ได้พยาน
วันที่ 13 กันยายน 2538
สถานที่ : วัดป่าบ้านตาด
| |
ดาวน์โหลดเพื่อเก็บไว้ในเครื่อง
ให้คลิกขวาแล้วเลือก Save target as .. จาก link ต่อไปนี้ :

ค้นหา :

เทศน์อบรมฆราวาส ณ วัดป่าบ้านตาด

เมื่อวันที่ ๑๓ กันยายน พุทธศักราช ๒๕๓๘

ได้พยาน

ไปเทศน์วัดนรนาถฯ วัดนรนาถฯก็แคบ พอดีคนเต็มวัดเลย ศาลาใหญ่ ๆ ไม่มีความหมายอัดแน่นหมด ข้างนอก ๆ ออกไปทั่วทั้งวัดเลยคนเต็มหมด ลำโพงก็กระจายทั่ววัด ไปเทศน์วัดนรนาถวันนั้นเทศน์ชั่วโมงสิบห้านาทีนานอยู่นะ มีเร่งบ้าง ตอน ๖๐ เปอร์เซ็นต์ไปแล้วเร่ง ๑-๔๐ เปอร์เซ็นต์ยังไม่เร่งเท่าไร ๔๐ ล่วงไปแล้วเร่งเรื่อย ๆ คนมาก เทศน์อย่างนี้เขาจะไม่เคยฟังแหละชาวกรุงเทพเพราะเทศน์ป่า ได้ฟังวันนั้นแหละ กรุงเทพเมืองน้ำอ้อยน้ำตาลนี่นะเมืองพริกไม่มี ในป่ามีแต่พริก อยู่ตามข้างกุฏิเราก็มีแต่พริก สุกนี้นกขอดชอบมากนะ พริกสุกนี้นกขอดไม่เผ็ด คนเผ็ดจะตายนกขอดกินปั๊บเดียวกลืนเข้าไปเลย เผ็ดนกขอดไม่กลัว

พวกเรานี่พวกพระนกขอด ไปที่ไหนเอาแต่พริกไปแจก เอาพริกขี้หนูเสียด้วยไปแจก วัดนรนาถก็เหมือนกันขึ้นต้นไม่ตั้งนโมเลย ตอนก่อนจะเทศน์ก็มาติกา กุสลา ธมฺมา ก็อาราธนาศีล ๕ ให้ศีลเสร็จแล้วได้เวลาเราก็ลงเทศน์ ห่างกันไม่ได้ถึงชั่วโมง พอขึ้นธรรมาสน์แล้วก็ มยํ ภนฺเต อีก มันยังไงกัน นี่ขึ้นกัณฑ์เทศน์ทีแรกแทนนโมเลย เมื่อสักครู่นี้ก็ได้ยินว่า มยํ ภนฺเต ติสรเณน สห เดี๋ยวนี้ก็ มยํ ภนฺเต ติสรเณน สห อีก เป็นเรื่องอะไรกัน ศาสนาพิธีเป็นของเล่นไปแล้วเหรอ จากนั้นเลยเรื่อย

เอ้าจริง ๆ นะเราสลดสังเวช มีแต่ศาสนาพิธีเต็มบ้านเต็มเมืองความจริงไม่มีเลย กิเลสตีตลาดแหลกขนาดนั้นนะเวลานี้ สลดสังเวชมากนะ เพราะฉะนั้นเราจึงเป็นห่วงหัวใจโลกมากที่สุดเลยไม่ใช่ธรรมดานะ ห่วงมากจริง ๆ มันไม่มีอะไรในหัวใจมีแต่กิเลสขยี้ขยำแหลกเหลวหมด เจ้าของยังเพลินบ้าอยู่ ไม่ว่าที่ไหนนะมันเหมือนกันหมด โอ้โห กล่อมเอาจริง ๆ กิเลสกล่อมคนไม่ให้รู้เนื้อรู้ตัวเลย นี่ละที่เราไป เทศน์อย่างนี้กิเลสก็เห็นว่าเป็นของแปลกกันทั้งแผ่นดิน เพราะแผ่นดินของกิเลสกิเลสไม่ชอบ มันตีหัวกิเลสละซิกิเลสจึงไม่ชอบ ถ้าน้ำอ้อยน้ำตาลไปละกิเลสชอบ

พอพูดอย่างนี้ก็ไปสัมผัสเรื่องมีผู้หญิงคนหนึ่ง แกภาวนาอยู่ตามภาษีภาษาของแก สุดท้ายเอาจริงเอาจังเป็นเข้าจริง ๆ เวลาเป็นเข้าจริง ๆ แล้วเห็นโทษของกิเลสนี้แหม.....แกว่าอย่างนั้นนะ ทำไมมันถึงร้ายแรงเอานักหนากิเลสนี่ รุนแรงมาก ทั่วสามแดนโลกธาตุกิเลสขยำคน ฟังซิแกไม่ได้เรียนนะ แกไม่ได้ศึกษาเล่าเรียนทางอรรถทางธรรม ออกจากภาคปฏิบัติล้วน ๆ มองไปที่ไหนดูมีแต่กิเลสขยี้ขยำหัวสัตว์โลกเต็มบ้านเต็มเมือง ไม่ว่าสัตว์เดรัจฉานไม่ว่ามนุษย์ ไม่ว่าชาติชั้นวรรณะใด มีแต่กิเลสขยำเอาโงหัวไม่ขึ้นเลยสลดสังเวช บางทีก็กระซิบบอกเพื่อนฝูงบ้าง บางคนพวกคลังกิเลสมันก็ไม่พอใจ สุดท้ายจะทำภาวนาก็ต้องหลบ ๆ ซ่อน ๆ ไปทำอยู่ตามป่าตามอะไร เพราะทำงานอยู่ตลอดเวลา สติไม่ได้เผลอตลอดเวลา มันเป็นเองของมัน

คำพูดอย่างนี้ไม่เป็นจริงเอามาพูดได้เหรอ ต้องออกมาจากภาคปฏิบัติรู้จริงเห็นจริง สตินี้ดี ดีจริง ๆ ไม่ใช่ธรรมดา ไม่หวั่นไหว ไม่ว่าจะทำการทำงานอะไรสติจ่อ แล้วทำงานก็ทำไปตามเรื่อง ทำงานทางโลกก็ทำภายในก็ทำ หมุนติ้ว นั่นเห็นไหมได้ยินแต่หลวงตาบัวว่าหมุนติ้ว ๆ นี่มีพยานแล้วนะ เพื่อนฝูงเขาสงสารพอทราบว่าเราไป เพราะแกอยากพบครูบาอาจารย์ อยากพบเราแกก็อยากพบ พอดีแกก็มาจริง ๆ คนมาก ๆ ก็ใส่เปรี้ยงเลย นั่นละขึ้นเวทีแชมเปี้ยนแล้วไม่ใช่เวทีธรรมดา ซัดกันใหญ่เลย แกก็ออกมาอย่างกระจ่างเลยนะ เปรี้ยง ๆ ๆ นั่นละความรู้ความเห็นที่เป็นขึ้นจากจิตใจไม่สะทกสะท้านนะ แกก็ใส่มาเปรี้ยง ๆ ทางนี้ก็ใส่กันเลย ก็ทำกำดำกำขาวไปอย่างนั้นละแต่จิตมันดูดดื่มอยากทำตลอดไป แต่ทีนี้ก็ไม่ทราบว่าผิดหรือถูกประการใด

บอกแกว่า ถูกแล้ว เอ้า เอาเลยนะรวมตัวแล้ว ที่นี่ฟาดลงไปถลุงมันตรงนั้น ๆ ๆ ชี้แจงเป็นระยะ ๆ เข้าไป แกก็พอใจเอาอย่างมาก ทีนี้เป็นที่ตายใจแล้ว ตายใจน่ะถูกต้องแล้ว ที่ปฏิบัติมานี่ถูกต้องแล้ว แกนั่งภาวนาได้ถึง ๑๓ ชั่วโมงก็มี ๙ ชั่วโมง ๑๐ ชั่วโมง ๑๓ ชั่วโมงก็มี พิจารณาทุกขเวทนา ทุกขเวทนาเป็นของจริง ทุกส่วนเป็นของจริงแล้วไม่มีกระทบกระเทือนกันเลย จะนั่งตั้งกัปตั้งกัลป์ก็ได้ อย่าว่าแต่เพียง ๑๒-๑๓ ชั่วโมงเลย ลุกออกมาเฉย ๆ นี่แหละ จะนั่งตั้งกัปตั้งกัลป์ก็ได้ ไม่มีอะไรที่จะเข้ามากระทบกระเทือนจิตใจได้เลย เมื่อต่างอันต่างจริงแล้วไม่คละเคล้ากัน นั่นฟังซิแกพูด พูดอาจหาญเสียด้วยนะ เราก็รื่นเริงเห็นผลของการปฏิบัติธรรม

นี่ละธรรมของพระพุทธเจ้าพอปรากฏขึ้นในใจ เห็นโทษของกิเลสเห็นจริง ๆ เห็นจนสลดสังเวช มองไปไหน ๆ พิจารณาไปไหนแหมมีแต่กิเลสอย่างเดียวครอบงำสัตว์โลกให้ดิ้นล้มดิ้นตายกันอยู่ไม่ว่าชาติชั้นวรรณะใด แล้วโลกก็ไม่รู้ด้วยนะ น่าสงสารอันหนึ่งแกว่า โลกก็ไม่รู้ด้วยนะมันขยี้ขยำจนจะตายก็ยังดิ้นเพลินกันอยู่ คนมากนะวันนั้นแกมาหา เพราะไม่มีเวลาที่จะพูดโดยเฉพาะ ไม่ต้องเฉพาะ ฟาดเลยเราว่าอย่างนี้แหละ แกเห็นโทษของกิเลสจริง ๆ เราไม่ตายให้กิเลสตายมีสองอย่าง ขั้นนี้ขั้นเห็นโทษของกิเลสเห็นเต็มหัวใจ เห็นคุณค่าของธรรมก็เห็นเต็มหัวใจ ทั้งสองอย่างนี้บรรจุเข้าสู่ใจแล้วเอาชีวิตเข้าแลกเลย ไม่มีความสะทกสะท้านเรื่องกับความตาย หมุนติ้ว ๆ ๆ

นี่ละคนหนึ่งจะไปได้ ไม่นานละ แน่แล้ว เป็นผู้หญิงนะมีลูก ๒ คน แกก็เคยส่งปัจจัยมาวัดนี้ประจำเดือนแกเล่าให้ฟัง คนฟังนี่ โห อ้าปากไม่งับแหละ ลืมตาหลับไม่ลง เพราะขึ้นตามหลักธรรมชาตินี่หมุนติ้ว ๆ ๆ แกพูดเปรี้ยง ๆ ๆ เอ้า เปิด ๆ ให้หมดเราว่าอย่างนั้นนะเราก็หิวอยากฟังนี่นะ มันมีแต่พูดคนเดียวเป็นบ้าอยู่พูดตลอดเวลา เพราะไม่มีใครรู้ใครเห็นด้วย เหมือนบ้าพูดคนเดียว เดี๋ยวเขาจะหาว่าเราเป็นบ้า พอดีได้ผู้หญิงคนนี้มาเป็นพยาน เอ้าพูด ๆ เลยเอาให้เต็มที่นะ

เราอยากฟังเหลือเกินธรรมะประเภทนี้ พูดอย่างนี้แหละว่าไม่เคยได้ฟัง พึ่งจะมาได้ฟังนี่แหละ เอ้าเปิดเลย พอแกเปิดแล้วตรงไหนเป็นจุดที่ควรจะแนะก็แนะแก ๆ ไม่ใช่แนะธรรมดานะ ตีเปรี้ยง ๆ ลงไปเลย เอาจุดนี้ ๆ เอา ๆ ๆ นี่ละจวนจะไป ไม่อยู่แล้ว เป็นธรรมชาติแล้วเป็นอัตโนมัติแล้วหมุนเรื่อย จิตเข้าถึงขั้นนี้แล้วหมุนเรื่อย เห็นโทษของกิเลสเห็นจนจะสลบไสล กิเลสเป็นโทษแก่โลกขนาดไหน เวลาเข้าถึงตัวมันจริง ๆ แล้วจนจะสลบไสล โทษของมันทำให้เจ็บให้แสบให้เข็ดให้หลาบให้กลัว จนไม่รู้จักเป็นจักตาย หลบกิเลสหนีกิเลส ตายก็ตายให้ได้พ้นจากกิเลสก็แล้วกัน ให้พ้น ๆ มันก็บืนละซิ

พระพุทธเจ้าสอนเล่นเมื่อไร พวกเราไม่เห็นนั่นซีจึงว่ากิเลสแหลมคมมากนา ๆ แกพูดแกก็เปิดเต็มที่เหมือนกัน แกพูดด้วยความตื่นเต้น และแกก็ไม่มีผู้ใดที่จะตอบรับแกอย่างนั้น เราก็ตอบรับเต็มภูมิเลยเพราะหิวกระหายอยากฟังมานานธรรมะประเภทนี้ มีแต่ประเภทความจำ จำได้ก็มาบ้าน้ำลายกันเหมือนนกขุนทอง “แก้วเจ้าขาๆ” เรียนจบพระไตรปิฎกกิเลสตัวเดียวหนังไม่ถลอกเลย เห็นแต่อย่างนั้นเต็มบ้านเต็มเมือง นี่แกเอาจริงเอาจัง แน่แล้วคนนี้ ไม่นานด้วยนะเมื่อมีผู้แนะจุดสำคัญนี้แล้วมันจะพุ่ง ไม่ลูบไม่คลำเมื่อมีผู้แนะ ความที่ดำเนินมาแล้วก็ว่าถูกต้องแล้วก็หายห่วง จุดไหนที่กำลังดำเนินก็ชี้บอก ทางนี้ก็พุ่ง ๆ ๆ เลย

เป็นเรื่องอัศจรรย์เหมือนกันนะคนไม่เคยกับศาสนาเวลามาปฏิบัติมันเป็นขึ้น นี่ละความรู้จากภาคปฏิบัติกระจายอย่างนี้เอง ความรู้ในหนังสือที่ท่านจดจารึกมาในตำรับตำราในพระไตรปิฎกพอประมาณเท่านั้นนะ ไม่ได้ซอกแซกซิกแซ็กกระจายไปทุกแห่งทุกหนเหมือนภาคปฏิบัติ ภาคปฏิบัตินี้กระจายไปหมด เรียกว่าทั่วท้องฟ้ามหาสมุทรเลยกระจายไปหมดความรู้ที่ออกจากภาคปฏิบัติ อย่างพ่อแม่ครูจารย์มั่นท่านว่าความรู้ที่มาในคัมภีร์นี้เท่ากับน้ำในตุ่มในไห ไม่ได้มากอะไรน้ำในตุ่มในไห แต่ธรรมะที่ไม่ได้มาในคัมภีร์นั้นเท่ากับท้องฟ้ามหาสมุทร นั่นท่านเป็นแล้วท่านถึงเอามาพูด

วันนั้นเราก็เทศน์ถึงชั่วโมงสิบห้านาที เทศน์เร่งเหมือนกันให้ชาวกรุงเทพได้ฟังเสียบ้างธรรมะพริกป่า ส่วนมากกินแต่น้ำอ้อยน้ำตาลกันไม่เบื่อ กินจนจะตายยังไม่เบื่อ เอาพริกแทรกเข้าไปเสียบ้าง เทศน์นี้ก็พริกตลอดเลย ผู้ที่ทั้งเผ็ดทั้งอร่อยก็คงมี ผู้มีแต่เผ็ดหงายไปเลยก็มี เอะอะก็ มยํ ภนฺเต มันคันฟันหมั่นไส้จะตาย มันอะไรกัน ทุเรศจริง ๆ นะเห็นศาสนาเป็นของเล่นไปได้ เห็นกิเลสเป็นของจริงจังไปหมดเวลานี้ ถ้าเป็นเรื่องของกิเลสแล้วจริงจังทั้งนั้นไม่ว่าเด็กผู้ใหญ่ ไม่ว่าชาติชั้นวรรณะใดจริงหมด ถ้าเป็นเรื่องของธรรมแล้วลูบ ๆ คลำ ๆ เหมือนธรรมะเป็นตุ๊กตาเครื่องเล่นของเด็ก เดี๋ยวนี้ศาสนากำลังเป็นเครื่องเล่นของเด็ก กำลังเริ่มละเป็นตุ๊กตาเครื่องเล่นของเด็ก เรื่องกิเลสแล้วจะจริงจะจังเข้าไปทุกวี่ทุกวัน อันนี้ละที่น่าสลดสังเวช โลกจะไม่ร้อนยังไง ก็กิเลสคือไฟอยู่แล้วนี่ ใครจริงจังกับมันเท่าไรก็จริงจังกับไฟเท่านั้นละ

เด็กนักเรียนก็เหมือนกันให้มีกฎมีระเบียบบังคับตัวเอง อย่าคอยเอาจากครูจากตำรับตำรา เราก็เป็นคนคนหนึ่ง ตำรับตำราคนละเป็นคนจดจารึกมาเป็นหลักวิชาต่าง ๆ เราก็เป็นคนคนหนึ่งเหมือนกัน ข้อบังคับที่จะดัดแปลงเจ้าของให้เป็นคนดี วันหนึ่ง ๆ เราจะทำอะไร ๆ มีข้อบังคับกฎเกณฑ์บีบเจ้าของเอาไว้เพื่อความเป็นคนดีจะเป็นอะไรไป จะไม่เตร็ดเตร่เร่ร่อน จะไม่เที่ยวผู้หญิงผู้ชาย เรื่องยาเสพติดการพนันขันต่อ บีบบังคับเอาไว้ตายตัว ๆ บีบมันไว้ ๆ มันจะไปได้หรือ ก็เราบังคับตัวของเราเพื่อเป็นคนดีจะเป็นอะไรไป เวลาเสียใครเป็นคนเสีย เรานั้นละเป็นคนเสียหาย ฉิบหายวายปวงล่มจมก็คือเรา เพราะฉะนั้นจงพากันมีข้อบังคับตัวเอง อย่าคอยให้แต่ครูแนะนำสั่งสอนดุด่าว่ากล่าว

ให้เด็ดเจ้าของดุเจ้าของแหละดี ไม่เจ็บไม่ปวดไม่แสบไม่ร้อนไม่โกรธไม่เคืองใครแหละ เพราะเจ้าของดุเจ้าของเด็ดเจ้าของดัดเจ้าของไม่เสียหายตรงไหน ให้มีข้อบังคับเจ้าของเป็นประจำวัน ๆ ไป จะไม่เที่ยวเตร็ดเตร่เร่ร่อน ข้อหนึ่งเป็นอย่างนั้น ข้อสองอย่างนั้น ข้อสามอย่างนั้น บังคับกันไปเรื่อย การสุรายาเมายาเสพติดต่าง ๆ การพนันขันต่อเหล่านี้ทำคนให้เสียหายล่มจมเราไม่แตะ นั่นข้อบังคับอยู่อย่างนั้น เมื่อบังคับไว้แล้วมันจะไปไหน มันอยู่กับเรา แล้วยิ่งจะเจริญขึ้นทุกวัน ๆ อย่าให้เจริญด้วยความชั่วนะ ให้เจริญด้วยความเป็นคนดีขึ้นไปตาม ๆ กันกับวัยของเรา ถ้าไม่เช่นนั้นเสียหายหมดนะ บ้านเมืองเวลานี้หาหลักหาเกณฑ์ไม่ได้เราละวิตกวิจารณ์จริง ๆ

เพราะฉะนั้นไปไหนจึงไปด้วยหัวใจ ห่วงหัวใจ พอมีผู้หญิงคนนั้นมาเล่าให้ฟัง แทงหัวใจโลกเปรี้ยง ๆ ๆ แกพูด น่าสลดสังเวช ใครก็มีแต่จริงจังกับกิเลส แกว่าอย่างนั้นนะน่าฟัง อย่างที่เราว่าจริงจังกับกิเลสมาตลอดนั่นละ มันได้พยานละซิ ไม่รู้เนื้อรู้ตัวเลยก็น่าสงสาร ไม่รู้ใช่ว่าเจตนานะ ความเจตนามีน้อย ส่วนมากไม่มีเจตนา เป็นเพราะความลุ่มหลงความรู้เท่าไม่ถึงการณ์อุบายกลมายาต่าง ๆ ของกิเลสเราไม่ทันมันเท่านั้นเอง แกพูดน่าฟังอยู่

เรียนหนังสือก็ให้ตั้งใจเรียนอย่าเถลไถล ตั้งใจศึกษาเล่าเรียน หลักวิชาที่ครูสอนมอบให้ยังไงปฏิบัติตามนั้น สูตรไหนบทไหนที่ควรจะท่องจำ ท่องให้จำ อันไหนที่เป็นความเข้าใจอธิบายให้ฟังเข้าใจ อันไหนที่เป็นหลักสูตรสำหรับกระจายก็เรียนท่องให้จำให้ดี นักเรียนคนไหนเก่งทางหลักสูตรสอบไม่ค่อยตก คนไหนไม่ค่อยเก่งทางหลักสูตรที่ครูสอนให้จดให้จำให้ท่องบ่นสังวัธยายให้จดจำ ไม่จดจำอย่างนี้ไม่เป็นท่าแหละไม่ว่าทางโลกไม่ว่าทางธรรม นี่เราก็เหมือนกัน ต้องทำตัวให้จดจ่อต่อเนื่องกันโดยลำดับกับความดีกับหลักวิชาของเรา เวลานี้เรากำลังเรียน โครงการของเราคือโครงเรียนไม่ใช่โครงเล่นโครงลิง ให้ตั้งหน้าตั้งตาปฏิบัติตัวเอง

วันหนึ่ง ๆ ให้มีข้อบังคับตัวเองอย่าปล่อยเนื้อปล่อยตัว ปล่อยไปวันละเล็กละน้อยเมื่อเคยชินแล้วไม่ปล่อยไม่ได้ เสียคนไปเลย ถ้าต่างคนต่างรักษาตัวเองอยู่ตลอดเวลา วันนี้ก็รักษาวันหน้าก็รักษาเราก็มีขอบมีเขต แล้วมองมาดูตัวของเราก็ภูมิใจ เพราะเราไม่ได้ทำความเสียหายด่างพร้อยให้โลกเขาติเตียน สังคมยอมรับตลอดเวลาในกิริยาความเคลื่อนไหวของเรานั้นเราก็ภูมิใจ เราก็ห่วงพวกลูกพวกหลานยิ่งโตขึ้นทุกวัน สิ่งที่จะทำให้เสียก็มากขึ้น ๆ เป็นเงาตามตัว นี้ซิที่น่าวิตกวิจารณ์มาก ผู้ใหญ่เสียไปแบบหนึ่ง เด็กเสียไปแบบหนึ่ง สิ่งที่จะพาให้เสียมีมาพร้อม ๆ กันทั้งผู้ใหญ่ทั้งเด็กติดแนบกันมาด้วยกันนั่นแหละ แล้วบ้านเมืองหาหลักหาเกณฑ์ไม่ได้ ครั้นโตขึ้นไปเขาเสกสรรปั้นยอให้เป็นข้าราชการงานเมือง ก็จะไปกินบ้านกินเมืองคดโกงรีดไถบ้านเมือง ฉ้อราษฎร์บังหลวง

คนชั่วคนไม่มีธรรมหาความละอายไม่ได้ พอหลวมมือมือสอด หลวมแขนแขนสอด สอดเพื่อทุจริต พลิกแพลงเปลี่ยนแปลงปลิ้นปล้อนหลอกลวงหลายสันพันคม พวกนี้พวกทำลายชาติบ้านเมือง แล้วสุดท้ายก็มาทำลายตัวเอง เป็นคนชั่ว ไปอยู่ตรงนั้นแหละ ความชั่วมาอยู่กับเราหมด พากันจำเอานะทุกคน ๆ

นักเรียนพากันจำนะข้อสำคัญกฎเกณฑ์นะบังคับเจ้าของ ให้มีกฎมีเกณฑ์บังคับเจ้าของ วันหนึ่ง ๆ อย่าปล่อยเนื้อปล่อยตัว วันนี้ควรทำอะไร ๆ การเล่นเตร็ดเตร่เร่ร่อนอย่าเล่นอย่าเที่ยวไม่เป็นของดี เที่ยวหาอะไรนี่อันหนึ่ง เที่ยวหญิงเที่ยวชายนี่ยิ่งแล้วนะอันนี้จมไปเลย ถ้าลงได้เที่ยวหญิงเที่ยวชายแล้วใช้ไม่ได้เลย เป็นเด็กเสียหมดทั้งหญิงทั้งชายหาคุณค่าหาราคาไม่ได้ เลยคนเฟ้อไป เลยหญิงเฟ้อชายเฟ้อไปใช้ไม่ได้ เลยเฟ้อไปแล้วก็เฟะ เน่าเฟะไปเลย

ต่อไปนี้ให้พร


** ท่านผู้เข้าชมทุกท่านโปรดทราบ
    เนื่องจากกัณฑ์เทศน์บางกัณฑ์มีความยาวค่อนข้างมาก ซึ่งจะส่งผลต่อความเร็วในการเปิดเว็บไซต์ ขอแนะนำให้ทุกท่านได้อ่านเนื้อหากัณฑ์เทศน์บางส่วนจากเว็บไซต์ และให้ทำการดาวน์โหลดไฟล์กัณฑ์เทศน์ที่มีนามสกุล .pdf ไปเก็บไว้ในเครื่องของท่านแทนการอ่านเนื้อหาทั้งหมดจากเว็บไซต์

<< BACK

หน้าแรก