ความสุขอยู่ที่ใจ
วันที่ 18 พฤษภาคม 2538
สถานที่ : วัดป่าบ้านตาด
| |
ดาวน์โหลดเพื่อเก็บไว้ในเครื่อง
ให้คลิกขวาแล้วเลือก Save target as .. จาก link ต่อไปนี้ :

ค้นหา :

เทศน์อบรมฆราวาส ณ วัดป่าบ้านตาด

เมื่อวันที่ ๑๘ พฤษภาคม พุทธศักราช ๒๕๓๘

ความสุขอยู่ที่ใจ

ไปกรุงเทพก็เทศน์หลักใจแหละ ชาวพุทธเราในเมืองไทยนี้เหลวไหลมาก เรื่องหลักใจไม่มีเลย ดูแล้วดูไม่ได้ว่างั้นเลย เพราะฉะนั้นจึงเทศน์หลักใจให้ได้ยึดไม่งั้นจะจมกันหมดจริง ๆ ทั้ง ๆ ที่ว่าโลกเจริญ ๆ มันเจริญด้วยฟืนด้วยไฟ ไม่ได้เจริญด้วยความสงบร่มเย็นอะไรเลย ต่างคนต่างดิ้นต่างดีดเป็นบ้าเต็มโลกเต็มสงสาร ยังไม่ได้มองดูหัวใจเจ้าของเลย มันโง่ขนาดไหนมนุษย์ เราอยากพูดให้ชัดอย่างนี้นะ ก็ความจริงเป็นอย่างนั้นจะให้ว่ายังไง ท่านผู้ครองความสุขท่านครองที่หัวใจต่างหาก ท่านไม่ได้ครองที่สมบัติเงินทองข้าวของอะไร อันนั้นเครื่องประดับเท่านั้นละ ถ้าเราดีมันก็ดีพอใช้ได้ ถ้าเราไม่ดีอันนี้ก็มาเป็นไฟเผาเราอีกถ้าหัวใจไม่ดีเสียอย่างเดียวเท่านั้น

หลักใจเป็นของสำคัญ ๆ ในโลกอันนี้มีหลักใจเท่านั้น ถ้าหลักใจเหลวเสียอย่างเดียวหมดท่าเลย ดูไปไหน ๆ มันจะดูไม่ได้ลูกตาจะแตก มีแต่เรื่องกิเลสถลุงหัวใจคนถลุงกิริยามารยาทอาการแสดงของคนทั้งนั้น ไม่มีธรรมเลยจะทำยังไง ว่าชาวพุทธ ๆ ไปกรุงเทพคราวนี้เทศน์แต่เรื่องหลักใจแหละ ไม่มีความระลึกรู้ในใจเจ้าของเลย มองเข้ามานี่สักนิด ๆ วันหนึ่ง ๆ ก็ยังดีนะ ถ้ามองเข้ามานี้มันได้สตินะ เช่น พุทโธ ระลึกปั๊บมันได้สติ ระลึกถึงความตายก็ได้สติ ระลึกถึงความโลภด้วยธรรมะก็ได้สติ ระลึกถึงความโลภด้วยกิเลสแล้วไปใหญ่ ถ้าระลึกถึงความโลภด้วยธรรมะแล้วได้สติ ๆ ความโกรธก็ได้สติ ราคะตัณหาได้สติทั้งนั้นถ้าระลึกทางธรรมนะ มันเป็นการยับยั้งกัน ๆ อยู่ตลอดเวลา นี่มีแต่ปล่อยตัว ๆ เลอะเทอะไปหมดจะทำยังไง

ยิ่งจวนจะตายเท่าไรยิ่งได้เห็นเหตุเห็นการณ์ต่าง ๆ เป็นฟืนเป็นไฟเข้ามันอดห่วงใยไม่ได้ก็แผดออกมาบ้างซิจะว่าไง แผดออกมาด้วยความเมตตาเสียหายตรงไหน ไม่ได้แผดออกมาด้วยความโมโหโทโสนี่นะ โถ มันน่าสงสาร แล้วเจ้าของไม่สนใจแก้เจ้าของเสียด้วย ไฟเผาหมดทั้งตัว ๆ มองเห็นแดงโร่ ๆ เจ้าของยังเป็นบ้าไม่ได้มองดูหน้าดูหลังอะไรเลย ถ้าระลึกพุทโธเสียคำหนึ่งปั๊บ ไฟจะสงบ ๆ ระลึกธัมโม ระลึกสังโฆ ระลึกถึงความตายเจ้าของ ระลึกถึงความโลภถึงเรื่องมันทำลายเรา มันจะย้อนเข้ามา ๆ รู้สึกตัว ๆ จิตสงบจะไม่ดิ้นดีดนัก

เดี๋ยวนี้มันดิ้นดีดเพราะไม่ได้รู้เรื่องธรรมะเหล่านี้ซิ หลักใจไม่มีจะทำยังไง เอ้า จริง ๆ นะมองไปไหนเป็นไฟไปหมดทั่วโลกดินแดน เขาจะว่าหลวงตาบัวเป็นบ้าเรายอมรับเป็นบ้าแบบนี้น่ะ เป็นบ้าแบบพระพุทธเจ้าแนะนำสั่งสอนมานี่ ก็เห็นอยู่จะให้ว่ายังไง เมื่อไม่เห็นก็บอกไม่เห็น มันเห็นอยู่จะให้ว่ายังไง เป็นฟืนเป็นไฟอยู่ทั่วโลกดินแดนยังดิ้นเป็นบ้ากันอยู่ ข้าจะเอาอย่างนั้น ข้าจะเอาอย่างนี้ ข้าจะเอาอันนั้น ข้าจะเอาอันนี้เป็นบ้า มีแต่ไฟเผา เผาเรื่อย ว่าเท่าไรก็เผาเข้ามา ๆ ยังไม่รู้ตัวเลยนี้ทำยังไง มันโง่ขนาดไหนมนุษย์

เราไปมองโน่นมหาเศรษฐีมีเงิน เราไม่ได้มองมหาไฟบรรลัยกัลป์เผาหัวใจ เรามองดูแต่สมบัติเงินทอง ที่ไหนก็มีอดอยากอะไร เต็มบ้านเต็มเมืองอยู่นี่ มันอดอยากที่หัวใจไม่มีสุขนั่นซี มันอดอยากตรงนั้นนะให้ดูให้ดีนะ อย่าว่าหลวงตาบัวหาเรื่อง ไม่ได้หาเรื่อง สอนคนให้เป็นคนดีให้เป็นคนสงบสุขเพราะไฟเผาหัวใจนี่นะจะผิดไปไหน โอ๊ย มันน่าทุเรศจริง ๆ นะ ไม่รู้เนื้อรู้ตัวเลยจะทำยังไง ไม่ว่าเด็กไม่ว่าผู้ใหญ่ ไม่ว่าชาติชั้นวรรณะใดเป็นบ้าด้วยกันหมดจะทำยังไง

เทศน์อย่างนี้กิเลสมันก็หัวเราะอีก กิเลสมันโกรธแค้นนะ พูดอย่างนี้เข้าใจหรือเปล่า เพราะเทศน์ตีหัวกิเลสนี่ ถ้าผู้ต้องการความจริงแล้วจะจับปุ๊บ ๆ ๆ เอาเลย ได้มาเป็นคติ ๆ เลย แต่นี้มันไม่ต้องการธรรมะน่ะซีถึงเทศน์อย่างนี้ไม่ได้ เทศน์ไปหาอะไรเกิดประโยชน์อะไร สิ่งใดทำอะไรลงไปก็หวังประโยชน์ ไม่เกิดประโยชน์ทำไปทำไม เห็นอยู่รู้อยู่ก็เหมือนไม่รู้ไม่เห็น ตาบอดหูหนวกไปอย่างนั้นแล้ว

เรื่องอิจฉาบังเบียดเสียดสีซึ่งกันและกันมาจากตัวเดียวนี่ ตัวไฟตัวนี้ มันไม่ได้หวังน้อยนะกิเลสตัวนี้มันจะใหญ่กว่าโลก ๆ ทุกอย่าง มันไม่ได้หวังให้น้อยกว่าใครนะ มันใหญ่กว่าโลก เพราะฉะนั้นต่างคนต่างหวังใหญ่กว่าโลกมันถึงชนกัน ๆ กัดกันเหมือนหมา หาความสงบร่มเย็นที่ไหนได้ โรคอิจฉาพยาบาทอาฆาตจองเวรกันมีแต่ตัวเดียวนี่หวังใหญ่ ๆ ถ้าระลึกถึง พุทโธ ธัมโม สังโฆ ระลึกถึงความโลภที่มันเป็นภัยต่อตัวเองเพื่อเป็นอรรถเป็นธรรม ระลึกถึงความโกรธที่เป็นฟืนเป็นไฟเผาไหม้ตัวเอง ระลึกถึงราคะตัณหาที่มันพาดีดพาดิ้นเป็นบ้านี้ ด้วยความเป็นธรรม ๆ แล้วมันจะเหมือนกับเหยียบเบรกห้ามล้อแล้วมันจะชะงัก ๆ เหยียบหลายครั้งหลายหนก็อ่อนตัวลง ๆ จนอยู่ในระดับพอดี เท่านี้คนเราก็เป็นสุข สิ่งเหล่านั้นก็กลายมาเป็นสุขด้วยกันหมด สมบัติเงินทองข้าวของมีมากมีน้อยถ้าใจมีความสุขเสียอย่างเดียว หรือมีความสงบรู้รักษาตัวเสียอย่างเดียวมันก็ดีไปหมด แต่นี้เจ้าของเป็นไฟจะให้สิ่งเหล่านั้นมาเป็นความสุขได้ยังไง มีแต่มันจะเผาช่วยเผานั่นละ

จวนจะตายเท่าไรยิ่งเป็นห่วงเป็นใยมาก เพราะฉะนั้นคำพูดถึงเด็ดขาดลงไปเรื่อย ๆ เผ็ดร้อนไปเรื่อย ๆ เดี๋ยวเขาจะว่าหลวงตานี่จวนจะตายเท่าไรยิ่งโมโหโทโสมาก เขาอาจจะว่าก็ได้ ถ้าเขาว่าก็ปล่อยให้เขาว่า ผู้ที่ต้องการความจริงมีอยู่เราต้องการคนนั้นต่างหากนี่นะ คนประเภทอื่นเราไม่สนใจ ประเภทที่ว่าอย่างนั้นเราไม่สนใจ เราสนใจผู้ต้องการความจริงมีอยู่ ผู้ที่จะยึดเอาหลักเอาเกณฑ์มีอยู่ เราพูดเพื่อผู้นั้นต่างหาก พวกโกโรโกโสเราไม่สนใจ แม้ขวางทางอยู่เราจะข้ามไป เราไม่ได้สนใจคนประเภทนั้น ไม่เกิดประโยชน์อะไรคนหนักโลก

นี่ซิที่เทศน์ตั้งแต่ ๐๕-๐๖ มาจนกระทั่งถึง ๒๕๒๐ ไม่อัดเทปนะ เพราะเทศน์เผ็ดร้อน เทศน์สอนพระฟัง เทศน์อย่างถึงพริกถึงขิงถึงเหตุถึงผลถึงหัวกิเลสจริง ๆ แล้วคนทั้งหลายเขาจะฟังไม่ได้ ไม่อัดเทป เทศน์ปล่อยออก ๆ เลยไม่อัดเทป ทีนี้คิดไป ๆ ทบทวนไปมาเราจะเอาคนโง่นั้นเหรอเป็นประมาณ นั่นมันพับเข้ามาแล้ว คนโง่คนโกโรโกโสนั่นเหรอคนจะครองบ้านครองเมืองครองศาสนา เอาเป็นประมาณได้คนประเภทนั้นเหรอ คนดีต่างหากคนมีความเฉลียวฉลาด คนหาหลักความจริงต่างหากจะครองบ้านครองเมืองครองอรรถครองธรรม เทศน์ไปผู้ไม่ต้องการก็อย่าเอาซี ผู้ดีมีอยู่ ได้คนดีเพียงคนเดียวชนะคนชั่วตั้งร้อยคน เอาตรงนี้

เพราะฉะนั้นจึงให้อัดเทปนะ ตั้งแต่ ๒๕๒๑ มาเริ่มอัดเทปมา จะเผ็ดร้อนไม่เผ็ดร้อนก็ไม่สนใจกับใครที่นี่เมื่อได้พิจารณาลงเหตุผลแล้ว เพราะฉะนั้นจึงเทศน์เรื่อยมา แม้เช่นนั้นก็ไม่เต็มร้อยแหละ ให้เต็มไม่เต็ม ถ้ามีเทปอยู่แล้วไม่เต็ม ถ้าไม่มีนี้เต็มเหนี่ยวเลย ถ้ามีไม่เต็ม เขาจะว่าหลวงตาบัวจวนตายเท่าไรยิ่งเป็นบ้าอาละวาด อาละวาดกิเลสเหยียบหัวคนต่างหาก เราไม่ได้อาละวาดคนนี่นะ มองไปเหมือนฟืนเหมือนไฟเผาไหม้ โห ทุเรศ เพราะฉะนั้นจึงอัศจรรย์พระพุทธเจ้าละซิ จ้าเห็นหมดเลยเป็นยังไง ๆ เห็นหมดเลย นั่นละธรรมะเหนือโลก มองดูโลกชัดเจนจ้า โลกวิทู รู้แจ้งจ้า

พวกเราอยู่ในกองไฟ จับลากออกจากกองไฟยังไม่อยากออกนะ ยังบืนเข้าหาฟืนหาไฟอยู่นั่น สมบัติในกระเป๋าเราสมมุติว่ามี ๒๐๐ บาท ความฉลาดเอาไปใช้เสียร้อยบาท เป็นประโยชน์เต็มร้อย ความโง่เอาไปใช้เสียร้อยบาท ทำลายเจ้าของเต็มร้อย นั่นอย่างนั้นละ เงินในกระเป๋าของคนคนเดียวก็ตาม แยกออกเป็นสองร้อยบาท ร้อยบาทนี้ให้กิริยาแห่งความฉลาดเอาไปใช้ เกิดประโยชน์เต็มร้อยเปอร์เซ็นต์ อันนี้เอากิริยาแห่งความโง่ไปใช้เอามาเผาเจ้าของร้อยเปอร์เซ็นต์ เงินของคนคนเดียวนั่นแหละ แยกกันได้อย่างนั้นแหละเงิน สมบัติเงินทองเจ้าของพาดี-ดี เจ้าของพาเป็นไฟเป็น ไม่ใช่ว่าเป็นเงินเป็นทองแล้วก็จะดีอย่างเดียว มันไม่ดีกับเจ้าของต่างหาก สิ่งเหล่านั้นเป็นเครื่องส่งเสริม เป็นเครื่องกดถ่วง เป็นเครื่องมือ ถ้าใจเสียเสียอย่างเดียวแหลกหมด

ใครข้ามธรรมะพระพุทธเจ้าไป ข้ามไปเท่าไรก็ลงกองไฟ ๆ ทั้งนั้นไม่มีทางดีแหละ ถ้ายอมรับธรรมพระพุทธเจ้าแล้วจะค่อยสงบร่มเย็นไปเรื่อย ๆ แม้ที่สุดในครอบครัวเหย้าเรือนสามีภรรยาก็ไม่แตกแยกจากกัน ไม่ทะเลาะเบาะแว้งกัน ต่างคนต่างยอมรับเหตุผล ใครผิดยอมรับว่าผิด ใครถูกยอมรับว่าถูก แล้วอยู่ด้วยกันได้จนกระทั่งวันตายไม่มีทะเลาะเบาะแว้งกัน ถ้าลองคนหนึ่งเป็นพาล คนหนึ่งเป็นบัณฑิต คนหนึ่งดีคนหนึ่งชั่วต่อยกันทั้งวันนั่นแหละ กัดกัน หมาตัวดีเลยแหลกหมาบ้ามันไล่กัดเอา

นี่เราพูดถึงเรื่องธรรม เป็นอย่างนั้นแหละธรรม ท่านตบแต่งหาความสงบสุขร่มเย็นให้พวกเราทั้งหลายทั้งนั้นนะธรรม ไม่มีคำว่าแตกว่าแยก ไม่มีคำว่าทำลายนะธรรม มีเท่าไรเป็นคุณทั้งนั้นแนะนำสั่งสอนโลก แต่โลกไม่ยอมฟังมันเอาแต่เรื่องของกิเลสกล่อมหัวใจ เครื่องล่อของมันคือความอยากความทะเยอทะยาน ล่อตลอด ๆ เราก็ดิ้นตายกับความอยากความทะเยอทะยานแล้วเป็นบ้ากัน แล้วไฟเผาเอา ๆ ยังไม่รู้จะทำยังไง ไม่งั้นจะว่าโง่หรือมนุษย์เรา มันฉลาด-ฉลาดตามแถวกิเลสต่างหากไม่ได้ฉลาดตามแถวธรรมนี่นะ ตามแถวกิเลสมันก็เป็นฟืนเป็นไฟเผาเจ้าของ ฉลาดตามแถวธรรมก็เป็นความสงบร่มเย็น แต่นี้มันไม่ไปทางนี้ซี

วัดใหม่เราน้ำในสระใหญ่ไม่ทราบมีหรือไม่มี นี่เราทำสระใหญ่ไว้ ๔ ไร่ เราจะสูบน้ำไว้เต็มให้นกเป็ดน้ำมาอาศัยอยู่ในนั้น เพราะพวกนี้มันชอบอยู่กับพระ พวกนกเป็ดน้ำฉลาดมากนะมันเคยอยู่กับพระ เพราะฉะนั้นมันถึงมาสระเล็ก ๆ อยู่ในครัวเรานี่ มันมาบ่อยนะมันมาดูลาดเลามาเล่นน้ำอยู่นั้นทีละตัวสองตัว เราเดินผ่านไปบนคูสระเขาก็เล่นน้ำอยู่นั่นเฉย หือ สูมาดูลาดเลาเหรอ น้ำไม่มีมากแหละแต่ถ้าสูมามาก ๆ จะสูบน้ำให้ แต่นี้สระมันแคบ เขามาบ่อยมาเขาไม่ได้กลัวพระนี่ เขาเล่นน้ำสบายเหมือนสัตว์บ้านนะ เล่นน้ำเราเดินไปบนคูสระ เขาเล่นน้ำเฉยนี่แสดงว่าเขาเคยอยู่กับพระมาแล้วพวกนี้ เขามาดูลาดเลาถ้าสมมุติว่าควรอยู่ได้เขาจะชวนหมู่เพื่อนเขามาอยู่ ความหมายว่างั้น เพราะฉะนั้นเราจึงทำสระใหญ่ให้ ๔ ไร่เต็มเลย เราจะสูบน้ำจากข้างนอกเข้ามา เปิดน้ำหรือสูบน้ำเข้ามาให้เต็มสระแล้วให้นกเป็ดน้ำมาอาศัยที่นั่น สงสารสัตว์

วัดหลวงพ่อตันนั่นเต็ม แต่ก่อนก็หลวงพ่อบัว นั่นเห็นไหมอำนาจวาสนามันต่างกันนะมนุษย์เรา หลวงพ่อบัวมีชีวิตอยู่นกเป็ดน้ำเต็มสระอยู่ในวัดเลยนะ เต็มจริง ๆ ไม่ใช่ธรรมดานะ เวลาเขาบินขึ้นนี้มืดฟ้ามัวดินเวลาหลวงตาบัวอยู่ พอหลวงตาบัวตายแล้วค่อยร่อยหรอลง ๆ หายเงียบไม่มีเลยแปลกอยู่นะ อำนาจวาสนามันอยู่ลึกลับ ๆ เป็นเครื่องดึงดูดกัน พอหลวงตาบัวเสียไปเท่านั้นแหละพวกนี้ก็ค่อยร่อยหรอไป ๆ แล้วหายเงียบไปเลยไม่มี แต่ก่อน โถ ที่ไหนจะมากยิ่งกว่านั้น เขาอยู่กับคนเขาเย็นใจสบาย คนเดินไปเดินมาเขาก็อยู่ของเขา คือเขาเป็นสัตว์บ้านแล้วไม่เป็นสัตว์ป่าแหละ เพราะฉะนั้นเขาจึงแอบมาเรื่อย

เวลาเราไปเราก็พูดกับเขา หือ สูมาหาดูลาดเลาเหรอ น้ำไม่มีนะสระน้อยเราว่างั้น เขามาทีละตัวสองตัวมาลอยน้ำเล่นอยู่นั้น เขาเฉยนะกับเราไม่กลัว เราจนสงสัยว่าใครเอานกเป็ดน้ำมาปล่อยทำไมถึงได้เชื่องเอานักหนา ถามใครแถวนั้นก็ไม่มีถามทั้งวัดก็ไม่มี ไปดูวันหลังหายเงียบ ไปแล้ว อีกสี่ห้าวันมาอีก วันหลังไปดูอีกหายเงียบอีก เขามาดูเฉย ๆ ไม่ใช่นกเป็ดที่เรามาปล่อยนะ เขามาดูแล้วเขาก็ไปของเขา นี่ถ้ามีน้ำมากทดลองดูอยู่เย็นเป็นสุขแล้วเขาก็จะมาแหละ เราจึงต้องเตรียมสระน้ำไว้ บางทีอาจจะขยายไปอีกก็ได้ถ้ามีมากขึ้น จะขยายสระเข้าไปข้างในอีก ๒ ไร่ รวมเป็น ๖ ไร่ก็กว้าง เพราะเนื้อที่มันสามร้อยกว่าไร่ สัตว์จะได้อาศัย

ทีนี้จะให้พร


** ท่านผู้เข้าชมทุกท่านโปรดทราบ
    เนื่องจากกัณฑ์เทศน์บางกัณฑ์มีความยาวค่อนข้างมาก ซึ่งจะส่งผลต่อความเร็วในการเปิดเว็บไซต์ ขอแนะนำให้ทุกท่านได้อ่านเนื้อหากัณฑ์เทศน์บางส่วนจากเว็บไซต์ และให้ทำการดาวน์โหลดไฟล์กัณฑ์เทศน์ที่มีนามสกุล .pdf ไปเก็บไว้ในเครื่องของท่านแทนการอ่านเนื้อหาทั้งหมดจากเว็บไซต์

<< BACK

หน้าแรก