ธรรมจักร วัฏจักร
วันที่ 23 มกราคม 2538
สถานที่ : วัดป่าบ้านตาด
| |
ดาวน์โหลดเพื่อเก็บไว้ในเครื่อง
ให้คลิกขวาแล้วเลือก Save target as .. จาก link ต่อไปนี้ :

ค้นหา :

เทศน์อบรมฆราวาส ณ วัดป่าบ้านตาด

เมื่อวันที่ ๒๓ มกราคม พุทธศักราช ๒๕๓๘

ธรรมจักร วัฏจักร

เดือนหนึ่งยังไม่ถึงเดือนดีครูอาจารย์ตายไป ๒ องค์ ๓ องค์ ผู้นำเป็นสำคัญนะ ผู้นำนี่เหมือนเข็มนำด้ายไหม เย็บต้องตามเข็ม พระพุทธเจ้าและสาวก จากนั้นมาครูบาอาจารย์เรื่อยท่านเป็นเหมือนเข็มเย็บผ้า ในเมืองในบ้านในวัด เจ้าของวัดนั่นเองเป็นผู้นำสำคัญ หัวหน้าวัด ๆ แต่ละวัด ๆ เป็นผู้นำเป็นเข็ม ด้ายตามเข็มแหละ ด้ายมาเย็บตามเข็ม ถ้าขาดเข็มเสียอย่างเดียวเท่านั้นด้ายก็เหลวไหลไปไม่เข้าช่องเข้าทางแหละ นี่ก็เหมือนกันขาดครูบาอาจารย์ผู้ทรงคุณธรรม ผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบนำทางแล้วเขวไปทุกอย่างไม่เป็นท่าเป็นทาง นี่ครูบาอาจารย์ก็ไป ภายในเดือน ยังไม่ถึงเดือนไปตั้ง ๒ องค์แล้วนี่นะ องค์หนึ่งวันที่ ๑๗ องค์หนึ่งวันที่ ๗ ที่ ๘ ยังไม่ถึงรอบเดือนวันที่ ๑๗ เลยไปแล้วหลวงปู่ชอบ หลวงปู่เทสก์

เราอย่าประมาทนะอยู่บนศาลาเต็มนี่ ตายหมดด้วยกัน พากันเข้าใจแล้วยัง นั่นละศัพท์ธรรมะ ศัพท์ธรรมะท่านพูดตรงไปตรงมา เต็มศาลานี่ตายด้วยกันหมดต่างเวลากันเท่านั้นเอง หลวงตาที่ชี้มือนี่ก็ตายเว้นได้ยังไง ไม่เว้น เพราะฉะนั้นจงอย่าพากันประมาท

เมื่อวานนี้เทศน์ถึงเรื่องกฎของวัฏจักรให้ฟัง กฎของวัฏจักร กฎของวิวัฏจักร เป็นคู่กันมาดั้งเดิมตั้งกัปตั้งกัลป์แต่กาลไหน ๆ เมื่อวานนี้ได้เทศน์อันนี้ กฎของวัฏจักรคือกิเลสเป็นผู้นำ พาสัตว์ทั้งหลายให้หมุนเวียนเปลี่ยนแปลง ให้เกิดแก่เจ็บตายให้ตกนรกหมกไหม้ ขึ้นสวรรค์พรหมโลก นี่เป็นฝ่ายธรรม ถึงเป็นฝ่ายธรรมกิเลสก็ยังครอบอยู่ ไปเรื่อยหมุนกันไปหมุนกันมา นี่เรียกว่ากฎของวัฎจักรเป็นมาอย่างนี้ดั้งเดิมมาแต่กาลไหน ๆ มันให้หมุนไปอย่างนั้นแหละ มีกิเลสเป็นผู้นำ นำสัตว์ทั้งหลาย นำจิตวิญญาณนั้นแหละให้ไปที่นั่นไปที่นี่ เกิดที่นั่นตายที่นี่ไปเรื่อย ตัวจิตนั้นไม่ตายไม่เกิด สิ่งที่สิงอยู่กับจิตนั่นแหละพาให้เกิดตาย พาให้ไปเข้าร่างนั้นเข้าร่างนี้ที่เรียกว่าเกิดว่าตายเรื่อย นี่เป็นกฎของวัฏจักร พาหมุนอย่างนี้ตลอด พาสัตว์โลกหมุนไม่มีทางออก หมุนอย่างนี้ตลอดไป วกไปเวียนมาสูง ๆ ต่ำ ๆ ด้วยอำนาจแห่งวิบากกรรมที่กิเลสพาให้ทำดีชั่วต่าง ๆ ไม่มีประมาณ

ทีนี้กฎของธรรมจักรพาหมุนคลี่คลายกลับคืน อย่างเราสร้างคุณงามความดีอย่างนี้เรียกว่าหมุนคืนตามธรรมจักร คลี่คลายวัฏจักรออกจากตัวจากใจ วัฏจักรนี่จะหมุนของมันไปไม่มีเงื่อนต้นเงื่อนปลายแหละ แต่ธรรมจักรนี้หมุนกลับมาให้มีเงื่อนต้นเงื่อนปลาย ให้ย่นเข้ามา ๆ จนถึงชาติสุดท้ายสำเร็จเป็นอรหัตบุคคลสิ้นกิเลสแล้วดีดผึง พ้นจากอำนาจของกฎวัฏจักรไปได้ เพราะฉะนั้นธรรมกับโลกจึงเป็นของคู่กัน ปราศจากไม่ได้ ถ้าปราศจากธรรมเสียอย่างเดียวสัตว์โลกต้องล่มจม ธรรมจักรเป็นเครื่องหมุนออก วัฏจักรเป็นเครื่องหมุนเข้า ถ้าปราศจากธรรมจักรนั่นเสียสัตว์มีแต่หมุนเข้าอย่างเดียวไม่มีหมุนออก เหมือนมดไต่ขอบด้งไม่มีทางออก ทีนี้ธรรมจักรหมุนกลับ พอมีช่องแล้วสัตว์โลกก็ออก หมุนกลับ ๆ มีช่องออก คำว่ามีช่องหมายถึงว่าคุณงามความดีพอแล้วออก ออก ๆ นี่ธรรมจักรเครื่องหมุนพาสัตว์โลกออกจากกองทุกข์ พากันจำเอาไว้

กฎ ๒ อย่างนี้เป็นคู่โลกคู่สงสาร วัฏจักรนี่พาให้สัตว์ทั้งหลายหมุนอยู่นี่ ธรรมจักรมาแก้กัน แต่ธรรมจักรนี้มีมาเป็นบางกาลไม่ใช่มีตลอดเวลาเหมือนวัฏจักร วัฏจักรมีตลอดเวลาแม้สมัยธรรมจักรมี วัฏจักรก็ยังมีแต่อ่อนลง เครื่องหมุนของวัฏจักรนี้อ่อนลงเพราะธรรมจักรต้านทานไว้ ๆ นี่ละที่ว่าพระพุทธเจ้ามาตรัสรู้แต่ละพระองค์นั่นละธรรมจักรเป็นน้ำดับไฟเป็นระยะ ๆ เกิดขึ้นแล้ว

ทีนี้สัตว์โลกทั้งหลายก็มีช่องออก เพราะอำนาจของธรรมจักรโปรดพรมให้รู้แนวทางออกจากทุกข์ ได้แก่การสร้างคุณงามความดีทั้งหลาย จำได้ไม่ได้ไม่สำคัญ ขอแต่ทำลงไป ที่แจ้งที่ลับไม่สำคัญทำลงไปเป็นอันว่าทำ ๆ ทั้งดีทั้งชั่ว ความดีก็ค่อยสั่งสมตัวเข้าไปเรียกว่าฝ่ายธรรมจักรสั่งสมตัวเข้าไปเรื่อยก็หมุนกลับ ฝ่ายวัฏจักรก็หมุนช้าลง คือที่เคยหมุนไปตามวัฏฏะเร็วนั้นก็หมุนช้าลง เพราะอำนาจแห่งความดีหักห้ามเอาไว้ เบรกห้ามล้อเอาไว้ ช้าลง ๆ ช้าเข้าไปเรื่อย ๆ แล้วหยุดกึ๊ก สัตว์โลกผ่านออก ๆ ถ้ามีแต่วัฎจักรอย่างเดียวนี้หมุนติ้วเลย ถ้ามีธรรมจักรก็หมุนกลับคืน หมุนกลับคืนเรื่อย ๆ จวนหลุดพ้นเท่าไรยิ่งหมุนเร่ง จวนจะหลุดพ้นเท่าไรยิ่งหมุนเร่ง ๆ แล้วดีดผึงเลย เพราะฉะนั้นจึงไม่ให้พวกเราทั้งหลาย สัตว์โลกทั้งหลายประมาทในการละชั่วสร้างความดี

นี่ละธรรมเป็นคู่เคียงกันนี้ ใครจะมาลบล้างไม่ได้เลยเป็นหลักธรรมชาติ กฎของวัฏจักรกฎของธรรมจักรมีมาดั้งเดิม เป็นแต่เพียงว่าธรรมจักรนี้มาชั่วกาลระยะเวลาที่พระพุทธเจ้าแต่ละพระองค์ ๆ มาตรัสรู้เท่านั้น พอจากนั้นแล้วก็เป็นสุญญกัปว่างเปล่า ในเวลาที่ว่างเปล่าจากธรรมนั้นแหละวัฏจักรหมุนเต็มที่เลย หมุนติ้ว ๆ เต็มที่ สัตว์โลกทั้งหลายได้รับความเดือดร้อนมากที่สุด คือ เวลาไม่มีศาสนาไม่มีน้ำดับไฟ ถ้าว่าโรคก็ไม่มียาแก้โรค มีแต่ของแสลงหมุนเข้าไป ๆ ตายง่าย ๆ ทีนี้พอพระพุทธเจ้ามาตรัสรู้ศาสนาก็มีน้ำมาดับไฟละที่นี่ เริ่มละ สัตว์ทั้งหลายเริ่มเคลื่อน ๆ ย้ายที่จะออกจากกรงวัฏจักร

แต่ก่อนมีแต่หมุนเข้าเรื่อย ๆ พอธรรมจักรมา ก็ค่อยหมุนกลับเรื่อย ๆ ผู้ออกได้ก็ออกได้อย่างพวก อุคฆฏิตัญญู ตรัสรู้ธรรมอย่างรวดเร็ว ๆ พวกนี้คอยอยู่แล้วคอยจะออก แต่ไม่มีช่องทางไม่มีประตูเปิด ทีนี้พอธรรมจักรมีมาเปิดทางก็ออกผึง ๆ ๆ เรื่อย ๆ ในศาสนาหนึ่ง ๆ ของพระพุทธเจ้าแต่ละพระองค์นี้ขนสัตว์โลกให้พ้นจากวัฏสงสารนี้มากมายก่ายกองนะ แล้วผู้ที่ย่นขึ้นมา ๆ หรือว่าร่นขึ้นมาเลื่อนขึ้นมา ๆ ก็เรื่อย ๆ ๆ อย่างที่เราสร้างคุณงามความดีเรียกว่าเลื่อน เลื่อนขึ้นเรื่อย ๆ ไม่มีแต่วัฏจักรหมุนอย่างเดียว ธรรมจักรหมุนต้านทานกันเรื่อย ๆ ท่านจึงให้สร้างความดี นี่เป็นคู่เคียงกันมาดั้งเดิม

ทุกตัวสัตว์มีกรรมประเภทนี้ด้วยกันทั้งนั้น ถ้ามีแต่กรรมชั่วอย่างเดียว มีแต่วัฏจักรอย่างเดียวนี้ก็เป็นเหมือนกับกังหัน หมุนติ้วเลย แต่นี้เมื่อมีธรรมจักรคือความดีอยู่ภายในก็หักห้ามกันไปในตัวของมันเอง จะหนักก็ให้เบา จะเบาก็ให้หมดไป ควรหมดให้หมด ควรเบาให้เบา ถ้ามีแต่วัฏจักรอย่างเดียวนี้มีแต่หนักเรื่อย ๆ อย่างคนสร้างบาปสร้างกรรมมาก ๆ นี่ หนักเรื่อยไม่มีเวลาหย่อนยานได้เลย หมุนติ้วไม่มีจุดหมายปลายทางที่จะหลุดพ้นจากทุกข์ได้

พวกเราให้พากันสร้างความดีนะเวลาชีวิตจิตใจมี เราอย่าไปเชื่อกิเลส มันต้มมันตุ๋นสัตว์โลกมามากต่อมากแล้ว นี้เคยประกาศลั่นมานี้นานแสนนานแล้วนะ เรื่องกิเลสไม่มีตัวไหนที่จะไม่หลอกลวงโลก ไม่ว่าปู่ย่าตายายของกิเลส ลูกเต้าหลานเหลนของกิเลส โคตรนี้เป็นโคตรที่ต้มตุ๋น โคตรกิเลสนี้เป็นโคตรต้มตุ๋น ใครเชื่อเท่าไรก็จมไปเท่านั้น ๆ ถ้าเชื่อธรรมแล้วก็หมุนกลับ ถ้าเชื่อธรรมแล้วก็ชะงัก ๆ คือไม่วิ่งตามเสียอย่างเดียว หยุดชะงัก ห้ามล้อ หยุดชะงักเหยียบเบรกห้ามล้อ นี่เป็นกฎของธรรมชาติพากันจำเอาไว้

ตายแล้วต่างคนต่างไปนะ ไม่ใช่จะไปแห่งเดียวกันนะ มานี้ก็ต่างคนต่างมามาศาลาหลังนี้ เวลาออกจากศาลาหลังนี้ต่างคนก็ต่างไป ทีนี้เวลามาเกิดต่างคนก็ต่างมาด้วยอำนาจแห่งกรรมของตัวเอง มาเกิดเป็นมนุษย์ มนุษย์แต่ละราย ๆ นี้กิริยานิสัยไม่ได้เหมือนกัน นั่นละต่างคนต่างมาจากภพชาติต่าง ๆ มาเกิดเป็นมนุษย์ จริตนิสัยก็ไม่เหมือนกัน บางคนก็หยาบโลนที่สุด หยาบช้าลามกที่สุด บางคนก็ละเอียดอ่อน บางคนละเอียดสุดแล้วผ่านไปได้อย่างง่ายดาย ต่างกันอย่างนี้แหละ

นี่เวลาตายแล้วต่างคนก็ต่างจะไปแหละ ใครมีกรรมดีกรรมชั่วมากน้อยเพียงไรก็ต่างคนต่างจะแยกย้ายกันไปตามอำนาจแห่งกรรมของตน เพราะฉะนั้นท่านถึงว่าให้สร้างความดี ถึงจะแยกย้ายไปต่างคนต่างไปทางดี ๆ จะเป็นอะไรไป ไปทางนี้ก็ดี ๆ ไปทิศไหนก็ดีหมดคนทำดี ถ้าเป็นคนทำชั่วไปทิศไหนจนตรอกทั้งนั้น ไม่มีทางที่จะเป็นไปได้ด้วยความสะดวกสบาย มีแต่ความทุกข์ความทรมาน พากันจำเอานะ

เอาละต่อไปนี้ผู้ที่รับศีลก็รับ ผู้จะรับสูญก็รับไป เพราะศีลกับสูญมันอยู่ด้วยกัน ผู้รับศีล ๕ ก็รับ ผู้รับศีล ๘ ก็รับตามความต้องการของตน รับแล้วก็ไปรักษาให้ดีให้เกิดผลเกิดประโยชน์ ให้เป็นที่ภูมิใจแก่ตัวเองว่าเราได้รับศีลรับธรรม นั่นละเครื่องประดับใจ เครื่องอุดหนุนใจคือศีลคือธรรม รับแล้วให้ตั้งใจรักษา รักษาแล้วก็เป็นสมบัติของเราไม่เป็นสมบัติของใครแหละ เป็นของเราเอง ถ้าเราเป็นคนรักเรา เราต้องรักคุณงามความดีทั้งหลาย นี่เข้ากันได้ รักเราแต่หาทำแต่ความชั่วช้าลามกเรียกว่าสังหารเรา รักเราแล้วก็สังหารเราใช้ไม่ได้เลย นั่นท่านเรียกว่าเพชฌฆาตทำลายตน


** ท่านผู้เข้าชมทุกท่านโปรดทราบ
    เนื่องจากกัณฑ์เทศน์บางกัณฑ์มีความยาวค่อนข้างมาก ซึ่งจะส่งผลต่อความเร็วในการเปิดเว็บไซต์ ขอแนะนำให้ทุกท่านได้อ่านเนื้อหากัณฑ์เทศน์บางส่วนจากเว็บไซต์ และให้ทำการดาวน์โหลดไฟล์กัณฑ์เทศน์ที่มีนามสกุล .pdf ไปเก็บไว้ในเครื่องของท่านแทนการอ่านเนื้อหาทั้งหมดจากเว็บไซต์

<< BACK

หน้าแรก