อัศจรรย์พระพุทธเจ้า
วันที่ 24 มกราคม 2538
สถานที่ : วัดป่าบ้านตาด
| |
ดาวน์โหลดเพื่อเก็บไว้ในเครื่อง
ให้คลิกขวาแล้วเลือก Save target as .. จาก link ต่อไปนี้ :

ค้นหา :

เทศน์อบรมฆราวาส ณ วัดป่าบ้านตาด

เมื่อวันที่ ๒๔ มกราคม พุทธศักราช ๒๕๓๘

อัศจรรย์พระพุทธเจ้า

จะทำยังไงก็มีแต่อย่างนั้นแหละคนเราสัตว์ทั้งหลาย เกิดแล้วก็ยังเหลืออยู่อันหนึ่งเป็นเงาติดตัวอยู่นั้นคือตาย เกิดแล้วตายคู่กัน ลองวาดภาพดูซิที่ว่าวัฏวน คือหมุนเกิดหมุนตายอยู่อย่างนี้ตลอดไม่มีทางออก มีแต่หมุนเกิดหมุนตายอยู่อย่างนี้เรื่อย ๆ มีสูงมีต่ำ ๆ หมุนเกิดหมุนตาย กฎของกิเลสเป็นของเล่นเมื่อไร ท่านเรียกว่ากฎวัฏจักรที่พูดมาได้สองสามวันนี้ติดกัน เราวาดภาพดูก็รู้นี่ สัตว์ทุกตัวสัตว์ไม่มีเว้น ที่เว้นก็เว้นแต่ผู้สิ้นกิเลสแล้วเท่านั้นที่ออกได้แล้ว นอกนั้นก็วนกันอยู่นี้หมด หมุนเกิดหมุนตายอยู่อย่างนั้นเรื่อย ๆ เกิดสูงเกิดต่ำ

ภพภูมิทั้งหลายนี่สำหรับสัตว์ทั้งนั้น ไม่มีช่องว่างที่สัตว์ไม่อยู่ไม่มี หมื่นจักรวาล ฟังซิ แสนจักรวาล กว้างขนาดไหนแสนจักรวาล จักรวาลหนึ่งกว้างขนาดไหน ตั้งหมื่นตั้งแสนจักรวาลโลกนี้กว้างขนาดไหนสัตว์อยู่หมด แล้วก็หมุนเกิดหมุนตายกันอยู่อย่างนั้นตลอด ที่ว่าพระพุทธเจ้ามาโปรดแต่ละพระองค์ ๆ นี้นั่นละค่อยเปิดทางประตูออก ถ้าไม่มีธรรมมาแล้วไม่มีทางเลย ถ้าไม่มีธรรมมาเปิดแล้วไม่มีทางออกได้เลย ปิดตาย แม้ผู้มีอุปนิสัยควรที่จะบรรลุธรรมนี้ เมื่อพระพุทธเจ้ายังไม่มาตรัสรู้ไม่มาสอน ประตูก็ไม่เปิดก็ไปไม่ได้ พอพระพุทธเจ้ามาตรัสรู้แล้วก็ประทานโอวาทปั๊บนี้ก็พุ่งเลยออกเลย ๆ ออกเรื่อย ๆ นี่ละกฎของวัฏจักรครอบงำสัตว์โลกเป็นมาอย่างนี้ และจะเป็นไปอย่างนี้ตลอดกัปกัลป์

ใครอย่าประมาทนะ เห็นเป็นของเล่นเหรอธรรมะพระพุทธเจ้า กิเลสมันหลอกสัตว์โลกขนาดนั้นละ เก่งไหมกิเลส เรียนให้ถึงมันซิเรียนถึงแล้วค้นโคตรมันมาแบหมดถ้าเรียนถึง เรียนตามหลักธรรมพระพุทธเจ้า ปฏิบัติตามหลักธรรมพระพุทธเจ้าจะไม่เป็นอื่น จะเห็นหมดที่ว่านี้ เพราะธรรมพระพุทธเจ้าประกาศสอนให้รู้สิ่งเหล่านี้ทั้งนั้นไม่สอนไปอย่างอื่น สอนสิ่งที่มีที่เป็นเหล่านี้ทั้งนั้น แต่เราไม่เห็น หลับตาดูนั่นซิ อย่างคนนั่งเต็มศาลานี่หลับตาซิมองเห็นใครเมื่อไร ถ้าลืมตานี้ก็จ้า เห็นหมด

ธรรมะพระพุทธเจ้าเปิดตาออกตาใจให้เห็นหมด เมื่อเห็นอย่างนั้นแล้วจะปฏิเสธได้ยังไงว่าสิ่งเหล่านั้นไม่มีไม่เป็น เมื่อเห็นเต็มตาอยู่อย่างนั้นแล้ว อย่างเรานั่งอยู่มองคนบนศาลานี่ลืมตามองซิ จะปฏิเสธได้ไหมว่าไม่มีคนบนศาลานี่เมื่อมองเห็นอยู่ แต่ให้คนตาบอดมามองจะปฏิเสธวันยังค่ำ แม้แต่ต้นเสาก็ปฏิเสธว่าไม่มี โดนเอาหัวแตกโน่น อย่างมากก็เอามือคลำเสียคนตาบอดมันไม่เห็น

อย่างนี้ถึงได้สลดสังเวชซี สอนเผ็ดสอนร้อนสอนเพราะอะไร เพราะอันนี้เอง ดุขนาดไหนก็ยังไม่เห็นยังนอนหลับครอก ๆ อยู่ จนขนาดเอาตัวประกันเลย นี่หลวงตาบัวตายแล้วไม่มีใครเทศน์อย่างนี้นะ ขนาดนั้นนะออกในบางครั้ง ไม่ได้อวดนี่นะ หวังให้เป็นที่ยืนยันให้เป็นที่แน่ใจว่าธรรมพระพุทธเจ้าที่นำมาสอนนี้ไม่ผิด ว่าอย่างนั้นเลย ยันกันลงขนาดนั้น ใครจะตื่นเนื้อตื่นตัวให้ตื่นนะถ้าไม่อยากจม บอกขนาดนั้น

จนเอาเจ้าของยันเลยเป็นตัวประกัน นำธรรมพระพุทธเจ้ามา เราเป็นผู้ออกชี้แจงเอาธรรมพระพุทธเจ้ามายัน ถึงขนาดที่ว่าหลวงตาบัวตายแล้วไม่มีใครเทศน์อย่างนี้นะ ไม่ว่าจะเทศน์ดุเทศน์ด่าเทศน์เผ็ดเทศน์ร้อนเทศน์ชนิดไหนก็ตาม ส่วนมากเทศน์เผ็ดเทศน์ร้อนเทศน์ถึงเหตุถึงผลถึงหลักความจริงที่พระพุทธเจ้าทรงสอนอย่างนี้ส่วนมาก ใครไม่สอนใครไม่พูดละซิ ดีไม่ดีหาว่าหยาบว่าโลนไปอย่างนั้น กิเลสมันไม่ให้แตะแต่ตัวมันเองตัวหยาบโลน มันทำสัตว์ให้ฉิบหายวายปวงมามากต่อมากแล้วนี่ จี้ลงไปจุดมันทำลายนั่น ทำไมจะจี้ไม่ได้พูดไม่ได้ ทุเรศจริง ๆ นี่นะ

จวนจะตายเท่าไรยิ่งทำให้เป็นห่วงมากเข้า เทศน์ก็เผ็ดร้อนขึ้นโดยลำดับ ฟังซิ เราไม่มีเจตนานะเทศน์อย่างที่โลกเขาว่าหยาบโลนนั้น เราไม่มีเจตนา เราเทศน์ไปตามแถวธรรมต่างหาก แถวธรรมเป็นยังไง กิเลสมันไปยังไงไปช่องไหน ธรรมติดตามกิเลสไปตามช่องของมันไปต่างหากนี่นะ กิเลสไปได้ทำไมธรรมไปไม่ได้ กิเลสมันหยาบโลน ธรรมไปตามความหยาบโลนของมันทำไมตามไม่ได้ เราไม่มีเจตนาที่จะพูดแบบโลก ๆ เขา มีแต่ตามรอยกิเลส ลากมันขึ้นมาให้เห็นว่ามันให้โทษให้กรรมแก่สัตว์โลกขนาดไหนมากน้อยเพียงไรอย่างนั้นต่างหาก

นี่ละที่ว่าสัตว์โลกถูกหมุนอยู่นี่เป็นกัปเป็นกัลป์นะ กี่กัปกี่กัลป์ก็อยู่อย่างนั้นแหละถ้าไม่มีพระพุทธเจ้ามาโปรดแต่ละพระองค์ ธรรมนั่นแหละเป็นเครื่องเปิดโลกเปิดทางให้ออก โลกคือหมู่สัตว์ สตฺต แปลว่าผู้ติดผู้ข้องผู้ถูกคุมขัง ผู้ถูกคุมขังอยู่ในวัฏจักรกิเลสครอบหัวอยู่นั่น พระพุทธเจ้ามาตรัสรู้แต่ละพระองค์ ๆ นี้มาเปิดประตูให้สัตว์ทั้งหลายได้ออก ๆ พอหมดพระพุทธเจ้าปั๊บก็ปิดกึ๊บเลย หมดทีนี้จมเลย

พระพุทธเจ้ามาแต่ละพระองค์นี้เปิด ๆ ๆ นี่ละจึงว่าธรรมนี่เป็นคู่โลกคู่สงสารคือศาสนาพุทธ ไม่ว่าจะพุทธองค์ใดก็ตามพระพุทธเจ้าแต่ละพระองค์ มีน้อยหรือพระพุทธเจ้า น้อยเมื่อไร เราเห็นใน สมฺพุทฺเธ อฏฺฐวีสญฺจ ทฺวาทสญฺจ สหสฺสเก ฯ ผู้ที่พิมพ์หนังสือออกมานี้ก็บ้าเราอยากว่าอย่างนั้นนะ บอกกราบนมัสการพระพุทธเจ้าเท่านั้นหมื่นเท่านี้แสนเท่านั้นล้านองค์ แล้วเขียนไว้ในวงเล็บข้างล่างว่ามันเหลือ.... ถ้าจะพูดว่าเหลือเชื่อก็จะหยาบมากไป ว่าเหลือ....ก็คือเหลือเชื่อนั่นแหละ ว่าเหลือเชื่อ มันตาบอดนี่ว่าเหลือเชื่อ ผู้ตาดีมีเท่าไรท่านยังมีมาได้เป็นไปได้

พระพุทธเจ้าองค์นี้ตรัสรู้ได้ทำไมองค์หลังตรัสรู้ไม่ได้ องค์หลังตรัสรู้ได้องค์หลังทำไมตรัสรู้ไม่ได้ ตรัสรู้ออกช่องเดียวกัน เช่น ประตูออกมีอยู่นี่ คนนี้ออกได้คนนี้ทำไมออกไม่ได้ เมื่อเป็นเช่นนั้นคนหนึ่งออกได้คนสองก็ออกได้ คนสามก็ออกได้ คนล้านก็ออกได้ซิ มีกี่หมื่นกี่แสนกี่ล้าน ๆ ออกได้ทั้งนั้นเมื่อมีประตูออก ถ้าไม่มีก็ขังอยู่ในนั้น นี่พระพุทธเจ้ามาอุบัติแต่ละพระองค์ ๆ นี่คือออก ๆ ๆ จะมานับอะไรล้าน ๆ ๆ อย่ามานับ เพราะอุบัติมาอยู่นี้ตลอดเป็นกัปเป็นกัลป์เหมือนกันจะน้อยเมื่อไร

พระพุทธเจ้ามาเปิดโลกคือมาเอาน้ำดับไฟนั่นเองไม่ใช่อะไรนะ ถ้าไม่มีธรรมสัตว์ไม่มีความหมาย มีธรรมสัตว์จึงมีความหมายมีเวลาที่จะออกได้ แล้วผู้สร้างบารมีสร้างคุณงามความดีก็สร้างจากธรรมที่สอนนั่นแหละจะเป็นอะไรไป กิเลสไม่ได้สอนให้คนสร้างความดีแหละ มีแต่สอนลงนรกอเวจี กล่อมลงนรกอเวจีเพลงลูกทุ่งลูกกรุงสู้ไม่ได้

บอกแล้วหลายครั้งหลายหนว่าให้เปิดตาออกดู ๕ นาที ดูทางชั่วสัก ๕ นาที ดูทางดีสัก ๕ นาทีรวมแล้ว ๑๐ นาทีนี้สลบเลยนะ ไปเห็นมาแล้วตำตาชัด ๆ พระพุทธเจ้าสอนไว้จริงไหมดูซิที่นี่ นี่ละพระพุทธเจ้าสอนไว้-สอนไว้ทั้งหมดนี่ที่เราเห็นอยู่เวลานี้ ไม่ได้หาเรื่องหลอกเรื่องลวงอะไรมาสอนโลกแหละ เอาสิ่งที่มีที่เป็นทั้งหลายไม่ว่าหยาบละเอียด ทุกข์มากขนาดไหนสุขมากจนกระทั่งถึงนิพพาน เอามาเปิดให้เห็นหมด ๕ นาทีทางต่ำ ทางสูงอีก ๕ นาที รวมแล้ว ๑๐ นาทีปิดกึ๊บ สลบเลย จ้างให้ทำบาปก็ทำไม่ได้ ตายก็ตายทิ้งเปล่า ๆ คอขาดก็ขาด คอขาดนี่ชั่ววินาทีเท่านั้นละเขาตัดคอเรา ถ้าเราไม่ทำบาปเขาจะตัดคอเราชั่ววินาที แต่เราไปจมอยู่ในนรกกี่กัปกี่กัลป์เพราะเหตุแห่งการทำบาป เอานั้นมาเทียบ เทียบกันปั๊บแล้วสละคอเลย ขนาดนั้นละ

ท่านสอนสด ๆ ร้อน ๆ กิเลสมันยิ่งหนาเข้าทุกวัน ๆ โอ๊ย ทุเรศจริง ๆ นะจะทำยังไง นี่ละที่ว่าเริ่มปิดเข้า ๆ นะ ประตูนี่แคบเข้ามา ๆ ละต่อไปก็ปิดกึ๊บออกไม่ได้ คือไม่สนใจจะออก จมอยู่ในนั้นดิ้นอยู่ในนั้นไม่ทราบว่าประตูอยู่ทางไหน เพราะความเดือดความร้อนความแผดความเผามันเผาจนเกินกว่าที่จะมีสติไประลึกรู้ว่าทางออกทางไหน มันวุ่นขนาดนั้นทุกข์ขนาดนั้น ใครอย่านอนใจอยู่นะ

ใครจะละเอียดลออยิ่งกว่าพระพุทธเจ้า ในสามแดนโลกธาตุนี้บอกว่าไม่มี มีหนึ่งเท่านั้น หนึ่งคือพระพุทธเจ้าแต่ละพระองค์ ๆ นั่นละเยี่ยม ความรู้ความเห็นทุกสิ่งทุกอย่างกระจ่างแจ้งหมดเลยไม่มีอะไรปิดบังลี้ลับแหละ นี่ละผู้เป็นศาสดาของพวกเราแต่ละพระองค์ ๆ ท่านจึงสามารถรื้อถอนขนสัตว์ออกได้ ท่านไม่สามารถรู้เห็นขนาดนั้นท่านจะรื้อถอนขนสัตว์ออกจากนรกได้ด้วยอุบายการสั่งสอนของท่านได้ยังไง ท่านเห็นท่านรู้ทุกสิ่งทุกอย่าง ท่านฉลาดในการแนะนำสั่งสอนการฉุดการลากน่ะซิ บอกพวกเราทั้งหลายไม่ให้ทำบาปทำกรรมประเภทต่าง ๆ มีแต่ฉุดลากออกจากแดนนรกไม่ใช่ธรรมดานะ

เราพูดนี่ไม่พูดธรรมดานะ พูดด้วยความสลดสังเวชที่สัตว์โลกถูกกิเลสกล่อมให้เห็นพระพุทธเจ้าว่าเป็นของเล่นของธรรมดา แต่เห็นกิเลสเป็นของจริงจังนี่ซิที่สลดสังเวชมาก เก่งไหมกิเลส ไม่เก่งครอบหัวใจของสัตว์โลกให้อยู่ในวัฏจักรวัฏวนนี้ได้เหรอ ไม่เก่งจริงไม่เหนือจริง ไม่เหนือครอบไม่ได้ นี่ละอุบายของกิเลส มีธรรมเท่านั้นที่จะตามต้อนกันได้นอกนั้นไม่มี ธรรมจะวิเศษขนาดไหนก็ตามถ้าผู้ปฏิบัติธรรมไม่รู้จักใช้ธรรมก็อีกแหละ ไม่รู้จักนำมาใช้เป็นประโยชน์แก่ตน ก็ให้กิเลสจับมาฟันหน้าผากเจ้าของอีกแหละ

เมียให้เงิน ๑๐ บาทไปซื้ออาหารตลาดมาเลี้ยงครอบครัว ไปฟาดการพนันจนหมดเลย นั่นการพนันเทียบกับฝ่ายกิเลส ไปซื้ออาหารมานี่เทียบกับฝ่ายธรรม เขามาเล่าให้ฟังเรายังไม่ลืมขบขันจะตายไปเข้าบ้านไม่ได้ เมียให้ไปจ่ายตลาด วันนั้นเมียติดธุระไปไม่ได้ให้ผัวไปจ่ายตลาด พอไปไปเห็นเขาเล่นการพนันไปฟาดการพนันกับเขา เงินหมดไม่มีอะไรซื้อของ เข้าบ้านไม่ได้เลยกลัวเมียจะฟาดกบาลเอา กลัวฟาดหน้าแข้งหักละซิ

เรายังไม่ลืม สด ๆ ร้อน ๆ นี่นะไม่ใช่เป็นอดีตนิทานมาจากที่ไหนละ สด ๆ ร้อน ๆ นี่เขามาเล่าให้ฟัง เราขบขันจะตายไป เมียเอาเงินให้ไปจ่ายตลาด ไป-ไปเห็นเขาเล่นการพนัน เลยไปเล่นการพนันกับเขา คิดว่าจะเอาเงินมาเพิ่มค่าจ่ายตลาด ทีนี้เขาเอาไปเสียหมดสุดท้ายเข้าบ้านไม่ได้กลัวเมียจะตีหน้าแข้งละซิ นั่นมันเก่งอย่างนั้นละเรื่องกิเลสหลอกคน จะไปจ่ายตลาดแท้ ๆ สด ๆ ร้อน ๆ มันยังเอาไปกินได้สบายเห็นไหม ว่าตัวจะร่ำรวยละซิ เขาฟาดเอาจนเข้าบ้านไม่ได้เห็นไหมล่ะ นั่นละเชื่อความเห็นความรู้ของเจ้าของ กิเลสมันเหนือนั้นอีกแน่ะไปเชื่อมันทำไม

เหมือนอย่างการพนันขันต่อ สิ่งที่จะกลืนคนให้เสียหายฉิบหายป่นปี้นี้ก็คือมันเหนือกว่านั่นเอง อันนั้นเหนือกว่า ใครไปเล่นการพนันจะเป็นเศรษฐีกุฎุมพีเพราะการพนันไม่เคยมี มีแต่เรื่องล่มเรื่องจมฉิบหายวายปวงไปหมด จิตใจตั้งไม่อยู่ ล้มเหลว ใจรั่วใจเลว พวกการพนันนี่พวกใจรั่วใจเลวใจลอยไม่มีหลักมีเกณฑ์ นี่ละเรื่องพนันนั่นมันเหนือจิตใจหลอกคนให้ติดได้ นั่นละกิเลสเหนือสัตว์โลกเหนืออย่างนั้นละพิจารณาเอา ไม่งั้นสัตว์โลกไม่ติด ติดทำไมก็ท่านแสดงไว้ว่ากิเลสเป็นภัย ๆ เวลาไปเจอกิเลสเข้าไม่เห็นว่าเป็นภัย มันเป็นคุณทั้งนั้นนี่นะ เพราะเราอ่อนแต้มกว่ามันซิ

นี่ก็เหมือนกันไปเดินจงกรมหย็อก ๆ ๆ สักเดี๋ยวชะแง้หาหมอนกลัวหมอนจะกลิ้งตกกุฏิไป นี่ต่ำหรือสูง ต่ำกว่ากิเลสต่ำกว่าหมอนหรือสูงกว่าหมอน ครั้นมาก็มาขึ้นบนหมอน โห เราพูดถึงเรื่องอุบายของกิเลสนี่มันสลดสังเวชจริง ๆ นะมันแหลมคมเอาจริง ๆ จึงได้อัศจรรย์พระพุทธเจ้าว่าอุบัติขึ้นมาได้ยังไง ๆ ไม่มีใครสอนใครบอกแนะอุบายแม้นิดหนึ่งเลย เป็นสยัมภู ทรงขวนขวายทางเหตุก็ทรงขวนขวายเอง สยัมภูรู้ทางผลก็คือรู้ด้วยพระองค์เองโดยไม่ต้องไปถามใครปรึกษาใคร ซึ่งไม่ใช่ทาง ๆ ดังที่ไปหาดาบสต่าง ๆ ไปที่ไหน นี่ไม่ใช่ทาง ๆ หมดทางจริง ๆ แล้วไม่ได้ถามใครเลยนะ ทรงบำเพ็ญเองตรัสรู้ขึ้นมาเป็นสยัมภู แปลว่ารู้เองเห็นเองจากการขวนขวายเอง นั่นซิไม่มีใครบอกโผล่ขึ้นมาได้นะ พวกเรานี่สอนแทบเป็นแทบตายยังไปเล่นการพนันได้สบาย เงินสิบบาทไปจ่ายตลาดมาเลี้ยงครอบครัวยังให้การพนันเอาไปกินเรียบ

นี่ละเรื่องกิเลสมันละเอียด-ละเอียดจริง ๆ จึงได้อัศจรรย์พระพุทธเจ้าไม่ได้อัศจรรย์ธรรมดา อัศจรรย์ถึงใจจริง ๆ นะ โถ โผล่ขึ้นมาได้ยังไง โลกทั้งหลายจมกันทั้งนั้นโผล่ขึ้นมาพระองค์เดียวแล้วก็ประกาศโทษของมันลั่น ขึ้นต้นก็ธัมมจักกัปปวัตตนสูตรเห็นไหม ประกาศหมื่นโลกธาตุ อยญฺจ ทสสหสฺสี โลกธาตุ หมื่นโลกธาตุหวั่นไหวทั่วกันหมดเลยที่ท่านแสดงไว้ในธัมมจักกัปปวัตตนสูตร อิติห เตน ขเณน เตน มุหุตฺเตน, ยาว พฺรหฺมโลกา สทฺโท อพฺภุคฺคจฺฉิ. อยญฺจ ทสสหสฺสี โลกธาตุ, สงฺกมฺปิ สมฺปกมฺปิ สมฺปเวธิ. คือสะเทือนสะท้านไปหมด อำนาจของเทวบุตรเทวดาไม่มีองค์ไหนสู้อานุภาพธรรมของพระพุทธเจ้าที่แสดงกระเทือนโลกธาตุ หมื่นโลกธาตุเสียด้วยนะ อยญฺจ ทสสหสฺสี โลกธาตุหมื่นโลกธาตุกระเทือนไปหมดในขณะเดียวเท่านั้น อิติห เตน ขเณน ขณะเดียวกระเทือนแล้วตั้งแต่ตรัสรู้ทีแรก สอนเบญจวัคคีย์ทั้งห้าโลกธาตุสะเทือนแล้ว ตั้งแต่บัดนั้นมาจนกระทั่งถึงป่านนี้ละ

ธรรมะเหล่านี้เป็นธรรมะสด ๆ ร้อน ๆ เหมือนกันกับกิเลสสด ๆ ร้อน ๆ กิเลสไม่มีตัวแก่ตัวชราคร่ำคร่า ใครอย่าไปหวังไปกุสลากิเลสนะ กิเลสไม่ตายถ้าไม่เอาธรรมะไปสังหารมัน ใครอย่าไปคอยว่าจะไปกุสลากิเลสได้ กุสลาไม่ได้ทั้งนั้นแหละมีแต่กิเลสจะกุสลาเรา กุสลาแปลว่าความฉลาด มันฉลาดเหนือเราน่ะซิมันกุสลาเรา ที่ไหนก็มีแต่กิเลสกุสลาคน จะเดินจงกรมนั่งสมาธิภาวนามีแต่กิเลสตามกุสลาทั้งหมด กิเลสคิดเอาดอกเบี้ยหมดเลย จ่ายดอกเบี้ยให้กิเลสวันหนึ่ง ๆ ไม่ทัน แทนที่จะไปเอาอรรถเอาธรรมไปจ่ายดอกเบี้ยให้กิเลส กิเลสคิดดอกเบี้ยละซิ สู้ไม่ได้พวกเรามันโง่

พูดแล้วสลดสังเวชนะไม่ได้ประมาทผู้หนึ่งผู้ใด พวกเรา ฟังซิ มันเหมือนกันหมดพวกเรามันโง่ขนาดนั้นกับกิเลส ไม่มีผู้ฉลาดมาพูดว่าโง่ไม่ได้ มันต้องมีเครื่องฟัดเครื่องรับกันซิ ไม่มีผู้ฉลาดเหนือกิเลสว่ากิเลสโง่ไม่ได้ ต้องเหนือกิเลสถึงจะรู้ว่ากิเลสฉลาดขนาดไหน นี่ละพระพุทธเจ้าพระสาวกอรหันต์ท่านรู้อย่างนั้น จึงได้รู้ซอกแซกซิกแซ็กทุกด้านทุกมุมของกิเลสมันเป็นยังไง ๆ ที่ทรมานสัตว์โลก กล่อมสัตว์โลกให้เคลิ้มไปตลอดเวลาไม่มีสัตว์โลกตัวใดรายใดที่จะรู้โทษของกิเลส ไม่รู้ได้ง่าย ๆ มันกล่อมขนาดนั้นแหละ หนาไหมพวกเรา

โน่นเวลาธรรมเหนือมัน เหนือตรงไหนก็ตามต้อนกันทัน ๆ ฆ่ากันสังหารกันไปเรื่อย ๆ ฆ่าจนเหนือกิเลสเสียหมดเหลือโลกุตรธรรมล้วน ๆ คือธรรมเหนือโลกล้วน ๆ เหนือกิเลสทั้งหมด นั่นละที่นี่ได้เห็นละเรื่องของกิเลส ได้กุสลากิเลสละที่นี่ กุสลา ธมฺมา กิเลสตายหมดแล้วนา พวกเรา กุสลา ธมฺมา มีแต่พวกนักธรรมะตายหมด ภาวนาที่ไหนมีแต่กิเลสไป กุสลา ธมฺมา เลยจะตายกิเลสก็ดีไม่ได้กลับบ้านกลับเรือน มีแต่กุสลาให้คนนั้นกุสลาให้คนนี้อยู่อย่างนั้น กิเลสกุสลาให้คนมันโง่กว่ากิเลสน่ะซิ พากันเข้าใจให้ดีนะ เราพูดเราสลดสังเวชนะ

จวนจะตายเท่าไรยิ่งเป็นห่วงเป็นใยโลกมาก แทนที่จะมาห่วงเจ้าของมันกลับไม่ห่วง มันบ้าหรือดีท่านทั้งหลายพิจารณาซิ แก่มาเท่าไร ๆ แทนที่จะห่วงเจ้าของ ธรรมดาคนเราต้องห่วงเป็นห่วงตายเจ้าของ อันนี้กลับไม่สนใจกลับไปห่วงโลกห่วงสงสาร ฉุดโน้นขึ้นมาลากนี้ขึ้นมา ฉุดนี้ขึ้นมาลากนี้ขึ้นมาไม่ทันเดี๋ยวจะตายก่อน เป็นอย่างนั้นซิ

แสนโกฏจักรวาลมากขนาดไหน จักรวาลหนึ่งกว้างขนาดไหน ยังแสนโกฏจักรวาลอีกกว้างขนาดไหน นี่ละสัตว์โลกอยู่ในนี้หมดเลย กว้างขนาดไหนก็มีแต่เต็มไปด้วยสัตว์โลกประเภทต่าง ๆ ผู้ที่เป็นภพหยาบก็อย่างพวกเรา ๆ ท่าน ๆ มองเห็นกันอย่างนี้ พวกที่ละเอียดมองไม่เห็นก็เต็มอยู่ในท้องฟ้าอากาศใต้ดินเหนือดินในดินมีหมด ไม่ได้ว่าอยู่ในแผ่นดินสัตว์ไม่มีนะ สัตว์ประเภทต่าง ๆ ลึกลับมีทั้งที่แจ้งมีทั้งที่ลับแต่เราไม่เห็น พระพุทธเจ้าเห็นหมดนำออกมาสอนหมดเก่งหรือไม่เก่งพิจารณาซิ แล้วกิเลสก็ตามลบล้าง อันไหนไม่เห็นก็บอกไม่มี ๆ ๆ ไปเรื่อย กิเลสตามลบล้างอย่างนั้นละ บอกไม่มี ๆ ๆ คือสัตว์ทั้งหลายไม่เห็นแล้วก็หลอกสัตว์ทั้งหลายว่าไม่มี ตัวมันเห็นมันถึงตามแก้กันกับธรรมได้ ไม่เห็นตามแก้ได้ยังไง ไม่งั้นจะเรียกว่ากิเลสฉลาดหรือ

นี่ซิ พระโสณะ ท่านประกอบความเพียรฝ่าเท้าแตก เดินจงกรมจนฝ่าเท้านี่แตก ท่านเดินขนาดไหนฝ่าเท้าถึงได้แตกพิจารณาซิ ไม่ได้เดินวันหนึ่งวันเดียว วันไหนก็ฟัดกันอยู่ตลอด ฟัดกันลืมวันลืมคืนลืมปีลืมเดือนอยู่ตลอดเวลา สุดท้ายฝ่าเท้าก็แตก ท่านลงในประวัติผู้ประกอบความเพียรแก่กล้าจริง ๆ คือพระโสณะฝ่าเท้าแตก ไม่แตกยังไงฝ่าเท้าก็ความเพียรไม่หยุดนี่

ถ้าธรรมดาเราจะฝืนจิตใจภาวนาเดินจงกรมให้ถึงกับฝ่าเท้าแตกนั้น เป็นไปได้ยากมากทีเดียวนะ ไม่ใช่เป็นไปได้ยากธรรมดา ยากมากอีก แต่ถ้าเป็นด้วยอำนาจแห่งความเห็นภัยในวัฏสงสารและความเห็นคุณในความพ้นทุกข์ สองอย่างมาประดังกันเต็มอยู่ในหัวใจดวงเดียวนี้แล้วจิตก็พุ่งเลย ฝ่าเท้าแตกได้ มีกี่ฝ่าเท้าแตกหมดแตกได้ทั้งนั้น เพราะท่านไม่ได้มองดูฝ่าเท้าท่านมองดูแต่กิเลส ท่านฟัดกับกิเลสต่างหากท่านไม่ได้มาสนใจกับฝ่าเท้าจะเป็นยังไง เวลามาดูแล้วฝ่าเท้าแตก เพราะเดินด้วยความเพลิน เหมือนกับนักมวยเข้าวงในกัน ถ้าลงได้เข้าวงในกันแล้วแม้แต่กรรมการยังเข้าไปยุ่งไม่ได้ เดี๋ยวถูกหมัดหลงละซิ อันนี้ก็เหมือนกัน

นี่ละประเภทความเพียรเข้าวงใน ประเภทฝ่าเท้าแตก ประเภทอัตโนมัติ ความเพียรอัตโนมัติคือคลี่คลายออก คลี่ออก ๆ ทีแรกกิเลสมันหมุนเข้ามัดเข้า ๆ กิเลสเป็นอัตโนมัติ มันสร้างผลประโยชน์ของมัน สร้างเนื้อสร้างหนังของมันสร้างอยู่บนหัวใจสัตว์โลก หมุนเข้า ๆ รัดเข้า ๆ เป็นอัตโนมัติ กิริยาอาการของสัตว์โลกจึงมีแต่เรื่องของกิเลสเต็มตัว ๆ แย็บออกตรงไหนกิเลสออกแล้ว ๆ กิเลสอยู่ปากคอก ๆ ไม่ทันไม่เห็นเจ้าของไม่รู้จะว่ายังไง มันออกอยู่ตลอดเวลากิเลสออกหากินหาเอาผลประโยชน์มันตลอดเวลา นี่เรียกว่าเป็นอัตโนมัติของกิเลส คิดออกในแง่ใดมุมใดก็ตาม กิริยาที่พูดที่จาตลอดการกระทำแต่ที่มากที่สุดคือความคิดสร้างอยู่ตลอดเวลา สร้างวัฏจักรวัฏทุกข์ให้ตัวเอง แต่ก็ไม่รู้ว่าตัวเองสร้างเพราะกิเลสไม่ให้รู้ สร้างอยู่บนหัวใจของสัตว์โลก นี่เป็นอัตโนมัติเป็นเอง เว้นแต่หลับสนิท

เวลาหลับสนิทกิเลสพักเครื่องเราก็พลอยได้พัก คนเราที่สุขก็สุขเวลาหลับสนิท นอกจากนั้นก็หมุนเป็นกงจักรไปเลย กิเลสหมุนสัตว์ก็หมุนอย่างเดียวกัน มัดเข้า ๆ เป็นอัตโนมัติเป็นเอง ๆ ทีนี้พอถึงขั้นธรรมเป็นธรรมจักรแล้วที่นี่หมุนกลับนะ นี่ละประเภทฝ่าเท้าแตกประเภทหมุนกลับนะ ประเภทฝ่าเท้าแตกคือเข้าวงในกิเลสได้แล้ว ทีนี้ฟาดกิเลสละซิ หมุนออก ๆ เรื่อย ๆ เป็นอัตโนมัติ อันนี้ก็เป็นอัตโนมัติเหมือนกันกับกิเลสไม่งั้นไม่ทันกัน ถึงขั้นธรรมเป็นอัตโนมัติแล้วกิเลสเป็นฉันใดธรรมะเป็นฉันนั้น แล้วยิ่งกว่านั้นถึงฆ่ากิเลสได้ หมุนติ้ว ๆ ย้อนกลับ ๆ จนกระทั่งถึงหมดม้วนเสื่อไม่มีอะไรเหลือแล้ว นั่นละถึงจะดูฝ่าเท้าเจ้าของ

อ้อ พระโสณะท่านฝ่าเท้าแตก ตอนนั้นท่านไม่ได้ดูนี่ ลงจากเวทีแล้วกิเลสม้วนเสื่อไปหมดแล้วถึงมาดู โห ฝ่าเท้าแตก เวลาเข้าวงในกันอยู่นั้นไม่ได้สนใจกับอะไร เป็นกับตายไม่สนใจ นั่นละถึงธรรมแท้เป็นอย่างนั้น นี่ท่านเรียกขั้นอรหัตมรรค หมุนอย่างไม่มีวันมีคืน อนาคามิมรรคก็หมุนแล้ว เริ่มก้าวเข้าอนาคามิมรรคก็หมุนแล้ว อนาคามิผลยิ่งหมุน ทีนี้อรหัตมรรคหมุนละเอียดเข้าไปหมุนเร็วเข้าไป มองดูด้วยตาเรานี่มองไม่ทันธรรมจักรหมุน หมุนหัวกิเลส จนกระทั่งกิเลสม้วนเสื่อแล้วถึงจะมาดูว่าฝ่าเท้าแตก

นั่นละถึงคราวที่ธรรมะมีกำลัง เหตุที่จะมีกำลังก็เพราะการอบรมอยู่ตลอดเวลาน่ะซิ บึกบึนกันอยู่อย่างพวกเรา ๆ ท่าน ๆ บึกบึนตะเกียกตะกายกันอยู่ ยากลำบากขนาดไหนก็บืน บืนอยู่อย่างนี้ สั่งสมกำลังเข้าไปเรื่อย ๆ ต่อไปก็เป็นอัตโนมัติ เมื่อกำลังของความดีมีมากเข้าไป ๆ ก็เป็นอัตโนมัติละที่นี่ หมุนกลับเลยติ้ว ๆ ๆ ฟังให้ดีนะที่พูดเหล่านี้ ไม่ได้มาพูดเล่น ๆ ให้ฟังนะ อย่ามาฟังเล่น ๆ นะ พูดแล้วโมโหอยากฆ่าคน เป็นยังไงไม่รู้นะ หลวงตาบัวบวชมาก็ไม่คิดจะบวชมาฆ่าคน แต่ทำไมมานั่งบนศาลาหลังนี้ถึงอยากจะฆ่าคน เป็นยังไงก็ไม่รู้นะ

เอาละพอ


** ท่านผู้เข้าชมทุกท่านโปรดทราบ
    เนื่องจากกัณฑ์เทศน์บางกัณฑ์มีความยาวค่อนข้างมาก ซึ่งจะส่งผลต่อความเร็วในการเปิดเว็บไซต์ ขอแนะนำให้ทุกท่านได้อ่านเนื้อหากัณฑ์เทศน์บางส่วนจากเว็บไซต์ และให้ทำการดาวน์โหลดไฟล์กัณฑ์เทศน์ที่มีนามสกุล .pdf ไปเก็บไว้ในเครื่องของท่านแทนการอ่านเนื้อหาทั้งหมดจากเว็บไซต์

<< BACK

หน้าแรก