อำนาจทานพารอดตาย
วันที่ 11 กรกฎาคม. 2538
สถานที่ : วัดป่าบ้านตาด
| |
ดาวน์โหลดเพื่อเก็บไว้ในเครื่อง
ให้คลิกขวาแล้วเลือก Save target as .. จาก link ต่อไปนี้ :

ค้นหา :

เทศน์อบรมฆราวาส ณ วัดป่าบ้านตาด

เมื่อวันที่ ๑๑ กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๕๓๘

อำนาจทานพารอดตาย

 

        วันนี้เป็นวันรวมเข้าพรรษา วันพรุ่งนี้เป็นวันอธิษฐานพรรษา นับตั้งแต่วันพรุ่งนี้เช้าไปการใส่บาตรต้องใส่นอกวัด ท่านสมาทานธุดงค์แล้วท่านไม่รับของที่ตามมาภายในวัด นี่เป็นปกติของธุดงค์ข้อนี้ ซึ่งเคยได้สมาทานมาเป็นประจำ ขอให้พี่น้องทั้งหลายทราบไว้ทั่วกันว่า ตั้งแต่วันพรุ่งนี้ตอนเช้าไป เช้าวันพรุ่งนี้แหละเพราะธุดงค์ข้อนี้เริ่มตอนเช้า รับบิณฑบาตรับเฉพาะนอกเขตบริเวณวัด ใครมีศรัทธาจะมาใส่บาตรก็ให้ใส่ข้างนอกวัดโน้น ถ้าเข้ามาในวัดแล้วธุดงค์ข้อนี้ขาด ธุดงค์ขาดก็เหมือนผ้าขาดนั่นแหละ

        ให้ตั้งสัจอธิษฐานทุกคน ๆ นั่นละเป็นการดี  ฟังแต่ว่าทุกคนเป็นการดี  ถึงขนาดนั้นก็จะได้สัก ๕ คนหรือไม่ได้ก็ไม่รู้แหละ  ตั้งสัจอธิษฐานเอาไว้ว่า  อย่างน้อยในไตรมาส ๓ เดือนนี้เราจะมีอะไรเป็นหลักเป็นเกณฑ์ภายในจิตใจของเราสำหรับความดี  เช่นตั้งใจอธิษฐานว่าจะใส่บาตรทุกวัน อย่างน้อยให้ได้วันละองค์ ได้ทุกวันจนกระทั่งออกพรรษา นี่ก็เป็นความสัตย์ความจริงอันหนึ่งตั้งสัจอธิษฐานเอาไว้ไม่ให้ขาด และจะไหว้พระตอนเช้าตอนเย็นไม่ให้ขาดอย่างนี้ แล้วเราจะมีข้อยกเว้นอะไร เช่นบ่นทะเลาะกันกับผัวบ่อย ๆ อย่างนี้ก็ตั้งข้องดเว้นเอาไว้ไม่ทะเลาะ  ผัวกับเมียให้เป็นคู่รักคู่พึ่งเป็นพึ่งตายกัน อย่าเป็นคู่ทะเลาะวิวาทบนเวที ตั้งสัจอธิษฐานให้ดี ข้อนี้ละข้อสำคัญมาก พอกลับไปถึงบ้าน แว้ๆ ๆ ไม่มีที่ระบายละซีก็มาระบายกับผัว ผัวเวลาโมโหมากๆ ก็ เฮอะ เสียทีหนึ่ง  ให้ตั้งสัจอธิษฐานอย่าไปแว้ ๆ นะ

        พวกกินเหล้าเมาสุราก็เหมือนกัน ถ้ามันจะตายจริง ๆ อดไม่ได้จริง ๆ ภายใน ๓ เดือนมันจะตายให้ตายนะ คนอดสุราไม่กินเหล้าภายใน ๓ เดือนนี่ถ้าจะตายเพราะอดสุราไม่ได้กินเหล้าจริง ๆ มาหาหลวงตาบัว หลวงตาบัวจะ กุสลา ธมฺมา กุสลา ธมฺมา ให้ ถ้าไม่อย่างนั้นไม่ กุสลา ให้นะ มันเหลวไหลมากจิตใจเรา คือหลักใจน่ะสำคัญมากนะ หลักใจไม่มีอะไรล้มเหลวไปหมด ถ้าหลักใจมีตั้งกึ๊กลงไปแล้วขาดสะบั้นไปเลย อะไรมาแหยมไม่ได้ นั่นเรียกว่ามีหลักใจ  คนมีหลักใจมีความสัตย์ความจริงรักษาตัวได้  คนไม่มีหลักใจนี้เหลาะแหละโลเลโลกเลกล้มเหลว  เป็นหลักปักขี้ควายใช้ไม่ได้นะ

        การเข้าพรรษาควรจะมีหลักมีเกณฑ์ไว้สำหรับตัวเองทุกคนๆ แหละดี วันหนึ่ง ๆ เราจะทำอะไร ๆ ในความดีให้เป็นที่ระลึกของวันหนึ่ง ๆ ไม่ให้ขาด  เช่นอย่างใส่บาตรไม่ให้ขาดวันหนึ่งอย่างนี้  อย่างน้อยให้ได้องค์หนึ่งไม่ให้ขาดเลย เอาอย่างนั้น  ถ้าขาดตอนเช้าไม่ได้ใส่บาตรให้ตามท่านไป-ไปถวายวัดโน่น  อย่างนี้เรียกว่ารักษาความสัตย์  เราใส่บาตรไม่ทันพระ พระท่านไปหมดแล้ววันนี้ไม่ทัน  ไม่ทัน...ตามเลย เอาให้ได้ ๆ อย่างนี้เรียกว่าความสัตย์ความจริง ถ้าเป็นอย่างนี้แล้วก็มีความระมัดระวังมากขึ้นคนเรา  ดัดเจ้าของ  ไม่มีความสัตย์ความจริงโลเลโลกเลกนี้ใช้ไม่ได้นะ

        ความดีนี้ไม่ใช่เรื่องเล็กน้อย เป็นเรื่องที่ใหญ่โตจะฉุดลากเราออกจากกองทุกข์นี้คือความดีทั้งนั้นแหละ ความชั่วไม่เคยฉุดลากใครออกจากกองทุกข์  มีแต่ฉุดลากลงไปกองทุกข์ท่าเดียวเท่านั้นพากันเข้าใจเอาไว้ เวลาจะเป็นจะตายวิ่งหาที่พึ่งที่เกาะว่าไง เวลาหิวข้าวมาวิ่งเข้าครัว ครัวเป็นที่พึ่ง ยกตัวอย่างใกล้ ๆ นี่แหละ  คนเราเวลาจำเป็นจำใจจิตใจต้องหาที่พึ่งที่เกาะที่อาศัย  ความดีไม่มีเกาะอะไร เราต้องสร้างความดีเอาไว้ให้เป็นหลักเป็นเกณฑ์ต่อเรา

        คุณงามความดี การให้ทานนี่เป็นพื้นฐานของชาวพุทธ  พระพุทธเจ้าเป็นอันดับหนึ่งเป็นเอกในโลก ในการเสียสละให้ทานนี้ไม่มีใครสู้พระพุทธเจ้าแหละ  เวลาได้ตรัสรู้แล้วเสด็จไปไหนมีแต่เกลื่อนกลาดไปด้วยเครื่องสักการบูชา เทวบุตรเทวดาอินทร์พรหมมนุษย์มนาเต็มไปหมด ไปที่ไหนมีเทวบุตรเทวดามนุษย์มนาเรานี่ทำบุญให้ทานกับท่าน นี่เป็นเพราะอำนาจแห่งทานของท่าน  พระพุทธเจ้านี้เป็นนักเสียสละเป็นที่หนึ่ง  ไม่มีถอยเรื่องการเสียสละ  เวลามาตรัสรู้แล้วก็เป็นศาสดาของโลก  ไปที่ไหนเกลื่อนไปด้วยเครื่องสักการบูชา  นี่ละอำนาจของทาน

        เราทั้งหลายก็เหมือนกัน  ไม่ได้เป็นอย่างพระพุทธเจ้าก็ให้เป็นแบบลูกศิษย์มีครู ทำบุญให้ทาน  จิตใจให้มีทานเป็นพื้นฐานไว้เสมอ คนเราไปไหนไม่อดอยากขาดแคลน ไม่ตายแหละคนมีทาน คนตระหนี่ถี่เหนียวไปไหนมักตายง่าย ๆ อยู่ในบ้านก็อดอยากขาดแคลน จะกินมากก็เสียดายเงิน จะเอาเงินไปซื้อขนมมากิน ซื้ออาหารมาทำครัวมาทำอาหารเลี้ยงเจ้าของเองก็เสียดายเงิน ๆ ตายแล้วไปเป็นเปรตเป็นผีเฝ้าอยู่ สมัยปัจจุบันนี้ยิ่งเปรตผีมากนะ มากกว่าครั้งพุทธกาลเสียอีกเพราะคนตระหนี่ถี่เหนียวมีมาก คนเห็นแก่ตัวมีมาก ตายแล้วเป็นเปรตเป็นผีอย่างน้อยเป็นเปรตเป็นผีมาเฝ้าสมบัติเงินทองข้าวของอยู่นั่นไปไหนไม่ได้ นี่ถ้ามีกรรมมากกว่านั้นก็จมลงนรกเลย ๆ พระพุทธเจ้าทรงแสดงไว้อย่างถูกต้องแม่นยำ ขอให้พากันระมัดระวังรักษาตัวถ้าเห็นว่าเรามีคุณค่าในตัวของเราเอง ให้ระมัดระวังรักษาตัว

        การทำคุณงามความดีนี้เป็นสิ่งที่สำคัญมาก ที่จะฉุดลากเราออกจากกองทุกข์  เราไม่หวังพึ่งอะไรได้แหละ พอใจขาดปั๊บลงไปญาติมิตรเพื่อนฝูงสมบัติเงินทองข้าวของขาดสะบั้นไปตามๆ กันไม่มีอะไรที่เกาะ มีบุญ-บาปเท่านั้นเป็นเครื่องเกาะ  มีสองอย่าง  ถ้าบาปแล้วเอาลงจม ถ้าบุญแล้วก็นำไปสู่สถานที่ดี ให้พากันอุตส่าห์พยายามนะ เราอย่าเชื่อนักเชื่อกิเลส  กิเลสไม่พาทำความดีแหละ  ถ้าเรื่องความชั่วกิเลสพาทำได้วันยังค่ำไม่มีความเบื่อหน่ายอิ่มพอ  ถ้าทำความดีแล้วกิเลสจะกีดจะกันให้ปิดทางไปไม่ได้นั่นแหละ  ให้พากันระมัดระวังทุกคนๆ เราสร้างความดีไว้สำหรับตัวเอง ไปไหนคนมีความดีมีทานเป็นสำคัญไม่อดอยากแหละไม่ตาย  ถึงเวลาจำเป็นจริง ๆ หากมี มีผู้มาช่วยหรือมีสิ่งมาสนองจนได้นั่นแหละ อำนาจของทานเราที่สร้างไว้ ระลึกถึงนี้มาเลยนะ มาแบบอย่างที่ไม่คาดไม่ฝัน

        ถ้าไม่เป็นการยกตัว คือเราเชื่อ ใครจะว่าเราเป็นการยกตัวก็ตามแต่เราก็เชื่อ เพราะมันเป็นอย่างมหัศจรรย์ นี่ไปเที่ยวในภูเขาจากระหว่างสกลนครกับกาฬสินธุ์  เข้าไปในเขาไปหลงป่าละซี  เข้าไปในหุบเขาเลยนะ  เขาไม่รู้กี่ลูกกี่ชั้น  เข้าไปจมอยู่ในเขาเลย  พอดีไปเจอพวกเขาไปทำไร่อยู่ในเขามี ๔-๕ หลังคา เขาไปทำไร่อยู่ในหุบ  หลงเข้าไปตรงนั้น  เขาจนงงเลย  โห  ท่านมาได้ยังไง  คือตอนกลางคืนนั้นมีนิมิตเสียก่อนนะ  หลงป่าไปด้วยกัน ๓ องค์ยังไม่ได้แยกจากกัน  ตามธรรมดาออกจากวัดแล้วก็ไปทีละ ๒ องค์ ๓ องค์แล้วก็ไปแยกกันข้างหน้า  ไปวันนั้นยังไม่ได้แยกเลย  ไปก็ไปหลงป่ากลางคืน งมเงาไป  เอ้า นอนในป่านี่แหละงมไปไหน  แล้วตั้งสัจอธิษฐานนะจะออกทางภาวนาก็ได้ ออกทางความฝันก็เอา แล้วบ้านอยู่ทางไหน มันหลงถนัดแล้ว เข้าในหุบเขา  บ้านอยู่ทางไหนให้ตั้งสัจอธิษฐานนะ องค์นั้นก็ตั้งองค์นี้ก็ตั้ง เราก็ตั้ง-ตั้งสัจอธิษฐาน จะออกทางภาวนาก็ได้ ออกทางไหนก็ได้  พอดีกลางคืนมานิมิตแล้ว

        มันอัศจรรย์ตรงนี้นะเราคิดว่าจะเป็นเพราะอำนาจของทาน  เพราะหัวใจเปิดโล่งอยู่ตั้งแต่ไหนแต่ไรมา ไม่เคยเก็บไม่เคยสั่งสมแต่ไหนแต่ไร  เรียนหนังสือก็ไม่เคยสั่งสม  คณะของเรามีกี่องค์พระเต็มไปหมด  เราไปอยู่ที่ไหนคณะของเราจะมากที่สุดมากกว่าเพื่อน ลูกศิษย์ลูกหาเพื่อนฝูงเต็มไปหมดเพราะอะไร เพราะเสียสละ ได้มาเป็นอันเดียวกันหมด ไม่ได้ว่านั้นเป็นของท่านนี่เป็นของผม  พอได้มาเหมือนครัวเรือนเดียวกัน  เพราะฉะนั้นลูกศิษย์ลูกหาจึงมาก  เพื่อนฝูงจึงมาก ไปที่ไหน  เราเชื่อหัวใจเราที่เปิดอยู่ตลอดเวลาไม่เคยคิดจะสั่งสมอะไรเลย  เปิดโล่งด้วยการเสียสละ  นี่เราก็เชื่ออันนี้แหละเพราะเชื่อในหัวใจเราที่เปิดโล่งอยู่ตลอด

        ทีนี้พอกลางคืนมาก็ฝันละที่นี่  องค์นั้นก็ฝันองค์นี้ก็ฝัน ฝันด้วยกันทั้ง ๓ องค์ด้วยนะแปลกอยู่ องค์หนึ่งฝัน บ้านอยู่ทางไหน  บ้านอยู่ทางนี้ ชี้ไปทางทิศใต้  รู้ได้ยังไงว่าบ้านอยู่ทางนี้  มีแต่ผู้หญิงหาบอะไรต่ออะไรหลั่งไหลผ่านมานี่ไปทางนี้แหละ ไปทางทิศใต้นี้  แล้วองค์นี้ล่ะฝันว่ายังไง  บ้านอยู่ทางนี้อีก  รู้ได้ยังไง  มีแต่ผู้หญิงหาบสิ่งหาบของพะรุงพะรังไปนี้ แล้วว่าวันนี้เราจะพบผู้หญิงก่อนนะ เอ้า อยู่ในกลางเขาจะพบผู้หญิงได้ยังไง หากจะพบเพราะความฝันบอกอย่างนั้น เราก็อีกเหมือนกัน  หมู่เพื่อนมาถามเราว่าเป็นยังไง บ้านอยู่ทางนี้จริงแต่ไม่ใช่บ้านนะ เป็นทับ เขามาตั้งทับอยู่ทางด้านนี้  เมื่อคืนเห็นโยมแม่มาหา มีเด็กสองสามคนติดตามโยมแม่มา โยมแม่มาหามาถางนั้นถางนี้ปุบปับ ๆ แล้วก็พาเด็กขนของไป ไปทางนี้แหละ บ้านอยู่ทางนี้หรือทับอยู่ทางนี้แหละ เอ้า ไปทางนี้

        นั่นละพอตื่นแล้วก็บุกตามทิศเลย ไปอยู่ในหุบเขาลึกๆ นะ  มีบ้านอยู่ ๔ หลังคาเรือน เขามาทำไร่อยู่ในหุบเขา ไป.เขางงเลย  โอ๊ย ท่านมาได้ยังไงนี่ โถ ตายๆ ๆ  ไปได้พบผู้หญิงก่อนจริงๆ มีแต่ผู้หญิงตำข้าวกันตุบตับๆ ผู้ชายไม่มีสักคนเดียว มีเด็กเล่นอยู่สองสามคนอีก เด็กก็ลักษณะที่ว่านั่นแหละ เขาว่าญาครูเป็นความเคารพ ญาครูญาชาหลวงตา นี่เป็นความเคารพของเขา มาได้ยังไง  เมื่อคืนนี้ก็ฝันกันมาเล่าสู่กันฟังอยู่นี่  ฝันว่าพระท่านมาโปรด ๓ องค์เมื่อคืนนี้  บ้านนั้นก็ฝันบ้านนี้ก็ฝัน ก็แปลกอยู่นะ  ฝันว่าญาครู(คือพระ)ท่านมาโปรด ๓ องค์เมื่อคืนนี้  พูดกันจบเดี๋ยวนี้  พวกผู้ชายเขาไปไร่นอกบริเวณนั้น พึ่งไปตะกี้นี้  ว่าพระมาโปรด ๓ องค์

        พอดีไปพวกนั้นเขาก็งง เขาว่าถ้าไม่พบบ้านนี้ต้องตายไม่มีทางอื่นทางใด นอกจากจะไปพบพวกนายพรานเขานะ  ถ้าผู้มีแก่ใจเขาก็จะพาย้อนกลับหลังไป ย้อนทางไปสู่บ้าน  มานี้มันลึกพอแล้วนี่  ข้ามเขาแต่เพียงลูกเดียวสองลูกเท่านั้นตายเลย เพราะแถวนี้ไม่มีบ้านเลย อยู่ในหุบเขา เราก็เลยได้กินข้าวกับเขา แล้วบอกเพื่อนฝูงด้วยว่าวันนี้เราอย่าพูดอะไรนะ จะมีคนตามส่งเรานะวันนี้ เพราะมีเด็กมาเอาของบริขารผมไป เราไม่ได้บอกเด็ก เด็กมาขนบริขารไปเลย วันนี้คอยดูจะมีคนไปส่งเรา พอกินข้าวแล้วเขาบอกว่าพวกผมต้องไปส่งท่าน ไม่ไปส่งท่านตายอีก เขาตามส่งย้อนหลังไปส่งใส่ทางเข้าหมู่บ้าน

        นี่เรามันอัศจรรย์ที่ว่าอยู่ในหุบเขาลึก ๆ มันหลงไปได้ยังไงหลงไปในหุบเขาเท่ากำปั้นนี่นะ ภูเขานี่กว้างเท่าท้องฟ้ามหาสมุทรแล้วมันหลงไปได้ยังไง นี่อัศจรรย์อยู่เหมือนกันนะ เวลาจะตายไม่ตายนะ ที่ว่าจะตายๆ ก็เพราะปีนเขาเขาว่าไม่ใช่อะไรหรอก  ปีนเขาลูกนี้ลงลูกนี้ขึ้นลูกนั้น  กว่าจะถึงบ้านคนมันกี่สิบเขา  ท่านไปได้เพียงสองสามวันท่านก็แย่แล้วตายแล้ว  นี่มาเจอพวกผมดีแล้วท่านไม่ตายแหละคราวนี้  นี่เราเชื่อเวลาจำเป็นเป็นอย่างนั้นจริง ๆ นะมันหากบันดลบันดาล  มิหนำซ้ำเทวบุตรเทวดายังบันดลบันดาลให้เขาฝันทางโน้นว่าพระท่านมาโปรด ๓ องค์  ทางนี้ก็ฝันว่าจะไปหาโยม  โยมตามส่ง  เราเลยฝังใจจนกระทั่งทุกวันนี้

        แต่ภายในใจนี้เราเชื่อเชื่อในหัวใจเจ้าของเองว่าเปิดโล่งอยู่ตลอด ไม่เคยมีการสั่งสมอะไรเลยมีแต่เปิดโล่งๆ มีการทำบุญให้ทานดังที่ปฏิบัติมานี้แหละ นิสัยนี้มีมาดั้งเดิม แล้วทุกวันนี้ก็ยิ่งกว้างขวางไปอีก มีเท่าไรทุ่มหมดๆ นี่แหละอำนาจแห่งการทำบุญให้ทานไม่อดอยาก ถึงเวลาจำเป็นหากมีผู้มาช่วยจนได้นั่นแหละ หากมีฟังแต่ว่ามีเถอะ อำนาจทานบันดลบันดาลให้มีผู้ใดผู้หนึ่งมีใจบุญเข้ามาช่วยสงเคราะห์สงหา เพราะอำนาจแห่งบุญของเรามีเป็นเครื่องดึงดูดกัน

        ถ้าเป็นความตระหนี่ถี่เหนียวแล้วเอาละไปไหนจนตรอกจนมุม  แม้อยู่ในหมู่มนุษย์บริษัทบริวารมีน้อยมากทีเดียว ใครเขาไม่อยากไปเกี่ยวข้องแหละคนตระหนี่ถี่เหนียว  ถ้าเป็นนักเสียสละเป็นคนใจกว้างใจขวาง ไปที่ไหนเพื่อนฝูงไม่อด เวลาตายนี้เต็มไปด้วยคนมาในงานศพ  คนตระหนี่ถี่เหนียวตายแล้วไม่ค่อยมีใครมาในงานศพนะ เขาไม่อยากมา ไม่มีแก่ใจที่จะมาเพราะความตระหนี่ถี่เหนียว นี่ละไม่ใช่ของดีความตระหนี่ถี่เหนียว

        เอ้า เราจะสมมุติให้เห็นชัด ๆ ว่าเรามีเงินหนึ่งพันบาทเก็บไว้  เก็บไว้เท่าไรก็ไม่เห็นมันแสดงอาการอะไร เก็บไว้อย่างนั้น เจ้าของก็ภูมิใจว่าเรามีเงินพันบาท  เงินพันบาทอยู่โน้นเจ้าของอดตายอยู่นี้ไม่เห็นเป็นประโยชน์อะไรเงินพันบาท พอจับเงินพันบาทนี้ไปซื้อสิ่งของปั๊บได้ผลได้ประโยชน์มาเลย  พอจับเงินนี้ไปเสียสละทำบุญให้ทานนี้ทางผู้ได้รับมีความยิ้มแย้มแจ่มใสตอบรับกัน เราก็ให้ด้วยความยินดีให้ด้วยความเมตตาสงสาร เขาก็รับด้วยความยินดีเพราะเราไปสงเคราะห์เขา นั่นแสดงความดีใจขึ้นมาในทันทีทันใดเงินจำนวนนี้น่ะจำนวนที่เราเสียสละ

        ถ้าเก็บไว้เฉย ๆ ไม่เกิดประโยชน์ไม่เห็นมีอะไร เจ้าของก็ภูมิใจบ้าไปอย่างนั้นละ ตายแล้วก็มาเป็นเปรตเป็นผีเฝ้าสมบัติ ภูมิใจกับเปรตของตัวเองนั่นแหละ แต่เวลาเอาไปเสียสละแล้วภูมิใจในการได้ให้เขาด้วย เขาก็ภูมิใจในการที่ได้รับจากเราด้วย นั่นผลประโยชน์ต่างกันการเก็บไว้กับการเสียสละ การเสียสละเป็นความดีงามเอามากทีเดียว เวลาจะเป็นจะตายก็อาศัยจำนวนที่เสียสละเท่านั้น ส่วนที่เก็บไว้นี้ไม่ได้อาศัยมันแหละ ตายแล้วก็มีแต่เป็นเปรตเป็นผีมาอาศัยเกาะอยู่นั้นไม่เกิดประโยชน์อะไร

        วันนี้ให้ตั้งหน้าตั้งตานะ ตั้งแต่บัดนี้ต่อไปใครมีความชั่วช้าลามกอะไรเด็ดขาดเจ้าของซิ  นิสัยต้องเด็ดไม่เด็ดไม่ได้  เราเป็นมนุษย์ทั้งคนต้องรักษาตัวของเราด้วยความสัตย์ความจริง  เอาศีลธรรมเข้าไปรักษา  มันจะเป็นจะตายให้เห็นเสียทีน่ะ  ไม่ได้ทำความชั่วมันจะตาย เอ้า ตายให้ตายว่างั้นเลย  เราจะทำความดีตั้งแต่นี้ต่อไปทำไมจะเป็นไปไม่ได้ มนุษย์เราแท้ ๆ รักษาความสัตย์ความจริงไว้ให้ดีนะไม่งั้นตายทิ้งเปล่า ๆ นะ เที่ยวเตร็ดเตร่เร่ร่อนหาที่เกาะที่ยึดไม่ได้ ตายแล้วก็อย่างที่เป็นมาแหละ และเป็นไปข้างหน้าก็หาที่เกาะที่ยึดไม่ได้

ตายแล้วจมไปๆ ลงไปจมอยู่ในนรก เวลาฟื้นขึ้นมากลับมาเกิดเป็นมนุษย์ปฏิเสธว่านรกไม่มี ไม่ทราบทรมานเจ้าของกี่กัปกี่กัลป์ถึงได้ฟื้นตัวมา แล้วก็ลืมเสียว่านรกไม่มีอีกแหละ แล้วก็ไปจมอีก ๆ เพราะไม่กลัวบาป  คนเข้าใจว่านรกสวรรค์ไม่มีไม่กลัวบาปรักษาบุญนะ  เอาแต่ความอยากความทะเยอทะยานเต็มหัวใจ  ทำลงไปก็มีแต่ความชั่วช้าลามก  แล้วเกิดความทุกข์ความทรมานแก่ตัวของเราผู้ทำนั่นแหละ  อันนี้ให้พากันตั้งใจรักษานะ

        ตั้งแต่วันพรุ่งนี้เช้าไป ท่านจะบิณฑบาตเป็นข้อวัตรปฏิบัติของท่านจนกระทั่งออกพรรษาไม่ให้ขาด ถ้าองค์ไหนยังฉันอยู่ออกบิณฑบาตก็ต้องบิณฑบาตแบบนี้ นอกจากไม่ฉัน ไม่ฉันไม่ขาดธุดงค์ เพราะไม่ฉันก็ไม่ต้องไปบิณฑบาตก็ไม่ขาดธุดงค์  ถ้าฉันอยู่ต้องไปบิณฑบาต  บิณฑบาตก็ต้องทำตามกฎเกณฑ์ของธุดงควัตรข้อนี้ รับเฉพาะนอกวัด ไม่รับในวัด  ผู้มาใส่บาตรก็ให้รู้จักเวล่ำเวลาของตัวเอง ไม่รู้จักเวล่ำเวลาเลอะๆ เทอะๆ นะ  มาไม่ทันเอาไปถวายท่านที่ศาลาก็ได้  ใช้ไม่ได้นะอย่างนั้น  อันนี้เป็นความเหลวแหลก เป็นความนอนใจของเจ้าของไม่ดี ต้องมาให้ทันเวล่ำเวลา  ถ้าเราจะมาต้องมาให้ทันเวลา  ถ้าไม่ทันเวลาวัดนี้ เอ้าไปวัดนั้นไม่ให้เสียในวันนี้จะทำบุญให้ทาน  เอาให้ได้อย่างนั้นซิจึงเรียกว่าความสัตย์ความจริง จึงเรียกว่าข้อบังคับเจ้าของ

        คนเราไม่บังคับให้ดีไม่ดีนะ  ถ้าปล่อยมันก็เร่ ๆ ร่อน ๆ ไปอยู่อย่างนั้นละ ต้องบังคับให้ดี  ทุกสิ่งทุกอย่างจะดีต้องมีสิ่งบังคับไม่งั้นไม่ได้เรื่อง  ยิ่งมนุษย์เราด้วยแล้วยิ่งเถลไถลได้ง่าย  ต้องมีศีลธรรมเป็นเครื่องบังคับเอาไว้

วันนี้พูดเพียงเท่านี้ละ


** ท่านผู้เข้าชมทุกท่านโปรดทราบ
    เนื่องจากกัณฑ์เทศน์บางกัณฑ์มีความยาวค่อนข้างมาก ซึ่งจะส่งผลต่อความเร็วในการเปิดเว็บไซต์ ขอแนะนำให้ทุกท่านได้อ่านเนื้อหากัณฑ์เทศน์บางส่วนจากเว็บไซต์ และให้ทำการดาวน์โหลดไฟล์กัณฑ์เทศน์ที่มีนามสกุล .pdf ไปเก็บไว้ในเครื่องของท่านแทนการอ่านเนื้อหาทั้งหมดจากเว็บไซต์

<< BACK

หน้าแรก