เจ็บป่วย ต้องรักษาใจให้ดี
วันที่ 26 ธันวาคม 2529
สถานที่ : วัดป่าบ้านตาด

ค้นหา :

เทศน์อบรมฆราวาส ณ สวนแสงธรรม กทม.

เมื่อวันที่ ๒๖ ธันวาคม พุทธศักราช ๒๕๒๙

เจ็บป่วย ต้องรักษาใจให้ดี

เทศน์ไม่ได้แล้ววันนี้น่ะ หวัดกำเริบใหญ่ เมื่อวานนี้มันผิดยานะ เมื่อคืนนี้นอนจนจะนอนไม่ได้ ตีหนึ่งยังไม่ได้หลับนะ เมื่อคืนนี้มันกำเริบขนาดนั้น มันมาเป็นเอาตอนหลังจากฉันยาแล้วเมื่อวานนี้ เขาเอายาใหม่มาให้ว่างั้น ยาใหม่ หวัดมันก็เลยเปลี่ยนเป็นหวัดใหม่ขึ้นมาเลย เอาเสียเมื่อคืนตีหนึ่งนอนไม่ได้เลย มันเจ็บคอแล้วมันไอ ๆ แล้วเดี๋ยวไอๆ อยู่ตลอดจนนอนไม่ได้ มีแต่ไอตลอด จนกระทั่งตีสองกว่า ๆ มางีบนิดเดียวเท่านั้น แล้วเดี๋ยวก็ตื่นแล้ว ก็ช่างมันเถอะ มันจะตั้งเป็นอย่าว่าแต่เป็นจังหวัดเลย มันจะตั้งเป็นมณฑลเราก็ไม่เคยกลัวมันละ เราเคยเป็นหวัดมานานแล้วแหละ เป็นมาไม่รู้กี่ครั้งกี่หน นี่เล่าให้ลูกศิษย์ฟังเฉย ๆ อย่าพากันตื่นเต้นเอานักเอาหนา

ไอ้เรื่องการเจ็บการป่วยให้ถือเป็นธรรมดา พิจารณาเรื่องใจของเราให้มีความแน่นหนามั่นคง นั่นแหละสำคัญมาก ใจเป็นเครื่องยึดของร่างกาย ถ้าจิตใจอ่อนแอเสีย โรคภัยไข้เจ็บจะเป็นน้อยๆ ก็ตามนะ มันกำเริบได้ใหญ่โตได้ เพราะใจพากำเริบ โรคทางร่างกายเป็นสาเหตุให้โรคทางด้านจิตใจกำเริบ ถ้าโรคทางด้านจิตใจกำเริบแล้วก็ยิ่งรุนแรง เพราะฉะนั้น จึงต้องรักษาใจให้ดี ใจของเรานี่เป็นของสำคัญมาก เพราะฉะนั้นศาสนาจึงลงที่ใจ ใจเป็นพลังอันสำคัญมาก ในร่างกายของเรานี่

นี่ก็ได้เล่าให้ลูกศิษย์ฟังในฐานะเป็นกันเองในระหว่างลูกศิษย์กับอาจารย์ หลวงตานี่ถ้าไม่ใช่เพราะกำลังใจตายไปนานแล้วนะ พูดตรงๆ อย่างนี้ละ มันจะไปหลายครั้งแล้ว แต่เรามันไม่ได้หวั่นนี่นะเรื่องความเป็นความตายนี่ ดูความจริงตลอดเวลา มันเป็นหนักเป็นเบาขนาดไหนดูความจริงตลอดเวลา มันเป็นหนักเป็นเบาขนาดไหน ดูแต่ความจริงไม่ได้ดูว่าจะเป็นจะตายอย่างนั้นอย่างนี้ ถ้าเป็นอย่างนั้นแล้ว จิตใจเราดีดดิ้นแล้วไปใหญ่นะ ตาย ! ดีไม่ดีตายในเวลานั้น ช็อกไปเลย อันนี้เราไม่ได้เป็น มันเป็นอะไรก็ดูมันอยู่อย่างงี้ มันไม่ตื่นเต้นกับสิ่งเหล่านี้ แล้วพลังใจของเรามันไม่ลดนี่ มันมีอยู่คงเส้นคงวายังหนาแน่นอยู่ มันก็ไม่เป็นอะไร

เป็นหลายครั้งแล้วนะ มันถึง ๙๙% มาหลายครั้งแล้ว คำว่า ๙๙% จะเล่าให้พี่น้องทั้งหลายฟังนะ คือร้อยเปอร์เซ็นต์นี่ออกแหละ จิตออกจากร่างกายของเรานี่ เวลามันเต็มที่แล้วนี่มันจะหดเข้าไปหมดเลย ความรู้สึกของใจที่ซ่านออกไปทุกส่วนของร่างกายนี้จะหดตัวเข้าไปหมดเลย หดตัวเข้าไปสู่จุดเดียวคือใจ แต่ใจเราไม่มีจุดเราก็บอกว่าไม่มีจุด ใจมีจุดนั่นละใจตัวภพตัวชาติอยู่ที่นั่น ไม่มีจุด ภพชาติไม่สร้าง ทีนี้พอเข้าถึงนั่นแล้ว ร่างกายทุกส่วนเป็นท่อนไม้ท่อนฟืนไปหมดเลยนะ นั่นละจิตจะเป็นจะตายเอาตรงนั้นนะ

ถ้าจิตใจดีดดิ้น จิตใจมีความเสียใจจะไปเลยทันทีไม่อยู่ล่ะ ทีนี้จิตใจของเราไม่ดีดไม่ดิ้น ดูตามหลักความจริงมันหดเข้ามาไม่มีอะไรใช้แล้ว ร่างกาย ตา หู จมูก ลิ้นกายนี้เป็นเหมือนท่อนไม้ท่อนฟืนไปหมด ยังเหลือแต่ความรู้ล้วนๆ อยู่เท่านั้น รักษากันอยู่นั่น รั้งเอาไว้ยังไม่ออก เมื่อมันยังไม่สุดกำลังมันก็ยังไม่ออก รั้งได้ก็รั้ง รั้งมาหลายครั้งแล้วนะ มันเป็นนี่ถึงขนาด ๙๙% หมด สภาพร่างกายไม่มีอะไรเหลือเลย ยังเหลือแต่ความรู้เด่นอยู่ภายในนี่ความรู้อันนี้ ไม่สะทกสะท้าน ความรู้อันนี้เด่นตัวอยู่อย่างนั้น ตลอดเวลาไม่หวั่นไหว เพราะความรู้นี้ไม่ได้เป็นโรคเป็นภัยไม่ได้วิการอะไร มันวิกลวิการเฉพาะร่างกายต่างหาก เมื่อใจยังดีอยู่ สิ่งเหล่านี้มันก็พอฉุดพอรั้งเอากันไว้ได้ นี่แหละที่ยังมีชีวิตอยู่นี่

เพราะฉะนั้น กำลังใจจึงเป็นของสำคัญ เราเห็นประจักษ์ ในหัวใจของเราแล้วจึงได้นำมาสอนลูกศิษย์นะ ไม่ได้มาสอนแบบงูๆ ปลาๆ สอนอะไรไม่ว่าจะสอนเด็ดสอนเดี่ยวสอนดุเดือดขนาดไหนก็ตามเราออกมาด้วยธรรมทั้งนั้น ไม่ได้มีกิเลสออกแฝงมาด้วยเลย เราสอนด้วยธรรมเผ็ดร้อนขนาดไหน ก็เป็นพลังของธรรม อำนาจของธรรม ขอให้พี่น้องทั้งหลายทราบเอาไว้ พอเอะอะท่านก็ดุแล้ว ว่าหลายครั้งหลายหนเราชักจะโมโห เราจะหาไม้มา เราจะหาไม้มาพร้อม พอว่าดุแล้วตีพร้อมเลย เอะอะก็ว่าแต่ดุๆ ตีพร้อม เข้าใจไหมล่ะ ให้ระวังนะหลายครั้งหลายหน จะเอาไม้มาพร้อม นี่ล่ะ กำลังใจเป็นของสำคัญ

ใจนี่สำคัญมากที่สุดอยู่ในร่างกายของแต่ละร่าง ๆ นี้ไม่เคยตาย จิตดวงนี้ออกๆ จิตดวงนี้มีแต่หน้าที่เกิดกับตายเท่านั้น ออกจากร่างนี้เข้าสู่ร่างนั้น เขาเรียกว่าเกิดว่าตาย พอออกจากร่างนี้ก็เรียกว่าตาย เข้าสู่ร่างนั้นเรียกว่าเกิด แล้วเกิดตายๆ หมุนกันไปหมุนกันมาสูงต่ำอยู่อย่างนี้ คำว่าสูงว่าต่ำนั้น ก็หมายถึงเป็นไปตามวิบากของกรรม ถ้ากรรมดีก็ไปสูง กรรมไม่ดีก็ไปต่ำ กรรมเลวเท่าไรก็ยิ่งจมลงไปเลย ถ้ากรรมดีเท่าไรก็ยิ่งสูงขึ้นไปๆ จนกระทั่งวิมุตติหลุดพ้นไปเลยด้วยอำนาจแห่งกรรมดี ความดีของเราที่สร้างทุกวันๆ เหมือนกับฝนตกทีละหยดละหยาด มันทำให้ท้องฟ้ามหาสมุทรให้เต็มได้ด้วยน้ำบุญกุศลก็เหมือนกัน เราสร้างอยู่ทุกวันทุกเวลา มันก็เพิ่มขึ้นๆ แล้วก็สูงขึ้นไปๆ เดี๋ยวก็หลุดพ้นออกจากแหล่งแห่งวัฏจักรวัฎวนนี้ไปได้ดังพระพุทธเจ้า และพระอรหันต์ท่าน ท่านไปได้ด้วยอำนาจแห่งบุญ ไม่ได้ไปด้วยอำนาจแห่งกิเลสตัณหานะ ให้พากันจำเอาไว้

วันนี้ไม่ได้เทศน์มากอะไรละ เทศน์เพียงเท่านี้ละเหนื่อย เสียงก็เป็นดังที่ได้ยินนี่ หวัดมันกำเริบ ต่อไปนี้จะให้พรนะ


** ท่านผู้เข้าชมทุกท่านโปรดทราบ
    เนื่องจากกัณฑ์เทศน์บางกัณฑ์มีความยาวค่อนข้างมาก ซึ่งจะส่งผลต่อความเร็วในการเปิดเว็บไซต์ ขอแนะนำให้ทุกท่านได้อ่านเนื้อหากัณฑ์เทศน์บางส่วนจากเว็บไซต์ และให้ทำการดาวน์โหลดไฟล์กัณฑ์เทศน์ที่มีนามสกุล .pdf ไปเก็บไว้ในเครื่องของท่านแทนการอ่านเนื้อหาทั้งหมดจากเว็บไซต์

<< BACK

หน้าแรก