ศาสนาโลกวิทู
วันที่ 30 กันยายน 2538
สถานที่ : วัดป่าบ้านตาด
| |
ดาวน์โหลดเพื่อเก็บไว้ในเครื่อง
ให้คลิกขวาแล้วเลือก Save target as .. จาก link ต่อไปนี้ :

ค้นหา :

เทศน์อบรมฆราวาส ณ วัดป่าบ้านตาด

เมื่อวันที่ ๓๐ กันยายน พุทธศักราช ๒๕๓๘

ศาสนาโลกวิทู

พวกเราพูดกันติดปากว่าเวลานี้โลกเจริญ โลกเจริญเจริญยังไง คำว่าโลกก็หมายถึงโลกกิเลสตัณหาเท่านั้นเองจะเป็นโลกอะไรเจริญ ความโลภก็เจริญเวลานี้ ความโกรธก็เจริญ ราคะตัณหาก็เจริญ เรียกว่าโลกกิเลสเจริญนั้นจะถูกต้อง เพราะคำว่าโลกนี้เป็นที่อยู่ของกิเลสทั้งมวล ธรรมเจริญไม่ค่อยมี เพราะฉะนั้นโลกจึงได้รับความเดือดร้อนมากทีเดียว การเหินห่างจากศีลจากธรรมไม่ใช่ของดี

คำว่าธรรม ๆ นี้เราพูดติดปากกันธรรมดาไม่ได้ถึงใจเหมือนกิเลส ถ้าเรื่องของกิเลสแล้วถึงใจทุกอย่าง ไม่ว่าจะความโลภ โลภเอาจนวันตายไม่มีวันอิ่มพอ ถึงใจ โกรธแค้นก็เหมือนกันเอาถึงเป็นถึงตายไม่มีวันอิ่มพอ ราคะตัณหาก็รุนแรงเอาถึงเป็นถึงตายไม่เพียงพอ นี่ถึงใจทุกอย่าง เรื่องของกิเลสเรื่องของโลกแล้วถึงใจ แต่เราว่าโลกเจริญนั้นเราหมายไปทางบวกต่างหาก ว่าโลกเจริญนี้มีความผาสุกสบาย อะไรก็รุ่งเรืองมองดูเย็นหูเย็นตาแต่เย็นใจไม่ค่อยมี เสียตรงนี้ มันเจริญทางหูทางตาเพื่อกว้านเอาความทุกข์ความเดือดร้อนเข้ามาสู่ใจของเราเราไม่ได้คิด

คำว่าโลกเจริญก็คือกิเลสเจริญดังที่กล่าวนี้ กิเลส ๓ ประเภทนี้เจริญ ความโลภเจริญ ความโกรธเจริญ ราคะตัณหาเจริญ ความทุกข์เจริญ เดือดร้อนวุ่นวายมากทุกหย่อมหญ้าเวลานี้ นี่เพราะโทษแห่งการขาดจากศีลธรรม ธรรมของพระพุทธเจ้าที่ตรัสรู้แล้วมาสั่งสอนโลกไม่ใช่ธรรมธรรมดา ธรรมเหนือโลก พระพุทธเจ้าก็เป็นคนเหนือโลก คือใจบริสุทธิ์เรียบร้อยแล้วค่อยมาสอนโลกที่มีกิเลสเต็มหัวใจ ไม่ได้เหมือนคนทั้งหลายสอนโลก คำว่าศาสดาเป็นผู้สิ้นกิเลสโดยสิ้นเชิงไม่มีสิ่งใดเหลือแล้ว แล้วนำธรรมที่บริสุทธิ์นั้นมาสอนโลกด้วยพระเมตตา ดังที่ท่านแสดงไว้ว่า มหาการุณิโก นาโถ หิตาย สพฺพปาณินํ พระพุทธเจ้าเป็นที่พึ่งของโลก เป็นผู้มีพระเมตตามหากรุณาธิคุณอันยิ่งใหญ่ ทำประโยชน์แก่โลกหาประมาณไม่ได้ นี่เป็นพระนามประจำของพระพุทธเจ้าทุก ๆ พระองค์

แต่ศีลธรรมเป็นของเล่นไปแล้วเวลานี้ นับถือศาสนาก็สักแต่ว่านับถือ เดินผ่านวัดมองเห็นวัดก็ยกมือปลกขึ้นไหว้เสียทีหนึ่งแล้วผ่านไปหายเงียบ มีแต่กิเลสเข้าดันหัวใจบีบหัวใจอยู่ตลอดเวลาหาความจริงจังไม่ได้ ศีลธรรมไม่ค่อยมี สักแต่ว่าเป็นพิธีไปแล้วเวลานี้ อะไรเป็นพิธีเต็มบ้านเต็มเมือง มีแต่พิธีของกิเลสกวาดต้อนเอาผลประโยชน์ของมันนั้นแล ส่วนศีลธรรมไม่ค่อยปรากฏ โลกที่มีกิเลสเป็นโลกที่เจริญที่ไหนเมื่อไร มันเจริญด้วยความทุกข์ความทรมานต่างหาก ถ้าเจริญด้วยศีลด้วยธรรมแล้วสงบร่มเย็น

โลกใดคนใดก็ตามถ้ามีธรรมเป็นเครื่องหล่อเลี้ยงจิตใจแล้ว ประจำครอบครัวก็ดี ในวงงานต่าง ๆ ก็ดี มีความสุขความสงบเย็นใจถ้ามีธรรม เพราะฉะนั้นจึงควรมีธรรมประจำไว้ทุกแผนกแห่งงานทั้งหลายของโลกเราที่ทำกันอยู่นี้ ในครอบครัวก็ให้มีธรรมเป็นเครื่องประจำครอบครัว ปกครองกันด้วยความผาสุกเย็นใจ ยอมรับเหตุผลความผิดถูกดีชั่วของกันและกันแล้วอยู่กันได้ด้วยความสงบเย็นใจ ในวงงานต่าง ๆ ก็เหมือนกันยอมรับผิดถูกตามเหตุตามผล ดำเนินไปตามกฎเกณฑ์ที่ตั้งไว้แล้วโลกก็เจริญรุ่งเรือง ไม่ค่อยมีเรื่องมีราวทะเลาะเบาะแว้ง ถึงการแย่งชิงกันต่าง ๆ นานาเหล่านี้ เป็นเรื่องของกิเลสแย่งทั้งนั้นแหละไม่ใช่เรื่องของธรรม

ให้มีธรรมเป็นเครื่องประจำ จะทำงานแผนกไหนก็ตาม ให้มีธรรมเป็นเครื่องประจำเป็นเครื่องหล่อเลี้ยง เป็นเครื่องกำกับอยู่ภายในวงงานนั้น ๆ โลกก็เจริญ นี่ละเจริญด้วยธรรม คือโลกเจริญด้วยธรรมไม่ได้เจริญด้วยอำนาจของกิเลสตัณหา แต่เวลานี้เจริญด้วยอำนาจของกิเลสตัณหา จึงร้อนทุกหย่อมหญ้าเวลานี้ เราละว่าแต่โลกเจริญคนดิ้นตายไม่เห็นว่ากันบ้าง

เดี๋ยวนี้มีแต่คนดิ้นตายเต็มบ้านเต็มเมือง มองไปกิริยาใดมีแต่กิริยาของราคะตัณหาของความโลภมันบีบมันบังคับ ให้ดีดให้ดิ้นให้วิ่งเต้นขวนขวาย หามาเพื่อกิเลสหามาเท่าไรก็ไม่พอ หามาจนกระทั่งวันตายก็ตายทิ้งเปล่า ๆ ไม่เกิดประโยชน์อะไรเลย เจ้าของไม่ได้มีความสุขความสบายแม้นิดหนึ่ง เพราะความโลภนั้นเป็นความหิวโหย เป็นความทุกข์ความลำบาก ตัวนี้ตัวสร้างทุกข์ให้แก่สัตว์ทั้งหลาย ได้มาเท่าไรก็ไม่พอ ๆ เหมือนไสเชื้อเข้าใส่ไฟ ไสเชื้อเข้าไปเท่าไรไฟยิ่งแสดงเปลวจรดเมฆ ๆ หาความพอไม่ได้ในเชื้อทั้งหลาย

อันนี้ก็เหมือนกัน ความโลภไม่พอในเหยื่อทั้งหลายที่ป้อนให้มัน ๆ โลกได้รับความทุกข์เพราะความหิวโหย ความอยากความทะเยอทะยานนี้เป็นเหยื่อล่อให้อยากนั้นหวังนี้ หวังอันนั้นหวังอันนี้ อยากสิ่งนั้นอยากสิ่งนี้ แล้วก็ดิ้นตามความอยากดิ้นตามความหวัง ทุกข์ร้อนเผากันไปในตัว ๆ สุดท้ายไม่ได้สมหวัง ตายทิ้งเปล่า ๆ ไม่เกิดประโยชน์อะไร เราก็ไม่เห็นโทษของกิเลสที่หลอกลวงสัตว์โลกมาเป็นประจำ

ส่วนคุณธรรมนั้นท่านไม่มีอะไรกับใคร ฟังแต่ว่าคุณธรรม พระธรรมเป็นคุณอย่างยิ่ง แปลออกแล้ว ท่านไม่มีอะไรกับใคร อยู่ที่ไหนถ้ามีธรรมแล้วผาสุกเย็นใจ ยกตัวอย่างเช่นวัด วัดท่านตั้งหน้าตั้งตาปฏิบัติธรรม มองดูพระดูเณรองค์ไหนก็น่าดูทุกองค์ น่าเคารพเลื่อมใส เพราะท่านตั้งใจประพฤติปฏิบัติบูชาธรรมในหัวใจของท่านเป็นประจำอยู่แล้ว คนอื่นคนใดมองไปก็น่าเคารพเลื่อมใส เพราะท่านเคารพท่านอยู่เต็มหัวใจแล้วเคารพทั้งหลายภายในใจนั้นแล ถ้าวัดไหนหากฎหาเกณฑ์ไม่ได้ โลเลในหลักธรรมหลักวินัยแล้วดูก็ไม่น่าดู เพราะเจ้าของเป็นลิงคนอื่นดูก็ไม่น่าดู มองเพียงเท่านี้ก็เห็นกันแล้วชัดเจน

ทีนี้ฆราวาสก็เหมือนกัน ฆราวาสก็มีความสุขความทุกข์ประจำตัวด้วยกันทุกคน ควรที่จะได้นำสิ่งเยียวยารักษาหรือปัดเป่าความทุกข์ทั้งหลายนั้นออก ด้วยวิธีที่ถูกต้องดีงามเราก็ควรนำมาใช้ การจับจ่ายใช้สอยการกินอยู่อย่าให้ฟุ้งเฟ้อเห่อเหิมจนเกินไป เวลานี้ฟุ้งเฟ้อจนลืมเนื้อลืมตัว มันเฟ้อไปหมดทุกอย่างแต่กิเลสไม่ให้เฟ้อ ไม่พอทั้งนั้น คำว่าเฟ้อไม่มีกับกิเลส มีแต่ว่าไม่พอ ๆ คนเราจึงต้องดีดต้องดิ้น การอยู่การกินถ้ากินธรรมดา เราเป็นผู้มีศีลมีธรรมนี้รู้จักประมาณ วันหนึ่งกินประมาณเท่าไร ในครอบครัวหนึ่ง ๆ นั้นหมดประมาณเท่าไร เราให้เฉพาะความจำเป็นเท่านั้น ไม่ให้จิ๊บ ๆ จั๊บ ๆ ฟุ้งเฟ้อเห่อเหิมในเรื่องการกิน ฟุ่มเฟือยในเรื่องการกินไม่ใช่ของดี

การใช้การสอยก็เหมือนกัน ให้รู้จักประมาณในการจับจ่ายใช้สอย พอประมาณเท่านั้น พออยู่ได้ เราก็ไม่ดีดไม่ดิ้นไม่กระวนกระวาย ไม่ได้รับความทุกข์ความยากความลำบาก เพราะกิเลสมันดีดมันดันเราไปให้ดีดให้ดิ้นก็ผาสุกเย็นใจ

ทำงานก็มีวันหยุด ทางโลกหยุดวันเสาร์วันอาทิตย์ ทางธรรมท่านก็วันพระวันโกนมีวันหยุด นี่เรียกว่าพักเครื่อง เพราะจิตของเรามันดีดมันดิ้น เปิดเครื่องแล้วดับไม่เป็นก็คือจิตนั่นแหละ พอตื่นนอนขึ้นมานี่คิดแล้วปรุงแล้วตลอดจนกระทั่งหลับ บางรายหลับไม่ได้คิดมากคิดไม่หยุดไม่ถอย รั้งไม่อยู่ เบรกห้ามล้อห้ามไม่อยู่ปล่อยเอาเสียจนจะเป็นบ้าและเป็นบ้าก็มี นี่เพราะดับเครื่องไม่ได้ จิตคิดมากเพราะกิเลสดันมัน เพราะฉะนั้นวันเสาร์วันอาทิตย์จึงควรพักเครื่องเข้าวัดเข้าวาก็ได้ ไม่เข้าก็บำเพ็ญธรรมอยู่ภายในบ้านของเรา ตั้งใจประพฤติปฏิบัติตัวให้สงบร่มเย็น พักเครื่องคือจิต พักความสงบภายในจิตใจไม่ให้คิดให้ดีดให้ดิ้นมากจนเกินไป นี่ท่านเรียกว่าพักจิต

ภาวนาซิ พุทโธ ธัมโม สังโฆ เข้าห้องพระแล้วนั่งภาวนาให้สบาย ๆ สงบเย็นใจ พอออกมาจากห้องพระแล้วจิตใจของเราได้รับความสงบเย็นใจมีกำลังวังชาแล้ว ก็เหมือนรถที่พักเครื่องแล้ว โรงงานต่าง ๆ เขาพักเครื่องแล้วเปิดเครื่องได้สะดวกสบาย นี่จิตใจของเราพักเครื่องก็เหมือนกัน เวลาเปิดทำงานก็ทำได้ด้วยความสะดวกสบาย ไม่ได้เปิดอยู่ทั้งวัน ไม่มีศีลธรรมเครื่องกำกับคิดอยู่ตลอดเวลา ถ้าไม่มีเวลาหลับเลยมนุษย์เรานี้ตายได้ง่ายนิดเดียว แต่นี้มีเวลาหลับบ้าง นั่นละพักเครื่องเวลาหลับ นี่ให้พักเครื่องเวลาภาวนาเวลาอยู่ดี ๆ ไม่นอนหลับ พักเครื่องให้สงบเย็นใจ นึกพุทโธ ธัมโม สังโฆ บทใดบทหนึ่งก็ตาม ให้มีความรู้สึกประจำอยู่ในคำบริกรรมนั้น ๆ แล้วก็จิตสงบลงไป

จิตสงบนี้เย็นไปหมดนะ เย็นจนเป็นของอัศจรรย์ไม่ใช่เย็นธรรมดา คือสงบจากความคิดความปรุงต่าง ๆ เข้าสู่จุดเดียวคือคำบริกรรม คำบริกรรมนี้เป็นคำที่พูดให้จิตยึด นึกไว้อยู่ตรงนั้นให้จิตยึดอยู่ตรงนั้น เช่นพุทโธ ๆ ก็ให้จิตรู้อยู่กับคำว่าพุทโธ ๆ ทีนี้กระแสของจิตก็ถอยเข้ามา ๆ สู่จุดเดียวรวมกึ๊กลงไป เพียงเท่านั้นแหละ วันนั้นคิดทั้งวันอิ่มเอิบทั้งวันทีเดียว ไปทำงานทำการอะไรคิดแต่เรื่องจิตสงบอย่างเดียว นี่ละความสุขประเภทของธรรมะนี้ไม่เหมือนความสุขทางโลก ความสุขทางโลกนั้นประเดี๋ยวประด๋าว ได้มาเพียงผ่านสายหูสายตาครู่เดียว ๆ หายไป ๆ ส่วนความสุขทางด้านจิตใจนี้ไม่หาย อยู่ภายในจิตใจ ไปที่ไหนรู้สึกว่าครึ้มอยู่ภายในตัวเอง กระหยิ่มอยู่ภายในตัวเองนั่นแหละ เย็นสบายแล้วพอใจที่จะทำ พอใจที่จะทำเรื่อย ๆ เพราะฉะนั้นรสของธรรมจึงชนะซึ่งรสของกิเลสทั้งหลาย เมื่อปรากฏขึ้นภายในจิตใจของผู้บำเพ็ญแล้ว

เราทั้งหลายควรมีความฝักใฝ่ใส่ใจในศีลในธรรม ทำงานอะไรก็ตามเราทำงานอื่น ๆ เรายังทำได้ ทำไมทำงานในธรรมะทำไม่ได้ จิตดวงเดียวกัน เราเขียนหนังสือเราก็เขียนได้นึกได้ นึกไปโน้นนึกไปนี้ยังนึกไปได้ ทั้ง ๆ ที่เขียนหนังสืออยู่เรายังนึกไปโน้นนึกไปนี้ได้ นี่เราเขียนหนังสืออยู่เราทำงานอยู่เรานึกพุทโธ ธัมโม สังโฆ ไม่ได้มีอย่างเหรอ นึกได้เหมือนกันนอกจากจิตใจไม่พอใจที่จะนึกเท่านั้น มีแต่กิเลสดึงไปให้นึกนั่นคิดนี่ ยุ่งโน่นยุ่งนี่หาความสงบร่มเย็นไม่ได้ ตื่นขึ้นมาวันนี้กับเมื่อวานนี้เหมือนกัน วันพรุ่งนี้ก็เหมือนกัน จนกระทั่งวันตายไม่มีอะไรเป็นรายได้ผลประโยชน์พอเป็นที่ระลึกในหัวใจเลยคนเรามีประโยชน์อะไรเกิดขึ้นมา

ทำงานอะไรก็ทำงานเพื่อปากเพื่อท้องนั้นแหละ เพื่อความเป็นอยู่ปูวาย ไม่ได้มีงานอะไรสูงต่ำแหละ งานเพื่ออาชีพด้วยกันทั้งนั้น อาชีพทางร่างกายนี้มีที่ยุติได้ เมื่อถึงกาลเวลาแล้วก็ตายไป ส่วนอาชีพทางด้านจิตใจมีศีลมีธรรมเข้าครอบครองหรือเปล่า อันนี้น่าคิดมาก ส่วนมากอาหารของใจที่พึ่งของใจ ที่ยึดของใจที่อาศัยของใจไม่ค่อยมี คือธรรมไม่ค่อยมี โลกเราถึงเดือดร้อน มีสมบัติเงินทองข้าวของเป็นกี่หมื่นกี่แสนล้านก็ตามก็เป็นกระดาษเศษไปเท่านั้นเอง ตัวของเราก็เป็นคนเศษเดนอยู่อย่างนั้นหาความสุขไม่ได้ เรียกว่าเป็นทุคตะเข็ญใจไร้ความสุขทางด้านจิตใจ สมบัติเงินทองข้าวของมีมากน้อยก็ไม่เห็นเป็นประโยชน์อะไร ถ้าใจขาดศีลขาดธรรมขาดความร่มเย็นเสียอย่างเดียว เพราะฉะนั้นควรที่จะอบรมจิตใจของเราให้เข้าสู่ศีลสู่ธรรม

ใจเย็นไม่เหมือนอะไรเย็นนะ ใจสว่างกระจ่างแจ้งไม่เหมือนพระอาทิตย์แจ้ง แจ้งสว่างให้ความสุขแก่ตน มีความกระหยิ่มยิ้มย่องอยู่ภายในจิตใจ เพราะฉะนั้นธรรมนี้จึงมีปรากฏมาจนกระทั่งทุกวันนี้ ตั้งแต่พระพุทธเจ้าของเรามา ๒,๕๐๐ กว่าปีนี้แล้วไม่ขาดสูญไปไหน ก็เพราะมีผู้บำเพ็ญอยู่ มีผู้ทรงไว้ซึ่งธรรมทั้งหลายเหล่านี้อยู่ จึงมีมาถึงกุลบุตรสุดท้ายภายหลังคือพวกเรานี้แล จึงควรจะยึดนี้เป็นคติตัวอย่างและเป็นสมบัติของตัวเราให้เกิดความสุขความสงบเย็นใจ สมกับเราเกิดมาพบพระพุทธศาสนาไม่ตายทิ้งเปล่า ๆ

พุทธศาสนาเป็นศาสนาที่เลิศ เป็นศาสนาคู่บ้านคู่เมืองคู่โลกคู่สงสารจริง ๆ เพราะเป็นศาสนาของท่านผู้บริสุทธิ์ ผู้เป็นเจ้าของศาสนาเป็นผู้ใจที่บริสุทธิ์สิ้นกิเลสทุกประเภทแล้ว ไม่เหมือนศาสนาของใครใด ๆ ทั้งนั้นแหละ ศาสนาใดก็ตามถ้าเจ้าของมีกิเลสอยู่แล้วศาสนานั้นก็ย่อมเหมือนคนทั่ว ๆ ไป มีลุ่ม ๆ ดอน ๆ สูง ๆ ต่ำ ๆ ลูบ ๆ คลำ ๆ เหมือนกัน แต่ศาสนาพระพุทธเจ้าผู้สิ้นกิเลสแล้วนี้เป็นศาสนาโลกวิทู รู้แจ้งเห็นจริงในโลกทั้งหลาย นำสิ่งที่มีที่เป็นทั้งหลายมาสั่งสอนโลกตามหลักความเป็นจริง ไม่ลูบ ๆ คลำ ๆ จึงเป็นที่ตายใจนอนใจได้

ควรจะระลึกถึงพระพุทธเจ้า พระธรรม พระสงฆ์ ไว้ภายในจิตใจของเรา ในเวลาทำการทำงานไปไหนมาไหนไม่ควรละควรปล่อยวาง ให้จิตได้ดื่มธรรมคือพุทโธ ๆ อยู่ภายในใจ เรียกว่าจิตดื่มธรรม ทำเพียงเท่านี้เราก็เย็นใจ วันนี้เราได้เจริญธรรมเพียงขนาดนี้เราก็รู้สึกเย็นใจ สิ่งเหล่านั้นสู้ไม่ได้ ที่เราหามาแทบเป็นแทบตาย ไม่มีอะไรมาเป็นเครื่องหมายของจิตให้ได้รับความอบอุ่นเลย แต่พอระลึกพุทโธ ธัมโม สังโฆ ภายในจิตใจนี้ ใจได้รับความอบอุ่นเย็นสบาย แล้วยิ่งใจของเรามีความสงบให้เห็นประจักษ์ภายในตัวเองด้วยแล้วก็ยิ่งดื่มด่ำมากเข้า ๆ เพราะฉะนั้นขอให้พี่น้องทั้งหลายได้นำธรรมะนี้เข้าสู่ใจ ไปที่ไหนอย่าห่างเหินธรรม เราจะได้ใกล้ชิดกับความสุขความเจริญภายในจิตใจ และออกไปทางร่างกายอีกโดยไม่มีประมาณ

วันนี้เทศน์เพียงเท่านี้แหละ


** ท่านผู้เข้าชมทุกท่านโปรดทราบ
    เนื่องจากกัณฑ์เทศน์บางกัณฑ์มีความยาวค่อนข้างมาก ซึ่งจะส่งผลต่อความเร็วในการเปิดเว็บไซต์ ขอแนะนำให้ทุกท่านได้อ่านเนื้อหากัณฑ์เทศน์บางส่วนจากเว็บไซต์ และให้ทำการดาวน์โหลดไฟล์กัณฑ์เทศน์ที่มีนามสกุล .pdf ไปเก็บไว้ในเครื่องของท่านแทนการอ่านเนื้อหาทั้งหมดจากเว็บไซต์

<< BACK

หน้าแรก