เทศน์อบรมฆราวาส ณ วัดป่าบ้านตาด
เมื่อวันที่ ๒ ตุลาคม พุทธศักราช ๒๕๓๙
ไสยศาสตร์
เมื่อวานไปวัดดงศรีชมภู จากนี้ไป ๒ ชั่วโมง ๔๕ นาทีถึงวัดพอดี เวลาขากลับมา ๒ ชั่วโมง ๓๐ กว่าเพราะไม่ได้เติมน้ำมัน ถ้าเติมน้ำมันก็ต้องเสียเวลาอีก ๘ นาที ๙ นาที ทางก็ดีพอ ๆ กันกับทางสายอื่น ๒ ชั่วโมง ๔๕ นาที เขากำลังจะลาดยางเข้าไปข้างใน เขาลาดไปทีละเล็กละน้อยไปเรื่อย ๆ สายจากบ้านตาดเข้ามานี้ทำตอนเดือนตุลาเข้ามาหมู่บ้าน สายหนึ่งอีกสายบ้านเหลี่ยม ทำสายบ้านเหลี่ยมอีก ถ้าทำทางนี้แล้วไปทางนี้ก็ใกล้กว่าทางนี้หน่อยหนึ่ง เราจะออกทางนี้ไปทางจังหวัดเลยนี้ เราออกนี้ไปโรงเรียนแล้วก็ขับออกเลย ใกล้กว่ากัน ๓ นาที ย่นเวลาเข้าไป ๓ นาที ไปทางโน้นบางทีมากกว่านั้น ช้ามากกว่านั้น เพราะไปติดไฟแดง ไฟแดงก็ตั้ง ๒ นาที แต่เวลาไปทางนี้เลี้ยวมาทางนี้จะไม่ค่อยติดแหละ เลี้ยวซ้ายไปได้ตลอดไม่ค่อยติด ถ้าจากทางโน้นมานี้ต้องติดไฟแดง
ไปดูสภาพของวัดดงศรีชมภูก็คงเส้นคงวาหนาแน่นดีทางป่า สงบสงัดดี เป็นที่รื่นรมย์นะ ไปที่สงัดนี้มันรื่นรมย์ดี พระท่านสนุกภาวนา ใจสงบอีก ป่าสงบสงัดแล้วก็ช่วยให้จิตใจสงบเข้าอีก จิตใจสงบเป็นสุข จิตใจว้าวุ่นขุ่นมัวหาความสุขไม่ได้มีแต่กองทุกข์ ท่านจึงหาความสงบ ใครจะฉลาดยิ่งกว่าพระพุทธเจ้า ฉลาดหาความสุขให้สัตว์โลก แต่สัตว์โลกไม่ชอบ ถูกกิเลสหลอกไปต้มไปเรื่อย กิเลสมันหลอกอยู่ปากคอก พอออกมาจากปากคอกกิเลสคว้าแขวนมับจับจูงไปถลุงแล้ว ธรรมะยังไม่ได้เลย กิเลสมันรวดเร็วจึงได้ครองโลก ท่านไล่เข้าไปอยู่ในป่าในเขา อยู่ในป่าสัตว์ป่าเสือ
ในครั้งพุทธกาลก็มีเหมือนกันนะเสือกินพระ ที่ปรากฏในชาดกดูเหมือนมีอยู่ ๒-๓ รายไปสำเร็จอยู่ในปากเสือ เสืองับเข้าไปนี้ท่านสำเร็จเป็นพระอรหันต์ขึ้นในปากเสือเลยก็มี พระองค์นั้นจวนแล้วนี่ จวนเต็มที่แล้ว ไม่มีสัตว์บุคคลไม่มีสัตว์มีเสือ เสือกินก็เหมือนกับว่าธาตุกินธาตุไปอย่างนั้น ท่านไม่ได้หมายถึงว่าเสือจิตถึงขั้นนั้นแล้ว ท่านพิจารณาในนั้นสำเร็จในนั้นในปากเสือเลย
ในสมัยทุกวันนี้ไม่มี อย่างเมืองไทยเราไปอยู่ที่ไหนก็ไม่มี ทั้ง ๆ ที่อยู่ในป่าเสือนะ เสือก็ไม่มายุ่งอะไรกับเรา เดินผ่านไปผ่านมาอยู่นี้แหละ เวลาตอนเช้าเราเดินจงกรม ตอนกลางคืนเราเดินจงกรมพอออกมาเห็นรอยมันเดินฉากไป มันไม่ได้เดินวกเวียนนะ ถ้าเดินวกเวียนแสดงว่าเดินสนใจ ถ้ามันสนใจมันต้องวกต้องเวียนมองสอดส่องดู ถ้ามันเดินฉากไปธรรมดาก็เรียกว่ามันไปธรรมดา นี้ไม่เห็นมีมันเดินลอบๆ มองๆ ไม่มี มีแต่เดินผ่าน บางทีห่างกัน ๓ วาก็มี มันเดินผ่านโน้นไป มันเดินไปธรรมดาไม่ได้ถือว่าคนเป็นอาหารของมัน แต่มักจะถือว่าเป็นข้าศึกของมันจึงต้องระวัง ไม่ได้พบมันง่าย ๆ แหละเสือสติมันดี
อย่างที่พวกเขาขี่เสือมีนะ นี่ละไสยศาสตร์ขี่เสือได้นะ ขี่เสือป่านี่ขี่เสือได้ ที่บ้านหนองแวงนี่ก็มีคนหนึ่ง เราเกิดไม่ทันผู้เฒ่าตายเสียก่อน เขาเรียกพรานป้อ คนเตี้ย ๆ ขี่เสือมาเรื่อย ไปในป่าพอไปเหนื่อย ๆ แล้วขี่เสือออกมา เขามีวิชาจับเสือขี่ อันนี้ก็มีคนหนึ่งอยู่ทางบ้านมาย อำเภอบ้านมายหรืออำเภอบ้านม่วง มีเสือ..ดงใหญ่ คนนี้ก็ขี่เสือได้ ไปเรียนวิชามาจากฝั่งลาว ไปเรียนกับพวกโซ่พวกข้าเขา เรียนวิชาขี่เสือ ว่าไปด้วยกัน ๕ คน ครูนำหน้าไป พอไปตั้งทัพลงตรงนี้ปั๊บแล้วก็นั่งร่ายมนต์เรียกเสือมา เสือตัวไหนอยู่ใกล้มันก็มา มาก็มานอนอยู่ตามนี้เสือ เสือโคร่งนะคนร่ายมนต์ ทีนี้เสือก็มาลูกศิษย์จนตัวสั่นแหละ อาจารย์เป็นคนร่ายเสือมา
ทีนี้พอมันมาแล้วก็สั่งคนนั้นไปขี่เสือมานี่ คือมันมานอนอยู่ตามอย่างนี้ ให้ขี่เสือตัวนั้นเข้ามาหาครูนี่ ครูนั่งอยู่นี่ ทดลองในขั้นนี้ก่อนนะ ทดลองเป็นขั้น ๆ จนกระทั่งใจกล้าหาญเชื่อวิชาตัวแล้วทีนี้ก็ปล่อย อันนี้ก็สั่งคนนี้ให้ไปขี่เสือ ไม่ยอมไปกลัวเสือกินหัวมัน อาจารย์ไล่ไม่ยอมไป เสือก็นอนดาดาษอยู่ มันดงเสือนี่นะตัวไหนอยู่ใกล้ก็มาก่อน ตัวไหนอยู่ไกลก็มา บางทีจนคนจะเลิกแล้วค่อยมาถึงก็มี ทีนี้พอถึงคนที่ห้านี้ตัดสินใจเลยตายก็ตาย ถ้าครูไม่เก่งจริงจะเรียกเสือมาไม่ได้ เอากันตรงนั้นตัดสิน ถ้าครูไม่เก่งจริงแล้วเรียกเสือมาไม่ได้ ครูต้องเก่ง นี่ครูเป็นคนบอกเองให้เราไปขี่เสือมาหาครูนี้จะเป็นอะไรไป เอ้า ตายก็ยอมตาย ไปก้าวขาจะไม่ออกมันแข็งไปหมดว่างั้น
เอ้าๆ ไปบังคับให้ไป ไปก็ไปขี่เสือมาหาครู พอขี่ตัวนี้มาแล้ว ไปๆ ขี่เสือมาอีก ขี่ตัวนี้มานอนอยู่นี้ นอนอยู่หน้าคน นี่ละไสยศาสตร์เขาเก่งไหม ก็ขี่ตัวนั้นมาขี่ตัวนี้มา กล้าหาญละ นี่เป็นครั้งหนึ่งแล้วนะทดลองพักแรก พักที่สองครูนั่งอยู่ที่นี่ให้ลูกศิษย์ไปนั่งอยู่โน้น ห่างๆ จากครูไป ให้ลูกศิษย์เป็นคนร่ายมนต์เรียกเสือมา มาหาแล้วก็ขี่เสือมาหาครู เขาทำหลายพักนะเขาทดลอง คือทีแรกเรียกมาหาครูเสียก่อน ให้ลูกศิษย์คนนี้ไปขี่เสือเข้ามาหาครู ไปขี่เสือตัวนั้นเข้ามา จากนั้นแล้วก็ให้ลูกศิษย์นี่ไปอยู่นอกๆ โน้นไกลๆ แล้วก็ไปร่ายมนต์เรียกเสือมา แล้วขี่เสือมาหาครู ทีนี้พอชำนาญแล้วถามลูกศิษย์ว่าแน่ใจแล้วไม่กลัวแล้วก็ปล่อยละ
อีตาคนนี้แกขี่เสือ คนบ้านมายนี่ เขาเห็นกันหมดทั้งบ้านปฏิเสธได้ยังไง ทีนี้จึงรู้ว่าเสือสติมันดี รู้กันตามนี้ว่างั้น แกขี่เสือไปนี้ไปตามด่านในดง ขี่เสือไปตามด่านในดง คนมาทางโน้นเสือมันดิ้นแล้วทางนี้ คนมาไม่ใช่คนธรรมดา คนธรรมดาก็เป็นอย่างหนึ่งพูดกันจอแจมา แต่นายพรานมานั่นซิ นายพรานเขาไม่ได้จอแจนี่ เขามาจ้อเลยหายิงเนื้อล่าเนื้อ นายพรานก็รู้ พอนายพรานมาข้างหน้าโน้นทางนี้ดิ้นแล้วจะออกจากทาง พอเห็นท่าไม่ดีก็ปล่อย ปล่อยก็วิ่งเลยเข้าป่าปั๊บ สักเดี๋ยวนายพรานก็มา
คือสติมันดีอย่างนั้นนะว่างั้น รู้ได้เร็วมาก ไอ้ที่จะไปเจอกันจริงๆ ไม่ได้เจอง่ายๆ แหละ มันดุกดิกๆ แล้ว พอจวนเท่าไรมันดิ้นจะไป พอปล่อยปั๊บนี้วิ่งเลยเข้าป่า สักเดี๋ยวนายพรานก็มา บางทีเวลานอนกลางคืนเหมือนกับว่าเอาเสือเป็นหมา เจ้าของนอนอยู่กลางคืนพอตื่นขึ้นมานี้เสือมานอนอยู่ด้วยแล้ว มานอนอยู่กับคน มันไม่กลัวคนเพราะเป็นครูเขานี่ครูเสือ นี่ละเรียกไสยศาสตร์
ที่นี่ก็มาถึงหลวงปู่ตื้อเรานะ หลวงปู่ตื้อเรานี้ก็มีครูเสือเหมือนกันนะ หากครูแบบหนึ่งครูแบบพระ ไม่ได้ขี่เสือ หลวงปู่ตื้อ บ้านข่า สามผง เราเคยไปพักอยู่เหมือนกันแต่ก่อนไปภาวนา เสือชุมมากแถวนั้น หลวงปู่ตื้อท่านมีคาถาเป็นครูเสือ ไปอยู่ไหนเสือมักมานอนเฝ้าอยู่รอบๆ ข้างๆ ที่พักท่าน ท่านไปอยู่แม่ฮ่องสอน ไปอยู่ในป่าเสือก็มาอยู่ด้วย เสือโคร่งใหญ่นะมันมาแอบอยู่ด้วย
ผู้เฒ่าไม่ได้สนใจกลัวมันแหละเพราะเป็นครูมัน คนอื่นนั่นซิ พระไปอยู่ด้วย พอดีกลางคืนพระปวดเบาจะออกมาเบา ออกมาเสือมันนอนอยู่ข้างๆ เสือฮ่าๆ ใส่ เสียงร้องจ้าวิ่ง มันไม่มีอะไร มันจะเป็นอะไร มันไม่เป็นไรแหละหลวงปู่ตื้อบอก ไม่เป็นไร มันตื่นบางทีมันอาจทักทายเฉยๆ ก็ได้ท่านว่าอย่างนั้น มันโฮกๆ ใส่ท่าน พระก็โดดเข้ากุฏิ กุฏิพังกระมัง พระองค์นั้นมามาอยู่ได้คืนเดียววันหลังเผ่นเลย กลัว
โอ๊ย อยู่ไม่ได้ ไม่เป็นไรแหละ อยู่จะเป็นไรไป มันก็อยู่กับคนดีแล้วนี่ ท่านว่างั้นนะ มันอยู่แอบๆ อยู่นี้ไม่ออกมาหาคนแหละ บางทีก็เห็นตัวบางทีไม่เห็น มันอยู่ในป่า คนอยู่อย่างนี้ แต่ถ้ามีคนแปลกหน้ามามันคำรามนะท่านว่า ให้มันทำมันไม่ทำแหละ เพราะมันเป็นหมาของพระว่างั้นเถอะ รักษาเจ้าของ ใครมาแปลก ๆ หน้านี่ไม่ได้มันขู่คำราม ว่างั้น อย่าไปขู่เขานะ ว่างั้นเงียบเลย
เวลาท่านไปไหนมาไหนเสือมักจะตามไปรักษาท่าน รักษาเงียบๆ นะมันอยู่ในป่าแหละเสือ ท่านไปพักภาวนานี่เสือมักจะมาอยู่ข้างๆ ถ้ามีคนแปลกหน้ามาเราถึงจะรู้ว่ามีเสือนะ ถ้าไม่มีคนแปลกหน้ามาก็เหมือนไม่มีเสือ มันไม่แสดงตัว มันอยู่รอบๆ ข้างๆ ถ้ามีคนแปลกหน้ามา พระแปลกหน้ามามันคำรามใส่ บางทีขู่ คำรามเฮ่อๆ ใส่ เสือๆ โอ๊ยไม่เป็นไรแหละมันรักษาพระ มันอยู่นี้เป็นประจำ ไม่เป็นไรไม่ต้องกลัวมัน นี่หลวงปู่ตื้อเป็นอย่างนั้นนะ
ท่านว่าข้ามไปเที่ยวตั้ง ๕ อำเภอมันยังตามไปนะเสือตัวนี้ อันนี้เรายังไม่เล่าให้ฟังถึงเรื่องเจ้าคณะอำเภอเขาจะมาขับไล่ท่าน อันนี้ขบขันดีนะ ตอนกลางคืนแต่ก่อนไม่มีไฟฟ้า มีแต่ตะเกียงเจ้าพายุ เจ้าคณะอำเภอเห็นท่านไปอยู่ในป่าจะมาขับไล่ท่าน จุดตะเกียงเจ้าพายุหิ้วมากลางคืนจะมาขับไล่ท่าน พอมาถึงวัดเสือตัวนั้นออกมาคำรามใหญ่เลย เฮ่อๆ ทางนี้เปิดเลย ตะเกียงเจ้าพายุคงจะตกฟากแม่น้ำโขงท่า ไปใหญ่เลย
ตกลงเสือขับเสียก่อนพระนั้นยังไม่ได้มาขับหลวงปู่ตื้อแหละ ถูกเสือขับเสียก่อนแล้วเผ่นใหญ่เลย ไปใหญ่เลย แตกทั้งญาติทั้งโยมทั้งพระแตกไปด้วยกันฮือๆ เลย เสือมันคำรามใส่ มันยังไม่ทำไมแหละ มันก็เหมือนกับหมามีเจ้าของ ก็คาถาท่านครอบไว้นี่มันกลัว ใจมันลง มันไม่ถือเป็นข้าศึกถือเป็นเหมือนเจ้าของ
คนนี้ก็ขี่เสือเก่ง คนนี้ก็เหมือนกันขี่เสือ อยู่บ้านแวง บ้านธรรมลีอยู่นี่แหละ ผาแดง เขาเรียกพรานป้อ คนเตี้ยๆ ขี่เสือมาเรื่อย คนเจอเรื่อย ครูเขามีนะ ถ้าผู้ขี่เสือไปไม่ให้เจอคน ถ้าเจอคนเสือมันตะปบเจ้าของ โฮกทีเดียวตะปบเจ้าของแล้ววิ่งหนีเลย เจ็บ เสือมันตะปบเจ็บ เลยต้องไปลับๆ เงียบๆ พอจะมีคนต้องปล่อยเสือไป เสือมันบอกก่อนแหละ เสือสติมันดีมันบอกก่อนเลย ที่จะไปเจอคนธรรมดานี้ไม่เคยมีแม้นายพรานก็ตาม เขาไปอย่างด้อมๆ มองๆ นายพรานเขาไปนี้เขาไปด้อมๆ มองๆ หายิงสัตว์ อย่างนั้นก็รู้จนได้ มันหากดิ้นไปดิ้นมา นี่มีคนมาแล้วข้างหน้า พอปล่อยนี้มันวิ่งเข้าป่าปั๊บ สักเดี๋ยวก็เจอคนมา นี่เขาเรียกไสยศาสตร์
เพราะสิ่งเหล่านี้มีอยู่ทั่วโลกดินแดน ใครเสาะแสวงหายังไงก็เจออย่างนั้น เพราะของมีอยู่ด้วยกันพวกผีพวกอะไรๆ จิตวิญญาณอะไรมันเข้าสิง วิชานี่มีวิญญาณอยู่ในนั้นในหลักวิชา อย่างพวกที่เขาทำคนก็เหมือนกันนั่นแหละ พวกนี้ทางเขมรมีมากนะ เขมรมีมากวิชาอย่างนี้ พวกโซ่พวกข้ามีมาก อยู่ฝั่งลาวไปทางโน้น แต่ก่อนเขาใช้วิชาอันนี้ทำคนให้ตายก็ได้ ทำคนให้รักกันเขาเรียกทำเสน่ห์อะไรอย่างนั้นก็ได้ ทำคนให้ตายเลยก็ได้ ทำได้ทุกแบบวิชาพวกนี้ นี่เขาเรียกไสยศาสตร์ ถ้ามีผู้เรียนผู้รักษาอยู่สิ่งเหล่านี้ก็มีก็ปรากฏอยู่ ถ้าไม่มีผู้เรียนไม่มีผู้รักษา มีก็เหมือนไม่มีเพราะใครไม่ได้สัมผัสมัน ถ้ามีวิชา วิชานั่นแหละไปเกี่ยวโยงกันกับสิ่งเหล่านี้มาอยู่กับเจ้าของ
เช่นอย่างเขาว่าเป็นปอบเป็นผีก็เหมือนกัน คนนั้นเป็นปอบคนนี้เป็นปอบ มันมีผีมาสิงอยู่ในคนเขาเรียกปอบ เอ๊ ชื่อว่าอะไรนาหญิงคนนี้ หมอเจริญซักเอาเสียจนตาแห้ง นั่งดูหญิงคนนั้นหมอเจริญน่ะ เป็นหมอแพทย์ปัจจุบัน อยากรู้ชัดๆ เป็นยังไงแน่ แกก็เล่าให้ฟังจริงๆ โห แกเล่าอย่างอาจหาญนี่ นั่นเหมือนกับอ้าปากด้วย ลืมตาไม่หลับด้วยอ้าปากด้วย คือแกพูดมันน่าฟัง ถ้าวันไหนมันหิวมันดิ้นอยู่ในนี่ เจ้าของรำคาญว่างั้น ปอบส่วนมากมันจะออกทางตา แพล็บๆ ทางตาแล้วไปแล้ว ทีนี้ก็คอยร้อนใจละเจ้าของ มันจะไปกินใครเข้า ถูกหมอเขาเก่งเขาไล่ติดตามผีมามาหาเรา ถ้าคนไล่ผีไม่เก่งคนไล่ผีไม่รู้มันก็กินคน
พอมันกินอิ่มแล้วมาหาคน มาหาเจ้าของนั่นแหละ มาเข้าเจ้าของ เข้าทางหูบ้างเข้าทางตาบ้างแว้บเดียว ทีนี้ง่วงนอนทั้งวัน ถ้ามันได้ไปกินอิ่มๆ มาแล้วง่วงนอนทั้งวันเลย ถ้ามันหิวแล้วเจ้าของก็กระวนกระวาย คือมันกวนอยู่ภายใน ออกไป ๆ กินเขาก็ถูกเขาไล่ละซิ อีนี้เป็นปอบอีนั้นเป็นปอบเขาไล่มา มาโดนเอาเราเข้า เหตุที่จะเป็นปอบแกสักว่าน เขาเรียกว่านกระจาย สักอยู่บนหัวนี่ พูดตามความจริงมันจะหยาบหรือไม่หยาบก็ตาม ความเป็นมันเป็นอย่างนั้น นั่นละเรียกว่าความหยาบ ทีนี้เราพูดตามเรื่องความหยาบ ตามเรื่องราวของมัน เรียกว่าตามรอยของมัน ตามรอยความหยาบว่างั้นเถอะ
แล้วไปได้วิชานี้มาจากไหน โอ๊ย เหตุที่จะได้ก็ให้เขาสักว่านให้ที่กระหม่อม แล้วอยู่ยงคงกระพันด้วยนะสักว่านแล้ว แทงก็ไม่เข้า ฟันไม่เข้า ปืนยิงไม่ออก เหตุที่จะให้เขาสักนั้นเพราะอะไร เพราะมีลูกบ่อย แกพูดนะเพราะมีลูกบ่อย แล้วเป็นยังไงถึงมีลูกบ่อย ใครมาเขาก็ขอเขาก็ออดอ้อน ให้เขาไปแล้วลูกออกมาเรื่อย แกเล่าให้ฟัง หมอเจริญจนตาหลับไม่ลงฟังแกเล่า แกเล่าอย่างสบายนี่นะ เล่าด้วยความจริง แกพูดอย่างสบาย คนนั้นก็มาออดคนนี้ก็มาอ้อนขอก็ให้ คนนั้นมาขอคนนี้มาขอก็ให้เขาไปเรื่อย ลูกออกเรื่อย ทีนี้ให้เขาแต่ไม่ให้มีลูกก็เลยสักว่าน แล้วสักว่านมาแล้วเป็นยังไงมีลูกไหม ไม่มีแต่มันเป็นปอบละซี
นั่นละมาเป็นปอบเพราะว่านอันนี้ คือรักษาไม่ได้ แกว่ามีวิชาที่ขัดกันกับสิ่งนี้ เช่นกินของดิบอย่างนี้นะ กินเนื้อดิบปลาดิบอย่างนี้ มันขัดกับวิชานี้ ถ้าขัดแล้วเป็นปอบถ้าไม่ขัดก็ไม่เป็นอะไร เช่นไม่ให้กินเนื้อหรือไม่ให้กินปลาดิบ หรือเช่นอย่างลาบเลือด หรือเครือกล้วยห้ามไม่ให้ไปลอกนี้ก็ไปลอกไม่ได้มันผิด นี่ละที่แกเล่าให้ฟัง
เราก็ดูเหมือนกัน เอ๊ พิลึก วัดสุทธาวาสนี่ละ เรากำลังจะไปวัดดอยฯกับหมอเจริญ หมอเจริญกำลังจะบวช ให้ท่านเจ้าคุณธรรมเจดีย์ไปบวช หมอเจริญเรียนแพทย์กำลังจะบวช หรือเป็นแพทย์แล้วเราก็ลืม ดูเหมือนเป็นแพทย์แล้วละ แกบวชให้แม่ แม่ขอก็เลยบวช พอดีผู้หญิงคนนั้นแกมาคอยรถอยู่ที่หน้าวัด แต่ก่อนรถไม่ค่อยมีแหละ มาที่กุฏิ พวกนี้ก็นั่งอยู่นั้น แกมาก็เลยพูดกันไปพูดกันมาจึงได้รู้เรื่องรู้ราวว่าแกเป็นปอบ
ทุกวันนี้ยังเป็นอยู่เหรอ เป็นอยู่แกว่างั้นนะ ทุกวันนี้ก็ยังเป็นอยู่ยังแก้ไม่ตกเพราะว่านเขาสักไว้กระหม่อมนี้แล้ว เราไปทำผิดอะไรเลยกลายเป็นปอบไป แล้วเดี๋ยวนี้มีลูกไหมล่ะ ไม่มี เขาก็บอกไม่มี แล้วยังให้เขาอยู่เหรอ หมอเจริญถามขนาดนั้นนะ เราพูดตามเรื่องที่เขาถาม แล้วยังให้เขาอยู่เหรอ ให้เขาอยู่ มีลูกไหม ไม่มี ตั้งแต่สักว่านแล้วไม่มีเลย แล้วให้เขาบ่อยอยู่เหรอ ให้บ่อย พูดแล้วมันขบขันนะเราอดหัวเราะไม่ได้ หมอเจริญหัวเราะกั้ก ๆ
โอ้โหวิชามันแปลกนะ เอาไปคิดแหละพวกหมอแผนปัจจุบันนี่นะ สิ่งเหล่านี้เขาไม่เชื่อว่ามี ทีนี้หมอเจริญนี่แหละเชื่อ ไปเห็นแล้วไม่เชื่อได้ยังไง เพราะเขาพูดเป็นตุเป็นตะพูดเป็นหลักความจริง หลักฐานพยานก็สักอยู่บนกระหม่อมเขา ก็บอกว่าสักอยู่ตรงนี้ นี่ละตัวมันพาเป็นเหตุ ก็มีหลักฐานพยานอยู่ทุกสิ่งทุกอย่างแล้วจะไม่เชื่อได้ยังไง มันกินคนเขาก็บอกว่ามันไปกินคน
ถ้าหมอเขาเก่ง ๆ มันไปกินใครอย่างนี้เขาไปขับผี พอจับมัดได้แล้ว เอาเชือกนะ เขาเรียกเชือกระกำเชือกวิชาเขามัดผูกนี้ไว้แล้วมันก็ออกไม่ได้ ออกไม่ได้เขาก็ซักถามซิ เป็นใครมาจากไหน เป็นนั้นชื่อว่าอย่างนั้น ๆ แล้วใครเป็นเจ้าของ มันก็ชี้บอกเจ้าของก็ชี้บอกยายนี้แหละ คนสาวๆ อยู่ไม่ใช่ยายอะไรแหละที่ให้เขาเก่งๆ น่ะ หมอเจริญนี้เชื่อเลย
แล้วท่านสิงห์ทองยังอยากจะให้พวกนักวิทยาศาสตร์เก่งๆ ว่าไม่มีผีไม่มีอะไรให้ไปอยู่ภูเขาลูกนั้น ภูเขาลูกนั้นเราก็เดินผ่านไปผ่านมาอยู่ มันเป็นตีนเขา ข้างบนมีถ้ำอยู่ ๒ ถ้ำ หลวงตาอยู่ทางนั้นถ้ำหนึ่ง แล้วเป็นซอกเขาลงมาน้ำไหลลงมาตรงนี้แล้วมีอีกถ้ำหนึ่ง ครั้นเวลามีพระมาใหม่มาเยี่ยมมาพักอยู่ถ้ำนี้ ผีนั้นก็ลงมาจากโน้นนะจากภูเขา
บนหลังเขานั้นมีแอ่งน้ำอยู่ไหลอยู่ทั้งแล้งทั้งฝนหากไม่มากนะ หากไหลอยู่ทั้งแล้งทั้งฝน เขาเขียนประกาศติดไว้ว่าไม่ให้ผู้หญิงลงอาบน้ำนั้น ถ้าผู้หญิงลงอาบน้ำนั้นเหม็นคลุ้งไปหมดเลย เขาห้ามเขาเขียนประกาศติดเอาไว้ ถ้าต้องการก็ให้ตักเอามาดื่มมากินมาอาบ ห้ามไม่ให้ลงไปอาบ นั่นละเป็นความจริงถึงขนาดนั้นละ น้ำเป็นอย่างนั้นจริง ๆ ถ้าผู้หญิงลงไปอาบน้ำนี้เหม็นคลุ้งไปหมดเลย
มีพญานาคอยู่ที่นั่น ทีนี้พอลงมาแล้ว หลวงตาองค์นั้นท่านอยู่นั้นเป็นประจำท่านชินกับสัตว์ตัวนี้พอแล้ว มันลงมาจากภูเขาเหมือนกับเราลากต้นตาลทั้งต้น เอาต้นตาลทั้งต้นลากลงมาเสียงซ่าๆ ลงมา มันค่อยลงนะซ่าๆ ลงมาซอกเขานี่ หลวงตาองค์นั้นอยู่ทางด้านนั้น ท่านอยู่ถ้ำนั้นเป็นประจำ แล้วถ้ำนี้คนมาพักบ่อยๆ พระน่ะ
ถ้าใครมาพัก พระมาใหม่ไม่ว่าพระองค์ไหนมาจากไหนก็ตามเถอะ ตัวนี้เขาจะลงมาถามข่าว ทีนี้หลวงตาก็เลยสั่งบอกไว้กลัวจะกลัว คือกลัวว่าท่านสิงห์ทองจะกลัว ท่านสิงห์ทองเป็นพระขี้ดื้อ นิสัยกล้าหาญขี้ดื้อ จึงได้หมอบราบกับผีนั้นละซี พูดท้าทายเลยเทียวนะ ใครเก่งว่าผีไม่มีแล้วให้มาตรงนี้ถ้าไม่อยากเผ่นกลางคืน
ทีนี้พอมาผู้เฒ่าก็บอก คุณหลานเอ๊ย พี่น้องจะลงมาเยี่ยมนะตอนค่ำวันนี้ เพราะคุณหลานมาใหม่เป็นพระอาคันตุกะ เป็นแขกมาเยี่ยม แล้วไอ้ตัวอยู่ข้างบนเขามันจะลงมาถามข่าวถามคราว ไม่ต้องกลัวนะ เขาจะลงมาธรรมดา แต่เวลาเขาลงมาก็เหมือนลากต้นตาลทั้งต้น ลากลงมาซ่าๆ เวลาเขาขึ้นก็ซ่าๆ ลงไปตีนเขาแล้วหายเงียบนะ พอไปแค่นั้นเงียบ เวลาขึ้นมาก็ซ่า ๆ เวลาขึ้นมาไม่ทำก็มี แล้วแต่เขาจะทำ เขาจะทำแบบไหนเขาทำได้ พอดีท่านสิงห์ทองมาเหนื่อยๆ เดินทางมาไม่มีรถยนต์ พอมาถึงที่นั่นก็เข้าพัก ผู้เฒ่าก็สั่งเสียไว้เรียบร้อยกลัวผีนั้นละ ทางนี้เข้าใจแล้วก็นอนประมาณ ๓ ทุ่ม
คนจะตายเดินทางทั้งวันเหนื่อยมากเลยนอนเสียก่อน ถึงจะลุกขึ้นเดินจงกรม พอนอนหลับไปเสียงฮ่อๆ อยู่หัวเตียง งูเหมือนงูใหญ่เรานี่ขนาดเท่าต้นเสานี่แหละ เสียงมันฮ่อๆ อยู่บนหัวเรานี่ ทางนั้นก็เรียกหลวงพ่อ ๆ แม่นหยัง มันเสียงงูใหญ่มาอยู่นี่แล้ว มันบ่แม่น เสียงที่บอกนั่นละอย่าไปกลัว บ่กลัวยังไงมันจะงับผมอยู่เดี๋ยวนี้ เสียงดังฮ่อ ๆ น่ะซิ มันจะงับผมอยู่เดี๋ยวนี้มันจะกลืนผม ไม่กลืนไม่ต้องกลัว มันเคยอย่างนั้นละจะเป็นไรไป เชื่อหลวงพ่อเถอะ เพราะหลวงพ่อเคยอยู่นั้นมานานแล้วนี่นะ จะเชื่อได้ยังไงมันจะกินคนนี่ เลยเรียกให้พระมาด้วยองค์หนึ่งนอนอยู่ทางโน้น
ถ้ำมันยาวนอนอยู่ทางโน้น เรียกพระองค์นั้นให้จุดไฟใส่โคมมา แขวนมา แล้วเอาไม้ยาวๆ มา จะหิ้วมานี้ไม่ได้เดี๋ยวจะมาเหยียบงู เอาไม้ยาวๆ แล้วเอาโคมไฟห้อยมาถือมายาว ๆ คนไปเรื่อยฉายไปเรื่อย พอคนมาถึงเตียงมันก็หายเสียเงียบเลยเสียงฮ่าๆ ไม่ได้ยินหยังหายเงียบ คนกลับไป กลับไปสักเดี๋ยวขึ้นอีกแล้ว มาอีกแล้ว คนนั้นเลยจุดไฟมาหางูทั้งคืน จุดไฟมาแบบนั้นละกลัวจะมาโดนงูเข้า เพราะเสียงใหญ่เสียงโตมากนี่นะ มาไม่มี อยู่ได้คืนเดียวเท่านั้นละท่านสิงห์ทอง ทำไมล่ะ กลัวละซิ ยอมรับว่ากลัว กลัวจริงๆ โห เหมือนมันจะกลืนเราทั้งคนนี่นะ ตัวมันจะขนาดเท่าลำตาลงูตัวนี้ พญานาค
พอตื่นขึ้นมาไปลาหลวงตา ว่าอย่างไรล่ะลูก โอ๊ย กลัวงูอยู่ไม่ได้แล้ว ไปกลัวมันทำไม หลวงพ่ออยู่นี้มานานแสนนานรู้เรื่องของมันหมด ไม่มีอะไรแหละ อย่าไปกลัวเลย โอ๊ย กลัว ๆ ถ้าเป็นอย่างนี้แล้ว ใครเก่งว่าผีไม่มีให้มาถ้าไม่อยากเผ่นกลางคืน เอาจริงๆ นี่ นั่นละเสียงมันเป็นอย่างนั้นเวลามันแสดง..พญานาค มาเล่าให้อาจารย์หมออวยฟัง โอ๊ย ตั้งใจฟังสนใจฟังอยากจะไปด้วยนะ อยากจะไปดูสภาพเป็นยังไง อยากไปดูเป็นกำลังแต่ไม่มีเวลาพอที่จะไปดูได้ ไปดูถึงที่เลยไปดูเหตุการณ์จริงๆ เป็นยังไง ไปดูก็เห็นจริงๆ นั่นแล้ว เพราะเป็นอย่างนั้นมาเป็นประจำ ว่าขอแต่แขกคนมาที่นั่น พอตกกลางคืนเขาจะลงมา เขาก็ไม่ทำไมละ ลงมาถามข่าวธรรมดา
แต่เสียงมัน..ทำได้แปลก ๆ นะแบบงูก็ได้ แบบเสือก็ได้ แบบไหนได้หมดไม่ใช่มีแบบเดียว ที่มันน่ากลัวคือมันหลายแบบนั่นเอง บางทีเหมือนเสือ เห่อๆ ใกล้ๆ ข้างถ้ำ เสือมายังไงว่าอีกละ มันไม่ใช่เสือ อันนั้นละ ว่าอันนั้นก็เข้าใจกัน อาจารย์หมออวยอยากไปเป็นกำลัง โฮ้ ซักท่านสิงห์ทองใหญ่เลยเทียวนะ ท่านสิงห์ทองเล่าให้ฟัง ทีนี้ท่านสิงห์ทองก็เป็นพระกล้าหาญด้วยไม่ใช่เป็นพระออดแอด พระโกโรโกโสนะ ท่านพูดมันน่าฟัง
เราเองก็เชื่อเพราะเราเชื่ออยู่ก่อนนั้นแล้วเรื่องเหล่านี้ โห มันน่ากลัวจริงๆ นะท่านว่า ตัวมันขนาดเท่าลำตาลแล้วมันขู่ฟ่อๆ อยู่บนหัวเราใกล้ๆ ฝ่ามือเดียวเท่านั้น มันเหมือนจะกลืนเอาเลย เสียงฮ่อๆ แต่มองหาตัวไม่เห็น ครั้นเวลาจุดไฟมาหาไม่เห็น ไปไหนก็ไม่รู้ พอดับไฟสักเดี๋ยวขึ้นอีกแล้ว เขาเรียกภูทอก เราเคยผ่านไปผ่านมาเราเที่ยวกรรมฐาน แต่ไม่เคยขึ้นพักถ้ำที่ว่า
นี่เรียกไสยศาสตร์ วิชาขี่เสือก็เหมือนกันเป็นวิชาไสยศาสตร์อันหนึ่ง เขาร่ายมนต์เรียกเสือมาเสือก็มา อย่างหลวงปู่ตื้อดังที่ผู้เฒ่าเล่าให้ฟัง คือคาถาของผู้เฒ่าเป็นคาถาที่ทำให้เสือใจอ่อน กลัว ใจไม่มีกำลังจะต่อสู้ คาถามันครอบเอา อำนาจของคาถาครอบเอาไว้เสือใจอ่อนลงไปเลย ทำอะไรไม่ได้ ท่านมีคาถาขู่เสือ เป็นครูเสือก็ได้ขู่เสือก็ได้ หลวงพ่อผางที่อำเภอชนบทเก่งทางพวกงูพวกจระเข้ วัดผู้เฒ่าแต่ก่อน โถ งูชุมมากนะ เหมือนกับผู้เฒ่าเลี้ยงไว้ไม่ได้ผิดกันอะไรเลย งูเห่างูจงอางนะไม่ใช่ธรรมดา มันป้วนเปี้ยน ๆ อยู่กับคน คนไปไหนก็อยู่อย่างนี้ ๆ คนก็เดินไปข้าง ๆ เรียกว่าหลีกกันไปเหมือนหลีกหมาว่างั้นเถอะนะ มันมีอยู่ทั่วไป
หลวงพ่อผางเป็นผู้ปกครองวัดนั้น มันเคารพหลวงพ่อผางมากนะงูเหล่านี้ กลัว เคารพแต่หลวงพ่อผาง จระเข้ตัวหนึ่งอยู่นั้นเลี้ยงไว้ กลัวแต่หลวงพ่อผางองค์เดียวจระเข้ตัวนั้น ท่านให้เขาไปปลูกกุฏิกลางสระ มันมางับเขาเรื่อย ต้องหลวงพ่อผางมาละ มันไปไหนไอ้นี่ วิ่งหนีเลยมันอยู่ใต้น้ำ อย่างนี้ละมันกลัว กลัวหลวงพ่อผางองค์เดียวจระเข้ตัวเดียว งับเขามันไม่กินแหละ งับเขาให้เจ็บ เพราะคนทำกุฏิอยู่กลางสระน้ำ คนก็ลงน้ำละซิมันเลยมางับเอาตรงนั้น ต้องเรียกหาหลวงพ่อผางเรื่อย ครั้นหลวงพ่อผางอยู่นั้นทั้งวันไม่มามันกลัว ถ้าเรียกหลวงพ่อผางเมื่อไรมันมางับเขาละ ร้องโก้กทีเดียว แข้กัด จระเข้เรียกแข้ แข้กัด
วันนี้พูดหลายแบบให้ได้คิดกัน เรื่องจิตวิญญาณ ไม่มีอะไรจะมากยิ่งกว่าจิตวิญญาณในโลกอันนี้ จิตวิญญาณนี่มาก เต็มท้องฟ้าอากาศที่อะไรๆ มีหมด นี่ละสัตว์ที่ว่าตายเกิดๆ มันไม่มีที่ไป เพราะสิ่งเหล่านี้ไม่สูญ มันหากหมุนหากเวียนกัน ออกจากนี้ไปเป็นสัตว์ เป็นเทวบุตรเทวดา ไปเป็นอินทร์เป็นพรหมก็มี เป็นเปรตเป็นผีก็มี เปลี่ยนภพเปลี่ยนชาติเปลี่ยนไปเปลี่ยนมาอยู่อย่างนี้ตั้งกัปตั้งกัลป์มาแล้ว จิตวิญญาณดวงนี้ตายไม่เป็น
เพราะฉะนั้นคำว่าตายแล้วสูญถึงขัดกันเอาอย่างมากทีเดียว เป็นกลมายาของกิเลสโดยตรงที่หลอกสัตว์โลกให้ทำชั่ว เพราะถ้าว่าตายแล้วสูญแล้วไม่มีเงื่อนสืบต่อ อยากทำอะไรก็ทำ ความอยากทำคือทางเดินของกิเลสอยู่แล้ว ก็ทำตามความอยาก ตายลงไปแล้วไม่สูญละซิ ก็เสวยกรรมอยู่งั้น
อะไรจะมากยิ่งกว่าจิตวิญญาณของสัตว์โลก เต็มอยู่ในโลกอันนี้ เพราะมันไม่สูญ หมุนเวียนเปลี่ยนแปลงตามอำนาจของกรรม เกิดเป็นนั้นเกิดเป็นนี้อยู่อย่างนั้น ตายแล้วก็เกิด ๆ ตายกองกัน พวกนี้พวกตายกองกัน กองทับเขากองทับเราอยู่นั้นไม่มีทางไป เพราะจิตวิญญาณไม่สูญ มีเต็มท้องฟ้าอากาศ ที่ไหนเต็มไปหมด ไม่มีอะไรมากยิ่งกว่าธรรมชาติอันนี้ หนาแน่นที่สุด นี่ละเรียกว่ากรรมของสัตว์ คือพระพุทธเจ้ามาตรัสรู้ก็มากวาดเอาดวงวิญญาณเหล่านี้ ที่ว่าเป็นสัตว์เป็นบุคคลเป็นเทวบุตรเทวดาแล้ว ก็ถอดออกไป ๆ พ้นไป ๆ
ใครจึงให้สร้างความดีซิ ถ้าอยากพ้นไปตามพระพุทธเจ้าให้สร้างความดี มันเปลี่ยนเรื่อยนะจิตวิญญาณนี่ เปลี่ยนเป็นภพนั้นชาตินี้ตามอำนาจของกรรม หมดกรรมนี้แล้วก็มีกรรมนั้นต่ออีก ภพนั้นสืบภพนี้ไปเรื่อย กรรมหนักกรรมเบามีอยู่เรื่อยๆ อย่างนั้นละ
เอาละที่นี่ให้พร |