ธรรมะทุกประเภท
วันที่ 18 มีนาคม 2538
สถานที่ : วัดป่าบ้านตาด
| |
ดาวน์โหลดเพื่อเก็บไว้ในเครื่อง
ให้คลิกขวาแล้วเลือก Save target as .. จาก link ต่อไปนี้ :

ค้นหา :

เทศน์อบรมฆราวาส ณ วัดป่าบ้านตาด

เมื่อวันที่ ๑๘ มีนาคม พุทธศักราช ๒๕๓๘

ธรรมะทุกประเภท

ทางด้านตะวันออกร้อน พระนี่เป็นยังไงถ้าไม่ได้บอกเอาผ้ากั้นศาลาตะวันออกนี้ไม่ต้องกั้นกันนะ พระเหล่านี้มีแต่เปรตหัวกุ้นเต็มวัดเต็มวา ต้องได้บอกทุกอย่าง ไม่บอกทำไม่ได้ไม่มีความคิดปัญญา ด้านตะวันออกร้อนจะตายไปไม่ใช่อิฐปูนนี่นะ...คน บอกแล้วจึงมาทำมันไม่เกิดประโยชน์อะไร ความคิดของตัวเองไม่มี เรื่องกับพระกับเณรนี่เราจะตายอันนี้ละ หนักมากจริง ๆ ความเซ่อซ่านี่ เฮ้อ นี่เห็นไหมพอพูดละค่อยบุ้มบ้าม ๆ ออกมามันเกิดประโยชน์อะไร ไม่ได้ใช้หัวคิดปัญญาของตัวเองเลย มาศึกษาเพื่ออะไรก็ไม่รู้นะ อยู่ไปยังงั้นแหละ อยู่ไปกินไปนอนไปขี้ไปเยี่ยวไปอย่างนั้นแหละ เยี่ยวราดไปตามทางอย่างนั้น เยี่ยวไม่หาที่เยี่ยว ขี้ไม่หาที่ขี้ก็ไม่รู้ หรือขี้ราดไปตามกุฏิก็ไม่ทราบแหละเราไม่ได้ขึ้นไปดูกุฏิ

อะไร ๆ ต้องบอก อะไร ๆ ต้องบอก อันนี้ละเราหนักจริง ๆ นะ แล้วพระเณรหลั่งไหลมามากต่อมาก ไหลมาเรื่อย ๆ นะให้แบก มาก็เหมือนซุงทั้งท่อน ๆ กลิ้งมาเลยนะ หูมีตามีไม่สนใจดูไม่สนใจฟังไม่สนใจคิดนี่ กิเลสมันโง่ขนาดนั้นเชียวเหรอถึงได้หลับหูหลับตาก็ฆ่ากิเลสได้ พระพุทธเจ้าของเราโง่ขนาดนั้นเชียวเหรอ สอนพุทธบริษัทถึงจะโง่ลงทุกวัน ๆ ภิกษุ สามเณร อุบาสก อุบาสิกา ผู้หญิงผู้ชาย ลูกศิษย์ของตถาคตมีแต่โง่ ๆ อย่างนั้นเหรอ ฉลาดไปทางกิเลสทั้งนั้น เป็นพวกเทวทัตทำลายศาสนาก็คือพวกเรานี่

ใครฉลาดยิ่งกว่าพระพุทธเจ้าในโลกธาตุนี้ จอมปราชญ์คือศาสดานั่นเอง แต่เวลามาสอนโลกทำไมถึงเป็นอย่างนี้โลก แม้แต่พระแต่เณรตั้งใจมาอบรมศึกษาก็ไม่ได้หน้าได้หลังอะไรเลย งุ่มง่ามต้วมเตี้ยมอยู่อย่างนั้น อยู่ไปกินไปนอนไปวันหนึ่งไม่เกิดประโยชน์อะไร ไม่คิดหน้าอ่านหลัง ไม่ว่าประชาชนญาติโยมพระเณรนะ พอ ๆ กัน วันนี้เปิดให้ฟังอีกสักแง่หนึ่ง มันพอ ๆ กัน อยู่ก็ไม่มีความหมาย เคว้งคว้างคว้านั้นคว้านี้หาหลักหาเกณฑ์ไม่ได้ ประพฤติตัวเหลวแหลกแหวกแนวเข้าไปทุกวัน ๆ แล้วหาสาระที่ตรงไหนที่จะมาเป็นที่ยึดที่เกาะ ความดีไม่มีในหัวใจในกายวาจา

ศีลธรรมมีอยู่ไม่ยึดไม่เกาะไม่นำไปปฏิบัติตัว แต่อยากดิบอยากดีอยากได้หลักได้เกณฑ์ เอาหลักเกณฑ์มาจากไหน กิเลสเคยสร้างหลักเกณฑ์ให้คนได้รับความสุขความเจริญมีที่ไหนบอกมา มันทำโลกให้ล่มจมมาสักเท่าไรแล้วกิเลสยังไม่เข็ดไม่หลาบ กิเลสอาการแสดงออกมีแต่เรื่องของกิเลสออกทำงาน ๆ ทั้งนั้นธรรมะออกไม่ได้ ถูกล็อกกุญแจไว้อยู่ในห้องขัง ธรรมะออกมาแสดงตัวไม่ได้มีแต่กิเลสออกแสดงตัว ยิบแย็บใช่แล้ว ๆ เต็มเนื้อเต็มตัวทำยังไง เราจะหวังเอาความสุขความเจริญจากที่ไหนเมื่อมีแต่กิเลสซึ่งเป็นฟืนเป็นไฟเผาไหม้ตลอดเวลา ทั้งอากัปกิริยาทุกอย่างมาจากจิตใจ เราจะหาสารประโยชน์อะไร

ให้พากันคิดกันอ่านซิ ธรรมะพระพุทธเจ้ากระเทือนโลกมานี่ได้ ๒,๕๐๐ กว่าปีแล้วนี่ ไม่ได้กระเทือนจิตใจของเราบ้างเหรอ ทำไมจึงอยู่ไปอย่างนั้นเหมือนสัตว์สาราสิง ไม่ได้สนใจในอรรถในธรรมในความดีเพื่อเจ้าของเลย เตร็ดเตร่เร่ร่อนเคว้งคว้างหาหลักหาเกณฑ์ไม่ได้ ไม่ว่าชาติชั้นวรรณะใดพอ ๆ กันหมด กิเลสเหยียบหัวทั้งนั้นแหละ พูดถึงกิเลสนี่เราคันฟันจริง ๆ นะไม่ใช่เล่น ๆ นะ เอาจริง ๆ นี่ กับกิเลสนี่เป็นคู่เดือดคู่แค้นกันจริง ๆ มาเดี๋ยวนี้ก็ใส่กันเดี๋ยวนี้ตูมเลยพังเลย กิเลสไม่พังเราพังเท่านั้น ให้ถอยกันไม่ถอย เข็ดขนาดนั้นนะ จึงได้นำความเข็ดหลาบของกิเลสทำลายคนนี้มาให้ท่านทั้งหลายได้ฟัง ยังว่าเล่นอยู่หรือเดี๋ยวนี้

มันขังอยู่ในห้องขังเหมือนปลาดุกปลาช่อนขังไว้ในหม้อ ยั้วเยี้ย ๆ อยู่ในหม้อ สนุกสนานอยู่ในหม้อ ยังไม่รู้ว่าหม้อนี้มันจะถ่ายไปเป็นหม้อไหนอีก นี่ก็เหมือนกันนั่นซิ มันเหมือนปลาอยู่ในหม้อ สนุกสนานรื่นเริงบันเทิงกันอยู่ในหม้อ พอตกจากหม้อนี้แล้วก็เข้าหม้อน้ำร้อน มันเป็นอย่างนั้นแหละเดี๋ยวนี้ โห ทุกฺขํ นะ ทำยังไงศาสนาไม่มีความหมายเลย กิเลสตีแหลกหมด ๆ แม้แต่พระแต่เณรในวัดในวาก็แหลกไปตาม ๆ กันหมดจะทำยังไง อย่าว่าแต่ประชาชนญาติโยมพระเณร ไม่เว้นทั้งเขาทั้งเราทุกคนนั่นแหละ กิเลสเหยียบหัวอยู่ด้วยกันทุกคน ใครจะอวดดีที่ไหนไม่มีทางดีถ้าไม่แก้มัน ให้พากันต่างคนต่างแก้ซิ

ถ้าเรื่องของกิเลสแล้วไหลเลย ๆ ถ้าเรื่องของอรรถของธรรมไม่เอาไหน ๆ ไม่มีจริงมีจังเหลาะ ๆ แหละ ๆ ถ้าเรื่องของกิเลสแล้วจริงจังมากทุกอย่างนะ อากัปกิริยาทุกอย่างจริงจังหมด สนใจหมด หูก็จ้องตาก็มอง จมูกลิ้นกายสัมผัสสัมพันธ์แต่เรื่องของกิเลสด้วยความสนใจ ๆ ทั้งนั้น หาความจริงจังในอรรถในธรรมไม่มีเราจะหาสาระมาจากไหน กิเลสทำสาระอะไรให้คนบ้างไม่เห็นมีนี่

นี่จะตายวันไหนรู้ไหมล่ะพวกเราน่ะ อยู่ในศาลาหลังนี้ตายทั้งนั้นนะ ตายก่อนตายหลังกันเพียงเท่านั้นไม่เห็นมีอะไร แล้วตายแล้วจะไปเกิดที่ไหน เวลานี้เรามาจากที่ไหนมาเกิดที่นี่ ออกจากนี้แล้วจะไปเกิดที่ไหน ไม่รู้ทั้งมาไม่รู้ทั้งไปไม่รู้ทั้งอยู่ เคว้งคว้าง เวลาอยู่นี้เรามีหลักมีเกณฑ์อะไรบ้างในจิตใจของเรา ศีลธรรมไม่มีในใจเอาอะไรมาเป็นหลักเป็นเกณฑ์ มีแต่ความเดือดร้อนวุ่นวายภายในจิตใจ ตายไปแล้วจะไปไหนถ้าไม่จมลงในนรก เรายังอวดพระพุทธเจ้าอีกเหรอว่านรกไม่มี

พระพุทธเจ้าองค์ศาสดาทุก ๆ พระองค์มาตรัสรู้ในธรรมทั้งหลาย บอกนรกมีสวรรค์มีพรหมโลกนิพพานมี บาปมีบุญมีด้วยกันทั้งนั้น ไม่มีเว้นแม้พระองค์เดียวที่ไม่สอนเรื่องเหล่านี้ แล้วเรายังอวดเก่งอยู่เหรอว่าสิ่งเหล่านี้ไม่มี ยังกล้าทำความชั่วช้าลามกโดยไม่สะทกสะท้าน ตายแล้วใครจะไปจมถ้าไม่ใช่เรา พระพุทธเจ้าไม่จมนะ พวกเรานี่พวกจะจมน่ะ

มันชินชามันเลยด้านไปหมดแล้วเดี๋ยวนี้กับศีลกับธรรมไม่สนใจนะ เรื่องกิเลสนี้เก่งมากยิ่งดีดยิ่งดิ้นเวลานี้ ยิ่งเป็นบ้ากันทั้งบ้านทั้งเมืองนะ โลกนี้กว้างแสนกว้างมันก็ร้อนแสนร้อนน่ะซิ มันคับแคบอยู่ที่หัวใจของโลกนั่นแหละ ผู้ทำผิดอยู่ที่ใจ ความเดือดร้อนจึงไปกองอยู่ที่ใจ ไม่ว่าเศรษฐี กุฎุมพี พ่อค้า ประชาชนคนธรรมดา ร้อนอยู่ที่ใจด้วยกันทั้งนั้น เต็มอยู่ในหัวใจนี้ เพราะกิเลสอยู่ที่นี่ กองฟืนกองไฟอยู่ที่นี่ ถ้าแก้ก็แก้กันที่นี่ซิ

พอตื่นขึ้นมามันอยากแล้ว มันอยากอะไรดูหัวใจบ้างซิ ไม่ดูจะรู้ได้ยังไง เอาไปคิดนะ ตื่นขึ้นมามันอยากอะไรก่อนพิจารณาซิ มันอยากอรรถอยากธรรมหรืออยากเรื่องของกิเลส อยากเรื่องของกิเลสทั้งนั้น ๆ กิริยาแสดงออกปั๊บเป็นเรื่องของกิเลสที่จะทำลายเราทั้งนั้นไม่มีเรื่องศีลเรื่องธรรม นี่ซิมันน่าทุเรศน่ะ

พระพุทธเจ้าศาสดาองค์เอกไม่มีความหมายเลย ธรรมที่สอนไว้ไม่มีความหมาย ไปกองอยู่กับกิเลส กิเลสกว้านเอามาตีตลาดแหลกหมด รับเหมาหมด พวกเรานี่พวกสินค้าของกิเลสรับเหมาทั้งนั้นแหละ มันเอาฟืนเอาไฟเผาไหม้ ความโลภก็ไหม้อยู่ที่หัวใจ ได้เท่าไรไม่พอจนตาย ราคะตัณหาก็ไม่พอ เฒ่าแก่ชราจนจะเข้าโลงยังขอออกมาเต้นรำกับเขาอีกได้สัก ๒ นาทีก็เอา นั่นเก่งไหมกิเลส มันยอมเมื่อไร จะเข้าโลงยังต้องออกมาอีก ขอออกมาเต้นรำเสียก่อนได้สักครู่หนึ่งก็เอา มันเก่งไหมกิเลสมันยอมเมื่อไร กิเลสไม่ได้แก่คร่ำคร่าชรานะ เราต่างหากแก่เราต่างหากทุกข์ กิเลสไม่ได้ทุกข์นี่ เราต้องพิจารณาให้ดีซิตัวของเรา

วันหนึ่งคืนหนึ่งอยู่ไปกินไปเกิดประโยชน์อะไร ไม่คิดอ่านไตร่ตรองเจ้าของบ้างเกิดประโยชน์อะไร แล้วเจ้าของเสียด้วยเป็นผู้รับผิดชอบเจ้าของ ไม่มีใครรับผิดชอบนะ ตัวเองเป็นผู้รับผิดชอบ พระพุทธเจ้าเป็นแต่เพียงผู้บอกผู้สอน ใครจะเอาไม่เอาก็เป็นเรื่องของคนนั้น กรรมของสัตว์เท่านั้นเอง ใครจะตั้งหน้าตั้งตาปฏิบัติตัวเองให้ดีให้ตั้งหน้าตั้งตานะ เราอย่าตื่นโลกตื่นสงสาร โลกนี่โลกกิเลสทั้งนั้นแหละมันหลอกลวงสัตว์โลกมานี่มากต่อมากแล้วแหลกเหลวไปหมด

วันนี้พี่น้องทั้งหลายมาจากทางใกล้ทางไกลได้ฟังธรรมะทุกประเภทวันนี้ เพราะกิเลสมีทุกประเภทเต็มอยู่ในศาลาเราหลังนี้น่ะ ก็ต้องเทศน์ฆ่ากิเลสนั่นละไม่ได้ฆ่าคน แต่กิเลสอยู่กับคนก็ต้องกระเทือนคนบ้าง ต้องขออภัยด้วยนะ เอาละวันนี้เทศน์เพียงเท่านี้ละ เทศน์มากกว่านี้ไม่ได้หมดภูมิแล้ว หลวงตาบัว ป.๓ เอาละพอ พอแล้ว ลงเวทีมาแล้วก็ยิ้มธรรมดา ขึ้นเวทีแล้วต่อยเลย ลงเวทีแล้วก็ธรรมดาเหมือนนักมวย

ต่อไปนี้ให้พรนะ


** ท่านผู้เข้าชมทุกท่านโปรดทราบ
    เนื่องจากกัณฑ์เทศน์บางกัณฑ์มีความยาวค่อนข้างมาก ซึ่งจะส่งผลต่อความเร็วในการเปิดเว็บไซต์ ขอแนะนำให้ทุกท่านได้อ่านเนื้อหากัณฑ์เทศน์บางส่วนจากเว็บไซต์ และให้ทำการดาวน์โหลดไฟล์กัณฑ์เทศน์ที่มีนามสกุล .pdf ไปเก็บไว้ในเครื่องของท่านแทนการอ่านเนื้อหาทั้งหมดจากเว็บไซต์

<< BACK

หน้าแรก