บ้าวัตถุ
วันที่ 29 มิถุนายน 2538
สถานที่ : วัดป่าบ้านตาด
| |
ดาวน์โหลดเพื่อเก็บไว้ในเครื่อง
ให้คลิกขวาแล้วเลือก Save target as .. จาก link ต่อไปนี้ :

ค้นหา :

เทศน์อบรมฆราวาส ณ วัดป่าบ้านตาด

เมื่อวันที่ ๒๙ มิถุนายน พุทธศักราช ๒๕๓๘

บ้าวัตถุ

เมื่อวานนี้ไปดูที่เผาศพท่านบุญจันทร์ โห ทำสูงเกือบเท่าหลังศาลานี่ พิลึกพิลั่นเกินไป ถมดินขึ้นไปเสียจนโน่นไปเผาบนดาวดึงส์เผาศพ ทำยังไงใครเป็นคนคิดแนวนี้ บอกคนคนอย่างว่านั่นแหละ ทำแล้วก็แล้วจะว่าไง ฟังหาเหตุหาผลไม่ได้ ดินหมดเขตอำเภอสว่างฯดูเหมือนเอามานั่นหมดแหละดินแถวนั้น ใครไประวังนะเซ่อ ๆ ซ่า ๆ เดี๋ยวตกหลุมตายนะ ดินเอาไปเทแต่ที่เผาศพท่านบุญจันทร์หมดแหละ แถวนั้นใครไปเซ่อ ๆ ซ่า ๆ เดี๋ยวตกหลุมตายเลยเราไม่กล้าไปกุสลานะจะว่าไม่บอก คนเซ่อเราไม่อยากเล่นด้วย ไปไหนมีแต่ขอนซุงจะว่าไง มันเซ่อ พระก็ไปกันเยอะไปช่วยส่วนขนดินขนทรายขนอะไรขึ้นข้างบน คนก็ยั้วเยี้ย ๆ พระก็ร่วมร้อยแล้ว

บริเวณที่เผาถมดินขึ้นจนสูง โอ๊ย ทำอะไรนักหนา ถามหาผู้นำทำอย่างนี้คือใคร พอบอกมาแล้วก็ฟังไม่ได้แหละ อ๋อ เพราะฉะนั้นมันถึงเป็นอย่างนี้ พระก็มีแต่พระหูหนวกตาบอดไม่คิดอ่านไตร่ตรองอะไรบ้างเลย ทำอย่างนี้แล้วแก้ไม่ตกแล้ว เอ้า ฟาดลงไปขึ้นดาวดึงส์ก็ขึ้นเถอะเราก็ว่างั้น มันสูงจริง ๆ นี่ ทำแบบท่านอาจารย์ฝั้น อันนั้นท่านไว้ก่อเจดีย์นี่นะ เอามาถมไว้เพื่อก่อเจดีย์ อันนี้ไม่ได้ทำอะไรหรือจะก่อเจดีย์ก็ไม่รู้ แต่ฟังที่ว่าใครเป็นคนแนะนี้แล้วก็ไม่ใช่ทำเพื่อก่อเจดีย์ เพื่อจะเผาศพอย่างเดียวส่วนเจดีย์คงจะคิดทีหลัง แต่มันสูงเกินไป นี่ก็กำหนดวันที่ ๘ เผาศพ เขานิมนต์หลวงตาไปเทศน์เหมือนกัน เทศน์วันที่ ๘ ตอนบ่าย บอกเราเทศน์ไม่ได้นะ เทศน์ไม่ได้พูดคำสองคำก็เอา แน่ะก็อย่างนั้นแล้ว มันเหน็ดมันเหนื่อยไม่อยากเล่นกับอะไรเดี๋ยวนี้

เมื่อวานนี้ก็ตายคนหนึ่งเอามาเผา อย่างนั้นแล้วเรื่องความตายดักหน้าดักหลังตายโน้นตายนี้ตายหมด ในศาลานี้ตายหมด นับแต่หลวงตาลงไปนี้ตายหมด เหมือนกันหมดเลย ไปก่อนไปหลัง ๆ เท่านั้น ใครอย่าประมาทนะ เอาใจให้ได้นะ เวลานี้ใจลอยมากดังที่เคยพูดแล้ว ลอยจริง ๆ ไม่ใช่ธรรมดานะ ลอยจนน่าวิตกวิจารณ์เอามากจริง ๆ คือจิตมันไขว่มันคว้าอยู่กับวัตถุต่าง ๆ เป็นสิ่งที่จะพัง ๆ ที่จะทำให้เจ้าของเสียหายนั่นแหละ ไม่มีรายได้กับมันแหละ ดีดดิ้นวุ่น ส่วนที่จะได้ไม่ทำนี่ซิโง่ไหมมนุษย์เรา กล่อมเก่งไหมกิเลส มันให้ดิ้นเป็นทางของวัฏฏะนี่ ทางของวิวัฏฏะนี้ไม่สนใจเข้ามา เก่งไหมกิเลส อ่านให้ทันซิ อ่านทันมันออกมุมไหนแง่ใดรู้หมดปิดไม่อยู่ นอนหลับอยู่ก็เหมือนกับมากระตุกให้ตื่นเรื่องกิเลสมันออก ถ้าเรียนให้ทันมันนะให้ถึงมันแล้ว นั่นละพระพุทธเจ้าเป็นผู้อย่างนั้นละ ทันหมด มันจะออกแง่ใดมุมใดหลอกโลกหลอกสงสารนี้ทันหมดเลย เอานั้นละมาสอนโลกให้รู้ โลกก็หลับหูหลับตาฟังไม่สนใจ นี่ก็เป็นกิเลสกล่อมอีกกล่อมเรื่อย

โห ทุเรศจริง ๆ โลกดิ้นกับวัตถุเป็นบ้า เดี๋ยวนี้วัวควายไม่มีเหลือตามท้องนาแล้วนะ รถไถฝรั่งเอาไปกินหมด รถไถสำหรับไถนานั่น เอารถไถเหล็กมาไถแล้ววัวควายเอาไปฆ่ากินหมด เต็มอยู่โรงฆ่าสัตว์ ฉิบหายหมด ไปทุ่งกว้างแสนกว้างไม่ได้มองเห็นควายสักตัวสองตัวนะเดี๋ยวนี้เป็นอย่างนั้น ใครลืมตาไปก็เห็น นอกจากไปแบบหลับตาอยู่แบบหลับตาก็ไม่เห็นอะไร ถ้าไปแบบลืมตานี้เห็น หมดจริง ๆ ควาย ทุ่งกว้างแสนกว้างทำไร่ทำนามีแต่รถไถเหล็กมาตีตลาด ถ้าว่าล้อว่าเกวียนก็เอาไปทิ้งเกลื่อน เอารถมาวิ่งตามถนน

เก่งไหมเขาตีตลาด พวกเขาตีตลาดหากินกับพวกโง่ พวกเราค่อยวิ่งตามเขา เดี๋ยวนี้ก็เอารถไถเหล็กลงท้องนา วัวควายเอาไปฆ่ากินหมดไม่มีเหลือ จริงหรือไม่จริงดูเอาถ้าว่าหลวงตาอุตริ ไม่อุตรินะไปที่ไหนพิจารณาตลอดไม่ได้อยู่เฉย ๆ วิ่งตามเขาต้อย ๆ หัวหน้ากิเลสไปก่อน ลูกน้องกิเลสวิ่งตามหลัง เพราะเป็นเรื่องของวัฏฏะทั้งนั้นเรื่องเหล่านี้ โห น่าทุเรศจริง ๆ นะ ทุเรศสัตว์ไปกองอยู่ในโรงฆ่าสัตว์ มีเท่าไรเอาไปขายหมด

นาก็จะไม่มีทำกินแล้ว เอาขาย ปลูกอะไรต่าง ๆ โรงบ้านโรงเรือนโรงงานต่าง ๆ ปลูกขึ้นสำหรับเช่าสำหรับขาย มันพาให้ดีดให้ดิ้นเป็นบ้ากับมันอยู่งั้น นาจนจะไม่มีที่ทำกินแล้ว คนแต่ละคนมีท้องทุกคน ๆ แต่หานาทำกินจะไม่มีแล้ว ที่ไหนก็มีแต่ปลูกแต่สร้าง สร้างด้วยอำนาจแห่งความโลภนั่นแหละไม่ใช่ด้วยความจำเป็นอะไร ความโลภมันพาดันให้จำเป็น ๆ ถ้ากิเลสไปช่องไหนจำเป็นไปหมด ธรรมไปช่องไหนไม่ได้ ตามถนนหนทางมีแต่ถมดิน ๆ เอาท้องนาแหละถมดินปลูกนั้นปลูกนี้โรงงานโรงอะไรไม่รู้เต็มไปหมด นาไม่มีจะกินอะไร มันกินบ้านได้หรือ กินโรงงานได้หรือ มันกินบ้านกินโรงงานไม่ได้นะกินข้าวต่างหาก ข้าวต้องทำใส่นานี่

หมดแล้วเดี๋ยวนี้ คนโง่เขามาหลอกซื้อก็เป็นบ้าแหละ ให้ราคางาม ๆ อย่างนั้นอย่างนี้เป็นบ้าแหละ เงินได้ไป ๓ วันหมดแล้ว นากินจนกระทั่งหมดโคตรหมดแซ่ก็ไม่หมดนะข้าวในนา ตั้งแต่พ่อแต่แม่ปู่ย่าตายายพาทำนามาเรื่อย ๆ กินไม่หมด พอขายปั๊บได้ ๓ วันเงินหมดไม่มีอะไรเหลือ ทีนี้ก็ไปเป็นบ๋อยกลางบ้านกลางเรือนเขาแหละ ไปทำนาให้เขาไปทำงานให้เขา

เรื่องจิตใจนี่เหลวไหลมาก ให้พากันสงวนธรรมเข้าสู่ใจนะ ใจจะไม่มีหลักที่พาไปพามา จะพาจม กิเลสลากลงให้จม จะไม่มีเหลือนะ ให้เชื่อนะเชื่อหลวงตาบัว นี่เอาธรรมมาพูดนะไม่ใช่มาพูดด้น ๆ เดา ๆ ปล่อยเนื้อปล่อยตัวปล่อยเกินประมาณ ปล่อยเสียจนกระทั่งไม่มีตนมีตัว ไม่เป็นตนเป็นตัวเลยนะ ใจเป็นหลักสำคัญมาก คนคนหนึ่งใจครองอยู่ถึงไม่ตายนะ พอใจออกก็เรียกคนตายกันเท่านั้น หมดคุณค่าทันที อะไรมีมากน้อยเท่าไรไม่มีประโยชน์ถ้าใจออกจากร่างแต่ละคน ๆ นี่เสียเท่านั้น แต่ใจไม่ได้รับความเหลียวแลเลยนี่จะว่าไง มีอะไรก็ทุ่มไปให้กิเลสกินหมด ๆ ดีดทางนั้นดิ้นทางนี้เวลาตายแล้วไม่ได้อะไรนะ ตายลมตายแล้งไปอย่างนั้น แล้วก็พาทุกข์พาทรมาน เกิดก็แล้วแต่กิเลสมันจะไสให้ไปเกิดที่ไหน ถ้ามีความดีแล้วมันแน่ใจนะ คิดเข้ามาหาภายในเจ้าของนี้อบอุ่น

สิ่งเหล่านั้นอาศัยไปอย่างนั้น ๆ สิ่งที่จะพาเป็นพาตายพาทุกข์พาจนพาได้อยู่กับหัวใจนี่เท่านั้น จึงฟิตหัวใจให้ดี มันก็แน่นหนามั่นคงขึ้นเรื่อย ๆ คนเรา ต่อไปก็อาจหาญต่อความตาย เป็นได้ไม่ใช่เอามาพูดเฉย ๆ ใครก็กลัวตาย ๆ เวลาบำเพ็ญธรรมเข้ามาก ๆ แล้วกล้าหาญต่อความตาย มาเมื่อไรก็มาพร้อมแล้ว อย่างนั้นซิจึงเรียกว่ากล้า นั่นละความดีพอในใจ พร้อมแล้ว ถ้าความดีไม่พอคิดถึงความตายนี้เหมือนใจจะหลุดจะขาด ไม่อยากคิดถึงความตาย คิดแต่ความเพลิดความเพลินรื่นเริงบันเทิงไปอย่างนั้นตามกิเลสอย่างนั้น ถ้าคิดไปอย่างนั้นได้ ถ้าคิดไปหาความตายซึ่งเป็นเรื่องของอรรถของธรรมที่จะหาที่ยึดคิดมาไม่ได้ ร้อนเป็นฟืนเป็นไฟไปเลย ถ้าจิตเป็นอย่างนั้นแล้วเป็นไฟ ตายก็จมเลย คิดเข้ามาทางภายในให้มันอบอุ่นซิ สร้างความอบอุ่นให้เจ้าของเอาไว้อย่านอนใจ

ธรรมะพระพุทธเจ้าสด ๆ ร้อน ๆ เหมือนกิเลสสด ๆ ร้อน ๆ เผาหัวใจเราอยู่ทุกวันนี้ ธรรมก็เหมือนกัน ย่นเข้ามา กิเลสกับธรรมไม่อยู่ห่างไกลกัน ธรรมเหมือนกับน้ำอยู่ในบึง จอกแหนปกคลุมไว้ จอกแหนเป็นกิเลสปกคลุมไม่ให้เห็นน้ำ ทั้ง ๆ ที่น้ำกับจอกกับแหนมันติดกันอยู่นั้น นี่มรรคผลนิพพานกับบาปนรกอเวจีก็ติดกันอยู่ในหัวใจดวงเดียวกันนั้น ไม่มองนั่นซิ พูดถึงกิเลสนี่มันเป็นจริง ๆ ไม่ใช่ธรรมดานะมันสลดสังเวช มันเอารัดเอาเปรียบสัตว์โลกนี้แหมว่างั้นเลยนะ มองเห็นปั๊บนี้คันฟันแล้วนะ เจ้าของยังไม่รู้เรื่องทางนี้คันฟันแล้ว มันยังไงถึงเป็นอย่างนั้น แต่ก่อนไม่เป็นเดี๋ยวนี้เป็นพูดตรง ๆ อย่างนี้แหละ แพล็บ ๆ มีแต่กิเลสเต็มตัว ๆ ธรรมะจะยิบ ๆ แย็บ ๆ ออกมา

ธรรมะเครื่องฉุดเครื่องลากเราให้ไปในทางดีไม่ค่อยมีและไม่มี มีแต่กิเลสออกหน้าออกตาหุ้มห่ออยู่หมดตัวจะว่าไง แย็บออกมามีแต่เรื่องกิเลสแสดงตัว อะไรมีแต่กิเลสแสดงตัวธรรมะไม่ได้แสดงเลยจะทำไง แม้ที่สุดเดินจงกรม มองเข้าไปทางจงกรมก็เหมือนกันจิตมันไป ๕ ทวีป เจ้าของเดินอ้าปากอยู่ เดินไม่มีสติมันอ้าปากเดิน เวลาก้มก็เอาหัวไสไปเลยไม่มีสติสตัง มีแต่กิเลสทำงานหมดจะทำยังไงพวกเรา หรือจะเอาแบบเณรนั่นหรือ ทำยังไงนั่งอยู่ข้างในกุฏิก็ง่วง นั่งเฉลียงข้างนอกเป็นยังไง ตกตูมเลย เห็นไหมสู้กิเลส นั่งมันง่วง มานั่งหมิ่น ๆ มันก็พาลง

มันเก่งจริง ๆ กิเลสไม่งั้นครองโลกไม่ได้ ไม่มีใครรู้วิชาของกิเลสครองโลกมีพระพุทธเจ้าพระองค์เดียวรู้ ธรรมเครื่องปราบกิเลสก็รู้มีพระพุทธเจ้าพระองค์เดียว รู้ทั้งเรื่องของกิเลสทำลายสัตว์ รู้ทั้งเรื่องของธรรมรื้อถอนกิเลสออกมีเท่านี้ นอกนั้นไม่มีใครรู้ พวกเราโง่หรือฉลาดท่านสอนขนาดนั้นแล้วยังไม่นำมาปฏิบัติตัวเอง ยังปล่อยให้กิเลสเอาไปถลุงอยู่ได้นี่นะ มันเคียดมันแค้นจริง ๆ พูดถึงเรื่องกิเลสมันเอารัดเอาเปรียบสัตว์โลก หมุนกันเป็นบ้ากัน มีแต่ความสมัครใจ สมัครใจกับกิเลสโดยเจ้าตัวไม่รู้นะ คือความพอใจ ความพอใจนี้เป็นเรื่องของกิเลสโดยตรง ๆ ไม่ใช่โดยอ้อมนะ ไม่รู้ ๆ หมุนติ้ว ๆ มันกางตาข่ายไว้รอบตัวเลยแต่ละราย ๆ นี่หาทางออกไม่ได้ ทางออกต้องมีธรรมมีเท่านั้น นอกนั้นไม่มี

ในโลกนี้เป็นสมบัติของกิเลสหมด มีธรรมเท่านั้นเป็นข้าศึกกันแก้กัน ธรรมคือความดีงามของเราที่สร้างมานั่นแหละ จะช่วยฉุดช่วยลากเรานอกนั้นไม่มี สามแดนโลกธาตุนี้เป็นสมบัติของกิเลสหมดเลย สมบัติของธรรมไม่มี ธรรมต้องสร้างขึ้นภายในตัว มันก็บังคับนะไม่อยากให้สร้าง เราจะสร้างความดีนี้มันหากมีเรื่องอัดเรื่องอั้นตันใจ ให้มีอุปสรรคอย่างนั้นอย่างนี้ยุ่งไปหมด มีแต่กิเลสสร้างเหตุการณ์ แต่เราไม่เห็นนั่นซิทำยังไง ถ้าเห็นว่าสิ่งเหล่านี้เป็นภัยแล้วมันจะดีดทีเดียวผึงเลย

โน่นถึงขั้นมันรู้เรื่องกิเลส ขั้นเห็นกิเลสว่าเป็นภัย เห็นธรรมเป็นคุณแล้วนั่นละดีด เป็นก็เป็นตายก็ตายถอยไม่ได้ว่างั้นเลย หัวพุ่งชนเลยเทียว นี่ไม่รู้นั่นซิมันถึงอยู่ คนเราถ้ารู้ว่าเป็นภัยแล้ว เหมือนกับเราไปนอนอยู่ในถ้ำเสือ เสือมันคำรามอยู่ในถ้ำจะมางับคอ ยังว่าเสียงเพลงที่ไหนเพราะเหลือเกิน เพลงลูกทุ่งลูกกรุงสู้ไม่ได้ เสียงเพลงอะไรเสียงเสือมันคำรามจะมางับคอยังไม่รู้ว่าเป็นเสือ ถ้ารู้แล้วถ้ำจะสูงขนาดไหนก็สูงเถอะโดดเลย ถ้ารู้ว่าเสืออยู่นั่น แต่มันไม่รู้นั่นซี นี่ละแบบเดียวกันเราไม่รู้ว่ากิเลสเป็นเสือ

เอาละให้พร


** ท่านผู้เข้าชมทุกท่านโปรดทราบ
    เนื่องจากกัณฑ์เทศน์บางกัณฑ์มีความยาวค่อนข้างมาก ซึ่งจะส่งผลต่อความเร็วในการเปิดเว็บไซต์ ขอแนะนำให้ทุกท่านได้อ่านเนื้อหากัณฑ์เทศน์บางส่วนจากเว็บไซต์ และให้ทำการดาวน์โหลดไฟล์กัณฑ์เทศน์ที่มีนามสกุล .pdf ไปเก็บไว้ในเครื่องของท่านแทนการอ่านเนื้อหาทั้งหมดจากเว็บไซต์

<< BACK

หน้าแรก