ตายแบบพระ
วันที่ 31 สิงหาคม 2538
สถานที่ : วัดป่าบ้านตาด
| |
ดาวน์โหลดเพื่อเก็บไว้ในเครื่อง
ให้คลิกขวาแล้วเลือก Save target as .. จาก link ต่อไปนี้ :

ค้นหา :

เทศน์อบรมฆราวาส ณ วัดป่าบ้านตาด

เมื่อวันที่ ๓๑ สิงหาคม พุทธศักราช ๒๕๓๘

ตายแบบพระ

อยู่ไหนอยู่ได้ก็อยู่ไปเท่านั้นละจะเป็นอะไรไป หาอยู่ดิบ ๆ ดี ๆ อะไรนักหนา ตายแล้วเขาเอาใส่ในโลงผีไม่เห็นดี เวลายังมีชีวิตอยู่ชอบดิ้นกันโลกเรา อะไรก็ไม่ดี ๆ ดิ้น อย่าไปดิ้นมากเราเป็นลูกศิษย์พระ อยู่ยังไงอยู่สบาย ๆ แล้วพอ ๆ เท่านั้นพอ ทำไมเงินจึงเหยียบหัวคนเอานักหนา เดี๋ยวนี้เงินเหยียบหัวคนนะ มันขึ้นเหยียบอยู่บนหัวคน คนเป็นน้อยกว่ามันมันมีอำนาจมากเหยียบเอา ๆ เวลานี้ไอ้หลังลายกำลังแผ่อำนาจคนถึงทุกข์ร้อนมาก ถ้าไม่ดิ้นกับมันจะเป็นอะไรไป เราดิ้นกับมันก็เป็น

โลกดิ้นกับมันอยู่อย่างนั้นทั่วโลก ดิ้นกับไอ้หลังลาย ไอ้หลังลายถึงเหยียบหัวเอา ๆ ประสากระดาษเอามาขีดเป็นหลังลาย ๆ แล้วก็ดิ้นกันไป ๑๐ บาท ร้อยบาท พันบาท ประสากระดาษ พอเวลาหมดความนิยมแล้วเอามามวนบุหรี่สูบเหม็นเขียวจะตายไป เอามาจิ้มน้ำพริกก็ไม่ได้ สู้ผักอย่างนี้ไม่ได้ ผักกระถินเอามาจิ้มน้ำพริกดีกว่าไอ้หลังลายนะ นี่พูดถึงเรื่องคนหลงมันนะ ท่านผลิตขึ้นมาสำหรับให้เป็นประโยชน์แก่โลก ให้เป็นความชุ่มเย็นสะดวกสบาย ไม่ได้ทำคนให้เป็นบ้าอย่างนี้ความหมายว่าอย่างนั้น เดี๋ยวจะว่าหลวงตาดูถูกเงิน หลวงตาไม่ได้ดูถูก นี่พูดให้คนเห็นโทษของตัวเองที่เป็นบ้ากับมัน มันเป็นบ้าทั่วโลกเดี๋ยวนี้ แม้แต่วงศาสนาก็เป็นบ้ากับมันเหมือนกันจะว่าอะไร วงศาสนาพระเณรนี้เป็นบ้ากับเงินทั้งนั้นเวลานี้ หลวงตาบัวเป็นบ้าไหม เป็น ใครให้เอาหมดแหละ แต่เอาหมดนี่ทานหมดไม่มีเหลือ ใครให้เอาหมดให้เดี๋ยวนี้ก็เอาเดี๋ยวนี้เอาไปทานหมด เราเอาแต่เราไม่ติดมัน

กำลังเป็น โอ๊ย น่าทุเรศจริง ๆ นะป่วนปั่นไปหมดเลย ทีนี้โลกไม่รู้ว่าอันนี้มันผันหัวใจโลกขนาดไหน นี่นั่งหลับตาอยู่ในป่าอดคิดไม่ได้นะ ของเหล่านี้ผลิตขึ้นมาให้สะดวกสบายให้เป็นความสงบสุขร่มเย็น มันกลับเป็นฟืนเป็นไฟเผาไหม้เพราะจิตดิ้นกับมันนั่นซี ไฟในเตาเราเอามาใช้สำหรับหุงต้มแกงเป็นประโยชน์อย่างนั้น เอาหัวจี้เข้าไปดูซิมันจะได้เผาเอา นี่แบบนั้นแหละเดี๋ยวนี้แบบเอาหัวจี้เข้าไปหัวก็เป็นไฟ นี่พูดจริง ๆ ว่าไม่ติด ดีไม่ดีเอามามวนบุหรี่สูบก็ได้จะเป็นอะไรไปถ้ามันมวนได้นะ แต่นี้เหม็นเขียวจะตายไปเอามามวน เอามาจิ้มน้ำพริกก็ไม่ได้ ใช้ในฐานะที่ควรแก่มันเท่านั้น

อยู่ที่ไหนอยู่ได้สะดวกสบายก็อยู่ไป หาอยู่สวรรค์ชั้นพรหมที่ไหน เดี๋ยวนี้บ้านหลังหนึ่ง ๆ ตั้ง ๑๐ ล้าน ๒๐ ล้านมันพิลึกกึกกือ นั่นละธรรมกับโลกพูดถึงเข้ากันไม่ได้ มันก็เหมือนหนูกับกบเป็นสหายกันเอาเชือกมัดเอวแล้วปล่อย หนูก็จะบืนขึ้นต้นไม้ กบก็จะบืนลงน้ำ อันนี้พระกับโยม โยมพูดถึงเรื่องบ้านเรื่องเรือน พระก็พูดเรื่องกุฏิกระต๊อบเสีย มันบืนไปคนละทาง นี่อยู่กระต๊อบมาเสียพอตั้งแต่วันบวชแล้ว เรียนหนังสือก็อยู่กุฏิกับเขา พอออกจากนั้นแล้วอยู่กระต๊อบทั้งนั้นเรื่อยมาเพิ่งได้มาหลังโก้ ๆ หลังนี้

นี่เขาส่งเงินมานะ เขามาเห็นกระต๊อบเรา มาร้องไห้อยู่บนกุฏิเรา พอกลับไปถึงโน้นส่งเงินตูมมาเลย เราไม่มีข้อแม้สั่งเสียอะไรเอาไว้เราก็ต้องได้รับเขา ส่งคืนน่าเกลียดไม่น่าดู เพราะฉะนั้นถึงได้กำชับกำชา ใครที่ส่งอะไรมาก็ตามถ้าจะให้มาปลูกนั้นสร้างนี้ ถ้าไม่ได้ตกลงกันเสียก่อนส่งมาไม่ได้เป็นอันขาดและส่งกลับทันที เราว่าอย่างนั้นเลย คราวนี้มีข้อเด็ดกันแล้วไม่ผิด แต่ก่อนไม่มีข้อแม้อะไรเขาส่งมาเราจะส่งคืนน่าเกลียดไม่น่าดูเลย ทีนี้เมื่อมีข้อตกลงกันแล้วนี้ ขัดข้อตกลงนี้แล้วส่งคืนจะเป็นอะไรไป

วันหนึ่ง ๆ หลวงตาเหนื่อยจะตาย เมื่อวานนี้คนมาเต็มศาลาเราก็ไม่ลงมา ไม่รู้มาจากทิศไหนต่อทิศไหน เราจะรับแขกทั้งวัน ๆ เราตายไม่กี่วัน เราต้องสงวนอัตภาพร่างกายไว้บ้างเผื่อรับในกาลสถานที่เวล่ำเวลาที่ควรรับ รับสุ่มสี่สุ่มห้ารับทั้งวันทั้งคืนก็ตายได้ เต็ม ๆ ศาลามา มีเวลาเมื่อไร ใครมาก็จะมองดูหน้าหลวงตาบัวเหมือนพวกนี้ไม่มีหน้าไม่มีหัว มาคอยมองดูแต่หน้าหลวงตาบัว บอกไปกราบเจ้าคุณบัวก็ไม่ไป หลวงตาบัวอยู่ไหนด้นดั้นเข้าไปตรงนั้นแหละ ไล่ไปหาเจ้าคุณบัวไม่ยอมไปมาหาแต่หลวงตาบัว

หลวงตาบัวเลยจะตายวันหนึ่ง ๆ เจ้าคุณบัวสบายเฉย โห ก็คนเดียวกันทำไมเอาเปรียบกันนักกันหนา เจ้าคุณบัวสบาย หลวงตาบัวจะตาย ชื่อหลวงตาบัวเพราะดี ใครเรียกอะไรไม่เพราะ พอเขาเรียกหลวงตาบัวอยากเอาขนมให้เขากินเลย เข้าใจไหมมันถูกคอถูกใจ เจ้าคุณบัวเจ้าคุณโน้นนี้ โอ๊ย ว่าหลวงตาบัวหือ ๆ ทันทีเลย ไหนว่าไงน่ะ ๆ อยากให้เขาพูดซ้ำอีกทีหนึ่งว่าหลวงตาบัว หลวงตาหลงตา หลวงหูหลงหู คนเรามีแต่หลงหูหลงตานั่นแหละเป็นบ้าอยู่ทุกวันนี้ ดูวันยังค่ำก็ไม่เบื่อ ฟังวันยังค่ำก็ไม่เบื่อ พวกหลงหูหลงตาหลงจมูกหลงลิ้นหลงกายหลงใจของตัวเองเป็นบ้ากันทั้งโลกนั่นแหละ หัวใจมีอยู่หากเป็นบ้ากับเขา หัวใจส่งออกไปหัวใจแหละไปหลงภาพตัวเองกลับมาหลอกตัวเอง

กลางวี่กลางวันออกมาศาลานี่ไม่ได้นะ เหมือนอยู่ในห้องขังนะทุกวันนี้ เราหลบไปนั้นหลบไปนี้ไปหานอนสบาย ๆ ตอนบ่าย ๆ ถึงกลับมาเย็น ๆ กลับมาค่อยยังชั่วหน่อยคนไม่กวนมาก เราเหนื่อยขนาดนั้นละ เหนื่อยจนเบื่อจนเอือมระอาคน เห็นคนไม่อยากถามอยากทักเขาจะว่าจองหองก็ตาม คือมันเหนื่อยเสียพอขนาดนั้น ไม่อยากพูดอยากคุยกับใคร มานี่เต็มแล้ว เวลามีธุระเดินออกมานี่เต็ม เราไม่ถามสักคำเดียวเดินผ่านเฉยเลย ใครจะว่าบ้าก็ตามเราไม่ได้เป็นบ้า เราหากทำแบบนั้นเฉย ๆ นี่ เขาจะว่าก็ปากเขาต่างหากช่างเขาซิเป็นไรไป มันขนาดนั้นละทุกวันนี้แล้วยิ่งหนักขึ้นทุกวัน ๆ เรายิ่งเหนื่อย

สงเคราะห์โลกก็เต็มกำลังความสามารถแล้วสงเคราะห์ทุกด้านทุกทาง ไม่มีอะไรเหลือในหัวใจว่างั้นเถอะ ทางอรรถทางธรรมก็ทุ่มออก ทางวัตถุสิ่งของมีอะไรเท่าไรก็ทุ่มออกแบบเดียวกัน เราไม่มีอะไรให้เหลือติดตัวเลย ตายให้เหลือแต่หลวงตาบัวเท่านั้นพอแล้ว บริขาร ๘ ตายแบบนี้เต็มยศพระ มีบริขาร ๘ เท่านั้นเต็มยศพระ ตายแล้วมีเงินเป็นหมื่นเป็นแสนเป็นล้าน ๆ นี้ขายขี้หน้า พระอะไรน่ะอยากถามว่าอย่างนั้นนะ มาสั่งสมหาอะไร พระเป็นนักเสียสละ พระพุทธเจ้าเป็นนักเสียสละ พระสงฆ์สาวกท่านเป็นนักเสียสละ เราเป็นนักสั่งสมมันยังไงกัน ไม่ใช่พระเทวทัตเหรออยากถามว่าอย่างนั้น ตายเหลือแต่บริขาร ๘ เหลือแต่ตัวล่อนจ้อน ใครจะไปโยนลงเหวลงบ่อไหนก็ตามเราไม่สนใจ...ตายแล้ว เรื่องจะเอามาเป็นตลาดหาเงินนี่เราไม่ประสงค์อย่างยิ่งนะ

ครูบาอาจารย์แต่ละองค์ ๆ ตายแล้วตั้งเป็นตลาดหาเงินอยู่นั้น กินกันอยู่นั้น ครบ ๗ วัน ๑๕ วัน ๕๐ วัน สะแตกกันอยู่นั้น พูดอะไรก็ไม่ถึงลงสะแตกละถึง กรรมฐานเลยเสียหมด องค์ไหนตายที่ไหนสวดกันยุ่ง กุสลา ธมฺมา อกุสลา ธมฺมา ไอ้หลังลายอยู่ไหนนา หาแต่ไอ้หลังลายไม่ได้หาอรรถหาธรรม ทุเรศจริง ๆ นะพูดจริง ๆ ทั้ง ๆ ที่เราเกี่ยวกับการเงินการทองอยู่นี้แต่ก็อดทุเรศไม่ได้ เพราะอาจจะจิตใจต่ำกันก็ได้ เราถึงเกี่ยวข้องกับเงินกับทองเราไม่สนใจกับมัน มีเท่าไรทำประโยชน์หมด ๆ มีเท่าไรหมดว่างั้นเลยไม่มีเหลือ เราไม่สนใจด้วยนะไม่เสาะไม่แสวงหามันด้วย มีมาเกิดมาก็ทำประโยชน์ให้โลก แม้แต่ร่างกายของเรายังไม่สนใจกับมัน จะเป็นจะตายเมื่อไรก็ไปซี ถ้าไม่อยู่ก็ไปซิอยู่มานานแล้วนี่นะ ยังอยู่เหรอเอามาซิข้าวต้มขนมฟาดหมดแหละ ถ้ายังมีชีวิตอยู่ไม่ถอยแหละใครให้เอาหมด

ตายสบายแบบพระพุทธเจ้าพระอรหันต์ท่านนั่นเรียกว่าตายสบายมาก หมดห่วงหมดใยหมดทุกสิ่งทุกอย่าง สมมุติในโลกนี้สามแดนโลกธาตุนี้หมด ขาดสะบั้นจากกันไปเลย หมดสิ่งรบกวน นั่นละท่านว่าบริสุทธิ์พุทโธท่านเป็นอย่างนั้น ท่านจึงมองเห็นเราพวกยั้วเยี้ย ๆ เหมือนตัวบุ้งตัวหนอนก็ดูไม่ได้ซี คือดิ้นไม่ทราบว่าจะดิ้นไปไหนดีดไปไหน แหวกว่ายอยู่นั้นไม่ทราบว่าฝั่งอยู่ไหนเกาะอยู่ไหน จะแหวกจะว่ายไปเกาะอะไรหาที่เกาะก็ไม่เจอ หากดิ้นหากดีดหากแหวกหากว่ายอยู่อย่างนั้น พวกเราเป็นอย่างนั้นนะไม่มีฝั่งมีฝา

เพราะฉะนั้น จึงสอนอรรถสอนธรรมให้เป็นเกาะเป็นฝั่งเป็นฝาไว้สำหรับเกาะ สอนไว้ใครจะฟังก็ฟังถ้าไม่อยากแหวกว่ายตายกันอยู่อย่างนั้น แหวกว่ายหาฝั่งหาแดนไม่ได้ เหมือนเขาตกน้ำในมหาสมุทรทะเลหลวง แหวกว่ายป๋อมแป๋ม ๆ อยู่แต่ฝั่งก็ไม่มีเกาะก็ไม่มี เรือที่ไหนที่จะเกาะก็ไม่มี หากดิ้นอยู่อย่างนั้นป๋อมแป๋ม ๆ พอสิ้นลม มีลักษณะอย่างนั้นแหละพอถึงวันตาย ป๋อมแป๋ม ๆ อยู่อย่างนั้น โอ๊ย พูดแล้วทุเรศนะ

อำนาจของกิเลสนี้รุนแรงมากไม่ให้สัตว์โลกเห็นเลย ผู้ท่านเห็นท่านเห็นอย่างชัดเจน เวลาได้ผ่านมันไปแล้วเหยียบหัวมันแล้วจึงเห็นมันว่ามีแต่โทษล้วน ๆ ไม่มีคุณเลย เพราะฉะนั้นท่านถึงกลัวเอานักหนาท่านถึงเห็นโทษมันเอานักหนา เอาเป็นเอาตายเลยนักภาวนาถ้าถึงขั้นเห็นโทษของกิเลสแล้วอยู่ไม่ได้เลย ยังไงก็หมุนติ้ว ตายก็ตาย ขาขาดก็ยอมขาดแต่ตัวไม่อยู่....บืน นั่นละเห็นโทษแท้เป็นอย่างนั้นนะ เห็นคุณของธรรมเหมือนที่หลบซ่อนพวกพิษพวกภัยทั้งหลายมันวิ่งตาม เห็นคุณของที่หลบซ่อนเห็นคุณของธรรม นั่นละที่ปลอดภัยอยู่ตรงนั้น ท่านก็บืนใส่นั้น ๆ หนีจากนี้บืนใส่นั้น อันนี้ก็ไล่ติดตาม โทษติดตามมาคุณความพ้นภัยอยู่ข้างหน้านี้ก็บืนใส่นั้น วิ่งหนีจากอันนี้บืนใส่นั้นเป็นอย่างนั้น

นับวันหนาขึ้น ๆ นะ มันหนาขึ้นหมดศาสนาก็ไม่มีความหมายเป็นกระดาษเศษอยู่ในตู้ในหีบไปแล้วเวลานี้ ใครเรียนใครจำมาได้ก็ว่าตัวรู้หลักนักปราชญ์ไปเสียนักแปดก็ไม่ว่า นักแปดนั่นแหละจะว่าอะไร เรียนจำมาได้กิเลสไม่ได้ถลอกสักตัวเดียว มาสั่งสมกิเลสขึ้นด้วยการศึกษาเล่าเรียนยังมาทะนงตัวอีก มันสองชั้นสามชั้นกิเลส

พูดเท่านั้นละวันนี้เหนื่อย พูดทุกวัน


** ท่านผู้เข้าชมทุกท่านโปรดทราบ
    เนื่องจากกัณฑ์เทศน์บางกัณฑ์มีความยาวค่อนข้างมาก ซึ่งจะส่งผลต่อความเร็วในการเปิดเว็บไซต์ ขอแนะนำให้ทุกท่านได้อ่านเนื้อหากัณฑ์เทศน์บางส่วนจากเว็บไซต์ และให้ทำการดาวน์โหลดไฟล์กัณฑ์เทศน์ที่มีนามสกุล .pdf ไปเก็บไว้ในเครื่องของท่านแทนการอ่านเนื้อหาทั้งหมดจากเว็บไซต์

<< BACK

หน้าแรก