ทำตัวให้เป็นคนดี
วันที่ 14 กันยายน 2536
สถานที่ : วัดป่าบ้านตาด
| |
ดาวน์โหลดเพื่อเก็บไว้ในเครื่อง
ให้คลิกขวาแล้วเลือก Save target as .. จาก link ต่อไปนี้ :

ค้นหา :

เทศน์อบรมคณะนักเรียนโรงเรียนสตรีราชินูทิศ อุดรธานี

เมื่อวันที่ ๑๔ กันยายน พุทธศักราช ๒๕๓๖

ทำตัวให้เป็นคนดี

ศาสนาของพระพุทธเจ้าที่เราทั้งหลายได้นับถืออยู่เวลานี้ เป็นศาสนาที่มีเข็มทิศทางเดินตรงแน่วต่อความถูกต้องดีงาม และถึงจุดที่หมายอันเกษมสำราญ ไม่ใช่เป็นคำสั่งสอนที่สุ่มสี่สุ่มห้ามาสอนกันแบบด้นเดา เป็นศาสนาที่ถูกต้องดีงามมาจากท่านผู้บริสุทธิ์โดยแท้ คือพระพุทธเจ้าเป็นเจ้าของศาสนาเป็นผู้บริสุทธิ์พุทโธภายในจิตใจ ที่ไม่บริสุทธิ์ก็เพราะสิ่งมัวหมองมืดตื้อมันครอบงำอยู่ แล้วทำให้สัตวโลกเดินไม่ถูกทาง เพราะตาฟ้าตาฟางมองไม่เห็นหนทางถนัด เดินไปทางไหนก็มีแต่ชนนั้นโดนนี้ อย่างนั้นแหละคนตาฟาง ทั้งตาฟางทั้งตาบอด ตาบอดเดินงุ่มง่ามต้วมเตี้ยมชนนั้นชนนี้ คนตาฝ้าฟางก็เหมือนกัน ซุ่มซ่าม ๆ ไปไม่ถูกทางเดินเกะ ๆ กะ ๆ มองดูแล้วดูไม่ได้เลย คนตาดีดูคนตาบอด คนตาฝ้าฟางดูไม่ได้ เพราะไม่ได้เดินตามทาง

นี่ละที่ท่านว่ากิเลสในศัพท์ธรรมะคือสิ่งที่มัวหมองมืดตื้อมันปิดหัวใจ ใจนั้นรู้ แต่ถูกสิ่งเหล่านี้ฉุดลากไปตามความต้องการของตน ความรู้นี้ก็น้อมไปตาม รู้ไปทางไหนก็เป็นภัยไปทางนั้น เพราะสิ่งฉุดลากไปนั้นเป็นภัย ท่านจึงให้นามว่า "กิเลส" แปลว่าความเศร้าหมองมืดตื้อ เหมือนกับคนตาฝ้าฟางและคนตาบอดนั้นแล ตามที่อธิบายข้อเทียบเคียงสักครู่นี้ เมื่อมันจับอยู่ในหัวใจของรายใดก็ตาม จะเดินไม่ค่อยถูกทางและไม่ถูกทาง เดินระเกะระกะ ถ้าคนตาดีแล้วเดินก็ถูกทาง

ศาสนธรรมของพระพุทธเจ้า คือทางเดินอันแคล้วคลาดปลอดภัย ผู้ปฏิบัติตามสายทางของพระพุทธเจ้า ไม่ว่าจะเป็นขั้นใดของธรรมย่อมเป็นความราบรื่นดีงาม และถึงจุดที่หมายตามความต้องการ เพราะฉะนั้นธรรมจึงเป็นความจำเป็นสำหรับเราผู้ต้องการความสงบร่มเย็นและความถูกต้องดีงาม เป็นคนดีโดยทั่วกัน เว้นธรรมะนี้เสียไม่ได้ ธรรมะเมื่อขาดตรงไหนแล้วตรงนั้นจะเป็นเหมือนกับผ้าขาด ดูไม่ได้เลย ถ้าธรรมะได้ขาดไปหมด คนนั้นก็เปลือยหมดทั้งตัว เหมือนกับสัตว์ตัวหนึ่งนั้นแล ไม่รู้บาปรู้บุญรู้คุณรู้โทษ ไม่รู้สูงรู้ต่ำ หิริโอตตัปปะ ไม่มีประจำใจ แล้วทำได้ทุกอย่าง ประเภทนี้เรียกว่าประเภทที่ไม่มองดูอรรถดูธรรมเลยเป็นอย่างนั้น

ผู้มีธรรมในใจระบายออกมาทางความประพฤติก็น่าดูน่าชม เช่นอย่างความอ่อนน้อมถ่อมตนต่อผู้ใหญ่ ต่อผู้มีบุญมีคุณ ต่อผู้สูงอายุ ต่อปูชนียบุคคล มีความอ่อนน้อมถ่อมตนต่อท่านเหล่านี้ท่านเรียกว่าธรรม คือ รู้สูงรู้ต่ำรู้ดีรู้ชั่ว เรียกว่าธรรม ความไม่รู้สูงรู้ต่ำรู้ดีรู้ชั่ว หรือความกระด้างหรือด้านไปเลยนั้น คือ กิเลส สองอย่างนี้เป็นข้อขัดแย้งกันอยู่ ธรรมเป็นธรรมชาติที่ชะล้างสิ่งสกปรกโสมม แต่กิเลสเป็นผู้เที่ยวสาดกระจัดกระจายไปล้วนแล้วตั้งแต่สิ่งที่สกปรกโสมม สาดกระจายไปถึงไหนสกปรกไปถึงนั้น นี่ท่านเรียกว่ากิเลส ธรรมะนี้คือน้ำที่สะอาด สาดกระจายไปตรงไหนก็ทำให้สะอาด แม้แต่ไปรดต้นไม้ใบหญ้าตรงไหนก็สดชื่น นี่คือธรรม ให้ลูกหลานทั้งหลายเทียบเอา ธรรมจึงเป็นความจำเป็นสำหรับเราผู้เป็นมนุษย์ที่รู้สูงรู้ต่ำ รู้ดีรู้ชั่ว นี่คือธรรม อันไม่รู้อะไรเลยไม่สนใจกับดีชั่วประการใดเลยนั้นท่านเรียกว่ากิเลส

อธรรมคือสิ่งที่เป็นภัยต่อสัตว์โลก ธรรมจึงมีมาไว้ประจำสำหรับชะล้างสิ่งมัวหมองทั้งหลาย ถ้าเป็นตาก็พอสว่างขึ้นมาบ้าง มองไม่เห็นมากเห็นเงาก็ยังดี คือไม่เห็นตัวจริงเห็นแต่เงาก็ยังดีกว่าที่ไม่เห็นเสียเลย เราก็เหมือนกันเกิดมาในพุทธศาสนา แม้จะไม่ได้ปฏิบัติตนเต็มเม็ดเต็มหน่วยตามหลักธรรมที่ท่านสอนไว้ เราก็ให้มีส่วนแห่งการทำดีของตน อย่างน้อยอย่าทำตัวให้เสีย ประพฤติตัวให้ดี ถึงจะไม่ได้ไปทำประโยชน์แก่โลกสงสารอะไรก็ตาม การทำตัวให้ดีนั้นแล เป็นการทำประโยชน์ให้ตัวด้วยให้โลกสงสารด้วย

คนดีไปไหนกระจายไปตั้งแต่ความสุขความสงบเย็นใจทั้งนั้น คบค้าสมาคมกับใคร ใครเขาอยากจะคบค้าสมาคม ใครก็ติดก็พันเคารพนับถือรักใคร่ชอบใจ สำหรับคนดี แต่คนชั่วไปที่ไหนแตกฮือ ๆ ไม่มีใครเหลือบมอง นอกจากมองหาที่เอาตัวรอดเท่านั้น เป็นอย่างนั้นคนชั่ว เพราะฉะนั้นจงทำตัวให้เป็นคนดี ตามหลักธรรมของพระพุทธเจ้าท่านสอนให้เป็นคนดี รู้จักสูงรู้จักต่ำ รู้จักผิดรู้จักถูก ท่านเรียกว่าเป็นคนดี แล้วปฏิบัติตัวตามนั้น

ศาสนาของพระพุทธเจ้ามีกว้างขวางมากมาย เราไม่สามารถที่จะคาดจะคิดด้นเดาได้เลย เพราะเป็นศาสนาของท่านผู้สิ้นกิเลส เป็นธรรมชาติที่กว้างขวางลึกซึ้งมากทีเดียวเกินกว่าคนมีกิเลสจะคิดคาดด้นเดาได้ และธรรมที่ว่าเลิศประเสริฐนี้ ต้องมีใจเป็นสักขีพยาน คือใจเป็นผู้สัมผัสรับทราบ ความเลิศความประเสริฐแต่ละขั้น ๆ ของธรรมจนกระทั่งถึงประเสริฐสุด เรียกว่าวิมุตติพระนิพพาน นี่เรียกว่าเลิศ จะทราบได้ด้วยใจของผู้สัมผัสนี้เท่านั้น ผู้ไม่สัมผัสไม่ทราบ ก็ได้แต่เชื่อออกมาว่าธรรมเลิศ ๆ คำว่าเลิศนั้นอะไรก็เลิศได้ แม้แต่คนเขายังตั้งชื่อว่านายเลิศก็ได้ แต่คนอื่นยังดีกว่านายเลิศก็มีอีกเยอะ จึงไม่มีสิ้นสุดในโลกเราที่ว่าเลิศ ๆ แต่ธรรมที่ว่าเลิศไม่มีคู่แข่ง คือไม่มีอะไรแข่ง ใครเจอเข้าไปเป็นยอมรับด้วยกันหมด หาทางแข่งขันกันไม่ได้ ธรรมเป็นอย่างนั้น

นี่เราได้เกิดมาพบพระพุทธศาสนาที่เป็นคำสั่งสอนอันดีงามของพระพุทธเจ้า ขอให้พากันนำไปประพฤติปฏิบัติตัวให้เป็นคนดี การรักษาอะไรก็ตามไม่ได้รักษายากเท่าคนคือเรา การปฏิบัติตัวของเราให้เป็นคนดีนี้เป็นการปฏิบัติยากทีเดียว อย่างอื่นยังพอให้ทำดีได้ง่าย ๆ แต่การปฏิบัติตัวให้ดีนี้มันมีความฝืนอยู่ตลอด เพราะสิ่งที่ไม่ดีมีอยู่ภายในใจ ฝืนไม่อยากให้เราทำดี ทำไปวันหนึ่งสองวันความไม่ดีก็ฉุดลากไปเสีย แล้วค่อยล้มละลายไปจากความประพฤติตัวดีนั้น กลายเป็นคนเลวทรามไปตามความต่ำทรามของกิเลสนั้นเสีย คนเราจึงหาความดีได้ยาก หาคนดีได้ยาก เพราะฝืนธรรมชาติที่ชั่วช้าลามกภายในจิตใจไม่ได้นั้นแล ท่านจึงสอนให้ฝืน

การปฏิบัติธรรมนี้ต้องฝืนความชั่วทั้งนั้น เช่นอย่างการมาให้ทาน ความหึงความหวงมันจะมีแล้วภายในวัตถุสิ่งของที่เราจะไปทานนั้น นั่นคือกิเลส อันหนึ่งจะให้ทานนี้คือธรรม อันหนึ่งคือกิเลสได้แก่ความหวงแหนมันบีบมันบี้มันกีดมันกันไว้ไม่อยากให้ทาน มากน้อยก็ไม่อยากให้ทั้งนั้น นี่คือกิเลส สิ่งนี้เป็นข้าศึกของธรรม เป็นข้าศึกของเราด้วย นี่แหละธรรมฟังซิ เป็นอย่างนี้ เป็นคู่เคียงกันไป ไม่ว่าทานมากทานน้อย ให้มากให้น้อย ขึ้นชื่อว่าให้แล้วกิเลสไม่ยอม ต้องมีการกีดการขวางอยู่จนได้

ทีนี้เราฝืนให้ นั่นแหละคือฝืนสิ่งชั่ว เราต้องฝืนมัน ไม่ฝืนไม่ได้ มันไม่อยากให้เราจะให้ นี่เรียกว่าฝืนกัน ถ้าเราเก่งกว่ามันมีอำนาจมากกว่ามัน เราก็ได้ให้ จะให้มากให้น้อยให้ได้ตามต้องการ อันนั้นมีแต่ไม่อยากให้ แต่มันไม่ได้สร้างความดีอะไรให้เรา ไม่อยากให้แล้วก็มาหึงมาหวงไว้แทนที่จะเกิดประโยชน์ มันก็ไม่พ้นความหึงหวงอันนี้จะเอาไปกินอีกแหละ เลยไม่เกิดประโยชน์อะไรตายทิ้งเปล่า ๆ เพราะฉะนั้นการทำความดีนี้ เราจะทำความดีมันก็ขัดก็แย้งไม่อยากให้ทำ ประพฤติตัวให้ดีมันก็ขัดก็แย้งมันอยากให้เป็นไปตามอำเภอใจ อำเภอใจก็คือทางเดินของความชั่วนั้นแล จึงลำบากในการปฏิบัติตัวเอง

ที่ว่าปฏิบัติธรรมนี้ยาก ๆ ไม่ยากยังไง ก็อธรรมมันมีอยู่ในนั้น มันคอยกีดคอยขวางคอยแทรกคอยแซง จะรักษาศีลภาวนานี้ ความขี้เกียจขี้คร้านมาแล้ว ความอ่อนแอท้อแท้มาแล้ว ความไม่เอาไหนยิ่งเป็นตัวสำคัญมาขัดมาขวาง สวดมนต์ภาวนาก็ไม่เต็มบทเต็มบาทไม่ถึงจุดถึงแดน อรหํ สมมาสมพุทโธ กับเสียงแอ ๆ มันมาพร้อมกัน ไอ้แอ มันง่วงนอนมันจะตายมันหลับเป็นอย่างนั้น ถ้าจะทำความดีต้องมีสิ่งฝืนจนได้ สังเกตดูในหัวใจเจ้าของนะ

การพูดนี้ไม่ได้ตำหนิติโทษผู้หนึ่งผู้ใด ตำหนิสิ่งที่มีอยู่ในหัวใจของแต่ละราย ๆ นั้นแหละ ว่ามันเป็นอย่างนั้นได้จริง ๆ ขึ้นชื่อว่าจะทำความดีแล้วจะมีสิ่งที่ขัดแย้งขึ้นมาทันที ๆ เพราะสิ่งนี้มันมีอยู่หนาแน่นภายในจิตใจของเรา เรื่องของมันมีแต่เรื่องชั่วทั้งนั้น เรื่องดีไม่ต้องการ เรื่องชั่วเป็นความเพลิดเพลินเป็นความดีของมัน เป็นความสุขความสบายของมัน แต่เป็นความทุกข์สำหรับโลกที่ปฏิบัติตามมัน พวกเราจึงได้รับเคราะห์รับกรรมจากสิ่งต่าง ๆ ที่ไม่ดีทั้งหลาย ก็เพราะโทษแห่งการเชื่อมันนั้นเอง เราไม่รู้

ฉะนั้นจึงขอให้พี่น้องลูกหลานทั้งหลายได้นำธรรมะนี้ไปปฏิบัติตน ให้ฝืนนะ ความเป็นคนดีนี้สำคัญมากมีคุณค่ามากที่สุด ความเป็นคนชั่วนั้นไม่ได้มีคุณค่าอะไร เราอย่าเดินตามกิเลส จะกลายเป็นคนชั่วหาค่าหาราคาไม่ได้ ต้องทำตัวให้เป็นคนดี หน้าที่การงานอย่าขี้เกียจขี้คร้าน อย่านอนตื่นสาย อย่าเที่ยวเตร็ดเตร่เร่ร่อน หาเวล่ำเวลาไม่ได้ ถึงเวลาเล่นก็เล่น ถึงเวลากินต้องกิน ถึงเวลาทำต้องทำ ถึงเวลาไปทำงานทำการอะไร ไปโรงร่ำโรงเรียนอะไรต้องไป ถึงเวลาเรียนต้องเรียน คนมีความสัตย์ความจริงแล้วก็ตั้งตัวได้ ถ้าแบบเหลวไหล ๆ โลเลนี้ก็ลอยลมไปเลย หาหลักหาเกณฑ์ไม่ได้ตั้งแต่เล็กจนโต สุดท้ายก็ช่วยตัวเองไม่ได้ ถ้าช่วยตัวเองไม่ได้เท่านั้นยังไม่แล้ว ยังหาสร้างความชั่วช้าลามกให้แก่สังคมทั่ว ๆ ไปอีกด้วย คนชั่วเป็นอย่างนั้น ไปที่ไหนระบาดสาดกระจายไปแต่ฟืนแต่ไฟ ไม่เหมือนคนดีไปไหนเย็นไปที่นั่น ให้พากันจำเอา จำเอาไว้ไปปฏิบัติตน

แล้วความประหยัดมัธยัสถ์ นี่เป็นหลักธรรมประจำบุคคลที่มีธรรม เรียกว่าเป็นผู้รู้จักประมาณ อย่าฟุ้งเฟ้อเห่อเหิม อย่าสุรุ่ยสุร่าย การจับจ่ายใช้สอยให้อยู่ในขอบเขตแห่งความพอดี อย่าให้เหลือเฟือ อย่าฟุ่มเฟือยนี่อันหนึ่ง การอยู่การกินการหลับการนอน การใช้การสอยต้องมีขอบเขตมีหลักมีเกณฑ์ ไม่เช่นนั้นจะทำตัวของเราให้เสีย

นี้เคยพูดเสมอเกี่ยวกับเรื่องพวกยาเสพย์ติด นี่เคยสอนทุก ๆ ครั้งที่บรรดานักเรียนมาฟังการอบรมที่นี่ ยาเสพย์ติดเป็นสิ่งที่ให้โทษมากที่สุดเลย เสียทั้งคน ไม่มีความหมายละถ้าลงได้ติดยาเสพย์ติดไปแล้ว จึงขอให้ลูกหลานทั้งหลายจำเอาไว้ในข้อนี้ อย่าแตะอย่าต้องอย่าคุ้นอย่าสนิทกับสิ่งเหล่านี้ และบุคคลผู้มีความสนใจและเสพสมสิ่งเหล่านี้แล้วอย่าไปคบค้าสมาคม จะทำให้เสียเราด้วยโดยไม่ต้องสงสัย พวกยาเสพย์ติดสำคัญมากนะเวลานี้กำลังระบาดมาทุกแง่ทุกมุม คนที่ไม่รู้อีโหน่อีเหน่เสียไปเยอะนะ มันมาได้ทุกแบบ ไม่ได้ตั้งใจกินตั้งใจเสพมันแหละ แต่มันก็มาแบบที่ไม่ให้เรารู้เนื้อรู้ตัว แล้วเสียคนจนได้นี่ข้อหนึ่ง

อีกข้อหนึ่งคือการพนันขันต่อ อย่าทำเป็นเด็ดขาดในโรงร่ำโรงเรียน อย่าให้มี เราเองเป็นนักเรียนเราก็อย่าไปสนใจในสิ่งเหล่านี้ นี้ไม่ใช่เป็นของดี เป็นความเสียหายอย่างมากทีเดียว ได้มาเท่าไร ๆ เพื่อความเสียไป ๆ สุดท้ายเสียหมดทั้งตัวเรา จิตใจลอยไปหมดมันเลยใจรั่ว กลายเป็นหลักลอยไปเลย นี่คนเล่นการพนัน มีแต่ความเสียหายโดยถ่ายเดียว เราอย่าไปสนใจ อันนี้เป็นข้อหนึ่งที่มักจะเสียอยู่ในโรงร่ำโรงเรียน

การคบค้าสมาคมกันก็เหมือนกัน ให้เลือกเฟ้นกัลยาณมิตตตา คบค้าสมาคมกับคนที่ดี สังเกตดูอากัปกิริยาความเคลื่อนไหวของเขาเราก็ทราบ ว่าคนไหนที่ควรคบคนไหนไม่ควรคบ ถ้าคนดีก็ควรคบจะเป็นสง่าราศี เป็นคติเครื่องสอนใจเรา ให้เป็นคนดีเช่นเดียวกับเขา ถ้าเป็นคนชั่วแล้วก็เหมือนสิ่งสกปรก ติดเปื้อนที่ไหนสกปรกที่นั่นไม่น่าดูเลย คนประเภทนั้นอย่าคบค้าสมาคม ให้พากันระมัดระวังให้ดี ทุกวันนี้มีแต่ความเปรอะเปื้อนนั่นแหละเต็มบ้านเต็มเมือง ไม่ว่าเด็กไม่ว่าผู้ใหญ่คละเคล้ากันไปหมดด้วยสิ่งสกปรกโสมมนี้ จึงระวังยาก การแยกตัวก็แยกยาก เพื่อนฝูงมีแต่คนชั่วเสียมากยิ่งกว่าคนดี เหล่านี้จึงต้องระมัดระวังให้ดี

สมัยทุกวันนี้สมัยคละเคล้า ถ้าคละเคล้าในของดีค่อยยังชั่ว มันคละเคล้าในของชั่วช้าลามกน่ะซิ เรียนหนังสือเรียนมามากเท่าไรเลยกลายเป็นเครื่องมือของความชั่วไปเสียหมด ทำความชั่วช้าลามกไปได้ เพราะความรู้ความฉลาดมากทำความชั่วได้มาก ถ้าคนมีความรู้น้อยทำความชั่วช้าลามกก็ไม่ได้มาก เพราะไม่ฉลาดในอุบายต่าง ๆ ที่จะฉกจะลักจะปล้นสะดมขโมยต่าง ๆ เพราะสิ่งเหล่านี้มีครูสอนทั้งนั้น แม้แต่ล้วงกระเป๋าก็มีครู เด็กหัวเท่ากำปั้นนี่ใครไปสนใจกับมันเมื่อไร เด็กหัวเท่ากำปั้น มันซอกแซกไปตามผู้ใหญ่ไปตามร้านตลาดต่างๆ นี่ฝึกมาแล้วนะเด็กน่ะ เดินไปสอดนั้นสอดนี้ไป ลอดนั้นลอดนี้ไปเพราะตัวเล็ก ๆ ใครไม่สนใจ พอเผลอเอาแล้ว เด็กนั่นล้วงกระเป๋าเก่งนะ นี่ก็สอนมาแล้วผู้ใหญ่สอนมัน

ดูซิมันมีมาได้ตั้งแต่เด็ก มีครูสอนมาเป็นลำดับ วิชาแขนงใดที่เป็นแขนงที่ทำลายแก่สังคมให้เป็นความเดือดร้อนเสียหายแล้ว มันเรียนมาทั้งนั้นแหละ แล้วก็ไปทำงานอย่างนั้น เราจึงต้องได้ระมัดระวังให้ดี วันนี้ก็ไม่ได้เทศน์อะไรมากมายแหละ เหนื่อยนะเทศน์ทุกวันๆ เห็นบรรดาลูกหลานทั้งหลายมาก็เลยเทศน์ให้ฟัง

ข้อสำคัญที่เทศน์เหล่านี้เน้นหนักตรงไหนให้จับเอาไว้นะ เอาไปประพฤติปฏิบัติตัวเอง ให้ตั้งหน้าตั้งตาศึกษาเล่าเรียน ความรู้ความฉลาดมีไม่จนคนเรานะ ถ้ามีความรู้ความฉลาดไม่ได้ทำงานในทางหนึ่งทำในทางหนึ่งจนได้นั่นแหละ เพราะความรู้วิชาเป็นทางก้าวเดินอันราบรื่นดีงามของการทำมาหาเลี้ยงชีพของเรา จะทำอะไร ๆ ก็ดีคนมีวิชาความรู้เป็นคนที่ไม่จนตรอกจนมุม เพราะฉะนั้นจึงต้องได้ศึกษาเล่าเรียนกัน นี่เป็นวัยเรียนไม่ใช่วัยเล่นโดยถ่ายเดียว เวลาเล่นก็ให้มี เวลาเรียนก็ให้จริงให้จัง

การคบค้าสมาคมกับเพื่อนหญิงเพื่อนชายให้ระมัดระวังให้มาก เพื่อนชายก็เสียไปทางหนึ่ง เพื่อนหญิงก็เสียไปทางหนึ่ง เสียไปคนละด้านละทาง ให้ระมัดระวังด้วยกันทั้งนั้นแหละ ถ้าเสียมาแล้วก็เสียเรานั้นแหละ เงินเราร้อยบาทเสียไปหนึ่งบาทมันเต็มร้อยเมื่อไร ไม่เต็ม เสียไปกี่บาทก็ขาดเท่านั้นบาทเท่านี้บาท เสียไปหมดไม่มีอะไรติดตัวเลย นี่คนเราก็เหมือนกันเสียมากเสียน้อยเสียแล้วรวมไปเสียหมดทั้งตัวใช้ไม่ได้เลย อันนี้เสียมาก จึงพากันระมัดระวัง

เอาละการแสดงธรรมเท่านี้เห็นจะพอ


** ท่านผู้เข้าชมทุกท่านโปรดทราบ
    เนื่องจากกัณฑ์เทศน์บางกัณฑ์มีความยาวค่อนข้างมาก ซึ่งจะส่งผลต่อความเร็วในการเปิดเว็บไซต์ ขอแนะนำให้ทุกท่านได้อ่านเนื้อหากัณฑ์เทศน์บางส่วนจากเว็บไซต์ และให้ทำการดาวน์โหลดไฟล์กัณฑ์เทศน์ที่มีนามสกุล .pdf ไปเก็บไว้ในเครื่องของท่านแทนการอ่านเนื้อหาทั้งหมดจากเว็บไซต์

<< BACK

หน้าแรก