็นทุกข์มาก
พระกรรมฐานท่านส่วนมากต่อมากท่านปฏิบัติอย่างนั้น แต่เวลามาพูดออกสังคม สังคมไม่ยอมรับเพราะสังคมไม่เคยทำสังคมไม่เคยรู้ ธรรมพระพุทธเจ้าข้อที่ว่า สกฺกตฺวา ธมฺมรตนํ เรียกว่าธรรมโอสถนั้นก็เลยเป็นโมฆะไปสำหรับชาวพุทธเรานี้ ใช้ไม่ได้เลย เราอยากให้นำธรรมนี้ไปปฏิบัติต่อจิตใจของชาวพุทธเราบ้าง จะเห็นคุณค่าแห่งธรรมโอสถที่เด่นขึ้นภายในจิตใจ เด่นจริง ๆ ร่างกายเจ็บไข้ได้ป่วยหนักมากขนาดไหน จิตใจยิ้มได้ ๆ เพราะใจไม่เป็นทุกข์ใจไม่เป็นโรคใจมีธรรมรักษา นี่มันต่างกันอย่างนั้นนะ นี่เราเอะอะก็มีแต่วิ่งหาหมอ ๆ สุดท้ายลมหายใจอยู่กับหมอหมด เรามีจมูกแต่ไม่มีลมหายใจ อันนี้อ่อนแอมาก ที่ว่าอ่อนแอมาก
เราต้องพึ่งตัวเองของเราบ้าง นี่หลวงตานี่ไม่ใช่คุย พูดให้เป็นคติแก่ลูกศิษย์ลูกหานี่เคยพูดมาหลายครั้งแล้ว นี่ถ้าไม่มีกำลังใจไม่มีกำลังธรรมเป็นเครื่องเยียวยารักษานี่ตายไปนานแล้วนะ สิบกว่าปีแล้วเคยปฏิบัติมาอย่างไรเกี่ยวกับเรื่องธรรม อยู่สบาย ๆ หมอเขาตรวจจนเขาทอดอาลัยตายอยาก โอ๊ยท่านอยู่ได้ยังไงอยู่อย่างนี้นี่ โรคขนาดนี้เขาตายกันไปตั้งมากมายแล้ว นี่ท่านอยู่ได้สบาย ๆ ท่านอยู่ได้ยังไงไม่ทราบ เราก็เฉยเพราะเขาไม่รู้เรื่องกับเรานี่ว่าเราอยู่ได้ด้วยอะไร ก็เราอยู่ได้ด้วยลมหายใจเราเขาไม่รู้ เขาอยู่ได้ด้วยลมหายใจ เราก็อยู่ได้ด้วยลมหายใจ
นี่แหละพลังของจิตพลังของธรรม ไปตรวจโรคมีแต่โรงพยาบาลใหญ่ ๆ หมอใหญ่ ๆ ทั้งนั้นมาตรวจ เครื่องตรวจเครื่องวัดเขาก็มี เขามาเทียบดูแล้วเขาบอกว่าเพียงครึ่งหนึ่งนี่ตายไปมากต่อมากแล้ว อันนี้มันเลยครึ่งไปอีกเท่าตัว เลยเท่าตัวไปอีก ท่านอยู่ได้ยังไงก็ไม่ทราบ นี่หมอพูดแบบทอดอาลัยตายอยาก นี่ละพลังของธรรมเป็นอย่างงั้น นี่มาพูดให้พี่น้องทั้งหลายทราบ จิตใจดี ๆ อยู่ธรรมดาร่างกายมันอ่อนเพลียมันก็อ่อนของมันไป แต่ใจไม่อ่อน ใจมีความผาสุกเย็นใจสบายยิ้มแย้มแจ่มใสได้ธรรมดา เหมือนคนไม่มีโรคภัยเพราะใจไม่เป็นโรค เป็นเฉพาะส่วนร่างกายต่างหาก มันต่างกันอย่างนั้นนะ
ขอให้นำธรรมนี้เข้าไปเป็นเครื่องเยียวยาจิตใจ เกิดความไม่สบายขึ้นให้นึกภาวนาพุทโธ สร้างฐานของจิตให้มั่นคงขึ้นไป โรคภัยไข้เจ็บจะไม่เข้าไปยุ่งมาก กวนมากเอนเอียงแล้วเดี๋ยวก็ล้มเหลว ถ้าไม่มีธรรมล้มเหลวอย่างง่ายดายนะ คนเราให้มีธรรมภายในใจ พุทโธเป็นของเล่นเมื่อไร พระพุทธเจ้าทุก ๆ พระองค์รวมอยู่กับคำว่าพุทโธนี้ทั้งหมดเลย คำว่าพุทโธคำเดียวนี้กระเทือนพระพุทธเจ้าทั่วแดนโลกธาตุมาเป็นเวลานานแล้ว จึงไม่ใช่เรื่องเล็กน้อย คำว่าพุทโธ ๆ กระเทือนไปหมด
ทีนี้เรานึกพุทโธ ๆ ติดต่อกันจนกระทั่งเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันกับใจด้วยแล้ว นั่นแหละใจทีนี้ใจเป็นหินเลยทีเดียว คำว่าหินนี่นะ หินนี่มันไม่มีความรู้สึก แต่ใจแน่นหนามั่นคงเหมือนหินนี่มีความรู้สึกมีความสว่างไสวมีความแน่นหนามั่นคง มีความอัศจรรย์เต็มอยู่ในหัวใจที่แน่นเหมือนหินนี้ นั่นแหละพุทโธกับใจเป็นอันเดียวกันแล้ว เห็นกันอย่างชัดเจน โรคกี่โรคมาไม่เคยหวั่นกับโรคอันนั้น มันเป็นอยู่ภายนอกร่างกายไม่ได้เป็นอยู่ภายในจิตใจเห็นได้ชัด ร่างกายเป็นโรคเป็นภัย แต่ใจไม่เป็นใจก็สบาย เพราะใจมีธรรมรักษานี่เป็นสำคัญมากนะ
ขอให้พี่น้องทั้งหลายนำไปปฏิบัติต่อตัวเอง จะได้เห็นผลของธรรมโอสถที่พระพุทธเจ้าทรงแสดงมากระเทือนโลกมาได้สองพันห้าร้อยกว่าปีนี้แล้ว ธรรมบทนี้เป็นโมฆะไปแล้วหรือสำหรับชาวพุทธเรา ทำไมจึงให้ธรรมนี้เป็นโมฆะ ถ้าเราไม่เป็นโมฆะก่อนธรรมนี้แล้วนำธรรมนี้ไปปฏิบัติ ทำไมจะไม่ทราบทำไมจะไม่รู้ นี่พูดอาจหาญมากนะไม่ใช่คุย เคยปฏิบัติมาอย่างนี้กับโรคกับภัยไข้เจ็บ เกี่ยวกับเรื่องธรรมนี้เป็นอย่างนี้ เวลาเจ็บไข้ได้ป่วยมาก ๆ ไม่ให้ใครมายุ่งเลย เราอยู่คนเดียว เราอยู่กับธรรมไม่ให้มายุ่งมาเกี่ยวข้องไม่ว่าหมอว่ายา อยู่คนเดียวเท่านั้นแหละ นั่นนะเห็นไหม นี่อยู่อย่างนั้นมาแล้วนะ เคยอยู่มาแล้ว เวลาเจ็บไข้ได้ป่วยมาก ๆ ไม่ให้ใครมายุ่งเลย ไม่ให้ใครมาแตะ ร่างกายก็ไม่มาแตะ ให้ใจกับธรรมสัมผัสกันอยู่ในนั้น เป็นอันหนึ่งอันเดียวกันแล้วแน่นหนามั่นคง แน่นปึ๋งอยู่อย่างงั้นว่าไง ให้มันเห็นชัด ๆ อย่างนั้นซี นี่แหละธรรมโอสถเห็นประจักษ์ใจ นำมาทำประโยชน์ได้มากมายก่ายกอง
พระพุทธเจ้าทรงทำประโยชน์ได้มากเพราะธรรมโอสถนี้ แต่พวกเราไม่เห็นได้เรื่องได้ราวอะไร เอะอะจามฟื้ด ๆ ก็วิ่งหาหมอแล้ว จามก็ไม่ได้ มันไม่ใช่คนตายนี่ก็จามบ้างซี่จะว่ายังไง นี่ไอบ้างจามบ้างก็ไม่ได้ วิ่งหาแต่หมอ ๆ จิตใจไปอยู่กับหมอไม่ได้อยู่กับตัวเอง ตัวไม่เป็นตัวของตัว เอาพุทโธเข้าไปจับไว้ในจิตนั่นซี นี่แหละหมอเอกอยู่ตรงนี้นะ ธรรมเอก ธรรมโอสถหรือยาชั้นเอกก็อยู่ที่นี่ละ อยู่ที่ธรรมโอสถนี้เข้าไปติดแนบกับใจไว้ มันจะเป็นมากเป็นน้อยขนาดไหนอย่าปล่อยพุทโธ เหมือนกับเป็นมากเป็นน้อยเราไม่ปล่อยยานั่นแหละ ยากับหมอนี่ติดแนบกับคนไข้ที่เป็นหนัก
อันนี้เวลาร่างกายของเรามันเป็นหนักก็ให้ธรรมเข้าติดแนบกับใจของเรา ให้มีใจแน่นหนามั่นคง ใจแน่นหนามั่นคงไม่ได้เหมือนอย่างอื่นอย่างใดนะ พูดไม่ถูกถ้าไม่เป็นในจิตแล้วพูดไม่ถูก ถ้าเป็นแล้วพูดได้จะไม่มีสะทกสะท้านเพราะมันเป็นอย่างงั้นจริง ๆ ธรรมพระพุทธเจ้าไม่ใช่ธรรมโมฆะนี่ ธรรมเป็นของแท้ของจริง ถ้านำมาปฏิบัติมันก็เห็นชัด ๆ ประจักษ์ใจดังที่ว่านี้ เอาถึงคราวล่ะจะตายจริง ๆ เหรอ มันก็ไม่ถอยจิตนี่ จิตกับธรรมเป็นอันเดียวกันอยู่ตลอดเวลา ร่างกายมันก็สลายไปเพียงเท่านั้นนั่นเอง ไม่สะทกสะเทือนภายในจิตใจได้เลย ใจก็ไม่เสียท่าตายแล้วก็ไปดีเลยเชียว แน่ะไปสวรรค์โน่น อยู่เมืองมนุษย์นี่มันบ่นกันยุ่งกัน
มนุษย์เรานี่เป็นมนุษย์ที่สร้างอยู่สร้างกิน มนุษย์สร้างเรื่องสร้างราวสร้างทุกสิ่งทุกอย่างเต็มอยู่กับมนุษย์นี้หมด เมืองสวรรค์ท่านไม่มีสร้างอย่างนี้แหละ และยิ่งนิพพานด้วยแล้วเรื่องสามแดนโลกธาตุที่เป็นกันอยู่วุ่นวายนี้ไม่มีในนิพพาน ความทุกข์ความลำบากลำบนความกระวนกระวายที่โลกวุ่นกันอยู่เต็มโลกเต็มสงสารนี้ไม่มีในพระนิพพานของท่านผู้สิ้นกิเลสแล้ว นั่นต่างกันไหม นี่ท่านสอนให้เราไปนิพพานแต่เราไม่อยากไป เพราะเรายังอยากยุ่งอยู่ มันก็ต้องยุ่งอยู่อย่างงั้นแหละ เข้าไปบ้านก็ยุ่งกับลูกกับผัวกับเมีย ออกมานอกบ้านก็ยุ่งกับเพื่อนกับฝูงยุ่งกับสิ่งนั้นสิ่งนี้ มีแต่เรื่องยุ่ง อยู่คนเดียวก็ยุ่งคิดยุ่งอยู่ตลอดเวลา โลกนี้เป็นโลกยุ่งเราชอบ
สร้างธรรมเข้าไปในจิตใจแล้วใจไม่กังวลใจไม่ยุ่งใจก็สบาย เรื่องราวมีอะไรก็จัดทำกันไปตามธรรมดา แต่ใจไม่ยุ่งมันก็สบายคนเรา อันนี้ใจก็ยุ่งด้วย แม้งานการอะไรไม่มีใจก็ยุ่ง อยู่ตัวคนเดียวไปไหนก็ยุ่ง อยู่กับใจ หลอกตัวเอง คิดเรื่องนั้นคิดเรื่องนี้หลอกตัวเอง คิดเรื่องไหนขึ้นมาก็เชื่อตัวเองเชื่อความคิดตัวเอง แล้วก็หลอกตัวเองไปเรื่อย ๆ วันหนึ่งวาดภาพหลอกตัวเองทั้งวัน ไม่มีอะไรมีแต่ภาพหลอกตัวเอง สังขารความคิดปรุง ปรุงเรื่องนั้นปรุงเรื่องนี้ เรื่องทั้งหลายไม่เป็นจริงแหละ อย่างน้อยส่วนมากไม่เป็นจริง ที่เป็นจริงนี้น้อยมากทีเดียวแต่มันก็เชื่อเอาหมดนะ จะจริงหรือไม่จริงก็เชื่อ ถ้าได้ปรุงได้คิดได้แต่งออกไปแล้วเชื่อทั้งนั้นแหละ มันถึงได้สร้างความยุ่งยากให้แก่จิตใจ
เพราะฉะนั้นจึงเอาพุทโธเข้าไปแนบติดที่จิตใจ อยู่ธรรมดาก็ให้มีพุทโธรักษาใจ ใจก็สบาย เจ็บไข้ได้ป่วยยิ่งติดแนบกับพุทโธเลย ใจกับพุทโธได้ติดแนบไปเลยยิ่งเป็นความสุขความสบาย เอาจะตายก็ให้ตายกับพุทโธนั่นแหละไม่แยกจากกัน พุทโธไม่เคยพาใครไปตกนรกหรอก ถ้าเรื่องบาปเรื่องกรรมแล้วพาไปแน่ ๆ พาไปลงนรกเลย ความยุ่งเหยิงวุ่นวายนี่ก็พาไปนรกได้ แต่ความไม่ยุ่งเหยิงวุ่นวายความอยู่กับพุทโธนี้ตายเมื่อไรไปเมื่อนั้นแหละ ไปดีไปสวรรค์ไปพรหมโลกนิพพาน ไปได้สบาย ๆ คนที่มีธรรม ธรรมท่านไม่พาคนไปตกนรกหรอก มีแต่บาปแต่กรรมแหละพาโลกทั้งหลายให้ตกนรกให้จมไปเรื่อย ๆ พากันจดจำ
เอานะ วันนี้ก็ไม่ได้พูดอะไรมากหรอก