เมื่อวานนี้คนมาก แถวสองฟากถนนยาวเหยียด เลยประตูวัดออกไปอีกข้างนอก ประตูวัดสวนแสงธรรม มากจริง ๆ มากทุกวัน ไปคราวนี้ไม่มีคำว่าน้อย ถ่ายบาตร ๙๐ บาตร ร้อยกว่าบาตร ๘๐-๙๐-ร้อยกว่า ๆ อยู่ตลอด วันไปทีแรก ๖๐ กว่าบาตร ๖๖ หรือไง จากนั้นมาก็ถีบขึ้นเรื่อย ๆ เราก็สงสาร หัวใจไม่มีที่ยึดที่เกาะ สมบัติเงินทองข้าวของเต็มโลกช่วยอะไรไม่ได้นะ จิตใจไม่มีหลักยึดเสียอย่างเดียวเคว้งคว้าง อันนี้ละที่เราสงสารมากเป็นห่วง คือหลักใจไม่มีเลย ๆ หลักทรัพย์เพื่ออะไรถ้าหัวใจไม่เป็นหลักแล้วเอาอะไรมาเป็นหลัก หลักทรัพย์ไม่มีความหมาย มีเงินกี่ร้อยกี่พันล้านก็ไม่เกิดประโยชน์อะไร เจ้าของเลอะเทอะไม่ปฏิบัติตัวให้ดีไม่เป็นท่า หลักใจจึงสำคัญ
ชาวพุทธเราเมืองไทยนี้ไม่มีหลักใจเลยจะทำยังไง ไปที่ไหน ๆ มันบอกชัด ๆ เลยกิริยาอาการที่แสดงออกทุกอย่างบอกตลอด ๆ มีแต่เรื่องกิเลสออกทำงาน ธรรมไม่มียิบ ๆ แย็บ ๆ เลยทำยังไงกัน จึงน่าวิตกวิจารณ์ เมื่อวานก่อนจะจากมาก็ได้เทศน์หลักใจให้มีธรรมเป็นเครื่องยึด ไม่งั้นเหลวไหลหมดนะ เป็นห่วงใจมาก ในเมืองไทยเราไม่ห่วงอะไร สมบัติเงินทองข้าวของเต็มแผ่นดินเราไม่ได้ห่วง พออยู่พอกินพอเป็นพอไปทุกภาคไม่อดตาย แต่เรื่องใจนี่ซิเรื่องอดตาย
เศรษฐีมหาเศรษฐีใหญ่เท่าไรยิ่งมีแต่ความทุกข์ มีแต่ฟืนแต่ไฟเผาไหม้อยู่ในหัวอกนี่ ใหญ่เท่าไรกองไฟนี้ยิ่งใหญ่นะ เราอย่าว่าความสุขใหญ่นะ เราอย่ามองข้าม มองเอาความจริงซิ เหล่านี้มีแต่ฟืนแต่ไฟเผาไหม้ ใหญ่เท่าไรยิ่งไหม้ ไม่ได้มีความสุขนะ นั่นละหลักใจไม่มี.ธรรมไม่มีเป็นอย่างนั้นละดูเอา มีแต่มาโอ้อวดกันอยู่ภายนอก ข้างในเป็นไฟไม่ดูกันเลย นี่ละกิเลสหลอกคนหลอกอย่างนี้ เอาอะไรมาประดับหน้าร้าน ข้างหลังมีแต่ขี้เต็ม ทุเรศจริง ๆ นะ
วันหนึ่ง ๆ หาความสงบใจไม่ได้หาความสุขไม่ได้มนุษย์เรา ความสุขความทุกข์มันอยู่ที่ใจ ไม่ได้อยู่ที่กายอะไรนักหนานะมีเล็ก ๆ น้อย ๆ ถ้าใจไม่สำคัญกับมันนักก็ไม่รุนแรงร่างกายน่ะ เจ็บไข้ได้ป่วยเป็นไปได้ด้วยกันนั่นแหละ แต่สำคัญที่ใจไปยึดไปแบกไปหามให้หนักเบาต่างกันตรงนั้นแหละ ใจไม่มีหลักยึดใจไม่มีหลักแบกแน่ ๆ จามฟิกมาก็วิ่งหาหมอ ๆ พวกบ้าหาหมอ ตัวของตัวไม่มีเลย หายใจจมูกคนอื่น เอะอะวิ่งหาแต่หมอ เป็นบ้าไปเลยนะไม่ใช่ธรรมดา ประสาโรคมันเกิดขึ้นตรงไหนก็ดับตรงนั้น ไม่ดับมันตายก็ตายซิ เกิดมาเพื่อตายนั่นแหละจะเกิดมาเพื่ออะไร สัตวโลกทั่วไปเกิดแล้วตายทั้งนั้น หลักยึดไม่มี เหลวขนาดนั้นแหละเมืองไทยเรา
ไม่รู้นะว่าเจ้าของเหลวไหลทางด้านจิตใจ เป็นบ้าแต่วัตถุ สร้างขึ้นจรดจรวดดาวเทียม สร้างขึ้นเผาหัวใจเจ้าของไม่รู้ โห ติดหนี้ติดสินเขาพะรุงพะรัง ธนาคารเป็นผู้กอบโกยเอาเงิน นั่นละตาอยู่ เราได้เทศน์เรื่องตาอินตานาตาอยู่ ตาอินตานาไปหาปลาตะเพียนมาได้ แบ่งกันไม่เป็นให้ตาอยู่มาแบ่ง ตาอยู่ก็ตัดเอาข้างหัวให้ตาอินเสีย ทางหางให้ตานาเสีย ท่อนกลางตาอยู่เอาไปกินเงียบ ๆ นี่ก็ทางธนาคารเป็นตาอยู่ กินตลอด พูดตรง ๆ อย่างนี้จะผิดไปไหน เรื่องมันเป็นอย่างนั้นเราพูดอย่างนั้นผิดไปเหรอ
เป็นบ้าสร้างนั่นสร้างนี่ สร้างแข่งกันเอาหน้าเอาตา หน้าก็มีตาก็มีเป็นบ้าขนาดไหนมนุษย์เราน่ะ พิจารณาดูซิ เอาธรรมเข้าไปจับกันซิจึงรู้ความจริง มีแต่กิเลสหลอกอยู่ตลอดเวลาได้เรื่องอะไร หาความสุขมาอวดกันทั้งที่มันไม่มี มีแต่กองทุกข์ทั้งนั้นเต็มบ้านเต็มเมือง มีความสุขที่ตรงไหน มีแต่กองทุกข์ทั้งนั้นแหละ ระบายออกมาปากไหนก็มีแต่ปากกองทุกข์ ๆ อมแต่กองทุกข์เอาไว้เต็มหัวอก สุขนิดหนึ่งจะออกมาแสดงไม่มี เพราะไม่ได้ปฏิบัติตัวเพื่อความสุข วันหนึ่งหาความสงบเย็นใจแม้ ๕ นาทีไม่มีจะว่ายังไง ถ้าจุดนั้นเสียอะไร ๆ ก็เสียหมด
ไปที่ไหนเห็นแต่คนเป็นบ้าจนกระทั่งได้มองดูเจ้าของ หรือกูนี่เป็นบ้านะ มองดูก็ไม่เป็นบ้า มองออกก็ไม่เป็นบ้านี่ ก็รู้ชัด ๆ อยู่เจ้าของไม่ได้เป็นบ้า ทีนี้ทำไมจะไม่มองเต็มหูเต็มตาดูเต็มหัวใจล่ะ เรื่องโลกมันดิ้นเป็นยังไงกันบ้าง มันแบบเดียวกันหมดนะไม่มีใครแปลกต่างกันเลย โห อำนาจกิเลสกำลังรุนแรงนะเดี๋ยวนี้ รุนแรงมากเทียว โลกจะไม่เป็นผู้เป็นคนไปแล้วเพราะกิเลสมันรุนแรง กิริยาอะไร ๆ มีแต่กิเลสล้อมหน้าล้อมหลัง ๆ ธรรมแย็บออกนิดหนึ่งไม่มีจะทำยังไง มนุษย์ทั้งคนมีความหมายอะไร มีคุณค่าอะไร ไม่ได้มี มีแต่ฟืนแต่ไฟเผาไหม้ตลอดเวลา
วันนี้ทางกรุงเทพเหงาหงอยละ เงียบ ตอนเช้ายังไม่ถึง ๖ โมงเช้าดี หลั่งไหลเข้ามาเต็มวัด ที่จอดรถกว้างจอดได้ทั่วไปในบริเวณนั้น เนื้อที่ ๑๒ ไร่เป็นที่จอดรถเสียมากต่อมาก มากกว่าสถานที่เราอยู่ด้วยซ้ำ เพราะฉะนั้นรถจึงไม่ค่อยติดกัน ภายในมีที่จอดเยอะ คนมากจริง ๆ ได้สอนหลักใจให้เมื่อวานนี้ ให้ยึดธรรมเป็นหลักใจถ้าอยากเป็นตัวของตัวขึ้นมาบ้าง ไม่งั้นจะเหลวแหลกแหวกแนวอย่างนี้ตลอด ทั้งเขาทั้งเราหาที่ยึดกันไม่ได้ หาที่เกาะกันไม่ได้นะ นับแต่ขั้นมหาเศรษฐีลงมาหาที่เกาะไม่ได้นะ ต่างคนต่างไขว่ต่างคว้า มหาเศรษฐีก็คว้าแบบหนึ่ง เศรษฐีคว้าแบบหนึ่ง คนทุกข์คนจนคว้าแบบหนึ่ง ต่างคนต่างคว้า เหมือนคนตกน้ำนั่นแหละต่างคนต่างคว้า คว้าอยู่อย่างนั้น ไม่ว่าเด็กไม่ว่าผู้ใหญ่ตกแบบเดียวกัน นี่ก็เหมือนกันไม่ว่าเศรษฐีไม่ว่ามหาเศรษฐีตกลงห้วงน้ำแห่งความยุ่งเหยิงวุ่นวายของกิเลสมันบีบเอา ๆ มัดเอา ๆ
ฟ้าหญิงเล็กท่านก็เสด็จมาเยี่ยม ๒ หน ท่านไม่สบายเป็นโรคหลายชนิด เราก็ถวายธรรมท่านให้ท่านแยกส่วนแบ่งส่วน ก็รู้สึกว่าท่านปฏิบัติได้ดีนะ วันเราไปจากที่นี่ท่านโทรศัพท์สวนทางมาท่านจะเสด็จมานี่ เราบอกว่ามากรุงเทพแล้ว กำหนด ๓ วันว่างวันไหนท่านจะมาท่านบอก มารับกันที่นั่น ดูเหมือนวันที่ ๖ วันเสาร์และประมาณวันที่ ๑๐ ท่านเสด็จมาอีก พระอาการท่านดีขึ้นเยอะ ทางด้านจิตใจดี ท่านเอาจริงเอาจัง ยาเกือบไม่จำเป็น ท่านได้ธรรมโอสถไปบอกยาเกือบไม่จำเป็น เร่งทางด้านจิตใจกระปรี้กระเปร่า
กำลังใจสำคัญมากจริง ๆ นี่นะ โลกไม่ได้ดูหัวใจ ดูแต่ปูนนั่นอิฐนั่นหินนี่ทราย ไอ้หลังลายดูอย่างนั้น หลังลายก็กระดาษเป็นบ้าอะไรกันนักหนา จนเสียผู้เสียคนเพราะไอ้หลังลาย ผลิตขึ้นมาแล้วก็มาฆ่าตัวเองมันโง่หรือฉลาดมนุษย์เรา ผลิตขึ้นมาเพื่อใช้ประโยชน์นะ สิ่งเหล่านี้เพื่อใช้ประโยชน์ไม่ได้เพื่อสังหารคน แต่คนโง่มันเอามาสังหารจนได้นั่นแหละ ฉิบหายเพราะอันนี้แหละหัวใจน่ะ ถ้ามองหัวใจสักนิดก็จะดี นี่ไม่ได้มองเลย มองดูหัวใจใดก็เป็นบ้าไปกับสิ่งที่กล่าวนี้ หาความเย็นไม่ได้เลย ร้อนเป็นฟืนเป็นไฟ หาที่ยึดที่เกาะไม่ได้ตั้งแต่วันเกิดจนกระทั่งวันตาย คุณธรรมในใจพอให้ความร่มเย็นไม่มีทำยังไง
ให้ได้เห็นบ้างซิจิตสงบสักพักสองพักเท่านั้นก็รู้เองว่าจิตกับสิ่งทั้งหลายเหล่านี้ต่างกันอย่างไรบ้าง อย่างหนึ่งก็ไม่มีใครสอนอย่างว่านะ เราก็เห็นใจอยู่ ผู้สอนต้องเป็นผู้มีหลักใจซิ หลักใจหลักธรรม พระพุทธเจ้าสอนโลกท่านเป็นเศรษฐีธรรม ท่านเป็นทุคตะเข็ญใจในธรรมทั้งหลายเมื่อไร ท่านไม่ทุคตะเข็ญใจในเรื่องความทุกข์เต็มหัวอกเหมือนพวกเรานี่ ท่านเต็มอยู่ด้วยบรมสุข เศรษฐีมหาเศรษฐีธรรมอยู่ในพระพุทธเจ้าหมด โปรดสัตว์ทั้งหลายจึงเย็นไปหมด ท่านผู้มาสั่งสอนพวกเราท่านมีหลักมีเกณฑ์ ครูบาอาจารย์ที่จะแนะนำสั่งสอนให้มีหลักมีเกณฑ์ทางด้านจิตใจนี้นับวันร่อยหรอแทบจะไม่มีติดชาวพุทธเมืองไทยเราแล้วนะเวลานี้ มีแต่กิเลสเอาไปถลุงหมด กิเลสเอาไปกินทั้งนั้นแหละ
เมื่อสองสามวันนี้ก็มีท่านผู้มีเกียรติมาเยี่ยมก็ได้พูดกันถึงเรื่องนี้ อดไม่ได้ก็ออกเสียบ้างให้เป็นข้อคิด เรื่องศาสนากลายเป็นโลก โลกกับธรรมจึงไม่แปลกต่างกัน พระกับโยมไม่แปลกต่างกัน วัดกับบ้านไม่แปลกต่างกัน เพราะคนทำให้เหมือนกัน นักบวชก็ทำตัวให้ลงเป็นแบบฆราวาส ฆราวาสก็ทำตัวให้หนักลงไปอีก เลยเลอะ ๆ เทอะ ๆ หมด มนุษย์เข้าไปอาศัยตรงไหนสกปรกตรงนั้น ๆ อาศัยศาสนาก็ทำให้ศาสนาเปื้อนเปรอะเลอะเทอะไปด้วย ได้พูดกันเรื่องอย่างนี้แหละ อดพูดไม่ได้มันคิดเสียพอเต็มหัวอกจะว่าไง พอพูดก็พูดบ้างน่ะซี นี่ถ้าไม่ตั้งใจต่างคนต่างกระตุกซึ่งกันและกันให้รู้เนื้อรู้ตัวแล้ว เมืองไทยเรานี้จะจมนะ เราอย่าตื่นเป็นบ้านะกับสิ่งเหล่านี้ อิฐ ปูน หิน ทราย เหล็กหลา มันไม่อดนะ มันอดที่หัวใจคนกับความสุขนั้น อดตรงนั้นนะ เวลานี้โลกที่ร้อน-ร้อนเพราะอันนี้เองเพราะไฟเผาหัวใจ ไม่ได้ร้อนเพราะเหล็กหลาอิฐปูนหินทรายมาเผานะ ใจนี้ต่างหากร้อน ไปหมายเอาสิ่งนั้นหมายเอาสิ่งนี้กว้านเข้ามาเผาเจ้าของ
ฟ้าหญิงเล็กท่านสนพระทัยมาก ท่านเป็นคนจริงจังอยู่นะ ทำอะไรทำจริง เวลาเชื่อ-เชื่อจริง-เคารพจริง ฉลาด เวลานี้ท่านกำลังหมุนเข้าทางธรรมะ เราก็สอนเน้นหนักทางหลักใจ เรื่องหยูกเรื่องยาเรื่องอะไร ๆ เหล่านี้ให้ยกให้หมอเขาให้หมด เราอย่าไปเป็นกังวล อย่าไปเป็นหมอแทรกกับหมอนะ เราให้เป็นเราให้เป็นหมอรักษาใจของเราให้ดีด้วยด้านธรรมะนะ ส่วนโรคภัยไข้เจ็บเป็นยังไงให้มอบให้หมอเขาให้หมด เราอย่าไปเป็นกังวล เรื่องของหมอเขาเรียนวิชามาแล้วในการรักษาโรค เราอย่าไปเป็นหมอแทรกเขาให้เป็นกังวลแก่ใจเรา ให้เราเป็นหมอรักษาตัวของเราใจของเราให้ดี ให้แยกประเภทกันออกให้ได้ ถ้าแยกอันนี้ออกแล้วจิตใจสงบไม่วุ่นวายนัก โรคภัยไข้เจ็บก็ไม่รุนแรง แม้โรคจะรุนแรงรวดเร็วนะมันจะเป็นธรรมดา ๆ จิตใจก็มีกำลังขึ้นเรื่อย ดีไม่ดีต้านทานโรคได้ ถ้าถึงขั้นแก่กล้าของธรรมะต้านทานกันได้
ที่ให้ว่า สกฺกตฺวา พุทฺธ ธมฺม สงฺฆ รตนํ อันนี้เอง แต่เราไม่ได้นำธรรมะที่พระพุทธเจ้าทรงเป็นในพระองค์เองแล้วมาสอนโลกด้วยความจริงนะ เราเป็นไปด้วยความจำ เรียนความจำมาก็ไม่ถึงใจซิ สกฺกตฺวา พุทฺธรตนํ ธมฺมรตนํ สงฺฆรตนํ โอสถํ อุตฺตมํ วรํ พระพุทธเจ้า พระธรรม พระสงฆ์ เป็นโอสถอย่างยิ่ง ไม่ทราบว่าเป็นโอสถอะไร จามฟิกก็วิ่งหาหมอแล้ววิ่งหาธรรมไม่มีแล้วจะเอาประโยชน์อะไรจากธรรม เมื่อใจไม่สนใจในธรรม
นี่ได้เคยฟัดกันมาแล้วนะถึงได้พูดอย่างอาจหาญ สิ่งเหล่านี้เคยมาแล้วทั้งนั้น ไม่ใช่ไม่เคยแล้วมาพูดโม้อย่างนั้น มียาติดตัวเมื่อไรเข้าในป่าในเขา ไม่มีละกรรมฐานแต่ก่อน ยาเม็ดหนึ่งก็ไม่ได้ติดย่าม เป็นมาก็หัวชนกันเลยเอากันเลย จิตใจกล้าหาญเสียอย่างเดียวเท่านั้น โรคภัยไข้เจ็บก็เป็นส่วนของธาตุของขันธ์อยู่ใต้อำนาจของจิต จิตเหนือมันอยู่แล้วจะเป็นอะไรไป นี่เคย ยิ่งไข้มาลาเรียนี่แหมหนักมาก เวลามันหนาว-หนาวสะบั้น ตัวสั่น ห่มอะไรไม่อุ่น ห่มก็หนักเฉย ๆ หนาวไข้จับสั่นนี้เราอย่าเข้าใจว่าเอาผ้ามาห่มจะอุ่นนะ ไม่ได้อุ่น หนักเฉย ๆ มันหนาวสะบั้นอยู่ภายในใจ อยู่ภายในร่างกายของเรา ไม่ได้เป็นอย่างผิวเผิน เพราะฉะนั้นห่มอะไรมันจึงไม่อุ่น ไม่ได้ห่มละ เปลื้องออกหมดห่มผืนเดียว ให้มันเท่านั้น จะเป็นขนาดไหนก็ให้เท่านี้ พอพลิกจากหนาวเป็นร้อนก็เป็นไฟอีก ไม่เอาออกผ้าพันไว้นั้น เปียกหมดเลย
ไข้จับสั่น เขาเรียกไข้มาลาเรียขึ้นสมองเป็นบ้านั่น แต่เราไม่ขึ้นหรือขึ้นก็ไม่รู้แหละ มันหากฟัดกันตลอดนะ เลยไม่ทราบอันใดขึ้นสมองอันใดลงสมอง ไข้หนักเท่าไรจิตยิ่งหนักถอยกันไม่ได้เลย นั่นละสู้กันให้มันเห็น สกฺกตฺวา พุทฺธ ธมฺม สงฺฆ รตนํ ให้มันเห็นประจักษ์ ถอนกันเวิกออก ๆ จิตหมุนเข้า ๆ ธรรมะตีออก ๆ อันนั้นกระจายออก ๆ ให้มันเห็นชัดอยู่ในหัวใจ นี่ละของจริงไม่ใช่ของจำนะ เอาของจริงมาใช้ เป็นก็เป็นจริง ๆ รู้จริง ๆ เห็นจริง ๆ กำจัดได้จริง ๆ ธรรมะพระพุทธเจ้าพระองค์ทรงทดลองแล้วถึงได้มาสอน ไม่ได้มาสอนแบบปาว ๆ
เวลานี้ธรรมะที่เป็นของจริงจะไม่เหลือค้างหัวใจของชาวพุทธเรานะ จะเหลือแต่ความจำเต็มตำราเต็มหัวใจคน จำได้คล่องปาก โม้กันเป็นบ้าน้ำลายไปเลย ความจริงไม่เห็นมีในใจสักนิดหนึ่ง เดี๋ยวนี้กำลังเป็น ไม่ได้มีอะไรเป็นสาระในธรรมทั้งหลายตามที่ท่านสอนไว้
ให้พร