ความรู้จักประมาณ
วันที่ 21 พฤษภาคม 2538
สถานที่ : วัดป่าบ้านตาด
| |
ดาวน์โหลดเพื่อเก็บไว้ในเครื่อง
ให้คลิกขวาแล้วเลือก Save target as .. จาก link ต่อไปนี้ :

ค้นหา :

เทศน์อบรมฆราวาส    วัดป่าบ้านตาด

เมื่อวันที่  ๒๑  พฤษภาคม  พุทธศักราช  ๒๕๓๘

ความรู้จักประมาณ

 

        มันตายจริง ๆ นะมองดูนี้เหมือนกองไฟเผาหัวใจ ๆ จะไม่ฉุดกันยังไง  มันเผาเพราะอะไรๆ ต้นเหตุมันรู้ตลอด ผลคือไฟเผาหัวใจต้นเหตุมาจากไหนสาวไปถึงต้นเหตุ  มีแต่เรื่องผิดๆ ทั้งนั้นจึงมาเป็นไฟ นั่นละถึงได้สอนให้ระงับดับไฟ ให้รู้จักประมาณความพอเหมาะพอดีเป็นธรรมของพระพุทธเจ้า  ให้รู้จัก อัตตัญญู รู้จักตน รู้จักฐานะ กำลังวังชาความรู้วิชาฐานะของตน  ปฏิบัติให้ราบรื่นไปตามนั้น  อย่าดิ้นอย่าดีดเกินเหตุเกินผลมันเอาไฟมาเผาหัวใจไม่ใช่อย่างอื่นอย่างใด คือ เห็นเขาเป็นอะไรก็อยากเป็นกับเขา เห็นเขาได้อยากได้กับเขา เห็นเขาดิ้นอยากดิ้นกับเขา ดิ้นเขากับดิ้นเรามันไม่เหมือนกัน  ความอยากของเขากับความอยากของเรา ความดิ้นของเขาความดิ้นของเราไม่เหมือนกัน  เวลาผลมาก็ต่างกัน  เขาดิ้นเขาดีดเขามีเครื่องไม้เครื่องมือพอเหมาะพอดีกับกำลังวังชา  เราไม่มีกำลังแต่จะไปโดดขึ้นใส่แชมเปี้ยนก็ไม่ได้  ให้พากันรู้จักประมาณ

        การทำความดีดังที่ทำบุญให้ทานนี้เป็นความเหมาะสมถูกต้องแล้ว พากันจำเอาไว้ นี้หลักเกณฑ์ของคนดี การสร้างความดีนี้เข้าไปช่วยสนับสนุนจิตใจให้ร่มเย็น การสร้างความชั่วเป็นความเดือดร้อนวุ่นวายเป็นไฟเผาตัว

        กิเลสมันมีอยู่ ๓ หมัด ๔ หมัดเด็ด ๆ นี่ละมันลบศาสนา  กิเลสเหล่านี้มาอยู่กับหัวใจคน แล้วออกจากหัวใจคนก็มาอยู่กับปากคน ความประพฤติของคน กิเลสเหล่านี้คืออะไร กิเลสบอกว่าบาปไม่มีทั้งๆ ที่บาปมีมาดั้งเดิมตามหลักธรรมของพระพุทธเจ้าทุกๆ พระองค์ บุญไม่มีทั้งๆ ที่บุญมีมาดั้งเดิมตามคำสอนของพระพุทธเจ้าทุกๆ พระองค์  นรกไม่มี สวรรค์ไม่มี ทั้ง ๆ ที่คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้าแสดงบอกว่ามี  แต่กิเลสบอกว่าไม่มี  นี่ละมันลบล้าง  ความลบล้างเหล่านี้เข้าหาหัวใจสัตว์นะ  จากนั้นก็ตายแล้วสูญ  อันนี้หมัดเด็ดมากนะ  สัตว์ทั้งหลายจมเพราะคำว่าตายแล้วสูญ  เชื่อคำว่าตายแล้วสูญนี้มากต่อมาก  แม้ชาวพุทธเราก็เถอะไม่พ้นซึ่งเป็นจำนวนมากในการเชื่อว่าตายแล้วสูญ  เพราะฉะนั้นพอได้ยินว่าคนนั้นระลึกชาติได้คนนี้ระลึกชาติได้จึงตื่นเป็นบ้ากันไป  เหมือนว่าตายแล้วเกิดมีคนนั้นนอกนั้นสูญหมด  นี่ละหมัดนี้หมัดเด็ดมาก

        ในหลักธรรมของพระพุทธเจ้าแล้วอริยสัจเป็นองค์เปิดโลกธาตุ ฟังให้ดี  อริยสัจ ทุกข์  สมุทัย  นิโรธ  มรรค นี้เป็นกงจักรของวัฏจักรหนึ่ง  ของธรรมจักรหนึ่ง  ทุกข์ สมุทัย เป็นวัฏจักรเครื่องหมุนสัตว์ทั้งหลายให้หมุนเวียนเปลี่ยนแปลง หมุนอยู่ในนี้ไม่ให้ออก หมุนขึ้นหมุนลงตามบาปกรรม บุญมีมากมีน้อยหมุนขึ้นหมุนลงอยู่ตามนี้ เมื่อมีมากเข้าพอสมควรค่อยหมุนถอยออกมา นี้เป็นธรรมจักรคือทางความดี ได้แก่ นิโรธ  มรรค  อยู่ในหัวใจของเรานี่มีจักรอยู่ ๒ จักร จำให้ดีตรงนี้นะ  นี่ละเครื่องประกันในความถูกต้องทั้งหลายแห่งธรรมทั้งหลายที่พระพุทธเจ้าทรงสั่งสอนไว้  เครื่องประกันเครื่องยืนยันมี ๒ อันนี้

        วัฏจักรนี้หมุนหัวใจสัตว์ให้อยากทำความชั่วช้าลามก อยากให้ทะเยอทะยาน อันใดที่เป็นผลประโยชน์ของกิเลสแล้ว กิเลสจะฉุดจะลากจะดึงจะกล่อมให้สัตว์ทั้งหลายเคลิ้มหลับไปตามแล้วทำตามมัน แล้วก็หมุนเข้ามาในกงจักรของมันนี้ ๆ ความชั่วทุกประเภทเป็นเครื่องดึงสัตว์ทั้งหลายเข้ามาในกงจักรอันนี้ ๆ ความดีทุกประเภทเป็นเครื่องดึงสัตว์ทั้งหลายให้เข้ามาในธรรมจักรเครื่องหมุนออกนี้ ให้เข้ามาในธรรมจักรนี้ ๆ นับแต่การทำบุญให้ทานประพฤติตัวเป็นคนดี คำว่าดีนี่ทุกแง่ทุกทางรวมเข้ามาในวงธรรมจักรนี้ แล้ววงธรรมจักรนี้หมุนช้า วงวัฏจักรนี้หมุนเร็ว เพราะเวลานี้กิเลสอยู่ในหัวใจเราหนาแน่นมากมาย เพราะฉะนั้นมันจึงมีกำลังมากหมุนอย่างรวดเร็ว ส่วนธรรมจักรหมุนแต่หมุนช้า

        เพราะฉะนั้น เราจงสร้างความดีของเราหนุนเข้าธรรมจักรของเรานี้ให้มีกำลัง หมุนเร็วเข้าๆ ก็ทันกัน เมื่อหมุนเร็วเข้าๆ ทางนี้เร็วมากเท่าไรทางวัฏจักรก็อ่อนลงๆ ทางสมุทัยทางวัฏจักรนี้อ่อนลง ๆ ทางนี้หมุนแรงเท่าไรทางนั้นยิ่งอ่อนลง ๆ หมุนขาดสะบั้นไปหมดเลยในทุกข์ สมุทัย ที่เป็นเครื่องหมุนสัตว์โลกให้จมอยู่ในวัฏจักรนี้หมุนขาดสะบั้น ดีดผึงเลย นี่ท่านเรียกว่าพ้นจากทุกข์  เป็นธรรมชาติที่บริสุทธิ์ไม่ได้สูญ  แล้วเวลาสัตว์ทั้งหลายตายเกิดอยู่ในนี้ก็ไม่มีคำว่าสูญ

        คำว่าสูญนี้ไม่มี  เป็นเรื่องของกิเลสอุตริขึ้นมาหลอกสัตว์ทั้งหลายให้เข้าไปอยู่ในกงจักรของมัน ใครเชื่อมันต้องเข้านี่ทั้งนั้น เข้าในวัฏจักรนี้ทั้งนั้น ยิ่งว่าตายแล้วสูญสัตว์ทั้งหลายยิ่งทำกรรมหนักมาก เพราะตายแล้วยังไงก็ไม่มีผลตอบแทน ตายแล้วสูญ อยากทำอะไรก็ทำ คำว่าอยากทำอะไรก็ทำ กิเลสเปิดทางความอยากไว้แล้วให้ทำตามมัน นี่ละสำคัญตรงนี้ เพราะฉะนั้นสัตว์ทั้งหลายจึงไม่อยากทำความดี เมื่อกิเลสมีกำลังมากอยากทำแต่ความชั่วช้าลามก รื่นเริงบันเทิง แย็บออกมุมไหนมีแต่มุมกิเลสเปิดทางไว้แล้ว ๆ เราก็ติดตาข่ายกิเลสวันยังค่ำ หนุงหนิง ๆ ติดอยู่ตลอดเวลาไปไม่ได้ นี่ละความชั่ว เมื่อคนเราสำคัญว่าตายแล้วสูญจะเป็นอย่างนี้ด้วยกันทั้งนั้น แล้วพวกนี้พวกได้รับความทุกข์ความทรมานหนักมากด้วย แล้วที่จะวนอยู่ในวัฏจักรนี้ยืดยาวแสนยืดยาวด้วย วัฏจักรของคนนี้จะไม่มีทางสิ้นสุดอย่างง่ายดาย เพราะอำนาจแห่งกรรมนี้หมุนให้ยืดยาวออกไป ความทุกข์ก็หมุนให้ทุกข์มากลำบาก

        ผู้ที่เชื่อว่าตายแล้วเกิด นี่เชื่อตามทางของพระพุทธเจ้า  ผู้นี้เป็นผู้แยกออกมาในธรรมจักรนี้  แล้วคนนี้เชื่อบาปเชื่อบุญแล้วสร้างคุณงามความดีทางนี้หนักเข้า ๆ ทางธรรมจักรก็หมุนเร็วเข้า ๆ ดีดผึงออก ๆ ออกจากวัฏจักรนี้ก็เป็นธรรมจักร  ออกจากธรรมจักรนี้ก็พ้นจากทุกข์ ๆ ไปโดยสิ้นเชิง ๆ

        คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้าสั่งสอนไว้ในจักร ๒ จักรนี้ไม่นอกเหนือจากนี้  บรรดาพระพุทธเจ้าบรรดาพระอรหันต์รู้ทุกองค์เต็มหัวใจอันนี้ปิดไม่อยู่  บรรดาพระอรหันต์ก็ดีพระพุทธเจ้าก็ดีทุก ๆ พระองค์เลยนะไม่ใช่เว้นองค์ใดองค์หนึ่ง  ขึ้นชื่อว่าผู้สิ้นกิเลสแล้วจะทราบจักร ๒ จักรนี้ได้อย่างประจักษ์ใจว่ามันหมุนกันยังไง  มันทำให้สัตว์โลกได้รับความทุกข์ความลำบากยังไง ๆ มันหมุนกันยังไง รู้หมดทั้งสาเหตุ และหมุนเข้ามาเป็นทุกข์ ทุกข์เพราะเหตุใด รู้ทั้งสาเหตุ ๆ รู้ทั้งผลของมันอย่างชัดเจน  ทีนี้ทางความดีนี้ก็เหมือนกัน  ความดีนี้ค่อยหมุนเร็วเข้าไป ๆ เรียกว่าธรรมจักร  พอออกจากธรรมจักรแล้วก็ วิวัฏจักร เป็น ๓ จักรนะ  วิวัฏจักรหมายถึงว่าหมุนออกเลย พุ่งตลอดพ้นจากทุกข์ ท่านเรียกวิวัฏจักร หมุนพ้นจากทุกข์

        บรรดาพระพุทธเจ้าพระอรหันต์ท่านรู้ประจักษ์ทุก ๆ องค์  ไม่มีองค์ใดเว้นองค์หนึ่งไม่มีที่จะไม่รู้เรื่องจักรเครื่องหมุนของกิเลสที่หมุนสัตว์โลกให้เกิดแก่เจ็บตาย ๆ ตกนรกไปสวรรค์ ตกนรกหมกไหม้อย่างลึกลับอย่างที่หนักแน่นที่สุดก็ไปจากวัฏจักรนี้มันหมุนลงไป  อันหนักที่สุดก็คือตายแล้วสูญ  อันนี้หนักมาก ถ้าหากว่ามีอยู่ในหัวใจของใครให้ดัดนะให้แก้นะ  ให้เชื่อบาปเชื่อบุญเป็นเครื่องลบล้างคำว่าตายแล้วสูญไม่งั้นจม  ไม่มีใครจมผู้นั้นแหละผู้จะจมไม่เชื่อพระพุทธเจ้า ฉุดลากขนาดไหนไม่ยอมเชื่อแล้วก็จม

        คำสอนของพระพุทธเจ้าบอกบาปมีบุญมีนรกมีสวรรค์มี ตายแล้วเกิด นั่น อันนี้เป็นความแน่นอนของธรรมที่พระพุทธเจ้าทุก ๆ พระองค์ท่านทรงสั่งสอนไว้โดยถูกต้อง  เราผู้เป็นลูกศิษย์ตถาคตก็คือเป็นพุทธบริษัท  ให้เชื่อตามคำสอนพระพุทธเจ้า  ถ้าเชื่อตามกิเลสก็เท่ากับเชื่อตามโจรตามมาร  มันจะฉุดจะลากให้ไปล่มจมในที่ไหน ๆ ไม่มีประมาณ  คำว่าความชั่วแล้วไม่มีประมาณ พาสัตว์ทั้งหลายไปได้ทุกแง่ทุกมุม  ไปเกิดได้ทุกแห่งทุกหน ได้รับความทุกข์ความทรมานทุกประเภทหาประมาณไม่ได้ ก็คือความชั่วที่ผู้นั้นแหละทำเอง  หากไปพัดไปผันผู้นั้นเอง

        อันความเชื่อว่าอย่างนั้นความเชื่อว่าอย่างนี้นั้น ถ้าหากว่าปากพูดออกมาก็เป็นเพียงลมปาก ความเชื่อนี้เป็นเพียงความเชื่อแต่หนุนออกมาจากกิเลสบอกให้เชื่อ พวกเราจึงเชื่อกิเลสมากกว่าเชื่อธรรม แต่ผู้ใดเชื่อธรรมมากกว่ากิเลสผู้นั้นแหละผู้เริ่มตื่น ตื่นจากหลับแล้วจะหมุนตัวออกๆ ถึงจะไปเกิดอยู่ก็ตาม ความย่นแห่งวัฏวนที่จะเกิดแก่เจ็บตายไม่มีสิ้นสุดนี้จะหดย่นเข้ามา ๆ ความสุขก็จะมีมากขึ้น ความทุกข์ก็จะลดน้อยลง วัฏวนที่พาให้หมุนเกิดแก่เจ็บตายไม่มีสิ้นสุดก็จะหดย่นเข้ามา ๆ อำนาจแห่งบุญตัดได้หลายด้านหลายทาง  คือสกัดความยืดยาวในภพชาติต่าง ๆ ที่ไม่มีสิ้นสุดนั้นให้ย่นเข้ามาจนกระทั่งถึงสิ้นสุดวิมุตติหลุดพ้นไปได้  นี่อันหนึ่ง

        ผู้เชื่อตามพระพุทธเจ้าเป็นผู้หันมาทางนี้ หันมาทางธรรมจักรเพื่อจะหันออกทางวิวัฏจักร ทะลุพุ่งเลยถึงแดนพ้นทุกข์  ผู้ที่เชื่อตามกิเลส  ความโลภก็เป็นกิเลส ให้จำให้ดีนะ  ความโกรธเป็นกิเลส  ราคะตัณหาเป็นกิเลสประเภทต่าง ๆ หนักเบา เบามาก หนักมากมี กิเลสแต่ละประเภทมีหนักมีเบาให้พากันระมัดระวัง  ถ้าเราแก้มันไม่ได้ก็ให้อยู่ในความพอฟัดพอเหวี่ยงพอสู้กัน  อย่าถึงกับมันเอาเราให้ล่มให้จมนะ  ถ้าว่าความโลภก็เอาจนกระทั่งเจ้าของล่มจมก็ใช้ไม่ได้นะ  ความโกรธก็เอาเจ้าของล่มจมใช้ไม่ได้  ราคะตัณหาเอาให้เจ้าของล่มจมก็ใช้ไม่ได้

        สิ่งเหล่านี้พาคนให้ล่มจมได้ทั้งนั้นเมื่อเลยประมาณมันแล้ว  ถ้าอยู่ในประมาณความพอดิบพอดีแล้วก็เหมือนเรา ๆ ท่าน ๆ เรียกว่าเป็นพลเมืองดีก็ได้  ความโลภก็มีแต่ไม่โลภเกินเหตุเกินผล  โลภพอดิบพอดีเหมือนมนุษย์ที่เป็นคนเป็นไม่ใช่คนตายต้องมีความอยากบ้าง  ความอยากธรรมดาทั่ว ๆ ไปพระพุทธเจ้าไม่เรียกว่าความโลภเป็นกิเลส  อันเรื่องความโลภเหลือเนื้อเหลือตัวเหลือเหตุเหลือผลเหลืออรรถเหลือธรรม  เหลือไปเสียทุกสิ่งทุกอย่างนี่ท่านเรียกว่าความโลภ  ความโกรธก็เหมือนกัน  ความโกรธความหงุดหงิดมันมีได้  แม้แต่ลูกเราเลี้ยงมาแทบเป็นแทบตายนี้เวลาโมโหให้ลูกก็ยังมี  อันนี้ก็เป็นธรรมดา  ยังเรียกว่าเป็นพลเมืองดี

        ราคะตัณหา ผัวเมียอยู่ด้วยกันไม่เสพไม่สมกันมีเหรอ ด้วยความรักความชอบใจนี้ก็เป็นธรรมดา ไม่ได้ถือเป็นความผาดโผนโจนทะยานอะไร แต่ถ้าหาเอามานอกลู่นอกทางหรือทะเยอทะยานไปอีก  นั่นท่านเรียกว่าราคะตัณหาที่เป็นฟืนเป็นไฟ ให้พากันจำเอาไว้ ให้กะไว้ให้พอประมาณ  บังคับไว้นะ  สิ่งเหล่านี้มันปริ่ม ๆ มันคอยจะล้นฝั่งตลอดเวลา  ไม่ว่าความโลภ ไม่ว่าความโกรธ ไม่ว่าราคะตัณหา มันปริ่ม ๆ มันคอยจะล้นฝั่งตลอดเวลา เราต้องตีไว้เสมอ ๆ ด้วยธรรม  ไม่มีธรรมอยู่ไม่ได้นะแตกกระจัดกระจายไปหมดนั่นแหละ  ประเภทนี้ละทำลายสัตว์  ให้ระมัดระวังให้อยู่ในความพอเหมาะพอดี

        การอยู่การกินการใช้การสอยก็ให้อยู่ในความพอเหมาะพอดี ถ้าธรรมพาอยู่พากินพาใช้พาสอยพาหลับพานอนพาไปพามาแล้วจะพอดีทุกอย่าง ถ้าเป็นธรรมพาไปพาทำนะ คือธรรมพาดำเนินไม่ว่าจะไปจะอยู่จะหลับจะนอนจะกินจะใช้จะสอยเครื่องนุ่งห่มต่าง ๆ  ถ้าธรรมมาเป็นผู้นำแล้วพอเหมาะพอดี  ถ้ากิเลสเป็นผู้นำแล้วใช้ไม่ได้นะ  บ้านก็อยากหรูหราที่สุด  เครื่องแต่งเนื้อแต่งตัวอยากหรูหรา  นุ่งบ้างไม่นุ่งบ้างวับ ๆ แวม ๆ นี่ละกิเลสพานำให้ดูๆ ถ้าว่าเราหาเรื่องนะ การอยู่การกินทุกอย่างนี้ต้องเหลือเฟือๆ ฟุ้งเฟ้อเห่อเหิมเผื่อกิเลสด้วย ๆ

        การไปการมานี่เหมือนกัน รถนี่อยากได้ ๕ รถเบนซ์  เราคนเดียวนั่ง ๕ คันรถเบนซ์ นี่ละกิเลสพาไปพามาพาอยู่พาหลับพานอน อะไรมีแต่ดี ๆ ๆ ดีเพื่อกิเลสทั้งนั้นไม่ได้ดีเพื่อเรา เพราะฉะนั้นความทุกข์กิเลสจึงขนมาให้เราทั้งหลาย นี่ละกิเลสพานำทางเป็นอย่างนั้น ไม่มีอันดี กินก็ไม่พอดี นอนไม่พอดี การใช้สอยไม่พอดี เครื่องนุ่งห่มทุกสิ่งทุกอย่างถ้ากิเลสพาทำไม่พอดีทั้งนั้น  มีแต่เรื่องเพื่อกิเลส ๆ แล้วเพื่อความล่มจมแก่เรา ๆ จงพากันจำไว้ทุก ๆ คน  ให้ธรรมพาดำเนิน  การอยู่การกินพอเป็นพอไปแล้วอยู่กินเท่านั้นพอ  การใช้การสอยก็เหมือนกัน  พอปกปิดอวัยวะพอสมควรเหมือนมนุษย์อยู่ด้วยกันนี้แล้วพอ  อย่าให้หรูหราฟู่ฟ่าเกินเหตุเกินผลใช้ไม่ได้เลย  อันนั้นเป็นเรื่องของกิเลสผาดโผนเกินประมาณ หาความสุขไม่ได้  มีเท่าไรจมไปตามมันหมดนั่นแหละ

        ให้พากันจำเอานะ วันนี้เทศน์เพียงเท่านี้ละ ต่อไปนี้รับศีล ศีลคือกำแพงกั้นนรก กั้นไฟนรก มันเผาตัวของเรา เผาครอบครัวเหย้าเรือน ถ้าล่วงเกินศีล ๕ นี้แล้วเผาทั้งตัวเผาทั้งครอบครัวเหย้าเรือน เผาไปหมด เมื่อมีศีล ๕ ข้อนี้แล้วไม่เผา ต่างคนต่างมีสมบัติเป็นของตัวทุกสิ่งทุกอย่างเป็นของตัวเป็นปรกติ ๆ ถ้าทำลายศีลนี้แล้วก็คือว่าทำลายความเป็นปรกติแห่งกันและกันเสียหมด นั่นคุณค่าของศีลเป็นของเล่นเมื่อไร

 

************

 


** ท่านผู้เข้าชมทุกท่านโปรดทราบ
    เนื่องจากกัณฑ์เทศน์บางกัณฑ์มีความยาวค่อนข้างมาก ซึ่งจะส่งผลต่อความเร็วในการเปิดเว็บไซต์ ขอแนะนำให้ทุกท่านได้อ่านเนื้อหากัณฑ์เทศน์บางส่วนจากเว็บไซต์ และให้ทำการดาวน์โหลดไฟล์กัณฑ์เทศน์ที่มีนามสกุล .pdf ไปเก็บไว้ในเครื่องของท่านแทนการอ่านเนื้อหาทั้งหมดจากเว็บไซต์

<< BACK

หน้าแรก