|
/body onLoad="MM_preloadImages('../images/link_2_6_a.gif')">
/SCRIPT LANGUAGE="javascript1.1" page="dhamma_online";
/SCRIPT LANGUAGE="javascript1.1" src="http://truehits1.gits.net.th/data/e0008481.js">
|
|
|
ผู้ใหญ่ควรเป็นผู้นำเขาทุกด้าน |
|
วันที่ 16 มกราคม 2545
สถานที่ : วัดป่าบ้านตาด |
| | ดาวน์โหลดเพื่อเก็บไว้ในเครื่อง ให้คลิกขวาแล้วเลือก Save target as .. จาก link ต่อไปนี้ :
| |
ค้นหา :
ผู้ใหญ่ควรเป็นผู้นำเขาทุกด้าน
หลวงตาบัวพูดนี่ พี่น้องทั้งหลายให้จำนะ ภาษาทั้งหมดที่เราออกนี้เป็นภาษาธรรมล้วน ๆ มันกระเทือนโลกแล้วเวลานี้ ภาษาของเราปากเดียวนี้ ออกกันหมดแล้ว ออกอินเตอร์เน็ตละซิ เราไม่สนใจอะไรกับหูของโลกที่เต็มไปด้วยมูตรด้วยคูถ เราสนใจตั้งแต่ธรรม นำธรรมมา สิ่งเหล่านี้เป็นเครื่องชะล้างทั้งนั้น ไม่ใช่สกปรก แต่กิเลสมันหาเรื่องว่าสกปรกทั้งนั้น เพราะตัวมันตัวสกปรกอยู่แล้ว มันไม่ให้เข้าไปแตะมัน เอะอะมันต้องโจมตี ๆ แหละ อย่างพูดนี้ก็ว่าหยาบว่าโลน มันหยาบที่ไหน เรื่องมันเป็นมาตั้งแต่เรายังไม่พูดนี่ ผู้พูดนี่หยาบที่ไหน พูดสอนให้ละ
ถ้าเรามาคำนึงส้วมคำนึงถาน ที่เรียกว่าโลกนี้มากกว่าธรรม ธรรมก็ออกไม่ได้ แล้วโลกก็จมอยู่ตลอดเวลา ถ้าธรรมออกก็ฉุดขึ้นมา ๆ เพราะฉะนั้นจึงว่าไม่มีคำว่าหยาบว่าโลน ไม่มีในธรรม มีอยู่ในธรรมชาติของมันที่มันโจมตี นั่นตัวหยาบอยู่ตรงนั้นไม่ได้อยู่กับธรรม ธรรมเป็นน้ำที่สะอาดชะล้างไปโดยลำดับลำดา อันนั้นตัวสกปรกต่างหาก ให้พากันจำเอา
เราไม่เคยสนใจกับใคร ถ้าสนใจเราพูดไม่ได้สอนโลกไม่ได้ เพราะธรรมเป็นอย่างนั้น นำธรรมมาสอนโลกก็ต้องเอาธรรมมาสอนซิ โลกมันสกปรก ธรรมสะอาด แต่ความสกปรกของโลกของกิเลสนั้นแหละมันเข้าไปโจมตีธรรม ไม่ให้แตะต้องมัน มันรักมันสงวนมากทีเดียว เพราะอย่างนั้นคนจึงไม่ชอบธรรม เพราะคนชอบสกปรกมากกว่าธรรมที่สะอาด ไปที่ไหนไม่อยากฟังกันแหละ จมอยู่ในส้วมในถานตลอดกัปตลอดกัลป์มันก็จม แต่เวลามันได้เห็นภัยอย่างที่ว่าเห็นไหมล่ะ เวลามันเปิดออก ๆ เปิดออกเท่าไรมีแต่พวกงูเห่างูจงอางพวกสามเหลี่ยมทั้งนั้น เปิดออกจ้าขึ้นมามีตั้งแต่ที่จะงับ ๆ ทีนี้มันอยู่ได้ยังไงเมื่อเห็นแล้วก็วิ่งละซิ เผ่นใหญ่เลยแหละ ที่ท่านว่าผู้มีความเพียรกล้า คือท่านเห็นจริง ๆ ประจักษ์แล้วไม่ต้องไปถามใครด้วย ธรรมพระพุทธเจ้าจ้าออกไปแล้วเห็นเลย จะไปถามใครอีก จากนั้นก็ฟัดกันเต็มเหนี่ยว ๆ
เรื่องพระในครั้งพุทธกาลท่านทรมานท่านนี้ โอ๋ย หนักมากนะแต่ละองค์ ๆ หมายถึงองค์ที่ควรแก่นิสัยวาสนาอย่างนั้น ท่านก็พุ่งทางนั้น ผู้ที่เร็วก็เร็วไป พอฟังเทศน์นี่สำเร็จเลยก็มี นั่นต่างกัน แต่มีจำนวนน้อยมาก หากมี ท่านจึงว่า อุคฆฏิตัญญู วิปจิตัญญู เนยยะ ปทปรมะ ๔ ประเภทของสัตวโลก สัตวโลกที่ว่า อุคฆฏิตัญญู นี้ปั๊บออกได้เลย ๆ ฟังเทศน์เดี๋ยวนั้นสำเร็จแล้ว ๆ วิปจิตัญญูก็รองกันลงมา พอได้เหตุได้ผลก็พุ่งไปด้วยกัน
ที่สามนี่ทั้งลากขึ้นทั้งลากลง มันจะตายนะที่สามนี่ เนยยะนี่มันก้ำกึ่ง ทั้งจะลงทั้งจะขึ้น แย่งกันตลอดเวลา ความเพียรกับความขี้เกียจขี้คร้านความท้อแท้อ่อนแอมันรบกัน สักเดี๋ยวก็เอาหมอนมาตัดสินเสีย ไม่ได้เอาอะไรมาตัดสิน ไปเอาหมอนเอาเสื่อมาตัดสิน เวลาตัดสินลงไปแล้วได้ยินเสียงครอก ๆ อู๊ย ทุกขัง เป็นอย่างนั้นแหละ นี่แหละเนยยะ กึ่งกลาง ทั้งจะลงทั้งจะขึ้น ปทปรมะไม่มีทาง ลงตลอดเลย ที่สี่นี้หมดคุณค่า ถ้าเป็นมนุษย์ก็สักแต่ว่าร่างมนุษย์เฉย ๆ ทุกสิ่งทุกอย่างก็เป็นมนุษย์ แต่หัวใจมันทุกสิ่งทุกอย่างไม่มีสาระอยู่ในนั้นเลย หมดทุกอย่าง มีแต่กวาดแต่กว้านเอาความชั่วช้าลามกมาใส่ตัวเอง ๆ หนักอึ้งแล้วก็จมเลย ๆ มีหลายประเภทสัตวโลก ท่านจึงบอกไว้ ๔ ประเภท
ทีนี้เราก็เอา ๔ ประเภทนั้นที่ท่านเรียกว่า โอปนยิโก ให้น้อมเข้ามาสู่ตน ประเภทนั้น ๆ ย่นประเภทนั้นเข้ามาในเราคนเดียว ประเภทที่ไม่เอาไหนเลยมันก็มี ขั้นเริ่มแรกดูจิตเจ้าของมันไม่เอาไหนเลย นี่เป็นปทปรมะ ประเภทที่สองพอจะมียิบแย็บ ๆ ขึ้นมาบ้าง ฟิตตัวเข้ามาซิ มันไม่เอาไหน พยายามหลายครั้งหลายหน มันก็เริ่มเอากันแหละที่นี่ฟัดกัน เนยยะ ฟัดกันไปฟัดกันมา ต่อจากนั้นก็ก้าวขึ้นไป ๆ วิปจิตัญญูแล้วทีนี้รวดเร็วขึ้น อุคฆฏิตัญญูนี้ผึงเลย เป็นอย่างนั้นนะ จิตดวงนี้แหละ เวลาฝึกแล้วมันไม่เอาไหนก็รู้ เวลามันไม่เอาไหน ครั้นต่อมามันพอยิบ ๆ แย็บ ๆ บ้างก็รู้ ครั้นต่อมาค่อยเปิดค่อยเผยออกก็รู้ ๆ ทีนี้ก็พุ่งเลย บอกว่าอยู่ไม่ได้ว่างั้นเลย มีแต่จะให้พ้นโดยถ่ายเดียว ไม่พ้นตายเท่านั้น ถึงขั้นนี้แล้วไม่อยู่ พุ่งเลย
ใจดวงเดียวนั่นแหละไม่ใช่ไปเทียบคนนั้นคนนี้ อันนั้นเป็นส่วนหนึ่ง โอปนยิโก น้อมเข้ามาสู่ตัวของเรา ๔ ประเภทนี้เรามีอยู่ในประเภทไหน เอามาแยกมาแยะกัน ฟัดเหวี่ยงกันในนี้ มันก็มีประเภทต่าง ๆ ขึ้นมาในทางที่ดี ถ้าเราตั้งใจอุตส่าห์พยายาม ถ้าไม่ตั้งใจก็จมไปเลย ปะทะไปตลอด มาก็ปะทะมา อยู่ปะทะอยู่ ไปปะทะไปเลย ปทปรมะมืดบอด ๆ ตลอดไปเลย
จึงบอกว่ากิเลสมันหนามากนา มันละเอียดแหลมคมมาก ไม่มีใครจะรู้มันได้เลยนอกจากธรรมอย่างเดียว นอกนั้นไม่มี มีธรรมอย่างเดียวที่จะรู้เรื่องของกิเลสได้ เพราะฉะนั้นธรรมจึงมีประจำโลก ธรรมไม่มีสัตวโลกหมดความหมายโดยประการทั้งปวง ต้องให้มีธรรมแทรก ๆ เราต้องพยายามอุตส่าห์ ทุกข์ก็ทุกข์ ทุกข์เพื่อสุขไม่เป็นไร ทุกข์เพื่อสุขทุกข์ฆ่ากิเลส ฆ่ากิเลสไปแล้วเราเป็นสุข นั่น ไอ้ทุกข์เพื่อทุกข์นี่ คือทุกข์ทำความชั่วก็ทุกข์ เวลาผลเกิดขึ้นมาก็ทำให้เกิดทุกข์ กิเลสมันทุกข์เพื่อทุกข์นะ ธรรมแล้วทุกข์เพื่อสุข บึกบึนกันไปเดี๋ยวเดียวก็เป็นสุขขึ้นมา ๆ พ้นไปได้
นี่เรียกว่าทางธรรม มี ๒ อย่าง ทุกฺขสฺสานนฺตรํ สุขํ สุขเกิดในลำดับแห่งทุกข์ คือทุกข์เสียก่อนฝึกฝนทรมานเต็มเหนี่ยวเป็นทุกข์ตอนนี้ แล้วเป็นสุขในกาลต่อไป สุขสฺสานนฺตรํ ทุกฺขํ ทุกข์เกิดในลำดับแห่งสุข ทุกข์มันจะเกิดในลำดับที่คนหาความสุข เอาสุกก่อนห่ามนั่นซิ มีแต่ต้องการความสุข แล้วหาตั้งแต่ความทุกข์ความลำบาก ความชั่วช้าลามกใส่ตัวเอง ๆ มันก็เพิ่มทุกข์เข้าไป อันนี้เป็นความสุขในเบื้องต้น ขี้เกียจขี้คร้านหวังเอาความสุขจากความขี้เกียจขี้คร้าน ความขี้เกียจขี้คร้านมันก็เอาทุกข์เข้ามาใส่ละซี ไม่สร้างความดี ก็มีแต่ความทุกข์ นี่ละเขาว่าสุขในเบื้องต้น ด้วยความขี้เกียจขี้คร้านหลอกล่อให้เป็นความสุข ไม่อยากทำอะไรขึ้นชื่อว่าความดี ต่อจากนั้นมันก็หาบทุกข์ละซิ นี่เรียกว่าความทุกข์เกิดในลำดับแห่งความสุข เบื้องต้นหนุนให้มันเป็นทุกข์ สร้างแต่ความชั่ว พอใจสร้างทุกอย่าง สร้างด้วยความรื่นเริงพอใจ แล้วเป็นความทุกข์ทั้งนั้น พากันจำเอา
พวกมาศึกษาก็เยอะ เราก็ไม่ทราบจะสอนด้านไหนต่อด้านไหน เวลานี้มักจะรวมเข้ามาหาวัดนี้นะ ไม่ว่าเด็กนักเรียนนักศึกษา ตลอดถึงวงราชการต่าง ๆ ก็หมุนเข้ามา ก็ยังดีนะ ถ้ายังพอรู้เรื่องรู้ราวรู้จักดีจักชั่วอยู่บ้างก็นับว่าดี เฉพาะอย่างยิ่งผู้ใหญ่นั่นแหละเป็นสำคัญมาก เป็นแนวทางอันดีงามเป็นแบบพิมพ์ของเด็ก ผู้ใหญ่เป็นคนดีแล้วเด็กจะดีไปตาม ๆ ผู้ใหญ่เพียงคนเดียวปกครองได้มากมาย ทำคนให้ดีได้มาก ทำคนให้ชั่วได้มาก ถ้าผู้ใหญ่เป็นคนชั่วกดพวกบริษัทบริวารให้เป็นคนชั่วไปตาม ๆ กันได้นะ ถ้าผู้ใหญ่เป็นคนดี ก็เชิดชูกันไปเรื่อย ๆ เป็นคติตัวอย่างอันดีงาม ก็ดีไปเรื่อย ๆ
เพราะฉะนั้นการฝึกฝนอบรมนี้ ผู้ใหญ่จึงไม่ควรจะมองข้าม อะไรก็สนใจแต่เด็กเป็นห่วงแต่เด็ก ๆ ไม่ได้ห่วงตัวเองซึ่งกำลังพาเด็กจมอยู่นั้นเลย ใช้ไม่ได้ ต้องฝึกฝนตนเอง ก็เคยยกตัวอย่างมาแล้ว พระพุทธเจ้าเป็นตัวอย่างยังไง ฝึกฝนพระองค์จนเรียบร้อยแล้วจึงมาสอนโลกให้ดีไปตามนั้น พระสงฆ์สาวกก็เหมือนกัน ท่านฝึกฝนอบรมท่านดีแล้ว ด้วยความทุกข์ทรมานในการประกอบความพากเพียร ครั้นได้ผลมาแล้วก็นำสัตวโลกไปได้มากขนาดไหน ท่านเป็นตัวอย่างมาก่อน ๆ เรานี่สอนให้เด็กเป็นตัวอย่างของผู้ใหญ่มีอย่างหรือ ผู้ใหญ่ต้องทำตัวอบรมตัวเองให้เป็นคนดี แล้วดึงเด็กกุลบุตรสุดท้ายลูกหลานไปตามความดีของตน ผู้ใหญ่ดึงผู้น้อยเป็นอย่างนั้น เหมือนพระพุทธเจ้าดึงสัตวโลกนั่นแหละ
เราไม่ได้สนใจ มีแต่จะให้เด็กดี ๆ มันดีไม่ได้เด็ก เพราะผู้ใหญ่พาเลว ถ้าผู้ใหญ่ทำตัวให้ดีเสียอย่างเดียวเท่านั้นก็ดีไปตาม ๆ กัน เราดูซิวงราชการเท่าที่ผ่านมานี้ เราไปที่ไหนเราก็นั่งฟัง โอ๊ สลดสังเวชนะ ไม่พูด แต่เวลาที่จะควรพูดอย่างนี้ก็พูดบ้างเป็นธรรมดา ไปในวงราชการต่าง ๆ ธรรมดาเขาต้องยกหัวหน้าให้เป็นผู้นำ ผู้นำอะไร ๆ ก็ต้องยกให้ผู้นั้นออกมาอ่านหนังสือภาษาบาลี อ่านภาษาธรรมะไม่ออก เห็นไหมล่ะ สู้เด็กเขาไม่ได้เขาว่าคล่องปาก แต่ผู้ใหญ่มา อิมานิ ๆ อยู่นั่นแหละจะว่าไง
คำว่า อิมานิ เป็นคุณศัพท์หรือเป็นวิเสสนะ เป็นบริวารของวัตถุอันใหญ่เช่น ทานานิ อย่างนี้ ทานนี้เป็นวัตถุเป็นต้นลำ อิมานิ ทานเหล่านี้ บอกว่าทานเหล่านี้เป็นบริษัทบริวารกัน
ครั้นไปที่ไหนวงราชการต่าง ๆ ฟังเอานะวงราชการเป็นยังไงมีไหม ในวงราชการเมืองไทยเราซึ่งเป็นชาวพุทธด้วยกัน ไปที่ไหนเพียงแต่อาราธนาศีลก็ไม่เป็นเพราะไม่สนใจ ผู้ใหญ่ไม่สนใจอย่างนี้เอง รับศีล ศีล ๕ มันได้สักข้อก็ไม่รู้นะ แต่เป็นหัวหน้า ครั้นเวลาไปงานต่าง ๆ เขาก็เอาอันนี้แหละไปเป็นหัวหน้าไปขายหน้าอยู่ในนั้น ผู้ใหญ่แหละขายหน้าให้บริษัทบริวารให้ผู้น้อยทั้งหลายได้ดู มันน่าสลดสังเวชไหมผู้ใหญ่ในเมืองไทยเราซึ่งเป็นชาวพุทธ เป็นผู้นำทำไมสิ่งเหล่านี้ไม่ศึกษา ซึ่งเป็นของล้ำเลิศประเสริฐสุด อะไรจะเกินธรรม แล้วเหตุไรไปเอากิเลสมาอวดธรรม ว่าเป็นผู้ใหญ่มีอำนาจวาสนาบาตรหลวงทีเดียวนะ ใหญ่ เป็นบาตรหลวงไม่ใช่บาตรเล็กบาตรน้อย เป็นบาตรหลวงเลยเทียวนะ ขึ้นไปแล้วก็ อิมานิ ๆ อยู่นั่นแหละ ไม่ได้หน้าได้หลังอะไร ครั้นว่ารับศีลก็ไม่ได้เรื่องได้ราว พูดอะไรนำแล้วเหลวไหลทั้งนั้น ฟังแล้วเราสลดสังเวช ฟังอยู่สลดสังเวช โอ๊ ความไม่เอาไหนในวงราชการของเราเกี่ยวกับเรื่องอรรถเรื่องธรรมแล้วเป็นอย่างนี้เอง เพราะฉะนั้นมันจึงพาบ้านพาเมืองให้ล่มจมได้ เพราะมันเอาความชั่วขึ้นเป็นหัวหน้า มันก็กดลงละซิความชั่ว ความดีไม่มี
ธรรมดาผู้ใหญ่ควรจะศึกษาเหล่านี้เพื่อเป็นผู้นำเขาทุกด้านทุกทาง ทางด้านโลกด้านสงสารก็นำ ทางด้านธรรมะก็ให้นำเขาในทางที่ถูกที่ดีมันถึงถูก อันนี้ถ้าด้านธรรมะนี้ โอ๋ย ไม่ได้เรื่องได้ราว อิมานิ ๆ อยู่งั้น จนเราได้เคยพูดให้ฟัง ผัวกับเมียไปทำบุญด้วยกัน ครั้นไปแล้วก็เวลาถวายทานก็มีแต่อิมานิ ๆ ก็ข้าราชการนี่แหละเซ่อ ๆ ชุ่ย ๆ นั่นน่ะ ไป อิมานิ ๆ ขวางไอ้บู๊นิอยู่นั้นล่ะซี ไอ้บู๊นิมันเป็นผัวของอิมานิจะว่าไง ทำไมเอะอะก็มีตั้งแต่อิมานิ ๆ ข้าหาวัตถุไทยทานมาทำบุญให้ทานแทบเป็นแทบตาย ไม่เห็นออกชื่อของข้าบ้าง ข้าชื่อไอ้บู๊นิ ๆ รู้ไหม ตกลงก็มาตั้งคำให้ทานใหม่ อิมานิแล้วก็ไอ้บู๊นิไปด้วยกัน ตกลงทั้งสองคนจึงไป ต้องทวงเอาถึงได้ ไอ้บู๊นิ ไม่งั้นไอ้บู๊นิไม่ปรากฏเลย จะมีแต่อิมานิ ๆ
เหลียวเห็นกันฟากเฆมก็อิมานิ ๆ ไอ้บู๊นิมันก็โมโหละซิ มึงไม่มีปากรึจึงไม่พูดถึงกู กูชื่อว่ายังไง มึงถามมาก็จะว่าอย่างนั้น กูนี้ชื่อไอ้บู๊นิฟาดปากมึงเดี๋ยวนี้ เข้าใจไหม มึงทำไมพูดแต่อิมานิ ๆ วะ กูหามาแทบตายเหมือนกันนี่นะ นี่คือภาษาวงราชการเราซึ่งเป็นผู้ใหญ่ ไม่เอาไหนในอรรถในธรรมเสียหายมากทีเดียวนะ ให้ต่างคนต่างพิจารณาต่อไปนี้ หรือท่านทั้งหลายจะเอากิเลสตัณหาตัวโสมม ตัวส้วมตัวถานนำชาติบ้านเมืองต่อไป ตั้งแต่ตัวของเราเองนั้นเหรอเป็นผู้นำไปด้วยส้วมด้วยถานอย่างนี้ อรรถธรรมไม่มีความหมายบ้างแล้วเหรอเวลานี้ มีตั้งแต่กิเลสตัณหาเต็มบ้านเต็มเมือง ไปที่ไหนก่อตั้งแต่ความทุกข์เต็มโลกเต็มสงสาร อะไรเป็นคนก่อถ้าไม่ใช่เรื่องกิเลสตัณหา ธรรมท่านไปก่อที่ไหน เราไม่เคยเห็นมีธรรมไปก่อ เหตุใดไม่กล่าวถึงบ้างว่า ไอ้บู๊นิ นั่นน่ะ เข้าใจไหม แทรกอยู่ข้างหลังคือความดิบดี ไอ้บู๊นิ
มีแต่เอะอะก็ อิมานิ ๆ มันบ่นให้ผัวมันเก่ง ๆ ก็ อิมานิ นั้นเอง จนไอ้บู๊มันก็โมโห ไปทำทานก็อีมาออกหน้าเสีย อะไรก็มีแต่อีมาออกหน้า ผัวมันก็มีแต่ไอ้บู๊นิ ๆ อยู่เฉย ๆ มันก็โมโหบ้างซิ ถ้าเป็นหลวงตาเป็นผัวนี้ฟาดปากพร้อม นี่ไอ้บู๊นิ มึงรู้ไหม เอาอย่างนั้นละพอดีกัน มันไม่ได้เรื่องได้ราวอะไร ให้พากันสนใจในเรื่องอรรถเรื่องธรรมต่อไปชาวพุทธเรา บ้านเมืองเราจะมีขื่อมีแป ผู้ใหญ่ก็จะเป็นสิริมงคลแก่ผู้น้อย ไม่ได้เป็นเปรตเป็นผีให้เขาชี้อยู่ข้างหลังนั้นไปโดยถ่ายเดียว
มันเลวนะเดี๋ยวนี้ เห็นไหมเมืองไทยเราจะจม ๆ นี้ก็เพราะอะไร กิเลสมันจะไปไหนถ้าไม่ใช่ไปหาความโลภ ความโลภมาก ความเห็นแก่ได้ เห็นแก่กิน เห็นแก่เอา เห็นแก่กอบเห็นแก่โกย นี่คือกิเลสเข้าใจไหม พากันทราบหรือยังบ้านเมืองจะจม พุงเราจะใหญ่ขนาดไหนก็ตาม ไม่นอกเหนือไปจากโลกทั้งหลายได้ที่เขาจม เราก็ต้องจมเหมือนกัน เราก็จมแบบเรา ๆ จมลงนรกด้วย เอาสมบัติเงินทองข้าวของเขามา กว้านเข้ามาใส่พุงตัวเอง นึกว่าพุงนี้จะพาวิเศษวิโส มันพาจมลงในนรกพากันรู้แล้วยัง ธรรมพระพุทธเจ้าท่านสอนไว้อย่างนั้น อย่าเห็นแก่ความอยากความทะเยอทะยาน ความดีดความดิ้นเกินเหตุเกินผลบ้างซิ อย่าให้มันมีขนาดนั้น คืออย่าเห็นแต่อย่างนี้นักซิ ให้มีบ้างเข้าแทรก มีข้อแยกแยะกันบ้างไม่งั้นจะฉิบหายจริง ๆ บ้านเมืองของเรา
การทำบุญให้ทานเป็นหน้าที่ของหัวหน้าจะจูงบ้านจูงเมืองมันถึงถูก นี่เอะอะก็ให้ตาสีตาสาไปทำ ไอ้.ผู้ใหญ่นั่งขาไขว่ห้างอยู่ หรือปล่อยหำอยู่มันก็ไม่มีใครดูซิ เขาอยากดูอะไร ตัวมันก็เลวพอ หำมันจะวิเศษมาจากไหน มันก็หำคนเลวนั้นแหละ หำมันก็เลว โค็ย.มันก็เลว มันไม่เกิดประโยชน์อะไรคนประเภทนั่งขาไขว่ห้าง ดูตั้งแต่พวกเด็กเล็กเด็กน้อยลูกหลานเขาสร้างคุณงามความดีทำบุญให้ทาน ตัวยังนั่งไขว่ห้างอยู่ด้วยส้วมด้วยถาน ดูไม่ได้นะ วงราชการงานเมืองของเรา ผู้ใหญ่ที่เป็นอย่างนี้แล้วเหลวไหลมากทีเดียว ให้พากันพินิจพิจารณา นี้คือธรรมสอนโลก ท่านทั้งหลายไปฟังซิ
เราไม่ได้หาตำหนิติเตียนผู้ใด ธรรมเป็นอย่างนั้นต้องพูดตามอรรถตามธรรม เลวก็ต้องบอกว่าเลว ให้ฟิตตัวกันบ้างนะเวลานี้ ผู้ใหญ่เท่าไรยิ่งเลวไม่สนใจกับอรรถกับธรรม เห็นว่าธรรมเป็นขี้หมูราขี้หมาแห้ง เป็นตุ๊กตาเครื่องเล่นของเด็ก แต่กิเลสเป็นเหมือนหนึ่งว่าทองคำทั้งแท่ง ความจริงก็คือส้วมพอกหัวมันอยู่นั้น ด้วยความชั่วช้าลามก เวลานี้กำลังยกกิเลสขึ้นนะบ้านเมืองของเราซึ่งเป็นชาวพุทธ แหม.มันดีดมันดิ้นเอาเสียจริง ๆ จนจะดูไม่ได้เราพูดจริง ๆ นะ ตาเราก็มีมาตั้งแต่วันเกิด เวลาธรรมแทรกเข้าไปมันอดดูไม่ได้ อดรู้ไม่ได้ อดเห็นไม่ได้ อดพูดไม่ได้นะ มันเป็นอย่างนั้นก็ต้องบอกว่าอย่างนั้นซิ
ควรจะรู้เนื้อรู้ตัวของเราบ้าง อย่าหน้าด้านเกินไปด้วยอำนาจของกิเลสพาหน้าด้าน ลากคอมันออกบ้างกิเลสนั่น ให้มันพันอยู่อะไรนักหนา มันจะพาให้จมกันหมดทั้งประเทศ จมแต่เราเป็นคนชั่วซึ่งเป็นผู้ใหญ่กดขี่ข่มเหงบ้านเมืองด้วยอำนาจป่า ๆ เถื่อน ๆ คนเดียวนี้ มันไม่ได้มีอะไรเป็นสมบัติผู้ดีนะ มันจะพาบ้านพาเมืองให้จมไปหมดนั่นแหละ ให้ต่างคนต่างพยายามบ้าง ผู้ใหญ่นั่นแหละสำคัญมาก อะไร ๆ ก็มีตั้งแต่ผู้ใหญ่ถ้าเป็นของไม่ดี ถ้าว่าแก้ออกมาโชว์ออกมาชนกัน โอ๊ย.เขาออกทางหนังสือพิมพ์ไปเห็นแก้วเหล้า แหมมันเลวเหลือเกินนะ วงราชการประเภทนี้มันเอามาขวางทำไม เหล้า.ฟังซิ มันเป็นศาสดาองค์ไหนน่ะ เหล้านั่น.พระพุทธเจ้าทุก ๆ พระองค์ตำหนิด้วยกัน ทำไมมันเอามายกยอแข่งหรือตีหน้าผากพระพุทธเจ้าต่อหน้าคนทั้งโลกที่เขาเห็น ซึ่งเขาเป็นคนดีมีอยู่มาก จะดูได้เหรอคนประเภทนั้นน่ะ มันควรคิดนะผู้ใหญ่เรา
วงราชการนี้สำคัญมากทีเดียว อย่าเย่อหยิ่งจองหอง อย่าโอ่อ่าฟู่ฟ่าด้วยอำนาจของกิเลสตัณหา ซึ่งมีแต่ส้วมแต่ถานพอกหัวมันอยู่นั้น เอามาอวดทำไมอวดธรรม สิ่งเหล่านี้พาโลกให้จมมากขนาดไหน ธรรมพาใครให้จมเคยมีไหม เอามาคิดบ้างซิ ถ้าเราเป็นคนมีสมบัติผู้ดีตามครูอาจารย์ที่เลิศเลอคือศาสดาของเรา เอามาคิดบ้างซิ เอาตั้งแต่เรื่องส้วมเรื่องถานมาคิด ไปที่ไหนมันก็มีแต่ส้วมแต่ถานเต็มบ้านเต็มเมือง กองทุกข์เต็มอยู่กับส้วมกับถาน ใครหามาผู้ใดมีความสุขในโลกนี้ เอามาอวดธรรมบ้างซิ ไม่มี
เรื่องกิริยามารยาทภายนอกนี้มันบังคับกันไว้เฉย ๆ มาออกร้านเฉย ๆ แต่งตัวโก้เก๋ฟู่ฟ่า มาละ โหย.คนนี้เขาดี เขามียศถาบรรดาศักดิ์ เขามีความรู้สูง คนนั้นเขาเป็นดอกเตอร์ คนนี้เขาเป็นดอกแต้อะไรว่าไป ๆ หัวใจมันมีแต่ไฟเผาอยู่นั้น ธรรมจับเข้าไปมันเห็นหมดจะว่าไง แล้วมันเอาอะไรมาเลิศเลอล่ะ นี่ที่เอากิเลสมาอวดโลกก็คือเอาฟืนเอาไฟมาอวดโลกนั่นเอง แต่ไม่กล้าเอาออก ให้อยู่ในหัวใจนั้น สุมอยู่เหมือนกับไฟไหม้กองแกลบ เรื่องความทุกข์ความทรมานอยู่ในหัวใจของสัตวโลก จะมีอะไรดี ก็มีแต่กิริยามารยาทมาแสดงต่อกัน ซึ่งเป็นเรื่องของกิเลสด้วยกัน มันก็หลงกันไปอีกเป็นบ้าเห่อกันอีก นี่ละพวกบ้าเห่อเข้าใจไหม
ธรรมท่านไม่เห่อนะ ผิดถูกตรงไหนท่านรีบแก้รีบไขทันที นั่นละท่านปฏิบัติ ธรรมไปที่ไหนจึงร่มเย็น ๆ ไม่ว่าบ้านนั้นเมืองนี้ เพราะสัตวโลก ธรรมเข้าได้ทั้งนั้น คนดีจึงมีคนชั่วจึงมีสับปนกันไป เราควรพินิจพิจารณาบ้างนะสิ่งเหล่านี้ เหลวไหลมากนะเวลานี้ เอาตั้งแต่เรื่องกิเลสตัณหา เอาส้วมเอาถานมาประดับบ้านเมือง ก็มีแต่ขี้ซิบ้านเมืองเมื่อเอากิเลสตัณหา เอาส้วมเอาถานมาประดับแล้ว บ้านเมืองเรานี้ก็เป็นบ้านส้วมบ้านถานละซิ มันบ้านของดิบของดีที่ไหน แล้วยังจะพอใจเอามาประดับอยู่เหรอ เอาส้วมเอาถานมาประดับบ้านเมืองของเรา มันจะจมนะเวลานี้รู้แล้วยัง เอาศีลธรรมขึ้นมาแก้ไขกันบ้างซิมันจะได้มีสะอาดสะอ้านพอน่าดูบ้างคนทั้งคนน่ะ เอาละวันนี้เทศน์เพียงเท่านี้แหละ
เปิดดูข้อมูล วันต่อวัน ทันต่อเหตุการณ์ หลวงตาเทศน์ถึงเรื่องอะไร ทาง internet
www.luangta.com |
** ท่านผู้เข้าชมทุกท่านโปรดทราบ
เนื่องจากกัณฑ์เทศน์บางกัณฑ์มีความยาวค่อนข้างมาก
ซึ่งจะส่งผลต่อความเร็วในการเปิดเว็บไซต์ ขอแนะนำให้ทุกท่านได้อ่านเนื้อหากัณฑ์เทศน์บางส่วนจากเว็บไซต์
และให้ทำการดาวน์โหลดไฟล์กัณฑ์เทศน์ที่มีนามสกุล .pdf ไปเก็บไว้ในเครื่องของท่านแทนการอ่านเนื้อหาทั้งหมดจากเว็บไซต์
|
|
|
|